อิสลินสะดุ้งเฮือกเมื่อแกนกายถูกรุกล้ำโดยไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันอีกครั้งที่ความสุขระเหิดหายไปในอากาศ ทุกส่วนระหว่างเธอและเขาประสานกันแน่นเกินกว่าจะดิ้นหนีไปไหนพ้น“ไคลน์...ทำไมคุณทำกับฉันอย่างนี้...ทำไม” ร่างเล็กร่ำร้องถามด้วยเสียงอันเบาทันทีที่เขาคลายนิ้วออกจากปลายคาง ที่สุดแล้วเธอต้องร้องไห้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง“เพราะคุณมันก็แค่ผู้หญิงไร้ค่า อีฟ...คงไม่มีความจำป็นที่ผมต้องให้เกียรติผู้หญิงไร้ราคาอย่างคุณ!”“ถ้าฉันไม่มีค่าอะไรคุณจะเก็บฉันไว้ทำไมคะ” / “ผมจะเก็บคุณเอาไว้ จองจำคุณเอาไว้ให้ทุกข์ทรมานจนตายเหมือนที่คุณทำกับผม!”“ทำไมคุณไม่ฟังฉันบ้างล่ะคะ ฉันแค่อยากบอกคุณว่า...”“หมดเวลาเสแสร้งมารยาแล้ว อีฟ! ชีวิตของคุณเป็นของผมและผมก็จะใช้มันให้คุ้ม เมื่อถึงวันหนึ่งที่คุณทรุดโทรมจนทำอะไรไม่ได้ ผมอาจให้อิสระกับซากชีวิตที่รอวันตายเท่านั้น!” เซอร์เรนัล์ฟไม่เปิดโอกาสให้อิสลินได้อธิบายอะไรอีก เขายัดเยียดความทรมานด้วยการผลักไสตัวเองเข้าสู่ใจกลางของความอ่อนไหว กลีบกุหลาบต้องชอกช้ำเพราะความชุ่มฉ่ำเหือดหายเหมือนน้ำเลี้ยงหัวใจที่เหือดแห้ง เขาทำให้เธอล่องลอยเกือบถึงแดนสวรรค์ก่อนก
อิสลินในชุดแสกผ้าไหมยาวกรอมเท้าออกมาด้านนอกพร้อมอีวี่ก็พบว่าบนโต๊ะหน้าระเบียงบ้านมีอาหารวางอยู่อย่างเรียบร้อยซึ่งคงไม่ใช่มื้อเช้าสำหรับเธอในเมื่อแดดส่องจนสว่างไสวไปหมด“ขอโทษทีนะคะ ป้าลิลลี่ที่ฉันนอนตื่นสายจนป่านนี้” หญิงสาวกล่าวแก้เก้อกับแม่บ้านวัยกลางคนขณะนั่งลงพร้อมลูกสาว ร่างใหญ่ใบหน้าแป้นในกรอบเรือนผมสีทองที่ถูกมวยมุ่นไว้ด้านหลังยิ้มบาง ๆ ก่อนพูด“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงยังไงป้าก็มีหน้าที่ต้องตามมาคอยดูแลคุณผู้หญิงกับคุณหนูอีวี่ตามคำสั่งเจ้าของคฤหาสน์คนใหม่อยู่แล้ว คุณเซอร์เรนัล์ฟน่ะค่ะ ท่าทางเขาชอบที่นี่และใจดีมากที่ไม่ไล่คนเก่าแก่ของคฤหาสน์เพียซออกไปทั้งที่คุณเดเรกก็ไม่อยู่แล้ว ป้าคิดว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะค่ะ”“ป้าลิลลี่...แล้วแด๊ดดี้ล่ะคะ?” อีวี่ถามขึ้นมาก่อนหยิบคุกกี้เข้าปากซึ่งคำถามของเด็กน้อยทำให้หญิงวัยกลางคนย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความฉงน“แด๊ดดี้?” / “คุณเซอร์เรนัล์ฟน่ะค่ะป้า...คือ...เขาให้อีวี่เรียกเขาว่าแด๊ดดี้”“อ๋อ” ลิลลี่พยักหน้าเข้าใจและเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “อืม...ดูเหมือนวันนี้คุณเซอร์เรนัล์ฟจะมีแขกมาหาแต่เช้า คงยังคุยกันอยู่กระมังคะ...เอ...รู้สึกว่าจะเป็นผู้หญิง
“เอ...ดิฉันมีเรื่องสงสัยอยู่อีกอย่าง หวังว่าคงไม่น่าเกลียดนะคะที่จะถาม...ที่จริงคุณอีฟก็หย่าขาดกับเดเรก เพียซแล้ว คฤหาสน์หลังนี้ก็เป็นของเซจ ทำไมคุณอีฟยังอยู่ที่นี่อีกล่ะคะ?” อิสลินออกอาการอึ้งไปเล็กน้อยขณะที่คนตั้งคำถามเริ่มสำเหนียกได้ถึงความไม่ปกติ เรเน่ต์มองอีกฝ่ายและพยายามเก็บรายละเอียด ผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้าแม้ต่างเชื้อชาติแต่ก็จัดได้ว่าเป็นคนสวยมากทีเดียว เธอดูอ่อนหวานออกจะเศร้า ๆ หญิงสาวกำลังค้นหาอะไรบางอย่างจากแม่หม้ายที่ปรากฏตัวในคฤหาสน์อันเป็นที่อยู่ใหม่ของเซอร์เรนัล์ฟ ผู้ชายเงียบขรึมเดาใจยากคนนั้น“คือ...ฉัน” เสียงของอิสลินขาดหายเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาสมทบ เรเน่ต์รีบหันกลับไปตามดวงตาคู่สวยซึ่งกำลังทอดมองอยู่ในทันที“เซจคะ” / “ผมนึกว่าคุณยังอยู่ในห้องนั่งเล่น เห็นป้าลิลลี่บอกว่าคุณมาที่นี่ก็เลยตามมาดู” เซอร์เรนัล์ฟในชุดเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายลายทางสวมกางเกงสแล็คสีเข้มกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าเรเน่ต์ดูตื่นเต้นขณะสอดมือเข้าไปเกาะเกี่ยวแขนของเขาไว้ ท่าทีนั้นทำให้อิสลินหันไปทางกอดอกไม้ของเธอแทนเพื่อดับความรุ่มร้อนในหัวใจ“ก็คุณมัวแต่อยู่ในห้องทำงานนี่คะ ฉันนั่งเล่น ๆ รู
“นัดหรือ?” ชายหนุ่มหันกลับมาและทำหน้าเหมือนจำไม่ได้“ใช่ค่ะ เซจ...คุณต้องไม่ลืมไปงานการกุศลตามที่ฉันบอกคุณไว้ ตอนนี้ฉันมีหน้าที่จัดแคมเปญโฆษณาใหญ่ให้กับดี ฮันเตอร์ ยิ่งคุณออกงานสังคมมากเท่าไหร่ก็จะมีคนจดจำหน้าตาของคุณได้มากเท่านั้นนะคะ”“เรเน่ต์ ผมให้คุณทำโปรเจ็คงานโฆษณาบริษัท ไม่ใช่ผม”“เซจคะ...คุณคือ ดี ฮันเตอร์ ค่ะ ตอนนี้ใคร ๆ ก็จับตามองบริษัทอากาศยานไร้คนขับยักษ์ใหญ่ที่ผงาดขึ้นมาแทนที่แอร์โรว์ไวรอนต์ ฉะนั้นแล้วคุณต้องหมั่นโปรโมทตัวเองเพราะการที่คนอเมริกันได้รู้จักคุณก็เท่ากับว่าเขาได้รู้จักบริษัทของคุณไปด้วย”“แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร” เซอร์เรนัล์ฟกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท “ผมก็เป็นแค่นักประดิษฐ์ผลงานด้านวิศวกรรมการบินที่เผอิญโชคดีประสบความสำเร็จก็เท่านั้น ผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากชื่อเสียงและไม่คาดหวังจะเป็นหน้าตาของบริษัท แค่งานที่ผมคิดค้นมีคนยอมรับและทำประโยชน์ให้ประเทศได้...ก็น่าจะเพียงพอ”“แต่ เซจคะ...”“ขอโทษทีที่วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ผมไม่ว่างเพราะมีงานด่วนกะทันหัน ถ้ายังไงผมจะส่งตัวแทนไปร่วมงานก็แล้วกัน”“เซจ...” หญิงสาวพูดไม่ทันร่างสูง
“อย่านะ!” อิสลินได้แต่เค้นเสียงหนักในลำคอแต่ไม่กล้าเอ็ดอึงเมื่อลำแขนทรงพลังรวบเอวบางเข้าไปหาอกกว้าง หญิงสาวตอบโต้อะไรไม่ได้เลยทว่าก็ไม่นิ่งเฉยและพยายามขืนตัวอยู่ในอ้อมกอดนั้น“ไคลน์! คุณอย่ามารุ่มร่ามตรงนี้นะคะ ฉันไม่อยากให้อีวี่ออกมาเห็น” / “ก็ดี...ถ้าแม่หนูน้อยตื่นขึ้นมาผมจะได้ถามว่าเมื่อหัวค่ำแกร้องไห้ทำไม” เท่านั้นเองร่างเล็กก็หยุดกึก อิสลินเงียบไปโดยไม่ยอมพูดเพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ต้องการจะเข้าใจเธอกับลูกอยู่แล้ว“ว่ายังไงล่ะ...อีฟ ผมได้ยินอีวี่ร้องไห้ ก็แค่อยากมาถามว่าแกสบายดีหรือเปล่า” เซอร์เรนัล์ฟคาดคั้นอย่างอ่อนโยนอยู่ชิดแก้มนวลที่เป็นสีเรื่อขึ้นเมื่อถูกลมหายใจร้อนผ่าวราดรดอยู่ใกล้ ๆ อิสลินส่ายศีรษะไปมาก่อนตอบ“อีวี่สบายดีค่ะ ปล่อยฉันซีคะในเมื่อคุณก็ได้คำตอบแล้ว”“ผมยังไม่ปล่อยเพราะคุณตอบไม่ตรงประเด็น จู่ ๆ อีวี่จะร้องไห้ทำไมตั้งแต่ตอนหัวค่ำ ผมได้ยินเสียงร้องนานมาก” ชายหนุ่มถามออกไปทั้งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นห่วงแม่หนูน้อยขึ้นมาจับจิต เสียงโยเยนั้นดังอยู่นานนับชั่วโมงตอนเขานั่งอยู่ที่วิหารเทพีอัฟโฟรไดท์“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อย่าสนใจเลย แกก็แค่ร้องตามประสาเด็กเวลาไม่ได้อะไรอย่างใ
“ฉันคงไปกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ ไคลน์...คุณพาป้าลิลลี่ไปกับอีวี่เถอะค่ะ”“ถ้าทำแบบนั้นแม่หนูน้อยจะคิดยังไง แกคงไม่ได้อยากไปเที่ยวโดยไม่มีแม่ไปด้วย”“คุณคงลืมคำพูดของตัวเองใช่ไหมคะ ไคลน์ ฉันจะไปไหนไม่ได้ถ้าคุณไม่อนุญาต”“ผมไม่เคยลืม” ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นมาจับไหล่บางทั้งสองอีกครั้งและจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยราวจะให้ทะลุลงไปถึงก้นบึ้ง“ผมไม่ใช่คนที่จะลืมเรื่องอะไรง่าย ๆ คุณต่างหากที่คงลืมไปแล้วว่าต้องอยู่ใต้อาณัติของผม”“ฉันทำตามคำสั่งของคุณทุกอย่างค่ะ ไคลน์...ไม่โต้แย้ง ไม่หนีไปไหน และจะตายอยู่ในสวนแห่งนี้...อย่างที่คุณต้องการ”อิสลินมองไหล่กว้างของเขาแทนที่จะประสานสายตาบนใบหน้าคมสันโดยตรงด้วยเกรงจะพ่ายแพ้ต่ออำนาจบางอย่างในตัวของเซอร์เรนัล์ฟ โดยเฉพาะนัยน์ตาสีฟ้าเข้มดุจอัญมณีพรายแสงที่มีพลังทำลายความเข้มแข็งในตัวเธอ“คุณไม่มีวันโต้แย้งผมได้หรอกอีฟ” ว่าพลางก็ใช้มือหนากดลำคอของหญิงสาวเบา ๆ ให้ใบหน้างามแหงนเงยขึ้นน้อย ๆ “ก็ในเมื่อนี่เป็นคำสั่งของผมให้คุณดูแลอีวี่อย่าให้แกงอแง”อิสลินเผยอเรียวปากรับจุมพิตจากจอมซาตานอันแสนหวานอีกครั้งเมื่อเผลอสบนัยน์ตาคู่นั้นท่ามกลางความเงียบสงัดของรัตติกาล ชายห
ร่างสูงใหญ่ทิ้งคำพูดเสียดแทงหัวใจก่อนเปิดประตูออกไปโดยไม่เหลียวหลัง เมื่อเซอร์เรนัล์ฟจากไปแล้วอิสลินจึงอดรนทนไม่ไหวที่จะเสียน้ำตาอีกครั้ง คิดถึงผู้ชายคนหนึ่งแต่ต้องสนองความใคร่ให้ผู้ชายอีกคนเช่นนั้นหรือ...เขาพูดไม่ผิด ในเมื่อเซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์ คนนั้นได้ตายจากไปแล้วจริง ๆ เหลือแต่ซาตานผู้หยิ่งทะนงและโหดร้ายผู้หยิบยื่นเอาความทุกข์ทรมานแลกกับหัวใจให้เธอรับใช้เขาไปตลอดชีวิต๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ในเช้าที่อากาศสดใสใต้ร่มแมกไม้เขียวขจีผลิใบงดงามท่ามกลางบรรยากาศของฤดูร้อนของสวนขนาดใหญ่ใจกลางมหานครซึ่งโอบล้อมด้วยตึกระฟ้ามากมายดูเหมือนเป็นสวรรค์น้อย ๆ ของเด็กหญิงในชุดกระโปรงจีบระบายสีหวาน ร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองนุ่มนวลถูกรวบเป็นหางม้าสูงผูกโบว์สีสดอวดใบหน้าจิ้มลิ้มและแก้มชมพูเรื่อนั่งแต่งตัวให้ตุ๊กตาหมีและบาร์บี้ในชุดแสนสวยบนเสื่อผืนใหญ่โดยมีชายหนุ่มในชุดลำลองเสื้อคอกลมและกางเกงเดนิมสีเข้มนั่งอยู่ข้าง ๆ ใกล้กันนั้นหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงยีนส์รัดรูปนั่งเตรียมของว่างพลางมองคนต่างวัยที่ยิ้มหัวให้กันตลอดเวลา อิสลินอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเซอร์เรนัล์ฟแย้มยิ้มกับอีวี่ราวกับเขามีความส
“จริง ๆ แล้วผมคิดว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยสำหรับคนคนหนึ่งที่ต้องเผชิญปัญหาหนักและไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักต้องรับรู้ เดเรก...ไม่ได้โกหกคุณหรอกนะเรื่องที่เขากับผมเดินทางไปปารีส แต่เราก็ไปอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนจะกลับมานิวยอร์คอีกครั้งเพื่อ...” ชายหนุ่มกล่าวไม่ทันจบประโยคเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ร่างสูงรีบรับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ครับ...ครับ...ผมจะรีบไปครับ” แบรดตอบรับปลายสายเพียงสั้น ๆ ก่อนกดปิดและเก็บมันไว้ในกระเป๋าแจ็คเก็ตดังเดิม“อีฟ...ผมคงต้องรีบไปก่อน ถ้ายังไงผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณฟังเมื่อมีโอกาส”“แบรดคะ ฉันจะได้เจอเดเรกไหมคะ?” ร่างสูงเงียบไปก่อนตอบ “โทรหาผม อีฟ...แล้วผมจะพาคุณไปพบกับเดเรก ผมสัญญา”อิสลินมองตามหลังแบรดที่จากไปด้วยท่าทีเร่งรีบและรู้สึกเป็นห่วงเดเรกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงเธอจะไม่ได้อยู่กับเขาฉันสามีภรรยาทั่วไปแต่เดเรกก็เปรียบเหมือนที่ยึดเหนี่ยวทางใจในยามเคว้งคว้าง“มามี้ขา” เสียงเรียกที่ดังอยู่เบื้องหลังทำให้อิสลินรีบหันกลับไปยังร่างของแม่หนูน้อยของเธอที่หิ้วตะกร้าใส่ตุ๊กตาจูงมือมาพร้อมเซอร์เรนัล์ฟ หญิงสาวรีบป
“มามี้ขา...มามี้ขา” อีวี่ร้องเรียกขณะวิ่งกลับมาหาแม่ อิสลินที่นั่งใจลอยราวกับภวังค์กระตุกวูบ เธออ้าแขนรับแม่หนูน้อยที่โผเข้าซบอกและจูบเรือนผมสีน้ำตาลทองที่อวลไอด้วยกลิ่นหอมแบบเด็ก ๆ“อะไรจ๊ะลูก...ไม่อยู่คุยกับแด๊ดดี้แล้วหรือจ๊ะ” / “อีวี่อยากนอนค่ะ มามี้”“หืม...” อิสลินเงยหน้ามองท้องฟ้า อาจถึงเวลาที่อีวี่จะนอนแล้วจริง ๆ / “มามี้ร้องเพลงให้อีวี่ฟังหน่อยซีคะ”อีวี่ออดอ้อนและอิสลินก็ไม่คิดปฏิเสธ หญิงสาวจับร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักและโอบกอดด้วยอ้อมแขนอุ่นราวอุ้มเด็กทารก แสงนวลของจันทราสาดส่องลงมากระทบนัยน์ตาสีฟาสดใส สำหรับเธอแล้วอีวี่เป็นของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่งดงามมากกว่าสิ่งใดในโลก เจ้าของร่างแน่งน้อยเริ่มขยับเรียวปากขับลำนำเสียงเพลงเห่กล่อมคลอเสียงคลื่นและสายลมอ่อนShule, shule, shule-a-roo, Shule-a-rak-shak, shule-a-ba-ba-coo. When I saw my sally babby beal, Come bibble in the boo shy lorey. บทเพลงนุ่มนวลอ่อนหวานถูกขับกล่อมเบา ๆ อยู่เช่นนั้นกระทั่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด“อีวี่จ๊ะ...อีวี่จ๋า” อิสลินหยุดร้องและก้มลงมองนางฟ้าในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม“อะไรกัน...หลับไปเสียแล้ว” อิสลิน
“บอกมาเถอะที่รักว่าจะให้ผมทำอะไร ผมยอมคุณหมดแล้วนะทูนหัว”หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนหันไปมองร่างเล็กที่กำลังก่อปราสาททรายอย่างขะมักเขม้น“คุณไม่ต้องทำอะไรให้ฉันหรอกค่ะ ขอแค่ทำให้ลูกของเรามีความสุขที่สุดในวันเกิดของแก...เป็นพอ”เซอร์เรนัล์ฟยิ้มพลางเกลี่ยปอยผมบนขมับของอิสลินทว่าก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนวงหน้างามของผู้อยู่ในอ้อมแขน“อีฟ...ผมว่าหน้าคุณดูซีดไปนะ คุณไม่สบายหรือเปล่า”“ไม่นี่คะ ฉันสบายดีค่ะ ฉันคงตื่นเต้นมากไปที่ได้เห็นหน้าลูก”หญิงสาวหรุบสายตาลงต่ำเพื่อเก็บซ่อนอะไรบางอย่างที่ยังติดค้างในใจก่อนเปลี่ยนเรื่องพูด“นี่ก็เย็นมากแล้วนะคะ ฉันยังไม่ได้บอกป้าซิลวี่เลยว่าจะกลับบ้านผิดเวลาแบบนี้ ท่านคงเป็นห่วงฉันแย่แล้ว””ป้าซิลวี่รู้แล้วว่าคืนนี้คุณจะไม่กลับบ้าน”“คะ...คุณว่ายังไงนะคะ?” อิสลินขมวดคิ้วมุ่น เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขาอีกครั้งก็เห็นประกายวิบวับในดวงตาสีฟ้าคมเข้ม เซอร์เรนัล์ฟดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางแนบชิดอกกว้างอีกครั้ง“นับจากวันนี้ป้าซิลวี่คงต้องหาลูกมือคนใหม่ช่วยงานที่ร้านแล้วล่ะ เพราะผมบอกเรื่องของเรากับท่านหมดแล้วตอนเดินทางมาถึงโมนาโก”“ไคลน์...นี่คุณ” อิสลินเริ่มหน้าง
“คุณจะแน่ใจได้อย่างไรคะว่าอีวี่เป็นสายเลือดของคุณ แกอาจเป็นลูกของใครก็ได้ที่ผู้หญิงร่านอย่างฉันเคยมีความสัมพันธ์ด้วย!”“คุณไม่เคยมีใคร” เซอร์เรนัล์ฟแย้งเบา ๆ ก่อนจับไหล่บางทั้งสองและรั้งเข้าหาตัว“ผมเชื่อว่าอีวี่เป็นลูกของผมโดยไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำ! ทำไมน่ะหรือ...มองตาผมสิ อีฟ ผมรู้ว่าคุณเห็นผมตลอดเวลาที่อยู่กับอีวี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นลูกก็คือผม ในตัวของแกมีหัวใจของผู้ชายที่คุณรักมากที่สุดซึ่งคุณเคยคิดว่าเขาตายไปแล้ว”อิสลินเม้มเรียวปากบางไว้แน่นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปเฉกเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่เลื่อนมือหนาขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนเพื่อเกลี่ยหยดน้ำใสที่ร่วงหล่นลงมา“ไคลน์คะ...ฉัน...” หญิงสาวตีบตันทบเท่าทวีคูณเมื่อเห็นหยดน้ำถั่งออกมาจากดวงตาที่เคยแข็งกร้าวของจอมซาตาน เธอได้แต่นิ่งงันและรอบตัวได้ยินเพียงเสียงคลื่นซัดผสานสายลมอ่อนไหวและเสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัวเราะหัวใคร่กับลูกสุนัขแสนซน“หยุดร้องไห้เถอะนะ ที่รัก...ผมขอโทษที่ทำให้คุณทุกข์ใจในเวลาที่ผ่านมา ตอนคุณหนีไปจากผมกับลูก อีวี่บอกว่ามักจะเห็นคุณร้องไห้เสมอ”“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้ลูกเห
อิสลินส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตาก็ไหลไม่หยุด เธอกอดลูกสาวไว้อีกครั้งก่อนจะได้ยินเสียงลูกสุนัขตัวเดิมมายืนเห่าข้าง ๆ“โยกี้...นี่มามี้ของฉันนะ มามี้กลับมาหาฉันแล้ว” อีวี่ยิ้มออกมาซึ่งมันทำให้อิสลินแปลกใจ“โยกี้หรือคะ?”“ช่ายค่ะ มันชื่อโยกี้ แด๊ดดี้ซื้อมาให้อีวี่ แด๊ดดี้กลัวอีวี่จะเหงา”ร่างเล็กหันไปยกมือส่งสัญญาณกับหมาตัวน้อยในขณะที่คนเป็นแม่นิ่งไป อิสลินรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เมื่อเห็นหน้าอีวี่ แต่แล้วหญิงสาวกลับนึกขึ้นมาได้ว่าเธอพบหน้าลูกแล้ว เธอได้อีวี่กลับคืนมาและยังไม่ลืมแผนการที่คิดไว้ในใจ ร่างบางหันไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเงาของใคร เซอร์เรนัล์ฟคงดีได้ประเดี๋ยวประด๋าวเพราะหลังจากนี้ไปเขาจะเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดา“อีวี่จ๊ะ เราไปกันเถอะ” อิสลินยืดตัวขึ้นยืนและจับมือเล็กให้เดินตามแต่หนูน้อยกลับเป็นฝ่ายยื้อเธอไว้“มามี้ขา มามี้จะไปไหนคะ?”“ไปจากที่นี่อย่างไรล่ะคะ ตามมามี้มาเถอะค่ะ”“อย่าเพิ่งไปค่ะ มามี้” หนูน้อยเข้าไปเกาะขามารดาไว้แน่นและเงยหน้ามองคล้ายจะอ้อนวอนอะไรสักอย่าง“ทำไมล่ะคะ อีวี่...เราต้องรีบไปนะคะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้”“แต่อีวี่ไม่อยากไป มามี้อยู่ก่อนนะคะ แด๊ดดี้บอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้
“ไคลน์คะ อ๊ะ” “พระเจ้า...อีฟ”ต่างฝ่ายต่างครวญครางดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อความสุขสมสอดประสานไปกับสายลมแสนหวานและเสียงคลื่นขับกล่อม ระยับแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องกว้างทาบทาลงบนร่างทั้งสองที่กอดก่ายและดื่มด่ำกับเรือนร่างของกันและกันด้วยเพลิงปรารถนาอันน่ากระหายใคร่เป็นเวลาเนิ่นนาน บางครั้งร่างอรชรเป็นฝ่ายควบคุมเขาและหลายคราวกลับเป็นฝ่ายปลดปล่อยให้เซอร์เรนัล์ฟเป็นผู้ควบขับและดูเหมือนร่างงามยินดีเป็นฝ่ายตั้งรับพลังอันล้นเหลือจากชายหนุ่มซึ่งไม่มีทีท่าเหนื่อยอ่อนแม้แต่นิดเดียว“ที่รัก...”“ไคลน์คะ” อิสลินจิกปลายเล็บลงบนผ้าคลุมเตียงที่ยับยู่ยี่และขมวดมันไว้ในมือแน่นขณะบิดร่างชื้นเหงื่อใต้ร่างสูงใหญ่ เซอร์เรนัล์ฟยังคงแข็งแกร่งและขยับสะโพกโดยไม่หยุดพักซึ่งหญิงสาวก็ปราศจากทีท่าจะหยุดตัวเองด้วยเช่นกัน ใบหน้าคร้ามเข้มก้มลงจูบหนักเมื่อรับรู้เวลาว่าใกล้ถึงฝั่งฝัน“บอกผมหน่อยได้ไหมที่รัก...ว่าคุณมีความสุขหรือเปล่า?” คนถามหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกถึงหยาดหยดแห่งรักเริ่มซึมซาบออกมา อิสลินแก้มแดงซ่านแม้คำถามนั้นก่อเกิดความประหลาดใจหากก็ตอบออกไปหาใช่ด้วยอารมณ์ที่กำลังทะยานใกล้ถึงขีดสุด“ค่ะ...ไคลน์ วันนี้ฉัน
“อา...อีฟ” เซอร์เรนัล์ฟคำรามเสียงหนักอยู่ในลำคอก่อนพลิกตัวให้ร่างเล็กขึ้นมาทาบทับอยู่เบื้องบน เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพวงเนื้ออิ่มงามทั้งสองข้างที่กำลังไหวกระเพื่อมเลื่อนมาอยู่ตรงกับริมฝีปากหนาได้รูป“ไคลน์...บอกฉันสิคะว่าเมื่อไหร่คุณจะให้ฉันพบอีวี่” ร่างเปลือยเย้ายวนบิดไปมาอยู่เหนือร่างกำยำกระซิบถามพลางไล้ปลายนิ้วไปบนกรามแกร่งสากระคายคล้ายจะเอาใจ“คุณจะได้พบลูกแน่ ผมรับประกัน” / “แล้วหลังจากนี้คุณจะปล่อยพวกเราไปใช่ไหมคะ”พอหญิงสาวถามต่อชายหนุ่มก็ขยับลูกขึ้นนั่งโดยใช้แขนแข็งแรงดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางที่ยังคร่อมบนตัวแนบกับอกกว้าง เซอร์เรนัล์ฟซุกใบหน้าเพื่อสูดดมกลิ่นหอมอวลจากหลือบร่องของสองเต้าที่ถูกเบียดชิดเข้าหากัน“ผมยังไม่มีแผนอะไรตอนนี้ แต่คิดว่าจะพาคุณกับลูกกลับอเมริกา”“เพื่อเป็นสักขีพยานในงานแต่งของคุณกับเรเน่ต์อย่างนั้นหรือคะ...ฉันขอปฏิเสธค่ะ ไคลน์” / “คุณหึงผมหรือ อีฟ”“ไม่ค่ะ...อ๊ะ! ไคลน์” อิสลินสะดุ้งเมื่อกายแกร่งเริ่มแทรกความเป็นเขาเข้าไปในกลีบอ่อนนุ่มโดยหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ใจหนึ่งเธอก็อยากขยับหนีแต่ท่าที่นั่งอยู่บนหน้าตักของเขาไม่อำนวยให้ทำอย่างที่คิด“อุ๊ย! ไคลน์
“ไม่มีอะไรน่ากลัว ที่รัก” รอยยิ้มอันน่าเสน่หาจุดขึ้นบนมุมปากหยักพร้อมกันกับที่มือสากระคายลากไล้จากหัวไหล่กลมมนลงมาหยุดที่ยอดปทุมงามปริ่มบนผิวน้ำ ชายหนุ่มก้มลงจูบเม็ดโกเมนสีแดงเรื่อและขบด้วยฟันเบา ๆ จนร่างสาวสยิวซ่านก่อนผงกศีรษะขึ้นและจับจ้องดวงหน้าหวานสีชมพูเข้มที่มองทีไรก็ยังเย้ายวนใจราวกับเทพีกลางสายน้ำปลดปล่อยผมเปียกสยายลู่ลงมาเคลียบนสองเต้า“ที่รัก ผมคงต้องสอนคุณใหม่เสียแล้วกระมัง” น้ำเสียงเบาราวกระซิบทว่าเสียงหอบหายใจหนักจากใบหน้าคร้ามเข้มนั้นก็ยังชัดเจนกว่าเสียงคลื่นด้านนอก อิสลินขอบตาร้อนผ่าวเมื่อนึกถึง เขา ในคืนนั้น ราตรีแห่งฝันของนักเรียนสาวและอาจารย์หนุ่ม ร่างเล็กไล้นิ้วเรียวไปมาบนริมฝีปากล่างของเซอร์เรนัล์ฟเบา ๆ แลกกับจูบที่เขาบรรจงประทับลงบนปลายนิ้วสีเรื่อ“ไคลน์คะ คุณเคยสอนฉันแล้วนะคะ” “มันคงนานเกินไปจนคุณจำไม่ได้แล้วกระมัง”“ฉันจำมันได้เสมอค่ะ แต่คุณ...คงจะลืมนักเรียนคนนี้ไปแล้ว”“ไม่...” เซอร์เรนัล์ฟดูดนิ้วกลางของหญิงสาวก่อนตอบเสียงพร่า “ผมไม่เคยสอนบทเรียนนี้ให้ใคร...นอกจากคุณ”“ไคลน์...อืม” อิสลินหลับตาลงและรับรู้ถึงความอบอุ่นที่ฉายวาบขึ้นมาจากก้นบึ้ง หญิงสาวลืมเรื่อง
“ไคลน์...อย่าค่ะ...ได้โปรด” หญิงสาวได้แต่ร้องขอทั้งที่ต้านทานร่างแกร่งกำยำนั้นไม่ไหว เขาทำให้เธอร้อนรน เขาปลุกเร้าผ่านเนื้อผ้าบางเบาเปียกชุ่มที่หลุดร่นลงไปกองใต้ฟองลื่น ลิ้นหนายังทำงานไม่หยุดหย่อน ทั้งโลมเล้าดูดกลืนและตวัดชิมความหวานจากปากเล็ก กระทั่งใบหน้าคร้ามคมเลื่อนออกไปร่างอรชรจึงยกแขนขึ้นปิดป้องเต้าอิ่มกลมแสนสวยเมื่อกายสาวถูกเปิดเปลือยจนหมดด้วยเช่นกัน“อีฟ...คุณจะปกปิดไปทำไมกัน ในเมื่อผมก็เห็นจนหมดแล้ว” เสียงทุ้มทว่านุ่มนวลนั้นวอนเว้าพร้อมกับที่มือแกร่งดันแขนเรียวทั้งสองให้พ้นจากเนินเนื้ออวบใหญ่จนมันดีดเด้งออกมาอวดสายตา เขามองอยู่นานจนอิสลินเขินอายตัวเอง“พอใจหรือยังคะ ไคลน์...ฉันไม่ให้คุณทำอะไรมากไปกว่านี้นะคะ และที่สำคัญคุณต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันด้วย”“ผมไม่บิดพลิ้วคุณหรอก อีฟ แต่...” เซอร์เรนัล์ฟยังเบียดความใหญ่โตเข้าหาจนทุกสัดส่วนบนกายแข็งแกร่งแนบชิดกับร่างอ่อนนุ่มในอ่างน้ำที่ฟองสบู่เริ่มบางเบาลง“แต่อะไรคะ?” “คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหนถ้าจะให้แค่กอดคุณไว้แบบนี้”“ไคลน์...อย่าสิคะ...ฉันไม่....” อิสลินร้องปฏิเสธแต่ไม่ทันเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนวลแ
“แต่ผมอยากดูแบบสูทตอนนี้เลย” ชายหนุ่มออกคำสั่งขณะที่หญิงสาวกำลังจะหันหลังให้ อิสลินหันมาถอนใจหากก็จำต้องเข้าไปหาเขาอีกตามเคย ภาพของร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าอวดกล้ามเนื้อบนอกและลอนหน้าท้องตลอดจนแขนหนาในอ่างอาบน้ำที่ฟูฟ่องไปด้วยฟองสบู่ทำหัวใจของร่างแน่งน้อยเต้นระส่ำ เซอร์เรนัล์ฟมีพลังดึงดูดเสมอไม่ว่ายามอยู่ในชุดสูทภูมิฐานอย่างนักธุรกิจหรือยามปราศจากอาภรณ์ใด ๆ บนเรือนกายสมส่วนความเป็นชายนั้น อิสลินนึกในใจว่าทำไมเขาถึงไม่อาบน้ำให้เสร็จเสียก่อนแล้วรีบดูแบบสูทเพื่อที่เธอจะได้รีบกลับไปที่ร้านป้าซิลวี่ไว ๆ เพราะเวลาที่อยู่กันลำพังในสถานที่แบบนี้หญิงสาวก็ให้หวั่นเกรงต่อทีท่าของจอมซาตาน“อืม...ข้างนอกอากาศร้อนมากจริง ๆ “ เจ้าของใบหน้าคร้ามเข้มกล่าวพลางหันออกไปด้านนอกที่แสงแดดส่องผ่านบานกระจกหน้าต่างเข้ามา รอยยิ้มทรงเสน่ห์ระบายบนโครงหน้าหล่อเหลา เขาทำเหมือนไม่มีอะไรรีบเร่งเลยกระนั้น“ไหนล่ะ แบบสูทที่คุณเอามาให้ผมดู” เขาถามร่างบอบบางที่ยืนห่าง ๆ และกำลังยื่นเอกสารมาให้“ถ้าคุณชอบแบบไหนค่อยบอกฉันก็ได้ค่ะ ฉันจะไปรอข้างนอก”“เข้ามาใกล้หน่อยซี ผมเอื้อมไม่ถึง” อิสลินหันมองเซอร์เรนัล์ฟที่วางแขนบนขอบอ่าง น