'เจ้าจอม' จิรพัฒน์ รัตติกาลจันทร์อัปสร เด็กหนุ่มอายุยี่สิบสามปีดีกรีนักเรียนนอก แต่เรียนไม่จบสถานะปัจจุบันบ้าดารานายแบบที่มีชื่อว่า 'เดินดิน' ขั้นสุด
ตัวของเจ้าจอมนั้น ถูกเรียกตัวกลับมาจากออสเตรีย โดยลุงบังเกิดเกล้าผู้เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ครั้นยังวัยเยาว์ เนื่องจากลุงของเขาจับได้ว่าหลานตัวแสบนั้นถูกรีไทร์ไปได้หลายปีแล้ว เมื่อไม่ได้เรียนแทนที่มันจะกลับบ้านมาช่วยงาน หากแต่ไอ้หลานรักของตนเองก็เอาแต่ทำตัวสำมะเลเทเมาไปวันเว้นวัน เดือดร้อนผู้เป็นลุง จำต้องรีบเรียกตัวชายหนุ่มกลับเมืองไทยภายในสัปดาห์นั้นเป็นการด่วน
มือเรียวยาวเต็มไปด้วยเส้นเลือดสวยของจิรพัฒน์ เลื่อนไถฟีดคลิปจากแอปพลิเคชันต๊อก ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก คลิปที่ขึ้นฟีดหาใช่คลิปใครอื่น นอกจาก 'เดินดิน' นายแบบหน้าหวาน ผู้ได้รับฉายาว่า "ลูกชายคนสวยแห่งชาติ" ก็เพราะเจ้าตัวนั้นน่ารักน่าทะนุถนอมจนแอบเหมือนลูกชายของใครหลาย ๆ คน
เมื่อไถฟีดไปได้ไม่นาน อีเมลแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องงามของตน จิรพัฒน์หรี่ตาเหลือบมองมันเป็นเวลาเพียงไม่กี่อึดใจนัก นิ้วมือเรียวยาวกดลงช่องข้อความเพื่อกดเปิดอ่านสิ่งที่เด้งขึ้นมา มันคือข้อความแสดงความยินดีจากบริษัทน้ำดื่ม ซึ่งจอมไปเหมามาเกือบห้าหมื่นกว่าขวด ความคิดเพียงแค่หวังว่าจะได้เป็นหนึ่งในรายชื่อผู้โชคดี ผู้ที่จะได้ใกล้ชิดกับ 'เดินดิน' ดั่งเดินสวรรค์ พรีเซนเตอร์ของน้ำดื่มยี่ห้อนี้
และจิรพัฒน์คือผู้โชคดีหนึ่งในยี่สิบคนจริง ๆ เขาจะได้เข้าไปพูดคุยกับดั่งเดินสวรรค์ เมื่อได้อ่านข้อความทั้งหมดจบ จิรพัฒน์ก็โยนโทรศัพท์เครื่องสวยลงบนเตียงแล้วกระโดดไปมารอบห้อง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ถึงเวลาจะต้องไปช่วยงานของคุณลุงผู้เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวแล้ว
เจ้าจอมสวมรองเท้าแตะเดินออกจากบ้านหรูทรงยุโรปซึ่งตั้งอยู่กลางทุ่งนากว้าง ชายหนุ่มเริ่มเดินลัดเลาะไปตามทุ่งนา
ทางเดินทอดยาวเป็นเส้นเดียวไปสู่จุดหมาย รอบตัวเต็มไปด้วยต้นมะพร้าวน้ำหอม พวกมันขึ้นเด่นหราบดบังแสงแดดสิ้น จิรพัฒน์เดินเพียงไม่นานนักเขาก็พบกับบ้านสวนเรือนไทยหลังเก่าขนาดใหญ่
ทางเข้าเรือนไทย มีดอกไม้นานาชนิดกำลังพลิ้วไหวตามสายลมเบา มันร่วงโรยลงมาตกอยู่ตามพื้นดินลูกรังอันเป็นทางเส้นตรงสายยาวบังคับให้ผู้ใดที่มาเยือนต่างต้องเดินตามเส้นทางนี้เพื่อเข้าไปในตัวเรือนไทยโบราณหลังงามนั้น
เรือนไทยสมัยโบราณที่มีมายาวนาน ครั้นตั้งแต่ยุคสมัยรัชกาลที่ห้า บัดนี้ตัวไม้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งเรือน เนื่องจากอายุการใช้งานที่ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว
คราก่อนที่จะเหยียบย่างถึงตัวเรือนก็พลันได้เชยชมดอกลีลาวดีสวนดอกลีลาวดีด้านซ้ายมือกำลังส่งกลิ่นหอมกลีบดอกสีขาวร่วงโรยตามข้างทางมุ่งตรงสู่ตัวเรือนหลังงาม ร่างสูงของจิรพัฒน์เดินแกว่งเท้าผิวปากเข้ามาในอาณาเขตของเรือนไทยหลังนี้อย่างอารมณ์ดี
ป้ายไม้สักทองถูกเขียนด้วยอักขระไทยสมัยรัชกาลที่ห้าว่า 'ตำหนักสายหมอก'
ใช่แล้ว!...ที่นี่คืออาณาเขตของสิ่งลี้ลับ เป็นแหล่งรวมตัวของผู้มีวิชาอาคม ความพิศวงซึ่งชีวิตนี้อาจไม่เคยพบเจอ พวกมันล้วนรวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้
จิรพัฒน์เหลือบตามองรถหรูสองคันที่จอดอยู่หน้าตัวเรือน รถยนต์ลัมโบร์กินีตัวท็อปสีเหลืองอ่อน กับนิสสันจีทีอาร์สามสิบห้ารุ่นลิมิเตดอิดิชั่นสีขาวสวยกำลังจอดนิ่งสนิทอยู่ ไร้ซึ่งวี่แววเจ้าของรถยนต์ทั้งสองคัน ชายหนุ่มที่ไม่ได้กลับเมือฝไทยมานานถึงขั้นต้องรู้สึกแปลกใจ
"รถของลุงเหรอวะ?" เจ้าจอมครุ่นคิดกับตัวเอง
ร่างสูงหยุดยืนมองรถหรูได้ไม่นานเท่าไหร่นัก ขาคู่ยาวก็เดินมาหยุดอยู่หน้าเรือนไม้ขนาดใหญ่ หวังจะขึ้นตัวเรือนไทยหลังงามด้วยจุดหมายคือไปหาผู้เป็นลุงของตัวเอง
แต่ทว่าเมื่อเท้าของเจ้าจอมเหยียบลงบนพื้นบันไดไม้สีดำ เสียงเอี๊ยดอ๊าดก็ดังขึ้น จิรพัฒน์จึงใช้เท้าของตนกระแทกบันไดขั้นถัดไปเบา ๆ เพื่อดูว่ามันจะสามารถรองรับน้ำหนักของเขาได้หรือไม่
"พี่จอมจะพังเรือนของลุงนินรึไง?" เสียงเอ่ยถามปนขำดังขึ้น บนศีรษะของจิรพัฒน์
เจ้าจอมตอนนี้ยืนอยู่บันไดขั้นแรกของตัวเรือน เงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นตอของเสียงดังกล่าว แล้วเขาก็ได้พบว่าผู้มาใหม่ หาใช่ใครที่ไหน รุ่นน้องคนสนิทอย่าง 'เจ้าแดง' กำลังยืนกอดอกมองจิรพัฒน์ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ จนหน้าของมันบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์
"ตลกมากเหรอไอ้แดง!!" เจ้าจอมชักสีหน้าใส่อีกคน
"ไม่ตลกแล้วก็ได้ รับขึ้นมาเถอะลุงรออยู่นะ"
"เออ!!!" เขากระแทกเสียงใส่คนน้อง
จิรพัฒน์สะบัดหน้าแล้วรีบเดินกระแทกเท้าขึ้นตัวเรือนไทยหลังใหญ่ไป จากเสียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดในช่วงแรก มันแปรเปลี่ยนไปเป็นเสียงดัง ตึง ตึง ตึง ตามแรงกระแทกของฝ่าเท้าคนร่างบาง
ผู้ที่นั่งอยู่กลางโถงภายในตัวเรือนสี่คนถึงกับต้องรับหันกลับมามองเสียงครึกโครมที่เกิดขึ้น
"ไอ้จอม! พลานเงินกูไม่พอ เสือกจะมาพังเรือนกูอีก"
'ลุงนิน' เจ้าของตำหนักสายหมอก ผู้ปกครองและครอบครัวเพียงคนเดียวของจิรพัฒน์ ชายวัยกลางคนกำลังเอ่ยทักทายหลานของตัวเอง
"เหอะ!" จิรพัฒน์ไม่ได้ตอบอะไรกลับ เพียงแค่กระแทกเสียงในลำคอกลับไปเท่านั้น
คนหนุ่มเดินมาที่เก้าอี้ไม้มุมอับของห้องโถงแล้วนั่งด้วยท่าประจำตัว ท่านั่งชันเข่าหนึ่งข้างบนเก้าอี้พร้อมกับมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา แน่นอนว่ามันเป็นภาพซึ่งไร้สิ้นมารยาทของความเป็นผู้รากมากดีสุด ๆ
ห้องโถงที่เต็มไปด้วยเทวรูปแปลกประหลาด ไร้ซึ่งองค์พระพุทธรูป ลูกแก้วหลากสีปรากฏอยู่หน้าโต๊ะทำนาย ไพ่ยิปซีกระจัดกระจายอยู่เต็มทางเดิน จอมสะบัดหัวเบา ๆ คนหนุ่มหันไปเอ็ด เจ้าแดงรุ่นน้องของตนที่ไม่ยอมเก็บเรือนให้เรียบร้อย
ชายเจ้าของร่างสูงราวร้อยแปดสิบสองเซนติเมตร ใบหน้าคมผิวขาวจัด กำลังตบไหล่ของชายผิวสองสีผู้มีส่วนสูงใกล้เคียงกันที่นั่งอยู่ข้างตนอย่างเบามือ ทั้งคู่มีใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยจะเน้นไปทางหล่อเหลาเสียมากกว่าน่ารักอีกกระมั้ง
จิรพัฒน์กำลังเพ่งทุกสิ่งมองเพื่อประเมินสถานการณ์
ส่วนอีกคนซึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างเป็นชายที่รูปร่างประมาณเขา อีกฝ่ายน่าจะสูงกว่า และชายคนนั้นมีใบหน้าที่หวานแต่ทว่าบางครั้งก็ออกแนวหล่อคมเนื่องจากเขามี Foxeye เป็นของตัวเอง แต่มันก็เป็นเฉพาะเวลาเจ้าตัวไม่ยิ้มล่ะน่ะ
ถ้าเทียบกันแล้วคนสุดท้ายดูท่าทางจะดูดีที่สุดในกลุ่ม สำหรับในความคิดของจิรพัฒน์ที่กำลังนั่งมองอยู่ตอนนี้
ทั้งสามพูดคุยอยู่กับคุณลุงของเจ้าจอมด้วยใบหน้าจริงจัง จนคนร่างบางไม่กล้าเข้าไปขัดระหว่างที่พวกเขาสนทนากัน จิรพัฒน์สามารถจับใจความได้ว่าชายคนแรกที่ตบบ่าเพื่อนคือ 'พันวา' เป็นเพื่อนสนิทของคนซึ่งโดนตบบ่า เนื่องจากอีกคนกำลังอยู่ในสภาวะไม่ปกติเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังโดนของ
ส่วนคนที่ถูกตบบ่านั้นมีชื่อว่า 'เสือป่า' รายนี้โดนของมาเนื่องจากทำธุรกิจเปิดผับเปิดบาร์น่าจะไปขัดขาคู่แข่งเข้า และคนสุดท้าย คนที่มีใบหน้าถูกจริตเจ้าจอมยิ่งนัก ฟังไปฟังมาแล้วดูท่าจะเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวที่ลุงนินรับเข้ามาเมื่อไม่นานนี้ ทายาทหมื่นล้านแห่งตระกูล 'รมยกรรวิศ' ที่มีนามว่า 'ราชา' แน่นอนว่าทั้งสามเป็นเพื่อนกัน
"แดง!" เสียงแหบพร่าทรงอำนาจของลุงนินเรียกแดงซึ่งตอนนี้กำลังนั่งอยู่ด้านข้างของเจ้าจอม
"ครับอาจารย์?"
"พาคุณเสือป่าและคุณพันว่าไปรอที่เรือนเล็ก เราจะถอนของ"
"ส่วนราชามึงอยู่คุยกับกูก่อน" ราชรณวรพยักหน้ารับเบา ๆ เมื่อได้ยินคำสั่งจากลุงนิน
เนื่องจากแดงพาพันวาพร้อมกับเสือป่าเดินออกไปแล้ว ภายในห้องโถงจึงเหลือเพียงจิรพัฒน์ผู้เป็นหลานและราชรณวรศิษย์เพียงคนเดียวของตำหนักสายหมอกรวมไปถึงลุงนินเจ้าของตำหนักเรือนไม้โบราณซึ่งมีอายุยาวนานนับหลายร้อยปีแห่งนี้
เรือนไทยหลังใหญ่ที่หน้าต่างไม้ถูกเปิดออกแทบจะทุกบาน บัดนี้ราวกับมีลมพิสดารพัดวนมายันตัวเรือนสวย หน้าต่างทุกบานถูกปิดลงด้วยกระแสลมจากธรรมชาติ
ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง!
จิรพัฒน์ที่เจอเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่เยาว์วัย หยิบบุหรี่มวนเล็กขึ้นมาจุดสูบเบา ๆ สายตาเหลือบมองรอบห้องโถงเช่นเดียวกับราชา ดูแล้วหนุ่มหล่อคนนี้คงจะเจนสนามในเรื่องเร้นลับพอตัว
ควันบุหรี่สีขาวพวยพุ่งออกมาจากปากสวยของเจ้าจอม ราชา ราชรณวรหันมาสบตาคนซึ่งอยู่ด้านหลังของตน ตาโฉบเฉี่ยวของเขาก็พลันกระตุกวูบ และเมื่อจิรพัฒน์มองไปยังใบหน้าผู้เป็นลุงก็พบเพียงว่ารายนั้นนั่งยิ้มหวานตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ดอกลีลาวดีเริ่มร่วงโรยลงมาโดนศีรษะของจอมดอกแล้วดอกเล่า เพียงแต่ดอกใดที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มจากที่ส่งกลิ่นหอม มันก็พลันส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล ชวนอาเจียนได้ ณ เวลานั้น
ทว่าความแปลกประหลาดอันเกิดขึ้นในตัวเรือนไทยหลังงามนี้ก็คือมันไม่มีดอกลีลาวดี! และบนศีรษะจิรพัฒน์ตอนนี้นอกจากหลังคาของตัวเรือนสวย มันจะหามีดอกลีลาวดีมาจากที่ใดกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ฟันกรามของจิรพัฒน์ขบกันแน่น เขาพยายามหักห้ามอารมณ์ฉุนเฉียวของตนอย่างสุดความสามารถ
"ดอกลีลาวดีอีกแล้ว..." ราชาพึมพำ
ราชาไม่ถูกกับดอกลีลาวดีมาก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ เพียงแค่เห็นแล้วชายหนุ่มรู้สึกไม่ดีเสียมากกว่ารู้สึกยินดีที่จะเชยชมหรือดอมดมกลิ่นหอมของมัน
เจ้าจอมเงยหน้ามองด้านบนศีรษะของตน ในขณะที่ริมฝีปากสวยยังคงคาบบุหรี่ เมื่อสายตาโฟกัสถูกจุดบุหรี่นอกมวนเล็กก็ถูกจับออกมาจากปาก เขาออกแรงขยี้มันเข้ากับที่เขี่ยบุหรี่แก้วซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างตัวเอง
"ยืนค้ำหัวกูเลยนะ" เสียงนุ่มทุ้มเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากจิรพัฒน์
ร่างสูงของหญิงสาวผมยาว สภาพคอเอียงซ้ายทำมุมเกือบเก้าสิบองศา เผยให้เห็นช่วงกระดูกที่โผล่ออกมาจากรอยขาดอันเกิดอยู่บริเวณที่คอถูกพับนั้น คล้ายว่าโดนบันศีรษะมาแต่ไม่สะบันดี
ชุดไทยสมัยโบราณเก่าซีด มาพร้อมกับรอยเฆี่ยนตามตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างชัดแจ้งว่าอีกฝ่ายพบเจออะไรมา มันกำลังอ้าปากพะงาบพึมพำสองสามทีอยู่บนหัวของจิรพัฒน์ ในทุกครั้งที่เจ้าหล่อนพยายามเปล่งเสียงก็จะมีดอกลีลาวดีร่วงโรยลงมาจากปาก แต่ทว่าเมื่อดอกไม้ดังกล่าวสัมผัสโดนตัวจอมมันกลับเน่าส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณแทนเสียนี่
มือเรียวบางของเจ้าจอมคว้ากริชไม้โบราณ ซึ่งวางอยู่บนพานสีทองสวย ข้าง ๆ กับที่เขี่ยบุหรี่ออกมา เขาใช้มันกรีดลงนิ้วยาวของตนเองเล็กน้อย สิ่งศักดิ์สิทธิ์สายดำมันชอบกินเลือดกินเนื้อเจ้าของอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่ากริชสวยเปื้อนเลือดตัวเองเรียบร้อย จิรพัฒน์พลันตวัดมันไปลงไปยังพื้นไม้สีดำเงาของตัวเรือนไทยอย่างหงุดหงิด
ทันทีที่กริชขนาดเล็กเสียบลงบนพื้นไม้อายุหลายร้อยปี เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นบนศีรษะเจ้าจอมแทนการอ้าประพะงาบ ๆ ในขณะที่วิญญาณของหญิงสาวผู้มาพร้อมดอกลีลาวดีพลันหายไปด้วย
กริชถูกดึงออกมาจากพื้นแล้วโยนลงที่พานทองเช่นเดิม ไม่นานนักจิรพัฒน์ก็ต้องหยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นมาสูบ
"ไอ้จอม ของมันช่วยชีวิตมึง มึงยังไม่รู้จักทะนุถนอมมัน”
“ระวังเถอะวะ! สักวันมันจะกลืนกินมึงทั้งเป็น" ลุงนินเอ่ยเตือนหลานรัก
"ถ้ามันกล้าก็ให้มันทำ จอมจะจับมันถ่วงน้ำสักสามสี่ชาติ ลุงนินว่าดีไหม?"
น้ำเสียงกวนประสาทพร้อมกับควันบุหรี่ที่พวยพุ่งออกมาจากปาก สร้างความเอือมระอาให้ลุงนินเป็นอย่างมาก แม้แต่ราชาผู้มาใหม่ยังรู้สึกไม่ชอบใจกับท่าทางของอีกฝ่ายอยู่พอสมควร
จิรพัฒน์และราชาถูกสั่งให้มาเก็บกวาดห้องเก็บคัมภีร์ ตำราโบราณ ภายในเรือนไทยหลังงาม ส่วนลุงนินนั้นได้ลงไปยันเรือนเล็กเพื่อถอนของให้ลูกศิษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในตัวเรือนใหญ่จึงเหลือแค่ราชรณวรกับคนน้องอย่างเจ้าจอมเท่านั้น"รีบไปเก็บเถอะ กูจะได้กลับไปนอน" จิรพัฒน์เอ่ยปากบอกอีกคน"อืม" ราชรณวรพยักหน้ารับคำแม้จะรู้ว่าเจ้าจอมอายุน้อยกว่าตน แต่ราชาก็ไม่ใช่คนซีเรียส หากคนน้องไม่อยากเรียกเขาว่าพี่ ใยเล่าเขาจะไปบังคับอีกฝ่ายได้เมื่อยามที่พวกเขาเข้ามาถึงห้องเก็บคัมภีร์ คนทั้งคู่ก็ช่วยกันเก็บของให้เป็นระเบียบ ในคราแรกที่รู้จักมีการพูดคุยกันบ้าง ไปมากลับพูดคุยถูกคอกันเสียอย่างงั้น"ราชา""ว่าไงมึง?"เจ้าจอมไม่ได้พูดเพราะกับราชา แน่นอนว่าเขาเองก็พูดไม่เพราะกับอีกคนเช่นกัน"มึงว่าในห้องนี้จะมีของน่าสนใจไหม?" จิรพัฒน์ถามราชรณวรด้วยใบหน้าทะเล้น"มึงอย่าแย่ไอ้จอม!" ราชาดุคนตัวเล็กแต่จินพัฒน์หาฟังไม่ จากที่จะเก็บตำราโบราณ กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายรื้อมันออกมาอ่านเล่มแล้วเล่มเล่าแทน ราชรณวรถอนหายใจแล้วรอให้อีกฝ่ายรื้อออกมาอ่านเสร็จ เขาค่อยเก็บยังจะดีเสียกว่า เหตุการณ์ ณ ปัจจุบันจึงกลับกลายเป็นว่าคนพี่นั่
เพนท์เฮ้าส์สุดหรูย่านปริมณฑล ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของบรรดานายแบบตัวท็อปในสังกัด YEhwazi (เยฮวาซี) บัดนี้ถูกปิดไฟ เกือบมืดสนิททั้งหลัง เพราะเจ้าของบ้านไปทำงานที่ต่างประเทศกันเกือบหมด เหลือเพียง 'เดินดิน' นายแบบตัวท็อปของเยฮวาซี ผู้ที่มีใบหน้าสวยหวาน ดั่งเดินสวรรค์กำลังนั่งดูทีวีอยู่ใจกลางห้องโถงของเพนท์เฮ้าส์หรูเดินดินใช้นิ้วเรียวจิ้มโทรศัพท์มือถือเครื่องสวยเพื่อเปิดดูข้อความที่เด้งเข้ามาเรื่อย ๆ อย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่าย ๆสายตาจดจ้องข้อความที่ถูกส่งรัว ๆ เข้ามาในช่องแชทหาใช่ของใครอื่น มันเป็นข้อความจากแม่เลี้ยงของเขานั้นเองเมื่อเดินดินอ่านมันจบก็พบว่าเป็นข้อความขอเงินจากอีกฝ่ายเช่นเคย มันเป็นเหตุการณ์เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา แอปพลิเคชันธนาคารภายในตัวเครื่องถูกเปิดขึ้นเพื่อตรวจสอบยอดเงินทั้งหมด เด็กหนุ่มถอนหายใจเบา เมื่อเห็นว่ายอดทั้งหมดในบัญชีมีเพียงหนึ่งหมื่นสามพันบาทเท่านั้นเงินจำนวนหนึ่งหมื่นสามพันบาทถูกโอนไปให้มารดา ด้วยความรีบเร่งตามการส่งข้อความแชทถี่รัวของอีกฝ่าย เพราะเกรงว่าเธอจะทนไม่ไหวเสียก่อน เมื่อทำธุรกรรมทางการเงินเสร็จช่องแชทก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง'โอนไปแล้วมันค
บทที่ 5 “ร่างของคนอื่น” เขียนโดย : รสผลไม้09:45 นาฬิกาแปลก...วันนี้แปลกมาก จิรพัฒน์มั่นใจว่าช่วงเวลานี้มันน่าจะต้องเป็นช่วงสายของวันแล้วแน่ ๆ แต่ทำไมไม่มีใครมาปลุกเขาไปใส่บาตรละ?เจ้าจอมหรี่ตาขึ้นเพื่อมองนาฬิกาตรงมุมหัวเตียงสวย แต่ก็ต้องแปลกใจกว่าเดิมเมื่อภาพตรงหน้าแปรเปลี่ยนไปภาพของห้องนอนที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาและยานอนหลับที่วางอยู่ข้างหมอนสูงที่เขาหนุน ไม่ปกติ โคตรจะไม่ปกติเลย!จอมรีบยันตัวขึ้นนั่ง สายตาโฟกัสปรับแสงเพื่อมองสำรวจรอบห้องนอน ยิ่งหันไปเห็นกรอบรูปขนาดใหญ่ที่มีรูปเดินดินคนสวยแขวนอยู่สร้างความงุนงงให้จิรพัฒน์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก"กูคงฝันแหละ...ก็บ้าแล้ว!" ประโยคแรกเขาพึมพำกับตนเอง ส่วนในประโยคถัดมาคือตอนนี้เขาได้รับรู้ว่าสิ่งที่คิดและไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมันกำลังจะเป็นความจริงเจ้าจอมรีบดีดตัวพุ่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้งสีขาวสวย และสิ่งที่เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นที่สุด ยินดีด้วยมันได้เป็นความจริงแล้วจิรพัฒน์ตอนนี้กำลังอยู่ในร่างของเดินดิน!เจ้าจอมในร่างของดั่งเดินสวรรค์ซึ่งตอนนี้เขาสวมชุดนอนน่ารักเป็นผ้าซาตินตัวบาง จิรพัฒน์รีบเดินออกมานอกห้องนอนเจ้าของร่างนี้อย่างรวดเร็
บทที่ 6 “ตำหนักสายหมอก”เขียนโดย : รสผลไม้เจ้าจอมมองหน้าคนสองคนที่นั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้าม โดยพระเพลิงกำลังนั่งจิ้มมือถือ ส่วนอาร์ก้านั่งจิบกาแฟ จิรพัฒน์จึงเลือกที่จะถามอาร์ก้า เพราะเห็นว่าเพลิงอัคคีกำลังขมวดคิ้วกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่"อาร์ก้า…""ว่าไงดิน""กู…เราเก็บกุญแจรถไว้ไหนอะ?""กุญแจรถ?" อีกฝ่ายทำหน้าฉงนแล้วทวนคำถามกับคนตัวเล็ก"ใช่ ๆ กุญแจรถของเรานะ""ดินไม่สบายรึเปล่า? ดินไม่มีรถนะครับ ดินไม่เคยซื้อรถ" อาร์ก้าอธิบายเจ้าจอมเลิกคิ้วสูง ในหัวเดือดปุด ๆ อะไรคือไม่เคยซื้อรถ? เงินที่หามาได้มันไปไหนหมด? โฆษณาแต่ละตัวได้เป็นแสนเป็นล้านโอ๊ย!หงุดหงิดโว้ย จิรพัฒน์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ทีวีแอลอีดีขนาดใหญ่ ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นมาถีบมันหล่นลงพื้น ทีวีร่วงหล่นตามแรงกระแทกอย่างรุนแรงด้วยอารมณ์ที่โมโหกับสถานการณ์อันไม่เป็นดั่งใจหวัง ยังต้องมาเจอวิญญาณปัญญาอ่อนห้อยขาต่องแต่งอยู่ขอบทีวี มันทำให้หมอผีปากแซ่บอย่างจอมหัวร้อนแบบเขาอยากจะจับไอ้ผีตนนี้ลงหม้อดินให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อลดอารมณ์ความหงุดหงิดลงบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี~โครม~เสียงทีวีที่หล่นลงพื้นกระเบื้องสีขาว
บทที่ 7"ดอกลีลาวดี"เขียนโดย : รสผลไม้~ กลิ่นหอมที่ยาวนาน ตราบเท่านิรันดร์กาล ใจหวั่นไหว การพบรัก ต้องเคียงคู่ข้างกาย ท้ายที่สุดต้องจากกันและล้ำลา มันคือโชคชะตาที่ฟ้ากำหนดให้เรามาไม่เท่ากัน ~ณ ตำหนักสายหมอกราชาเหลือบตามองลัมโบร์กินีสีแดงสดที่ขับพุ่งออกมาจากตำหนัก เขาจำได้ดีว่ามันคือรถของพระเพลิง แล้วเพลิงอัคคีมาทำอะไรที่นี่ละ? หรือคนในนั้นไม่ใช่เพลิงเพื่อนของเขาเมื่อรถลัมโบร์กินีสีเหลืองสดของเขาจอดเข้ามาเทียบท่าลานกว้างภายในตัวเรือนไทยหลังงาม ก็พบกับนิสสันจีทีอาร์สามสิบห้าสีดำคันสวยและดูคาติอีกสองคันประกบข้างสภาพของรถและต้องมีบอดี้การ์ดประกบข้างแบบนี้ ทั้งประเทศเกรงว่าจะมีคนเดียวกระมั้ง ราชรณวรรีบจอดรถทันที ชายหนุ่มรีบก้าวลงมาจากรถหรูเช่นกันกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ของเขาร่างของเจ้าจอมที่บัดนี้เดินดินเป็นผู้ครอบครอง ก็ได้เดินลงมาพร้อมกันกับราชา แต่ดั่งเดินสวรรค์กลับชะงักค้างเมื่อเห็นเมืองเหนือสุวภัทน์ซึ่งยืนลูบริมฝีปากของตนเองอยู่คนตัวเล็กรีบถอยเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของราชาทันที ราชรณวรเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น"น้องจอม ไปรอพี่อยู่ที่บ้านเล็กของจอมก่อน
ตอนที่ 8 “กลางคืน"เขียนโดย : รสผลไม้ตัวของจิรพัฒน์ที่ขับรถมาถึงเพนส์เฮ้าท์หรูได้ไม่เพียงกี่นาที ชายหนุ่มไม่ยอมลงจากรถยนต์หากแต่เพียงนั่งกัดนิ้วตัวเองอย่างครุ่นคิดอยู่ภายในรถ พร้อมกับลอบมองถุงเงินสดและตำราโบราณที่หยิบติดมือมาด้วย ก่อนอื่นคืนนี้เขาคงต้องจัดการกับของต่ำที่อยู่ในทีวีดิจิตอลจอยักษ์เฮงซวยอันนั้นเป็นอย่างแรกเลย ไม่งั้นจอมคงนอนไม่หลับแน่เมื่อคิดได้เช่นนั้นจิรพัฒน์ในร่างของดั่งเดินสวรรค์ก็ลงจากรถหรูพร้อมกับถุงเงินที่มีไม่ต่ำกว่าสิบล้าน เมื่อเท้าเหยียบถึงธรณีดินของเขตตัวบ้าน จิรพัฒน์ก็ต้องหันไปมองรอบเพนส์เฮาท์อีกครั้ง...ไม่มีเจ้าที ไม่มีศาล ไม่มีอะไรเลยสมควรแล้วที่มีของวิญญาณแปลก ๆ เข้ามาอยู่ในตัวบ้าน ชายหนุ่มสะบัดศีรษะเดินหลบไปในบ้านหรู เมื่อเข้ามาถึงตัวห้องโถงเจ้าจอมก็เหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาภายในโถงดังกล่าว นายแบบแถวหน้าของบริษัท เยฮวาซีกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ตรงนี้ 'อาร์ก้า' และ 'เทมเปอร์' กำลังเปิดโน๊ตบุ๊คดูรายการสอนทำอาหารส่วน 'เจย์แลนด์' นอนหลับอยู่ที่โซฟาอีกตัว และแน่นอนว่า 'พระเพลิง' กำลังมองเขาอยู่ จิรพัฒน์ถอนหายใจแล้วเดินเอากุญแจรถหรูไปคืนให้รุ่นพี่ กุญแจถู
ตอนที่ 9 "พิธีกรรม"เขียนโดย : รสผลไม้แสงแดดสาดส่องเข้ามาในหน้าตาชนิดกระจก มันทแยงตาคนตัวเล็กที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ จิรพัฒน์กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสายตามองภาพตรงหน้า เมื่อหาจุดโฟกัสได้แล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขายังคงอยู่ในร่างของดั่งเดินสวรรค์ นายแบบคนสวย ทุกอย่างหาใช่แค่ฝันไป...เป็นเวลาราวช่วงบ่าย ดั่งเดินสวรรค์ที่วิญญาณด้านในคือจิรพัฒน์ เดินเท้าเปล่าออกมาจากห้องนอนที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาหมี เมื่อคืนตอนที่ราชากล่อมก็หลับดีอยู่หรอก แต่พออีกคนส่งเขาเข้าห้องนอนและหนีกลับตำหนักสายหมอกไป เจ้าจอมรู้สึกเหมือนว่าตนเองนอนหลับนะ แต่มันไม่ค่อยสบายตัวเหมือนตอนที่คนพี่กล่อมเขาเลยนะสิโทรศัพท์มือถือถูกกดเปิดหน้าจอเพื่ออ่านข้อความที่เด้งเข้ามารัว ๆ จิรพัฒน์พบว่าเช้านี้เป็นเช้าที่ไม่สดใสไปแล้วอีกหนึ่งวัน เพราะว่าข้อความที่เข้ามาในช่องแชทเป็นข้อความจากมารดาของดั่งเดินสวรรค์ ข้อความแบบเดิม ๆ ไม่มีอะไรแตกต่าง มันเป็นเพียงข้อความขอเงินจากคนน้องเท่านั้น"นี่เขาไม่รู้จักทำมาหากินรึไงวะ"เจ้าจอมยืนอ่านข้อความอยู่หน้าประตูห้องแล้วสถบด่า โทรศัพท์เครื่องสวยถูกปาไปยังโซฟาหนังสีแดงกลา
บทที่ 10 “เปลี่ยนที่นอน” เขียนโดย : รสผลไม้ลัมโบร์กินี่หรูสองคัน เหยียบคันเร่งตามกันบนถนนสาธารณะชนิดที่ไม่มีใครยอมใครเพลิงอัคคีที่เป็นอดีตนักแข่งเฉกเช่นราชา รีบขับรถตามอีกฝ่ายเกรงว่าหากช้าไปเพียงนิดอาจจะคลาดกัน ถนนมอเตอร์เวย์สายหลักถูกครอบครองด้วยความเร็วของรถยนต์ทั้งคู่จุดหมายปลายทางของลัมโบร์กินีสีแดงและสีเหลืองสด แปรเปลี่ยนสนามแข่งรถของเจ้าจักรหนึ่งในหุ้นส่วนทางธุรกิจของราชรณวรและเป็นถึงพี่ชายคนสนิทของเพลิงอัคคี หากพระเพลิงจะไปบ้านของราชาในตอนนี้เกรงว่าจะไม่ดีเท่าไหร่ เพราะบ้านของเขาไม่ต่างไปจากตำหนักสายหมอกนักหรอก บัดนี้เป็นเวลาราวเก้าโมงเช้าเพราะว่ามันเช้ามาก ในสนามจึงไม่มีผู้คนมากมายนักสนามแข่งรถระดับประเทศ เป็นแหล่งรวมของคนมีอันจะกิน หรือเงินเหลือใช้บ้าง สายตาหลายคู่จับจ้องมายังรถหรูสองคัน รถที่ทุกคนในสนามคุ้นตาเป็นอย่างดีพระเพลิง อดีตมือขวาคนสนิทของเฮียจักร เพลิงเป็นถึงเจ้าของสนามและนักแข่งเบอร์ต้น ๆ ของประเทศ แต่อีกฝ่ายอำลาวงการไปเป็นนายแบบ พักหลังการจะได้เจอเพลิงอัคคีในสนามแข่งนั้น ยากกว่าขอให้ถูกลอตเตอรี่เสียอีกกระมั้ง ส่วนราชาไม่ต้องพูดถึงเลยราชรณวร ว่าที่ผู้สืบท
ตอนที่ 46“Saturn”ดั่งดาวที่อยู่เคียงเดือน ดั่งดวงอาทิตย์ที่อยู่เคียงคู่โลก ดังอากาศที่ลอยอยู่ตามท้องนภา ดังเวลาที่ไม่มีวันหยุดเดิน.ความรักของเมืองเหนือที่มอบให้จิรพัฒน์ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย.กลับกันแล้ว...ความรักของเจ้าจอมที่มอบให้สุวภัทน์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้เวลาจะเวียนไหว้หมุนวนไปหลายร้อยภพก็ตามแต่.ดอกกุหลาบถูกจัดเรียงใส่แจกันสวยด้วยมือเรียวของอดีตหมอผีหนุ่มอย่างจิรพัฒน์ ในขณะที่ราชานั่งมองน้องคนสนิททำกิจกรรมดังกล่าวด้วยความเอ็นดูบัดนี้เจ้าของรัตติกาลจันทร์อัปสรเปลี่ยนมือเป็นราชรณวรแล้ว ส่วนลุงนินนั้นปลีกวิเวกเน้นทางธรรม เข้าป่าฝ่าดงละทางโลก ตำหนักสายหมอกจึงมีเพียงราชรณวรและจิรพัฒน์ที่คอยดูแล และมีดั่งเดินสวรรค์แวะเวียนมาหาบ้างเป็นครั้งคราว เช่นเดียวกับเมืองเหนือและคนอื่น ๆณ สุสานอี้ฟางศพของสุวนีย์แม่เลี้ยงของเดินดินถูกฝังไว้ที่สุสานแห่งใหญ่ของประเทศ ด้วยความเคารพอันน้อยนิดที่เดินดินมีให้อีกฝ่ายซึ่งครั้งหนึ่งเคยเลี้ยงดูปูเสื่อดั่งเดินสวรรค์มาอย่างดีดอกลิลลี่สีขาวถูกวางลงหน้าสุสานเป็นการทำความเคารพบุพการีไม่แท้ด้วยความนอบน้อมแม้ว่าอีกฝ่ายจะประพฤติปฏิบัติตนไม่ด
ตอนที่ 45“เรียกพี่เหนือสิครับคนดี”ภายในห้องนอนของจิรพัฒน์ ดอกกุหลาบช่องามถูกวางไว้ข้างเตียง มือซึ่งขึ้นเส้นเลือดนิดหน่อยของจิรพัฒน์ จับช่อดอกไม้เบา ๆ ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ หากแต่เมื่อได้รับมักรู้สึกพิเศษเสมอเตียงยุบลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าสุวภัทน์เดินมาหา เจ้าจอมจึงละสายตาจากช่อดอกไม้และหันมาหาคนพี่แทน"สวยไหมคะ?"คะขา? คะขา? คะขา?"สวยครับ""พี่คิดไว้แล้วว่าจอมต้องชอบดอกไม้..."ดอกไม้ที่ว่ามันแปลว่าดอกไม้จริง ๆ ใช่ไหม?มือหนาค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปสัมผัสใบหน้าของจิรพัฒน์ราวกับต้องการสำรวจความเพอร์เฟกต์ของใบหน้าคมซ่อนหวานตรงหน้าปลายนิ้วไล่เกลี่ยริมฝีปากของเจ้าจอมไปมาคล้ายกับต้องการสัมผัสมันอยู่อย่างนั้น เมืองเหนือขบกรามแน่นกับภาพตรงหน้าที่เห็นเมื่อเจ้าจอมใช้ปากของตนรับเอาก้านนิ้วของเขาเข้าไปลิ้มรส ลิ้นเรียวตวัดชิมก้านนิ้วเหมือนทานไอศกรีมแท่งเล็กก็ไม่ต่าง น้ำสีใสไหลเยิ้มออกมาจากมุมปากของจิรพัฒน์ก่อนที่อีกฝ่ายจะใช้สายตาออดอ้อนเหลือบมองมาที่คนพี่ ภาพตรงหน้ามันช่างตราตรึงในใจของสุวภัทน์ยิ่ง"อืมมมม~"[MuangNuea Talk]ผมว่า...ผมไม่เคยต้านทานตัวตนของเจ้าจอมได้เลยสักครั้งผมหมายถึง...ตัวตนในมุมน
ตอนที่ 44“เพลิงอัคคี”พิธีกรรมเสร็จสิ้นพร้อมกับหยดเลือดของสาปอักษรที่หยดลงสู่พานเป็นหยดสุดท้าย ที่จิรพัฒน์และราชาเคยสงสัยบัดนี้คงได้คำตอบแล้ว สาเหตุที่ว่าเสือป่าเก็บเลือดตัวเองไว้ในตู้เย็นของสนามแข่งทำไม เหตุก็เพราะเลือดของเขาสามารถอัญเชิญวิญญาณได้ และผู้ที่ใช้มันคือเจตตินทร์ เทพสงครามผู้มากบารมี"เสร็จแล้ว"เสียงของผู้อาวุโสเอ่ยกล่าว ท่ามกลางความโล่งใจของทุกฝ่ายเมื่อทุกอย่างจบสิ้นลง ทั้งหมดจึงแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง ทิ้งไว้เพียงราชาและเดินดินอยู่ที่ตำหนักสายหมอกเท่านั้นด้านจิรพัฒน์และลุงนิน ยืนมองวิญญาณของช่อลดาที่อยู่สวนลีลาวดีโดยไม่ได้พูดกล่าวอะไรออกไป หากแต่เป็นอีกฝ่ายที่เอ่ยพูดแทน"โชคดีนะลูก ขอบคุณนะที่เกิดมาบนโลกใบนี้...""...""พี่นิน ช่อจะขึ้นไปอยู่บนนู้นแล้วนะ""สะเหล่อทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขึ้นไปอยู่บนนั้นอะไรของมึงล่ะ""พี่นินจ๊ะ...""รู้ทั้งรู้ว่าวิญญาณจะดับสลายก็ยังจะเสือกไปแลกเปลี่ยนกับทวยเทพ" ลุงนินสุดจะทนกับความคิดของช่อลดาน้องสาวตนเหลือเกินเพียงเพราะเจ้าจอมของเมืองเหนือแล้วไม่สมหวังหรือถึงขั้นต้องยอมแลกเปลี่ยนวิญญาณของตนเพื่อให้ลูกตัวเองสมหวังในความรัก ช่างสิ้
ตอนที่ 43“ON THE FLOOR”รถยนต์คันงามเข้าเส้นชัยไปได้อย่างรวดเร็ว สมฉายานักแข่งไร้พ่ายประจำสนาม ท่ามกลางความยินดีของกองเชียร์ ในขณะที่ดั่งเดินสวรรค์กระโดดขึ้นยืนปรบมือด้วยความดีใจ เหมือนไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนแชมเปญถูกแจกจ่ายให้ผู้ได้รับชัยชนะสามอันดับแรก เพลิงอัคคีมองไปที่ดั่งเดินสวรรค์ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยอมรับว่าไม่เคยเห็นคนน้องมีความสุขและสดใสมากขนาดนี้มาก่อน เพลิงรู้สึกเหมือนปล่อยวางเรื่องเดินดินได้เกือบครึ่งหนึ่ง อย่างไรเสียเขาก็เป็นห่วงดั่งเดินสวรรค์เหมือนคนในครอบครัวด้วยใจจริงณ ตำหนักสายหมอกเจ้าของตำหนักเดินขึ้นเรือนไม้หลังงามไปด้วยความใจเย็นลุงนินกลับมาแล้ว.....จิรพัฒน์ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่บ้านหรูสไตล์ยุโรปของตนรีบทิ้งสายยางในมือและวิ่งไปหาผู้เป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของตนทันที"ลุง!!""มึงจะตะโกนทำไม""ลุงหายไปไหนมา?""..."เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดให้จิรพัฒน์ได้รับรู้ เจ้าจอมนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ยืนขึ้นและก้าวลงจากตำหนักไป โทรศัพท์ถูกหยิบยกขึ้นมาต่อสายหาราชรณวรโดยลุงนินด้วยความรู้สึกหลากหลายเพียงไม่นานนักราชาก็เดินทางมาถึงตำหนักส
ตอนที่ 42“ความจริงจากลุงนินและการจากไปของเหมันต์”เมื่อกลับมาถึงบ้านหลังเล็กในป่าลึกของตัวเอง เหมันต์ก็จัดการกวาดของทุกอย่างลงบนพื้นของบ้านทันที น้ำตาหลั่งรินไหลอาบแก้มคู่งาม ชายหนุ่มผิวสองสีใบหน้าคมพยายามกักเก็บอารมณ์ไว้แต่คราแรกบัดนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่ เหมันต์ยกมือหนาขึ้นมาปิดบังใบหน้าตน ซึ่งยามนี้น้ำตาไหลไม่มีท่าว่าจะหยุดได้เลยแม้แต่น้อยฮึก ฮึก ฮึก~เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องจัดแข่งกับเสียงสะอื้นของหมอผีหนุ่ม การรอคอยของเขามันไร้ค่าสิ้นดี อยู่ไปก็เหมือนคนที่ตกนรกทั้งเป็น สู้ตกตายไปเสียยังจะดีกว่า ไม่น่าเลย...ไม่น่าพาเจ้าจอมมาทำอะไรแบบนี้เลย สุดท้ายแล้วผลกรรมทั้งหมดก็ตกแด่เขา ผู้เป็นดั่งคนคอยเปิดประตูสู่ความเลวทรามในใจของจิรพัฒน์ไซยาไนด์ชนิดไร้สีสันถูกนำมาผสมน้ำเปล่าหวังดื่มเพื่อจบชีวิตตน มือเรียวยาวลูบไล้ขอบแก้วน้ำสีใสไปมา เหมันต์มีความคิดจะจบชีวิตอยู่หลายครา แน่นอนว่าทุกครั้งที่เจ้าตัวปลิดชีพผู้อื่น เขาคิดตลอด คิดมาตลอด เพียงแต่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ในการรอคอยจิรพัฒน์มันทำให้เขาไม่กล้าตัดสินใจเดิมทีเหมันต์นั้นเป็นคนจิตใจดี แต่ด้วยงานที่ทำอาจจะดูเลวทรามไปบ้าง แต่อย่างไรเสียเขาก็มีความร
ตอนที่ 41“ความสัมพันธ์กับเมืองเหนือ”"กูฝากดูหน่อย" ราชาเอ่ยพูดกับเมืองเหนือด้วยใบหน้ากังวลใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"แล้วทำไมมึงต้องพูดตัดความสัมพันธ์ขนาดนั้นด้วยวะ?""เหนือ...กูรู้นะว่ามึงชอบจอม มึงรับได้เหรอถ้ากูกับจอมยังเป็นแบบนี้อยู่""ไม่" เมืองเหนือรีบสั่นศีรษะปฏิเสธทันที"เห็นไหม มึงหวงเจ้าจอมจะตาย กูถึงต้องตัดความสัมพันธ์นี้ไง กูต้องขีดเส้นให้ชัดเจน""ทั้งหมดที่ทำไปอาจจะดูใจร้ายไปบ้าง แต่เพราะกูชอบน้องดิน ถ้ายังไม่ชัดเจนเรื่องจอมอยู่แบบนี้ เดินดินจะรู้สึกยังไงวะ?" ราชาพูดต่อเมืองเหนือเคยแอบสงสัยอยู่บ้างว่าราชรณวรนั้นชอบดั่งเดินสวรรค์ เพียงแต่ไม่กล้าฟันธง เพราะเพื่อนเขาคนนี้เป็นพวกชอบใจดีกับคนอื่นไปทั่ว ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจอยู่พอควรที่ราชายอมบอกกับเขาตรง ๆ ว่าตัวเองนั้นชอบดั่งเดินสวรรค์อีกฝ่ายตบไหล่สุวภัทน์สองสามทีก่อนจะขอตัวกลับไปหาเดินดินซึ่งรออยู่ที่คฤหาสน์ของสุวภัทน์นานแล้วส่วนเจ้าแดงเองก็ขอตามราชรณวรไปด้วย เพราะไม่อยากอยู่ในเขตของตำหนักสายหมอกอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรูทรงยุโรปของจิรพัฒน์ ตัวของแดงเองก็ไม่อยากจะอยู่เช่นกันณ คฤหาสน์ของเมืองเหนือ"เมื่อไหร่พี่ราชาจะ
ตอนที่ 40“ช่วยเจ้าแดง”เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดให้เหมันต์ฟังอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ หมอผีหนุ่มฟังโดยไม่แสดงสีหน้าใด นั้นยิ่งทำให้ตัวของแดงเองหวั่นใจเป็นสุดแดงเล่าในเรื่องของความสัมพันธ์และรวมไปถึงเรื่องทั้งหมดที่รู้ เหตุที่ว่าทำไมจิรพัฒน์ถึงต้องไปต่างประเทศ เด็กหนุ่มเป็นผู้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากกุมารทองระดับเทพของเจ้าจอมเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ถึงรู้ไปก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนอะไรได้"พี่เหมจะปล่อยแดงไปได้รึยังจ๊ะ?" แดงถามคนพี่ แม้ใบหน้าจะยิ้มหวานแต่ในใจกับหวั่นเกรงเป็นที่สุด"มึงไปตามน้องจอมมา ให้เจ้าจอมมาหากู""โทรศัพท์แดงอยู่ที่เรือนจ้ะ ตอนนี้พี่จอมไม่ได้อยู่เรือน^_^°""งั้นกูจะพามึงกลับไปเอาโทรศัพท์ที่เรือน :) "รอยยิ้มดุจเสือร้ายปรากฏ แดงที่เหงื่อซึมอยู่ก่อนหน้า จึงรีบยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบริเวณแก้มออกเล็กน้อย สุดท้ายคนไร้วิชาอย่างแดงก็ต้องยอมจำนนต่อเหมันต์อยู่ดีณ ตำหนักสายหมอกลัมโบร์กินีสุดหรูสีขาวรุ่นเดียวกันสีเดียวกันทั้งสองคันกำลังจอดเทียบท่าหน้าเรือนซึ่งเป็นที่คุ้นตาดีของบุคคลทั้งสามราชรณวร สุวภัทน์และจิรพัฒน์ ก้าวลงจากตัวรถโดยพร้อมเพรียง นี่เป็นสิ่งของที่ราชาซื้อให้เหล่าเพื่อนสนิท
ตอนที่ 39“แฟนเก่า”หกปีก่อนหน้า"พี่เหมดูดิ จอมจับตะขาบได้ด้วย สุดยอดไปเลย"จิรพัฒน์วิ่งมาหาเหมันต์ด้วยท่าทีตื่นเต้นมากกว่าปกติพร้อมกับสัตว์อสรพิษในมือ เพื่ออวดอ้างความเก่งกาจของตนต่อหน้าคนรัก"น้องจอมอย่าดื้อ" เหมันต์ส่งเสียงดุหากแต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้มหวาน"ตะขาบใช้ทำของได้ใช่ไหม?""ก็ได้นะ""งั้นจอมจะทำ"เด็กหนุ่มเอ่ยปากหนักแน่นว่าจะขอทำในสิ่งที่ต้องการ เหมันต์มองจิรพัฒน์พลางส่ายหัวอย่างเอือมระอาเขาและจิรพัฒน์คบกันมาได้เกือบปีแล้ว ทั้งสองเป็นรักแรกของกันและกัน ทุกอย่างมันดีมาก ดีมากจริง ๆเพียงแต่พักหลังตัวของจอมเองชอบมาขอให้เขาสอนการใช้ไสยเวทมนต์ดำ เหมันต์ก็รู้ดีว่าเจ้าจอมเป็นใคร ทายาทเพียงคนเดียวของรัตติกาลจันทร์อัปสร ตระกูลซึ่งมีชื่อเสียงด้านการใช้คุณไสยทางสายขาวบริสุทธิ์มาอย่างยาวนานนับหลายร้อยปีตามจริงเหมันต์ค่อนข้างเป็นห่วงจิรพัตน์พอสมควร เขากลัวว่าสักวันจะเป็นคนน้องเองที่ลุ่มหลงในมนต์ดำจนถอนตัวไม่ขึ้นเหมือนกับเขาและวันที่เหมันต์หวั่นกลัวที่สุดก็เดินทางมาถึง จิรพัฒน์กลายเป็นผู้ใช้มนต์ดำเต็มตัวแล้ว และดูเหมือนว่าอีกคนจะเก่งกล้าสามารถมากกว่าเขาหลายเท่าตัว นี่สินะที่เขาเรียก
บทที่ 38"ขุนเขา"จิรพัฒน์เหลือบมองเพลิงอัคคีเป็นระยะ ๆ คนน้องรู้สึกแปลกใจมาก ทำไมเพลิงถึงยังจำขุนเขาได้ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่น่าจะมีใครจำได้นอกจากเจ้าเจต และดูเหมือนว่าเมืองเหนือจะเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกตินั้นแล้ว"เสือมึงเป็นอะไรวะ เอาแต่นอนหลับตาอยู่ได้?" พันวาถามรุ่นพี่คนสนิท"กูจะนอน" เสือป่าตอบปัดพร้อมกับมือที่เริ่มดึงหมอนซึ่งวางอยู่ด้านข้างตนมาปิดบังใบหน้า ในขณะที่จิรพัฒน์เหลือบมองเสือป่าเล็กน้อยพลางกลั้นขำ ก่อนจะเอาหน้าไปซุกไหล่หนาของสุวภัทน์ตามเดิมยามบ่ายแก่ ๆ เจตตินทร์ก็ฟื้นจากห้วงนิทรา ร่างเล็กเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าแฟนหนุ่มของตัวเองและนั่งลงด้านข้างอีกคนตามความเคยชิน"เป็นอะไรกัน มาทำไมเยอะแยะ" เจตไล่สายตามองทุกคนและเอ่ยถาม"อย่าพูดพร้อมกันนะ ทีละคน" เจ้าของคำถามไม่รีรอให้เพื่อนพูดหรือกล่าวอะไร เพียงแต่เอ่ยเตือนก่อนเพราะเห็นว่าต่างคนต่างอยากจะพูดเรื่องของตัวเองพร้อมกัน"มึงก่อนเลยพันวา""กูมาเฝ้าเฉย ๆ มึงตื่นก็ดีแล้ว กูจะได้กลับคอนโด" พันวาอธิบายต้องเข้าใจก่อนว่าในกลุ่มเพื่อนสนิทของเจ้าเจตจะมีพันวาและราชาซึ่งปกติคอยตามดูอีกคนเกือบยี่สิบสี่ช