เมื่อการประชุมเรื่องอาชีพเสริมของชาวบ้านอันผิง ผ่านไปได้ด้วยดีสองคนพ่อลูกจึงรีบกลับบ้าน จะได้ทานมื้อเที่ยงและพักผ่อน พรุ่งนี้ยังต้องไปติดต่อนายช่างหาน เพื่อว่าจ้างให้มาปรับปรุงร้านค้า
“ท่านพ่อเจ้าคะวันนี้พักผ่อนให้มากหน่อยชดเชยก่อนหน้านี้ ที่ท่านต้องลำบากทำงานหาเงินตั้งหลายปี” ลู่ชิงสงสารคนในครอบครัวที่ต้องลำบาก ประคับประคองชีวิตมาจนถึงตอนนี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ
ลู่ชิงเอ่ยเช่นนี้เพราะอยากให้ครอบครัว ได้มีเวลาพักผ่อนเยอะ ๆ แม้ตอนนี้จะมีข้าวกินจนอิ่มท้องและมีน้ำจากบ่อวิเศษ แต่ร่างกายทุกคนยังดูผอมกันอยู่ จึงต้องทานอาหารบำรุงดี ๆ รวมถึงการพักผ่อนเพื่อให้ภายในร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
ลู่เวินเข้าใจความห่วงใยนี้ของลู่ชิง และมันเป็นเรื่องจริงที่พวกเขา พยายามกันอยากมากกับการทำงานเลี้ยงชีพ เมื่อยามนี้พอมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การพักฟื้นร่างกายย่อมเป็นสิ่งสำคัญ “พ่อจะทำตามที่ชิงเอ๋อร์แนะนำเป็นอย่างดี รวมถึงท่านแม่และพี่ชายของเจ้าด้วยเช่นกัน”
“ดีมากเจ้าค่ะ อิอิ”
“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ เรื่องที่ไปหารือกับผู้ใหญ่บ้านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ฟางซินกังวลว่าจะมีชาวบ้านที่ไม่เชื่อเรื่องอาชีพ
“การหารือมีผลตอบรับที่ดี ชาวบ้านลงชื่อยินดีที่จะทำงานที่พวกเราเสนอไป จะมีเพียงครอบครัวของนางหม่ากับนางจู และสหายที่ไม่อยากทำเราจึงตัดสิทธิ์ออก” ไม่ว่าจะไปอยู่แห่งไหน คนมีนิสัยขี้นินทาและดูถูกผู้อื่นก็ยังมีให้เห็นอยู่ร่ำไป
“ท่านพ่อขอรับ พวกเราอย่าสนใจพวกนางเลย มีใครในหมู่บ้านไม่รู้บ้างว่า พวกนางสองคนเป็นคนเช่นไร จากนี้ก็ปล่อยให้นางมองดูคนอื่นมีกินมีใช้ไปเถิดขอรับ” ลู่จื้อที่เคยโดนพวกนางพูดจาไม่ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลังก็ไม่ชอบพวกนางเหมือนกัน
“พี่ใหญ่ท่านอย่าได้ห่วงเลย พวกนางไม่มีค่าพอในสายตาพวกเราหรอกเจ้าค่ะ หลังจากนี้หน้าที่การรับซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านั้น จะยกให้พี่ใหญ่และพี่รองรับผิดชอบนะเจ้าคะ” ลู่ชิงยกหน้าที่เรื่องผลิตภัณฑ์ให้พี่ชายทั้งสองรับผิดชอบ
“ได้เลยน้องเล็ก พวกพี่สองคนจะคอยตรวจสอบให้ดีก่อนจ่ายเงิน ของที่ใช้เงินซื้อต้องมีคุณภาพ และคัดกรองอย่างดีถึงจะถูก” ลู่เสียนยินดีรับหน้าที่นี้อย่างยิ่ง
“งั้นพวกเราไปทานมื้อเที่ยงกันเจ้าค่ะ จะได้แยกย้ายกันพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงมากกว่านี้” ตอนนี้ลู่ชิงเริ่มจะหิวแล้วเพราะใช้พลังงานไปไม่น้อย ร่างกายนี้ยังต้องเพิ่มน้ำหนักอีกหลายจินเลยทีเดียว
“แม่ทำกับข้าวไว้รอเรียบร้อยแล้วล่ะ เข้าบ้านกันเถิดชิงเอ๋อร์คงจะหิวแย่แล้วกระมัง”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน พวกเขารู้สึกมีความสุขทุกครั้ง ที่ได้นั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นนี้ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อหาสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับทุกคน ครอบครัวในหมู่บ้านอันผิงก็จะมีความสุขเช่นนี้ในอีกไม่นานแล้ว
เช้านี้พวกเรายังคงช่วยกันขายหมูทอดไก่ทอดเช่นเดิม แต่วันนี้พิเศษก็คือได้ทำน้ำพริกหนุ่ม และน้ำจิ้มแจ่วไว้แถมให้ลูกค้าจิ้มทานกับหมูทอดไก่ทอดทั้งสองอย่าง คราแรกมีบางคนสงสัยว่ามันจะเข้ากันได้อย่างไร แต่พอได้ลองชิมเท่านั้นแหละติดใจกันทุกคน
บนชั้นสองของโรงน้ำชาฝั่งตรงข้าม อยู่เยื้องไปไม่ไกลจากที่ลู่ชิงขายของอยู่นั้น มีบุรุษผู้สวมหน้ากากครึ่งใบหน้ากำลังมองมาที่นางเขานั่งมองตั้งแต่นางเริ่มขายของ และไม่เข้าใจตนเองว่าทำไมตัวของเขา ถึงละสายตาออกจากรอยยิ้มของนางไม่ได้เสียที ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้สักครั้ง
ตันเจียงและชุนชานองครักษ์ข้างกายชายหนุ่ม ผู้เป็นซื่อจื่อแห่งจวนชินอ๋องถึงกับมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ ว่าเกิดอะไรกับเจ้านายของตน ร้อยวันพันปีพวกเขาไม่เคยเห็นซื่อจื่อจะมองหญิงใด หรือว่าเด็กสาวคนนี้จะเป็นเนื้อคู่วาสนาด้ายแดงของซื่อจื่อกันนะ
“ซื่อจื่อขอรับ ไม่ทราบว่าท่านกำลังมองอะไรอยู่หรือขอรับ” ตันเจียงผู้อยากรู้จะแย่แล้วจึงกล้าเอ่ยปากถามออกไป
เหมือนเซียวหนิงหลงรู้สึกตัวว่า ตนกำลังทำตัวมีพิรุธให้ลูกน้องจับได้ จึงรีบเบนสายตาจากเด็กสาวไปมองที่อื่นแทน และเปลี่ยนเรื่องพูดคุยกลายเป็นตั้งคำถามกลับไปเสียอย่างนั้น
“ไม่มีอะไร พวกเจ้าสองคนหิวกันหรือยังเล่า ถ้าหิวก็ไปหาซื้ออะไรมาทานรองท้องไปก่อนเถิด” เซียวหนิงหลงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะรู้นิสัยของผู้ติดตามดีว่า แต่ละคนชอบยุ่งเรื่องความรักของเขาเสียเหลือเกิน
“พวกเราสองคนเริ่มหิว ตั้งแต่ได้กลิ่นหอมของเนื้อทอดจากร้านค้า ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตั้งนานแล้วขอรับ” ชุนชานสารภาพไปตามตรงเลย เพราะท้องเขาร้องตั้งแต่กลิ่นเนื้อทอดลอยมาแล้ว
“ถ้าหิวพวกเจ้าก็ไปซื้อมากินเถิด ซื้อมาเผื่อข้าหนึ่งชุดก็พอ อ้อ เจ้าซื้อเหมาทั้งร้านไปเลย เอากลับมาเฉพาะที่พวกเราจะกินเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็แจกให้กับชาวบ้านที่มาต่อแถวซื้อก็แล้วกัน” เซียวหนิงหลงพูดจบก็โยนถุงเงินของตนให้กับตันเจียงไปทันที
“เอ่อ ซื่อจื่อจะให้ข้าเหมาเนื้อหมูเนื้อไก่ทอดทั้งร้าน และแจกให้ชาวบ้านจริง ๆ หรือขอรับ” ตันเจียงไม่อยากเชื่อสิ่งที่เขาได้ยิน
“ทำไมรึ? เจ้ามีปัญหาอันใดกับคำสั่งของข้างั้นหรือตันเจียง” เซียวหนิงหลงพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่ตันเจียงเล็กน้อย
“มะ มะ ไม่มี ๆ ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปจัดการตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้ขอรับ” ขืนยังมีคำถามอีกเขาอาจจะโดนทำโทษจนลุกไม่ขึ้นก็เป็นได้
ขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการตักน้ำพริกหนุ่มและน้ำจิ้มแจ่ว ก็มีเสียงเอ่ยถามถึงการขอซื้อเหมาหมูทอดไก่ทอดขึ้น ลู่ชิงจึงเงยหน้ามองไปที่ลูกค้าคนนั้นว่าเป็นใคร ถึงได้ยอมจ่ายเงินจำนวนมากเช่นนี้
“ขอสอบถามแม่ค้าสักหน่อยจะได้หรือไม่ ถ้าหากข้าจะขอเหมาอาหารของร้านเจ้าวันนี้ทั้งหมดจะได้ไหม” ตันเจียงที่รีบมาต่อแถวเมื่อถึงตาตนเอง ก็ถามลู่ชิงเกี่ยวกับการเหมาหมูทอดไก่ทอดของนางทั้งร้าน
“พี่ชาย วันนี้คงจะขายทั้งหมดให้ท่านไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ มีลูกค้าอีกหลายคนต่อแถวรออยู่นะเจ้าคะ ถ้าท่านเอาไปหมดพวกเขาก็อดกินน่ะสิ” ลู่ชิงกลัวคนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังจะอดกิน พวกเขาอุตส่าห์มายืนต่อแถวกัน
“แม่ค้าอย่าได้เข้าใจผิด คุณชายของข้าผ่านมาทำงานแถวนี้ จึงอยากจะลองชิมอาหารของเจ้า และเห็นว่าคนที่มาต่อแถวซื้อ บางคนคงจะเก็บเงินหลายวันกว่าจะได้กินเนื้อ คุณชายจึงให้ข้าเป็นตัวแทนมาซื้อเหมาหมูทอดของเจ้า และจะรบกวนเจ้าช่วยแจกจ่ายให้ชาวบ้านแทนเท่านั้น ส่วนของคุณชายรบกวนแม่ค้า ห่อทุกอย่างให้อย่างละสองห่อก็พอ” ตันเจียงรีบอธิบายเสียยาวเหยียด เพื่อไม่ให้ลู่ชิงเข้าใจผิดเจตนาดีของเจ้านาย
“เจ้านายของพี่ชายเป็นคนจิตใจดีมากเลยเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอเป็นตัวแทนชาวบ้าน กล่าวขอบคุณฝากท่านไปบอกคุณชายของท่านด้วยนะเจ้าคะ ที่มีน้ำใจต่อคนที่หาเช้ากินค่ำอย่างพวกเรา” ลู่ชิงกล่าวขอบคุณอีกทั้งยังชื่นชมความมีน้ำใจของคุณชายผู้นี้ ที่มีใจเมตตาต่อชาวบ้านและเข้าใจความยากลำบากในการหาเงิน
แต่ตันเจียงกลับเถียงนางอยู่ในใจว่า ‘แม่นางน้อย ถ้าเจ้าได้รับรู้วีรกรรมคุณชายของข้ายามที่อยู่เมืองหลวงแล้วละก็เจ้าอาจจะไม่พูดเช่นนี้’ เขาทำได้เพียงแค่คิดในใจมิได้พูดออกมา ไม่เช่นนั้นอาจจะได้รับโทษ
“ข้าจะนำคำพูดของแม่ค้า ไปบอกกับคุณชายอย่างแน่นอน” แม่นางน้อยเจ้าไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ เจ้านายของข้าได้จับจองเจ้าไว้แล้ว
“พี่ชายรอประเดี๋ยวนะเจ้าคะข้าจะรีบห่ออาหารให้ คุณชายของท่านจะได้ไม่ต้องหิ้วท้องรอนานเจ้าค่ะ” ลู่ชิงพูดจบก็ส่งยิ้มให้ตันเจียงไปเล็กน้อย
คนที่นั่งมองอยู่พอเห็นว่า นางยิ้มให้กับคนของเขาถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้มขึ้นทันที แถมยังปล่อยแรงกดดันออกมาโดยไม่รู้ตัว จนชุนชานต้องรีบเอ่ยเตือนเจ้านายอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่อยากให้ลูกค้าในร้านน้ำชาแห่งนี้ พลอยได้รับผลกระทบจากความไม่ตั้งใจ ที่เจ้านายของตนทำออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
“เอ่อ ซื่อจื่อขอรับ ท่านเก็บแรงกดดันลงก่อนเถิด ข้าคิดว่าที่นางยิ้มก็เป็นเรื่องปกติ เท่าที่ดูนางก็ยิ้มให้กับลูกค้าที่มาซื้ออาหารทุกคนนะขอรับ” ชุนชานถึงกับเหงื่อตก ขนาดยังไม่รู้จักชื่อไม่ได้พูดคุยทั้งยังไม่ได้เป็นอะไรกับนางยังมีอาการขนาดนี้ เขาไม่อยากจะคิดต่อเลยจริง ๆ
เซียวหนิงหลงที่ได้ยินชุนชานพูดเตือนสติ ก็คลายแรงกดดันลง เขาเองยังไม่อยากจะเชื่อว่าตนเอง จะมีอาการเช่นนี้กับเด็กสาวที่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นด้วยซ้ำ แต่จะทำอย่างไรได้ตอนนี้รอยยิ้มของนาง มันสลักลงไปในหัวใจของเซียวหนิงหลงเสียแล้ว
“ลูกค้าทุกท่านที่ต่อแถวอยู่หรือที่เดินผ่านไปมา ข้ามีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบเจ้าค่ะมีคุณชายใจดีท่านหนึ่ง ได้ซื้อเหมาอาหารทั้งหมดของร้านเพื่อแจกให้กับทุกคนได้ทาน โดยไม่ต้องจ่ายเงินหากใครสนใจก็มาต่อแถว รอรับข้าวเหนียวหมูทอดไก่ทอดที่ร้านได้เลยนะเจ้าคะ เข้าแถวให้เป็นระเบียบอย่าเบียดกัน และตัดหน้าผู้อื่นมิเช่นนั้นจะไม่แจกให้เจ้าค่ะ” ลู่ชิงป่าวประกาศเรื่องดี ๆ ให้ชาวบ้านได้รับรู้ ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้ยินก็รีบวิ่งมาต่อแถวอย่างรวดเร็ว
“พี่ชายท่านนี้ อาหารของท่านได้แล้วเจ้าค่ะทานให้อร่อยนะเจ้าคะ หากได้ผ่านมาก็แวะมาอุดหนุนได้ เพราะอีกไม่นานครอบครัวข้าจะเปิดร้านเป็นของตัวเองแล้วเจ้าค่ะ” ลู่ชิงไม่ลืมฝากร้านข้าวของตนเองกับตันเจียงอีกครั้ง เนื่องจากนางคิดว่าตันเจียงกับเจ้านาย เป็นนักเดินทางที่อาจจะกลับมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ
“หากคุณชายได้ผ่านมาทำธุระแถวนี้อีกครั้งละก็ ข้าจะพาคุณชายแวะไปอุดหนุนที่ร้านของเจ้าก็แล้วกันนะ ข้าขอตัวก่อน” ตันเจียงรับคำแล้วก็รีบเดินกลับไปโรงน้ำชาทันที เพราะเมื่อครู่เขารู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ
เมื่อส่งลูกค้ามือเติบไปแล้ว ลู่ชิงก็รีบมาช่วยท่านแม่ห่อข้าว เพื่อแจกให้กับชาวบ้านที่มาเข้าแถวรอ เกือบสามสิบคนแล้วกระมัง
“ซื่อจื่อ อาหารร้านแม่นางน้อยได้มาแล้วขอรับ” ตันเจียงรีบวางของลงบนโต๊ะให้เจ้านายได้ชิมเป็นคนแรก
“อืม พวกเจ้าสองคนก็นั่งกินด้วยกันตรงนี้จะได้ไม่เสียเวลา ยังต้องรีบไปจัดการเรื่องพ่อค้าเร่ตัวปลอมพวกนั้นให้เสร็จ จะปล่อยให้พวกมันลอยนวลอยู่ในแคว้นต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ส่วนเจ้าชุนชานไปสืบประวัติครอบครัวของนางมาให้ข้า เพราะดูท่าทางทุกคนไม่น่าใช่คนที่อาศัยอยู่ในชนบท มาตั้งแต่เกิดอย่างแน่นอน ห้ามตกหล่นไปแม้แต่เรื่องเดียว เข้าใจหรือไม่” เซียวหนิงหลงนอกจากสั่งงานแล้ว ยังมีความอยากรู้เรื่องของครอบครัวของแม่ค้าตัวน้อยอีกด้วย
“ขอรับ!!/ขอรับ!!” ทั้งตันเจียงและชุนชานขานรับคำสั่งทันที
ทั้งสามคนจึงวางเรื่องงานลงก่อน และลงมือชิมอาหารที่เพิ่งซื้อมา พออาหารเข้าปากเท่านั้นแหละ แต่ละคนไม่มีใครพูดจาต่างทานอาหารมื้อนี้อย่างเอร็ดอร่อย เซียวหนิงหลงยังแอบคิดว่า แม่ค้าตัวน้อยของเขาฝีมือการทำอาหารเก่งกาจ ยิ่งกว่าพ่อครัวในวังหลวงเสียอีก ถ้าท่านแม่และน้องสาวของเขาได้ลองชิมต้องติดใจเป็นแน่
ลู่ชิงที่กำลังแจกข้าวหมูทอดไก่ทอด ก็มีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาเพราะในใจตอนนี้ มันมีแต่ความอิ่มเอิบนึกถึงก้อนตำลึงในถุงเงิน ที่ได้รับมาคงจะมีไม่ต่ำกว่าสามสิบตำลึงเป็นแน่ ลู่ชิงยืนขายอาหารทอดอย่างมีความสุข ไม่เพียงเท่านั้นยังพึมพำร้องเพลงไปด้วย ผู้คนที่เห็นท่าทางนี้ต่างก็ยิ้มตามแม่ค้าตัวน้อยเช่นกัน
ทางครอบครัวลู่ชิงช่วยกันแจกอาหารจนหมดเกลี้ยงแล้ว ก็เก็บของขึ้นเกวียนก่อนจะฝากไว้ กับคนที่รับฝากเกวียนใกล้ ๆ แถวนั้น เพราะพวกเขาจะไปบ้านของนายช่างหาน เพื่อติดต่อให้ไปปรับปรุงร้านค้า รวมถึงสร้างบ้านใหม่ที่หมู่บ้านอันผิงด้วย“น้องชายท่านนี้ไม่ทราบว่า นายช่างหานอยู่หรือไม่ พอดีว่าข้าจะมาติดต่อให้เขาไปปรับปรุงร้านค้าและสร้างบ้านน่ะ” ลู่เวินถามกับคนงาน ที่กำลังเตรียมของอยู่ในลานบ้านของนายช่างหาน“หืม พวกท่านมาติดต่องานหรือขอรับ นายช่างหานอยู่ด้านใน พวกท่านเดินเข้าไปไม่ไกลก็เจอแล้วขอรับ” เขาตอบกลับไปด้วยถ้อยคำที่สุภาพ“ขอบใจมากนะน้องชาย”“ยินดีขอรับ” มีลูกค้ามาก็ต้องต้อนรับดี ๆ หน่อยลู่เวินพาทุกคนเดินเลยลานบ้านเข้ามา ก็ได้เจอนายช่างหานที่กำลังสั่งงานลูกน้องอยู่พอดี จึงเข้าไปทักทายอย่างสุภาพ“พี่ชายท่านนี้ไม่ทราบว่าใช่นายช่างหานหรือไม่ขอรับ ข้ามาติดต่อว่าจ้างไปปรับปรุงร้านค้ากับสร้างบ้านขอรับ” ลู่เวินเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ“อ้อ ข้านายช่างหานเอง เมื่อกี้เจ้าบอกว่าจะมาจ้างงานข้าเช่นนั้นหรือ” นายช่างหานหันมาตอบลู่เวินอย่างเป็นธรรมชาติ“ใช่ขอรับ พวกเราได้ยินหลายคนพูดกันว่า ท่านมีฝีมือในการสร้างบ้
ลู่เวินที่พานายช่างหานมาถึงบ้านก็ไม่รอช้า พวกเขาเดินไปดูพื้นที่รอบ ๆ บ้าน เพื่อทำการวัดขนาดความกว้างความยาวของที่ดินทั้งหมด ลู่ชิงยังบอกให้นายช่างหานทำกำแพงบ้านสูงหนึ่งจั้งเสียก่อน จากนั้นค่อยสร้างบ้านโดยบ้านที่ลู่ชิงจะให้สร้างตามแบบ เป็นบ้านสองชั้นต้องใช้ก้อนอิฐในการสร้างเท่านั้น ชั้นบนมีสี่ห้องนอนมีห้องน้ำในตัว ส่วนชั้นล่างหนึ่งห้องนอนมีห้องน้ำเช่นกัน และมันเป็นห้องของลู่ชิงเอง ส่วนห้องน้ำอีกห้องเอาไว้สำหรับแขกที่มาเยี่ยมบ้านนายช่างหานก็รับปากจะทำอย่างเต็มที่ และที่สำคัญเขาอยากเห็นบ้านหลังนี้ หลังจากสร้างเสร็จตามแบบที่ได้รับมาเร็ว ๆ เสียเหลือเกินตอนนี้หมดหน้าที่ของลู่ชิงตรงนี้แล้ว นางจึงขอตัวไปเข้าครัวเพื่อเตรียมข้าวมื้อเที่ยงสำหรับทุกคนลู่ชิงเข้ามาในบ้านก็เอ่ยชวนมารดาเข้าครัวด้วยกันทันที “ท่านแม่เจ้าคะ พวกเราเข้าครัวเตรียมทำอาหารมื้อเที่ยง รอท่านพ่อกับนายช่างหานกันเถิดเจ้าค่ะ”“ชิงเอ๋อร์จะให้แม่ทำตรงส่วนไหนบ้าง บอกมาได้เลยลูกแม่จะจำวิธีการทำไว้ เผื่ออยากกินอีกจะได้ลงมือทำเอง” ฟางซินชอบดูวิธีการทำอาหารของบุตรสาวมาก“ได้สิเจ้าคะ เช่นนั้นรบกวนท่านแม่ล้างพวกผักต่าง ๆ ที่ต้องใส่ในอาห
เซียวหนิงหลงสั่งการเรื่องนี้กับตันเจียง เพื่อจะได้ให้เจียวมิ่งเตรียมตัวให้พร้อม ว่าจะต้องมาทำหน้าที่เกี่ยวกับอะไรที่ตำบลหย่งฝูแห่งนี้“ขอรับ ข้าน้อยจะส่งจดหมายถึงเจียวมิ่ง ให้เตรียมตัวพร้อมออกเดินทาง” ตันเจียงแอบคิดในใจว่า เขาจะเขียนเรื่องคุณหนูลู่ชิงไปด้วยนิดหน่อย ให้เจียวมิ่งเอาไปเล่าให้ท่านอ๋องกับพระชายาฟัง คงจะตกใจจนคาดไม่ถึงเป็นแน่“พวกเจ้าเตรียมตัวไว้ให้พร้อมคืนนี้เข้ายามจื่อ พวกเราจะเริ่มลงมือเพื่อสะกดรอยตามคนพวกนั้น” เขาจะต้องติดตามและจับเป็นสายลับกลับเมืองหลวงให้ได้ หากชักช้าย่อมไม่เป็นผลดีกับชาวบ้านแถบชายแดน ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง ว่าจะเกิดสงครามขึ้นมายามใดนายช่างหานที่เดินสำรวจ และวัดพื้นที่ทั้งหมดของบ้านตระกูลสวี ก็แจ้งกับลู่เวินว่าต้องใช้เวลาในการสร้างบ้าน และสร้างกำแพงรอบบ้านนั้นประมาณสามเดือน เขาคิดราคารวมทั้งหมดแล้ว เป็นเงินห้าร้อยเจ็ดสิบตำลึงทองเพราะต้องใช้วัสดุอย่างดี และค่าจ้างคนงานที่ต้องจ้างมาเพิ่ม เมื่อตกลงและทำสัญญาเรียบร้อย นายช่างหานก็ได้ลิ้มลองอาหารรสชาติอร่อยที่เขาไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน ถึงกับเอ่ยปากชมลู่ชิงไม่หยุด แม้กระทั่งตอนจะกลับยังบอกอีกว่า
ลู่ชิงเห็นพ่อบ้านชิมอาหารด้วยความตื่นเต้นดีใจ จึงหันไปหาพี่ชายอย่างลู่เสียนเพื่อขอให้พี่ชายมาช่วยห่อข้าว นางจะคุยเรื่องราคาอาหาร และต้องการให้ทางพ่อบ้านส่งคนมารับอาหารที่นี่แทน หากจะให้นำอาหารไปส่งที่เมืองหย่งจินคงจะขาดคนทำงานเป็นแน่“ท่านพ่อบ้านเจ้าคะ อาหารที่ท่านสั่งข้าคิดราคาแตกต่างกันสักหน่อย อย่างข้าวผัดหมูและผัดกะเพรา ข้าจะทำใส่หม้อใบใหญ่อย่างที่ท่านเห็น ราคาจะอยู่ที่หม้อละห้าสิบตำลึงเงิน ส่วนหมูทอดไก่ทอดจะใช้วัตถุดิบอย่างละยี่สิบจิน รวมสามอย่างก็หกสิบจินคิดราคาสิบห้าตำลึงเงิน รวมทั้งหมดคือหนึ่งร้อยสี่สิบห้าตำลึงเงิน ท่านพ่อบ้านคิดว่าราคานี้เป็นอย่างไรเจ้าคะ” ลู่ชิงไม่ได้เอากำไรมากมาย เพราะราคาที่บอกไปมันเป็นกำไรล้วน ๆ ต่างหาก“อืม ราคาที่เจ้าพูดมาก็ถือว่าไม่แพงจนเกินไป แค่เนื้อก็ราคาสูงกว่าอย่างอื่นอยู่แล้ว ข้าตกลงสั่งอาหารกับเจ้าในราคาที่เจ้าเสนอมา” พ่อบ้านคำนวณแล้วถือว่าราคาถูกกว่า ไปสั่งอาหารที่เหลาอาหารในเมืองเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของรสชาติอาหาร ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง“ขอบคุณเจ้าค่ะ เช่นนั้นเช้าวันงานรบกวนท่านพ่อบ้าน ให้คนมารับอาหารที่แผงขายของนี้ ทางเราจะมีของแถมเ
ตันเจียงที่เห็นว่านายน้อยของตน เอาแต่จ้องหน้าคุณหนูลู่ชิงจึงกระแอมกระไอเสียงดัง เพื่อเรียกสติเจ้านายเสียหน่อย ประเดี๋ยวจะออกเดินทางล่าช้าได้ หากปล่อยให้อยู่ในอาการของคนตกหลุมรักเด็กสาวตรงหน้า“อะแฮ่ม ๆ ไม่ทราบว่าคุณหนูลู่ชิงจะไปที่ใดหรือ ถึงได้เดินมาทางนี้เพียงลำพังน่ะขอรับ” ตันเจียงเป็นคนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ“อ้อ ข้ากำลังจะไปดูนายช่างหาน ที่มาปรับปรุงร้านเป็นวันแรกเจ้าค่ะ แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน คงต้องเอาไว้ค่อยมาดูพรุ่งนี้กับท่านพ่อแทนแล้วล่ะเจ้าค่ะ” พรุ่งนี้ค่อยชวนทุกคนมาดูพร้อมกันน่าจะดีกว่า“นายช่างได้บอกหรือไม่ว่าใช้เวลากี่วัน ถึงจะปรับปรุงร้านค้าของเจ้าเสร็จ” เซียวหนิงหลงเอ่ยถามกับลู่ชิงบ้าง“บอกเจ้าค่ะใช้เวลาไม่เกินยี่สิบวัน เพราะต้องต่อเติมด้านบนชั้นสองทำเป็นห้องพักสองห้อง จากนั้นครอบครัวข้าจะย้ายมาพักที่นี่ชั่วคราว และให้นายช่างหานไปสร้างบ้านต่อที่หมู่บ้านอันผิงเจ้าค่ะ” ลู่ชิงตอบด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ แถมยังส่งยิ้มให้กับเซียวหนิงหลงอีกด้วย“หากพี่จะฝากคนให้มาเป็นลูกจ้างของร้านเจ้า สักสามสี่คนจะได้หรือไม่ พวกเขาเป็นกำพร้าแต่เด็กไม่มีครอบครัว เจ้าพอจะรับไว้ได้ไหม” เขาต้อ
เซียวหนิงหลงใช้เวลาเดินทาง ออกจากเมืองหย่งจินมาแล้วสองชั่วยาม ในตอนนี้เขาและผู้ติดตามกำลังพักอยู่ใกล้ริมลำธาร เพื่อให้ม้าได้ดื่มน้ำกินหญ้า ในส่วนของคนก็ต้องทานอาหารเช่นกันเขานึกถึงคำพูดของลู่ชิงที่บอกให้ลองดื่มน้ำสมุนไพร เมื่อออกจากเมืองหย่งจินมาระยะหนึ่งแล้วจะได้รับคำตอบ ไม่รอช้าเซียวหนิงหลงหยิบถุงหนังใส่น้ำสมุนไพรขึ้นมาดื่ม ทันทีที่น้ำสมุนไพรเข้าไปในร่างกาย เขาก็รู้สึกโล่งเบาสบายเป็นอย่างมากอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการขี่ม้าก็หายไป นอกจากนี้เขายังสัมผัสถึงลมปราณที่วิ่งไปยังจุดต่าง ๆ ในร่างกาย เหมือนกับว่าเขากำลังจะบรรลุวรยุทธ์ขั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์ ไม่แปลกใจที่ชิงเอ๋อร์กำชับเอาไว้ว่า อย่าแบ่งน้ำสมุนไพรนี้ให้กับใครพร่ำเพรื่อเด็ดขาด เซียวหนิงหลงถือถุงหนังใส่น้ำสมุนไพรเดินไปหาตันเจียงกับชุนชาน เพื่อแบ่งให้พวกเขาสองคนได้ดื่ม และจะเก็บไว้ให้กับครอบครัวของเขาด้วยเช่นกัน“ตันเจียง ชุนชาน พวกเจ้าแยกมาด้านนี้สักประเดี๋ยว” เขาเรียกผู้ติดตามทั้งสองคนให้เดินมาหาอีกทางหนึ่ง เพื่อป้องกันพวกสายลับจะได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังจะพูดคุยกัน“ไม่ทราบว่าซื่อจื่อมีอะไรจะสั่งการพวกเราหรือขอรับ” ตันเจียงเ
บนที่นอนเก่า ๆ มีร่างของเด็กสาวอายุสิบสองหนาวที่นอนป่วยติดต่อกันมาห้าวันแล้วกำลังขยับตัว ร่างผอมบางแทบจะปลิวหากถูกลมแรง ๆ พัดมา จนลืมตาขึ้นมาได้ก็รู้สึกปวดเมื่อยตามตัวไปหมด เมื่อปรับสายตาได้จึงมองสำรวจรอบ ๆ ก็แปลกใจว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เข็มขาวจำได้ว่าเธอถูกรถชนอย่างแรง และตายไปแล้วแต่ตอนนี้ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แถมยังใส่ชุดเหมือนคนจีนโบราณเมื่อนั่งทบทวนเรื่องราวอยู่จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างแรงและมีความทรงจำของร่างนี้ มันกำลังหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอจนต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่เกือบหนึ่งเค่อ อาการปวดหัวเหล่านั้นจึงเริ่มดีขึ้น เธอเรียบเรียงความทรงจำของร่างนี้ ก็พบว่าร่างที่เธอเข้ามาอยู่นั้นมีชื่อว่าสวีลู่ชิงอายุสิบสองหนาว ท่านพ่อของนางถูกท่านปู่แท้ ๆ ไล่ออกจากตระกูล เพราะมีคนสร้างหลักฐานเท็จใส่ร้ายว่า ท่านพ่อทำบัญชีปลอมเพื่อโกงเงินร้านค้าผ้าเมื่อมีหลักฐานชี้ชัดก็ไม่อาจก้ตัวอะไรได้ ท่านพ่อจึงพาทุกคนเดินทางมาบ้านเดิมของท่านย่าที่หมู่บ้านอันผิง ยามออกจากจวนพวกเขาไม่อาจหยิบของมีค่าติดตัวมาได้ โชคดีที่ท่านแม่แอบนำตั๋วเงิน มาเย็บไว้ในเสื้อผ้าของลู่ชิงจึงพอมีเงินจ่ายค่าเดินทาง จากพ่
ลู่ชิงนอนหลับสนิทอยู่สักพัก แต่กลับถูกรบกวนด้วยเสียงใครบางคน ที่พยายามเรียกตนเองให้ตื่น ทั้งที่กำลังนอนหลับสบาย จากอาการป่วยจนร่างกายไร้เรี่ยวแรงมานาน เมื่อทนการรบเร้านี้ไม่ไหว จึงได้ลืมตาตื่นมองไปรอบ ๆ ที่ยามนี้ไม่ใช่เตียงนอนเก่า ๆ อีกแล้ว แต่เป็นสถานที่หนึ่งกับชายชราผมขาว ที่ยืนถือไม้เท้าลักษณะแปลก ๆ มองมาที่ลู่ชิงอย่างเหนื่อยใจ“นางหนู ๆ ๆ ตื่นได้แล้วกระมัง จะนอนกินบ้านกินเมืองหรืออย่างไร โลกโน้นทำเจ้าอดหลับอดนอน พอข้ามมายังโลกนี้ก็ยังต้องมาเหนื่อยอีกงั้นรึ” ชายแก่ผมขาวในมือยังถือไม้เท้า พยายามปลุกร่างบางที่ยังนอนหลับอยู่“อืม ขอนอนต่ออีกสักหน่อยนะเจ้าคะ” ลู่ชิงยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้นางไม่ได้อยู่บนเตียงนอนในบ้านของตนเอง“ถ้าเจ้ายังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเสียทีละก็ ข้าจะไม่ให้ของดีกับเจ้านะนางหนู” ชายแก่ยังไม่ยอมแพ้ที่จะปลุกนาง“พรึ่บ!! หือ! ที่นี่คือที่ไหน ไม่ใช่ห้องนอนในบ้านนี่ แล้วเมื่อกี้เสียงใครปลุกข้าให้ตื่นกันล่ะ” ข้ารู้สึกแปลกใจที่มีคนมาปลุก และพูดว่าจะให้ของดีอีกพอหันไปด้านหลัง ก็เจอกับชายแก่ผมขาวที่ดูใจดีคนหนึ่งยืนอยู่เงียบ ๆ“ท่านตาเป็นใครหรือเจ้าคะ แล้วที่นี่คือที่ไหน หรือว่าข้า
เซียวหนิงหลงใช้เวลาเดินทาง ออกจากเมืองหย่งจินมาแล้วสองชั่วยาม ในตอนนี้เขาและผู้ติดตามกำลังพักอยู่ใกล้ริมลำธาร เพื่อให้ม้าได้ดื่มน้ำกินหญ้า ในส่วนของคนก็ต้องทานอาหารเช่นกันเขานึกถึงคำพูดของลู่ชิงที่บอกให้ลองดื่มน้ำสมุนไพร เมื่อออกจากเมืองหย่งจินมาระยะหนึ่งแล้วจะได้รับคำตอบ ไม่รอช้าเซียวหนิงหลงหยิบถุงหนังใส่น้ำสมุนไพรขึ้นมาดื่ม ทันทีที่น้ำสมุนไพรเข้าไปในร่างกาย เขาก็รู้สึกโล่งเบาสบายเป็นอย่างมากอาการเหนื่อยล้าเล็กน้อยจากการขี่ม้าก็หายไป นอกจากนี้เขายังสัมผัสถึงลมปราณที่วิ่งไปยังจุดต่าง ๆ ในร่างกาย เหมือนกับว่าเขากำลังจะบรรลุวรยุทธ์ขั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์ ไม่แปลกใจที่ชิงเอ๋อร์กำชับเอาไว้ว่า อย่าแบ่งน้ำสมุนไพรนี้ให้กับใครพร่ำเพรื่อเด็ดขาด เซียวหนิงหลงถือถุงหนังใส่น้ำสมุนไพรเดินไปหาตันเจียงกับชุนชาน เพื่อแบ่งให้พวกเขาสองคนได้ดื่ม และจะเก็บไว้ให้กับครอบครัวของเขาด้วยเช่นกัน“ตันเจียง ชุนชาน พวกเจ้าแยกมาด้านนี้สักประเดี๋ยว” เขาเรียกผู้ติดตามทั้งสองคนให้เดินมาหาอีกทางหนึ่ง เพื่อป้องกันพวกสายลับจะได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังจะพูดคุยกัน“ไม่ทราบว่าซื่อจื่อมีอะไรจะสั่งการพวกเราหรือขอรับ” ตันเจียงเ
ตันเจียงที่เห็นว่านายน้อยของตน เอาแต่จ้องหน้าคุณหนูลู่ชิงจึงกระแอมกระไอเสียงดัง เพื่อเรียกสติเจ้านายเสียหน่อย ประเดี๋ยวจะออกเดินทางล่าช้าได้ หากปล่อยให้อยู่ในอาการของคนตกหลุมรักเด็กสาวตรงหน้า“อะแฮ่ม ๆ ไม่ทราบว่าคุณหนูลู่ชิงจะไปที่ใดหรือ ถึงได้เดินมาทางนี้เพียงลำพังน่ะขอรับ” ตันเจียงเป็นคนเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ“อ้อ ข้ากำลังจะไปดูนายช่างหาน ที่มาปรับปรุงร้านเป็นวันแรกเจ้าค่ะ แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน คงต้องเอาไว้ค่อยมาดูพรุ่งนี้กับท่านพ่อแทนแล้วล่ะเจ้าค่ะ” พรุ่งนี้ค่อยชวนทุกคนมาดูพร้อมกันน่าจะดีกว่า“นายช่างได้บอกหรือไม่ว่าใช้เวลากี่วัน ถึงจะปรับปรุงร้านค้าของเจ้าเสร็จ” เซียวหนิงหลงเอ่ยถามกับลู่ชิงบ้าง“บอกเจ้าค่ะใช้เวลาไม่เกินยี่สิบวัน เพราะต้องต่อเติมด้านบนชั้นสองทำเป็นห้องพักสองห้อง จากนั้นครอบครัวข้าจะย้ายมาพักที่นี่ชั่วคราว และให้นายช่างหานไปสร้างบ้านต่อที่หมู่บ้านอันผิงเจ้าค่ะ” ลู่ชิงตอบด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ แถมยังส่งยิ้มให้กับเซียวหนิงหลงอีกด้วย“หากพี่จะฝากคนให้มาเป็นลูกจ้างของร้านเจ้า สักสามสี่คนจะได้หรือไม่ พวกเขาเป็นกำพร้าแต่เด็กไม่มีครอบครัว เจ้าพอจะรับไว้ได้ไหม” เขาต้อ
ลู่ชิงเห็นพ่อบ้านชิมอาหารด้วยความตื่นเต้นดีใจ จึงหันไปหาพี่ชายอย่างลู่เสียนเพื่อขอให้พี่ชายมาช่วยห่อข้าว นางจะคุยเรื่องราคาอาหาร และต้องการให้ทางพ่อบ้านส่งคนมารับอาหารที่นี่แทน หากจะให้นำอาหารไปส่งที่เมืองหย่งจินคงจะขาดคนทำงานเป็นแน่“ท่านพ่อบ้านเจ้าคะ อาหารที่ท่านสั่งข้าคิดราคาแตกต่างกันสักหน่อย อย่างข้าวผัดหมูและผัดกะเพรา ข้าจะทำใส่หม้อใบใหญ่อย่างที่ท่านเห็น ราคาจะอยู่ที่หม้อละห้าสิบตำลึงเงิน ส่วนหมูทอดไก่ทอดจะใช้วัตถุดิบอย่างละยี่สิบจิน รวมสามอย่างก็หกสิบจินคิดราคาสิบห้าตำลึงเงิน รวมทั้งหมดคือหนึ่งร้อยสี่สิบห้าตำลึงเงิน ท่านพ่อบ้านคิดว่าราคานี้เป็นอย่างไรเจ้าคะ” ลู่ชิงไม่ได้เอากำไรมากมาย เพราะราคาที่บอกไปมันเป็นกำไรล้วน ๆ ต่างหาก“อืม ราคาที่เจ้าพูดมาก็ถือว่าไม่แพงจนเกินไป แค่เนื้อก็ราคาสูงกว่าอย่างอื่นอยู่แล้ว ข้าตกลงสั่งอาหารกับเจ้าในราคาที่เจ้าเสนอมา” พ่อบ้านคำนวณแล้วถือว่าราคาถูกกว่า ไปสั่งอาหารที่เหลาอาหารในเมืองเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของรสชาติอาหาร ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง“ขอบคุณเจ้าค่ะ เช่นนั้นเช้าวันงานรบกวนท่านพ่อบ้าน ให้คนมารับอาหารที่แผงขายของนี้ ทางเราจะมีของแถมเ
เซียวหนิงหลงสั่งการเรื่องนี้กับตันเจียง เพื่อจะได้ให้เจียวมิ่งเตรียมตัวให้พร้อม ว่าจะต้องมาทำหน้าที่เกี่ยวกับอะไรที่ตำบลหย่งฝูแห่งนี้“ขอรับ ข้าน้อยจะส่งจดหมายถึงเจียวมิ่ง ให้เตรียมตัวพร้อมออกเดินทาง” ตันเจียงแอบคิดในใจว่า เขาจะเขียนเรื่องคุณหนูลู่ชิงไปด้วยนิดหน่อย ให้เจียวมิ่งเอาไปเล่าให้ท่านอ๋องกับพระชายาฟัง คงจะตกใจจนคาดไม่ถึงเป็นแน่“พวกเจ้าเตรียมตัวไว้ให้พร้อมคืนนี้เข้ายามจื่อ พวกเราจะเริ่มลงมือเพื่อสะกดรอยตามคนพวกนั้น” เขาจะต้องติดตามและจับเป็นสายลับกลับเมืองหลวงให้ได้ หากชักช้าย่อมไม่เป็นผลดีกับชาวบ้านแถบชายแดน ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง ว่าจะเกิดสงครามขึ้นมายามใดนายช่างหานที่เดินสำรวจ และวัดพื้นที่ทั้งหมดของบ้านตระกูลสวี ก็แจ้งกับลู่เวินว่าต้องใช้เวลาในการสร้างบ้าน และสร้างกำแพงรอบบ้านนั้นประมาณสามเดือน เขาคิดราคารวมทั้งหมดแล้ว เป็นเงินห้าร้อยเจ็ดสิบตำลึงทองเพราะต้องใช้วัสดุอย่างดี และค่าจ้างคนงานที่ต้องจ้างมาเพิ่ม เมื่อตกลงและทำสัญญาเรียบร้อย นายช่างหานก็ได้ลิ้มลองอาหารรสชาติอร่อยที่เขาไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน ถึงกับเอ่ยปากชมลู่ชิงไม่หยุด แม้กระทั่งตอนจะกลับยังบอกอีกว่า
ลู่เวินที่พานายช่างหานมาถึงบ้านก็ไม่รอช้า พวกเขาเดินไปดูพื้นที่รอบ ๆ บ้าน เพื่อทำการวัดขนาดความกว้างความยาวของที่ดินทั้งหมด ลู่ชิงยังบอกให้นายช่างหานทำกำแพงบ้านสูงหนึ่งจั้งเสียก่อน จากนั้นค่อยสร้างบ้านโดยบ้านที่ลู่ชิงจะให้สร้างตามแบบ เป็นบ้านสองชั้นต้องใช้ก้อนอิฐในการสร้างเท่านั้น ชั้นบนมีสี่ห้องนอนมีห้องน้ำในตัว ส่วนชั้นล่างหนึ่งห้องนอนมีห้องน้ำเช่นกัน และมันเป็นห้องของลู่ชิงเอง ส่วนห้องน้ำอีกห้องเอาไว้สำหรับแขกที่มาเยี่ยมบ้านนายช่างหานก็รับปากจะทำอย่างเต็มที่ และที่สำคัญเขาอยากเห็นบ้านหลังนี้ หลังจากสร้างเสร็จตามแบบที่ได้รับมาเร็ว ๆ เสียเหลือเกินตอนนี้หมดหน้าที่ของลู่ชิงตรงนี้แล้ว นางจึงขอตัวไปเข้าครัวเพื่อเตรียมข้าวมื้อเที่ยงสำหรับทุกคนลู่ชิงเข้ามาในบ้านก็เอ่ยชวนมารดาเข้าครัวด้วยกันทันที “ท่านแม่เจ้าคะ พวกเราเข้าครัวเตรียมทำอาหารมื้อเที่ยง รอท่านพ่อกับนายช่างหานกันเถิดเจ้าค่ะ”“ชิงเอ๋อร์จะให้แม่ทำตรงส่วนไหนบ้าง บอกมาได้เลยลูกแม่จะจำวิธีการทำไว้ เผื่ออยากกินอีกจะได้ลงมือทำเอง” ฟางซินชอบดูวิธีการทำอาหารของบุตรสาวมาก“ได้สิเจ้าคะ เช่นนั้นรบกวนท่านแม่ล้างพวกผักต่าง ๆ ที่ต้องใส่ในอาห
ทางครอบครัวลู่ชิงช่วยกันแจกอาหารจนหมดเกลี้ยงแล้ว ก็เก็บของขึ้นเกวียนก่อนจะฝากไว้ กับคนที่รับฝากเกวียนใกล้ ๆ แถวนั้น เพราะพวกเขาจะไปบ้านของนายช่างหาน เพื่อติดต่อให้ไปปรับปรุงร้านค้า รวมถึงสร้างบ้านใหม่ที่หมู่บ้านอันผิงด้วย“น้องชายท่านนี้ไม่ทราบว่า นายช่างหานอยู่หรือไม่ พอดีว่าข้าจะมาติดต่อให้เขาไปปรับปรุงร้านค้าและสร้างบ้านน่ะ” ลู่เวินถามกับคนงาน ที่กำลังเตรียมของอยู่ในลานบ้านของนายช่างหาน“หืม พวกท่านมาติดต่องานหรือขอรับ นายช่างหานอยู่ด้านใน พวกท่านเดินเข้าไปไม่ไกลก็เจอแล้วขอรับ” เขาตอบกลับไปด้วยถ้อยคำที่สุภาพ“ขอบใจมากนะน้องชาย”“ยินดีขอรับ” มีลูกค้ามาก็ต้องต้อนรับดี ๆ หน่อยลู่เวินพาทุกคนเดินเลยลานบ้านเข้ามา ก็ได้เจอนายช่างหานที่กำลังสั่งงานลูกน้องอยู่พอดี จึงเข้าไปทักทายอย่างสุภาพ“พี่ชายท่านนี้ไม่ทราบว่าใช่นายช่างหานหรือไม่ขอรับ ข้ามาติดต่อว่าจ้างไปปรับปรุงร้านค้ากับสร้างบ้านขอรับ” ลู่เวินเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ“อ้อ ข้านายช่างหานเอง เมื่อกี้เจ้าบอกว่าจะมาจ้างงานข้าเช่นนั้นหรือ” นายช่างหานหันมาตอบลู่เวินอย่างเป็นธรรมชาติ“ใช่ขอรับ พวกเราได้ยินหลายคนพูดกันว่า ท่านมีฝีมือในการสร้างบ้
เมื่อการประชุมเรื่องอาชีพเสริมของชาวบ้านอันผิง ผ่านไปได้ด้วยดีสองคนพ่อลูกจึงรีบกลับบ้าน จะได้ทานมื้อเที่ยงและพักผ่อน พรุ่งนี้ยังต้องไปติดต่อนายช่างหาน เพื่อว่าจ้างให้มาปรับปรุงร้านค้า“ท่านพ่อเจ้าคะวันนี้พักผ่อนให้มากหน่อยชดเชยก่อนหน้านี้ ที่ท่านต้องลำบากทำงานหาเงินตั้งหลายปี” ลู่ชิงสงสารคนในครอบครัวที่ต้องลำบาก ประคับประคองชีวิตมาจนถึงตอนนี้มันไม่ง่ายเลยจริง ๆลู่ชิงเอ่ยเช่นนี้เพราะอยากให้ครอบครัว ได้มีเวลาพักผ่อนเยอะ ๆ แม้ตอนนี้จะมีข้าวกินจนอิ่มท้องและมีน้ำจากบ่อวิเศษ แต่ร่างกายทุกคนยังดูผอมกันอยู่ จึงต้องทานอาหารบำรุงดี ๆ รวมถึงการพักผ่อนเพื่อให้ภายในร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ลู่เวินเข้าใจความห่วงใยนี้ของลู่ชิง และมันเป็นเรื่องจริงที่พวกเขา พยายามกันอยากมากกับการทำงานเลี้ยงชีพ เมื่อยามนี้พอมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การพักฟื้นร่างกายย่อมเป็นสิ่งสำคัญ “พ่อจะทำตามที่ชิงเอ๋อร์แนะนำเป็นอย่างดี รวมถึงท่านแม่และพี่ชายของเจ้าด้วยเช่นกัน”“ดีมากเจ้าค่ะ อิอิ”“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ เรื่องที่ไปหารือกับผู้ใหญ่บ้านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ฟางซินกังวลว่าจะมีชาวบ้านที่ไม่เชื่อเรื่องอาชีพ“กา
ก๊อก ๆ ๆ “มีใครอยู่หรือไม่ ท่านอาหลิ่วขอรับข้าลู่เวินมีเรื่องมาหารือกับท่านขอรับ”ลู่เวินพาบุตรสาวมาถึงบ้านท่านอาหลิ่วอาน ที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็เคาะประตูเรียกเจ้าของบ้าน รอไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู“หืม อาเวินเองรึข้าก็นึกว่าผู้ใด เข้ามานั่งด้านในก่อนเถิดค่อยพูดคุยกัน”“ขอบคุณขอรับ”“ชิงเอ๋อร์ก็มาด้วยหรือ ว่าแต่พวกเจ้ามีเรื่องอะไรถึงมาหาข้าในยามนี้เล่า”“ข้ากับบุตรสาวมีเรื่องอยากจะหารือกับท่าน ถ้าครอบครัวข้าอยากจะหาอาชีพเสริม มาให้ชาวบ้านทำเพื่อให้มีรายได้เพิ่ม ท่านอาหลิ่วคิดเห็นว่าอย่างไรขอรับ” เมื่อเข้ามานั่งด้านในบ้านแล้วลู่เวินก็พูดขึ้นทันที“อาชีพเสริมเช่นนั้นรึ ถ้ามันช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มข้าย่อมสนับสนุน หมู่บ้านของเราใช่ว่าจะมีฐานะร่ำรวย ยามเกิดภัยแล้งภัยหนาวล้วนลำบากทั้งนั้น กว่าทางการจะให้การช่วยเหลือ ผู้คนก็ล้มป่วยหรือตายจากญาติพี่น้องก็มี พวกเจ้าลองอธิบายให้ข้าฟังสักหน่อย หากเป็นงานที่ไม่ยากเกินไป ข้าจะได้เรียกทุกคนมาประชุมหารือร่วมกันทันที”เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ย่อมไม่อยากเห็นลูกบ้านของตนอยู่อย่างยากลำบากเกินไป เมื่อมีลู่ทางหาเงินเขาจะไม่สนับสนุนได้เช่นไร“เรื่องนี้
ด้านฟางซินและบุตรชายทั้งสอง เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ช่วยกันเก็บของเข้าที่จนเรียบร้อย ทั้งสองคนจึงบอกกับมารดาว่าจะไปพบสหาย เพื่อพูดคุยเรื่องอาชีพเสริมที่น้องสาวคิดขึ้นมา นางอนุญาตให้พวกเขาไปหาสหายได้ ส่วนตนเองนั้นจะอยู่รอสามีกับบุตรสาวอยู่ตรงหน้าบ้านเอง“ท่านแม่ท่านพักผ่อนอยู่ที่บ้าน รอท่านพ่อกับน้องเล็กไปก่อน ข้ากับน้องรองจะไปพบสหายเสียหน่อย เพื่อคุยเรื่องอาชีพเสริมของน้องเล็กขอรับ”“ใช่แล้วท่านแม่ พวกเราสองคนไปไม่นานจะรีบกลับมาขอรับ”“พวกเจ้าไปเถอะแม่อยู่คนเดียวได้ อีกสักพักพ่อกับน้องสาวพวกเจ้าก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ”ลู่เวินบังคับเกวียนเข้าประตูบ้าน ภายหลังจากที่บุตรชายออกไปไม่ถึงหนึ่งจิบชา พอฟางซินเห็นสามีกับบุตรสาวกลับมาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่า สามีไปเอาเกวียนมาจากที่ใดเพราะราคาน่าจะหลายตำลึง ทั้งยังเป็นเกวียนวัวที่มีหลังคาอีกด้วย“ท่านพี่นี่ท่านไปเอาเกวียนวัวจากที่ใดมาเจ้าคะ” ฟางซินเอ่ยถามสามีเมื่อเห็นเขาบังคับเกวียนเล่มใหญ่เข้ามา“อ้อ เกวียนวัวเล่มนี้เป็นของครอบครัวของเรา เพราะต้องใช้มันขนของเพื่อไปพักในตำบลชั่วคราว หลังจากนี้พวกเราจะสร้างบ้านหลังใหม่แทนหลังเดิม” ลู่เวินอธิบายให้ภรรยาข