แชร์

บทที่ 3 “ตำรามหาเสน่ห์”

จิรพัฒน์และราชาถูกสั่งให้มาเก็บกวาดห้องเก็บคัมภีร์ ตำราโบราณ ภายในเรือนไทยหลังงาม ส่วนลุงนินนั้นได้ลงไปยันเรือนเล็กเพื่อถอนของให้ลูกศิษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในตัวเรือนใหญ่จึงเหลือแค่ราชรณวรกับคนน้องอย่างเจ้าจอมเท่านั้น

"รีบไปเก็บเถอะ กูจะได้กลับไปนอน" จิรพัฒน์เอ่ยปากบอกอีกคน

"อืม" ราชรณวรพยักหน้ารับคำ

แม้จะรู้ว่าเจ้าจอมอายุน้อยกว่าตน แต่ราชาก็ไม่ใช่คนซีเรียส หากคนน้องไม่อยากเรียกเขาว่าพี่ ใยเล่าเขาจะไปบังคับอีกฝ่ายได้

เมื่อยามที่พวกเขาเข้ามาถึงห้องเก็บคัมภีร์ คนทั้งคู่ก็ช่วยกันเก็บของให้เป็นระเบียบ ในคราแรกที่รู้จักมีการพูดคุยกันบ้าง ไปมากลับพูดคุยถูกคอกันเสียอย่างงั้น

"ราชา"

"ว่าไงมึง?"

เจ้าจอมไม่ได้พูดเพราะกับราชา แน่นอนว่าเขาเองก็พูดไม่เพราะกับอีกคนเช่นกัน

"มึงว่าในห้องนี้จะมีของน่าสนใจไหม?" จิรพัฒน์ถามราชรณวรด้วยใบหน้าทะเล้น

"มึงอย่าแย่ไอ้จอม!" ราชาดุคนตัวเล็ก

แต่จินพัฒน์หาฟังไม่ จากที่จะเก็บตำราโบราณ กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายรื้อมันออกมาอ่านเล่มแล้วเล่มเล่าแทน ราชรณวรถอนหายใจแล้วรอให้อีกฝ่ายรื้อออกมาอ่านเสร็จ เขาค่อยเก็บยังจะดีเสียกว่า เหตุการณ์ ณ ปัจจุบันจึงกลับกลายเป็นว่าคนพี่นั่งเท้าคางอยู่บนเก้าอี้ไม้ ดูการกระทำแสนซนของคนน้องแทน

คัมภีร์ทุกอย่างถูกจัดเรียง มีระเบียบตามหมวดหมู่ของมันอยู่แล้ว หากแต่สายตาเฉียบคมของเจ้าจอมดันเหลือบไปเห็นคัมภีร์เล่มเก่าเล่มหนึ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลังตู้ไม้บานใหญ่ หน้าคัมภีร์มันเขียนไว้ว่า 'คาถามหาเสน่ห์ (ตกหลุมรัก)'

มันถูกเขียนด้วยตัวอักษรไทยสมัยโบราณ ความเก่าของตำราเล่มดังกล่าวบ่งบอกถึงอายุอันยาวนานของมันได้ดีทีเดียว

"โอ้มายก๊อด~ มันคือคาถาทำให้คนตกหลุมรักใช่ไหม?"

เจ้าจอมหยิบมันขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาใช้มือเปิดอ่านหน้าถัดไปเรื่อย ๆ ราชรณวรจึงเดินเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อเชยชมด้วย หนังสือเก่าที่ต้องเปิดอย่างเบามือเพราะเกรงว่าจะขาด ถูกจับพลิกเปิดไปมาหน้าแล้วหน้าเล่าตามใจของจิรพัฒน์

~ วิธีการใช้งาน ~ ท่องคาถาแล้วสัมผัสมือกับคนที่ต้องการ

"ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ...ของก๊องแก๊งรึเปล่าเนี่ย?" เจ้าจอมพึมพำ

"แต่ไม่หรอก ระดับลุงแล้ว มีแต่ของแท้เหนือธรรมชาติทั้งนั้นแหละ" คำพูดที่พูดกับตนถูกเปล่งเสียงออกมา ชายหนุ่มยักไหล่แล้วหยิบปากกาพร้อมกระดาษมาจดคาถา

คาถาถูกคัดลอกออกไปโดยจิรพัฒน์ เขาหวังจะใช้มันกับคนโปรดอย่างน้องเดินดิน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา ทั้งหมดนั้นคือความคิดของเจ้าจอม ถึงจะมั่นใจในใบหน้าของตัวเองมาก แต่สำหรับเดินดินหน้าตาแบบเขาคงพบเจอบ่อยจนชินแล้วกระมั่ง

"มึงจะลอกไปทำไมจอม?"

"กูก็อยากลองใช้มั้งแหละ!" เจ้าจอมกระแทกเสียงใส่ราชาเบา ๆ

"ตามใจมึง รื้อเสร็จก็ช่วยกูเก็บด้วยครับ" คนพี่บอกน้อง

หลังจากวันนันเจ้าจอมและราชาก็สนิทกันโดยปริยาย สนิทกันชนิดว่าหากที่ใดมีเจ้าจอมที่นั่นย่อมมีราชา หมายถึงในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติล่ะน่ะ

เพราะทั้งคู่กลายเป็นลูกมือของลุงนินเสียเรียบร้อย งานทุกอย่างภายในตำหนักแห่งนี้ คนเป็นลุงโยนมาให้พวกเขาเกือบทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่งานหาฤกษ์หายามต่าง ๆ

"มาเฟียบ้าไรมานั่งดูข้างขึ้นข้างแรม"

เจ้าจอมแขวะราชาที่นั่งใช้ปากกาเมจิกขีด ๆ เขียน ๆ กระดานเพื่อหาฤกษ์ยามงามดีให้คู่รักที่กำลังจะแต่งงานกัน

"แล้วนักเรียนนอกที่ไหน มานั่งหยดน้ำตาเทียนงก ๆ ใส่อ่างน้ำมนต์อยู่ละ?"

ราชาเบ้ปากตอบ พลางมองคนตัวเล็กที่กำลังหยดน้ำตาเทียนลงบนโอ่งลายมังกร ภาชนะซึ่งใช้กักเก็บน้ำมนต์ขนาดใหญ่ของตำหนักสายหมอก

แม้ว่าจิรพัฒน์อยากจะเอาฝ่าเท้าถีบคนตรงหน้าเพียงใด แต่คนน้องก็ทำได้แค่ปั้นหน้ายิ้ม เพราะตอนนี้เหล่าบรรดาลูกศิษย์ลูกหา กำลังอยู่เต็มเรือนใหญ่ทั้งเรือน

ยามช่วงเวลาบ่ายแก่แสงแดดเริ่มอ่อนลง หลังจากคนทั้งคู่ช่วยงานภายในตำหนักสายหมอกเสร็จ ราชรณวรก็ชวนจิรพัฒน์ออกไปสนามแข่งรถที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วนอยู่ เพียงเพราะอีกคนชอบบ่นว่าที่ประเทศไทยไม่มีอะไรให้ทำและตอนนี้ราชายังเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเจ้าจอมอีกด้วย

ลานจอดรถอเนกประสงค์ซึ่งเต็มไปด้วยรถของผู้ที่ต้องการจะเข้าชมการแข่งขัน พนักงานอยู่ในชุดซึ่งทางสนามจัดเตรียมไว้ให้รีบออกมาต้อนรับราชาหุ้นส่วนของสนามแห่งนี้ ราชรณวรผู้เป็นถึงหุ้นส่วนรายใหญ่ของสนามดังกล่าวถูกเชิญไปยังห้องพักนักกีฬาเพื่อทำการพูดคุยธุรกิจ

"ตามมา" ราชาดึงร่างเล็กของเจ้าจอมให้ไปประชิดตัว

เมื่อถึงห้องพักนักกีฬา พวกเขาก็พบกับคนกลุ่มหนึ่งที่นั่งจิบไวน์อยู่ก่อนหน้าแล้ว โดยเจ้าจอมรู้อีกทีหลังจากที่ทั้งหมดแนะนำตัวว่าแต่ละคนเป็นใครบ้าง

คนแรกชื่อ "เจ้าจักร" จักรพรรดิ เจริญศักดิ์เจียมสกุล ผู้เป็นถึงเจ้าของสนามแข่งรถขนาดใหญ่แห่งนี้ เจ้าจอมรู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เพราะเขาติดท็อปหนึ่งในสิบของบุคคลที่รวยที่สุดในเอเชีย ท่าทางเย็นชาของผู้พี่ดูไม่น่าจะเป็นคนที่จอมพูดคุยด้วยได้

จิรพัฒน์จึงเปลี่ยนมาสนใจอีกคนที่นั่งอยู่ด้านข้างแทน ถัดจากเจ้าจักรก็เป็นแฟนของเขา

"เจ้าเจต" เจตตินทร์ อภินันท์เลิศเกียรติคุณ เด็กหนุ่มหน้าหวาน ผู้ซึ่งน่ารักน่าเอ็นดูมากสำหรับจิรพัฒน์

ไม่ใช่แค่เจ้าจอม แต่ดูเหมือนว่าราชาจะเอ็นดูคนตรงหน้านี้มากกว่าใครสิ้น ทั้งประเคนน้ำทั้งบีบขาให้คนสวย จักรพรรดิที่เป็นแฟนถึงกับต้องคอยเอาเท้าเขี่ยอีกคนให้ออกห่างจากเจตตินทร์

และอีกคนคือ "เมืองเหนือ" สุวภัทน์ เหนือนิรันดร์ ผู้เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจของราชาเช่นกัน เขาเป็นหนึ่งในสิบมหาเศรษฐีหนุ่มที่รวยที่สุดในโลก

เมืองเหนือนั่งมองจอแอลอีดีขนาดใหญ่ซึ่งกำลังฉายภาพการเตรียมตัวของนักกีฬาจากหลากหลายทีม ก่อนที่จะหยิบไวน์ขึ้นมากระดก บอกตามตรงว่าบรรยากาศรอบตัวของคนคนนี้ ไม่น่าพูดคุยด้วยเลยแม้แต่ประโยคเดียว ราวกับว่าเป็นเรื่องที่คนในกลุ่มเคยชินกันหมดแล้ว เพราะไม่มีใครสนใจเมืองเหนือเลย ไม่ว่าเขาจะทำอะไร อีกฝ่ายเหลือบมองจิรพัฒน์เป็นระยะ ๆ หากแต่ไม่ได้เอ่ยคำทักทายใด

ส่วนคนสุดท้าย เจ้าจอมคุ้นหน้าดี เขาคือคู่จิ้นของ 'เดินดิน' นายแบบคนสวยขาที่เขาชอบ

"พระเพลิง" เพลิงอัคคี ไฟนิรันดร์ ผู้มีดีกรีเป็นถึงนายแบบชื่อดังของเอเชีย ขึ้นแท่นเทียบเคียงกับเดินดินเสมอมา พระเพลิงส่งยิ้มหวานมาทางเจ้าจอม หากแต่อีกคนโดนราชาด่าก่อนว่าอย่าทำตัวรุ่มร่ามกับเพื่อนของเขา เพลิงอัคคีจึงเลิกสนใจคนมาใหม่เช่นจิรพัฒน์ และหันไปเอาอกเอาใจเจ้าเจตแทน

แก๊งนี้เรียกว่าจุดรวมพลของคนรวย ๆ เป็นแน่แท้ ตัวของราชรณวรรู้ดีว่า เจ้าจอมนั้นต้องรู้สึกอึดอัดเพราะบรรยากาศตรงหน้า เขาจึงชวนคนน้องออกมาสูดอากาศด้านนอกและอยู่ดูการแข่งขันเป็นเพื่อนคนตัวเล็กแทนการเข้าไปคุยธุรกิจเหมือนดังที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก ก็ในเมื่อเขาพาอีกฝ่ายมา เขาก็ต้องรับผิดชอบดูแลน้องชายคนนี้สิ

ราชรณวรและจิรพัฒน์ยืนอยู่ขอบสนามแข่ง สายตาของจิรพัฒน์ยังคงเหม่อมองเข้าไปในสนามเพื่อดูการแข่งขัน ทว่าเป็นราชรณวรที่เหม่อมองจิรพัฒน์แทน ราวกับรู้ว่ามีสายตาจรดจดจ้องตน จอมหันกลับมาสบตารุ่นพี่คนสนิททันที

"จูบไหม?" คำถามถูกถามออกมาจากปากราชรณวร

"..."

"จูบกันไหมครับ น้องจอม"

หลังจากดูการแข่งขันได้ไม่นาน ตกเย็นจิรพัฒน์ก็ขอตัวกลับก่อน เนื่องจากถึงเวลาที่เขาต้องไปงานแฟนมีตติ้งของเดินดินแล้ว ก็เขาอุตส่าห์ลงทุนซื้อน้ำเกือบห้าหมื่นขวดเพื่อนชิงโชคให้ได้เป็นหนึ่งในผู้โชคดีของงานนี้เชียวนะ!!

พูดถึงไอ้น้ำห้าหมื่นกว่าขวด เขาต้องดื่มอีกกี่ปีมันถึงจะหมด แค่คิดก็รู้สึกอยากจะเอามือกุมขมับบรรเทาอาการปวดศีรษะแล้ว

ณ โรงแรม N

ดูคาติคันงามราคาเฉียดสามล้านขับเข้ามาเทียบท่าลานจอดรถอเนกประสงค์ของโรงแรม ที่จอดรถระดับวีไอพี หมวกกันน็อกราคาหลายหมื่นถูกถอดออกจากหัวแล้วนำมาห้อยที่แขนแกร่ง

เจ้าจอมรีบเดินเข้าไปในตัวอาคารเพื่อลงทะเบียนเข้างานแฟนมีตติ้ง มันกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

รอเพียงไม่นานเจ้าจอมก็ต้องเดินขึ้นเวทีไปหาเดินดิน นายแบบคนสวยของเขา ซึ่งอีกฝ่ายนั่งรออยู่ด้านบนเวทีแล้ว และเขาคือผู้โชคดีคนแรกจากแฟนคลับผู้โชคดีอีกยี่สิบคน เจ้าจอมเดินย่างก้าวอย่างเชื่องช้าขึ้นบันไดไป ทุกก้าวเดินคาถาที่เขานั่งจำทั้งคืนพลันหลุดออกมาจากปากเบา ๆ

โอม นะ ปะ โร รันนะขุเภติ หลงกู

พุทธัง สะระติ จิตตัง สมาคะมา รักกู

ธัมมัง สะระติ จิตตัง สมาคะมา เป็นของกู

สังฆัง สะระติ จิตตัง สมาคะมา อยู่กับกู

โอมนะโมพุทธายะ หลงกู พุทธัง สะระติ ธัมมัง รักกู สะระติ สังฆัง สะระติ เป็นของกู

จิตตัง สะมาเรมะมะเอทิเอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พะหูชะนา เอหิ ตลอดกาล

เมื่อเท้าของจิรพัฒน์เหยียบถึงบันไดขั้นสุดท้าย คาถาที่ชายหนุ่มตั้งใจท่องก็จบพอดี เจ้าจอมยิ้มสวยทักทายนายแบบหนุ่ม

ดั่งเดินสวรรค์ซึ่งนั่งอยู่บนเวที เจ้าจอมตรงเข้าไปขอลายเซ็นพร้อมกับจับมือของอีกฝ่ายอย่างดีใจ

เดินดินยิ้มสวยให้เจ้าจอม ทั้งคู่พูดคุยกันเล็กน้อย ไม่ถึงสองนาทีจิรพัฒน์ก็ถูกเชิญลงเวที เนื่องจากเวลาที่จำกัด จอมหันหลังกลับไปก็พบว่าเดินดินไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย

"คาถาก๊องแก๊ง!"

คำดูถูกเล็ดลอดผ่านไรฟันของเจ้าจอม พร้อมกันนั้นร่างสูงของเขาก็เดินไปหยิบหมวกกันน็อกราคาหลายหมื่น ที่ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของงาน แล้วเดินออกมาจากงานแฟนมีตติ้งครั้งนี้ทันที

ถึงจะชอบเดินดินมาก ๆ แต่ถ้าเขาไม่สบอารมณ์กับสิ่งใดแล้ว ต่อให้คนข้างหน้าเป็นนางฟ้าเทวดาลงมาจุติ เขาก็ไม่มีอารมณ์ปลื้มปริ่มกับความงามนั้นหรอกนะ ก็จิรพัฒน์นะเป็นคนอารมณ์รุนแรง รุนแรงเสมอต้นเสมอปลาย

ตระกูลของเจ้าจอมเป็นผู้ใช้ไสยเวทสายขาวมาโดยตลอด หากแต่ทุกอย่างมันเริ่มแปรเปลี่ยน เมื่อถึงคราวที่จิรพัฒน์จะต้องสืบต่อกิจการอันยาวนานของตระกูล 'รัตติกาลจันทร์อัปสร'

เขาไม่ได้เรียนรู้ไสยเวทสายขาวเลยแม้แต่น้อย จะเรียกว่าไม่เรียนก็ไม่ใช่ จิรพัฒน์รู้วิธีใช้เพียงแต่เขาไม่ยอมใช้มันต่างหากละ

เจ้าจอมเป็นผู้ใช้ไสยเวทมืด อาคมมืด วิชาต้องห้าม จอมขมังเวทย์สายดำ รวมไปถึงไสยศาสตร์ชนิดที่ถูกลืมเลือนจากประวัติศาสตร์อันเก่าแก่

และนี้จึงเป็นอีกเหตุผลที่ลุงนิน รับราชาเข้ามาเป็นศิษย์ ลุงของเขาคงไม่ต้องการให้เจ้าจอมเป็นผู้สืบทอด 'รัตติกาลจันทร์อัปสร' หากอีกฝ่ายไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตนเอง

แล้วไงใครจะแคร์?

เพราะเจ้าจอมไม่เคยอยากได้ 'รัตติกาลจันทร์อัปสร'

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status