“ไคลน์...อา ...อา”“อีฟ...คุณคิดว่าผมจะเจอใคร ในเมื่อผมไม่เคยเจอใคร...แม้แต่คนเดียว” เซอร์เรนัล์ฟแนบแก้มระคายลงกับเนินทรวงอ่อนนุ่มที่ไหวกระเพื่อมด้วยลมหายใจแรง อิสลินคลี่เรียวปากราวแย้มยิ้มรับความสุขและความขมขื่นที่แล่นขึ้นมาจุกอกในเวลาเดียวกัน ความหนาวเยือกกร่อนหญิงสาวจนชาไปหมดทั้งปลายมือและเท้า ทางเดียวที่จะสกัดมันได้คือยึดร่างสูงใหญ่ไว้แนบแน่น“ไคลน์...ฉันหนาวค่ะ...ฉันหนาว” อิสลินครางคล้ายคนละเมอขณะที่เซอร์เรนัล์ฟยังบดเคล้าริมฝีปากไปบนเนินเนื้ออวบนุ่มสลับกับการใช้มือเบียดคลึงราวมันเป็นสิ่งที่น่าหลงใหล ความเย็นจากหยาดน้ำแทรกซึมเข้าไปทุกอณูของเนียนผิวและทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนจับไข้ทว่าภายในกลับรุ่มร้อนด้วยเพลิงพิศวาสลุกช่วง นิ้วเรียวที่จิกปลายเล็บแสดงการต่อต้านเปลี่ยนเป็นไล้ลูบและสอดเข้าไปใต้ท้ายทอยของใบหน้าคร้ามคมเพื่อกดศรีษะให้เขาครอบครองยอดถันสีชมพูเข้มด้วยเรียวปากหยักที่กำลังดูดกลืนทุกอย่างด้วยความกระหายหิว เซอร์เรนัล์ฟกระชับอ้อมแขนแกร่งรัดแผ่นหลังบางขณะเบียดร่างที่กำลังจะแตกระเบิดเข้าหา“อีฟ...อา” เสียงห้าวลึกดังอยู่ในลำคอเมื่อรับรู้ถึงความเครียดเกร็งที่กำลังดันตัวเองให้พ้นจา
“ทำไมจะไม่ได้คะไคลน์ ฉันบอกว่าให้คุณออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้”“คุณจะสั่งผมได้ยังไง เพราะแม้แต่ร่างกายของคุณ คุณก็ยังสั่งมันไม่ได้เลย” / “ไม่จริง!...คุณพูดเอาแต่ได้รู้ตัวไหมคะไคลน์”“ถ้าไม่เชื่อผมจะพิสูจน์ให้คุณได้รู้ว่าที่ผมพูด...มันเป็นความจริง” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่ยังขยับสะโพกภายใต้เดนิมเนื้อหนาขณะกดไหล่หญิงสาวกับพื้น เขาตั้งใจจะบังคับเธอด้วยกำหนัดร้อนแรงและดูเหมือนมันใกล้บรรลุผล อิสลินเองก็ปั่นป่วนไปหมดเมื่อความปรารถนาระอุร้อนกำลังแทรกตัวขึ้นมาแทนที่สำนึกอันตื้นเขิน หญิงสาวกำลังเผชิญกับความรู้สึกใหม่เมื่อความเจ็บแสบทุเลาลงจนบางเบา ส่วนซ่อนเร้นอันแห้งผากก็เริ่มเปิดรับความเครียดตึงด้วยการขับความฉ่ำชื้นออกมาหล่อเลี้ยง แล้วความรักก็มีชัยเหนือทุกสิ่งเพราะธรรมชาติแห่งความเป็นจริงคือเธอสั่งตัวเองให้ ปฏิเสธเขาไม่ลง”อีฟ...โอ...พระเจ้า!...นี่คุณจริง ๆ หรือ” เซอร์เรนัล์ฟพลั้งเผยความรู้สึกที่ยังฝังอยู่ในหุบลึกแห่งห้วงเสน่หา ขณะขยับความเป็นชายที่เครียดเขม็งเข้าออกก็นึกไปถึงครั้งแรกที่ได้ครอบครองหญิงสาว อิสลินในเวลานั้นเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและกระหายได้เรียนรู้รสชาติอันหวานหอมแห่งวิถีทางเพศ ทว
“มามี้ขา...มามี้ขา” เสียงกังวานดุจระฆังเล็ก ๆ ปลุกให้อิสลินค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมารับภาพลูกสาวตัวน้อยด้วยความรู้สึกหนักอึ้งไปหมด อีวี่ในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายยื่นหน้าเล็กที่ผมสีน้ำตาลประกายทองรวบเป็นหางม้าเข้ามาใกล้เพื่อพินิจดูร่างบางใต้ผ้านวมผืนใหญ่ด้วยแววตาไร้เดียงสา“อีวี่” หญิงสาวขานรับเสียงแหบผ่านลำคอแห้งเป็นผง เรียวปากซีดระริกสั่นพยายามขานให้ดังกว่าเก่า / “อีวี่”“มามี้ตื่นซีคะ...มามี้คิดถึงอีวี่มั้ย เมื่อคืนอีวี่ไปนอนกับแด๊ดดี้”“จ้ะ...มามี้รู้แล้ว” อิสลินคลี่ยิ้มอย่างยากลำบากขะคู้ตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม แสงแดดที่ส่องเข้ามาไม่ได้ช่วยคลายหนาวได้แม้แต่น้อย หญิงสาวสั่นสะท้านและเจ็บร้าวเข้าไปถึงกระดูก เธอกำลังนึกถึงเหตุการ์เมื่อคืนที่ต้องนอนตากฝนให้คนใจหินข่มเหงร่างกายกลางดินเปียกแฉะและกลับมาที่นี่ตอนไหน อย่างไรไม่รู้ได้“มามี้ตื่น...อีวี่จะไปเก็บดอกกุหลาบ เอามาให้บาร์บี้” อีวี่รุกเร้าตามประสาเด็ก แต่คำพูดนั่นทำเอามารดาน้ำตาซึม เธอไม่อยากนึกถึงที่นั่นอีกและแทบไม่อยากจะย่างกรายเข้าไปในดงดอกไม้แสนงามที่กลับกลายเป็นอเวจีกลางสายฝน มันเหมือนลานประหารของเซอร์เรนัล์ฟ จอมซาตานในคราบเทพบุตรหล่อเหลาผู
“ผมจะโทรเรียกหมอให้มาดูอาการของเธอก็แล้วกัน ป้าลิลลี่กลับไปดูแลเธอเถอะครับ ถ้ามีอะไรก็บอกผมได้ทันที”“เอ้อ...ค่ะ...เอ้อ...” แม่บ้านรับคำทว่าก็ยังมีสีหน้าลังเล / “มีอะไรอีกหรือครับ?”“คะ...เอ้อ...แล้วคุณเซอร์เรนัล์ฟกลับจากเดย์ตันเมื่อไหร่กันคะเพราะป้าเห็นคุณอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนเช้ามืด”ป้าลิลลี่ยิ้มเจื่อนด้วยเกรงคำถามซอกแซกจะทำให้เจ้านายหนุ่มรำคาญใจทว่ายิ้มจางกลับจุดประกายบนรอยปากหยัก“ผมกลับมาที่นี่ตอนดึกครับ ฝนตกหนักตลอดคืนเลยเปลี่ยนกำหนดการณ์ทุกอย่างกะทันหัน”“ค่ะ” ป้าลิลลี่ไม่ซักไซ้ต่อเพราะเริ่มคุ้นเคยกับบุคลิกอันเรียบเฉยของนายคนใหม่ เซอร์เรนัล์ฟเป็นคนเงียบขรึมและไม่พูดมาก ถ้าเขาอยากจะทำอะไรก็จะทำในทันที และสิ่งหนึ่งที่แสดงความเป็นตัวตนของประธานบริษัทใหญ่ได้เป็นอย่างดีคือ เขาเป็นคนไม่ชอบผิดคำพูด“เซจคะ” เมื่อเสียงหนึ่งที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้ป้าลิลลี่หยุดชะงักขะกำลังจะถอยออกไป เรเน่ต์ในชุดกระโปรงสั้นสีทับทิมเดินเข้าไปถึงตัวชายหนุ่มและก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองแม่บ้านวัยกลางคนที่เดินกลับเข้าไปในสวนอันเงียบเชียบ“มีธุระอะไรหรือ เรเน่ต์?” นอกจากบรรยากาศแปลก ๆ ในสวนไคกัตนี่แล้ว คำถามและน้ำเสี
ไม่มีความคิดเห็นใดจากบุรุษตรงหน้า เรเน่ต์เจ็บจี๊ดในใจเมื่อนัยน์ตาสีฟ้าเข้มที่เคยแทบจะหลอมละลายเธอได้บัดนี้สะท้อนเพียงความเฉยเมยเฉื่อยชา เกิดอะไรขึ้น...เขายกเลิกการเดินทางไปเดย์ตันก็เพราะแม่ม่ายแสนสวยคนนั้นใช่หรือไม่ คิดมาถึงแค่นี้ก็แทบจะทนไม่ไหว ถ้าไม่คิดทำอะไรสักอย่างเซอร์เรนัล์ฟต้องหลุดมือเธอไปในสักวัน๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐อิสลินรู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อความมืดโรยตัวลงมาห่มคลุมท้องฟ้าจนมืดหมองไปหมด ก่อนนิทราอันยาวนานหญิงสาวรับรู้ว่ามีนายแพทย์เข้ามาดูอาการและจัดยาให้ท่ามกลางความเป็นห่วงเป็นใยของป้าลิลลี่และอีวี่ที่คอยเฝ้าไม่ห่าง ทว่าไม่เห็นเงาของเซอร์เรนัล์ฟที่เธอรับรู้จากแม่บ้านว่าเขาไม่มีแม้แต่เวลาว่างเพราะติดว่าต้องคอยดูแลเพื่อนสาวคนใหม่ที่ชื่อเรเน่ต์ซึ่งมาหาเขาเมื่อตอนสาย ตอนที่เธอช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้เพราะไข้ขึ้นสูง เธอเห็นแต่ป้าลิลลี่เดินเข้าออกภายในห้องเพื่อเช็ดตัวให้และเห็นอีวี่หอบตุ๊กตาหมีกับบาร์บี้มาให้กำลังใจมามี้ของหนูน้อยบนเตียง ถึงแม้ตอนลืมตาตื่นในความง่วงงุนขณะความร้อนได้ทุเลาลงแล้วก็ยังเห็นลูกสาวในชุดนอนกำลังนั่งแต่งตัวให้ตุ๊กตาอยู่ข้าง ๆ ไม่ไปไหน“อีวี่...” / “มามี้ขา...มาม
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรเก็บเวลาส่วนตัวไว้ทำอย่างอื่น สำหรับอีวี่ฉันจัดการแกเองได้ค่ะ”“คุณคิดว่าจะจัดการลูกได้ยังไง ขนาดไม่สบายอีวี่ก็ยังต้องเป็นคนเฝ้าไข้คุณอยู่เลย” / “ฮ้าว...” เสียงหาวของอีวี่ทำให้บทสนทนาของคนทั้งสองต้องสะดุดลง เซอร์เรนัล์ฟก้มมองหนูน้อยที่เปลือกตาเริ่มปิด แก้มยุ้ยทั้งสองข้างก็แดงราวกับลูกตำลึงสุก“อีวี่ง่วงแล้วค่ะ แด๊ดดี้” / “แด๊ดดี้จะพาหนูไปนอน”“ไม่ต้องค่ะ...ฉันจะพาแกไป...” อิสลินรีบซะจนลืมตัวยื่นหน้าเข้าไปหาอีวี่จนจมูกเล็กเกือบชนเข้ากับใบหน้าคร้ามคมที่ก้มลงมาพร้อมกัน ต่างคนต่างก็หยุดกึกมีเพียงสายตาเท่านั้นที่ประสานกันในนาทีแห่งความชิดใกล้ เธอโกรธเขาอยู่นะ...อิสลินท้วงตัวเองในใจ ทว่าประกายอันนุ่มนวลที่ทอดออกมาจากดวงตาสีฟ้าคู่นั้นแตกต่างกันลิบกับอสูรร้ายที่ย่ำยีร่างกายเธอเมื่อคืน“ถ้าอย่างนั้น...ทั้งแด๊ดดี้กับมามี้ ก็ไปส่งอีวี่ด้วยกัน...นะคะ” ร่างเล็กที่เงยหน้ามองคนทั้งสองประสานสายตากันอยู่นานแล้วแทรกขึ้นก่อนจะรวบตุ๊กตาไว้ในอ้อมแขนและขยับลงจากเตียง“อีฟ” เซอร์เรนัล์ฟจับข้อมมืออิสลินที่กำลังจะลุกตามลูกสาวไปที่ห้อง “คุณไม่ควรแสดงอะไรออกมาอย่างเมื่อครู่ อีวี่อาจจะไม่สบา
“ฉันจะไปหาเสื้อคลุมค่ะ” / “คุณคงไม่ต้องใช้มัน” / “แต่ฉันหนาวค่ะ ไคลน์ และก็ง่วงมากด้วย”“แน่ใจหรือว่าง่วง ป้าลิลลี่บอกผมว่าคุณหลับทั้งวัน” / “คุณสนใจด้วยหรือคะ ในเมื่อตอนกลางวันคุณกำลังมีแขก...เอ้อ...”อิสลินไม่พูดต่อและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามือที่พยายามจิกข่วนจับแขนเขาไว้แน่นตอนไหน เธอกำลังจะพลั้งเผลอพรั่งพรูสิ่งที่คิดออกไปและมันอาจเป็นเรื่องกวนใจเขาก็ได้“ช่างมันเถอะค่ะ แต่ตอนนี้ฉันอยากหลับ” หญิงสาวพูดปัดทว่าวงแขนแกร่งกลับกระชับแน่นขึ้น“คุณก็เลยบอกอีวี่ว่าผมไม่มีเวลาว่าง ผมบอกแล้วว่าผมอาจมีธุระแต่มันไม่ได้สำคัญถึงขนาดไม่มีเวลาส่วนตัว”“แต่ฉันต้องบอกลูกให้เข้าใจค่ะว่าแกไม่ควรไปรบกวนคุณให้มาก เพราะฉันรู้ดีว่าเราสองคนควรต้องทำตัวอย่างไร เราเป็นแค่คนอาศัยของคฤหาสน์หลังนี้เท่านั้นค่ะ”“และคุณคงอยากบอกผมด้วยใช่ไหมว่าผมไม่ใช่พ่อของอีวี่”ร่างบางชะงักไปกับคำพูดเชิงตัดพ้อซึ่งเธอไม่คิดว่าจะได้ยิน อิสลินหลบตาชายหนุ่มก่อนได้ยินเขาพูดต่อ“แล้วถ้าผมอยากจะรับแม่หนูน้อยไว้ ในเมื่อเดเรกทิ้งลูกของมันไปแล้ว”“เพื่ออะไรกันคะ ไคลน์?” หญิงสาวเริ่มหายใจขัดเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความดีใจและเสียใจเหมือนประดังเข้
“ค่ะ...ฉันไม่สงสัยอะไรแล้ว แต่คุณขยับออกไปหน่อยจะได้ไหมคะ” / “แล้วถ้าผมอยากนอนแบบนี้จะเป็นไรไหม?”“ฉันอึดอัดค่ะ...มากด้วย” / “อย่าเอ็ดไปซี” / “ไคลน์คะ...” / “เดี๋ยวอีวี่จะตื่นขึ้นมา...รู้ไหม” เซอร์เรนัล์ฟลดเสียงหนัก ๆ ลงจนกลายเป็นกระซิบก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงไปหาหญิงสาวที่คราวนี้ไม่คิดหลบเลี่ยง ชายหนุ่มค่อย ๆ แทรกเรียวลิ้นผ่านกลีบปากนุ่มที่ดูเหมือนจะยิ่งร้อนมากขึ้นเมื่อมือหนาเลื่อนขึ้นมาสัมผัสเนินทรวงอวบหยุ่นพร้อมกัน อิสลินไม่โทษแม่หนูน้อยที่หลับปุ๋ยข้างห้องว่าเป็นต้นเหตุให้เธอต้องยินยอมต่อเรือนร่างแข็งแกร่งกำยำโดยปราศจากเงื่อนไข แต่โทษตัวเองที่เมื่อได้อยู่ชิดใกล้เซอร์เรนัล์ฟครั้งใดก็ต้องตกเป็นทาสเสน่หาของจอมซาตานไปเสียทุกครั้งบทที่ 12 ร่างอรชรที่นอนเหยียดยาวใต้ผ้านวมผืนใหญ่ค่อย ๆ ลืมตาตื่นเพื่อรับแสงจ้าเสียดแทงนัยน์ตายามสายก่อนผุดลุกขึ้นและรับรู้ว่าเนื้อตัวปราศจากชุดนอนผ้าไหมที่สวมใส่เมื่อวาน ใบหน้างามแม้อิดโรยแต่กลับแดงซ่านเมื่อนึกถึงร่างกายกำยำที่แนบชิดเมื่อคืนนี้ อิสลินยังร้อนรุ่มข้างในไม่หายหากไม่ใช่ด้วยพิษไข้แต่เป็นร่องรอยพิศวาสที่เซอร์เรนัล์ฟฝากไว้ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นโคโลญจน์ห