“นัดหรือ?” ชายหนุ่มหันกลับมาและทำหน้าเหมือนจำไม่ได้“ใช่ค่ะ เซจ...คุณต้องไม่ลืมไปงานการกุศลตามที่ฉันบอกคุณไว้ ตอนนี้ฉันมีหน้าที่จัดแคมเปญโฆษณาใหญ่ให้กับดี ฮันเตอร์ ยิ่งคุณออกงานสังคมมากเท่าไหร่ก็จะมีคนจดจำหน้าตาของคุณได้มากเท่านั้นนะคะ”“เรเน่ต์ ผมให้คุณทำโปรเจ็คงานโฆษณาบริษัท ไม่ใช่ผม”“เซจคะ...คุณคือ ดี ฮันเตอร์ ค่ะ ตอนนี้ใคร ๆ ก็จับตามองบริษัทอากาศยานไร้คนขับยักษ์ใหญ่ที่ผงาดขึ้นมาแทนที่แอร์โรว์ไวรอนต์ ฉะนั้นแล้วคุณต้องหมั่นโปรโมทตัวเองเพราะการที่คนอเมริกันได้รู้จักคุณก็เท่ากับว่าเขาได้รู้จักบริษัทของคุณไปด้วย”“แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร” เซอร์เรนัล์ฟกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท “ผมก็เป็นแค่นักประดิษฐ์ผลงานด้านวิศวกรรมการบินที่เผอิญโชคดีประสบความสำเร็จก็เท่านั้น ผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากชื่อเสียงและไม่คาดหวังจะเป็นหน้าตาของบริษัท แค่งานที่ผมคิดค้นมีคนยอมรับและทำประโยชน์ให้ประเทศได้...ก็น่าจะเพียงพอ”“แต่ เซจคะ...”“ขอโทษทีที่วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ผมไม่ว่างเพราะมีงานด่วนกะทันหัน ถ้ายังไงผมจะส่งตัวแทนไปร่วมงานก็แล้วกัน”“เซจ...” หญิงสาวพูดไม่ทันร่างสูง
“อย่านะ!” อิสลินได้แต่เค้นเสียงหนักในลำคอแต่ไม่กล้าเอ็ดอึงเมื่อลำแขนทรงพลังรวบเอวบางเข้าไปหาอกกว้าง หญิงสาวตอบโต้อะไรไม่ได้เลยทว่าก็ไม่นิ่งเฉยและพยายามขืนตัวอยู่ในอ้อมกอดนั้น“ไคลน์! คุณอย่ามารุ่มร่ามตรงนี้นะคะ ฉันไม่อยากให้อีวี่ออกมาเห็น” / “ก็ดี...ถ้าแม่หนูน้อยตื่นขึ้นมาผมจะได้ถามว่าเมื่อหัวค่ำแกร้องไห้ทำไม” เท่านั้นเองร่างเล็กก็หยุดกึก อิสลินเงียบไปโดยไม่ยอมพูดเพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ต้องการจะเข้าใจเธอกับลูกอยู่แล้ว“ว่ายังไงล่ะ...อีฟ ผมได้ยินอีวี่ร้องไห้ ก็แค่อยากมาถามว่าแกสบายดีหรือเปล่า” เซอร์เรนัล์ฟคาดคั้นอย่างอ่อนโยนอยู่ชิดแก้มนวลที่เป็นสีเรื่อขึ้นเมื่อถูกลมหายใจร้อนผ่าวราดรดอยู่ใกล้ ๆ อิสลินส่ายศีรษะไปมาก่อนตอบ“อีวี่สบายดีค่ะ ปล่อยฉันซีคะในเมื่อคุณก็ได้คำตอบแล้ว”“ผมยังไม่ปล่อยเพราะคุณตอบไม่ตรงประเด็น จู่ ๆ อีวี่จะร้องไห้ทำไมตั้งแต่ตอนหัวค่ำ ผมได้ยินเสียงร้องนานมาก” ชายหนุ่มถามออกไปทั้งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นห่วงแม่หนูน้อยขึ้นมาจับจิต เสียงโยเยนั้นดังอยู่นานนับชั่วโมงตอนเขานั่งอยู่ที่วิหารเทพีอัฟโฟรไดท์“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อย่าสนใจเลย แกก็แค่ร้องตามประสาเด็กเวลาไม่ได้อะไรอย่างใ
“ฉันคงไปกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ ไคลน์...คุณพาป้าลิลลี่ไปกับอีวี่เถอะค่ะ”“ถ้าทำแบบนั้นแม่หนูน้อยจะคิดยังไง แกคงไม่ได้อยากไปเที่ยวโดยไม่มีแม่ไปด้วย”“คุณคงลืมคำพูดของตัวเองใช่ไหมคะ ไคลน์ ฉันจะไปไหนไม่ได้ถ้าคุณไม่อนุญาต”“ผมไม่เคยลืม” ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นมาจับไหล่บางทั้งสองอีกครั้งและจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยราวจะให้ทะลุลงไปถึงก้นบึ้ง“ผมไม่ใช่คนที่จะลืมเรื่องอะไรง่าย ๆ คุณต่างหากที่คงลืมไปแล้วว่าต้องอยู่ใต้อาณัติของผม”“ฉันทำตามคำสั่งของคุณทุกอย่างค่ะ ไคลน์...ไม่โต้แย้ง ไม่หนีไปไหน และจะตายอยู่ในสวนแห่งนี้...อย่างที่คุณต้องการ”อิสลินมองไหล่กว้างของเขาแทนที่จะประสานสายตาบนใบหน้าคมสันโดยตรงด้วยเกรงจะพ่ายแพ้ต่ออำนาจบางอย่างในตัวของเซอร์เรนัล์ฟ โดยเฉพาะนัยน์ตาสีฟ้าเข้มดุจอัญมณีพรายแสงที่มีพลังทำลายความเข้มแข็งในตัวเธอ“คุณไม่มีวันโต้แย้งผมได้หรอกอีฟ” ว่าพลางก็ใช้มือหนากดลำคอของหญิงสาวเบา ๆ ให้ใบหน้างามแหงนเงยขึ้นน้อย ๆ “ก็ในเมื่อนี่เป็นคำสั่งของผมให้คุณดูแลอีวี่อย่าให้แกงอแง”อิสลินเผยอเรียวปากรับจุมพิตจากจอมซาตานอันแสนหวานอีกครั้งเมื่อเผลอสบนัยน์ตาคู่นั้นท่ามกลางความเงียบสงัดของรัตติกาล ชายห
ร่างสูงใหญ่ทิ้งคำพูดเสียดแทงหัวใจก่อนเปิดประตูออกไปโดยไม่เหลียวหลัง เมื่อเซอร์เรนัล์ฟจากไปแล้วอิสลินจึงอดรนทนไม่ไหวที่จะเสียน้ำตาอีกครั้ง คิดถึงผู้ชายคนหนึ่งแต่ต้องสนองความใคร่ให้ผู้ชายอีกคนเช่นนั้นหรือ...เขาพูดไม่ผิด ในเมื่อเซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์ คนนั้นได้ตายจากไปแล้วจริง ๆ เหลือแต่ซาตานผู้หยิ่งทะนงและโหดร้ายผู้หยิบยื่นเอาความทุกข์ทรมานแลกกับหัวใจให้เธอรับใช้เขาไปตลอดชีวิต๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ในเช้าที่อากาศสดใสใต้ร่มแมกไม้เขียวขจีผลิใบงดงามท่ามกลางบรรยากาศของฤดูร้อนของสวนขนาดใหญ่ใจกลางมหานครซึ่งโอบล้อมด้วยตึกระฟ้ามากมายดูเหมือนเป็นสวรรค์น้อย ๆ ของเด็กหญิงในชุดกระโปรงจีบระบายสีหวาน ร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองนุ่มนวลถูกรวบเป็นหางม้าสูงผูกโบว์สีสดอวดใบหน้าจิ้มลิ้มและแก้มชมพูเรื่อนั่งแต่งตัวให้ตุ๊กตาหมีและบาร์บี้ในชุดแสนสวยบนเสื่อผืนใหญ่โดยมีชายหนุ่มในชุดลำลองเสื้อคอกลมและกางเกงเดนิมสีเข้มนั่งอยู่ข้าง ๆ ใกล้กันนั้นหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตขาวกางเกงยีนส์รัดรูปนั่งเตรียมของว่างพลางมองคนต่างวัยที่ยิ้มหัวให้กันตลอดเวลา อิสลินอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเซอร์เรนัล์ฟแย้มยิ้มกับอีวี่ราวกับเขามีความส
“จริง ๆ แล้วผมคิดว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยสำหรับคนคนหนึ่งที่ต้องเผชิญปัญหาหนักและไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักต้องรับรู้ เดเรก...ไม่ได้โกหกคุณหรอกนะเรื่องที่เขากับผมเดินทางไปปารีส แต่เราก็ไปอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนจะกลับมานิวยอร์คอีกครั้งเพื่อ...” ชายหนุ่มกล่าวไม่ทันจบประโยคเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ร่างสูงรีบรับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ครับ...ครับ...ผมจะรีบไปครับ” แบรดตอบรับปลายสายเพียงสั้น ๆ ก่อนกดปิดและเก็บมันไว้ในกระเป๋าแจ็คเก็ตดังเดิม“อีฟ...ผมคงต้องรีบไปก่อน ถ้ายังไงผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณฟังเมื่อมีโอกาส”“แบรดคะ ฉันจะได้เจอเดเรกไหมคะ?” ร่างสูงเงียบไปก่อนตอบ “โทรหาผม อีฟ...แล้วผมจะพาคุณไปพบกับเดเรก ผมสัญญา”อิสลินมองตามหลังแบรดที่จากไปด้วยท่าทีเร่งรีบและรู้สึกเป็นห่วงเดเรกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถึงเธอจะไม่ได้อยู่กับเขาฉันสามีภรรยาทั่วไปแต่เดเรกก็เปรียบเหมือนที่ยึดเหนี่ยวทางใจในยามเคว้งคว้าง“มามี้ขา” เสียงเรียกที่ดังอยู่เบื้องหลังทำให้อิสลินรีบหันกลับไปยังร่างของแม่หนูน้อยของเธอที่หิ้วตะกร้าใส่ตุ๊กตาจูงมือมาพร้อมเซอร์เรนัล์ฟ หญิงสาวรีบป
“ป้าลิลลี่คะ” ร่างบางในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายวางแก้วชาลงบนโต๊ะก่อนเอื้อมมือมาแตะแขนแม่บ้านวัยกลางคน “ป้าลิลลี่ไม่ต้องบอกใครนะคะว่าวันนี้ฉันออกไปทำธุระข้างนอก มันเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ แต่จะขอรบกวนป้าลิลลี่แค่วันนี้”ใบหน้าแป้นหันกลับไปภายในบ้านที่แม่หนูน้อยกำลังนอนดูรายการการ์ตูนในโทรทัศน์ก่อนหันมายิ้มกับหญิงสาว“รบกวนอะไรกันคะ คุณผู้หญิง...ฉันเคยทำหน้าที่อย่างไรก็ยังทำอยู่อย่างนั้นและทำด้วยความเต็มใจค่ะ โดยเฉพาะการดูแลคุณหนูอีวี่เป็นสิ่งที่ฉันยินดีมากค่ะ”“ขอบคุณมากค่ะป้า” / “ว่าแต่คุณจะออกไปตอนไหนล่ะคะ เพราะนี่ยังเช้าอยู่เลย”หญิงสาวนั่งนิ่งขณะทอดสายตาคู่งามข้ามยอดไม้ไปยังหลังคาของคฤหาสน์หลังใหญ่“ไคลน์...เอ้อ...คุณเซอร์เรนัล์ฟเขาไปหรือยังคะ?” / “คุณเซอร์เรนัล์ฟตื่นแต่เช้าตรู่ แต่เห็นบอกว่าจะออกไปตอนสายค่ะ”“ถ้าอย่างนั้น...ฉันก็จะรอให้เขาออกไปก่อนก็แล้วกันค่ะ” อิสลินถอนหายใจบางเบาเมื่อป้าลิลลี่เดินกลับเข้าไปในบ้านและนั่งลงข้าง ๆ แม่หนูอีวี่ที่กำลังสนใจการ์ตูนในทีวีตรงหน้า ร่างบางมองยอดลินเดนที่ไหวไปมาเมื่อลมพัดผ่านก่อนยกแก้วชาขึ้นจิบด้วยความรู้สึกที่ก็ยังหวาดหวั่น เมื่อคืนหญิงสาวโทรไปหาแบ
อิสลินเดินตามแบรดเข้าไปในโรงพยาบาลและคิดไปตลอดทางว่าทำไมเดเรกมาอยู่ที่นี่ในเมื่อไม่มีเค้าลสงหรือสัญญาณใด ๆ ล่วงหน้ามาก่อนเลยว่าคนแข็งแรงอย่างเขาจะมีโรคภัยมากล้ำกลาย บรรยากาศในสถานที่บำบัดโรคไม่ว่าจะดูน่าสบายแค่ไหนก็ล้วนไม่น่าพิศมัยทั้งสิ้น มันเต็มไปด้วยความหดหู่และเงียบขรึม ถึงแม้หญิงสาวจะได้พบเห็นรอยยิ้มจากแพทย์และพยาบาลทว่าก็มิอาจฉุดความรู้สึกของผู้มาเยี่ยมไข้ให้ดีขึ้นเลย ร่างสูงเดินนำมาจนถึงหน้าห้องพักฟื้นผู้ป่วยห้องหนึ่งซึ่งอยู่ชั้นบนของตึกสูง เขาหยุดก้าวเท้าและหันมายังร่างเล็กที่หยุดมองดูชื่อผู้ป่วยด้านหน้า เดเรก เพียซ อิสลินยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นกระทั่งแบรดเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น“อีฟ...คุณเข้าไปข้างในเถอะ ผมจะคอยอยู่ตรงนี้” ร่างแน่งน้อยทำตามที่ชายหรุ่มบอก เธอค่อย ๆ ผลักประตูและก้าวเข้าไปในห้องผู้ป่วยซึ่งภายในนั้นหญิงสาวพบร่างสูงของคนที่เธอคุ้นเคยนั่งอยู่บนเตียงในท่าเอนหลังพิงหมอน อิสลินจรดปลายเท้าลงบนพื้นอย่างเงียบเชียบทว่าเสียงเปิดประตูเมื่อครู่คงทำให้เขารู้สึกได้แล้วว่ามีคนเดินเข้ามา“อีฟ” เดเรกในชุดผู้ป่วยอุทานเบา ๆ เมื่อละสายตาจากนอกหน้าต่างและเห็นว่าคนที่เข้ามาภายในห้องเป็นใคร“เดเ
“คุณทำแบบนี้เท่ากับฉันปล่อยให้คุณโดดเดี่ยวนะคะเดเรก”“ผมไม่ได้เผชิญปัญหาแค่เพียงลำพัง อย่างน้อยที่สุดแบรดก็อยู่เคียงข้างผมอีกคน ว่าแต่คุณเถอะ อีฟ...คงไม่โกรธเรื่องที่ขายแอร์โรไวรอนต์ไปเพราะบริษัทประสบปัญหาหลายอย่าง แต่ผมก็มีแผนสำรองเพราะเจ้าของดี ฮันเตอร์เต็มใจจะซื้อโรงงานกับคฤหาสน์ไว้และทรัพย์สินส่วนนั้นผมมอบให้คุณกับลูกถือว่าเป็นส่วนที่สามีต้องแบ่งให้ภรรยาหลังการหย่าตามกฎหมาย”อิสลินกลืนก้อนแข็งในลำคอลงไปโดยไม่ยอมปริปากบอกอีกฝ่ายว่าเกิดอะไรหลังการตกลงซื้อขายครั้งนั้น หญิงสาวจะบอกเดเรกได้เช่นไรว่าทุกสิ่งทุกอย่างตกป็นของ เขา ไม่เว้นแม้แต่ชีวิตของเธอที่ต้องเอาอิสรภาพเข้าแลกเพื่อปกป้องหัวใจดวงน้อย“อย่าห่วงฉันเลยค่ะเดเรก...ทุกอย่างโอเค เว้นก็แต่...คุณ”“เดือนหน้าผมจะเข้ารับการผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง ผมสวดอ้อนวอนต่อพระเป็นเจ้าทุกค่ำคืนว่า...ขอให้มันผ่านไป”“มันจะผ่านไปด้วยดีค่ะ เดเรก ฉันเชื่อเช่นนั้น” อิสลินบีบบมือเขาเบา ๆ เป็นกำลังใจส่งผ่านสัมผัสแทนคำพูดมากมายที่มิอาจกลั่นออกมาได้หมดสิ้น เธอมองเห็นความเข้มแข็งส่องประกายกล้าในดวงตาสีมรกตที่ยังสดใส หญิงสาวอยู่พูดคุยกับเขาต่อไปโ