“กร !” แม่แก้วอยากจะเอ่ยปากต่อว่าลูกชายอีกหลายอย่าง แต่ก็ต้องหยุดไม่พูดต่อ เพราะคนที่ลุกไปตักข้าวเดินกลับมาที่โต๊ะ
ไข่มุกถือถาดที่มีจานข้าวจัดสวยงามกับถ้วยแกงจืดฝีมือตัวเองเข้ามายืนใกล้สามี หญิงสาววางถาดลงบนโต๊ะ แล้วหยิบจานข้าววางลงตรงหน้าเขา
“พี่ไม่กินฟักทอง” ภากรบอกเสียงแข็ง เขาเงยหน้ามองคนที่ยังจับจานไว้ด้วยสายตาดุ
ไข่มุกหน้าเสีย หญิงสาวกำลังจะยกจานข้าวกลับไปจัดการเอาฟักทองออกให้เขา แต่พ่อวัตก็ขัดขึ้นก่อน
“ไม่กินก็ไม่ต้องกิน เอาไว้ในจานแบบนั้นแหละ วางจานข้าวลงแล้วกลับไปกินข้าวต่อเถอะน้องมุก”
ไข่มุกหันไปมองหน้าพ่อสามี พ่อวัตพยักหน้าและยิ้มอ่อนโยนให้เธอ
“กินข้าวเถอะมุก ใครไม่กินอะไรก็จัดการตัวเองแล้วกัน อุตส่าห์ทำให้แล้วเอามาเสิร์ฟถึงที่ ยังจะเรื่องมากอีก” แม่แก้วว่าแล้วมองค้อนลูกชาย
พอได้รับเสียงสนับสนุนสองเสียง ไข่มุกจึงเชื่อฟังผู้ใหญ่ หญิงสาววางจานข้าวและถ้วยแกงจืดลงตรงหน้าสามี แล้วจึงกลับไปนั่งกินข้าวต่อ แต่กินได้อีกแค่คำเดียวคำก็รู้สึกตื้อไม่อยากกินต่อแล้ว เธอจึงรวบช้อนส้อมวางบนจาน แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
คนไม่กินฟักทอง เขี่ยฟักทองไปไว้ที่ขอบจาน ราวกับว่ารังเกียจรังงอนหนักหนา เขาตักน้ำแกงจืดขึ้นซดแล้วทำหน้าแปลกใจ
“วันนี้แม่ทำแกงจืดอร่อยมากเลยครับ”
พ่อวัตยิ้มขำ ก้มหน้ากินข้าวในจานต่อโดยไม่พูดอะไร
แม่แก้วอมยิ้ม หันไปมองสบตาลูกสะใภ้ แล้วหันมองลูกชาย “แม่ไม่ได้ทำ น้องมุกเป็นคนทำ”
คนที่กำลังตักน้ำแกงขึ้นซดเป็นครั้งที่สองชะงักมือค้าง จะเทคืนถ้วยก็ดูน่าเกลียด จะซดอีกคำก็กลัวเสียฟอร์ม
“กิน ๆ ไปเถอะ รีบไปทำงานไม่ใช่เหรอ” พ่อวัตว่าเสียงกลั้วขำ ท่านรวบช้อนส้อม แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“น้องมุก...พ่อขออีกจาน แล้วก็ขอแกงจืดอีกถ้วยใหญ่ ๆเลยนะ”
“ค่ะ พ่อวัต” ไข่มุกยิ้มหน้าบาน รีบลุกไปจัดการตามที่พ่อวัตบอก
พอไข่มุกเดินเข้าห้องครัวไป พ่อวัตก็หันไปพูดกับแม่แก้วว่า “กินข้าวเสร็จแล้ว เราไปช่วยน้องมุกขนของมาจากบ้านโน้นกันนะคุณ”
“ค่ะ ขนของเสร็จแล้วพาน้องมุกไปซื้อของเข้าบ้านนะคะ เผื่อน้องมุกอยากได้อะไรเพิ่ม”
“อือ ได้สิ ถือโอกาสซื้อของแต่งบ้านเพิ่มด้วย”
พ่อวัตเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ท่านเกษียณเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้จึงได้พักผ่อนอยู่บ้านอย่างสบายใจ ลูก ๆ ก็เรียนจบมีงานทำกันทั้งสองคนแล้ว ฐานะการเงินของครอบครัวก็มั่นคง จึงไม่มีอะไรน่ากังวลเลย แต่จะว่าไม่มีก็ดูเหมือนจะไม่ถูกสักเท่านั้น ต้องบอกว่า เมื่อก่อนไม่มีอะไรน่ากังวลเลย แต่ตอนนี้ท่านชักเป็นกังวลกับลูกชายคนเล็กเสียแล้ว ไม่รู้ว่าชีวิตคู่ของลูกจะไปในทิศทางใด ก็ได้แต่หวังว่า ทั้งสองจะสามารถปรับตัวเข้าหากันได้ในเร็ววัน
สองสามีภรรยาพูดคุยนัดแนะกันอยู่สองคน ไม่สนใจลูกชายที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยสักนิด
ไม่ชอบ ไม่รักเมียก็ช่าง พวกท่านทั้งรักทั้งเอ็นดูน้องมุกมาก เพราะเธอเป็นเด็กดีน่ารัก และหวังว่าสักวันลูกชายของพวกท่านจะมองเห็นความดีและความน่ารักของน้องมุก
พอน้องมุกถือถาดกับข้าวเข้ามาในห้องกินข้าวอีกครั้ง คนที่เพิ่งกินข้าวไปไม่กี่คำก็รวบช้อนส้อม ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
ภากรบอกแล้วลุกขึ้น เดินออกจากห้องไปเลย ปล่อยให้ภรรยาวัยสิบแปดมองตามอย่างรู้สึกผิด
“มุกไม่รู้ว่าพี่กรไม่กินฟักทอง”
“ไม่เป็นไรหรอก ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปนะ” แม่แก้วบอกให้ไข่มุกสบายใจ
“แต่พี่กร กินข้าวนิดเดียวเอง” ไข่มุกมองจานข้าวที่เหลือมากกว่าครึ่งแล้วยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“มันโตแล้ว ถ้าหิวก็หากินเองแหละ ไม่ต้องคิดมากนะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว พ่อกับแม่จะไปช่วยขนของมาจากบ้านให้นะ” พ่อวัตเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น เพราะสงสารคนที่คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ลูกชายของท่านกินข้าวน้อย ไข่มุกไม่ผิดเลย คนที่ผิดก็คือคนหิวแต่เล่นตัว และกลัวเมียได้หน้าเลยไม่ยอมกินต่อ
“ค่ะ” อย่างน้อยในบ้านหลังนี้ก็มีพ่อวัต แม่แก้ว และพี่ดาที่ยังไม่ตื่นนอนที่ดีกับเธอ ส่วนพี่กร...เธอหวังว่าสักวันเขาจะดีกับเธอบ้าง อย่างน้อย ขอให้เขาดีกับเธอได้สักเศษเสี้ยวหนึ่งที่เขาเคยดีกับเธอ ตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดเรื่องที่ทำให้เขาต้องแต่งงานกับเธอ
บ้านของภากรและบ้านของไข่มุกอยู่ติดกัน มีเพียงรั้วไม้ระแนงสีขาวกั้นเขตแดน และตรงกลางของรั้วก็มีประตูไม้เล็ก ๆ ไว้เดินไปมาหาสู่กันได้
ครอบครัวของภากรมาอยู่ที่นี่มาแต่ดั้งเดิม อยู่มาก่อนครอบครัวของไข่มุก ตอนที่ครอบครัวของไข่มุกย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ตอนนั้นไข่มุกยังเรียนอยู่ชั้นประถมอยู่เลย
พ่อของไข่มุกเป็นข้าราชการระดับสูง เมื่อก่อนรับราชการอยู่ต่างจังหวัด พอได้ย้ายเข้ามาประจำที่ส่วนกลางในกรุงเทพ พ่อกวีจึงมองหาบ้านที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน พอดีกับบ้านหลังนี้ประกาศขาย พ่อกวีจึงซื้อและรีโนเวทจนบ้านปูนสองชั้นสวยงามน่าอยู่ และได้เพื่อนบ้านน่ารัก คุยกันถูกคอจนสนิทกัน มีอะไรก็คอยช่วยเหลือกันตลอด
หลังจากย้ายมาอยู่บ้านใหม่ได้ราวสิบปี พ่อกวีตัดสินใจเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด เป็นปีเดียวกับที่มรกตเรียบจบปริญญาตรี พ่อกวีลาออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกเมีย แต่แม้ไม่ได้ทำงานแล้ว พ่อกวีก็ยังมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินมรดกที่อยู่ต่างจังหวัดหลายแปลง และมีรายได้จากการลงทุนหลายอย่าง เพราะท่านวางแผนการเกษียณมาอย่างดี ท่านจึงสามารถเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้อยู่ดีกินดีได้อย่างสบาย ๆหลังจากช่วยกันขนของช่วยกันจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองครอบครัวก็รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่บ้านของไข่มุกพอกินมื้อเที่ยงเสร็จ พ่อวัตกับแม่แก้วขอตัวกลับบ้านก่อน ส่วนไข่มุกอยู่พูดคุยกับพ่อ แม่ และพี่สาวเป็นครั้งแรกที่ทั้งครอบครัวได้จับเข่าคุยกันจริงจัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะหลังจากคืนก่อนนั้น ไข่มุกต้องเข้าพิธีแต่งงานกับภากร ทุกคนจึงวุ่นวายกับการจัดงาน จึงยังไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันแม่บุษรานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีลูกสาวทั้งสองนั่งขนาบข้าง พ่อกวีนั่งที่เก้าอี้ใกล้โซฟา คนเป็นพ่อนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ปล่อยให้แม่ลูกคุยกันตามประสาผู้หญิง“กตไม่อยากจมอยู่กับอดีตค่ะ
ภริดาเพิ่งควักเงินเก็บครึ่งหนึ่งซื้อคอนโดมิเนียมหรูใกล้ร้านอาหารของเธอ เธอซื้อเงินสดเพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ยเงินกู้ จะว่างก เธอก็ยอมรับ แม้จะเสียดายเงินก้อนโต แต่เพื่อความสะดวกในการทำงาน และเธอเองจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เธอจึงยอมจ่าย ในส่วนเงินเก็บที่เหลือจากการซื้อคอนโด ครึ่งหนึ่ง เธอแบ่งไปลงทุนในแหล่งที่ไม่มีความเสี่ยง และอีกครึ่ง เธอนำไปลงหุ้นในแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน ในส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงนี้ เธอให้บริษัทแนะนำการลงทุนเป็นคนจัดการให้ ดังนั้น...ตอนนี้เธอจนจริง ๆ นะ นี่ก็ต้องทำงานหัวหกก้นขวิด เพื่อหาเงินมาเติมส่วนที่พร่องไป“เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว ยังจะให้เลี้ยงอีก”“ก็คุณพ่อรวยกว่าดา ไม่รู้ล่ะ มื้อนี้คุณพ่อจ่ายนะคะ”พ่อวัตกอดอก แล้วถอนหายใจ“เหม็นสาบคนจน เลี้ยงก็ได้”ภริดายิ้มแก้มปริ พอรถจอดติดสัญญาณไฟแดง เธอก็หันไปยิ้มแฉ่งให้บิดา“คุณภวัตสุดหล่อน่ารักที่ซู้ดดด”แม่แก้วถอนหายใจใส่คนเป็นพ่อ ไม่ว่าอย่างไรคุณภวัตก็ไม่เคยทนลูกอ้อนของลูกสาวได้สักที แม้ภริดาจะโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานหาเงิน และรับผิดชอบตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่เวลาอยู
หลังจากขนของลงจากรถเสร็จแล้ว แม่แก้วก็บอกให้ทุกคนไปอาบน้ำอาบท่าแล้วพักผ่อนกันได้เลย พรุ่งนี้ค่อยมาช่วยกันแกะกล่อง และจัดของอีกทีคนอื่นก็เดินขึ้นบ้านเข้าห้องไปตามปกติ แต่คนที่ต้องเข้าไปเจอหน้าสามีที่เพิ่งเข้าหอด้วยกันครั้งแรกเมื่อคืน และเป็นคืนเข้าหอที่ไม่น่าจดจำเท่าไร ยังคงยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้อง เธอใช้เวลาครู่ใหญ่ กว่าจะรวบรวมความกล้าได้มากพอที่จะเคาะประตูห้องหลังจากเคาะประตูห้องแล้ว ไข่มุกก็แทบกลั้นหายใจ ขณะที่รอเขามาเปิดประตูให้พอประตูห้องเปิดออก ไข่มุกก็ก้มหน้า ไม่กล้ามองสบตาเขา“ขอบคุณค่ะ”“ไม่มีมือเปิดเองหรือไง ทำไมต้องเคาะประตู”“เอ่อ...” ก็เธอเคาะประตูตามมารยาทที่ควรทำไง ถึงแม้ห้องนี้จะเป็นห้องหอของเธอกับเขา แต่เธอไม่รู้ว่าเขาที่อยู่ในห้องกำลังทำอะไรอยู่ พร้อมที่จะให้เธอเข้าไปในห้องหรือเปล่า เธอก็ต้องเคาะเพื่อขออนุญาต และรอเขามาเปิดให้“ทีหลังไม่ต้องเคาะ อยากเข้าก็เข้ามา หรือถ้าชอบเคาะ ก็เคาะไป แล้วก็เปิดประตูเอง ไม่ต้องรอให้พี่มาเปิด มันน่ารำคาญ”“ค่ะ” ไข่มุกรับคำแล้วก้มหน้าเดินตามเขาเข้าไปในห้องเพราะเดินก้มหน้า และไม่มองเขา ไข่มุกจึงไม่รู้ภากรเดินไปมุมไหนของห้อง ส่วนเธ
“มุกต้องทำยังไงต่อคะ”หากไข่มุกไม่ถาม คนที่เอาแต่มองเรือนร่างเปล่าเปลือยของเธอก็คงยังมองอยู่อีกนาน“ขึ้นมาบนเตียงสิ แล้วนอนอ้าขาให้พี่เอา”ไข่มุกเม้มปากแน่น จุกในอกอย่างบอกไม่ถูก เธอกำลังจะได้ทำหน้าที่บนเตียงในฐานะเมีย แต่สำหรับเขา เธอก็แค่คนที่เขาใช้ปลดปล่อยความต้องการทางเพศ...ไม่ต่างจากหญิงขายบริการไข่มุกคลานขึ้นเตียงไปนอนลงกลางเตียง เธอตะแคงหน้าหันมองไปอีกทาง เพราะไม่กล้าสบตาคมดุ ไข่มุกใช้แขนและมือข้างซ้ายปิดเต้านมสองข้าง และวางมือข้างขวาลงตรงกึ่งกลางหว่างขา แถมยังหนีบขาไว้แน่น“ปิดทำไม ถ้าไม่อยากให้ทำก็ลุกขึ้น ขนของกลับบ้านไป”เสียงเข้มดุของคนที่นั่งมองเรือนกายสาวอยู่ทำให้ไข่มุกค่อย ๆ เลื่อนสองแขนวางลงข้างลำตัว ความหวาดหวั่นและตื่นกลัวทำให้ไข่มุกหอบหายใจแรง ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง เต้าสาวกระเพื่อมไหว เม็ดเนื้อนุ่มสีชมพูบนยอดเต้าเต่งตึงหดแข็งภากรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เรือนกายขาวนวลและเย้ายวนของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกระตุ้นความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง ท่าทางขัดเขินไร้เดียงสาของไข่มุกยิ่งทำให้เขาอยากรังแกเธอ“อ๊ะ !” ไข่มุกอุทานตกใจเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับมาคร่อมทับเธออย่างรวดเร็ว ห
ภากรเก็บกลืนหยาดน้ำหวานสาวจนเกลี้ยง เขาจูบกลางกลีบเนื้อนวลหนัก ๆ แล้วปาดเลียบางเบา แต่เพียงบางเบา ร่างสาวก็สั่นกระตุก เจ้าของเนื้อนวลที่ถูกเขาฉกชิมรสชาติครางเสียงหวานเซ็กซี่ อาการตอบสนองของไข่มุกทำให้ภากรยิ้มในหน้าภากรปล่อยขาเรียววางลงบนที่นอน เขาถอดอาภรณ์ที่ปกปิดช่วงล่างของตนออกจนหมด ขณะที่จัดการกับตัวเอง ตาคมก็ไม่ละสายตาไปจากคนที่นอนหอบหายใจแรงเพราะเพิ่งผ่านจุดสุขสมมาเมื่อครู่เมื่อสองกายเปล่าเปลือยเท่าเทียม คนตัวโตก็โน้มตัวลงมาทาบทับร่างสาวอีกครั้ง เขาวางสองมือค้ำยันตัวเองไว้ข้างศีรษะของเธอ ใช้หัวเข่าดันแยกต้นขาขาวให้กางออก แล้วกดตัวตนความเป็นชายนาบลงไปกลางกลีบเนื้อนวล กดเน้น ๆ แล้วขยับบั้นท้ายช้า ๆ ให้ลำกายแข็งกร้าวบดขยี้จุดที่ไวต่อสัมผัส ตาคู่คมจับจ้องดวงหน้าสาว แววตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย“อื๊อ...” ไข่มุกขยุ้มผ้าปูที่นอนเต็มสองมือ แอ่นบั้นท้ายขยับส่ายร่อนร้อนรน ซอกสาวร้อนวูบวาบ ร่องรักคัดหลั่งน้ำหวานออกมาจนเปียกเปื้อนเต็มซอกขา ทั้งยังชโลมลำกายแกร่งจนมันวาวภากรลดตัวลงนาบกับเรือนกายนุ่ม เขาเสียเวลาเพียงนิดในตอนที่ยื่นมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง หยิบซองถุงยางอนามัยออกม
ภากรเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าแล้วหยิบชุดทำงานออกมา พอเขาหยิบกางเกงในขึ้นมาสวมอย่างไม่เกรงใจสายตาใครอีกคนที่มองเขาอยู่ คนมองจึงรีบก้มมองตักตัวเองบรรยากาศยามเช้าในห้องของคู่ข้าวใหม่ปลามันช่างอึมครึม ทั้งที่เมื่อคืนเขากับเธอกอดก่ายแนบชิด ร่วมรักกันอย่างดุดันเร่าร้อนตั้งหลายครั้ง แต่พอตื่นเช้ามา เขาก็ทำราวกับว่า เธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ภากรใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็แต่งตัวเสร็จ เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์ กุญแจรถ กระเป๋าโน้ตบุ๊ก แล้วเดินไปเปิดประตูห้องเสียงเปิดประตูทำให้ไข่มุกเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวจึงเห็นว่า สามีสวมชุดทำงาน เธอเห็นแค่ด้านหลังของเขา และเห็นเพียงแวบเดียว ก่อนเขาจะดึงประตูห้องปิดลงไข่มุกถอนหายใจบางเบา ค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียง พอลุกขึ้นยืนข้างเตียงแล้วหันกลับไปมองร่องรอยที่เขากับเธอร่วมกันทำไว้เมื่อคืน ไข่มุกก็ต้องเม้มปากแน่นผ้าปูที่นอนสีชมพูมีจุดสีแดงอยู่กลางเตียง...ก็จริงอยู่ที่คุณค่าของผู้หญิงไม่ได้วัดกันที่เยื่อพรหมจรรย์ แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าคนที่ได้มันไปจากเธอจะทะนุถนอม และจะโอบกอดปลอบโยนเธอสักนิดหลังจากที่เขาเสร็จสมไปห้าครั้งเมื่อคืนพี่กรนอนหันหลังให้เธอทันทีหลังจากปลดปล่
“น้องมุกเตรียมของ เตรียมชุดนักศึกษาครบหรือยังลูก” แม่แก้วถามในตอนที่กำลังกินอาหารมื้อค่ำกันอยู่“เรียบร้อยเกือบทุกอย่างแล้วค่ะแม่แก้ว เหลือโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังไม่ได้ไปซื้อค่ะ วันนี้ตอนเอาแกงเทโพไปให้ที่บ้าน คุณพ่อบอกว่าจะพาไปซื้อสัปดาห์หน้าค่ะ”“โน้ตบุ๊กหรือ ทำไมต้องไปรบกวนคุณกวีด้วยล่ะ น้องมุกแต่งงานมีสามีแล้ว ก็ให้สามีซื้อให้สิ” พอบอกลูกสะใภ้แล้ว แม่แก้วก็หันไปบอกลูกชายว่า “ตากร...วันหยุดนี้พาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กใหม่หน่อยนะลูก”“ผมไม่ว่างครับ” ภากรตอบแทบจะทันทีหลังจากที่แม่แก้วพูดจบคนเป็นแม่ถอนหายใจ มองค้อนลูกชาย แล้วหันถามสามี“คุณวัตคะ พรุ่งนี้ว่างไหมคะ”“ว่างสิ สำหรับคุณผมว่างเสมอแหละ”แม่แก้วยิ้มพอใจ “งั้นก็ดีเลยค่ะ พรุ่งนี้เราพาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กกันเถอะนะคะ”“ได้สิ น้องมุกอยากได้ยี่ห้อไหน รุ่นไหนก็บอกมา พ่อซื้อให้ แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจด้วย เพราะพ่อถือว่าน้องมุกเป็นลูกสาวของพ่ออีกคน”“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณพ่อวัตกับแม่แก้วมากนะคะ”“ไม่เป็นไรลูก อยู่ที่นี่ให้สบายใจนะ ในเมื่อแม่กับพ่อรับมุกมาเป็นสะใภ้แล้ว เราก็จะดูแลมุกให้ดีที่สุด ใครไม่ดูแลก็ช่างมัน อย่าไปสนใจ”คนที่ถูกแม่แขวะแทบสำลั
มีคนเคยบอกว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ ส่วนช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เรามักจะรู้สึกว่ามันอยู่กับเรายาวนานเหลือเกิน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เวลาที่ผ่านไปนั้นช้าเร็วไม่ต่างกัน เพียงแต่เราหวงแหนช่วงเวลาแห่งความสุข อยากรั้งมันไว้นาน ๆ เราจึงคิดกันไปเองว่า เวลามันผ่านไปเร็ว แต่พอเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ เราก็มักจะภาวนาขอให้ผ่านไปเร็ว ๆ คิดวนเวียนหมกมุ่นอยู่แต่กับสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ เราเลยรู้สึกกันว่า ช่วงเวลาทุกข์ช่างยาวนานแถมยังทรมานอีกด้วยสำหรับไข่มุกแล้ว ไม่ว่าจะช่วงเวลาสุขหรือทุกข์ เธอก็เลือกที่จะเรียนรู้และอยู่กับมันให้ได้ แม้จะทุกข์ แม้จะมีคราบน้ำตา แต่เธอก็มองเห็นความสุขแม้เพียงเล็กน้อยในช่วงเวลานั้นสองสัปดาห์แล้วที่เธอย้ายมาอยู่บ้านสามี ทุกคนในครอบครัวของเขาดีกับเธอมาก ขนาดพี่ดาไปพักอยู่คอนโดยังโทรมาพูดคุยกับเธอบ่อย ๆ พ่อวัตกับแม่แก้วก็เอาใจเธอยิ่งกว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอเสียอีก ยกเว้นก็แต่สามีของเธอ นอกจากคำพูดเหน็บแนมและเอ่ยปากไล่เธอทุกครั้งที่เธอขัดใจ เขายังชอบเอาแต่ใจกับเธอด้วยแต่ไข่มุกก็มองว่า นี่คือผลจากการกระทำของเธอเอง และเธอเลือกเข้ามาอยู่จุดนี้เอง แม้
ภากร ธันวา และอชิระ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พวกเขาเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ หลังจากเรียนจบก็แยกย้ายกันไปทำงานคนละบริษัท แต่ก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ กิจการของพวกเขาค่อย ๆ เติบโตในปีแรก และหากได้ทำงานโพรเจกต์ใหญ่ล่าสุดที่กำลังลุ้นกันอยู่ ในปีนี้...บริษัทของพวกเขาจะเติบโตแบบก้าวกระโดดกันเลยทีเดียวคนถูกเพื่อนแซวถอนหายใจแรง ภากรปล่อยให้เพื่อนพูดไปเรื่อย ส่วนเขานั่งเงียบมองจอโทรศัพท์ พอไข่มุกส่งเลขที่บัญชีมา เขาก็จัดการโอนเงินให้เธอทันทีเป็นจำนวนสามหมื่นบาท แล้วส่งข้อความขู่กลับไปด้วยความหงุดหงิดคืนนี้เธอโดนเอาหนักแน่เงินแค่นี้เขาให้ได้ ไม่มีปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ไข่มุกไม่ยอมบอกเขา แต่ละวันเขาต้องทำงานหนัก บางวันก็ออกตรวจงาน ยิ่งช่วงนี้เขากับเพื่อนกำลังลุ้นงานตรวจงานระบบอาคารโปรเจคใหญ่ด้วย เขาจึงไม่มีเวลาไปถามไถ่เธอหรอกว่า เธอจะเปิดเรียนวันไหน ต้องการเงินรายเดือนเท่าไร เขาโดนคุณแม่ต่อว่าเรื่องโน้ตบุ๊กใหม่ของเธอแล้ว วันนี้เขายังต้องมาโดนกล่าวหาว่าไม่ดูดำดูดีเธออีก โทษฐานที่ทำให้เขาหงุดหงิด คืนนี้เขาจะเอาคืนให้หนักเชียวพอโอนเงินให้เมียและจัดก
มีคนเคยบอกว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ ส่วนช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เรามักจะรู้สึกว่ามันอยู่กับเรายาวนานเหลือเกิน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เวลาที่ผ่านไปนั้นช้าเร็วไม่ต่างกัน เพียงแต่เราหวงแหนช่วงเวลาแห่งความสุข อยากรั้งมันไว้นาน ๆ เราจึงคิดกันไปเองว่า เวลามันผ่านไปเร็ว แต่พอเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ เราก็มักจะภาวนาขอให้ผ่านไปเร็ว ๆ คิดวนเวียนหมกมุ่นอยู่แต่กับสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ เราเลยรู้สึกกันว่า ช่วงเวลาทุกข์ช่างยาวนานแถมยังทรมานอีกด้วยสำหรับไข่มุกแล้ว ไม่ว่าจะช่วงเวลาสุขหรือทุกข์ เธอก็เลือกที่จะเรียนรู้และอยู่กับมันให้ได้ แม้จะทุกข์ แม้จะมีคราบน้ำตา แต่เธอก็มองเห็นความสุขแม้เพียงเล็กน้อยในช่วงเวลานั้นสองสัปดาห์แล้วที่เธอย้ายมาอยู่บ้านสามี ทุกคนในครอบครัวของเขาดีกับเธอมาก ขนาดพี่ดาไปพักอยู่คอนโดยังโทรมาพูดคุยกับเธอบ่อย ๆ พ่อวัตกับแม่แก้วก็เอาใจเธอยิ่งกว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอเสียอีก ยกเว้นก็แต่สามีของเธอ นอกจากคำพูดเหน็บแนมและเอ่ยปากไล่เธอทุกครั้งที่เธอขัดใจ เขายังชอบเอาแต่ใจกับเธอด้วยแต่ไข่มุกก็มองว่า นี่คือผลจากการกระทำของเธอเอง และเธอเลือกเข้ามาอยู่จุดนี้เอง แม้
“น้องมุกเตรียมของ เตรียมชุดนักศึกษาครบหรือยังลูก” แม่แก้วถามในตอนที่กำลังกินอาหารมื้อค่ำกันอยู่“เรียบร้อยเกือบทุกอย่างแล้วค่ะแม่แก้ว เหลือโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังไม่ได้ไปซื้อค่ะ วันนี้ตอนเอาแกงเทโพไปให้ที่บ้าน คุณพ่อบอกว่าจะพาไปซื้อสัปดาห์หน้าค่ะ”“โน้ตบุ๊กหรือ ทำไมต้องไปรบกวนคุณกวีด้วยล่ะ น้องมุกแต่งงานมีสามีแล้ว ก็ให้สามีซื้อให้สิ” พอบอกลูกสะใภ้แล้ว แม่แก้วก็หันไปบอกลูกชายว่า “ตากร...วันหยุดนี้พาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กใหม่หน่อยนะลูก”“ผมไม่ว่างครับ” ภากรตอบแทบจะทันทีหลังจากที่แม่แก้วพูดจบคนเป็นแม่ถอนหายใจ มองค้อนลูกชาย แล้วหันถามสามี“คุณวัตคะ พรุ่งนี้ว่างไหมคะ”“ว่างสิ สำหรับคุณผมว่างเสมอแหละ”แม่แก้วยิ้มพอใจ “งั้นก็ดีเลยค่ะ พรุ่งนี้เราพาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กกันเถอะนะคะ”“ได้สิ น้องมุกอยากได้ยี่ห้อไหน รุ่นไหนก็บอกมา พ่อซื้อให้ แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจด้วย เพราะพ่อถือว่าน้องมุกเป็นลูกสาวของพ่ออีกคน”“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณพ่อวัตกับแม่แก้วมากนะคะ”“ไม่เป็นไรลูก อยู่ที่นี่ให้สบายใจนะ ในเมื่อแม่กับพ่อรับมุกมาเป็นสะใภ้แล้ว เราก็จะดูแลมุกให้ดีที่สุด ใครไม่ดูแลก็ช่างมัน อย่าไปสนใจ”คนที่ถูกแม่แขวะแทบสำลั
ภากรเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าแล้วหยิบชุดทำงานออกมา พอเขาหยิบกางเกงในขึ้นมาสวมอย่างไม่เกรงใจสายตาใครอีกคนที่มองเขาอยู่ คนมองจึงรีบก้มมองตักตัวเองบรรยากาศยามเช้าในห้องของคู่ข้าวใหม่ปลามันช่างอึมครึม ทั้งที่เมื่อคืนเขากับเธอกอดก่ายแนบชิด ร่วมรักกันอย่างดุดันเร่าร้อนตั้งหลายครั้ง แต่พอตื่นเช้ามา เขาก็ทำราวกับว่า เธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ภากรใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็แต่งตัวเสร็จ เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์ กุญแจรถ กระเป๋าโน้ตบุ๊ก แล้วเดินไปเปิดประตูห้องเสียงเปิดประตูทำให้ไข่มุกเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวจึงเห็นว่า สามีสวมชุดทำงาน เธอเห็นแค่ด้านหลังของเขา และเห็นเพียงแวบเดียว ก่อนเขาจะดึงประตูห้องปิดลงไข่มุกถอนหายใจบางเบา ค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียง พอลุกขึ้นยืนข้างเตียงแล้วหันกลับไปมองร่องรอยที่เขากับเธอร่วมกันทำไว้เมื่อคืน ไข่มุกก็ต้องเม้มปากแน่นผ้าปูที่นอนสีชมพูมีจุดสีแดงอยู่กลางเตียง...ก็จริงอยู่ที่คุณค่าของผู้หญิงไม่ได้วัดกันที่เยื่อพรหมจรรย์ แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าคนที่ได้มันไปจากเธอจะทะนุถนอม และจะโอบกอดปลอบโยนเธอสักนิดหลังจากที่เขาเสร็จสมไปห้าครั้งเมื่อคืนพี่กรนอนหันหลังให้เธอทันทีหลังจากปลดปล่
ภากรเก็บกลืนหยาดน้ำหวานสาวจนเกลี้ยง เขาจูบกลางกลีบเนื้อนวลหนัก ๆ แล้วปาดเลียบางเบา แต่เพียงบางเบา ร่างสาวก็สั่นกระตุก เจ้าของเนื้อนวลที่ถูกเขาฉกชิมรสชาติครางเสียงหวานเซ็กซี่ อาการตอบสนองของไข่มุกทำให้ภากรยิ้มในหน้าภากรปล่อยขาเรียววางลงบนที่นอน เขาถอดอาภรณ์ที่ปกปิดช่วงล่างของตนออกจนหมด ขณะที่จัดการกับตัวเอง ตาคมก็ไม่ละสายตาไปจากคนที่นอนหอบหายใจแรงเพราะเพิ่งผ่านจุดสุขสมมาเมื่อครู่เมื่อสองกายเปล่าเปลือยเท่าเทียม คนตัวโตก็โน้มตัวลงมาทาบทับร่างสาวอีกครั้ง เขาวางสองมือค้ำยันตัวเองไว้ข้างศีรษะของเธอ ใช้หัวเข่าดันแยกต้นขาขาวให้กางออก แล้วกดตัวตนความเป็นชายนาบลงไปกลางกลีบเนื้อนวล กดเน้น ๆ แล้วขยับบั้นท้ายช้า ๆ ให้ลำกายแข็งกร้าวบดขยี้จุดที่ไวต่อสัมผัส ตาคู่คมจับจ้องดวงหน้าสาว แววตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย“อื๊อ...” ไข่มุกขยุ้มผ้าปูที่นอนเต็มสองมือ แอ่นบั้นท้ายขยับส่ายร่อนร้อนรน ซอกสาวร้อนวูบวาบ ร่องรักคัดหลั่งน้ำหวานออกมาจนเปียกเปื้อนเต็มซอกขา ทั้งยังชโลมลำกายแกร่งจนมันวาวภากรลดตัวลงนาบกับเรือนกายนุ่ม เขาเสียเวลาเพียงนิดในตอนที่ยื่นมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง หยิบซองถุงยางอนามัยออกม
“มุกต้องทำยังไงต่อคะ”หากไข่มุกไม่ถาม คนที่เอาแต่มองเรือนร่างเปล่าเปลือยของเธอก็คงยังมองอยู่อีกนาน“ขึ้นมาบนเตียงสิ แล้วนอนอ้าขาให้พี่เอา”ไข่มุกเม้มปากแน่น จุกในอกอย่างบอกไม่ถูก เธอกำลังจะได้ทำหน้าที่บนเตียงในฐานะเมีย แต่สำหรับเขา เธอก็แค่คนที่เขาใช้ปลดปล่อยความต้องการทางเพศ...ไม่ต่างจากหญิงขายบริการไข่มุกคลานขึ้นเตียงไปนอนลงกลางเตียง เธอตะแคงหน้าหันมองไปอีกทาง เพราะไม่กล้าสบตาคมดุ ไข่มุกใช้แขนและมือข้างซ้ายปิดเต้านมสองข้าง และวางมือข้างขวาลงตรงกึ่งกลางหว่างขา แถมยังหนีบขาไว้แน่น“ปิดทำไม ถ้าไม่อยากให้ทำก็ลุกขึ้น ขนของกลับบ้านไป”เสียงเข้มดุของคนที่นั่งมองเรือนกายสาวอยู่ทำให้ไข่มุกค่อย ๆ เลื่อนสองแขนวางลงข้างลำตัว ความหวาดหวั่นและตื่นกลัวทำให้ไข่มุกหอบหายใจแรง ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง เต้าสาวกระเพื่อมไหว เม็ดเนื้อนุ่มสีชมพูบนยอดเต้าเต่งตึงหดแข็งภากรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เรือนกายขาวนวลและเย้ายวนของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกระตุ้นความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง ท่าทางขัดเขินไร้เดียงสาของไข่มุกยิ่งทำให้เขาอยากรังแกเธอ“อ๊ะ !” ไข่มุกอุทานตกใจเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับมาคร่อมทับเธออย่างรวดเร็ว ห
หลังจากขนของลงจากรถเสร็จแล้ว แม่แก้วก็บอกให้ทุกคนไปอาบน้ำอาบท่าแล้วพักผ่อนกันได้เลย พรุ่งนี้ค่อยมาช่วยกันแกะกล่อง และจัดของอีกทีคนอื่นก็เดินขึ้นบ้านเข้าห้องไปตามปกติ แต่คนที่ต้องเข้าไปเจอหน้าสามีที่เพิ่งเข้าหอด้วยกันครั้งแรกเมื่อคืน และเป็นคืนเข้าหอที่ไม่น่าจดจำเท่าไร ยังคงยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้อง เธอใช้เวลาครู่ใหญ่ กว่าจะรวบรวมความกล้าได้มากพอที่จะเคาะประตูห้องหลังจากเคาะประตูห้องแล้ว ไข่มุกก็แทบกลั้นหายใจ ขณะที่รอเขามาเปิดประตูให้พอประตูห้องเปิดออก ไข่มุกก็ก้มหน้า ไม่กล้ามองสบตาเขา“ขอบคุณค่ะ”“ไม่มีมือเปิดเองหรือไง ทำไมต้องเคาะประตู”“เอ่อ...” ก็เธอเคาะประตูตามมารยาทที่ควรทำไง ถึงแม้ห้องนี้จะเป็นห้องหอของเธอกับเขา แต่เธอไม่รู้ว่าเขาที่อยู่ในห้องกำลังทำอะไรอยู่ พร้อมที่จะให้เธอเข้าไปในห้องหรือเปล่า เธอก็ต้องเคาะเพื่อขออนุญาต และรอเขามาเปิดให้“ทีหลังไม่ต้องเคาะ อยากเข้าก็เข้ามา หรือถ้าชอบเคาะ ก็เคาะไป แล้วก็เปิดประตูเอง ไม่ต้องรอให้พี่มาเปิด มันน่ารำคาญ”“ค่ะ” ไข่มุกรับคำแล้วก้มหน้าเดินตามเขาเข้าไปในห้องเพราะเดินก้มหน้า และไม่มองเขา ไข่มุกจึงไม่รู้ภากรเดินไปมุมไหนของห้อง ส่วนเธ
ภริดาเพิ่งควักเงินเก็บครึ่งหนึ่งซื้อคอนโดมิเนียมหรูใกล้ร้านอาหารของเธอ เธอซื้อเงินสดเพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ยเงินกู้ จะว่างก เธอก็ยอมรับ แม้จะเสียดายเงินก้อนโต แต่เพื่อความสะดวกในการทำงาน และเธอเองจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เธอจึงยอมจ่าย ในส่วนเงินเก็บที่เหลือจากการซื้อคอนโด ครึ่งหนึ่ง เธอแบ่งไปลงทุนในแหล่งที่ไม่มีความเสี่ยง และอีกครึ่ง เธอนำไปลงหุ้นในแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน ในส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงนี้ เธอให้บริษัทแนะนำการลงทุนเป็นคนจัดการให้ ดังนั้น...ตอนนี้เธอจนจริง ๆ นะ นี่ก็ต้องทำงานหัวหกก้นขวิด เพื่อหาเงินมาเติมส่วนที่พร่องไป“เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว ยังจะให้เลี้ยงอีก”“ก็คุณพ่อรวยกว่าดา ไม่รู้ล่ะ มื้อนี้คุณพ่อจ่ายนะคะ”พ่อวัตกอดอก แล้วถอนหายใจ“เหม็นสาบคนจน เลี้ยงก็ได้”ภริดายิ้มแก้มปริ พอรถจอดติดสัญญาณไฟแดง เธอก็หันไปยิ้มแฉ่งให้บิดา“คุณภวัตสุดหล่อน่ารักที่ซู้ดดด”แม่แก้วถอนหายใจใส่คนเป็นพ่อ ไม่ว่าอย่างไรคุณภวัตก็ไม่เคยทนลูกอ้อนของลูกสาวได้สักที แม้ภริดาจะโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานหาเงิน และรับผิดชอบตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่เวลาอยู
หลังจากย้ายมาอยู่บ้านใหม่ได้ราวสิบปี พ่อกวีตัดสินใจเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด เป็นปีเดียวกับที่มรกตเรียบจบปริญญาตรี พ่อกวีลาออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกเมีย แต่แม้ไม่ได้ทำงานแล้ว พ่อกวีก็ยังมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินมรดกที่อยู่ต่างจังหวัดหลายแปลง และมีรายได้จากการลงทุนหลายอย่าง เพราะท่านวางแผนการเกษียณมาอย่างดี ท่านจึงสามารถเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้อยู่ดีกินดีได้อย่างสบาย ๆหลังจากช่วยกันขนของช่วยกันจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองครอบครัวก็รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่บ้านของไข่มุกพอกินมื้อเที่ยงเสร็จ พ่อวัตกับแม่แก้วขอตัวกลับบ้านก่อน ส่วนไข่มุกอยู่พูดคุยกับพ่อ แม่ และพี่สาวเป็นครั้งแรกที่ทั้งครอบครัวได้จับเข่าคุยกันจริงจัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะหลังจากคืนก่อนนั้น ไข่มุกต้องเข้าพิธีแต่งงานกับภากร ทุกคนจึงวุ่นวายกับการจัดงาน จึงยังไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันแม่บุษรานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีลูกสาวทั้งสองนั่งขนาบข้าง พ่อกวีนั่งที่เก้าอี้ใกล้โซฟา คนเป็นพ่อนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ปล่อยให้แม่ลูกคุยกันตามประสาผู้หญิง“กตไม่อยากจมอยู่กับอดีตค่ะ