“กร !” แม่แก้วอยากจะเอ่ยปากต่อว่าลูกชายอีกหลายอย่าง แต่ก็ต้องหยุดไม่พูดต่อ เพราะคนที่ลุกไปตักข้าวเดินกลับมาที่โต๊ะ
ไข่มุกถือถาดที่มีจานข้าวจัดสวยงามกับถ้วยแกงจืดฝีมือตัวเองเข้ามายืนใกล้สามี หญิงสาววางถาดลงบนโต๊ะ แล้วหยิบจานข้าววางลงตรงหน้าเขา
“พี่ไม่กินฟักทอง” ภากรบอกเสียงแข็ง เขาเงยหน้ามองคนที่ยังจับจานไว้ด้วยสายตาดุ
ไข่มุกหน้าเสีย หญิงสาวกำลังจะยกจานข้าวกลับไปจัดการเอาฟักทองออกให้เขา แต่พ่อวัตก็ขัดขึ้นก่อน
“ไม่กินก็ไม่ต้องกิน เอาไว้ในจานแบบนั้นแหละ วางจานข้าวลงแล้วกลับไปกินข้าวต่อเถอะน้องมุก”
ไข่มุกหันไปมองหน้าพ่อสามี พ่อวัตพยักหน้าและยิ้มอ่อนโยนให้เธอ
“กินข้าวเถอะมุก ใครไม่กินอะไรก็จัดการตัวเองแล้วกัน อุตส่าห์ทำให้แล้วเอามาเสิร์ฟถึงที่ ยังจะเรื่องมากอีก” แม่แก้วว่าแล้วมองค้อนลูกชาย
พอได้รับเสียงสนับสนุนสองเสียง ไข่มุกจึงเชื่อฟังผู้ใหญ่ หญิงสาววางจานข้าวและถ้วยแกงจืดลงตรงหน้าสามี แล้วจึงกลับไปนั่งกินข้าวต่อ แต่กินได้อีกแค่คำเดียวคำก็รู้สึกตื้อไม่อยากกินต่อแล้ว เธอจึงรวบช้อนส้อมวางบนจาน แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
คนไม่กินฟักทอง เขี่ยฟักทองไปไว้ที่ขอบจาน ราวกับว่ารังเกียจรังงอนหนักหนา เขาตักน้ำแกงจืดขึ้นซดแล้วทำหน้าแปลกใจ
“วันนี้แม่ทำแกงจืดอร่อยมากเลยครับ”
พ่อวัตยิ้มขำ ก้มหน้ากินข้าวในจานต่อโดยไม่พูดอะไร
แม่แก้วอมยิ้ม หันไปมองสบตาลูกสะใภ้ แล้วหันมองลูกชาย “แม่ไม่ได้ทำ น้องมุกเป็นคนทำ”
คนที่กำลังตักน้ำแกงขึ้นซดเป็นครั้งที่สองชะงักมือค้าง จะเทคืนถ้วยก็ดูน่าเกลียด จะซดอีกคำก็กลัวเสียฟอร์ม
“กิน ๆ ไปเถอะ รีบไปทำงานไม่ใช่เหรอ” พ่อวัตว่าเสียงกลั้วขำ ท่านรวบช้อนส้อม แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“น้องมุก...พ่อขออีกจาน แล้วก็ขอแกงจืดอีกถ้วยใหญ่ ๆเลยนะ”
“ค่ะ พ่อวัต” ไข่มุกยิ้มหน้าบาน รีบลุกไปจัดการตามที่พ่อวัตบอก
พอไข่มุกเดินเข้าห้องครัวไป พ่อวัตก็หันไปพูดกับแม่แก้วว่า “กินข้าวเสร็จแล้ว เราไปช่วยน้องมุกขนของมาจากบ้านโน้นกันนะคุณ”
“ค่ะ ขนของเสร็จแล้วพาน้องมุกไปซื้อของเข้าบ้านนะคะ เผื่อน้องมุกอยากได้อะไรเพิ่ม”
“อือ ได้สิ ถือโอกาสซื้อของแต่งบ้านเพิ่มด้วย”
พ่อวัตเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ท่านเกษียณเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้จึงได้พักผ่อนอยู่บ้านอย่างสบายใจ ลูก ๆ ก็เรียนจบมีงานทำกันทั้งสองคนแล้ว ฐานะการเงินของครอบครัวก็มั่นคง จึงไม่มีอะไรน่ากังวลเลย แต่จะว่าไม่มีก็ดูเหมือนจะไม่ถูกสักเท่านั้น ต้องบอกว่า เมื่อก่อนไม่มีอะไรน่ากังวลเลย แต่ตอนนี้ท่านชักเป็นกังวลกับลูกชายคนเล็กเสียแล้ว ไม่รู้ว่าชีวิตคู่ของลูกจะไปในทิศทางใด ก็ได้แต่หวังว่า ทั้งสองจะสามารถปรับตัวเข้าหากันได้ในเร็ววัน
สองสามีภรรยาพูดคุยนัดแนะกันอยู่สองคน ไม่สนใจลูกชายที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยสักนิด
ไม่ชอบ ไม่รักเมียก็ช่าง พวกท่านทั้งรักทั้งเอ็นดูน้องมุกมาก เพราะเธอเป็นเด็กดีน่ารัก และหวังว่าสักวันลูกชายของพวกท่านจะมองเห็นความดีและความน่ารักของน้องมุก
พอน้องมุกถือถาดกับข้าวเข้ามาในห้องกินข้าวอีกครั้ง คนที่เพิ่งกินข้าวไปไม่กี่คำก็รวบช้อนส้อม ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
ภากรบอกแล้วลุกขึ้น เดินออกจากห้องไปเลย ปล่อยให้ภรรยาวัยสิบแปดมองตามอย่างรู้สึกผิด
“มุกไม่รู้ว่าพี่กรไม่กินฟักทอง”
“ไม่เป็นไรหรอก ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปนะ” แม่แก้วบอกให้ไข่มุกสบายใจ
“แต่พี่กร กินข้าวนิดเดียวเอง” ไข่มุกมองจานข้าวที่เหลือมากกว่าครึ่งแล้วยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“มันโตแล้ว ถ้าหิวก็หากินเองแหละ ไม่ต้องคิดมากนะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว พ่อกับแม่จะไปช่วยขนของมาจากบ้านให้นะ” พ่อวัตเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น เพราะสงสารคนที่คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ลูกชายของท่านกินข้าวน้อย ไข่มุกไม่ผิดเลย คนที่ผิดก็คือคนหิวแต่เล่นตัว และกลัวเมียได้หน้าเลยไม่ยอมกินต่อ
“ค่ะ” อย่างน้อยในบ้านหลังนี้ก็มีพ่อวัต แม่แก้ว และพี่ดาที่ยังไม่ตื่นนอนที่ดีกับเธอ ส่วนพี่กร...เธอหวังว่าสักวันเขาจะดีกับเธอบ้าง อย่างน้อย ขอให้เขาดีกับเธอได้สักเศษเสี้ยวหนึ่งที่เขาเคยดีกับเธอ ตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดเรื่องที่ทำให้เขาต้องแต่งงานกับเธอ
บ้านของภากรและบ้านของไข่มุกอยู่ติดกัน มีเพียงรั้วไม้ระแนงสีขาวกั้นเขตแดน และตรงกลางของรั้วก็มีประตูไม้เล็ก ๆ ไว้เดินไปมาหาสู่กันได้
ครอบครัวของภากรมาอยู่ที่นี่มาแต่ดั้งเดิม อยู่มาก่อนครอบครัวของไข่มุก ตอนที่ครอบครัวของไข่มุกย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ตอนนั้นไข่มุกยังเรียนอยู่ชั้นประถมอยู่เลย
พ่อของไข่มุกเป็นข้าราชการระดับสูง เมื่อก่อนรับราชการอยู่ต่างจังหวัด พอได้ย้ายเข้ามาประจำที่ส่วนกลางในกรุงเทพ พ่อกวีจึงมองหาบ้านที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน พอดีกับบ้านหลังนี้ประกาศขาย พ่อกวีจึงซื้อและรีโนเวทจนบ้านปูนสองชั้นสวยงามน่าอยู่ และได้เพื่อนบ้านน่ารัก คุยกันถูกคอจนสนิทกัน มีอะไรก็คอยช่วยเหลือกันตลอด
หลังจากย้ายมาอยู่บ้านใหม่ได้ราวสิบปี พ่อกวีตัดสินใจเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด เป็นปีเดียวกับที่มรกตเรียบจบปริญญาตรี พ่อกวีลาออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกเมีย แต่แม้ไม่ได้ทำงานแล้ว พ่อกวีก็ยังมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินมรดกที่อยู่ต่างจังหวัดหลายแปลง และมีรายได้จากการลงทุนหลายอย่าง เพราะท่านวางแผนการเกษียณมาอย่างดี ท่านจึงสามารถเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้อยู่ดีกินดีได้อย่างสบาย ๆหลังจากช่วยกันขนของช่วยกันจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองครอบครัวก็รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่บ้านของไข่มุกพอกินมื้อเที่ยงเสร็จ พ่อวัตกับแม่แก้วขอตัวกลับบ้านก่อน ส่วนไข่มุกอยู่พูดคุยกับพ่อ แม่ และพี่สาวเป็นครั้งแรกที่ทั้งครอบครัวได้จับเข่าคุยกันจริงจัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะหลังจากคืนก่อนนั้น ไข่มุกต้องเข้าพิธีแต่งงานกับภากร ทุกคนจึงวุ่นวายกับการจัดงาน จึงยังไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันแม่บุษรานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีลูกสาวทั้งสองนั่งขนาบข้าง พ่อกวีนั่งที่เก้าอี้ใกล้โซฟา คนเป็นพ่อนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ปล่อยให้แม่ลูกคุยกันตามประสาผู้หญิง“กตไม่อยากจมอยู่กับอดีตค่ะ
ภริดาเพิ่งควักเงินเก็บครึ่งหนึ่งซื้อคอนโดมิเนียมหรูใกล้ร้านอาหารของเธอ เธอซื้อเงินสดเพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ยเงินกู้ จะว่างก เธอก็ยอมรับ แม้จะเสียดายเงินก้อนโต แต่เพื่อความสะดวกในการทำงาน และเธอเองจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เธอจึงยอมจ่าย ในส่วนเงินเก็บที่เหลือจากการซื้อคอนโด ครึ่งหนึ่ง เธอแบ่งไปลงทุนในแหล่งที่ไม่มีความเสี่ยง และอีกครึ่ง เธอนำไปลงหุ้นในแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน ในส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงนี้ เธอให้บริษัทแนะนำการลงทุนเป็นคนจัดการให้ ดังนั้น...ตอนนี้เธอจนจริง ๆ นะ นี่ก็ต้องทำงานหัวหกก้นขวิด เพื่อหาเงินมาเติมส่วนที่พร่องไป“เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว ยังจะให้เลี้ยงอีก”“ก็คุณพ่อรวยกว่าดา ไม่รู้ล่ะ มื้อนี้คุณพ่อจ่ายนะคะ”พ่อวัตกอดอก แล้วถอนหายใจ“เหม็นสาบคนจน เลี้ยงก็ได้”ภริดายิ้มแก้มปริ พอรถจอดติดสัญญาณไฟแดง เธอก็หันไปยิ้มแฉ่งให้บิดา“คุณภวัตสุดหล่อน่ารักที่ซู้ดดด”แม่แก้วถอนหายใจใส่คนเป็นพ่อ ไม่ว่าอย่างไรคุณภวัตก็ไม่เคยทนลูกอ้อนของลูกสาวได้สักที แม้ภริดาจะโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานหาเงิน และรับผิดชอบตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่เวลาอยู
หลังจากขนของลงจากรถเสร็จแล้ว แม่แก้วก็บอกให้ทุกคนไปอาบน้ำอาบท่าแล้วพักผ่อนกันได้เลย พรุ่งนี้ค่อยมาช่วยกันแกะกล่อง และจัดของอีกทีคนอื่นก็เดินขึ้นบ้านเข้าห้องไปตามปกติ แต่คนที่ต้องเข้าไปเจอหน้าสามีที่เพิ่งเข้าหอด้วยกันครั้งแรกเมื่อคืน และเป็นคืนเข้าหอที่ไม่น่าจดจำเท่าไร ยังคงยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้อง เธอใช้เวลาครู่ใหญ่ กว่าจะรวบรวมความกล้าได้มากพอที่จะเคาะประตูห้องหลังจากเคาะประตูห้องแล้ว ไข่มุกก็แทบกลั้นหายใจ ขณะที่รอเขามาเปิดประตูให้พอประตูห้องเปิดออก ไข่มุกก็ก้มหน้า ไม่กล้ามองสบตาเขา“ขอบคุณค่ะ”“ไม่มีมือเปิดเองหรือไง ทำไมต้องเคาะประตู”“เอ่อ...” ก็เธอเคาะประตูตามมารยาทที่ควรทำไง ถึงแม้ห้องนี้จะเป็นห้องหอของเธอกับเขา แต่เธอไม่รู้ว่าเขาที่อยู่ในห้องกำลังทำอะไรอยู่ พร้อมที่จะให้เธอเข้าไปในห้องหรือเปล่า เธอก็ต้องเคาะเพื่อขออนุญาต และรอเขามาเปิดให้“ทีหลังไม่ต้องเคาะ อยากเข้าก็เข้ามา หรือถ้าชอบเคาะ ก็เคาะไป แล้วก็เปิดประตูเอง ไม่ต้องรอให้พี่มาเปิด มันน่ารำคาญ”“ค่ะ” ไข่มุกรับคำแล้วก้มหน้าเดินตามเขาเข้าไปในห้องเพราะเดินก้มหน้า และไม่มองเขา ไข่มุกจึงไม่รู้ภากรเดินไปมุมไหนของห้อง ส่วนเธ
“มุกต้องทำยังไงต่อคะ”หากไข่มุกไม่ถาม คนที่เอาแต่มองเรือนร่างเปล่าเปลือยของเธอก็คงยังมองอยู่อีกนาน“ขึ้นมาบนเตียงสิ แล้วนอนอ้าขาให้พี่เอา”ไข่มุกเม้มปากแน่น จุกในอกอย่างบอกไม่ถูก เธอกำลังจะได้ทำหน้าที่บนเตียงในฐานะเมีย แต่สำหรับเขา เธอก็แค่คนที่เขาใช้ปลดปล่อยความต้องการทางเพศ...ไม่ต่างจากหญิงขายบริการไข่มุกคลานขึ้นเตียงไปนอนลงกลางเตียง เธอตะแคงหน้าหันมองไปอีกทาง เพราะไม่กล้าสบตาคมดุ ไข่มุกใช้แขนและมือข้างซ้ายปิดเต้านมสองข้าง และวางมือข้างขวาลงตรงกึ่งกลางหว่างขา แถมยังหนีบขาไว้แน่น“ปิดทำไม ถ้าไม่อยากให้ทำก็ลุกขึ้น ขนของกลับบ้านไป”เสียงเข้มดุของคนที่นั่งมองเรือนกายสาวอยู่ทำให้ไข่มุกค่อย ๆ เลื่อนสองแขนวางลงข้างลำตัว ความหวาดหวั่นและตื่นกลัวทำให้ไข่มุกหอบหายใจแรง ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง เต้าสาวกระเพื่อมไหว เม็ดเนื้อนุ่มสีชมพูบนยอดเต้าเต่งตึงหดแข็งภากรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เรือนกายขาวนวลและเย้ายวนของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกระตุ้นความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง ท่าทางขัดเขินไร้เดียงสาของไข่มุกยิ่งทำให้เขาอยากรังแกเธอ“อ๊ะ !” ไข่มุกอุทานตกใจเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับมาคร่อมทับเธออย่างรวดเร็ว ห
ภากรเก็บกลืนหยาดน้ำหวานสาวจนเกลี้ยง เขาจูบกลางกลีบเนื้อนวลหนัก ๆ แล้วปาดเลียบางเบา แต่เพียงบางเบา ร่างสาวก็สั่นกระตุก เจ้าของเนื้อนวลที่ถูกเขาฉกชิมรสชาติครางเสียงหวานเซ็กซี่ อาการตอบสนองของไข่มุกทำให้ภากรยิ้มในหน้าภากรปล่อยขาเรียววางลงบนที่นอน เขาถอดอาภรณ์ที่ปกปิดช่วงล่างของตนออกจนหมด ขณะที่จัดการกับตัวเอง ตาคมก็ไม่ละสายตาไปจากคนที่นอนหอบหายใจแรงเพราะเพิ่งผ่านจุดสุขสมมาเมื่อครู่เมื่อสองกายเปล่าเปลือยเท่าเทียม คนตัวโตก็โน้มตัวลงมาทาบทับร่างสาวอีกครั้ง เขาวางสองมือค้ำยันตัวเองไว้ข้างศีรษะของเธอ ใช้หัวเข่าดันแยกต้นขาขาวให้กางออก แล้วกดตัวตนความเป็นชายนาบลงไปกลางกลีบเนื้อนวล กดเน้น ๆ แล้วขยับบั้นท้ายช้า ๆ ให้ลำกายแข็งกร้าวบดขยี้จุดที่ไวต่อสัมผัส ตาคู่คมจับจ้องดวงหน้าสาว แววตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย“อื๊อ...” ไข่มุกขยุ้มผ้าปูที่นอนเต็มสองมือ แอ่นบั้นท้ายขยับส่ายร่อนร้อนรน ซอกสาวร้อนวูบวาบ ร่องรักคัดหลั่งน้ำหวานออกมาจนเปียกเปื้อนเต็มซอกขา ทั้งยังชโลมลำกายแกร่งจนมันวาวภากรลดตัวลงนาบกับเรือนกายนุ่ม เขาเสียเวลาเพียงนิดในตอนที่ยื่นมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง หยิบซองถุงยางอนามัยออกม
ภากรเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าแล้วหยิบชุดทำงานออกมา พอเขาหยิบกางเกงในขึ้นมาสวมอย่างไม่เกรงใจสายตาใครอีกคนที่มองเขาอยู่ คนมองจึงรีบก้มมองตักตัวเองบรรยากาศยามเช้าในห้องของคู่ข้าวใหม่ปลามันช่างอึมครึม ทั้งที่เมื่อคืนเขากับเธอกอดก่ายแนบชิด ร่วมรักกันอย่างดุดันเร่าร้อนตั้งหลายครั้ง แต่พอตื่นเช้ามา เขาก็ทำราวกับว่า เธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ภากรใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็แต่งตัวเสร็จ เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์ กุญแจรถ กระเป๋าโน้ตบุ๊ก แล้วเดินไปเปิดประตูห้องเสียงเปิดประตูทำให้ไข่มุกเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวจึงเห็นว่า สามีสวมชุดทำงาน เธอเห็นแค่ด้านหลังของเขา และเห็นเพียงแวบเดียว ก่อนเขาจะดึงประตูห้องปิดลงไข่มุกถอนหายใจบางเบา ค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียง พอลุกขึ้นยืนข้างเตียงแล้วหันกลับไปมองร่องรอยที่เขากับเธอร่วมกันทำไว้เมื่อคืน ไข่มุกก็ต้องเม้มปากแน่นผ้าปูที่นอนสีชมพูมีจุดสีแดงอยู่กลางเตียง...ก็จริงอยู่ที่คุณค่าของผู้หญิงไม่ได้วัดกันที่เยื่อพรหมจรรย์ แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าคนที่ได้มันไปจากเธอจะทะนุถนอม และจะโอบกอดปลอบโยนเธอสักนิดหลังจากที่เขาเสร็จสมไปห้าครั้งเมื่อคืนพี่กรนอนหันหลังให้เธอทันทีหลังจากปลดปล่
“น้องมุกเตรียมของ เตรียมชุดนักศึกษาครบหรือยังลูก” แม่แก้วถามในตอนที่กำลังกินอาหารมื้อค่ำกันอยู่“เรียบร้อยเกือบทุกอย่างแล้วค่ะแม่แก้ว เหลือโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังไม่ได้ไปซื้อค่ะ วันนี้ตอนเอาแกงเทโพไปให้ที่บ้าน คุณพ่อบอกว่าจะพาไปซื้อสัปดาห์หน้าค่ะ”“โน้ตบุ๊กหรือ ทำไมต้องไปรบกวนคุณกวีด้วยล่ะ น้องมุกแต่งงานมีสามีแล้ว ก็ให้สามีซื้อให้สิ” พอบอกลูกสะใภ้แล้ว แม่แก้วก็หันไปบอกลูกชายว่า “ตากร...วันหยุดนี้พาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กใหม่หน่อยนะลูก”“ผมไม่ว่างครับ” ภากรตอบแทบจะทันทีหลังจากที่แม่แก้วพูดจบคนเป็นแม่ถอนหายใจ มองค้อนลูกชาย แล้วหันถามสามี“คุณวัตคะ พรุ่งนี้ว่างไหมคะ”“ว่างสิ สำหรับคุณผมว่างเสมอแหละ”แม่แก้วยิ้มพอใจ “งั้นก็ดีเลยค่ะ พรุ่งนี้เราพาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กกันเถอะนะคะ”“ได้สิ น้องมุกอยากได้ยี่ห้อไหน รุ่นไหนก็บอกมา พ่อซื้อให้ แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจด้วย เพราะพ่อถือว่าน้องมุกเป็นลูกสาวของพ่ออีกคน”“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณพ่อวัตกับแม่แก้วมากนะคะ”“ไม่เป็นไรลูก อยู่ที่นี่ให้สบายใจนะ ในเมื่อแม่กับพ่อรับมุกมาเป็นสะใภ้แล้ว เราก็จะดูแลมุกให้ดีที่สุด ใครไม่ดูแลก็ช่างมัน อย่าไปสนใจ”คนที่ถูกแม่แขวะแทบสำลั
มีคนเคยบอกว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ ส่วนช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เรามักจะรู้สึกว่ามันอยู่กับเรายาวนานเหลือเกิน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เวลาที่ผ่านไปนั้นช้าเร็วไม่ต่างกัน เพียงแต่เราหวงแหนช่วงเวลาแห่งความสุข อยากรั้งมันไว้นาน ๆ เราจึงคิดกันไปเองว่า เวลามันผ่านไปเร็ว แต่พอเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ เราก็มักจะภาวนาขอให้ผ่านไปเร็ว ๆ คิดวนเวียนหมกมุ่นอยู่แต่กับสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ เราเลยรู้สึกกันว่า ช่วงเวลาทุกข์ช่างยาวนานแถมยังทรมานอีกด้วยสำหรับไข่มุกแล้ว ไม่ว่าจะช่วงเวลาสุขหรือทุกข์ เธอก็เลือกที่จะเรียนรู้และอยู่กับมันให้ได้ แม้จะทุกข์ แม้จะมีคราบน้ำตา แต่เธอก็มองเห็นความสุขแม้เพียงเล็กน้อยในช่วงเวลานั้นสองสัปดาห์แล้วที่เธอย้ายมาอยู่บ้านสามี ทุกคนในครอบครัวของเขาดีกับเธอมาก ขนาดพี่ดาไปพักอยู่คอนโดยังโทรมาพูดคุยกับเธอบ่อย ๆ พ่อวัตกับแม่แก้วก็เอาใจเธอยิ่งกว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอเสียอีก ยกเว้นก็แต่สามีของเธอ นอกจากคำพูดเหน็บแนมและเอ่ยปากไล่เธอทุกครั้งที่เธอขัดใจ เขายังชอบเอาแต่ใจกับเธอด้วยแต่ไข่มุกก็มองว่า นี่คือผลจากการกระทำของเธอเอง และเธอเลือกเข้ามาอยู่จุดนี้เอง แม้
“พี่กร…” ไข่มุกเรียกเสียงขาดห้วง ความใหญ่โตและร้อนผ่าวที่บดขยี้กลางกลีบเนื้อกำลังจะทำให้เธอแตกซ่าน สองกายกอดรัดกันแนบแน่น ต่างคนต่างขยับบดเบียดเข้าหากัน เร่าร้อน หวามไหว เสียดเสียว ซาบซ่าน ในตอนที่พุ่งทะยานไปถึงปลายทางซ่านเสียว ต่างคนต่างผวากอดกันเต็มอ้อมแขน แล้วปลดปล่อยสายน้ำแห่งความสุขสมออกมารินรดกันและกัน ไข่มุกนั่งอิงแอบอยู่บนตักแกร่ง เธอเงยหน้ารับจูบหวามหวานครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับคนจูบไม่รู้จักอิ่มจักพอ “พี่กรขา เรากลับบ้านกันเถอะ” ไข่มุกกลัวว่าถ้าดึกมากไป พ่อกับแม่จะเป็นห่วง แม้เธอจะโทรบอกพวกท่านแล้วว่าพี่กรพามากินข้าว และจะกลับถึงบ้านดึกสักหน่อย แต่เธอก็ไม่อยากให้ดึกมากไป ภากรหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่ ตัดใจจากเรือนกายหอมกรุ่น อุ้มน้องลงจากตัก วางเธอลงบนเบาะข้างกันตามเดิม เขาเช็ดทำความสะอาดและจัดการชุดของเธอให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยที่สุด แล้วจึงหันมาจัดการตัวเอง
จริง ๆ แล้ว ไข่มุกก็แค่อยากจะจูบขอบคุณเขาอย่างอ่อนหวานอ่อนโยน อยากทำอะไรที่มันหวานละมุนละไม แต่คนขาดของมานานกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ไข่มุกนั่งคร่อมตักคนตัวโต หัวเข่าสองข้างกดอยู่ข้างสะโพกแกร่ง และเพราะเธอยังสวมชุดนักศึกษาอยู่ กระโปรงทรงสอบสั้นเหนือเข่าจึงร่นขึ้นไปกองอยู่แถว ๆ บั้นท้ายอวบอัด เนื้อตัวด้านหน้าและอกอวบอิ่มทาบทับบนเรือนกายกำยำ ภากรจูบอย่างเรียกร้อง จูบอย่างโหยหา ดูดดื่มกับปากหวาน ๆ ที่เขาไม่ได้ลิ้มรสมานานหลายเดือน และพอได้จูบก็หยุดไม่ได้ ยิ่งเรือนกายเย้ายวนแนบสนิทกันขนาดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะลูบไล้ไปตามนิวเนื้อเนียนนุ่ม แต่พอเขาลูบตรงต้นขาขาวและกำลังจะวกไปหาต้นขาด้านใน คนที่คร่อมทับเขาอยู่ก็รีบจับข้อมือเขาไว้แน่น ไข่มุกถอนจูบ และหอบหายใจแรง เธอจ้องตาเขาในระยะประชิด “พี่กร…ไม่ได้นะคะ” “มุกจ๋า…พี่จะขาดใจตายอยู่แล้ว ถ้ายังไม่เคยได้กิน ยังไม่รู้รส พี่ก
ไข่มุกหันไปมองคนขับรถของเธอ “พี่กรจอดทำไมคะ” “อยากอยู่กับมุกนาน ๆ ถ้าพากลับบ้านตอนนี้อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องห่างกันแล้ว” “บ้านอยู่ติดกัน ตื่นเช้ามาก็เห็นหน้ากัน ไม่ได้ห่างกันสักหน่อย” ภากรถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วขยับตัวเล็กน้อยหันไปหาน้อง โน้มตัวไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้เธอด้วย “กวนนะเรา” ภากรว่าพลางจับมือนุ่มข้างหนึ่งมากุมไว้ ความมืดที่โอบล้อมรอบกายทำให้ทั้งคู่มองเห็นกันเพียงเลือนราง ทว่าไออุ่นจากมือใหญ่ที่เกาะกุมมือนุ่มไว้ ทำให้ไข่มุกอบอุ่นไปทั้งใจ “กวนแล้วรักไหมคะ” ไข่มุกขยับตัวหันไปหาคนที่ขยับเข้ามาใกล้เธอ “รักครับ” คำบอกรักตรง ๆ สั้น ๆ ทำให้คนฟังยิ้มหวาน “พี่ยังไม่ได้ให้ของขวัญวันเกิดน้องมุกเลย” “แค่พี่กรตามใจมุก พามุกมากินของอร่อย ๆ ไกลถึงนี่ก็ถือว่าเป็นข
ตอนเย็นจึงเป็นช่วงเวลาของเธอกับคุณแฟน…ใช่แล้วล่ะ เธอตกลงเป็นแฟนกับพี่กรแล้ว ขยับสถานะขึ้นมาอีกขั้น และดูเหมือนว่าพี่กรอยากจะเป็นมากกว่าแฟนแล้ว เพียงแต่เธอยังไม่พร้อมกลับไปใช้ชีวิตกับเขาเหมือนเดิม เธอจึงขอเวลาเขาอีกนิด “ครับผม คุณมุกอยากกินอยากได้อะไร อยากไปไหน เชิญบัญชามาได้เลยครับ” คนที่มารอรับน้องที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่บ่ายสามบอกน้ำเสียงแข็งขัน “เอ…วันนี้กินอะไรดีน้า !” ไข่มุกเอียงคอเล็กน้อย ใช้นิ้วชี้เคาะข้างแก้ม ทำท่าครุ่นคิดจริงจัง ราวกับว่านี่คือปฏิบัติการที่สำคัญขั้นสุดยอด ภากรขับรถออกจากมหาวิทยาลัย เพราะเธอยังไม่บอกว่าอยากกินอะไร เขาจึงขับรถไปเรื่อย ๆ “คิดออกหรือยังครับ” “ยังเลยค่ะ แล้วพี่กรล่ะคะ อยากกินอะไร” “อะไรก็ได้ครับ น้องมุกกินอะไร พี่ก็กินได้หมด” “งั้นถ้ามุกบอกว่า มุกอยากกินซีฟู้ดริมทะเลที่มีชายหาดสวย ๆ ล่ะคะ”
ภากรสูดลมหายใจ แล้วระบายออกยืดยาว สะกดกลั้นอารมณ์เปลี่ยวที่กำลังลุกโชน เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น จูบหมอนข้างหนัก ๆ ไปสองที “มุกจ๋า…เมื่อไรจะใจอ่อนสักที พี่จะขาดใจตายอยู่แล้วนะ” ภากรรำพึงรำพันกับหมอนข้าง คร่ำครวญโหยหวน พยายามสะกดจิตสะกดใจให้อยู่กับร่องกับรอย แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ทำในสิ่งที่น้องห้ามไม่ได้ คนห่างเมียได้แต่นึกขอโทษของโพยน้องในใจ น้องมุก…พี่ขอโทษ พี่อดใจไม่ไหวจริงๆครับ ภากรไปทำงานต่างจังหวัดหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้าน ต้องอยู่ห่างจากน้อง เขามีโอกาสได้โทรหาน้องเฉพาะช่วงหลังเลิกงาน เพราะงานมีปัญหา เขาจึงยุ่งทั้งวัน แล้วกว่าจะเลิกงานก็ดึกเต็มที บางครั้งเขาไม่ได้โทรหาเธอ เพราะเกรงว่าน้องจะนอนแล้ว กลัวว่าจะรบกวนเธอ แต่ทุกครั้งที่เขาเลิกงานดึกและไม่ได้โทรหาเธอ น้องมุกจะเป็นฝ่ายโทรหาเขาเอง มันทำให้คนที่ไปทำงานไกล ยิ้มได้และมีกำลังใจ มีแรงสู้กับงาน ยิ่งพอน้องบอกว่าตรงที่โดนน้ำร
“ถ้าเป็นห่วงพี่ คราวหลังก็มาด้วยสิ มาให้พี่กอดนอน พี่จะได้อุ่น” ภากรที่พูดทีเล่นทีจริงแต่ถ้าได้จริงๆก็ดี ไข่มุกทำปากยื่นใส่โทรศัพท์ คนอย่างเขาน่ะหรือจะนอนอย่างเดียว มองตาก็รู้แล้วว่าเขาคิดจะทำมิดีมิร้ายเธอแน่นอน “เพิ่งตามจีบกันไม่กี่เดือน กล้าชวนไปนอนด้วยแล้วเหรอคะ มุกจะฟ้องคุณพ่อ” พอน้องบอกว่าจะฟ้องคุณพ่อ ภากรก็ยิ้มแหย “พี่พูดเล่นน่า นอนได้แล้วนะครับ แล้วก็อย่าลืมกอดหมอนพี่ด้วย เพราะพี่ก็จะกอดหมอนน้องมุกนอนเหมือนกัน” ภากรว่าพลางยื่นมือไปหยิบหมอนข้างใบโตที่มีรูปไข่มุกเต็มตัวพิมพ์อยู่บนหมอน ไหน ๆ ก็สั่งทำหมอนพิมพ์หน้าตัวเองให้น้องแล้ว เขาก็เลยถือโอกาสสั่งทำหมอนข้างพิมพ์รูปน้องแบบเต็มตัวมาด้วย เอาไว้กอดแก้หนาว กอดให้อุ่นใจ “พี่กร ! เรื่องอะไรมาเอารูปมุกไปสกรีนบนหมอนข้างแบบนั้นคะ” “ก็พี่อยากนอนกอดมุก ไม่ได้กอดตัวจริง กอดหมอนข้างก
16 ผูกพันห่วงใย “ทายาหรือยังครับ” ภากรถามทันที ที่ไข่มุกรับสายวิดีโอคอลจากเขา พอเห็นน้องสวมชุดนอนอยู่บนเตียง ภาพความนวลเนียนตรงนั้น ที่เขาจำได้ติดตาก็ผุดขึ้นมา แต่เขาก็รีบตัดมันออกจากความคิดไปก่อน เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดก็คือรอยแดงจากน้ำร้อนลวกบนตัวน้อง “ทาแล้วค่ะ” “ยังแสบอยู่หรือเปล่า” “ค่ะ แต่ทายา กินยาแล้ว พรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้น” “ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านพี่ดาอีกแล้วนะ” ไข่มุกหน้าเศร้า พยักหน้า “ไม่ไปแล้วค่ะ มุกนี่ซุ่มซ่ามจริง ๆ เลยนะคะ นอกจากจะทำให้ตัวเองเจ็บตัวแล้ว ยังทำให้พี่ดาถูกลูกค้าต่อว่าด้วย” “มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก แล้วลูกค้าเขาก็เข้าใจ เขาไม่ได้ต่อว่าอะไรพี่ดาหรอกน่า อย่าไปคิดมาก ดูแลตัวเองให้ดี”
“ก็ทำตัวดี ๆ เดี๋ยวน้องมุกเขาก็เห็นใจเองแหละ” “ที่ผมยังทำดีไม่พออีกหรือครับพี่” “ก็ดีแหละ แต่ช่วงที่ผ่านมา บังเอิญว่าเลวเยอะไปหน่อยไง” “พี่ดา !” ภากรงอแงกับพี่สาว ไม่ช่วยแล้วยังว่า ยังซ้ำเติมไม่หยุดหย่อน “น้องมุกเขาไม่มีใครหรอก แกเทียวรับ เทียวส่ง ตามเฝ้าอยู่อย่างนี้ สักวันน้องก็เห็นใจเองแหละ อดทนนะไอ้น้องชาย” ระหว่างพี่น้องนั่งคุยกันอยู่ ก็มีเสียงเอะอะโวยวายจากโต๊ะมุมหนึ่งของร้าน ทั้งสองหันไปมองจึงเห็นว่า ลูกค้าโต๊ะนั้นลุกขึ้นยืน และกำลังชี้หน้าต่อว่าพนักงานเสิร์ฟซึ่งก็คือไข่มุก ภากรลุกขึ้นและพุ่งตัวไปยังโต๊ะนั้นทันที พี่ดารีบลุกตามไปติด ๆ ภากรรีบกันคนตัวเล็กมากอดไว้ข้างกาย แล้วถามด้วยความเป็นห่วง “น้องมุกเกิดอะไรขึ้น” “มุกทำหม้อต้มยำหลุดมือค่ะ มันร้อน มุกขอโทษนะคะ” ไข่มุกหันไปขอโทษลูกค้าอีกครั้ง
พ่อกวีวางเสียมในมือลง ท่านยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กของลูกสาว ถอนหายใจแรง ก่อนจะระบายยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน รักสุดหัวใจ ห่วงใยสุดชีวิต แต่เพราะพ่อไม่สามารถอยู่กับลูกได้ตลอดไป และไม่อาจปกป้องลูกได้ตลอดเวลา พ่อกวีจึงไม่ตัดสินใจแทนลูก ท่านเปิดโอกาสให้ลูกเลือกทางเดินชีวิตด้วยตนเอง ระหว่างลูกสาวของท่านกับภากร เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีนัก ต่างคนต่างมีข้อผิดพลาด มีข้อที่ต้องตำหนิติเตียน ทว่าเมื่อคนสองคนได้พูดคุยตกลงกันแล้ว แม้จะยังไม่ได้รับปากกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะให้โอกาสกัน แต่เท่าที่ดู เท่าที่สังเกต ไข่มุกยังคงมีความรู้สึกดี ๆ ให้ภากร พ่อกวีตัดสินใจให้โอกาสอดีตลูกเขยในตอนที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่ อย่างน้อยหากการกลับไปสานสัมพันธ์กันต่อในครั้งนี้ ไม่เป็นไปด้วยดี ท่านก็ยังสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือลูกได้ และอีกอย่าง บ้านก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ถ้าเกิดภากรทำนิสัยไม่ดีกับลูกของท่านอีก ท่านจะตามทวงคืนทันที และจะไม่หยิ