แชร์

ตอนที่  8 เชื้อไม่ทิ้งแถว

 

รุ่ยถิงหน้าชาเหมือนกับถูกลากมาตบจนไม่มีความรู้สึก เธอแทบจะควบคุมสติไม่อยู่เมื่อนายพลเฉินและภรรยาเดินไปขึ้นรถโดยมีเหม่ยหลินและพ่อกับแม่เดินไปส่ง พี่ใหญ่เย่าหยางหันมามองเธอด้วยสายตาที่เคยใช้กับเหม่ยหลินมาก่อน สายตาของความโมโหและสมเพช

“พี่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำตัวแบบนี้ในวันสำคัญ อาถิงเธอโตแล้วนะการที่จะพูดอะไรควรจะคิดให้มากกว่านี้ แม่เล็กครับถ้าครั้งหน้ายังมีเหตุการณ์แบบนี้อีกระวังนะครับว่าพวกคุณจะไม่ได้อะไรจากตระกูลลู่เลยแม้แต่อย่างเดียว”

“พี่ใหญ่ลำเอียง พี่ใหญ่เข้าข้างแต่พี่รอง”

เขาได้ยินคำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ครั้งนี้แค่เปลี่ยนจากเหม่ยหลินกลายเป็นรุ่ยถิงแทน

“อาถิงลองกลับเอาไปคิดดูว่าสิ่งที่คุณพ่อลงโทษไป สิ่งที่พี่พูดผิดหรือเปล่า อีกอย่างคุณนายเฉินก็เป็นคนพูดออกมาแล้วเรื่องนี้ยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ แม่เล็กพาเธอกลับไปสงบสติอารมณ์เถอะครับ เรื่องการลงโทษคุณพ่อคงจะสั่งไปทีหลังช่วงนี้ก็งดมาที่ตึกใหญ่สักพักเถอะครับ”

“อาหยาง คือว่าน้องยังเด็กอย่าถือสาแกเลย”

“เธออายุยี่สิบสองแล้วนะครับ เรียนเกือบจะจบมหาลัยถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าแม่เล็กยังเอาแต่เหตุผลนี้มาอ้างผมว่าคนที่จะเดือดร้อนในอนาคตก็คือตัวแม่เล็กกับอาถิงเอง คิดให้ดีนะครับ”

เขาเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้ว หว่านเจินได้แต่คับแค้นในใจแม้ว่าจะรู้ว่าสิ่งที่เย่าหยางพูดจะจริงแต่ก็ยากที่จะยอมรับ ก่อนหน้านี้แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยมีบทบาทแต่อย่างน้อยรุ่ยถิงก็ยังได้รับความสนใจจากพ่อกับพี่ชาย มาตอนนี้แม้แต่หางตาของทั้งคู่ก็มองรุ่ยถิงอย่างรังเกียจ

“กลับกันก่อนเถอะ”

“แม่คะ หนูผิดตรงไหนกันหนูพูดเรื่องจริง”

“พอเถอะ กลับไปก่อน”

“ทำไมพี่รองต้องได้แต่ของที่ดีกว่าหนูและยังได้แต่งงานกับคนดี ๆ ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด”

“สักวันหนึ่งพวกมันจะต้องเสียใจเชื่อแม่สิ ผู้ชายคนเดียวแต่งพี่น้องเข้าบ้านพร้อมกันได้ เอาไว้แม่จะหาเวลาปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อดู”

“จริงนะคะแม่ หนูไม่เคยเห็นใครแล้วชอบเหมือนกับที่เห็นคุณหมอเฉินมาก่อนเลยค่ะ”

“กลับก่อนเถอะ”

สองแม่ลูกค่อย ๆ พากันเดินกลับบ้าน ไม่นานเมื่อทุกอย่างจัดการเสร็จแล้วลู่ตานถงกับฟางหยงก็เดินมานั่งคุยกัน

“คิดว่าเขาจะไม่มาเสียแล้วสิคะ คุณนายเฉินเองก็แทบจะเป็นลมอยู่แล้ว”

“เฮ้อ คนเป็นหมอก็ยุ่งแบบนี้แหละ คุณไม่เห็นหน้านายพลเฉินเหรอ เครียดยิ่งกว่าพวกคุณอีก แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบที่จะดองกันแต่เขาจะทนเสียหน้าได้เหรอ”

“อาถิงไม่น่าทำขายหน้าตระกูลเฉินเลย เธอเป็นอะไรไปนะ”

“หึ ก็แค่เชื้อไม่ทิ้งแถวนั่นแหละ”

“คุณคะ”

“อาหยาง”

“ครับ”

“ให้คนไปบอกสองแม่ลูกนั่น จากนี้หากไม่มีเรื่องอะไรไม่ต้องมาที่ตึกใหญ่ กลับไปพักที่บ้านพักใกล้มหาลัยแล้วตัดเงินเดือนลงครึ่งหนึ่งหากว่าไม่พอก็ไปทำงานที่ร้านแลกเงินเอาถือเป็นการช่วยฝึกงานให้อาถิงไปในตัวด้วย”

“คุณคะ อาถิงยังเรียนอยู่นะคะทำแบบนี้จะไม่ดีมั้งคะ”

“หึ คุณไม่เห็นที่หล่อนทำวันนี้เหรอเด็กคนนี้หากไม่ลงโทษแรง ๆ เสียบ้างจะเคยตัวไปใหญ่ ดูอย่างอาหลินสิยังรู้จักโตเลยคุณไม่เห็นเหรอว่าวันนี้ทั้งงานพากันสั่นกลัวแต่ลูกเรากลับนิ่งเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“นั่นสิครับ ผมยังกลัวว่าอาหลินจะลุกขึ้นมาโวยวายอย่างเดิมแต่เธอกลับนิ่งมาก นิ่งจนผมกลัวว่าเธอจะเป็นคนประกาศยกเลิกงานหมั้นเสียเอง”

สามคนพ่อแม่ลูกหันมามองหน้าก็รู้ว่าแต่ละคนคิดแบบเดียวกัน ไม่ใช่แค่พวกเขาแต่ตระกูลเฉินทั้งหมดก็เช่นกัน แต่ละคนที่เห็นว่าที่เจ้าสาวนั่งนิ่ง ๆ รอเจ้าบ่าวอยู่ก็เริ่มกลัวว่าลู่เหม่ยหลินจะเป็นฝ่ายขอยกเลิกงานหมั้นเสียเอง โชคดีที่เฉินต้าเว่ยมาทันเวลาผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจึงโล่งใจ

“ตอนนี้ฉันไม่รู้เลยค่ะว่าอาหลินกำลังคิดอะไรอยู่ ความคิดของลูกไปไกลเกินกว่าฉันที่เป็นแม่จะรู้ได้แล้ว”

“อย่าว่าแต่คุณแม่เลยครับ ผมยังแปลกใจจนรับไม่ทันกับการเปลี่ยนไปของน้องรองครั้งนี้ และคิดไม่ถึงเลยว่าน้องเล็กจะกล้าทำแบบนี้ โชคดีที่แขกคนอื่น ๆ กลับไปหมดแล้ว”

“เฮ้อ… อาหลินโตขึ้นแล้วจริง ๆ ครั้งนี้หากหมอเฉินมาไม่ทันเธอคงจะรีบประกาศยกเลิกงานหมั้นเองแล้วล่ะ”

ทุกคนลงความเห็นเหมือนกันว่าตอนนี้ลู่เหม่ยหลินไม่ได้ดีใจแม้แต่น้อยที่ได้หมั้นหมายกับคุณชายรองตระกูลเฉินเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กลับกลายเป็นลูกสาวคนเล็กที่หันมาชอบว่าที่พี่เขยของตัวเองจนทำเรื่องน่าอายขึ้นมา

สองวันถัดมา

เสียงโทรศัพท์ในบ้านตระกูลลู่ดังขึ้นก่อนที่เย่าหยางจะเป็นคนรับสาย หมอเฉินโทรมาหาเหม่ยหลินแต่ตอนนี้เธอออกไปซื้อของข้างนอกกับอาหง แม้ว่าเสียงของหมอเฉินจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ยอมฝากข้อความเอาไว้ว่าเขาจะไปรับเธอพรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็นเพื่อจะมางานวันเกิดคุณย่าของเขาที่บ้านตระกูลเฉิน

“ครับ ผมจะบอกอาหลินให้นะครับคุณหมอ”

“เอ่อ… ฝากบอกเธอว่าผมจะไม่ไปสายแน่นอนครับ”

“ครับ ผมจะบอกให้หมดทุกคำเลยครับ”

เขาวางหูก่อนจะหันไปยิ้มกับโทรศัพท์ คิดไม่ถึงว่าว่าที่น้องเขยจะเริ่มกลัวน้องสาวของเขาตั้งแต่พึ่งจะหมั้นหมายแบบนี้ ดูเหมือนว่าท่าทีใหม่ของลู่เหม่ยหลินจะทำให้หลายคนรอบ ๆ ตัวมองเธอเปลี่ยนไปแล้ว รวมถึงคู่หมั้นของเธอด้วย

ตลาดในเมือง 

“อาหงไปซื้อแป้งข้าวเจ้าเพิ่มอีกหน่อยแล้วก็งาดำกับผงอบเชยเดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านยาหรูเป่านะ”

“ค่ะคุณหนู”

เหม่ยหลินที่ออกมาซื้อของที่ตลาดบ่อย ๆ เริ่มคุ้นเคยกับเส้นทางที่นี่แล้วซึ่งแม้ว่าจะต่างจากชาติก่อนที่เธอเคยอยู่ ยังไม่มีรถโดยสารสาธารณะมากนักแต่บ้านของเธอมีรถยนต์ให้ใช้เธอจึงไม่เดือดร้อน

“ซ้อหวงฉันมาเอายาที่สั่งเอาไว้…”

เสียงของคนต่างชาติหน้าร้านที่ดังเข้ามาเบี่ยงความสนใจของเธอไปเล็กน้อย ภาพของชายตัวสูงล่ำน่าจะเป็นคนยุโรปเดินมาถามทางป้าที่ขายเครื่องขัดเงาหน้าร้านขายยา เมื่อฟังจากสำเนียงแล้วเธอจึงรู้ว่าเขาน่าจะมาจากอังกฤษ

“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ” (ภาษาอังกฤษ)

“โอ้มายกอดขอบคุณพระเจ้าที่ยังมีคนฟังผมออก”

“มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ไหมคะ”

“คือว่าผมกำลังจะไปที่โรงพยาบาลนี้ คุณพอจะบอกทางผมได้ไหม”

“อ๋อได้ค่ะ คือว่าเส้นทาง… เอาแบบนี้นะคะ ที่นี่อยู่ไม่ไกลมากเดี๋ยวฉันจะเดินไปส่งคุณเอง”

“ขอบคุณ… ขอบคุณมาก ๆ สวรรค์มาโปรด ผมชื่อโจเซฟ วิทเทอร์บีร์ เป็นแพทย์คนใหม่ที่จะมาประจำอยู่ที่นี่ตามโครงการแลกเปลี่ยนของรัฐบาล”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อลู่เหม่ยหลิน”

“เม่ย…. เหมย…เมยลิน”

“เหม่ย… หลิน”

“ชื่อคุณเรียกยากจัง ผมขอเรียกคุณว่า ไมลี่ย์ได้ไหม”

“ก็ได้ค่ะคุณโจเซฟ”

“คุณเรียกผมว่าโจวเฉยเฉย ๆ ก็พอครับ”

“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ”

เธอพาโจเซฟเดินเข้าไปในโรงพยาบาลและคุยกับเขาได้ความว่าเขาคือหน่วยแพทย์ทหารที่มีข้อตกลงกับรัฐบาลจีนให้มาช่วยในโรงพยาบาลโดยมีสัญญาสามปีแต่เขามาก่อนเวลาเพราะอยากเรียนรู้วิถีชีวิตแต่คิดไม่ถึงว่ามันจะไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

“ที่นี่แหละค่ะ ฉันจะพาคุณไปหาเจ้าหน้าที่นะคะ”

“ขอบใจคุณมากนะไมลี่ย์วันนี้ถ้าไม่ได้คุณช่วยผมคงจะแย่แน่ ๆ”

“ไม่ต้องเกรงใจค่ะฉันเองก็ไม่ได้ยุ่งอะไรมากค่ะเดี๋ยวฉันจะพาคุณไปที่….”

อาหลิน คุณมาทำอะไรที่นี่ในเวลานี้แล้วเขาคือใครกัน”

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status