แชร์

บทที่ 2 “เจ้าจอม”

'เจ้าจอม' จิรพัฒน์ รัตติกาลจันทร์อัปสร เด็กหนุ่มอายุยี่สิบสามปีดีกรีนักเรียนนอก แต่เรียนไม่จบสถานะปัจจุบันบ้าดารานายแบบที่มีชื่อว่า 'เดินดิน' ขั้นสุด

ตัวของเจ้าจอมนั้น ถูกเรียกตัวกลับมาจากออสเตรีย โดยลุงบังเกิดเกล้าผู้เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ครั้นยังวัยเยาว์ เนื่องจากลุงของเขาจับได้ว่าหลานตัวแสบนั้นถูกรีไทร์ไปได้หลายปีแล้ว เมื่อไม่ได้เรียนแทนที่มันจะกลับบ้านมาช่วยงาน หากแต่ไอ้หลานรักของตนเองก็เอาแต่ทำตัวสำมะเลเทเมาไปวันเว้นวัน เดือดร้อนผู้เป็นลุง จำต้องรีบเรียกตัวชายหนุ่มกลับเมืองไทยภายในสัปดาห์นั้นเป็นการด่วน

มือเรียวยาวเต็มไปด้วยเส้นเลือดสวยของจิรพัฒน์ เลื่อนไถฟีดคลิปจากแอปพลิเคชันต๊อก ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก คลิปที่ขึ้นฟีดหาใช่คลิปใครอื่น นอกจาก 'เดินดิน' นายแบบหน้าหวาน ผู้ได้รับฉายาว่า "ลูกชายคนสวยแห่งชาติ" ก็เพราะเจ้าตัวนั้นน่ารักน่าทะนุถนอมจนแอบเหมือนลูกชายของใครหลาย ๆ คน

เมื่อไถฟีดไปได้ไม่นาน อีเมลแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องงามของตน จิรพัฒน์หรี่ตาเหลือบมองมันเป็นเวลาเพียงไม่กี่อึดใจนัก นิ้วมือเรียวยาวกดลงช่องข้อความเพื่อกดเปิดอ่านสิ่งที่เด้งขึ้นมา มันคือข้อความแสดงความยินดีจากบริษัทน้ำดื่ม ซึ่งจอมไปเหมามาเกือบห้าหมื่นกว่าขวด ความคิดเพียงแค่หวังว่าจะได้เป็นหนึ่งในรายชื่อผู้โชคดี ผู้ที่จะได้ใกล้ชิดกับ 'เดินดิน' ดั่งเดินสวรรค์ พรีเซนเตอร์ของน้ำดื่มยี่ห้อนี้

และจิรพัฒน์คือผู้โชคดีหนึ่งในยี่สิบคนจริง ๆ เขาจะได้เข้าไปพูดคุยกับดั่งเดินสวรรค์ เมื่อได้อ่านข้อความทั้งหมดจบ จิรพัฒน์ก็โยนโทรศัพท์เครื่องสวยลงบนเตียงแล้วกระโดดไปมารอบห้อง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ถึงเวลาจะต้องไปช่วยงานของคุณลุงผู้เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวแล้ว

เจ้าจอมสวมรองเท้าแตะเดินออกจากบ้านหรูทรงยุโรปซึ่งตั้งอยู่กลางทุ่งนากว้าง ชายหนุ่มเริ่มเดินลัดเลาะไปตามทุ่งนา

ทางเดินทอดยาวเป็นเส้นเดียวไปสู่จุดหมาย รอบตัวเต็มไปด้วยต้นมะพร้าวน้ำหอม พวกมันขึ้นเด่นหราบดบังแสงแดดสิ้น จิรพัฒน์เดินเพียงไม่นานนักเขาก็พบกับบ้านสวนเรือนไทยหลังเก่าขนาดใหญ่

ทางเข้าเรือนไทย มีดอกไม้นานาชนิดกำลังพลิ้วไหวตามสายลมเบา มันร่วงโรยลงมาตกอยู่ตามพื้นดินลูกรังอันเป็นทางเส้นตรงสายยาวบังคับให้ผู้ใดที่มาเยือนต่างต้องเดินตามเส้นทางนี้เพื่อเข้าไปในตัวเรือนไทยโบราณหลังงามนั้น

เรือนไทยสมัยโบราณที่มีมายาวนาน ครั้นตั้งแต่ยุคสมัยรัชกาลที่ห้า บัดนี้ตัวไม้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งเรือน เนื่องจากอายุการใช้งานที่ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว

คราก่อนที่จะเหยียบย่างถึงตัวเรือนก็พลันได้เชยชมดอกลีลาวดีสวนดอกลีลาวดีด้านซ้ายมือกำลังส่งกลิ่นหอมกลีบดอกสีขาวร่วงโรยตามข้างทางมุ่งตรงสู่ตัวเรือนหลังงาม ร่างสูงของจิรพัฒน์เดินแกว่งเท้าผิวปากเข้ามาในอาณาเขตของเรือนไทยหลังนี้อย่างอารมณ์ดี

ป้ายไม้สักทองถูกเขียนด้วยอักขระไทยสมัยรัชกาลที่ห้าว่า 'ตำหนักสายหมอก'

ใช่แล้ว!...ที่นี่คืออาณาเขตของสิ่งลี้ลับ เป็นแหล่งรวมตัวของผู้มีวิชาอาคม ความพิศวงซึ่งชีวิตนี้อาจไม่เคยพบเจอ พวกมันล้วนรวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้

จิรพัฒน์เหลือบตามองรถหรูสองคันที่จอดอยู่หน้าตัวเรือน รถยนต์ลัมโบร์กินีตัวท็อปสีเหลืองอ่อน กับนิสสันจีทีอาร์สามสิบห้ารุ่นลิมิเตดอิดิชั่นสีขาวสวยกำลังจอดนิ่งสนิทอยู่ ไร้ซึ่งวี่แววเจ้าของรถยนต์ทั้งสองคัน ชายหนุ่มที่ไม่ได้กลับเมือฝไทยมานานถึงขั้นต้องรู้สึกแปลกใจ

"รถของลุงเหรอวะ?" เจ้าจอมครุ่นคิดกับตัวเอง

ร่างสูงหยุดยืนมองรถหรูได้ไม่นานเท่าไหร่นัก ขาคู่ยาวก็เดินมาหยุดอยู่หน้าเรือนไม้ขนาดใหญ่ หวังจะขึ้นตัวเรือนไทยหลังงามด้วยจุดหมายคือไปหาผู้เป็นลุงของตัวเอง

แต่ทว่าเมื่อเท้าของเจ้าจอมเหยียบลงบนพื้นบันไดไม้สีดำ เสียงเอี๊ยดอ๊าดก็ดังขึ้น จิรพัฒน์จึงใช้เท้าของตนกระแทกบันไดขั้นถัดไปเบา ๆ เพื่อดูว่ามันจะสามารถรองรับน้ำหนักของเขาได้หรือไม่

"พี่จอมจะพังเรือนของลุงนินรึไง?" เสียงเอ่ยถามปนขำดังขึ้น บนศีรษะของจิรพัฒน์

เจ้าจอมตอนนี้ยืนอยู่บันไดขั้นแรกของตัวเรือน เงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นตอของเสียงดังกล่าว แล้วเขาก็ได้พบว่าผู้มาใหม่ หาใช่ใครที่ไหน รุ่นน้องคนสนิทอย่าง 'เจ้าแดง' กำลังยืนกอดอกมองจิรพัฒน์ในขณะที่อีกฝ่ายพยายามกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ จนหน้าของมันบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์

"ตลกมากเหรอไอ้แดง!!" เจ้าจอมชักสีหน้าใส่อีกคน

"ไม่ตลกแล้วก็ได้ รับขึ้นมาเถอะลุงรออยู่นะ"

"เออ!!!" เขากระแทกเสียงใส่คนน้อง

จิรพัฒน์สะบัดหน้าแล้วรีบเดินกระแทกเท้าขึ้นตัวเรือนไทยหลังใหญ่ไป จากเสียงที่ดังเอี๊ยดอ๊าดในช่วงแรก มันแปรเปลี่ยนไปเป็นเสียงดัง ตึง ตึง ตึง ตามแรงกระแทกของฝ่าเท้าคนร่างบาง

ผู้ที่นั่งอยู่กลางโถงภายในตัวเรือนสี่คนถึงกับต้องรับหันกลับมามองเสียงครึกโครมที่เกิดขึ้น

"ไอ้จอม! พลานเงินกูไม่พอ เสือกจะมาพังเรือนกูอีก"

'ลุงนิน' เจ้าของตำหนักสายหมอก ผู้ปกครองและครอบครัวเพียงคนเดียวของจิรพัฒน์ ชายวัยกลางคนกำลังเอ่ยทักทายหลานของตัวเอง

"เหอะ!" จิรพัฒน์ไม่ได้ตอบอะไรกลับ เพียงแค่กระแทกเสียงในลำคอกลับไปเท่านั้น

คนหนุ่มเดินมาที่เก้าอี้ไม้มุมอับของห้องโถงแล้วนั่งด้วยท่าประจำตัว ท่านั่งชันเข่าหนึ่งข้างบนเก้าอี้พร้อมกับมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา แน่นอนว่ามันเป็นภาพซึ่งไร้สิ้นมารยาทของความเป็นผู้รากมากดีสุด ๆ

ห้องโถงที่เต็มไปด้วยเทวรูปแปลกประหลาด ไร้ซึ่งองค์พระพุทธรูป ลูกแก้วหลากสีปรากฏอยู่หน้าโต๊ะทำนาย ไพ่ยิปซีกระจัดกระจายอยู่เต็มทางเดิน จอมสะบัดหัวเบา ๆ คนหนุ่มหันไปเอ็ด เจ้าแดงรุ่นน้องของตนที่ไม่ยอมเก็บเรือนให้เรียบร้อย

ชายเจ้าของร่างสูงราวร้อยแปดสิบสองเซนติเมตร ใบหน้าคมผิวขาวจัด กำลังตบไหล่ของชายผิวสองสีผู้มีส่วนสูงใกล้เคียงกันที่นั่งอยู่ข้างตนอย่างเบามือ ทั้งคู่มีใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยจะเน้นไปทางหล่อเหลาเสียมากกว่าน่ารักอีกกระมั้ง

จิรพัฒน์กำลังเพ่งทุกสิ่งมองเพื่อประเมินสถานการณ์

ส่วนอีกคนซึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างเป็นชายที่รูปร่างประมาณเขา อีกฝ่ายน่าจะสูงกว่า และชายคนนั้นมีใบหน้าที่หวานแต่ทว่าบางครั้งก็ออกแนวหล่อคมเนื่องจากเขามี Foxeye เป็นของตัวเอง แต่มันก็เป็นเฉพาะเวลาเจ้าตัวไม่ยิ้มล่ะน่ะ

ถ้าเทียบกันแล้วคนสุดท้ายดูท่าทางจะดูดีที่สุดในกลุ่ม สำหรับในความคิดของจิรพัฒน์ที่กำลังนั่งมองอยู่ตอนนี้

ทั้งสามพูดคุยอยู่กับคุณลุงของเจ้าจอมด้วยใบหน้าจริงจัง จนคนร่างบางไม่กล้าเข้าไปขัดระหว่างที่พวกเขาสนทนากัน จิรพัฒน์สามารถจับใจความได้ว่าชายคนแรกที่ตบบ่าเพื่อนคือ 'พันวา' เป็นเพื่อนสนิทของคนซึ่งโดนตบบ่า เนื่องจากอีกคนกำลังอยู่ในสภาวะไม่ปกติเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังโดนของ

ส่วนคนที่ถูกตบบ่านั้นมีชื่อว่า 'เสือป่า' รายนี้โดนของมาเนื่องจากทำธุรกิจเปิดผับเปิดบาร์น่าจะไปขัดขาคู่แข่งเข้า และคนสุดท้าย คนที่มีใบหน้าถูกจริตเจ้าจอมยิ่งนัก ฟังไปฟังมาแล้วดูท่าจะเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวที่ลุงนินรับเข้ามาเมื่อไม่นานนี้ ทายาทหมื่นล้านแห่งตระกูล 'รมยกรรวิศ' ที่มีนามว่า 'ราชา' แน่นอนว่าทั้งสามเป็นเพื่อนกัน

"แดง!" เสียงแหบพร่าทรงอำนาจของลุงนินเรียกแดงซึ่งตอนนี้กำลังนั่งอยู่ด้านข้างของเจ้าจอม

"ครับอาจารย์?"

"พาคุณเสือป่าและคุณพันว่าไปรอที่เรือนเล็ก เราจะถอนของ"

"ส่วนราชามึงอยู่คุยกับกูก่อน" ราชรณวรพยักหน้ารับเบา ๆ เมื่อได้ยินคำสั่งจากลุงนิน

เนื่องจากแดงพาพันวาพร้อมกับเสือป่าเดินออกไปแล้ว ภายในห้องโถงจึงเหลือเพียงจิรพัฒน์ผู้เป็นหลานและราชรณวรศิษย์เพียงคนเดียวของตำหนักสายหมอกรวมไปถึงลุงนินเจ้าของตำหนักเรือนไม้โบราณซึ่งมีอายุยาวนานนับหลายร้อยปีแห่งนี้

เรือนไทยหลังใหญ่ที่หน้าต่างไม้ถูกเปิดออกแทบจะทุกบาน บัดนี้ราวกับมีลมพิสดารพัดวนมายันตัวเรือนสวย หน้าต่างทุกบานถูกปิดลงด้วยกระแสลมจากธรรมชาติ

ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง!

จิรพัฒน์ที่เจอเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่เยาว์วัย หยิบบุหรี่มวนเล็กขึ้นมาจุดสูบเบา ๆ สายตาเหลือบมองรอบห้องโถงเช่นเดียวกับราชา ดูแล้วหนุ่มหล่อคนนี้คงจะเจนสนามในเรื่องเร้นลับพอตัว

ควันบุหรี่สีขาวพวยพุ่งออกมาจากปากสวยของเจ้าจอม ราชา ราชรณวรหันมาสบตาคนซึ่งอยู่ด้านหลังของตน ตาโฉบเฉี่ยวของเขาก็พลันกระตุกวูบ และเมื่อจิรพัฒน์มองไปยังใบหน้าผู้เป็นลุงก็พบเพียงว่ารายนั้นนั่งยิ้มหวานตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ดอกลีลาวดีเริ่มร่วงโรยลงมาโดนศีรษะของจอมดอกแล้วดอกเล่า เพียงแต่ดอกใดที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มจากที่ส่งกลิ่นหอม มันก็พลันส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล ชวนอาเจียนได้ ณ เวลานั้น

ทว่าความแปลกประหลาดอันเกิดขึ้นในตัวเรือนไทยหลังงามนี้ก็คือมันไม่มีดอกลีลาวดี! และบนศีรษะจิรพัฒน์ตอนนี้นอกจากหลังคาของตัวเรือนสวย มันจะหามีดอกลีลาวดีมาจากที่ใดกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ฟันกรามของจิรพัฒน์ขบกันแน่น เขาพยายามหักห้ามอารมณ์ฉุนเฉียวของตนอย่างสุดความสามารถ

"ดอกลีลาวดีอีกแล้ว..." ราชาพึมพำ

ราชาไม่ถูกกับดอกลีลาวดีมาก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ เพียงแค่เห็นแล้วชายหนุ่มรู้สึกไม่ดีเสียมากกว่ารู้สึกยินดีที่จะเชยชมหรือดอมดมกลิ่นหอมของมัน

เจ้าจอมเงยหน้ามองด้านบนศีรษะของตน ในขณะที่ริมฝีปากสวยยังคงคาบบุหรี่ เมื่อสายตาโฟกัสถูกจุดบุหรี่นอกมวนเล็กก็ถูกจับออกมาจากปาก เขาออกแรงขยี้มันเข้ากับที่เขี่ยบุหรี่แก้วซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างตัวเอง

"ยืนค้ำหัวกูเลยนะ" เสียงนุ่มทุ้มเอื้อนเอ่ยออกมาจากปากจิรพัฒน์

ร่างสูงของหญิงสาวผมยาว สภาพคอเอียงซ้ายทำมุมเกือบเก้าสิบองศา เผยให้เห็นช่วงกระดูกที่โผล่ออกมาจากรอยขาดอันเกิดอยู่บริเวณที่คอถูกพับนั้น คล้ายว่าโดนบันศีรษะมาแต่ไม่สะบันดี

ชุดไทยสมัยโบราณเก่าซีด มาพร้อมกับรอยเฆี่ยนตามตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างชัดแจ้งว่าอีกฝ่ายพบเจออะไรมา มันกำลังอ้าปากพะงาบพึมพำสองสามทีอยู่บนหัวของจิรพัฒน์ ในทุกครั้งที่เจ้าหล่อนพยายามเปล่งเสียงก็จะมีดอกลีลาวดีร่วงโรยลงมาจากปาก แต่ทว่าเมื่อดอกไม้ดังกล่าวสัมผัสโดนตัวจอมมันกลับเน่าส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณแทนเสียนี่

มือเรียวบางของเจ้าจอมคว้ากริชไม้โบราณ ซึ่งวางอยู่บนพานสีทองสวย ข้าง ๆ กับที่เขี่ยบุหรี่ออกมา เขาใช้มันกรีดลงนิ้วยาวของตนเองเล็กน้อย สิ่งศักดิ์สิทธิ์สายดำมันชอบกินเลือดกินเนื้อเจ้าของอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่ากริชสวยเปื้อนเลือดตัวเองเรียบร้อย จิรพัฒน์พลันตวัดมันไปลงไปยังพื้นไม้สีดำเงาของตัวเรือนไทยอย่างหงุดหงิด

ทันทีที่กริชขนาดเล็กเสียบลงบนพื้นไม้อายุหลายร้อยปี เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นบนศีรษะเจ้าจอมแทนการอ้าประพะงาบ ๆ ในขณะที่วิญญาณของหญิงสาวผู้มาพร้อมดอกลีลาวดีพลันหายไปด้วย

กริชถูกดึงออกมาจากพื้นแล้วโยนลงที่พานทองเช่นเดิม ไม่นานนักจิรพัฒน์ก็ต้องหยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นมาสูบ

"ไอ้จอม ของมันช่วยชีวิตมึง มึงยังไม่รู้จักทะนุถนอมมัน”

“ระวังเถอะวะ! สักวันมันจะกลืนกินมึงทั้งเป็น" ลุงนินเอ่ยเตือนหลานรัก

"ถ้ามันกล้าก็ให้มันทำ จอมจะจับมันถ่วงน้ำสักสามสี่ชาติ ลุงนินว่าดีไหม?"

น้ำเสียงกวนประสาทพร้อมกับควันบุหรี่ที่พวยพุ่งออกมาจากปาก สร้างความเอือมระอาให้ลุงนินเป็นอย่างมาก แม้แต่ราชาผู้มาใหม่ยังรู้สึกไม่ชอบใจกับท่าทางของอีกฝ่ายอยู่พอสมควร

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status