Home / รักโบราณ / ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี / บทที่ 5 วาสนา(ด้ายแดง)ขนมเปี๊ยะ

Share

บทที่ 5 วาสนา(ด้ายแดง)ขนมเปี๊ยะ

last update Last Updated: 2025-04-05 19:55:34

บทที่ 5 วาสนา (ด้ายแดง) ขนมเปี๊ยะ

หลังจากที่อนุซางถูกขับออกจากจวน บรรดาอนุทั้งหลายในจวนตระกูลฟางต่างก็ไม่กล้าเสนอหน้าหรือมีปากเสียงใดอีกแม้เพียงสักคน อีกทั้งยังสวมชุดสีอ่อนเพื่อไว้ทุกข์ให้อดีตฮูหยินอย่างว่าง่ายอีกด้วย

เช้านี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อย เนื่องจากอยู่ในช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิ ฟางเมี่ยวที่อาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ยามนี้นางกำลังจ้องมองอาภรณ์ในหีบที่มีอยู่ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับลู่ชิง

"ลู่ชิง เจ้าจงไปหาช่างฝีมือดีมาหลายคนหน่อย ข้าจะตัดชุดใหม่ ชุดพวกนี้สีสันฉูดฉาดเกินไป ข้าไม่อยากใส่"

ลู่ชิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย

"เอ? ปกติคุณหนูชื่นชอบเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดนี่เจ้าคะ คุณหนูบอกว่ายิ่งสีชัดยิ่งดี คุณหนูจะได้เป็นที่จับตามองของเหล่าบุรุษ จะได้เด่นเกินหน้าเกินตาผู้อื่นอย่างไรเล่าเจ้าคะ!!"

ฟางเมี่ยวหลับตาลงพลางยกมือนวดขมับ นางอยากจะยกเท้าถีบกลางหน้าอกของสาวใช้บัดซบผู้นี้เสียจริง!!

แต่ช่างเถิด นางจะปรับเปลี่ยนตนเองใหม่ นางจะไม่เจ้าอารมณ์อีก

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงหันไปเอ่ยกับลู่ชิงอย่างมีความอดทน

"ข้าสั่งให้เจ้าไป เจ้าก็ไป ไม่ต้องมาย้อนถามข้า"

"เจ้าค่ะคุณหนู"

เมื่อลู่ชิงออกไปแล้ว ฟางเมี่ยวจึงปิดหีบใส่อาภรณ์เหล่านั้นอย่างไม่ใส่ใจ

ชาติก่อนนางชอบแต่งกายฉูดฉาด เครื่องประดับต่างประโคมใส่ตามคำแนะนำของอนุซาง จนกลายเป็นตัวตลกต่อคนที่ได้พบเห็น ผู้คนต่างมองนางอย่างดูถูกและสมเพช

แต่ยามนี้นางจะไม่ทำเช่นนั้นอีก นางจะไม่ทำให้ตนเองเป็นที่จับตามองอีก

สองสามวันนี้นางค่อนข้างวุ่นวายไม่น้อย โชคดีที่ได้แม่นมหลิ่ว แม่นมชราที่ติดตามท่านแม่มาจากจวนของท่านตา และเหล่าข้ารับใช้เดิมที่คอยดูแลกิจการของท่านแม่กลับมา นางจึงพอจะเข้าใจเรื่องงานกิจการของท่านแม่ได้มากขึ้น

แม่นมหลิ่วและผู้ดูแลร้านออกจะมีท่าทีเกรงใจนางไม่น้อย นางเองก็พอเข้าใจได้ เดิมทีนางเอาแต่ใจไม่สนสิ่งใด จู่ๆ กลับอยากสืบทอดกิจการของท่านแม่ต่อก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก

หลังจากตรวจสอบบัญชีต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ฟางเมี่ยวจึงหันไปเอ่ยกับแม่นมหลิ่ว

"นี่แม่นมหลิ่ว ได้ยินว่ายามนี้จวนท่านตาข้าถูกทิ้งร้างเอาไว้ ไม่มีคนดูแลหรือ?"

แม่นมหลิ่วที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยกับฟางเมี่ยวอย่างโศกเศร้า

"เจ้าค่ะคุณหนู เดิมทีฮูหยินก็เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวในตระกูล หลังจากนายท่านจากไปก็ไม่มีผู้ใดดูแลจวนอีกเลย"

ฟางเมี่ยวถอนหายใจคราหนึ่ง ตระกูลท่านแม่เป็นตระกูลคหบดี ได้ยินว่าท่านตาท่านยายเลี้ยงดูท่านแม่เป็นอย่างดี น่าเสียดายนักที่นางไม่เคยไปเยี่ยมเยือนท่านตายามที่ยังมีชีวิตอยู่เลย

"ข้าจะส่งคนไปดูแล ปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ก็เสียดาย ข้าจะเก็บไว้ไปนอนพักยามเบื่อก็แล้วกัน"

"คุณหนู!!"

"อย่ามาทำหน้าตาซาบซึ้งเช่นนี้เลยแม่นมหลิ่ว ข้าขนลุกยิ่งนัก"

"คุณหนูของบ่าวเติบโตขึ้นแล้ว ฮูหยินอยู่บนสวรรค์ย่อมต้องดีใจมากเป็นแน่เจ้าค่ะ"

ฟางเมี่ยวยิ้มเล็กน้อย เมื่อคิดถึงท่านแม่ขึ้นมาขอบตานางก็รู้สึกร้อนผ่าว ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ยามนี้นางกำลังครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่าง

อีกไม่นานวังหลวงจะจัดงานเลี้ยงขึ้น งานเลี้ยงที่ว่านี้ก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้นางพาตนเองไปสู่ความตาย

แต่ทว่าก่อนที่จะมีงานเลี้ยง นางจำได้ว่าในชาติที่แล้ว อีกสองวันที่จะถึงนี้ เย่จิ้นหยางและหลี่เยี่ยนเฉิน ที่ยามนี้สู้รบทำสงครามกับแคว้นเหลียงไท่ กำลังจะนำทัพกลับมาพร้อมชัยชนะ

ก่อนที่กองทัพจะเดินทางถึงเมืองหลวง หลี่เยี่ยนเฉินได้ส่งจดหมายมาถึงนาง เนื้อหาในจดหมายบอกว่าให้นางไปรอรับเขาได้หรือไม่ เดิมทีนางไม่อยากจะไป แต่เพราะทนการรบเร้าของท่านพ่อไม่ไหว นางจึงไป และนั่นก็ทำให้นางได้เห็นเย่จิ้นหยางและตกหลุมรักเขาจนโงหัวไม่ขึ้น

ฟางเมี่ยวขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถามลู่ชิงที่กำลังนวดขาให้นางอยู่

"ลู่ชิง มีจดหมายส่งมาถึงข้าบ้างหรือไม่?"

"ไม่มีเลยเจ้าค่ะ"

"สักฉบับหนึ่งก็ไม่มีเลยหรือ?"

"ไม่มีเจ้าค่ะ"

ฟางเมี่ยวยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก เหตุใดในชาตินี้หลี่เยี่ยนเฉินจึงไม่ส่งจดหมายมาหานางเล่า

ไม่เป็นอันใด เขาไม่เขียนนางก็จะไปรอรับเขาเอง

ชาตินี้นางจะไม่ทำให้เขาเสียใจอีกเป็นอันขาด นางจะไม่ทำให้เขารู้สึกว่าตนไร้ค่าเช่นยามนั้นอีกแล้ว

รอข้าก่อนนะหลี่เยี่ยนเฉิน ข้ากำลังจะไปรอรับเจ้ากลับเมืองหลวงแล้ว!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงเลือกสวมใส่ชุดสีชมพูปักลายดอกกุ้ยฮวา ใบหน้าไม่ได้ประทินโฉมมากนัก ยามนี้นางจึงได้รู้ว่า ใบหน้ายามที่ไม่ได้แต่งแต้มเกินวัยอันควรเช่นกาลก่อนนั้นช่างดูงดงามอ่อนเยาว์ไม่น้อย

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยามที่นางเดินออกมาจากเรือนก็พบกับท่านพ่อที่กำลังเดินมาหานางพอดี

"ท่านพ่อ"

"เอ่อ เมี่ยวเอ๋อร์ คือว่า"

เสนาบดีฟางเหลียนมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย เขาไม่อยากบีบบังคับบุตรสาวตน เดิมทีเขาอยากจะให้ฟางเมี่ยวไปรอรับหลี่เยี่ยนเฉิน ต้าอู๋เปิดกว้างเรื่องบุรุษและสตรี จึงไม่ได้มีกฎระเบียบใดมากนัก ฟางเมี่ยวเพียงไปยืนส่งกำลังใจให้หลี่เยี่ยนเฉิน เขาจะได้ดีใจที่เห็นว่านางมารอต้อนรับ แต่เขาที่เป็นบิดารู้ดีว่าฟางเมี่ยวไม่ได้คิดอันใดเกินเลยกับหลี่เยี่ยนเฉินเลยแม้แต่น้อย

แม้เด็กสองคนนี้จะเติบโตมาด้วยกันเพราะสองตระกูลสนิทสนมกัน แต่ทว่าคล้ายมีเพียงหลี่เยี่ยนเฉินมีใจชอบพอในตัวฟางเมี่ยวฝ่ายเดียว

"ท่านพ่อ มีอันใดหรือเจ้าคะ?"

ฟางเมี่ยวที่เห็นท่าทีคล้ายจะเอ่ยสิ่งใดก็ไม่เอ่ยของบิดา นางก็พอจะมองออก เพียงแต่ไม่ได้ถามเอ่ยสิ่งใดออกไปเท่านั้น

"เมี่ยวเอ๋อร์ วันนี้อาเยี่ยนจะกลับเมืองหลวงแล้ว พ่อว่า..."

"ลูกกำลังจะไปรอรับเขาพอดีเลยเจ้าค่ะ"

เสนาบดีฟางเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตาโตด้วยความตกใจเป็นอย่างยิ่ง

เขาหูฝาดไปหรือไม่ เมี่ยวเอ๋อร์จะไปรอรับอาเยี่ยน!!!

“เมี่ยวเอ๋อร์ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าหลี่เยี่ยนเฉินจะกลับมาวันนี้”

ฟางเมี่ยวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วจึงเอ่ยตอบ

“ได้ยินบ่าวไพร่ในจวนพูดกันน่ะเจ้าค่ะ ว่ากองทัพของแคว้นเราจะกลับมาแล้ว ท่านพ่อ ผู้คนในเมืองหลวงก็เล่าลือกันปากต่อปากว่าทหารของเราได้รับชัยชนะ ข่าวดีเช่นนี้ ลูกรู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดนี่เจ้าคะ ลูกไปก่อนนะเจ้าคะท่านพ่อ"

ฟางเมี่ยวยิ้มตาหยี ก่อนจะเดินออกจากจวนไปพร้อมกับลู่ชิง เสนาบดีฟางเหลียนมองตามบุตรสาวตนคราหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเรือนไป

นางขึ้นไปนั่งบนรถม้า เป้าหมายคือโรงน้ำชาของท่านแม่ที่เปิดอยู่ใจกลางเมืองหลวง ยามนี้นางได้ขอให้ท่านพ่อช่วยจัดการไล่ผู้ดูแลร้านที่เป็นคนของอนุซางออกไปจนหมดแล้ว จึงมีเพียงคนเก่าแก่ของท่านแม่เท่านั้นที่ดูแลอยู่

"คารวะคุณหนู"

ฟางเมี่ยวพยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนที่สายตาของนางจะเหลือบไปเห็นเด็กชายผู้หนึ่ง เสื้อผ้าที่สวมใส่ขาดวิ่น ในมือจ้องมองไปยังด้านคราหนึ่งด้วยแววตาที่เป็นประกาย เมื่อฟางเมี่ยวมองตามสายตาของเด็กชายผู้นั้นไปก็พบว่าเขากำลังมองขนมที่อยู่ในจานของแขกที่มาดื่มน้ำชา

ผู้ดูแลร้านเกรงว่านายของตนจะมีโทสะ เพราะชื่อเสียงของคุณหนูนั้นเขาเองก็ย่อมรู้ดี นางทั้งเจ้าอารมณ์และรังเกียจคนที่ฐานะต่ำต้อยกว่า

ฟางเมี่ยวมองเด็กชายผู้นั้นก่อนจะครุ่นคิดถึงอดีตในชาติก่อน

นางเคยพบเด็กผู้นี้ เขามักจะมาขอขนมที่โรงน้ำชาของนางประจำ แต่นางไล่เขาไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าแต่งกายสกปรกเช่นนี้จะทำให้โรงน้ำชาของนางเสื่อมเสีย

“คุณหนู บ่าวจะไล่เขาไปขอรับ”

“ไม่ต้อง มีสิ่งใดก็ไปทำเถิด”

“ขอรับ”

ผู้ดูแลร้านมีท่าทีงงงันไม่น้อย ฟางเมี่ยวไม่ได้ใส่ใจ เพียงสั่งให้ลู่ชิงไปนำขนมเปี๊ยะใส่กล่องมาหลายชิ้นหน่อย ไม่นานลู่ชิงก็นำกล่องขนมมามอบให้นาง ฟางเมี่ยวเดินตรงไปที่เด็กชายผู้นั้น ก่อนจะยื่นขนมให้เขา

“ข้าให้เจ้า เห็นว่าเจ้าชอบมายืนดู”

เด็กชายผู้นั้นมีท่าทีหวาดกลัวฟางเมี่ยวไม่น้อย ฟางเมี่ยวถอนหายใจออกมาคราหนึ่งก่อนจะยิ้ม

“ไม่ต้องกลัวข้า ข้าไม่ไล่เจ้าแล้ว หากเจ้าอยากกินอีกก็มาได้เสมอ ข้าจะบอกผู้ดูแลร้านเอาไว้”

เด็กชายมีท่าทีตื่นตระหนกก่อนจะพยักหน้า ฟางเมี่ยวยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะครุ่นคิด

ขอบคุณความตายในครั้งนั้น มันทำให้นางได้มองเห็นหลายๆ อย่าง เด็กชายผู้นี้หากเลือกได้เขาคงไม่อยากเกิดมาในสภาพเช่นนี้ แต่นางมีโอกาสได้กลับมาเป็นครั้งที่สอง นางจึงเข้าใจว่าการให้ความหวังเพียงน้อยนิดกับคนที่ไร้หนทางย่อมเป็นเรื่องที่ดี

“ขอบคุณพี่สาว”

“อ้อ ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้านำขนมเหล่านี้ไปกินคนเดียวหรือ?”

“เอ่อ ไม่ขอรับ ที่บ้านข้ามีท่านแม่ที่ป่วย กับน้องสาวที่พิการ ข้าเอ่อ ไม่มีเงินซื้อของดีๆ ให้พวกเขา”

ฟางเมี่ยวจ้องมองเด็กชายผู้นั้น ก่อนจะล้วงเข้าไปในแขนเสื้อและหยิบตั๋วเงินห้าสิบตำลึงส่งให้เด็กชายผู้นั้น เด็กน้อยตกใจรีบโบกมือเป็นพัลวัน

“รับไว้ แล้วพาแม่เจ้าไปหาท่านหมอ จำไว้ว่า หากเจ้าลำบากให้มาหาข้าที่นี่ ข้าจะแจ้งผู้ดูแลร้านเอาไว้ หากเจ้ามาเขาจะไปบอกข้า ข้าช่วยเหลือเจ้าเอง”

“พี่สาว ท่านช่างใจดียิ่งนัก”

“รีบเอาขนมไปให้ท่านแม่กับน้องสาวเจ้าเถิด ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”

“ไปแล้วขอรับ ข้าจะพาท่านแม่ไปหาหมอ แล้วจะมาบอกพี่สาว”

“อืม”

ฟางเมี่ยวมองตามก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย ความรู้สึกอิ่มเอมและสุขใจมันดีเช่นนี้เองหรือ

ฟางเมี่ยวก้าวเดินเข้ามาในร้าน หลังจากกำชับเรื่องของเด็กชายผู้นั้นกับผู้ดูแลร้านแล้ว นางจึงเอ่ย

“ทำงานกันไปเถิด ไม่ต้องสนใจข้า เพียงนำชาปี้หลัวชุนกับขนมเปี๊ยะไปให้ข้าตรงห้องชั้นบนที่อยู่ติดริมหน้าต่างก็พอ"

"ขอรับ"

ผู้ดูแลร้านพยักหน้ารับอย่างนอบน้อม ฟางเมี่ยวไม่ได้สนใจสิ่งใดอีก นางเดินมุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้นสอง ตรงไปยังห้องใหญ่สุดตรงริมหน้าต่าง ห้องนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของต้าอู๋ได้อย่างถนัดตา

ไม่นานชาและขนมก็มาถึง ฟางเมี่ยวยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มอย่างช้าๆ ริมฝีปากบางสวยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหยิบขนมเปี๊ยะขึ้นมากัดกินอย่างสบายอารมณ์ พลางกวาดสายตามองไปโดยรอบ ก่อนจะได้ยินเสียงผู้คนดังขึ้น นางจึงชะโงกหน้าไปมองที่นอกหน้าต่าง เห็นเหล่าสตรีน้อยหลายนางกำลังขว้างปาดอกไม้โยนไปที่เหล่าขบวนทหารอย่างมีความสุข

ฟางเมี่ยววางถ้วยชาในมือลง ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปที่ขบวนทหารที่กำลังเคลื่อนขบวนผ่านโรงน้ำชาของนางไป ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่เย่จิ้นหยางที่เป็นผู้นำขบวน แต่นางไม่ได้ใส่ใจเขาเลยแม้แต่น้อย ยามนี้นางกำลังจ้องมองไปที่บุรุษผู้หนึ่งที่ควบม้าตามหลังเย่จิ้นหยาง

หลี่เยี่ยนเฉิน!!!

เมื่อได้จ้องมองเขาอย่างล้ำลึก นางจึงได้รู้ว่า เขาช่างหล่อเหลายิ่งนัก ยามนี้เขามีอายุได้ยี่สิบปีแล้ว ดูองอาจและน่ามองไม่น้อย น่ามองเสียจนนางละสายตาไม่ได้

เขาหล่อเหลาถึงเพียงนี้ แต่นางก็ยังตาบอดไปชอบเย่จิ้นหยาง!!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงจ้องมองหลี่เยี่ยนเฉินอย่างอารมณ์ดี

ธรรมเนียมของต้าอู๋ค่อนข้างเปิดกว้าง หากสตรีชื่นชอบบุรุษ ย่อมสามารถโยนดอกไม้หรือถุงหอมให้บุรุษที่ตนชื่นชอบได้ ส่วนบุรุษก็สามารถมอบดอกไม้หรือซื้อเครื่องประดับแทนใจให้แก่สตรีที่ชอบและจะแต่งงานด้วยก็ไม่ผิดเช่นกัน

ฟางเมี่ยวเกรงว่าขบวนจะเคลื่อนไปจนนางไม่ทันได้ทำการสำคัญ นางจึงหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะสบถออกมา

บัดซบ!! ไม่มีดอกไม้สักดอกเลย

ทำเช่นไรดี?

นางครุ่นคิดอย่างลนลานก่อนที่สายตาคู่สวยจะไปหยุดอยู่ที่ขนมเปี๊ยะที่เหลืออีกหนึ่งชิ้นสุดท้ายบนจาน

ฉับพลันความเสียดายก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง

ขนมเปี๊ยะนี่นางชอบมาก หากโยนให้เขาไปนางคงเสียดายแย่

เช่นนั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน!!!

ฟางเมี่ยวหยิบขนมเปี๊ยะมากัดกินครึ่งชิ้น ส่วนอีกครึ่งชิ้นที่เหลือ นางโยนออกไปให้หลี่เยี่ยนเฉิน

โอววว!! วาสนาด้ายแดงชัดๆ

ขนมเปี๊ยะครึ่งชิ้นลอยละลิ่วไปโดนใบหน้าหล่อเหลาของหลี่เยี่ยนเฉินเข้าอย่างจัง เขาคว้าจับมันเอาไว้ได้ ก่อนจะสบถในใจ

บัดซบ! ผู้ใดขว้างของเหลือเดนเช่นนี้มาให้ข้ากัน จะให้ข้ากินของเหลือหรือไร!!

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเงยหน้าไปมองตามทิศทางที่ขนมเปี๊ยะครึ่งซีกลอยมา ก่อนจะพบกับสตรีนางนั้น สตรีที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี สตรีที่เขาเคยรักนางอย่างสุดหัวใจ

ฟางเมี่ยว!!!

ฟางเมี่ยวยักคิ้วให้หลี่เยี่ยนเฉิน ก่อนจะส่งยิ้มตาหยีมองเขา หลี่เยี่ยนเฉินที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกขนลุกขนชันไปทั้งกาย

ให้ตายเถิด!!! ตายไปแล้วก็ยังไม่ไปผุดไปเกิดอีก มาตามหลอกหลอนเขาอยู่ได้

เอ๊ะ!! ช้าก่อนนะ คล้ายว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง

หลี่เยี่ยนเฉินมองไปที่ฟางเมี่ยวอีกครา ใจของเขาพลันเต้นถี่ระรัว เรื่องราวเก่าก่อนพลันปรากฏขึ้นในหัว

เขาย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่ในช่วงที่

ตนยังเป็นเพียงหัวหน้าทหาร อีกไม่นานก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นรองแม่ทัพ มีความดีความชอบที่ร่วมรบชนะกบฏ

เช่นนั้นยามนี้ฟางเมี่ยวย่อมยังไม่ตาย!!!

สตรีใจดำและเสแสร้งตลบตะแลงผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ในชาตินี้!!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 6 พบกันอีกครา

    บทที่ 6 พบกันอีกคราฟางเมี่ยวขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้เห็นท่าทีที่ต่างไปจากเดิมของหลี่เยี่ยนเฉิน แววตาของเขาที่มองนางดูคล้ายไม่เหมือนเดิม ทุกคราที่ได้พบกัน แววตาของเขาช่างกระจ่างใสและบริสุทธิ์ เป็นแววตาของเด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสา มีทั้งความอบอุ่นและอ่อนโยนมอบให้แก่นางแต่เหตุใดครั้งนี้นางจึงรู้สึกว่าแววตาของเขาดูเย็นชาและตัดพ้อนางในคราเดียวกันแต่ทว่าเมื่อหันไปมองอีกคราก็พบว่าหลี่เยี่ยนเฉินได้จากไปพร้อมกับขบวนกองทัพแล้ว เขาไม่แม้แต่จะส่งยิ้มทักทายให้นางเลยแม้แต่น้อยฟางเมี่ยวคร้านจะคิดสิ่งใดให้มากความอีก บางทีหลี่เยี่ยนเฉินอาจจะเดินทางเหนื่อยจึงไม่มีเวลาทักทายนาง หรือบางคราการเดินทางกลับอาจจะต้องรีบเร่งตามคำสั่งของฮ่องเต้ เขาจึงไม่มีเวลาส่งจดหมายมาบอกนาง แค่นางต้องสะสางเรื่องในจวนก็เหนื่อยมากพอแล้ว นางไม่มีเวลามาคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกเอาเถิด อย่างไรเขากับนางย่อมต้องได้พบเจอกันอีกเป็นแน่ฟางเมี่ยวหยิบผ้าที่วางอยู่ขึ้นมาเช็ดมือ ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง นางกวาดสายตามองไปโดยรอบคราหนึ่ง ยามนี้โรงน้ำชาค่อนข้างคึกคักไม่น้อยแล้ว ผู้คนต่างแวะเวียนเข้ามาลองชิมชาชั้นดีและขนมเลิศรสที่โรงน้ำชาของนางนั

    Last Updated : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 7 ตำราคุณธรรมหญิง

    บทที่ 7 ตำราคุณธรรมหญิงหลี่เยี่ยนเฉินละสายตาจากรถม้าของฟางเมี่ยว ก่อนจะมุ่งหน้ากลับจวนของตน เดิมทีที่เขามีเวลาออกมาดูนางได้นั้น เป็นเพราะต้องรอให้ฝ่าบาททรงเรียกตัวเข้าวังหลวง แม้จะมีความดีความชอบ แต่ยามนี้เป็นเวลาที่ฮ่องเต้และชินอ๋องผู้เป็นหลานชายต้องการสนทนาเรื่องราวบางอย่างกันตามลำพัง และให้เขาและท่านพ่อได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนเข้าเฝ้าในเช้าวันพรุ่งนี้เมื่อกลับมาถึงจวน เขาก็พบว่ายามนี้ท่านแม่กำลังปรนนิบัติดูแลท่านพ่อเป็นอย่างดี ออกรบครานี้ครอบครัวไม่อยู่พร้อมหน้ากันเป็นเวลาร่วมหนึ่งปี เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูล เป็นที่รักของท่านพ่อท่านแม่อย่างมากหลี่เย่ แม่ทัพใหญ่กำลังมองบุตรชายของตนคราหนึ่ง ก่อนที่หลี่ฮูหยินที่เห็นว่าบุตรชายของตนกลับมาถึงจวนแล้วก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง"เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว""ท่านแม่""เหนื่อยหรือไม่ แม่สั่งให้เหล่าสาวใช้ทำอาหารมารอเจ้าแล้ว""ขอบคุณท่านแม่มากขอรับ""รีบไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิด แล้วรีบมากินอาหาร""ขอรับ"หลี่เยี่ยนเฉินพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของตน แล้วจึงจัดการให้ตงหยาง บ่าวรับใช้คนสนิท นำน้ำร้อนมาผสม

    Last Updated : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 8 จัดการอนุ

    บทที่ 8 จัดการอนุวันต่อมาฟางเมี่ยวตื่นสายไปเสียหน่อย เนื่องจากนางมัวแต่อ่านตำราจนถึงยามดึก ลู่ชิงที่เห็นว่านายตนตื่นแล้ว จึงเข้ามาปรนนิบัติล้างหน้า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ฟางเมี่ยวจึงหันไปเอ่ยกับลู่ชิง"ข้าจะไปกินอาหารเช้ากับท่านพ่อที่เรือนใหญ่""เอ่อ ปกติบ่าวเห็นว่าคุณหนูไม่ชอบกินอาหารร่วมกับผู้ใดนี่เจ้าคะ""ก็ตอนนี้ข้าชอบกินกับผู้อื่นแล้วอย่างไรเล่า เจ้าจะถามไปทำไมให้มากความกัน ปากเจ้านี่หัดเงียบบ้างจะได้หรือไม่!!!""บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ"ฟางเมี่ยวคร้านจะสนใจลู่ชิงอีก นางจึงมุ่งหน้าไปที่เรือนใหญ่ในทันที เมื่อมาถึงที่หน้าเรือนก็พบว่ามีเสียงหัวเราะหวานใสของสตรีหลายนางและเสียงหัวเราะของท่านพ่อดังแว่วมาจากในเรือนใหญ่ฟางเมี่ยวยกยิ้มมุมปากคราหนึ่ง งานศพท่านแม่เพิ่งจะผ่านพ้นไปไม่นาน ท่านพ่อก็รื่นเริงเสียแล้วนางหันไปจ้องมองสาวใช้ที่เฝ้าหน้าประตูทางเข้าเป็นเชิงว่าห้ามส่งเสียง ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปด้านในทันที"แหมๆๆๆ ท่านพ่อนี่ดูรื่นรมย์เสียจริงนะเจ้าคะ งานศพท่านแม่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเลยด้วยซ้ำ"เสนาบดีฟางเหลียนสะดุ้งโหยงก่อนจะหันมามองฟางเมี่ยวคราหนึ่งบัดซบ!! บุตรสาวตัวดีของเขามาที่นี่ทำไมกั

    Last Updated : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 9 งานเลี้ยงจวนตระกูลหลี่

    บทที่ 9 งานเลี้ยงจวนตระกูลหลี่ผ่านมาร่วมสองวันจวนตระกูลหลี่ก็ส่งเทียบเชิญมาที่จวนตระกูลฟาง ฟางเมี่ยวจ้องมองเทียบเชิญฉบับนั้นอย่างเงียบๆ ในใจของนางรู้สึกเต้นระรัวอย่างรุนแรงนางบอกไม่ถูกว่ามันเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ที่ทำให้จิตใจของนางไม่สงบได้ถึงเพียงนี้ คล้ายว่านางรอคอยที่จะได้พบกับเขาและเฝ้ารอให้เขาพูดประโยคบอกรักนั้นกับนางอีกคราหากครานี้เขาพูดกับนางอีกครา นางจะตอบตกลงเขาอย่างไม่รีรอ นางจะแต่งกับเขา จะดูแลเขาให้ดีที่สุดฟางเมี่ยวละสายตาจากเทียบเชิญฉบับนั้น ก่อนจะสั่งให้ลู่ชิงช่วยนางเลือกชุดที่จะสวมใส่ไปที่จวนตระกูลหลี่ในอีกสองวันข้างหน้านางจำได้ว่าในชาติก่อนนั้น นางรู้ว่าในงานเลี้ยงครั้งนี้เย่จิ้นหยางจะมาร่วมด้วยเช่นกัน เพราะสนิทสนมกับหลี่เยี่ยนเฉินมาก นางจึงบรรจงแต่งกายสีสันฉูดฉาดไป เพื่อยั่วยวนเย่จิ้นหยาง โดยไม่สนใจหลี่เยี่ยนเฉินเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังหลอกใช้เขาฟางเมี่ยวไล่ความคิดเหล่านี้ออกไป นางมองดูชุดที่ตนเองจะสวมใส่ก่อนจะยิ้มออกมาคราหนึ่งสองวันต่อมางานเลี้ยงจวนตระกูลหลี่ยามนี้ภายในจวนตระกูลหลี่ค่อนข้างคึกคักเป็นอย่างมาก ขุนนางชั้นสูงจากทั่วทั้งเมืองหลวงต่างมาร่วมยินดีด้ว

    Last Updated : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 10 บรรยากาศแปลกไป

    บทที่ 10 บรรยากาศแปลกไป"ถวายพระพรท่านอ๋องเพคะ"จางเสวี่ยฮุ่ยลุกขึ้นทำความเคารพเย่จิ้นหยางอย่างนอบน้อมและเขินอาย ฟางเมี่ยวที่หาทางปลีกกายออกไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงลุกขึ้นยืนทำความเคารพเขาเช่นเดียวกันให้ตายสิ!! กระโดดถีบแทนได้หรือไม่เย่จิ้นหยางละสายตาจากจางเสวี่ยฮุ่ย ก่อนจะจ้องมองมาที่ฟางเมี่ยวคราหนึ่ง ฟางเมี่ยวมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย ทำให้เย่จิ้นหยางขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเอ่ยถาม"แม่นาง ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ชอบใจข้าเท่าใดนัก"ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันมาจ้องมองเย่จิ้นหยางคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา แต่ทว่ารอยยิ้มของนางดูเย็นชาไม่น้อย"ท่านอ๋องทรงคิดมากไปแล้วเพคะ หม่อมฉันไม่เคยพบเจอท่านอ๋องมาก่อน จะไม่ชอบใจพระองค์เรื่องใดกัน""นั่นสินะ ข้าคงคิดมากไป ว่าแต่เจ้าคงจะเป็นสหายของเสวี่ยเอ๋อร์สินะ"เย่จิ้นหยางเอ่ยถามนาง ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้จางเสวี่ยฮุ่ย ฟางเมี่ยวไม่ตอบเพียงพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้นคนบัดซบเช่นนี้ นางไม่อาจทำใจรักษากฎระเบียบใดกับเขาได้ แม้ยามนี้นางจะบอกตนเองเสมอว่าไม่ให้แค้นเคืองเขาในเรื่องเก่าก่อน แต่นางกลับรู้สึกว่าตนขัดหูขัดตาเขาไม่น้อย นี่แปลว่านางยังแค้นเขาใช่หร

    Last Updated : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 11 พบสหายเก่า

    บทที่ 11 พบสหายเก่าฟางเมี่ยวเดินกลับเข้ามาในงานเลี้ยง นางรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ในชาตินี้หลี่เยี่ยนเฉินดูแปลกไปหรือว่าเขาจะย้อนอดีตกลับมาเช่นเดียวกันกับนางจะเป็นไปได้เช่นไรกัน เขาก็ดูปกติดี ไม่ได้มีท่าทีว่าจำเรื่องราวในชาติก่อนได้เลยนี่!!!ช่างเถิด ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว นางค่อยหาทางอีกคราก็ยังไม่สาย"คุณหนูฟาง ได้ยินชื่อเสียงมานาน ได้พบที่งานเลี้ยงวันนี้ช่างดูงดงามสมคำร่ำลือยิ่งนัก"ฟางเมี่ยวหันไปมองบุุรุษที่เดินเข้ามาทักทายนางคราหนึ่ง นางจำเขาได้ คนผู้นี้มีนามว่ามู่หรงฟังในชาติที่แล้วเขาตามตื๊อนางอย่างเอาเป็นเอาตาย คอยส่งของมีค่ามาให้นาง อีกทั้งยังสอนให้นางเล่นการพนันอีกด้วย ยามที่เสียพนันเขาก็เป็นคนแนะนำให้นางไปขโมยเงินมาจากสินเดิมของท่านแม่ นางยามนั้นไร้เดียงสาโง่งมทำตามเขาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง เพียงเพราะต้องการตอบสนองความสนุกของตนเองเพียงเท่านั้นยามนี้นางได้กลับมาเจอเขาอีกครา เป็นช่วงเวลาที่นางยังไม่ทันได้ติดการพนันอย่างบ้าคลั่ง ทุกอย่างเพียงกำลังเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเมื่อคิดได้เช่นนั้น ฟางเมี่ยวจึงยิ้มให้มู่หรงฟังเล็กน้อย"รู้จักข้าด้วยหรือเจ้าคะ?"มู่หรงฟังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    Last Updated : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 12 กิจการของฟางเมี่ยว

    บทที่ 12 กิจการของฟางเมี่ยวหลายวันต่อมาฟางเมี่ยวก็ไปที่ภัตตาคารเพื่อเลือกพ่อครัวคนใหม่ นางเลือกมาได้สองคนที่มีฝีมือค่อนข้างดีเยี่ยม อีกทั้งระยะนี้นางยังจะต้องศึกษาสมุนไพรและเครื่องหอมที่ท่านแม่เคยบันทึกเอาไว้ มันไม่ง่ายเลย นางลองทำตามสูตรที่เขียนเอาไว้แต่ก็ยังไม่สำเร็จ แต่นางก็ไม่ละความพยายาม จนกระทั่งนางสามารถปรุงยาขี้ผึ้งดอกบัวออกมาได้ตามที่หวังเอาไว้ยาทาตลับนี้มีดอกบัวและใบบัวเป็นวัตถุดิบหลัก ต้องเด็ดดอกบัวสดตัดรากอ่อนมาสองท่อนนำมาตากแห้งบดเป็นผงร่อนผ่านกระชอน ผสมน้ำใส่ลงในหม้อดินเผา อบไล่ด้วยไฟแรงสลับไฟอ่อนสองวัน นำออกมาทิ้งให้เย็นแล้วบดเป็นผง ใช้กระชอนร่อน สุดท้ายนำไปผสมกับแป้งฝุ่น ลองเอามาทาข้อมือดูถ้าไม่มีผลข้างเคียงก็ใช้ได้ ผงดอกบัวรากบัวใช้บรรเทาการอาการปวด ลดบวม ลดฟกช้ำ ในส่วนผสมยังมีชะเอมแก้อักเสบและสะระแหน่ที่เย็นทำให้ลดอาการบวมแดง สามารถใช้ทาที่ใบหน้าหรือว่าตรงที่ระบมฟกช้ำได้เป็นอย่างดีอีกทั้งนางยังทำยาสระผมออกมาได้อีกด้วย ส่วนผสมของมันมีเพียง ดอกจำปีตูม ดอกกุหลาบอย่างละห้าเฉียน สนแผง ใบหม่อน เปลือกรากโบตั๋น อย่างละสี่เฉียน แล้วจึงใส่น้ำชาค้างคืนลงไปต้มเพื่อสกัดน้ำมันส

    Last Updated : 2025-04-05
  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 13 ปรับปรุงกิจการ

    บทที่ 13 ปรับปรุงกิจการฟางเมี่ยวที่รีบเดินหนีมาจากศาลาเมื่อมาถึงที่ลับตาคน นางจึงรีบให้ลู่ชิงนำชาที่ตนนำติดมาด้วยเทใส่ถ้วย ก่อนจะกระดกหมดถ้วยในคราเดียวขนมเกือบติดคอตายแล้วไหมล่ะ!! เย่จิ้นหยางนี่มีดวงพิฆาตกับข้าจริงๆ!!"คุณหนู เหตุใดท่านจึงไม่แบ่งขนมให้ท่านอ๋องลองชิมเล่าเจ้าคะ บ่าวว่าท่านอ๋องรูปงามสูงศักดิ์ เหมาะสมกับคุณหนูมากกว่าคุณชายหลี่...""หุบปาก!! ก่อนที่ข้าจะยกกาชาฟาดหน้าเจ้า""คุณหนู!!"เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ต้องทำต่อแล้ว ฟางเมี่ยวจึงไปแจ้งบิดาของตนว่านางจะกลับจวนแล้ว ก่อนจะรีบขึ้นรถม้ามุ่งหน้าออกจากค่ายทหารในทันทีแต่ก่อนยามที่นางติดตามท่านพ่อมาที่นี่เป็นเพราะถูกบังคับ ท่านพ่ออยากให้นางได้มาพบกับหลี่เยี่ยนเฉิน นางจึงจำได้ว่าเขามักจะชอบอยู่ที่ลานขี่ม้า ด้านท่านพ่อเอง เมื่อมาตรวจตราทุกอย่างและจัดการเอกสารเสร็จเรียบร้อยก็จะรีบเข้าวังหลวงทันทีฟางเมี่ยวครุ่นคิดบางอย่างขึ้นมาได้ นางจึงหันไปเอ่ยกับคนขับรถม้าทันที"ไปที่ภัตตาคารโหยวเย่ว์""ขอรับคุณหนู"ภัตตาคารโหยวเย่ว์ฟางเมี่ยวเดินลงมาจากรถม้า ก่อนจะมองป้ายหน้าร้านด้วยแววตาที่เรียบเฉยคราหนึ่ง แล้วจึงเดินเข้าไปด้านในที่นี่คือภัตตาค

    Last Updated : 2025-04-05

Latest chapter

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   เสิ่นจื่อหลาง1-4

    หลายเดือนต่อมา เจียงซูซูมาส่งใบลาให้เสิ่นจื่อหลาง บอกเพียงว่านางต้องติดตามท่านพ่อท่านแม่ไปจัดการธุระที่บ้านเดิมซึ่งอยู่นอกเมืองหลวงเสิ่นจื่อหลางให้นางลาสามวัน และบอกให้นางรีบกลับระหว่างทางที่มุ่งหน้ากลับบ้านเดิมนั้นไม่มีปัญหา จนกระทั่งยามที่นางและครอบครัวกำลังจะเดินทางกลับ กลับมีโจรบุกเข้ามาปล้นชิงครอบครัวของนาง พวกมันจับตัวพวกนางเอาไว้ เจียงซูซูหวาดกลัวไม่น้อย แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีเอาไว้นางไม่รู้ว่าพวกมันจับตัวนางมาไว้ที่ใด ได้ยินเพียงพวกมันบอกว่าจะสังหารท่านพ่อท่านแม่ของนางและส่งนางไปขายที่หอนางโลมเจียงซูซูพลันนึกถึงเสิ่นจื่อหลางขึ้นมา จู่ๆ ขอบตาของนางก็ร้อนผ่าว เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่านางกับเขาชาตินี้อาจะไม่ได้เจอนางอีก นางสัญญากับเขาเอาไว้แล้วว่าจะกลับไปอยู่เคียงข้างเขาเขาเป็นถึงฮ่องเต้ผู้สูงส่งแต่นางเป็นเพียงขุนนางหญิงต่ำต้อย กลับอาจหาญที่จะไปหลงรักเขาภายใต้ใบหน้าที่แสนเย็นชาของเขามันซ่อนความอบอุ่นเอาไว้ เขาไม่เคยตำหนินาง ไม่เคยลงโทษนาง อีกทั้งยังไม่ถือตัวกับนาง นางชอบทุกอย่างที่เป็นเขา รักทุกอย่างของเขาจู่ๆ เจียงซูซูที่เข้มแข็ง น้อยครั้งนักที่นางจะร้องไห้ แต่ทว่ายามนี้นางกลับ

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   เสิ่นจื่อหลาง 1-3

    วันเวลาเช่นนี้ผ่านไปวันแล้ววันเล่าเดือนแล้วเดือนเล่าจนล่วงมาเป็นปี เขาไม่ทันรู้ตัวว่าเปิดรับนางเข้ามาในใจตั้งแต่ยามใด รู้ตัวอีกคราสายตาของเขาก็เอาแต่มองหานางเสียแล้ว“ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”เสิ่นจื่อหลางที่กำลังนั่งอ่านตำราพลันเงยหน้าขึ้นไปมองโจวกุ้ยเฟยที่กำลังเดินเข้ามาโจวกุ้ยเฟย นามเดิม โจวเย่หลัน นางเป็นหลานสาวของนายท่านโจว เป็นทายาทที่เกิดจากบุตรชายเพียงคนเดียวของโจวชิงเหยา บุตรชายของนายท่านโจวเขารับนางเข้ามาเป็นสนมได้ร่วมสองปีแล้ว นิสัยของนางค่อนข้างอ่อนหวาน เอาอกเอาใจ และมีเมตตาแต่ทว่าเขารู้ดีว่านี่คือเปลือกนอกที่นางแสดงให้เขาดูเพียงเท่านั้นสตรีวังหลังมีผู้ใดบ้างไม่ฝักใฝ่ในอำนาจ หากไม่สนอำนาจเช่นนั้นจะเข้าวังหลวงมาทำไมกัน ไปบวชชีคงเหมาะเสียกว่า!!“โจวกุ้ยเฟย เจ้ามาหาข้ามีเรื่องใดหรือ?”โจวกุ้ยเฟยฉีกยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะเอ่ย“ทูลฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันคิดค้นสูตรอาหารขึ้นมาใหม่ จึงอยากมาชวนพระองค์ไปลองชิมที่ตำหนักเพคะ”“อืม ไว้มีเวลาข้าจะไป”“ฝ่าบาทเพคะ”เสิ่นจื่อหลางที่ได้ยินว่าโจวกุ้ยเฟยเอาแต่เรียกเขา ก็เงยหน้าไปมองนางด้วยแววตาที่เย็นชาจนนางลนลานหวาดกลัวไม่น้อย“เอ่อ หม่อมฉันขอทูล

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   เสิ่นจื่อหลาง 1-2

    วังหลวงท้องพระโรงยามนี้เจียงซูซูอยากจะมุดแผ่นดินหนีหรือไม่ก็แทรกตัวเข้าไปหลบในเสาต้นใดต้นหนึ่งยิ่งนักบุรุษที่นางยืนด่าฉอดๆ เมื่อไม่นานมานี้ แท้จริงเขาคือฮ่องเต้ของต้าอู๋พระนามเสิ่นจื่อหลางเจียงซูซูเบะปากทำท่าคล้ายคนจะร้องไห้ เห็นทีตำแหน่งขุนนางหญิงที่นางใฝ่ฝันคงจะจบเห่แล้ว!!!เสิ่นจื่อหลางปรายตามองเจียงซูซูคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองสตรีอีกสองนางที่สอบได้ลำดับรองลงไป สตรีที่ได้อันดับสองมาจากจวนตระกูลหาน ได้ยินว่านางเก่งกาจด้านการใช้อาวุธ เขาจึงมอบตำแหน่งองค์รักษ์หญิงให้แก่นาง ส่วนสตรีอีกนางมาจากจวนตระกูลสวี ได้ยินว่านางรอบรู้ อีกทั้งยังช่างสังเกต เขาจึงให้นางไปเรียนรู้การทำงานที่ศาลต้าหลี่ ดูว่านางมีความสามารถเหมาะกับตำแหน่งใดในศาลต้าหลี่แล้วค่อยมอบตำแหน่งนั้นให้นางส่วนผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่ง เขาตั้งใจที่จะให้นางทำงานอยู่ข้างกายเขา เขาไปที่ใดนางต้องไปตามคอยเป็นหูเป็นตาแทนเขา สามารถเป็นตัวแทนเขาในการทำงานต่างๆ ได้ สตรีมักจะทำงานรอบคอบและละเอียดมากกว่าบุรุษสตรีน้อยสองนางออกไปแล้ว ยามนี้เหลือเพียงเจียงซูซู เสิ่นจื่อหลางโบกมือให้คนอื่นๆ ออกไป ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหานาง เจียงซูซูที่เห็นเช

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   ตอนพิเศษ เสิ่นจื่อหลาง 1-1

    (เรื่องราวเกิดขึ้นหลังขึ้นครองราชย์6ปี)“ฝ่าบาท จะออกไปจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีคนสนิทเอ่ยถามเสิ่นจื่อหลางอย่างร้อนรน ได้ยินว่าวันนี้ฝ่าบาทจะออกไปชิมอาหารที่ภัตตาคารโหยวเย่ว์อีกแล้ว“ไม่ต้องตามข้า ข้าเพียงไปพบสหายเท่านั้น”เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะปลอมตัวเป็นองค์รักษ์เสื้อแพรออกไปที่นอกวังหลวงยามนี้อาอวี้รั้งตำแหน่งผู้บัญชาการองค์รักษ์เสื้อแพร อีกทั้งยังตงฉิน ทำงานอุทิศตนเพื่อบ้านเมือง มันทำให้เขามองเห็นตนเองเมื่อสมัยก่อนปีนี้เขามีอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว ครองราชย์มาก็หลายปี แต่ทว่ายังคงไม่มีทายาทสืบทอดวันนี้เขามีนัดกับฟางเมี่ยวที่ภัตตาคารโหยวเย่ว์ นางบอกมีสูตรอาหารแปลกใหม่อยากให้เขาได้ลิ้มลองเมื่อมาถึงเขาก็พบกับหลี่เยี่ยนเฉิน น่าแปลกที่ยามนี้เขากับหลี่เยี่ยนเฉินกลายเป้นสหายสนิทกันไปเสียแล้ว“อาจื่อ เจ้าว่างมากหรือ จึงนัดพวกข้ามาพบ”“แน่นอนสิ ข้าไม่มีสิ่งใดทำ”“เหอะ”“เหอะอันใด รีบสั่งอาหารมาสิ แล้วนี่เมี่ยวเมี่ยวเล่า นางไปที่ใด?”“มาถึงก็เรียกหาภรรยาผู้อื่นเช่นนี้ใช้ได้หรือ กลับไปหาสนมเจ้าสิ!!!”“เจ้าหึงหวงหรือ ช่วยไม่ได้ เมี่ยวเมี่ยวสนิทกับข้านี่เจ้าก็รู้”“อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทุบ

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   ตอนพิเศษ หลี่เยี่ยนเฉินและฟางเมี่ยว

    เขาจำได้ดีว่าในปีนั้นเป็นช่วงฤดูร้อน ฮ่องเต้เย่หมิงหล่างมีรับสั่งให้เหล่าขุนนางตามออกไปล่าสัตว์อีกครา หลังจากที่เกิดเหตุการณ์น่ากลัวที่เหล่านักฆ่าลอบสังหาร ก็มีการเพิ่มกำลังการคุ้มกันแน่นหนาขึ้น“วันนี้พี่เยี่ยนช่างรูปงามยิ่งนัก”หลี่เยี่ยนเฉินปรายตามองฟางเมี่ยวคราหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี นางตามมาเกี้ยวพาเขาอีกแล้วฟางเมี่ยวจ้องมองหลี่เยี่ยนเฉินด้วยท่าทีหยอกเย้า ไม่ได้ใส่ใจท่าทีที่เอือมระอาของเขาเลยแม้แต่น้อย“พี่เยี่ยน”“หยุดเรียกข้าสักที”เขารีบควบม้าหนีนางไปทันที ฟางเมี่ยวไม่ยอมลดละรีบควบม้าตามเขาไปอย่างรวดเร็วแต่ทว่าม้าของนางกลับพยศ มันวิ่งเข้าป่าไม่หยุดจนเกือบจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ หลี่เยี่ยนเฉินตื่นตระหนกยิ่ง รีบกระโดดเข้ามาคว้าตัวนางลงจากหลังม้า ก่อนที่คนทั้งสองจะกลิ้งตกลงเขาไปด้วยกันฮ่องเต้เย่หมิงหล่างสั่งให้คนออกตามหาพวกเขาทั้งสองคนแต่กลับไม่พบฟางเมี่ยวขยับกายเล็กน้อย นางรู้สึกปวดไปทั้งตัว แต่ว่าเมื่อได้มองเห็นหลี่เยี่ยนเฉินที่นอนสลบอยู่ ก็ตกใจไม่น้อย บนหน้าผากของเขามีเลือดไหลซึมออกมา คาดว่าอาจจะถูกกิ่งไม้แหลมขูดหน้าผาก ฟางเมี่ยวรีบใช้ผ้าสะอาดที่นางนำติดมาด้วยซับเลือดให้เขา

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 56 บทสรุป

    รัชศกจื่อหลางปีที่ 1ยามนี้เสิ่นจื่อหลางขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้หนึ่งปีแล้ว นับแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์นั้นนับว่าเป็นช่วงที่รุ่งเรืองไม่น้อย แคว้นต่างๆ ยอมศิโรราบ แคว้นใดคิดเป็นกบฏจะถูกสังหารอย่างไม่ละเว้น ผู้ทำผิดถูกลงโทษไม่เว้นว่าจะเกิดในตระกูลใด เด็กๆ ที่ยากจนได้มีสถานที่เรียน ซึ่งทางราชสำนักเป็นคนต่อตั้งขึ้นสำหรับครอบครัวที่ยากจนสามปีต่อมาอาอวี้ที่มีอายุจะครบสิบห้าปีแล้วสามารถสอบเป็นจอหงวนได้สำเร็จ หลังจากนั้นอีกหลายปี เพราะความสามารถของเขาที่เก่งกาจทั้งบุ๋นและบู๊ จึงได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ทำงานรับใช้ฝ่าบาทอย่างใกล้ชิดฟางเจี๋ยพี่ชายของนางได้รับตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหม ส่วนท่านพ่อนั้นก็ออกมาพักผ่อนและเลี้ยงลูกๆ ของฟางเจี๋ยและหลิวจืออยู่ที่จวนส่วนหลี่เยี่ยนเฉินนั้นยามนี้สงครามสงบ ไม่มีสิ่งใดให้ต้องทำ เขาจึงติดตามภรรยาไปค้าขายต่างแคว้นอย่างมีความสุข ทั้งคู่ยังไม่มีบุตรจนหลี่ฮูหยินร้อนใจ สั่งให้ฟางเมี่ยวห้ามออกจากจวนไปทำงาน อยู่ทำลูกกับหลี่เยี่ยนเฉินทุกวันยามที่มีเวลาว่าง ฟางเมี่ยวมักจะไปที่หลุมศพของจางเสวี่ยฮุ่ย บอกเรื่องราวความเป็นไปในแต่ละช่วงเวลาให้นางฟังฟางเมี่ยวเชื

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 55 ความฝันของเย่จิ้นหยาง

    ฟางเมี่ยวเมื่อกลับมาถึงจวนก็พบกับหลี่เยี่ยนเฉินที่กำลังยืนรดน้ำดอกกุหลาบอยู่ ฟางเมี่ยวที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามเขาทันที“ท่านพี่ เหตุใดจึงทำเอง บ่าวไพร่ไปที่ใดหมดเจ้าคะ?”หลี่เยี่ยนเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาส่งยิ้มให้ฟางเมี่ยว ก่อนจะเช็ดมือให้สะอาดแล้วเดินเข้ามาหาฟางเมี่ยว แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้นางอย่างใส่ใจ“ดอกไม้เหล่านี้เมี่ยวเอ๋อร์ของข้าชอบมากที่สุด ข้าย่อมต้องดูแลเองไม่อาจวางใจให้ผู้อื่นดูแลได้ ไหนมาให้ข้าซับเหงื่อให้ เจ้าเหนื่อยหรือไม่?”“ไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ ท่านพี่ข้าพบสวีเซียวเหยา นางสารภาพมาเองว่าเคยส่งคนมาฉุดข้า”ฟางเมี่ยวคล้ายจะลืมตัวว่าตนเอ่ยสิ่งใดออกไป นางไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับหลี่เยี่ยนเฉินเพราะเกรงว่าเขาจะเป็นห่วงและคิดมาก อีกอย่างนางก็ปลอดภัยดีจึงไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอันใด หลี่เยี่ยนเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถามทันที“นี่เจ้าถูกนางส่งคนมาฉุดเช่นนั้นหรือ?”“เอ่อ...”“ตอบมา!!!”“ท่านพี่ เรื่องมันนานมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าเองไม่อยากให้ท่านกังวล นับว่าโชคยังดีที่ข้าปลอดภัย สหายเสิ่นไปช่วยข้าเอาไว้ได้ทันเวลา”สหายเสิ่นอีกแล้ว?หลี่เยี่ยนเฉินหรี่ตามองฟางเมี่ยว ก่อนจะมี

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 54 ที่พึ่งพิงชั่วชีวิต

    รัชศกจิ้นหยางปีที่ 1เย่จิ้นหยางขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ของแคว้นต้าอู๋ นับตั้งแต่เขาได้สติกลับคืนมาก็ตั้งใจทำเพื่อบ้านเมืองอย่างสุดกำลัง เขากวาดล้างเหล่าขุนนางโลภออกไปจากราชสำนักได้ไม่น้อย อีกทั้งยังลดภาษีให้กับราษฎรอีกด้วย ไม่กี่ปีต่อมาแคว้นต้าอู๋ก็กลับมางดงามและยิ่งใหญ่เช่นเดิมเขานึกถึงคำเตือนของเสิ่นจื่อหลางได้ไม่ลืม อีกทั้งยังชื่นชมเสิ่นจื่อหลางอีกด้วย เขาไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเสด็จลุงจึงไว้วางใจเสิ่นจื่อหลางถึงเพียงนี้นับตั้งแต่เริ่มแผนการที่ท่านลุงวางไว้ แผนการนั้นจะไม่สำเร็จและแยบยลเลย หากไม่มีขุนนางที่ตงฉินและไว้ใจได้ และยอมทำงานถวายชีวิตเช่นเสิ่นจื่อหลางที่ผ่านมาเสด็จลุงส่งเสิ่นจื่อหลางมาคอยจับตาดูเขาและขุนนางทุกคน สุดท้ายเสด็จลุงไว้วางใจที่จะมอบแผ่นดินนี้ให้กับเขา เขาเองก็จะไม่ทำให้ความไว้วางใจนั้นของเสด็จลุงต้องสูญเปล่ายามนี้ต้าอู๋นับว่าคึกคักไม่น้อยเลย ฟางเมี่ยวกลับมาเปิดกิจการใหม่อีกครา อีกทั้งรายได้ครึ่งหนึ่งของการค้าขาย นางก็จะบริจาคเข้าคลังหลวงเพื่อช่วยราชสำนักทุกเดือน ระยะหลังมานี้กิจการของนางได้ส่งออกไปขายต่างแคว้น นับว่าได้กำไรงามไม่น้อยตั้งแต่แคว้นเห

  • ข้าจะเกี้ยวท่านมาเป็นสามี   บทที่ 53 เสียสติ

    ฟางเมี่ยวเดินออกจากจวนอ๋องมาพร้อมกับหลิวจือ ยามนี้เย่จิ้นหยางเสียใจอย่างหนัก ไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้ร่างของจางเสวี่ยฮุ่ย เขาเอาแต่กอดร่างไร้ลมหายใจของนางเอาไว้เช่นนั้นไม่ยอมปล่อย ปากก็พร่ำเพ้อว่ายามนี้นางกำลังนอนพักผ่อน ห้ามผู้ใดรบกวนนางฟางเมี่ยวทนมองภาพที่น่าสลดใจเช่นนี้ไม่ไหว นางจึงรีบขอตัวกลับจวนตนทันทีหลิวจือนั้นขอตัวกลับจวนของตนเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีเรื่องที่ต้องจัดการ ส่วนฟางเมี่ยวนั้นยามนี้ก็กำลังนั่งรถม้ามุ่งหน้ากลับจวนตระกูลหลี่เช่นเดียวกันเมื่อกลับมาถึงจวน นางก็พบกับหลี่เยี่ยนเฉินที่กำลังนั่งรอนางอยู่ในเรือน เขาได้ยินข่าวที่จางเสวี่ยฮุ่ยจากแล้ว ในใจก็นึกเวทนาไม่น้อย ข่าวการตายของจางเสวี่ยฮุ่ยแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปถึงในวังหลวงเมื่อเห็นว่าฟางเมี่ยวกลับมาแล้ว เขาจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหานางทันที ก่อนจะพบว่ายามนี้ใบหน้าของฟางเมี่ยวเปรอะเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือหลี่เยี่ยนเฉิน ฟางเมี่ยวก็โผเข้ากอดเขาทันที ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกครา“ฮืออ หลี่เยี่ยนเฉิน จางเสวี่ยฮุ่ยตายแล้ว ข้าช่วยนางไม่ได้ ฮือ ข้าช่วยนางไม่ได้ ข้าไม่อยากให้นางตาย

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status