"แม่แก้วมีอะไรให้มุกช่วยไหมคะ"
แม่แก้วหันไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัว ท่านมองสะใภ้ใหม่ด้วยความแปลกใจ
"ทำไมตื่นเร็วจังล่ะมุก นอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้นะลูก" แม้งานแต่งงานของไข่มุกกับลูกชายคนเล็กของแม่แก้วจะเป็นงานเล็ก ๆ แต่ท่านคิดว่า คนเป็นเจ้าสาวน่าจะเหนื่อยและเพลียไม่น้อย ดังนั้นเช้าแรกหลังวันแต่งงาน ลูกสะใภ้ของท่านน่าจะนอนหลับพักผ่อนให้มากหน่อย
"มุกตื่นเวลานี้ประจำค่ะ พอตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ แม่แก้วให้มุกช่วยทำกับข้าวนะคะ" ไข่มุกว่าพลางเดินเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์ที่แม่แก้วกำลังเตรียมวัตถุดิบปรุงอาหารอยู่
"แม่แก้วจะทอดปลาสลิดเหรอคะ"
“ใช่จ้ะ แม่จะทำข้าวปลาแกะ กับแกงจืดฟักใส่หมูสับ”
“มุกช่วยทำแกงจืดนะคะ” ไข่มุกอาสาอย่างกระตือรือร้น
แม่แก้วยิ้มอ่อนโยนแล้วพยักหน้า
พอได้ทำกับข้าวช่วยแม่แก้ว ไข่มุกก็รู้สึกดีขึ้น เพราะไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่ถ่วงให้ใจหนักอึ้งอยู่ตอนนี้
แม่แก้วและคนในครอบครัวนี้ดีกับเธอมาก
...เมื่อก่อนพี่กรก็เคยดีกับเธอ
พอทำกับข้าวเสร็จ พ่อวัตก็ลงมาที่โต๊ะรับประทานอาหารซึ่งอยู่หน้าห้องครัวเป็นคนแรก ไข่มุกตักข้าวใส่จานและจัดจานข้าวโดยวางปลาสลิดทอดที่แกะก้างแล้วลงในจานข้าว ชิ้นปลาสวยงามน่ารับประทาน แถมเธอยังตกแต่งด้วยผักต้ม มีฟักทอง แครอตและบรอกโคลี แล้วจึงนำไปวางลงบนโต๊ะตรงหน้าพ่อวัต พร้อมกับถ้วยแกงจืดฟักใส่หมูสับ ซึ่งแกงจืดฝีมือของเธอก็ได้รับคำชมจากแม่แก้วว่าอร่อยกลมกล่อม
“กับข้าวหอมฉุยขึ้นไปถึงบนบ้านเลย อื้อหือ ! น่ากินขนาดนี้ พ่อไม่รอใครแล้วนะ”
คนทำกับข้าวยิ้มกว้างดีใจที่พ่อวัตชอบ
พ่อวัตตักน้ำแกงซดหนึ่งคำ พอกลืนน้ำแกงลงท้องก็เลิกคิ้วเข้มสองข้าง พยักหน้ายิ้ม ๆ
“น้องมุกเป็นคนทำค่ะ” แม่แก้วบอกพลางนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งซ้ายมือของสามี
“อร่อย กลมกล่อมมาก ๆ”
คนถูกชมยิ้มแก้มปริ
ไข่มุกจัดจานและตักแกงจืดใส่ถ้วยเพิ่มอีกสองชุด สำหรับแม่แก้วและตัวเอง พอเธอนำอาหารมาวางให้แม่แก้ว ท่านก็บอกเธอว่า
“น้องมุกนั่งตรงนั้นนะลูก ให้พี่กรเขานั่งข้างคุณพ่อ” แม่แก้วพยักพเยิดบอกลูกสะใภ้ให้นั่งลงที่เก้าอี้เยื้องกับตน เว้นที่ว่างข้างขวามือของพ่อภวัตไว้ให้ลูกชายเธอนั่ง
ไข่มุกจึงถือจานข้าวและแกงจืดของตัวเองไปนั่งลงตรงที่แม่แก้วบอก เธอชำเลืองมองเก้าอี้ข้าง ๆ แล้วก็รู้สึกหวั่นใจยังไงก็ไม่รู้
“กินเลยนะลูก ไม่ต้องรอ ใครมาทีหลังก็กินทีหลังไป” พ่อภวัตบอก แล้วยิ้มให้ลูกสะใภ้
“ค่ะ พ่อวัต” ไข่มุกจับช้อนส้อม ลงมือรับประทานอาหารพร้อมผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน
“ยัยดาก็คงไม่ตื่นง่าย ๆ หรอก เมื่อคืนก็ใช่ย่อย ทั้งพี่ทั้งน้องเติมแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดแข่งกันหรือยังไงก็ไม่รู้” แม่แก้วบ่นไปตามประสาคนเป็นแม่ ไม่ได้ห้ามเรื่องดื่ม แต่บางทีอะไรที่เยอะเกินไปก็อดบ่นไม่ได้ บ่นก็เพราะเป็นห่วงสุขภาพลูก แต่พอบ่นทีไร เจ้าสองคนนั้นก็ลุกหนีทุกที เพราะแบบนี้ บางทีแม่แก้วก็อยากให้ลูกกลับไปตัวเล็ก กลับไปเป็นเด็กเหมือน เพราะตอนนั้นบอกสอนอะไรก็ดูจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังแม่ทุกอย่าง
พ่อวัต แม่แก้ว กับลูกสะใภ้กินข้าวจนใกล้จะอิ่มแล้ว ลูกชายของพวกท่านจึงเดินลงมาจากห้อง
ภากรสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงสแลกซึ่งเป็นชุดทำงาน พ่อวัตกับแม่แก้วจึงมองลูกชายด้วยความแปลกใจ
“วันนี้หยุดไม่ใช่เหรอ กรเคยบอกแม่ว่าลาพักผ่อนหลังวันแต่งงานห้าวัน”
คนถูกถามชำเลืองตามองคนที่นั่งข้างเก้าประจำของเขา
“ก็ไม่ได้แต่งกับคนที่อยากแต่ง ไม่รู้จะหยุดทำไม” ภากรพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ประจำของตัวเอง
“กร !” แม่แก้วเรียกเสียงดุ ท่านมองลูกสะใภ้ด้วยความเห็นใจ
ไข่มุกฝืนยิ้มให้แม่แก้ว รวบช้อนส้อมวางลงบนจาน แล้วลุกขึ้นยืน “มุกไปตักข้าวให้พี่กรนะคะ”
แม่แก้วยิ้ม พยักหน้าให้ลูกสะใภ้ พอไข่มุกเดินเข้าไปในครัวแล้ว พ่อวัตจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่ากึ่งดุอยู่ในที
“ไม่ว่ายังไง น้องก็แต่งเป็นเมียของแกแล้ว จะพูดจะทำอะไรก็รักษาน้ำใจน้องบ้าง”
“ผมแค่จะไปทำงาน ผมต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงเมียไงครับ”
ภากรเป็นวิศวกร เขาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัทรับตรวจสอบอาคารและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบริษัทที่เขากับเพื่อนเพิ่งร่วมกันก่อตั้งได้ไม่กี่ปี แม้เป็นบริษัทเล็ก ๆ แต่ก็มีงานเข้ามาตลอด ด้วยผลงานและฝีมือของพวกเขา ทำให้ตอนนี้บริษัทของภากรและเพื่อน ๆ เริ่มมีชื่อเสียงในวงกว้าง
“แต่นี่มันเป็นวันแรกหลังแต่งงานนะ แม่ว่า กรควรจะอยู่บ้าน จัดข้าวของช่วยน้องมุก” เสียงของแม่แก้วก็ดุไม่น้อยไปกว่าพ่อวัต เพราะไม่พอใจลูกชายที่จะทิ้งเมียให้อยู่บ้านคนเดียว ทั้งที่วันนี้เป็นวันแรกหลังวันแต่งงาน
“เก็บของอะไรกันครับแม่ บริษัทออแกไนซ์ที่รับจัดงานแต่ง เขาจัดการเรียบร้อยแล้วนี่ครับ”
“อย่างน้อยก็ควรไปขนของจากบ้านโน้นมาบ้านเราช่วยน้อง” แม่แก้วไม่ชอบใจเท่าไรที่ลูกชายจะหาเรื่องออกจากบ้าน
“อยากมาอยู่นักก็ขนเองสิครับ”
“กร !” แม่แก้วอยากจะเอ่ยปากต่อว่าลูกชายอีกหลายอย่าง แต่ก็ต้องหยุดไม่พูดต่อ เพราะคนที่ลุกไปตักข้าวเดินกลับมาที่โต๊ะ ไข่มุกถือถาดที่มีจานข้าวจัดสวยงามกับถ้วยแกงจืดฝีมือตัวเองเข้ามายืนใกล้สามี หญิงสาววางถาดลงบนโต๊ะ แล้วหยิบจานข้าววางลงตรงหน้าเขา “พี่ไม่กินฟักทอง” ภากรบอกเสียงแข็ง เขาเงยหน้ามองคนที่ยังจับจานไว้ด้วยสายตาดุ ไข่มุกหน้าเสีย หญิงสาวกำลังจะยกจานข้าวกลับไปจัดการเอาฟักทองออกให้เขา แต่พ่อวัตก็ขัดขึ้นก่อน “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน เอาไว้ในจานแบบนั้นแหละ วางจานข้าวลงแล้วกลับไปกินข้าวต่อเถอะน้องมุก” ไข่มุกหันไปมองหน้าพ่อสามี พ่อวัตพยักหน้าและยิ้มอ่อนโยนให้เธอ “กินข้าวเถอะมุก ใครไม่กินอะไรก็จัดการตัวเองแล้วกัน อุตส่าห์ทำให้แล้วเอามาเสิร์ฟถึงที่ ยังจะเรื่องมากอีก” แม่แก้วว่าแล้วมองค้อนลูกชาย พอได้รับเสียงสนับสนุนสองเสียง ไข่มุกจึงเชื
หลังจากย้ายมาอยู่บ้านใหม่ได้ราวสิบปี พ่อกวีตัดสินใจเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด เป็นปีเดียวกับที่มรกตเรียบจบปริญญาตรี พ่อกวีลาออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกเมีย แต่แม้ไม่ได้ทำงานแล้ว พ่อกวีก็ยังมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินมรดกที่อยู่ต่างจังหวัดหลายแปลง และมีรายได้จากการลงทุนหลายอย่าง เพราะท่านวางแผนการเกษียณมาอย่างดี ท่านจึงสามารถเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้อยู่ดีกินดีได้อย่างสบาย ๆหลังจากช่วยกันขนของช่วยกันจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองครอบครัวก็รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่บ้านของไข่มุกพอกินมื้อเที่ยงเสร็จ พ่อวัตกับแม่แก้วขอตัวกลับบ้านก่อน ส่วนไข่มุกอยู่พูดคุยกับพ่อ แม่ และพี่สาวเป็นครั้งแรกที่ทั้งครอบครัวได้จับเข่าคุยกันจริงจัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะหลังจากคืนก่อนนั้น ไข่มุกต้องเข้าพิธีแต่งงานกับภากร ทุกคนจึงวุ่นวายกับการจัดงาน จึงยังไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันแม่บุษรานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีลูกสาวทั้งสองนั่งขนาบข้าง พ่อกวีนั่งที่เก้าอี้ใกล้โซฟา คนเป็นพ่อนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ปล่อยให้แม่ลูกคุยกันตามประสาผู้หญิง“กตไม่อยากจมอยู่กับอดีตค่ะ
ภริดาเพิ่งควักเงินเก็บครึ่งหนึ่งซื้อคอนโดมิเนียมหรูใกล้ร้านอาหารของเธอ เธอซื้อเงินสดเพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ยเงินกู้ จะว่างก เธอก็ยอมรับ แม้จะเสียดายเงินก้อนโต แต่เพื่อความสะดวกในการทำงาน และเธอเองจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เธอจึงยอมจ่าย ในส่วนเงินเก็บที่เหลือจากการซื้อคอนโด ครึ่งหนึ่ง เธอแบ่งไปลงทุนในแหล่งที่ไม่มีความเสี่ยง และอีกครึ่ง เธอนำไปลงหุ้นในแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน ในส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงนี้ เธอให้บริษัทแนะนำการลงทุนเป็นคนจัดการให้ ดังนั้น...ตอนนี้เธอจนจริง ๆ นะ นี่ก็ต้องทำงานหัวหกก้นขวิด เพื่อหาเงินมาเติมส่วนที่พร่องไป“เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว ยังจะให้เลี้ยงอีก”“ก็คุณพ่อรวยกว่าดา ไม่รู้ล่ะ มื้อนี้คุณพ่อจ่ายนะคะ”พ่อวัตกอดอก แล้วถอนหายใจ“เหม็นสาบคนจน เลี้ยงก็ได้”ภริดายิ้มแก้มปริ พอรถจอดติดสัญญาณไฟแดง เธอก็หันไปยิ้มแฉ่งให้บิดา“คุณภวัตสุดหล่อน่ารักที่ซู้ดดด”แม่แก้วถอนหายใจใส่คนเป็นพ่อ ไม่ว่าอย่างไรคุณภวัตก็ไม่เคยทนลูกอ้อนของลูกสาวได้สักที แม้ภริดาจะโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานหาเงิน และรับผิดชอบตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่เวลาอยู
หลังจากขนของลงจากรถเสร็จแล้ว แม่แก้วก็บอกให้ทุกคนไปอาบน้ำอาบท่าแล้วพักผ่อนกันได้เลย พรุ่งนี้ค่อยมาช่วยกันแกะกล่อง และจัดของอีกทีคนอื่นก็เดินขึ้นบ้านเข้าห้องไปตามปกติ แต่คนที่ต้องเข้าไปเจอหน้าสามีที่เพิ่งเข้าหอด้วยกันครั้งแรกเมื่อคืน และเป็นคืนเข้าหอที่ไม่น่าจดจำเท่าไร ยังคงยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้อง เธอใช้เวลาครู่ใหญ่ กว่าจะรวบรวมความกล้าได้มากพอที่จะเคาะประตูห้องหลังจากเคาะประตูห้องแล้ว ไข่มุกก็แทบกลั้นหายใจ ขณะที่รอเขามาเปิดประตูให้พอประตูห้องเปิดออก ไข่มุกก็ก้มหน้า ไม่กล้ามองสบตาเขา“ขอบคุณค่ะ”“ไม่มีมือเปิดเองหรือไง ทำไมต้องเคาะประตู”“เอ่อ...” ก็เธอเคาะประตูตามมารยาทที่ควรทำไง ถึงแม้ห้องนี้จะเป็นห้องหอของเธอกับเขา แต่เธอไม่รู้ว่าเขาที่อยู่ในห้องกำลังทำอะไรอยู่ พร้อมที่จะให้เธอเข้าไปในห้องหรือเปล่า เธอก็ต้องเคาะเพื่อขออนุญาต และรอเขามาเปิดให้“ทีหลังไม่ต้องเคาะ อยากเข้าก็เข้ามา หรือถ้าชอบเคาะ ก็เคาะไป แล้วก็เปิดประตูเอง ไม่ต้องรอให้พี่มาเปิด มันน่ารำคาญ”“ค่ะ” ไข่มุกรับคำแล้วก้มหน้าเดินตามเขาเข้าไปในห้องเพราะเดินก้มหน้า และไม่มองเขา ไข่มุกจึงไม่รู้ภากรเดินไปมุมไหนของห้อง ส่วนเธ
“มุกต้องทำยังไงต่อคะ”หากไข่มุกไม่ถาม คนที่เอาแต่มองเรือนร่างเปล่าเปลือยของเธอก็คงยังมองอยู่อีกนาน“ขึ้นมาบนเตียงสิ แล้วนอนอ้าขาให้พี่เอา”ไข่มุกเม้มปากแน่น จุกในอกอย่างบอกไม่ถูก เธอกำลังจะได้ทำหน้าที่บนเตียงในฐานะเมีย แต่สำหรับเขา เธอก็แค่คนที่เขาใช้ปลดปล่อยความต้องการทางเพศ...ไม่ต่างจากหญิงขายบริการไข่มุกคลานขึ้นเตียงไปนอนลงกลางเตียง เธอตะแคงหน้าหันมองไปอีกทาง เพราะไม่กล้าสบตาคมดุ ไข่มุกใช้แขนและมือข้างซ้ายปิดเต้านมสองข้าง และวางมือข้างขวาลงตรงกึ่งกลางหว่างขา แถมยังหนีบขาไว้แน่น“ปิดทำไม ถ้าไม่อยากให้ทำก็ลุกขึ้น ขนของกลับบ้านไป”เสียงเข้มดุของคนที่นั่งมองเรือนกายสาวอยู่ทำให้ไข่มุกค่อย ๆ เลื่อนสองแขนวางลงข้างลำตัว ความหวาดหวั่นและตื่นกลัวทำให้ไข่มุกหอบหายใจแรง ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง เต้าสาวกระเพื่อมไหว เม็ดเนื้อนุ่มสีชมพูบนยอดเต้าเต่งตึงหดแข็งภากรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เรือนกายขาวนวลและเย้ายวนของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกระตุ้นความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง ท่าทางขัดเขินไร้เดียงสาของไข่มุกยิ่งทำให้เขาอยากรังแกเธอ“อ๊ะ !” ไข่มุกอุทานตกใจเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับมาคร่อมทับเธออย่างรวดเร็ว ห
ภากรเก็บกลืนหยาดน้ำหวานสาวจนเกลี้ยง เขาจูบกลางกลีบเนื้อนวลหนัก ๆ แล้วปาดเลียบางเบา แต่เพียงบางเบา ร่างสาวก็สั่นกระตุก เจ้าของเนื้อนวลที่ถูกเขาฉกชิมรสชาติครางเสียงหวานเซ็กซี่ อาการตอบสนองของไข่มุกทำให้ภากรยิ้มในหน้าภากรปล่อยขาเรียววางลงบนที่นอน เขาถอดอาภรณ์ที่ปกปิดช่วงล่างของตนออกจนหมด ขณะที่จัดการกับตัวเอง ตาคมก็ไม่ละสายตาไปจากคนที่นอนหอบหายใจแรงเพราะเพิ่งผ่านจุดสุขสมมาเมื่อครู่เมื่อสองกายเปล่าเปลือยเท่าเทียม คนตัวโตก็โน้มตัวลงมาทาบทับร่างสาวอีกครั้ง เขาวางสองมือค้ำยันตัวเองไว้ข้างศีรษะของเธอ ใช้หัวเข่าดันแยกต้นขาขาวให้กางออก แล้วกดตัวตนความเป็นชายนาบลงไปกลางกลีบเนื้อนวล กดเน้น ๆ แล้วขยับบั้นท้ายช้า ๆ ให้ลำกายแข็งกร้าวบดขยี้จุดที่ไวต่อสัมผัส ตาคู่คมจับจ้องดวงหน้าสาว แววตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย“อื๊อ...” ไข่มุกขยุ้มผ้าปูที่นอนเต็มสองมือ แอ่นบั้นท้ายขยับส่ายร่อนร้อนรน ซอกสาวร้อนวูบวาบ ร่องรักคัดหลั่งน้ำหวานออกมาจนเปียกเปื้อนเต็มซอกขา ทั้งยังชโลมลำกายแกร่งจนมันวาวภากรลดตัวลงนาบกับเรือนกายนุ่ม เขาเสียเวลาเพียงนิดในตอนที่ยื่นมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง หยิบซองถุงยางอนามัยออกม
ภากรเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าแล้วหยิบชุดทำงานออกมา พอเขาหยิบกางเกงในขึ้นมาสวมอย่างไม่เกรงใจสายตาใครอีกคนที่มองเขาอยู่ คนมองจึงรีบก้มมองตักตัวเองบรรยากาศยามเช้าในห้องของคู่ข้าวใหม่ปลามันช่างอึมครึม ทั้งที่เมื่อคืนเขากับเธอกอดก่ายแนบชิด ร่วมรักกันอย่างดุดันเร่าร้อนตั้งหลายครั้ง แต่พอตื่นเช้ามา เขาก็ทำราวกับว่า เธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ภากรใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็แต่งตัวเสร็จ เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์ กุญแจรถ กระเป๋าโน้ตบุ๊ก แล้วเดินไปเปิดประตูห้องเสียงเปิดประตูทำให้ไข่มุกเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวจึงเห็นว่า สามีสวมชุดทำงาน เธอเห็นแค่ด้านหลังของเขา และเห็นเพียงแวบเดียว ก่อนเขาจะดึงประตูห้องปิดลงไข่มุกถอนหายใจบางเบา ค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียง พอลุกขึ้นยืนข้างเตียงแล้วหันกลับไปมองร่องรอยที่เขากับเธอร่วมกันทำไว้เมื่อคืน ไข่มุกก็ต้องเม้มปากแน่นผ้าปูที่นอนสีชมพูมีจุดสีแดงอยู่กลางเตียง...ก็จริงอยู่ที่คุณค่าของผู้หญิงไม่ได้วัดกันที่เยื่อพรหมจรรย์ แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าคนที่ได้มันไปจากเธอจะทะนุถนอม และจะโอบกอดปลอบโยนเธอสักนิดหลังจากที่เขาเสร็จสมไปห้าครั้งเมื่อคืนพี่กรนอนหันหลังให้เธอทันทีหลังจากปลดปล่
“น้องมุกเตรียมของ เตรียมชุดนักศึกษาครบหรือยังลูก” แม่แก้วถามในตอนที่กำลังกินอาหารมื้อค่ำกันอยู่“เรียบร้อยเกือบทุกอย่างแล้วค่ะแม่แก้ว เหลือโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังไม่ได้ไปซื้อค่ะ วันนี้ตอนเอาแกงเทโพไปให้ที่บ้าน คุณพ่อบอกว่าจะพาไปซื้อสัปดาห์หน้าค่ะ”“โน้ตบุ๊กหรือ ทำไมต้องไปรบกวนคุณกวีด้วยล่ะ น้องมุกแต่งงานมีสามีแล้ว ก็ให้สามีซื้อให้สิ” พอบอกลูกสะใภ้แล้ว แม่แก้วก็หันไปบอกลูกชายว่า “ตากร...วันหยุดนี้พาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กใหม่หน่อยนะลูก”“ผมไม่ว่างครับ” ภากรตอบแทบจะทันทีหลังจากที่แม่แก้วพูดจบคนเป็นแม่ถอนหายใจ มองค้อนลูกชาย แล้วหันถามสามี“คุณวัตคะ พรุ่งนี้ว่างไหมคะ”“ว่างสิ สำหรับคุณผมว่างเสมอแหละ”แม่แก้วยิ้มพอใจ “งั้นก็ดีเลยค่ะ พรุ่งนี้เราพาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กกันเถอะนะคะ”“ได้สิ น้องมุกอยากได้ยี่ห้อไหน รุ่นไหนก็บอกมา พ่อซื้อให้ แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจด้วย เพราะพ่อถือว่าน้องมุกเป็นลูกสาวของพ่ออีกคน”“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณพ่อวัตกับแม่แก้วมากนะคะ”“ไม่เป็นไรลูก อยู่ที่นี่ให้สบายใจนะ ในเมื่อแม่กับพ่อรับมุกมาเป็นสะใภ้แล้ว เราก็จะดูแลมุกให้ดีที่สุด ใครไม่ดูแลก็ช่างมัน อย่าไปสนใจ”คนที่ถูกแม่แขวะแทบสำลั
ภากร ธันวา และอชิระ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พวกเขาเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ หลังจากเรียนจบก็แยกย้ายกันไปทำงานคนละบริษัท แต่ก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ กิจการของพวกเขาค่อย ๆ เติบโตในปีแรก และหากได้ทำงานโพรเจกต์ใหญ่ล่าสุดที่กำลังลุ้นกันอยู่ ในปีนี้...บริษัทของพวกเขาจะเติบโตแบบก้าวกระโดดกันเลยทีเดียวคนถูกเพื่อนแซวถอนหายใจแรง ภากรปล่อยให้เพื่อนพูดไปเรื่อย ส่วนเขานั่งเงียบมองจอโทรศัพท์ พอไข่มุกส่งเลขที่บัญชีมา เขาก็จัดการโอนเงินให้เธอทันทีเป็นจำนวนสามหมื่นบาท แล้วส่งข้อความขู่กลับไปด้วยความหงุดหงิดคืนนี้เธอโดนเอาหนักแน่เงินแค่นี้เขาให้ได้ ไม่มีปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่ไข่มุกไม่ยอมบอกเขา แต่ละวันเขาต้องทำงานหนัก บางวันก็ออกตรวจงาน ยิ่งช่วงนี้เขากับเพื่อนกำลังลุ้นงานตรวจงานระบบอาคารโปรเจคใหญ่ด้วย เขาจึงไม่มีเวลาไปถามไถ่เธอหรอกว่า เธอจะเปิดเรียนวันไหน ต้องการเงินรายเดือนเท่าไร เขาโดนคุณแม่ต่อว่าเรื่องโน้ตบุ๊กใหม่ของเธอแล้ว วันนี้เขายังต้องมาโดนกล่าวหาว่าไม่ดูดำดูดีเธออีก โทษฐานที่ทำให้เขาหงุดหงิด คืนนี้เขาจะเอาคืนให้หนักเชียวพอโอนเงินให้เมียและจัดก
มีคนเคยบอกว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ ส่วนช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เรามักจะรู้สึกว่ามันอยู่กับเรายาวนานเหลือเกิน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เวลาที่ผ่านไปนั้นช้าเร็วไม่ต่างกัน เพียงแต่เราหวงแหนช่วงเวลาแห่งความสุข อยากรั้งมันไว้นาน ๆ เราจึงคิดกันไปเองว่า เวลามันผ่านไปเร็ว แต่พอเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ เราก็มักจะภาวนาขอให้ผ่านไปเร็ว ๆ คิดวนเวียนหมกมุ่นอยู่แต่กับสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ เราเลยรู้สึกกันว่า ช่วงเวลาทุกข์ช่างยาวนานแถมยังทรมานอีกด้วยสำหรับไข่มุกแล้ว ไม่ว่าจะช่วงเวลาสุขหรือทุกข์ เธอก็เลือกที่จะเรียนรู้และอยู่กับมันให้ได้ แม้จะทุกข์ แม้จะมีคราบน้ำตา แต่เธอก็มองเห็นความสุขแม้เพียงเล็กน้อยในช่วงเวลานั้นสองสัปดาห์แล้วที่เธอย้ายมาอยู่บ้านสามี ทุกคนในครอบครัวของเขาดีกับเธอมาก ขนาดพี่ดาไปพักอยู่คอนโดยังโทรมาพูดคุยกับเธอบ่อย ๆ พ่อวัตกับแม่แก้วก็เอาใจเธอยิ่งกว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอเสียอีก ยกเว้นก็แต่สามีของเธอ นอกจากคำพูดเหน็บแนมและเอ่ยปากไล่เธอทุกครั้งที่เธอขัดใจ เขายังชอบเอาแต่ใจกับเธอด้วยแต่ไข่มุกก็มองว่า นี่คือผลจากการกระทำของเธอเอง และเธอเลือกเข้ามาอยู่จุดนี้เอง แม้
“น้องมุกเตรียมของ เตรียมชุดนักศึกษาครบหรือยังลูก” แม่แก้วถามในตอนที่กำลังกินอาหารมื้อค่ำกันอยู่“เรียบร้อยเกือบทุกอย่างแล้วค่ะแม่แก้ว เหลือโน้ตบุ๊กใหม่ที่ยังไม่ได้ไปซื้อค่ะ วันนี้ตอนเอาแกงเทโพไปให้ที่บ้าน คุณพ่อบอกว่าจะพาไปซื้อสัปดาห์หน้าค่ะ”“โน้ตบุ๊กหรือ ทำไมต้องไปรบกวนคุณกวีด้วยล่ะ น้องมุกแต่งงานมีสามีแล้ว ก็ให้สามีซื้อให้สิ” พอบอกลูกสะใภ้แล้ว แม่แก้วก็หันไปบอกลูกชายว่า “ตากร...วันหยุดนี้พาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กใหม่หน่อยนะลูก”“ผมไม่ว่างครับ” ภากรตอบแทบจะทันทีหลังจากที่แม่แก้วพูดจบคนเป็นแม่ถอนหายใจ มองค้อนลูกชาย แล้วหันถามสามี“คุณวัตคะ พรุ่งนี้ว่างไหมคะ”“ว่างสิ สำหรับคุณผมว่างเสมอแหละ”แม่แก้วยิ้มพอใจ “งั้นก็ดีเลยค่ะ พรุ่งนี้เราพาน้องมุกไปซื้อโน้ตบุ๊กกันเถอะนะคะ”“ได้สิ น้องมุกอยากได้ยี่ห้อไหน รุ่นไหนก็บอกมา พ่อซื้อให้ แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจด้วย เพราะพ่อถือว่าน้องมุกเป็นลูกสาวของพ่ออีกคน”“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณพ่อวัตกับแม่แก้วมากนะคะ”“ไม่เป็นไรลูก อยู่ที่นี่ให้สบายใจนะ ในเมื่อแม่กับพ่อรับมุกมาเป็นสะใภ้แล้ว เราก็จะดูแลมุกให้ดีที่สุด ใครไม่ดูแลก็ช่างมัน อย่าไปสนใจ”คนที่ถูกแม่แขวะแทบสำลั
ภากรเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าแล้วหยิบชุดทำงานออกมา พอเขาหยิบกางเกงในขึ้นมาสวมอย่างไม่เกรงใจสายตาใครอีกคนที่มองเขาอยู่ คนมองจึงรีบก้มมองตักตัวเองบรรยากาศยามเช้าในห้องของคู่ข้าวใหม่ปลามันช่างอึมครึม ทั้งที่เมื่อคืนเขากับเธอกอดก่ายแนบชิด ร่วมรักกันอย่างดุดันเร่าร้อนตั้งหลายครั้ง แต่พอตื่นเช้ามา เขาก็ทำราวกับว่า เธอไม่มีตัวตนอยู่ในห้องนี้ภากรใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็แต่งตัวเสร็จ เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์ กุญแจรถ กระเป๋าโน้ตบุ๊ก แล้วเดินไปเปิดประตูห้องเสียงเปิดประตูทำให้ไข่มุกเงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวจึงเห็นว่า สามีสวมชุดทำงาน เธอเห็นแค่ด้านหลังของเขา และเห็นเพียงแวบเดียว ก่อนเขาจะดึงประตูห้องปิดลงไข่มุกถอนหายใจบางเบา ค่อย ๆ ขยับตัวลงจากเตียง พอลุกขึ้นยืนข้างเตียงแล้วหันกลับไปมองร่องรอยที่เขากับเธอร่วมกันทำไว้เมื่อคืน ไข่มุกก็ต้องเม้มปากแน่นผ้าปูที่นอนสีชมพูมีจุดสีแดงอยู่กลางเตียง...ก็จริงอยู่ที่คุณค่าของผู้หญิงไม่ได้วัดกันที่เยื่อพรหมจรรย์ แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าคนที่ได้มันไปจากเธอจะทะนุถนอม และจะโอบกอดปลอบโยนเธอสักนิดหลังจากที่เขาเสร็จสมไปห้าครั้งเมื่อคืนพี่กรนอนหันหลังให้เธอทันทีหลังจากปลดปล่
ภากรเก็บกลืนหยาดน้ำหวานสาวจนเกลี้ยง เขาจูบกลางกลีบเนื้อนวลหนัก ๆ แล้วปาดเลียบางเบา แต่เพียงบางเบา ร่างสาวก็สั่นกระตุก เจ้าของเนื้อนวลที่ถูกเขาฉกชิมรสชาติครางเสียงหวานเซ็กซี่ อาการตอบสนองของไข่มุกทำให้ภากรยิ้มในหน้าภากรปล่อยขาเรียววางลงบนที่นอน เขาถอดอาภรณ์ที่ปกปิดช่วงล่างของตนออกจนหมด ขณะที่จัดการกับตัวเอง ตาคมก็ไม่ละสายตาไปจากคนที่นอนหอบหายใจแรงเพราะเพิ่งผ่านจุดสุขสมมาเมื่อครู่เมื่อสองกายเปล่าเปลือยเท่าเทียม คนตัวโตก็โน้มตัวลงมาทาบทับร่างสาวอีกครั้ง เขาวางสองมือค้ำยันตัวเองไว้ข้างศีรษะของเธอ ใช้หัวเข่าดันแยกต้นขาขาวให้กางออก แล้วกดตัวตนความเป็นชายนาบลงไปกลางกลีบเนื้อนวล กดเน้น ๆ แล้วขยับบั้นท้ายช้า ๆ ให้ลำกายแข็งกร้าวบดขยี้จุดที่ไวต่อสัมผัส ตาคู่คมจับจ้องดวงหน้าสาว แววตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย“อื๊อ...” ไข่มุกขยุ้มผ้าปูที่นอนเต็มสองมือ แอ่นบั้นท้ายขยับส่ายร่อนร้อนรน ซอกสาวร้อนวูบวาบ ร่องรักคัดหลั่งน้ำหวานออกมาจนเปียกเปื้อนเต็มซอกขา ทั้งยังชโลมลำกายแกร่งจนมันวาวภากรลดตัวลงนาบกับเรือนกายนุ่ม เขาเสียเวลาเพียงนิดในตอนที่ยื่นมือไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง หยิบซองถุงยางอนามัยออกม
“มุกต้องทำยังไงต่อคะ”หากไข่มุกไม่ถาม คนที่เอาแต่มองเรือนร่างเปล่าเปลือยของเธอก็คงยังมองอยู่อีกนาน“ขึ้นมาบนเตียงสิ แล้วนอนอ้าขาให้พี่เอา”ไข่มุกเม้มปากแน่น จุกในอกอย่างบอกไม่ถูก เธอกำลังจะได้ทำหน้าที่บนเตียงในฐานะเมีย แต่สำหรับเขา เธอก็แค่คนที่เขาใช้ปลดปล่อยความต้องการทางเพศ...ไม่ต่างจากหญิงขายบริการไข่มุกคลานขึ้นเตียงไปนอนลงกลางเตียง เธอตะแคงหน้าหันมองไปอีกทาง เพราะไม่กล้าสบตาคมดุ ไข่มุกใช้แขนและมือข้างซ้ายปิดเต้านมสองข้าง และวางมือข้างขวาลงตรงกึ่งกลางหว่างขา แถมยังหนีบขาไว้แน่น“ปิดทำไม ถ้าไม่อยากให้ทำก็ลุกขึ้น ขนของกลับบ้านไป”เสียงเข้มดุของคนที่นั่งมองเรือนกายสาวอยู่ทำให้ไข่มุกค่อย ๆ เลื่อนสองแขนวางลงข้างลำตัว ความหวาดหวั่นและตื่นกลัวทำให้ไข่มุกหอบหายใจแรง ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง เต้าสาวกระเพื่อมไหว เม็ดเนื้อนุ่มสีชมพูบนยอดเต้าเต่งตึงหดแข็งภากรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เรือนกายขาวนวลและเย้ายวนของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกระตุ้นความต้องการทางเพศอย่างรุนแรง ท่าทางขัดเขินไร้เดียงสาของไข่มุกยิ่งทำให้เขาอยากรังแกเธอ“อ๊ะ !” ไข่มุกอุทานตกใจเมื่อร่างสูงใหญ่ขยับมาคร่อมทับเธออย่างรวดเร็ว ห
หลังจากขนของลงจากรถเสร็จแล้ว แม่แก้วก็บอกให้ทุกคนไปอาบน้ำอาบท่าแล้วพักผ่อนกันได้เลย พรุ่งนี้ค่อยมาช่วยกันแกะกล่อง และจัดของอีกทีคนอื่นก็เดินขึ้นบ้านเข้าห้องไปตามปกติ แต่คนที่ต้องเข้าไปเจอหน้าสามีที่เพิ่งเข้าหอด้วยกันครั้งแรกเมื่อคืน และเป็นคืนเข้าหอที่ไม่น่าจดจำเท่าไร ยังคงยืนลังเลอยู่หน้าประตูห้อง เธอใช้เวลาครู่ใหญ่ กว่าจะรวบรวมความกล้าได้มากพอที่จะเคาะประตูห้องหลังจากเคาะประตูห้องแล้ว ไข่มุกก็แทบกลั้นหายใจ ขณะที่รอเขามาเปิดประตูให้พอประตูห้องเปิดออก ไข่มุกก็ก้มหน้า ไม่กล้ามองสบตาเขา“ขอบคุณค่ะ”“ไม่มีมือเปิดเองหรือไง ทำไมต้องเคาะประตู”“เอ่อ...” ก็เธอเคาะประตูตามมารยาทที่ควรทำไง ถึงแม้ห้องนี้จะเป็นห้องหอของเธอกับเขา แต่เธอไม่รู้ว่าเขาที่อยู่ในห้องกำลังทำอะไรอยู่ พร้อมที่จะให้เธอเข้าไปในห้องหรือเปล่า เธอก็ต้องเคาะเพื่อขออนุญาต และรอเขามาเปิดให้“ทีหลังไม่ต้องเคาะ อยากเข้าก็เข้ามา หรือถ้าชอบเคาะ ก็เคาะไป แล้วก็เปิดประตูเอง ไม่ต้องรอให้พี่มาเปิด มันน่ารำคาญ”“ค่ะ” ไข่มุกรับคำแล้วก้มหน้าเดินตามเขาเข้าไปในห้องเพราะเดินก้มหน้า และไม่มองเขา ไข่มุกจึงไม่รู้ภากรเดินไปมุมไหนของห้อง ส่วนเธ
ภริดาเพิ่งควักเงินเก็บครึ่งหนึ่งซื้อคอนโดมิเนียมหรูใกล้ร้านอาหารของเธอ เธอซื้อเงินสดเพราะไม่อยากเสียดอกเบี้ยเงินกู้ จะว่างก เธอก็ยอมรับ แม้จะเสียดายเงินก้อนโต แต่เพื่อความสะดวกในการทำงาน และเธอเองจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น เธอจึงยอมจ่าย ในส่วนเงินเก็บที่เหลือจากการซื้อคอนโด ครึ่งหนึ่ง เธอแบ่งไปลงทุนในแหล่งที่ไม่มีความเสี่ยง และอีกครึ่ง เธอนำไปลงหุ้นในแหล่งที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน ในส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงนี้ เธอให้บริษัทแนะนำการลงทุนเป็นคนจัดการให้ ดังนั้น...ตอนนี้เธอจนจริง ๆ นะ นี่ก็ต้องทำงานหัวหกก้นขวิด เพื่อหาเงินมาเติมส่วนที่พร่องไป“เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว ยังจะให้เลี้ยงอีก”“ก็คุณพ่อรวยกว่าดา ไม่รู้ล่ะ มื้อนี้คุณพ่อจ่ายนะคะ”พ่อวัตกอดอก แล้วถอนหายใจ“เหม็นสาบคนจน เลี้ยงก็ได้”ภริดายิ้มแก้มปริ พอรถจอดติดสัญญาณไฟแดง เธอก็หันไปยิ้มแฉ่งให้บิดา“คุณภวัตสุดหล่อน่ารักที่ซู้ดดด”แม่แก้วถอนหายใจใส่คนเป็นพ่อ ไม่ว่าอย่างไรคุณภวัตก็ไม่เคยทนลูกอ้อนของลูกสาวได้สักที แม้ภริดาจะโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานหาเงิน และรับผิดชอบตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่เวลาอยู
หลังจากย้ายมาอยู่บ้านใหม่ได้ราวสิบปี พ่อกวีตัดสินใจเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด เป็นปีเดียวกับที่มรกตเรียบจบปริญญาตรี พ่อกวีลาออกมาใช้ชีวิตเรียบง่ายกับลูกเมีย แต่แม้ไม่ได้ทำงานแล้ว พ่อกวีก็ยังมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินมรดกที่อยู่ต่างจังหวัดหลายแปลง และมีรายได้จากการลงทุนหลายอย่าง เพราะท่านวางแผนการเกษียณมาอย่างดี ท่านจึงสามารถเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้อยู่ดีกินดีได้อย่างสบาย ๆหลังจากช่วยกันขนของช่วยกันจนเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองครอบครัวก็รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่บ้านของไข่มุกพอกินมื้อเที่ยงเสร็จ พ่อวัตกับแม่แก้วขอตัวกลับบ้านก่อน ส่วนไข่มุกอยู่พูดคุยกับพ่อ แม่ และพี่สาวเป็นครั้งแรกที่ทั้งครอบครัวได้จับเข่าคุยกันจริงจัง หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะหลังจากคืนก่อนนั้น ไข่มุกต้องเข้าพิธีแต่งงานกับภากร ทุกคนจึงวุ่นวายกับการจัดงาน จึงยังไม่ได้มีเวลาพูดคุยกันแม่บุษรานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โดยมีลูกสาวทั้งสองนั่งขนาบข้าง พ่อกวีนั่งที่เก้าอี้ใกล้โซฟา คนเป็นพ่อนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ปล่อยให้แม่ลูกคุยกันตามประสาผู้หญิง“กตไม่อยากจมอยู่กับอดีตค่ะ