ร่างสูงใหญ่ทิ้งคำพูดเสียดแทงหัวใจก่อนเปิดประตูออกไปโดยไม่เหลียวหลัง เมื่อเซอร์เรนัล์ฟจากไปแล้วอิสลินจึงอดรนทนไม่ไหวที่จะเสียน้ำตาอีกครั้ง คิดถึงผู้ชายคนหนึ่งแต่ต้องสนองความใคร่ให้ผู้ชายอีกคนเช่นนั้นหรือ...เขาพูดไม่ผิด ในเมื่อเซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์ คนนั้นได้ตายจากไปแล้วจริง ๆ เหลือแต่ซาตานผู้หยิ่งทะนงและโหดร้ายผู้หยิบยื่นเอาความทุกข์ทรมานแลกกับหัวใจให้เธอรับใช้เขาไปตลอดชีวิต๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ในเช้าที่อากาศสดใสใต้ร่มแมกไม้เขียวขจีผลิใบงดงามท่ามกลางบรรยากาศของฤดูร้อนของสวนขนาดใหญ่ใจกลางมหานครซึ่งโอบล้อมด้วยตึกระฟ้ามากมายดูเหมือนเป็นสวรรค์น้อย ๆ ของเด็กหญิงในชุดกระโปรงจีบระบายสีหวาน ร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองนุ่มนวลถูกรวบเป็นหางม้าสูงผูกโบว์สีสดอวดใบหน้าจิ้มลิ้มและแก้มชมพูเรื่อนั่งแต่งตัวให้ตุ๊กตาหมีและบาร์บี้ในชุดแสนสวยบนเสื่อผืนใหญ่โดยมีชายหนุ่มในชุดลำลองเสื้อคอกลมและกางเกงเดนิมสีเข้มนั่งอยู่ข้าง ๆ ใกล้กันนั้นหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงยีนส์รัดรูปนั่งเตรียมของว่างพลางมองคนต่างวัยที่ยิ้มหัวให้กันตลอดเวลา อิสลินอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเซอร์เรนัล์ฟแย้มยิ้มกับอีวี่ราวกับเขามีความส
“จริง ๆ แล้วผมคิดว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยสำหรับคนคนหนึ่งที่ต้องเผชิญปัญหาหนักและไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักต้องรับรู้ เดเรก...ไม่ได้โกหกคุณหรอกนะเรื่องที่เขากับผมเดินทางไปปารีส แต่เราก็ไปอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนจะกลับมานิวยอร์คอีกครั้งเพื่อ...” ชายหนุ่มกล่าวไม่ทันจบประโยคเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ร่างสูงรีบรับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ครับ...ครับ...ผมจะรีบไปครับ” แบรดตอบรับปลายสายเพียงสั้น ๆ ก่อนกดปิดและเก็บมันไว้ในกระเป๋าแจ็คเก็ตดังเดิม“อีฟ...ผมคงต้องรีบไปก่อน ถ้ายังไงผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณฟังเมื่อมีโอกาส”“แบรดคะ ฉันจะได้เจอเดเรกไหมคะ?” ร่างสูงเงียบไปก่อนตอบ “โทรหาผม อีฟ...แล้วผมจะพาคุณไปพบกับเดเรก ผมสัญญา”อิสลินมองตามหลังแบรดที่จากไปด้วยท่าทีเร่งรีบและรู้สึกเป็นห่วงเดเรกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงเธอจะไม่ได้อยู่กับเขาฉันสามีภรรยาทั่วไปแต่เดเรกก็เปรียบเหมือนที่ยึดเหนี่ยวทางใจในยามเคว้งคว้าง“มามี้ขา” เสียงเรียกที่ดังอยู่เบื้องหลังทำให้อิสลินรีบหันกลับไปยังร่างของแม่หนูน้อยของเธอที่หิ้วตะกร้าใส่ตุ๊กตาจูงมือมาพร้อมเซอร์เรนัล์ฟ หญิงสาวรีบป
“ป้าลิลลี่คะ” ร่างบางในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายวางแก้วชาลงบนโต๊ะก่อนเอื้อมมือมาแตะแขนแม่บ้านวัยกลางคน “ป้าลิลลี่ไม่ต้องบอกใครนะคะว่าวันนี้ฉันออกไปทำธุระข้างนอก มันเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ แต่จะขอรบกวนป้าลิลลี่แค่วันนี้”ใบหน้าแป้นหันกลับไปภายในบ้านที่แม่หนูน้อยกำลังนอนดูรายการการ์ตูนในโทรทัศน์ก่อนหันมายิ้มกับหญิงสาว“รบกวนอะไรกันคะ คุณผู้หญิง...ฉันเคยทำหน้าที่อย่างไรก็ยังทำอยู่อย่างนั้นและทำด้วยความเต็มใจค่ะ โดยเฉพาะการดูแลคุณหนูอีวี่เป็นสิ่งที่ฉันยินดีมากค่ะ”“ขอบคุณมากค่ะป้า” / “ว่าแต่คุณจะออกไปตอนไหนล่ะคะ เพราะนี่ยังเช้าอยู่เลย”หญิงสาวนั่งนิ่งขณะทอดสายตาคู่งามข้ามยอดไม้ไปยังหลังคาของคฤหาสน์หลังใหญ่“ไคลน์...เอ้อ...คุณเซอร์เรนัล์ฟเขาไปหรือยังคะ?” / “คุณเซอร์เรนัล์ฟตื่นแต่เช้าตรู่ แต่เห็นบอกว่าจะออกไปตอนสายค่ะ”“ถ้าอย่างนั้น...ฉันก็จะรอให้เขาออกไปก่อนก็แล้วกันค่ะ” อิสลินถอนหายใจบางเบาเมื่อป้าลิลลี่เดินกลับเข้าไปในบ้านและนั่งลงข้าง ๆ แม่หนูอีวี่ที่กำลังสนใจการ์ตูนในทีวีตรงหน้า ร่างบางมองยอดลินเดนที่ไหวไปมาเมื่อลมพัดผ่านก่อนยกแก้วชาขึ้นจิบด้วยความรู้สึกที่ก็ยังหวาดหวั่น เมื่อคืนหญิงสาวโทรไปหาแบ
อิสลินเดินตามแบรดเข้าไปในโรงพยาบาลและคิดไปตลอดทางว่าทำไมเดเรกมาอยู่ที่นี่ในเมื่อไม่มีเค้าลสงหรือสัญญาณใด ๆ ล่วงหน้ามาก่อนเลยว่าคนแข็งแรงอย่างเขาจะมีโรคภัยมากล้ำกลาย บรรยากาศในสถานที่บำบัดโรคไม่ว่าจะดูน่าสบายแค่ไหนก็ล้วนไม่น่าพิศมัยทั้งสิ้น มันเต็มไปด้วยความหดหู่และเงียบขรึม ถึงแม้หญิงสาวจะได้พบเห็นรอยยิ้มจากแพทย์และพยาบาลทว่าก็มิอาจฉุดความรู้สึกของผู้มาเยี่ยมไข้ให้ดีขึ้นเลย ร่างสูงเดินนำมาจนถึงหน้าห้องพักฟื้นผู้ป่วยห้องหนึ่งซึ่งอยู่ชั้นบนของตึกสูง เขาหยุดก้าวเท้าและหันมายังร่างเล็กที่หยุดมองดูชื่อผู้ป่วยด้านหน้า เดเรก เพียซ อิสลินยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นกระทั่งแบรดเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น“อีฟ...คุณเข้าไปข้างในเถอะ ผมจะคอยอยู่ตรงนี้” ร่างแน่งน้อยทำตามที่ชายหรุ่มบอก เธอค่อย ๆ ผลักประตูและก้าวเข้าไปในห้องผู้ป่วยซึ่งภายในนั้นหญิงสาวพบร่างสูงของคนที่เธอคุ้นเคยนั่งอยู่บนเตียงในท่าเอนหลังพิงหมอน อิสลินจรดปลายเท้าลงบนพื้นอย่างเงียบเชียบทว่าเสียงเปิดประตูเมื่อครู่คงทำให้เขารู้สึกได้แล้วว่ามีคนเดินเข้ามา“อีฟ” เดเรกในชุดผู้ป่วยอุทานเบา ๆ เมื่อละสายตาจากนอกหน้าต่างและเห็นว่าคนที่เข้ามาภายในห้องเป็นใคร“เดเ
“คุณทำแบบนี้เท่ากับฉันปล่อยให้คุณโดดเดี่ยวนะคะเดเรก”“ผมไม่ได้เผชิญปัญหาแค่เพียงลำพัง อย่างน้อยที่สุดแบรดก็อยู่เคียงข้างผมอีกคน ว่าแต่คุณเถอะ อีฟ...คงไม่โกรธเรื่องที่ขายแอร์โรไวรอนต์ไปเพราะบริษัทประสบปัญหาหลายอย่าง แต่ผมก็มีแผนสำรองเพราะเจ้าของดี ฮันเตอร์เต็มใจจะซื้อโรงงานกับคฤหาสน์ไว้และทรัพย์สินส่วนนั้นผมมอบให้คุณกับลูกถือว่าเป็นส่วนที่สามีต้องแบ่งให้ภรรยาหลังการหย่าตามกฎหมาย”อิสลินกลืนก้อนแข็งในลำคอลงไปโดยไม่ยอมปริปากบอกอีกฝ่ายว่าเกิดอะไรหลังการตกลงซื้อขายครั้งนั้น หญิงสาวจะบอกเดเรกได้เช่นไรว่าทุกสิ่งทุกอย่างตกป็นของ เขา ไม่เว้นแม้แต่ชีวิตของเธอที่ต้องเอาอิสรภาพเข้าแลกเพื่อปกป้องหัวใจดวงน้อย“อย่าห่วงฉันเลยค่ะเดเรก...ทุกอย่างโอเค เว้นก็แต่...คุณ”“เดือนหน้าผมจะเข้ารับการผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ผมสวดอ้อนวอนต่อพระเป็นเจ้าทุกค่ำคืนว่า...ขอให้มันผ่านไป”“มันจะผ่านไปด้วยดีค่ะ เดเรก ฉันเชื่อเช่นนั้น” อิสลินบีบบมือเขาเบา ๆ เป็นกำลังใจส่งผ่านสัมผัสแทนคำพูดมากมายที่มิอาจกลั่นออกมาได้หมดสิ้น เธอมองเห็นความเข้มแข็งส่องประกายกล้าในดวงตาสีมรกตที่ยังสดใส หญิงสาวอยู่พูดคุยกับเขาต่อไปโ
“ไคลน์...อ๊ะ!” อิสลินร้องออกมาเมื่อเซอร์เรนัล์ฟก้าวเข้าไปถึงในจังหวะที่เธอจะถอยหนีทว่าก็ไม่ทันมือหนาที่คว้าข้อมือบางทั้งสองและบีบมันแน่นราวคีมเหล็ก“ไคลน์!...ปล่อยนะคะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้ ฉันไม่ใช่เชลยของคุณ!”“แต่คุณเป็นโสเภณีของผม และตัวคุณเองก็ยอมรับ! คุณก็คือคุณอยู่วันยังค่ำ เคยปลิ้นปล้อนหลอกลวงไม่น่าไว้ใจยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น พอผู้ชายคนหนึ่งไม่อยู่ก็ออกไประเริงกับผู้ชายอีกคนทิ้งลูกเอาไว้ให้อยู่กับพี่เลี้ยง เพราะคุณร่านแบบนี้หรือเปล่าไอ้เดเรกมันเลยทนไม่ไหวต้องขอหย่าจะได้ไปหาผู้หญิงดี ๆ มาเป็นเมีย!”“ฉันไม่ใช่คนสิ้นคิดแบบนั้นนะคะ ไคลน์ ฉันมีเหตุผลที่ต้องออกไปข้างนอกและฉันก็ไม่ได้ทอดทิ้งลูกของฉันด้วย!”“ผู้หญิงอย่างคุณมันหน้าด้านไร้ยางอาย อยากจะพูดอะไรก็ได้ แต่ถามหน่อยเถอะ สนุกมากมั้ยเวลาออกไปคบชู้!”“โอ๊ย!” อิสลินต้องเจ็บซ้ำสองเมื่อร่างของเธอถูกเขาดันไปชนฝาห้อง หญิงสาวรู้สึกเจ็บลึกบนแผ่นหลังและข้อมือที่ถูกบีบจนแทบหักทำให้เธอร้องไห้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง เซอร์เรนัล์ฟเหมือนคนบ้าคลั่ง ความอดกลั้นนั้นสิ้นสุดตั้งแต่วางสายโทรศัพท์เมื่อตอนสายก่อนเตรียมขึ้นเครื่องบินส่วนตั
ดอกไม้แสนสวยมากมายสยายกลีบสีชมพูหวานรอรับหยาดน้ำในรัตติกาลสงบงามทว่าไร้ความสงัดและน่ากลัวนักสำหรับหญิงสาว เซอร์เรนัล์ฟหยุดเดินและกระชากร่างแน่งน้อยมาไว้ในอ้อมแขนเมื่อเขาพาเธอมาหยุดอยู่กลางดงกุหลาบอาบสายฝน“คุณชอบบรรยากาศแบบนี้ไม่ใช่หรืออีฟ แต่คืนนี้ไม่มีแสงจันทร์ จะมีก็แต่ความทรมานที่คุณต้องเจ็บจำไปจนวันตาย!”“อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะคะ ไคลน์ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ ได้ยินมั้ยคะ!” อิสลินใช้ฝ่ามือบางดันอกแกร่งเอาไว้แต่ไม่มีจังหวะจะผละออกห่างจากอ้อมแขนหนาที่ยังกอดรัด ยิ่งฝนกระหน่ำเทก็ยิ่งทำให้ตัวเขาและเธอเปียกปอน เซอร์เรนัล์ฟนั้นยิ่งร้อนรุ่มหนักด้วยเพลิงโทสะและเปลวราคะที่กำลังเผาไหม้ เมื่ออาการหอบสะท้อนยิ่งทำให้อกนุ่มใต้เสื้อเปียกโชกเสียดสีกับแผ่นอกกว้างโดยไม่ได้ตั้งใจ ทว่าหญิงสาวมองเห็นก็แต่ดวงตาดุกร้าวราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อก็ไม่ปาน“ทำไมผมจะทำไม่ได้ อีฟ! ผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างที่ผมอยากทำ ส่วนคุณก็มีหน้าที่ทำตามความต้องการของผมเท่านั้น!”“แต่ไม่ใช่แบบนี้...ได้โปรดเถอะค่ะ ฉันอยากกลับค่ะไคลน์...ได้โปรด”“เมื่อกี๊เสียงของคุณมันไม่ใช่แบบนี้ ทั้งอวดดีและอวดเก่ง คุณยั่วให้ผมโกรธแล้วคิดว่ามันจะหายง่าย ๆ
“ปล่อยฉัน...ปล่อยฉัน” ร่างเล็กร่ำร้องออกมาทันทีที่ริมฝีปากร้ายเคลื่อนออกไปเม้มขบที่ปลายคางมน ชายหนุ่มรู้สึกถึงกำลังฮึกเหิมเพราะยิ่งร่างงามดีดดิ้นไปมาเท่ากับยิ่งยั่วยุให้ไฟปรารถนาโหมแรงขึ้น ในความเคียดแค้นชายหนุ่มกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด เขาฝังจมูกโด่งไปตามลำคอและดูดซับหยาดน้ำที่เกาะพราวบนเนียนผิวจนหญิงสาวขนลุกซู่“ไคลน์...คุณมันปิศาจ คุณทำร้ายฉัน ฉันเกลียดคุณ”“อีฟ...” เซอร์เรนัล์ฟครางลึกเมื่ออิสลินบริภาษเขาด้วยน้ำเสียงผะแผ่ว ร่างหนากดจูบแรง ๆ ก่อนผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าหวานอีกครั้งชัด ๆ“ใช่...ผมมันปิศาจ ซาตาน หรืออะไรก็ได้ที่คุณอยากจะเรียก” เสียงห้าวเริ่มหอบสะท้านขึ้นมาบ้างขณะใช้ท่อนขากดเรียวขางามใต้ร่างที่ดึงดันไม่ยอมแพ้“คุณมันอสูรร้าย...ฉันเกลียดคุณ...ฉันเกลียดคุณ” / “คุณต้องการผมต่างหาก อีฟ...เวลานี้ และเดี๋ยวนี้” / “ไม่...ไม่....”น้ำเสียงผะแผ่วหลุดหายไปอีกครั้ง คราวนี้ยาวนานเมื่อลิ้นร้อนแทรกซอนเข้าไปในปากเล็ก เธอไม่อาจขัดขืนสัมผัสของเขาทุกครั้งแม้ปากจะก่นว่าเกลียดชังแค่ไหน มือเรียวทั้งสองข้างที่ถูกตรึงไว้กำหมัดแน่นเมื่อความรุมร้อนเริ่มแล่นไหลลงไปสู่ใจกลางร่างกายที่เขาบดเบี
“มามี้ขา...มามี้ขา” อีวี่ร้องเรียกขณะวิ่งกลับมาหาแม่ อิสลินที่นั่งใจลอยราวกับภวังค์กระตุกวูบ เธออ้าแขนรับแม่หนูน้อยที่โผเข้าซบอกและจูบเรือนผมสีน้ำตาลทองที่อวลไอด้วยกลิ่นหอมแบบเด็ก ๆ“อะไรจ๊ะลูก...ไม่อยู่คุยกับแด๊ดดี้แล้วหรือจ๊ะ” / “อีวี่อยากนอนค่ะ มามี้”“หืม...” อิสลินเงยหน้ามองท้องฟ้า อาจถึงเวลาที่อีวี่จะนอนแล้วจริง ๆ / “มามี้ร้องเพลงให้อีวี่ฟังหน่อยซีคะ”อีวี่ออดอ้อนและอิสลินก็ไม่คิดปฏิเสธ หญิงสาวจับร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักและโอบกอดด้วยอ้อมแขนอุ่นราวอุ้มเด็กทารก แสงนวลของจันทราสาดส่องลงมากระทบนัยน์ตาสีฟาสดใส สำหรับเธอแล้วอีวี่เป็นของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่งดงามมากกว่าสิ่งใดในโลก เจ้าของร่างแน่งน้อยเริ่มขยับเรียวปากขับลำนำเสียงเพลงเห่กล่อมคลอเสียงคลื่นและสายลมอ่อนShule, shule, shule-a-roo, Shule-a-rak-shak, shule-a-ba-ba-coo. When I saw my sally babby beal, Come bibble in the boo shy lorey. บทเพลงนุ่มนวลอ่อนหวานถูกขับกล่อมเบา ๆ อยู่เช่นนั้นกระทั่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด“อีวี่จ๊ะ...อีวี่จ๋า” อิสลินหยุดร้องและก้มลงมองนางฟ้าในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม“อะไรกัน...หลับไปเสียแล้ว” อิสลิน
“บอกมาเถอะที่รักว่าจะให้ผมทำอะไร ผมยอมคุณหมดแล้วนะทูนหัว”หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนหันไปมองร่างเล็กที่กำลังก่อปราสาททรายอย่างขะมักเขม้น“คุณไม่ต้องทำอะไรให้ฉันหรอกค่ะ ขอแค่ทำให้ลูกของเรามีความสุขที่สุดในวันเกิดของแก...เป็นพอ”เซอร์เรนัล์ฟยิ้มพลางเกลี่ยปอยผมบนขมับของอิสลินทว่าก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนวงหน้างามของผู้อยู่ในอ้อมแขน“อีฟ...ผมว่าหน้าคุณดูซีดไปนะ คุณไม่สบายหรือเปล่า”“ไม่นี่คะ ฉันสบายดีค่ะ ฉันคงตื่นเต้นมากไปที่ได้เห็นหน้าลูก”หญิงสาวหรุบสายตาลงต่ำเพื่อเก็บซ่อนอะไรบางอย่างที่ยังติดค้างในใจก่อนเปลี่ยนเรื่องพูด“นี่ก็เย็นมากแล้วนะคะ ฉันยังไม่ได้บอกป้าซิลวี่เลยว่าจะกลับบ้านผิดเวลาแบบนี้ ท่านคงเป็นห่วงฉันแย่แล้ว””ป้าซิลวี่รู้แล้วว่าคืนนี้คุณจะไม่กลับบ้าน”“คะ...คุณว่ายังไงนะคะ?” อิสลินขมวดคิ้วมุ่น เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขาอีกครั้งก็เห็นประกายวิบวับในดวงตาสีฟ้าคมเข้ม เซอร์เรนัล์ฟดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางแนบชิดอกกว้างอีกครั้ง“นับจากวันนี้ป้าซิลวี่คงต้องหาลูกมือคนใหม่ช่วยงานที่ร้านแล้วล่ะ เพราะผมบอกเรื่องของเรากับท่านหมดแล้วตอนเดินทางมาถึงโมนาโก”“ไคลน์...นี่คุณ” อิสลินเริ่มหน้าง
“คุณจะแน่ใจได้อย่างไรคะว่าอีวี่เป็นสายเลือดของคุณ แกอาจเป็นลูกของใครก็ได้ที่ผู้หญิงร่านอย่างฉันเคยมีความสัมพันธ์ด้วย!”“คุณไม่เคยมีใคร” เซอร์เรนัล์ฟแย้งเบา ๆ ก่อนจับไหล่บางทั้งสองและรั้งเข้าหาตัว“ผมเชื่อว่าอีวี่เป็นลูกของผมโดยไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำ! ทำไมน่ะหรือ...มองตาผมสิ อีฟ ผมรู้ว่าคุณเห็นผมตลอดเวลาที่อยู่กับอีวี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นลูกก็คือผม ในตัวของแกมีหัวใจของผู้ชายที่คุณรักมากที่สุดซึ่งคุณเคยคิดว่าเขาตายไปแล้ว”อิสลินเม้มเรียวปากบางไว้แน่นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปเฉกเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่เลื่อนมือหนาขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนเพื่อเกลี่ยหยดน้ำใสที่ร่วงหล่นลงมา“ไคลน์คะ...ฉัน...” หญิงสาวตีบตันทบเท่าทวีคูณเมื่อเห็นหยดน้ำถั่งออกมาจากดวงตาที่เคยแข็งกร้าวของจอมซาตาน เธอได้แต่นิ่งงันและรอบตัวได้ยินเพียงเสียงคลื่นซัดผสานสายลมอ่อนไหวและเสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัวเราะหัวใคร่กับลูกสุนัขแสนซน“หยุดร้องไห้เถอะนะ ที่รัก...ผมขอโทษที่ทำให้คุณทุกข์ใจในเวลาที่ผ่านมา ตอนคุณหนีไปจากผมกับลูก อีวี่บอกว่ามักจะเห็นคุณร้องไห้เสมอ”“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้ลูกเห
อิสลินส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตาก็ไหลไม่หยุด เธอกอดลูกสาวไว้อีกครั้งก่อนจะได้ยินเสียงลูกสุนัขตัวเดิมมายืนเห่าข้าง ๆ“โยกี้...นี่มามี้ของฉันนะ มามี้กลับมาหาฉันแล้ว” อีวี่ยิ้มออกมาซึ่งมันทำให้อิสลินแปลกใจ“โยกี้หรือคะ?”“ช่ายค่ะ มันชื่อโยกี้ แด๊ดดี้ซื้อมาให้อีวี่ แด๊ดดี้กลัวอีวี่จะเหงา”ร่างเล็กหันไปยกมือส่งสัญญาณกับหมาตัวน้อยในขณะที่คนเป็นแม่นิ่งไป อิสลินรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เมื่อเห็นหน้าอีวี่ แต่แล้วหญิงสาวกลับนึกขึ้นมาได้ว่าเธอพบหน้าลูกแล้ว เธอได้อีวี่กลับคืนมาและยังไม่ลืมแผนการที่คิดไว้ในใจ ร่างบางหันไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเงาของใคร เซอร์เรนัล์ฟคงดีได้ประเดี๋ยวประด๋าวเพราะหลังจากนี้ไปเขาจะเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดา“อีวี่จ๊ะ เราไปกันเถอะ” อิสลินยืดตัวขึ้นยืนและจับมือเล็กให้เดินตามแต่หนูน้อยกลับเป็นฝ่ายยื้อเธอไว้“มามี้ขา มามี้จะไปไหนคะ?”“ไปจากที่นี่อย่างไรล่ะคะ ตามมามี้มาเถอะค่ะ”“อย่าเพิ่งไปค่ะ มามี้” หนูน้อยเข้าไปเกาะขามารดาไว้แน่นและเงยหน้ามองคล้ายจะอ้อนวอนอะไรสักอย่าง“ทำไมล่ะคะ อีวี่...เราต้องรีบไปนะคะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้”“แต่อีวี่ไม่อยากไป มามี้อยู่ก่อนนะคะ แด๊ดดี้บอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้
“ไคลน์คะ อ๊ะ” “พระเจ้า...อีฟ”ต่างฝ่ายต่างครวญครางดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อความสุขสมสอดประสานไปกับสายลมแสนหวานและเสียงคลื่นขับกล่อม ระยับแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องกว้างทาบทาลงบนร่างทั้งสองที่กอดก่ายและดื่มด่ำกับเรือนร่างของกันและกันด้วยเพลิงปรารถนาอันน่ากระหายใคร่เป็นเวลาเนิ่นนาน บางครั้งร่างอรชรเป็นฝ่ายควบคุมเขาและหลายคราวกลับเป็นฝ่ายปลดปล่อยให้เซอร์เรนัล์ฟเป็นผู้ควบขับและดูเหมือนร่างงามยินดีเป็นฝ่ายตั้งรับพลังอันล้นเหลือจากชายหนุ่มซึ่งไม่มีทีท่าเหนื่อยอ่อนแม้แต่นิดเดียว“ที่รัก...”“ไคลน์คะ” อิสลินจิกปลายเล็บลงบนผ้าคลุมเตียงที่ยับยู่ยี่และขมวดมันไว้ในมือแน่นขณะบิดร่างชื้นเหงื่อใต้ร่างสูงใหญ่ เซอร์เรนัล์ฟยังคงแข็งแกร่งและขยับสะโพกโดยไม่หยุดพักซึ่งหญิงสาวก็ปราศจากทีท่าจะหยุดตัวเองด้วยเช่นกัน ใบหน้าคร้ามเข้มก้มลงจูบหนักเมื่อรับรู้เวลาว่าใกล้ถึงฝั่งฝัน“บอกผมหน่อยได้ไหมที่รัก...ว่าคุณมีความสุขหรือเปล่า?” คนถามหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกถึงหยาดหยดแห่งรักเริ่มซึมซาบออกมา อิสลินแก้มแดงซ่านแม้คำถามนั้นก่อเกิดความประหลาดใจหากก็ตอบออกไปหาใช่ด้วยอารมณ์ที่กำลังทะยานใกล้ถึงขีดสุด“ค่ะ...ไคลน์ วันนี้ฉัน
“อา...อีฟ” เซอร์เรนัล์ฟคำรามเสียงหนักอยู่ในลำคอก่อนพลิกตัวให้ร่างเล็กขึ้นมาทาบทับอยู่เบื้องบน เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพวงเนื้ออิ่มงามทั้งสองข้างที่กำลังไหวกระเพื่อมเลื่อนมาอยู่ตรงกับริมฝีปากหนาได้รูป“ไคลน์...บอกฉันสิคะว่าเมื่อไหร่คุณจะให้ฉันพบอีวี่” ร่างเปลือยเย้ายวนบิดไปมาอยู่เหนือร่างกำยำกระซิบถามพลางไล้ปลายนิ้วไปบนกรามแกร่งสากระคายคล้ายจะเอาใจ“คุณจะได้พบลูกแน่ ผมรับประกัน” / “แล้วหลังจากนี้คุณจะปล่อยพวกเราไปใช่ไหมคะ”พอหญิงสาวถามต่อชายหนุ่มก็ขยับลูกขึ้นนั่งโดยใช้แขนแข็งแรงดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางที่ยังคร่อมบนตัวแนบกับอกกว้าง เซอร์เรนัล์ฟซุกใบหน้าเพื่อสูดดมกลิ่นหอมอวลจากหลือบร่องของสองเต้าที่ถูกเบียดชิดเข้าหากัน“ผมยังไม่มีแผนอะไรตอนนี้ แต่คิดว่าจะพาคุณกับลูกกลับอเมริกา”“เพื่อเป็นสักขีพยานในงานแต่งของคุณกับเรเน่ต์อย่างนั้นหรือคะ...ฉันขอปฏิเสธค่ะ ไคลน์” / “คุณหึงผมหรือ อีฟ”“ไม่ค่ะ...อ๊ะ! ไคลน์” อิสลินสะดุ้งเมื่อกายแกร่งเริ่มแทรกความเป็นเขาเข้าไปในกลีบอ่อนนุ่มโดยหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ใจหนึ่งเธอก็อยากขยับหนีแต่ท่าที่นั่งอยู่บนหน้าตักของเขาไม่อำนวยให้ทำอย่างที่คิด“อุ๊ย! ไคลน์
“ไม่มีอะไรน่ากลัว ที่รัก” รอยยิ้มอันน่าเสน่หาจุดขึ้นบนมุมปากหยักพร้อมกันกับที่มือสากระคายลากไล้จากหัวไหล่กลมมนลงมาหยุดที่ยอดปทุมงามปริ่มบนผิวน้ำ ชายหนุ่มก้มลงจูบเม็ดโกเมนสีแดงเรื่อและขบด้วยฟันเบา ๆ จนร่างสาวสยิวซ่านก่อนผงกศีรษะขึ้นและจับจ้องดวงหน้าหวานสีชมพูเข้มที่มองทีไรก็ยังเย้ายวนใจราวกับเทพีกลางสายน้ำปลดปล่อยผมเปียกสยายลู่ลงมาเคลียบนสองเต้า“ที่รัก ผมคงต้องสอนคุณใหม่เสียแล้วกระมัง” น้ำเสียงเบาราวกระซิบทว่าเสียงหอบหายใจหนักจากใบหน้าคร้ามเข้มนั้นก็ยังชัดเจนกว่าเสียงคลื่นด้านนอก อิสลินขอบตาร้อนผ่าวเมื่อนึกถึง เขา ในคืนนั้น ราตรีแห่งฝันของนักเรียนสาวและอาจารย์หนุ่ม ร่างเล็กไล้นิ้วเรียวไปมาบนริมฝีปากล่างของเซอร์เรนัล์ฟเบา ๆ แลกกับจูบที่เขาบรรจงประทับลงบนปลายนิ้วสีเรื่อ“ไคลน์คะ คุณเคยสอนฉันแล้วนะคะ” “มันคงนานเกินไปจนคุณจำไม่ได้แล้วกระมัง”“ฉันจำมันได้เสมอค่ะ แต่คุณ...คงจะลืมนักเรียนคนนี้ไปแล้ว”“ไม่...” เซอร์เรนัล์ฟดูดนิ้วกลางของหญิงสาวก่อนตอบเสียงพร่า “ผมไม่เคยสอนบทเรียนนี้ให้ใคร...นอกจากคุณ”“ไคลน์...อืม” อิสลินหลับตาลงและรับรู้ถึงความอบอุ่นที่ฉายวาบขึ้นมาจากก้นบึ้ง หญิงสาวลืมเรื่อง
“ไคลน์...อย่าค่ะ...ได้โปรด” หญิงสาวได้แต่ร้องขอทั้งที่ต้านทานร่างแกร่งกำยำนั้นไม่ไหว เขาทำให้เธอร้อนรน เขาปลุกเร้าผ่านเนื้อผ้าบางเบาเปียกชุ่มที่หลุดร่นลงไปกองใต้ฟองลื่น ลิ้นหนายังทำงานไม่หยุดหย่อน ทั้งโลมเล้าดูดกลืนและตวัดชิมความหวานจากปากเล็ก กระทั่งใบหน้าคร้ามคมเลื่อนออกไปร่างอรชรจึงยกแขนขึ้นปิดป้องเต้าอิ่มกลมแสนสวยเมื่อกายสาวถูกเปิดเปลือยจนหมดด้วยเช่นกัน“อีฟ...คุณจะปกปิดไปทำไมกัน ในเมื่อผมก็เห็นจนหมดแล้ว” เสียงทุ้มทว่านุ่มนวลนั้นวอนเว้าพร้อมกับที่มือแกร่งดันแขนเรียวทั้งสองให้พ้นจากเนินเนื้ออวบใหญ่จนมันดีดเด้งออกมาอวดสายตา เขามองอยู่นานจนอิสลินเขินอายตัวเอง“พอใจหรือยังคะ ไคลน์...ฉันไม่ให้คุณทำอะไรมากไปกว่านี้นะคะ และที่สำคัญคุณต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันด้วย”“ผมไม่บิดพลิ้วคุณหรอก อีฟ แต่...” เซอร์เรนัล์ฟยังเบียดความใหญ่โตเข้าหาจนทุกสัดส่วนบนกายแข็งแกร่งแนบชิดกับร่างอ่อนนุ่มในอ่างน้ำที่ฟองสบู่เริ่มบางเบาลง“แต่อะไรคะ?” “คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหนถ้าจะให้แค่กอดคุณไว้แบบนี้”“ไคลน์...อย่าสิคะ...ฉันไม่....” อิสลินร้องปฏิเสธแต่ไม่ทันเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนวลแ
“แต่ผมอยากดูแบบสูทตอนนี้เลย” ชายหนุ่มออกคำสั่งขณะที่หญิงสาวกำลังจะหันหลังให้ อิสลินหันมาถอนใจหากก็จำต้องเข้าไปหาเขาอีกตามเคย ภาพของร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าอวดกล้ามเนื้อบนอกและลอนหน้าท้องตลอดจนแขนหนาในอ่างอาบน้ำที่ฟูฟ่องไปด้วยฟองสบู่ทำหัวใจของร่างแน่งน้อยเต้นระส่ำ เซอร์เรนัล์ฟมีพลังดึงดูดเสมอไม่ว่ายามอยู่ในชุดสูทภูมิฐานอย่างนักธุรกิจหรือยามปราศจากอาภรณ์ใด ๆ บนเรือนกายสมส่วนความเป็นชายนั้น อิสลินนึกในใจว่าทำไมเขาถึงไม่อาบน้ำให้เสร็จเสียก่อนแล้วรีบดูแบบสูทเพื่อที่เธอจะได้รีบกลับไปที่ร้านป้าซิลวี่ไว ๆ เพราะเวลาที่อยู่กันลำพังในสถานที่แบบนี้หญิงสาวก็ให้หวั่นเกรงต่อทีท่าของจอมซาตาน“อืม...ข้างนอกอากาศร้อนมากจริง ๆ “ เจ้าของใบหน้าคร้ามเข้มกล่าวพลางหันออกไปด้านนอกที่แสงแดดส่องผ่านบานกระจกหน้าต่างเข้ามา รอยยิ้มทรงเสน่ห์ระบายบนโครงหน้าหล่อเหลา เขาทำเหมือนไม่มีอะไรรีบเร่งเลยกระนั้น“ไหนล่ะ แบบสูทที่คุณเอามาให้ผมดู” เขาถามร่างบอบบางที่ยืนห่าง ๆ และกำลังยื่นเอกสารมาให้“ถ้าคุณชอบแบบไหนค่อยบอกฉันก็ได้ค่ะ ฉันจะไปรอข้างนอก”“เข้ามาใกล้หน่อยซี ผมเอื้อมไม่ถึง” อิสลินหันมองเซอร์เรนัล์ฟที่วางแขนบนขอบอ่าง น