“ไคลน์...อ๊ะ!” อิสลินร้องออกมาเมื่อเซอร์เรนัล์ฟก้าวเข้าไปถึงในจังหวะที่เธอจะถอยหนีทว่าก็ไม่ทันมือหนาที่คว้าข้อมือบางทั้งสองและบีบมันแน่นราวคีมเหล็ก“ไคลน์!...ปล่อยนะคะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้ ฉันไม่ใช่เชลยของคุณ!”“แต่คุณเป็นโสเภณีของผม และตัวคุณเองก็ยอมรับ! คุณก็คือคุณอยู่วันยังค่ำ เคยปลิ้นปล้อนหลอกลวงไม่น่าไว้ใจยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น พอผู้ชายคนหนึ่งไม่อยู่ก็ออกไประเริงกับผู้ชายอีกคนทิ้งลูกเอาไว้ให้อยู่กับพี่เลี้ยง เพราะคุณร่านแบบนี้หรือเปล่าไอ้เดเรกมันเลยทนไม่ไหวต้องขอหย่าจะได้ไปหาผู้หญิงดี ๆ มาเป็นเมีย!”“ฉันไม่ใช่คนสิ้นคิดแบบนั้นนะคะ ไคลน์ ฉันมีเหตุผลที่ต้องออกไปข้างนอกและฉันก็ไม่ได้ทอดทิ้งลูกของฉันด้วย!”“ผู้หญิงอย่างคุณมันหน้าด้านไร้ยางอาย อยากจะพูดอะไรก็ได้ แต่ถามหน่อยเถอะ สนุกมากมั้ยเวลาออกไปคบชู้!”“โอ๊ย!” อิสลินต้องเจ็บซ้ำสองเมื่อร่างของเธอถูกเขาดันไปชนฝาห้อง หญิงสาวรู้สึกเจ็บลึกบนแผ่นหลังและข้อมือที่ถูกบีบจนแทบหักทำให้เธอร้องไห้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง เซอร์เรนัล์ฟเหมือนคนบ้าคลั่ง ความอดกลั้นนั้นสิ้นสุดตั้งแต่วางสายโทรศัพท์เมื่อตอนสายก่อนเตรียมขึ้นเครื่องบินส่วนตั
ดอกไม้แสนสวยมากมายสยายกลีบสีชมพูหวานรอรับหยาดน้ำในรัตติกาลสงบงามทว่าไร้ความสงัดและน่ากลัวนักสำหรับหญิงสาว เซอร์เรนัล์ฟหยุดเดินและกระชากร่างแน่งน้อยมาไว้ในอ้อมแขนเมื่อเขาพาเธอมาหยุดอยู่กลางดงกุหลาบอาบสายฝน“คุณชอบบรรยากาศแบบนี้ไม่ใช่หรืออีฟ แต่คืนนี้ไม่มีแสงจันทร์ จะมีก็แต่ความทรมานที่คุณต้องเจ็บจำไปจนวันตาย!”“อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะคะ ไคลน์ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ ได้ยินมั้ยคะ!” อิสลินใช้ฝ่ามือบางดันอกแกร่งเอาไว้แต่ไม่มีจังหวะจะผละออกห่างจากอ้อมแขนหนาที่ยังกอดรัด ยิ่งฝนกระหน่ำเทก็ยิ่งทำให้ตัวเขาและเธอเปียกปอน เซอร์เรนัล์ฟนั้นยิ่งร้อนรุ่มหนักด้วยเพลิงโทสะและเปลวราคะที่กำลังเผาไหม้ เมื่ออาการหอบสะท้อนยิ่งทำให้อกนุ่มใต้เสื้อเปียกโชกเสียดสีกับแผ่นอกกว้างโดยไม่ได้ตั้งใจ ทว่าหญิงสาวมองเห็นก็แต่ดวงตาดุกร้าวราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อก็ไม่ปาน“ทำไมผมจะทำไม่ได้ อีฟ! ผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างที่ผมอยากทำ ส่วนคุณก็มีหน้าที่ทำตามความต้องการของผมเท่านั้น!”“แต่ไม่ใช่แบบนี้...ได้โปรดเถอะค่ะ ฉันอยากกลับค่ะไคลน์...ได้โปรด”“เมื่อกี๊เสียงของคุณมันไม่ใช่แบบนี้ ทั้งอวดดีและอวดเก่ง คุณยั่วให้ผมโกรธแล้วคิดว่ามันจะหายง่าย ๆ
“ปล่อยฉัน...ปล่อยฉัน” ร่างเล็กร่ำร้องออกมาทันทีที่ริมฝีปากร้ายเคลื่อนออกไปเม้มขบที่ปลายคางมน ชายหนุ่มรู้สึกถึงกำลังฮึกเหิมเพราะยิ่งร่างงามดีดดิ้นไปมาเท่ากับยิ่งยั่วยุให้ไฟปรารถนาโหมแรงขึ้น ในความเคียดแค้นชายหนุ่มกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด เขาฝังจมูกโด่งไปตามลำคอและดูดซับหยาดน้ำที่เกาะพราวบนเนียนผิวจนหญิงสาวขนลุกซู่“ไคลน์...คุณมันปิศาจ คุณทำร้ายฉัน ฉันเกลียดคุณ”“อีฟ...” เซอร์เรนัล์ฟครางลึกเมื่ออิสลินบริภาษเขาด้วยน้ำเสียงผะแผ่ว ร่างหนากดจูบแรง ๆ ก่อนผงกศีรษะขึ้นมองใบหน้าหวานอีกครั้งชัด ๆ“ใช่...ผมมันปิศาจ ซาตาน หรืออะไรก็ได้ที่คุณอยากจะเรียก” เสียงห้าวเริ่มหอบสะท้านขึ้นมาบ้างขณะใช้ท่อนขากดเรียวขางามใต้ร่างที่ดึงดันไม่ยอมแพ้“คุณมันอสูรร้าย...ฉันเกลียดคุณ...ฉันเกลียดคุณ” / “คุณต้องการผมต่างหาก อีฟ...เวลานี้ และเดี๋ยวนี้” / “ไม่...ไม่....”น้ำเสียงผะแผ่วหลุดหายไปอีกครั้ง คราวนี้ยาวนานเมื่อลิ้นร้อนแทรกซอนเข้าไปในปากเล็ก เธอไม่อาจขัดขืนสัมผัสของเขาทุกครั้งแม้ปากจะก่นว่าเกลียดชังแค่ไหน มือเรียวทั้งสองข้างที่ถูกตรึงไว้กำหมัดแน่นเมื่อความรุมร้อนเริ่มแล่นไหลลงไปสู่ใจกลางร่างกายที่เขาบดเบี
“ใช่...ความหนาวอาจฆ่าคนให้ตายได้ แต่ไม่ใช่ผมกับคุณ...ตอนนี้แน่” เซอร์เรนัล์ฟเสียงขาดออกเป็นห้วงก่อนจะดึงมือออกจากเนินเนื้อสามเหลี่ยมเย้ายวนที่เขาดึงแพนตี้ตัวน้อยลงไปถึงขาอ่อนของหญิงสาว ร่างสูงหยัดกายขึ้นและรั้งเสื้อเปียกปอนออกไปทิ้งไว้ข้าง ๆ โดยไม่หวั่นต่อสายฝนทั้งไม่สนใจว่ามันจะเปื้อนเปรอะดินทรายจนหมด ท่ามกลางม่านฝนและกระไอน้ำเธอยังเห็นเรือนร่างล่ำสันของความเป็นบุรุษเพศเคร่งเครียดไปด้วยความแข็งแรงบนไหล่และอกเรื่อยไปถึงกล้ามเนื้อเป็นลอนบนหน้าท้องผ่านแสงสปอร์ตไลต์ที่อาบลงมากลางดงกุหลาบ อิสลินนอนราบอยู่ใต้ร่างนั้นเพราะหมดแรงจะดีดดิ้นและหนีไปทางไหนอีก ร่างนั้นแหงนหงายขณะลมหายใจสะท้อนบนเรือนกายเย้ายวนหัวใจชายที่กำลังจะบังคับเพื่อครอบครอง“ฉันหนาวเหลือเกินค่ะ ไคลน์” เสียงแผ่วลอดผ่านกลีบปากฉ่ำเคลือบด้วยหยาดน้ำฝนที่เธอกลืนเข้าไปหลายอึก เซอร์เรนัล์ฟโน้มกายเปลือยเปล่าท่อนบนเหลือเพียงกางเกงเดนิมหนาหนักลงมาหาร่างเล็กเพื่อดึงรั้งอาภรณ์ชุ่มน้ำออกจากสัดส่วนโค้งเว้าโดยไม่สนใจการทัดทานจากปลายเล็บที่จิกลงบนมือหนา อิสลินกำลังร้องไห้หากแต่น้ำตานั้นหลั่งไหลไปกับสายน้ำ เธอทำอะไรจอมซาตานไม่ได้เลยและยิ่งรู้
“ไคลน์...อา ...อา”“อีฟ...คุณคิดว่าผมจะเจอใคร ในเมื่อผมไม่เคยเจอใคร...แม้แต่คนเดียว” เซอร์เรนัล์ฟแนบแก้มระคายลงกับเนินทรวงอ่อนนุ่มที่ไหวกระเพื่อมด้วยลมหายใจแรง อิสลินคลี่เรียวปากราวแย้มยิ้มรับความสุขและความขมขื่นที่แล่นขึ้นมาจุกอกในเวลาเดียวกัน ความหนาวเยือกกร่อนหญิงสาวจนชาไปหมดทั้งปลายมือและเท้า ทางเดียวที่จะสกัดมันได้คือยึดร่างสูงใหญ่ไว้แนบแน่น“ไคลน์...ฉันหนาวค่ะ...ฉันหนาว” อิสลินครางคล้ายคนละเมอขณะที่เซอร์เรนัล์ฟยังบดเคล้าริมฝีปากไปบนเนินเนื้ออวบนุ่มสลับกับการใช้มือเบียดคลึงราวมันเป็นสิ่งที่น่าหลงใหล ความเย็นจากหยาดน้ำแทรกซึมเข้าไปทุกอณูของเนียนผิวและทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนจับไข้ทว่าภายในกลับรุ่มร้อนด้วยเพลิงพิศวาสลุกช่วง นิ้วเรียวที่จิกปลายเล็บแสดงการต่อต้านเปลี่ยนเป็นไล้ลูบและสอดเข้าไปใต้ท้ายทอยของใบหน้าคร้ามคมเพื่อกดศรีษะให้เขาครอบครองยอดถันสีชมพูเข้มด้วยเรียวปากหยักที่กำลังดูดกลืนทุกอย่างด้วยความกระหายหิว เซอร์เรนัล์ฟกระชับอ้อมแขนแกร่งรัดแผ่นหลังบางขณะเบียดร่างที่กำลังจะแตกระเบิดเข้าหา“อีฟ...อา” เสียงห้าวลึกดังอยู่ในลำคอเมื่อรับรู้ถึงความเครียดเกร็งที่กำลังดันตัวเองให้พ้นจา
“ทำไมจะไม่ได้คะไคลน์ ฉันบอกว่าให้คุณออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้”“คุณจะสั่งผมได้ยังไง เพราะแม้แต่ร่างกายของคุณ คุณก็ยังสั่งมันไม่ได้เลย” / “ไม่จริง!...คุณพูดเอาแต่ได้รู้ตัวไหมคะไคลน์”“ถ้าไม่เชื่อผมจะพิสูจน์ให้คุณได้รู้ว่าที่ผมพูด...มันเป็นความจริง” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่ยังขยับสะโพกภายใต้เดนิมเนื้อหนาขณะกดไหล่หญิงสาวกับพื้น เขาตั้งใจจะบังคับเธอด้วยกำหนัดร้อนแรงและดูเหมือนมันใกล้บรรลุผล อิสลินเองก็ปั่นป่วนไปหมดเมื่อความปรารถนาระอุร้อนกำลังแทรกตัวขึ้นมาแทนที่สำนึกอันตื้นเขิน หญิงสาวกำลังเผชิญกับความรู้สึกใหม่เมื่อความเจ็บแสบทุเลาลงจนบางเบา ส่วนซ่อนเร้นอันแห้งผากก็เริ่มเปิดรับความเครียดตึงด้วยการขับความฉ่ำชื้นออกมาหล่อเลี้ยง แล้วความรักก็มีชัยเหนือทุกสิ่งเพราะธรรมชาติแห่งความเป็นจริงคือเธอสั่งตัวเองให้ ปฏิเสธเขาไม่ลง”อีฟ...โอ...พระเจ้า!...นี่คุณจริง ๆ หรือ” เซอร์เรนัล์ฟพลั้งเผยความรู้สึกที่ยังฝังอยู่ในหุบลึกแห่งห้วงเสน่หา ขณะขยับความเป็นชายที่เครียดเขม็งเข้าออกก็นึกไปถึงครั้งแรกที่ได้ครอบครองหญิงสาว อิสลินในเวลานั้นเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและกระหายได้เรียนรู้รสชาติอันหวานหอมแห่งวิถีทางเพศ ทว
“มามี้ขา...มามี้ขา” เสียงกังวานดุจระฆังเล็ก ๆ ปลุกให้อิสลินค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมารับภาพลูกสาวตัวน้อยด้วยความรู้สึกหนักอึ้งไปหมด อีวี่ในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายยื่นหน้าเล็กที่ผมสีน้ำตาลประกายทองรวบเป็นหางม้าเข้ามาใกล้เพื่อพินิจดูร่างบางใต้ผ้านวมผืนใหญ่ด้วยแววตาไร้เดียงสา“อีวี่” หญิงสาวขานรับเสียงแหบผ่านลำคอแห้งเป็นผง เรียวปากซีดระริกสั่นพยายามขานให้ดังกว่าเก่า / “อีวี่”“มามี้ตื่นซีคะ...มามี้คิดถึงอีวี่มั้ย เมื่อคืนอีวี่ไปนอนกับแด๊ดดี้”“จ้ะ...มามี้รู้แล้ว” อิสลินคลี่ยิ้มอย่างยากลำบากขะคู้ตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม แสงแดดที่ส่องเข้ามาไม่ได้ช่วยคลายหนาวได้แม้แต่น้อย หญิงสาวสั่นสะท้านและเจ็บร้าวเข้าไปถึงกระดูก เธอกำลังนึกถึงเหตุการ์เมื่อคืนที่ต้องนอนตากฝนให้คนใจหินข่มเหงร่างกายกลางดินเปียกแฉะและกลับมาที่นี่ตอนไหน อย่างไรไม่รู้ได้“มามี้ตื่น...อีวี่จะไปเก็บดอกกุหลาบ เอามาให้บาร์บี้” อีวี่รุกเร้าตามประสาเด็ก แต่คำพูดนั่นทำเอามารดาน้ำตาซึม เธอไม่อยากนึกถึงที่นั่นอีกและแทบไม่อยากจะย่างกรายเข้าไปในดงดอกไม้แสนงามที่กลับกลายเป็นอเวจีกลางสายฝน มันเหมือนลานประหารของเซอร์เรนัล์ฟ จอมซาตานในคราบเทพบุตรหล่อเหลาผู
“ผมจะโทรเรียกหมอให้มาดูอาการของเธอก็แล้วกัน ป้าลิลลี่กลับไปดูแลเธอเถอะครับ ถ้ามีอะไรก็บอกผมได้ทันที”“เอ้อ...ค่ะ...เอ้อ...” แม่บ้านรับคำทว่าก็ยังมีสีหน้าลังเล / “มีอะไรอีกหรือครับ?”“คะ...เอ้อ...แล้วคุณเซอร์เรนัล์ฟกลับจากเดย์ตันเมื่อไหร่กันคะเพราะป้าเห็นคุณอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนเช้ามืด”ป้าลิลลี่ยิ้มเจื่อนด้วยเกรงคำถามซอกแซกจะทำให้เจ้านายหนุ่มรำคาญใจทว่ายิ้มจางกลับจุดประกายบนรอยปากหยัก“ผมกลับมาที่นี่ตอนดึกครับ ฝนตกหนักตลอดคืนเลยเปลี่ยนกำหนดการณ์ทุกอย่างกะทันหัน”“ค่ะ” ป้าลิลลี่ไม่ซักไซ้ต่อเพราะเริ่มคุ้นเคยกับบุคลิกอันเรียบเฉยของนายคนใหม่ เซอร์เรนัล์ฟเป็นคนเงียบขรึมและไม่พูดมาก ถ้าเขาอยากจะทำอะไรก็จะทำในทันที และสิ่งหนึ่งที่แสดงความเป็นตัวตนของประธานบริษัทใหญ่ได้เป็นอย่างดีคือ เขาเป็นคนไม่ชอบผิดคำพูด“เซจคะ” เมื่อเสียงหนึ่งที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้ป้าลิลลี่หยุดชะงักขะกำลังจะถอยออกไป เรเน่ต์ในชุดกระโปรงสั้นสีทับทิมเดินเข้าไปถึงตัวชายหนุ่มและก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองแม่บ้านวัยกลางคนที่เดินกลับเข้าไปในสวนอันเงียบเชียบ“มีธุระอะไรหรือ เรเน่ต์?” นอกจากบรรยากาศแปลก ๆ ในสวนไคกัตนี่แล้ว คำถามและน้ำเสี