“ฉันจะไปหาเสื้อคลุมค่ะ” / “คุณคงไม่ต้องใช้มัน” / “แต่ฉันหนาวค่ะ ไคลน์ และก็ง่วงมากด้วย”“แน่ใจหรือว่าง่วง ป้าลิลลี่บอกผมว่าคุณหลับทั้งวัน” / “คุณสนใจด้วยหรือคะ ในเมื่อตอนกลางวันคุณกำลังมีแขก...เอ้อ...”อิสลินไม่พูดต่อและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามือที่พยายามจิกข่วนจับแขนเขาไว้แน่นตอนไหน เธอกำลังจะพลั้งเผลอพรั่งพรูสิ่งที่คิดออกไปและมันอาจเป็นเรื่องกวนใจเขาก็ได้“ช่างมันเถอะค่ะ แต่ตอนนี้ฉันอยากหลับ” หญิงสาวพูดปัดทว่าวงแขนแกร่งกลับกระชับแน่นขึ้น“คุณก็เลยบอกอีวี่ว่าผมไม่มีเวลาว่าง ผมบอกแล้วว่าผมอาจมีธุระแต่มันไม่ได้สำคัญถึงขนาดไม่มีเวลาส่วนตัว”“แต่ฉันต้องบอกลูกให้เข้าใจค่ะว่าแกไม่ควรไปรบกวนคุณให้มาก เพราะฉันรู้ดีว่าเราสองคนควรต้องทำตัวอย่างไร เราเป็นแค่คนอาศัยของคฤหาสน์หลังนี้เท่านั้นค่ะ”“และคุณคงอยากบอกผมด้วยใช่ไหมว่าผมไม่ใช่พ่อของอีวี่”ร่างบางชะงักไปกับคำพูดเชิงตัดพ้อซึ่งเธอไม่คิดว่าจะได้ยิน อิสลินหลบตาชายหนุ่มก่อนได้ยินเขาพูดต่อ“แล้วถ้าผมอยากจะรับแม่หนูน้อยไว้ ในเมื่อเดเรกทิ้งลูกของมันไปแล้ว”“เพื่ออะไรกันคะ ไคลน์?” หญิงสาวเริ่มหายใจขัดเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความดีใจและเสียใจเหมือนประดังเข้
“ค่ะ...ฉันไม่สงสัยอะไรแล้ว แต่คุณขยับออกไปหน่อยจะได้ไหมคะ” / “แล้วถ้าผมอยากนอนแบบนี้จะเป็นไรไหม?”“ฉันอึดอัดค่ะ...มากด้วย” / “อย่าเอ็ดไปซี” / “ไคลน์คะ...” / “เดี๋ยวอีวี่จะตื่นขึ้นมา...รู้ไหม” เซอร์เรนัล์ฟลดเสียงหนัก ๆ ลงจนกลายเป็นกระซิบก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงไปหาหญิงสาวที่คราวนี้ไม่คิดหลบเลี่ยง ชายหนุ่มค่อย ๆ แทรกเรียวลิ้นผ่านกลีบปากนุ่มที่ดูเหมือนจะยิ่งร้อนมากขึ้นเมื่อมือหนาเลื่อนขึ้นมาสัมผัสเนินทรวงอวบหยุ่นพร้อมกัน อิสลินไม่โทษแม่หนูน้อยที่หลับปุ๋ยข้างห้องว่าเป็นต้นเหตุให้เธอต้องยินยอมต่อเรือนร่างแข็งแกร่งกำยำโดยปราศจากเงื่อนไข แต่โทษตัวเองที่เมื่อได้อยู่ชิดใกล้เซอร์เรนัล์ฟครั้งใดก็ต้องตกเป็นทาสเสน่หาของจอมซาตานไปเสียทุกครั้งบทที่ 12 ร่างอรชรที่นอนเหยียดยาวใต้ผ้านวมผืนใหญ่ค่อย ๆ ลืมตาตื่นเพื่อรับแสงจ้าเสียดแทงนัยน์ตายามสายก่อนผุดลุกขึ้นและรับรู้ว่าเนื้อตัวปราศจากชุดนอนผ้าไหมที่สวมใส่เมื่อวาน ใบหน้างามแม้อิดโรยแต่กลับแดงซ่านเมื่อนึกถึงร่างกายกำยำที่แนบชิดเมื่อคืนนี้ อิสลินยังร้อนรุ่มข้างในไม่หายหากไม่ใช่ด้วยพิษไข้แต่เป็นร่องรอยพิศวาสที่เซอร์เรนัล์ฟฝากไว้ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นโคโลญจน์ห
“ชุดราตรีของคุณผู้หญิงค่ะ คุณเซอร์เรนัล์ฟสั่งมาไว้ให้คุณผู้หญิงใส่ไปงานเลี้ยง”ป้าลิลลี่พูดจบก็แสร้งเหลือบมองไปทางอื่นเพราะเห็นว่าหญิงสาวเริ่มมีสีหน้าไม่ดีนัก“มันเป็นชุดที่สวยมากค่ะ แต่ว่า...งานเลี้ยงของเขาไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลยนะคะป้าลิลลี่ เพราะฉะนั้นอาจไม่จำเป็นที่ฉันต้องไปร่วมด้วย”“คุณผู้หญิงคะ” หญิงวัยกลางคนถอนใจก่อนเข้าไปจับชายผ้าของชุดแสนสวย “มันเป็นคำสั่งของคุณเซอร์เรนัล์ฟค่ะ เธอบอกว่าคุณผู้หญิงอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ก็ควรมีส่วนร่วมในการจัดงาน”“เขาไม่ได้บังคับใช่ไหมคะ?” / “ไม่ได้บังคับหรอกค่ะ แต่...เป็นคำพูดที่ดูจริงจังมาก” จริงจังของเซอร์เรนัล์ฟก็มีความหมายไม่ต่างจากการบังคับนั่นแหละ อิสลินเม้มปากเข้าหากันแน่นขณะมองชุดตรงหน้าอย่างสับสน เขาอยากจะกลั่นแกล้งอะไรกันอีกในเมื่อทุกอย่างก็เป็นกิจธุระของเขา แต่หากปฏิเสธไปคนที่จะพลอยลำบากคือแม่บ้านคนเก่าแก่ที่มาคอยดูแลเธอกับลูก๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ เมื่อสนธยาโรยตัวลงมาโอบล้อม คฤหาสน์แสนสวยก็เปล่งประกายท่ามกลางแสงไฟลานตา โดยเฉพาะวิหารจำลองของเทพีอัฟโฟรไดท์ในสวนไคกัตที่สว่างไสวและเต็มไปด้วยซุ้มไม้ดอกหลากสีประดับประดาไว้เพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือ
“สวัสดีครับ คุณอิสลิน ผมสตีเฟน ไมเซอร์ ครับ” / “สวัสดีค่ะ”อิสลินตอบรับสัน ๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นคำทักทายรื่นหูด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานของสตีเฟนกลับไปกระทบความรู้สึกของคนอีกคน“ชุดของมิสซิสเพียซสวยมากเลยนะคะ ไมทราบว่าสั่งตัดที่ไหนคะนี่” เรเน่ต์ซักไซ้“ฉันยืมเขามาค่ะ รู้สึกอึดอัดด้วยซ้ำ คิดอีกทีน่าจะใส่ชุดที่สบายกว่านี้มางาน”“มันสวยมากต่างหากครับ และยิ่งมาอยู่บนหุ่นที่สวยอย่างคุณอิสลินก็ยิ่งเพอร์เฟ็ค” หญิงสาวในชุดราตรีออกาการเขินเล็ก ๆ กับคำชมของสตีเฟนที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขารู้สึกพึงพอใจแค่ไหน แต่คนที่ไม่ปลื้มคือเซอร์เรนัล์ฟซึ่งเริ่มมีสีหน้าบึ้งตึงขณะยืดลำตัวยืนตรงแต่ถูกอีวี่รั้งแขนไว้“แด๊ดดี้...อีวี่หิวค่ะ พาอีวี่ไปทานขนมอร่อย ๆ หน่อยซีคะ” หนูน้อยเขย่ามือคนตัวโตก่อนที่เรเน่ต์จะเข้ามาสมทบด้วยการสอดมือคล้องแขนเซอร์เรนัล์ฟไว้“โอ...หนูอีวี่หิวหรือคะ เซจ...ฉันว่าเราพาหนูอีวี่ไปที่โต๊ะตรงโน้นดีกว่านะคะ มีขนมอร่อย ๆ เต็มไปหมดเลย”“เย้ ๆ ...จริงหรือคะ ไปค่ะแด๊ดดี้ เราไปกันเลย” อีวี่ตาวาวขณะกุมมือของร่างสูงใหญ่ที่ยังมีทีท่าลังเลกระทั่งเรเน่ต์พูดขึ้น“ไปกันเถอะค่ะ เซจ...คุณอิสลินเธอไม่เหงาหรอกนะ
หญิงสาวจำต้องยุติการสนทนาซึ่งเป็นที่น่าเสียดายยิ่งนักสำหรับสตีเฟน“ครับ...เชิญตามสบายครับ หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะครับ คุณอีฟ” ชายหนุ่มจำต้องปล่อยให้ร่างบอบบางในชุดราตรีแสนสวยเดินตรงไปยังกลุ่มผู้ชายที่กำลังยืนดื่มและคุยกันอยู่ก่อนผละออกไปอีกทางของสถานที่จัดเลี้ยง อิสลินก้าวไปตามทางเดินซึ่งปูลาดด้วยหินหลังสอบถามแอนดรูว์ถึงได้รู้ว่าป้าลิลลี่พาหนูน้อยไปที่คฤหาสน์ อาจไม่มีอะไรน่าห่วงแต่เธอก็อยากเบาใจว่าแม่ลูกสาวตัวน้อยจะไม่ซุกซนไปไหนจริง ๆ ที่ตึกหลังใหญ่ทรงแอนทีกตอนนี้เงียบเชียบ ทุกคนคงเข้าไปอยู่ที่งานเลี้ยงในสวนกันหมด จะมีก็แต่แสงสว่างจากโคมไฟอาบไล้ไปทั่ว หญิงสาวไม่ได้เข้ามาที่นี่หลังเดเรกขายทุกอย่างไปหมดทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้ ทว่ากลิ่นไอแห่งวันคืนเก่า ๆ ก็ยังอบอวลในที่ซึ่งเป็น บ้าน ของเธอมาแต่ก่อน อิสลินเผลอเดินขึ้นไปถึงชั้นบนและนิ่งนึกอยู่นานว่าป้าลิลลี่จะพาอีวี่ไปอยู่ส่วนไหนของบ้าน คฤหาสน์ใหญ่โตห้องหับก็มากมายและไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรตั้งแต่ เขา เข้ามาเป็นเจ้าของคนใหม่ของที่นี่ อาจเป็นห้องนั้นกระมัง...มีบางอย่างดึงดูดให้ร่างอรชรเดินตรงไปยังห้องซึ่งเคยเป็นห้องนอนของเธอและประตูไม่
“ทำไมคุณต้องคิดว่าฉันอยากมีผู้ชายคนใหม่ ในเมื่อสิ่งที่ฉันอยากได้มากที่สุดตอนนี้คืออิสรภาพ! คุณมัดมือมัดเท้าฉันด้วยความเกลียดชังยังไม่พอ แต่คุณยังเฆี่ยนตีฉันให้เจ็บปวดด้วยคำพูดที่พยายามยัดเยียดความเลวให้ฉันทุกอย่าง ไคลน์...คุณคงอยากได้ยินว่าฉันคิดอะไร จะบอกให้ก็ได้ว่าฉันเกลียดคุณ!”“อยากพูดอะไรตอนนี้ก็พูดเสียให้พอเถอะ อีฟ!” เซอร์เรนัล์ฟแผดเสียงสนั่นก่อนกระชากร่างของอิสลินตามไปและผลักลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน จอมซาตานในร่างเทพบุตรตรึงมือหญิงสาวที่ออกแรงใช้เข่าดันร่างสูงใหญ่ซึ่งโถมทับลงมาโดยไม่คิดถึงชุดแสนสวยว่ามันจะฉีกขาด ทว่ากลับเป็นความพยายามที่สูญเปล่าเพราะกำลังของคนตัวโตมากกว่าหลายสิบเท่า ชายหนุ่มขบกรามนูนเมื่อโทสะร้ายฉาดฉายออกมาทางดวงตาคมวับ“จะพูดว่าเกลียดผมอีกสักกี่หนก็ได้ แต่หลังจากนี้ไปคุณจะพูดแค่คำว่า ได้โปรด เท่านั้น!”“ไม่! ฉันจะไม่อ้อนวอนขออะไรจากคนใจดำอย่างคุณ ปล่อยฉัน! ฮื้อ...”อิสลินพยายามแอ่นร่างขึ้นเพื่อดันเขาออกแต่นั่นเท่ากับยิ่งโหมกระพือไฟอารมณ์ของอีกฝ่ายให้ลุกช่วง“ฉันจะร้องให้คนช่วย” หญิงสาวไม่ยอมแพ้ / “ก็ร้องไป! ไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากคุณกับผม”“ไคลน์!”
“ไม่! ฉันจะไม่ร้องขออะไร จะไม่ขอความเห็นใจจากคุณ!” อิสลินร้องไห้พลางส่ายหน้าไปมา เรือนผมที่ถูกรวบไว้ด้านหลังหลุดออกมาจนยุ่งสยายอยู่บนไหล่ขาวเนียน เขาทำให้เธออดสูตัวเองเป็นที่สุดกับบทลงทัณฑ์สวาทที่กำลังจะเริ่มต้น เธอหนีไม่ได้อีกแล้วทว่าหัวใจดวงนั้นกลับยังดึงดันไม่ยอมย่อถอย“วันหนึ่งฉันจะไปจากที่นี่ ไปในที่ที่ไม่ต้องเจอคุณอีกตลอดชีวิต!”“ไม่มีที่นั่น!” เซอร์เรนัล์ฟเลื่อนริมฝีปากหนาได้รูปมาขบกลีบปากสีชมพูแรง ๆ ก่อนคำรามเสียงต่ำ “จะมีก็แต่สวรรค์ที่คุณต้องถูกจองจำไปชั่วชีวิต!” ร่างงามที่อยู่ในสภาพเกือบและถูกรั้งข้อมือไว้เหนือศีรษะบนเก้าอี้นวมแข็งเกร็งไปหมดทั้งตัวเมื่อชายหนุ่มก้มลงไปดูดกลืนยอดถันที่กำลังชูชันท้าทายสายตาอันหื่นหิว เซอร์เรนัล์ฟไม่สนใจงานเลี้ยงของเขาอีกต่อไปและไม่ใส่ใจว่าใครจะนึกสงสัยว่าเขาหายไปไหนตอนนี้“ฮื้อ...ฮื้อ” อิสลินครางเสียงดังในลำคอหนัก ๆ ทุกครั้งที่ใบหน้าคร้ามเข้มฟอนเฟ้นลงบนเนินเนื้ออวบสล้างที่ไหวกระเพื่อม เรียวลิ้นร้อนที่ตวัดไปมาบนส่วนปลายสีชมพูเข้มซึ่งไวต่อสิ่งเร้าจุดความซาบซ่านทว่าก็เพียงเศษเสี้ยวในความทรมานที่ถาโถม“อีฟ...บอกผมสิว่า...ได้โปรด”ร่างสูงใหญ่ควบคุมต
“ใช่! ฉันหลอกคุณ” อิสลินเถียงไม่ลดละ “ฉันอยากให้คุณได้รู้เสียบ้างว่าเวลาทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด เขาจะรู้สึกยังไง”“ถ้ามีมีดคุณก็คงจะแทงผมตายไปแล้วใช่มั้ย ผมถามว่าใช่มั้ย อีฟ!” เซอร์เรนัล์ฟแผดเสียงก้องและนั่นทำให้อีกฝ่ายชะงักไปกับคำพูดนั้น เขาทำเหมือนเสียใจ แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่ ถ้าลองเขาข่มเหงเธอได้ขนาดนี้ก็คงไม่กลัวความเจ็บปวดที่ย้อนกลับไปหาตัวเองบ้าง“ค่ะ” น้ำตาของหญิงสาวถั่งไหลขณะฝืนเอ่ยสิ่งที่ทำให้หัวใจบอบช้ำ“ถ้ามันจะหมายถึงอิสรภาพของฉัน...อิสรภาพตลอดกาล...จากคุณ!”“คุณไม่มีวันได้รับมัน!” เซอร์เรนัล์ฟก้มลงไปหาวงหน้าหวานที่เบือนหลบ เสียงห้าวนั้นเย็นเยือกยิ่งกว่าอุณหภูมิติดลบใจกลางขั้วโลก“คุณไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างจากอิสรภาพ เพราะทุกอย่างในชีวิตคุณมันพังพินาศไปหมดแล้ว!”“อย่า!...ไคลน์...อย่านะคะ!” ร่างเล็กกรีดร้องเมื่อฝ่ามือหนาตะปบลงมาบนเนินถันอวบเปลือยก่อนจะขยำขยี้มันเต็มแรง อิสลินสะดุ้งเฮือกเมื่อเรียวขาถูกยกขึ้นพาดบนเอวหนาอีกหน แต่คราวนี้เขาไม่ยอมผ่อนปรนให้เธอวางแผนเอาคืนได้เป็นครั้งที่สอง“คนบ้า! คนเลว ...ปล่อยฉัน!” เสียงกรีดแหลมที่ดังสลับกับเสียงร้องไห้เหมือนทะลุเข้าหูซ้ายแล้วหายอ