แชร์

บทที่ 6 “ตำหนักสายหมอก”

บทที่ 6

“ตำหนักสายหมอก”

เขียนโดย : รสผลไม้

เจ้าจอมมองหน้าคนสองคนที่นั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงข้าม โดยพระเพลิงกำลังนั่งจิ้มมือถือ ส่วนอาร์ก้านั่งจิบกาแฟ จิรพัฒน์จึงเลือกที่จะถามอาร์ก้า เพราะเห็นว่าเพลิงอัคคีกำลังขมวดคิ้วกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่

"อาร์ก้า…"

"ว่าไงดิน"

"กู…เราเก็บกุญแจรถไว้ไหนอะ?"

"กุญแจรถ?" อีกฝ่ายทำหน้าฉงนแล้วทวนคำถามกับคนตัวเล็ก

"ใช่ ๆ กุญแจรถของเรานะ"

"ดินไม่สบายรึเปล่า? ดินไม่มีรถนะครับ ดินไม่เคยซื้อรถ" อาร์ก้าอธิบาย

เจ้าจอมเลิกคิ้วสูง ในหัวเดือดปุด ๆ อะไรคือไม่เคยซื้อรถ? เงินที่หามาได้มันไปไหนหมด? โฆษณาแต่ละตัวได้เป็นแสนเป็นล้าน

โอ๊ย!หงุดหงิดโว้ย จิรพัฒน์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ทีวีแอลอีดีขนาดใหญ่ ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นมาถีบมันหล่นลงพื้น ทีวีร่วงหล่นตามแรงกระแทกอย่างรุนแรง

ด้วยอารมณ์ที่โมโหกับสถานการณ์อันไม่เป็นดั่งใจหวัง ยังต้องมาเจอวิญญาณปัญญาอ่อนห้อยขาต่องแต่งอยู่ขอบทีวี มันทำให้หมอผีปากแซ่บอย่างจอมหัวร้อนแบบเขาอยากจะจับไอ้ผีตนนี้ลงหม้อดินให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อลดอารมณ์ความหงุดหงิดลงบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี

~โครม~

เสียงทีวีที่หล่นลงพื้นกระเบื้องสีขาวขุนของห้องโถง ทำให้พระเพลิงและอาร์ก้าสะดุ้งโหยง เมื่อทีวีจอยักษ์ร่วงลงสู่พื้นวิญญาณตนนั้นก็หนีหายไปจากสายตาของจินพัฒน์ เขาเดินกลับหลังหันไปยังเคาน์เตอร์ตรงกลางห้องโถง กะจะหาน้ำดื่มดับกระหายหน่อย แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปเหลือบเห็นกุญแจรถลัมโบร์กินีวางอยู่นั้นพอดี จอมรีบเดินไปคว้ามันมาไว้ในมือ เขาชูกุญแจรถชิ้นสวยถามคนทั้งสองว่าใครคือเจ้ากรรมสิทธิ์ของมัน

"ของใคร?" จิรพัฒน์ในร่างเดินดินถามนายแบบผู้ซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านข้างของโซฟาทั้งสองคน เนื่องจากทั้งคู่ตกใจกับการกระทำของเดินดินจึงรีบลุกจากโซฟา ตัวของอาร์ก้าสติยังไม่เข้าที่ดีรีบชี้นิ้วไปหาพระเพลิง

"ของพี่ ทำไมครับ?" พระเพลิงเอ่ยถาม

"ยืม"

ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ จอมรีบวิ่งออกมาจากเพนท์เฮ้าท์ทั้งชุดนอนผ้าซาตินตัวบาง เขามาหยุดอยู่หน้าลานจอดรถ

ลัมโบร์กีนีสีแดงสด มีอยู่เพียงคันเดียวในลานจอด จิรพัฒน์ขึ้นไปนั่งเตรียมขับมันเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายที่คิดไว้ในตอนแรก

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ทำให้ผู้อาศัยอื่นในเพนท์เฮ้าท์ตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราเนื่องจากพวกเขาเพียงนอนหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็คนที่เหลือเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศช่วงเช้ามืดนี่เอง เป็นตัวของพระเพลิงและอาร์ก้ารีบวิ่งตามคนตัวเล็กออกมายังลานจอดรถ แต่...พวกเขาช้าไป เจ้าจอมซึ่งอยู่ในร่างของเดินดินขับรถออกไปแล้ว

เพลิงอัคคีรีบเดินกลับเข้าไปด้านในเพนท์เฮ้าท์ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาเมืองเหนืออดีตคู่หมั้นของเดินดินทันที เพราะระหว่างเขากับเมืองเหนือ อีกคนนั้นคอนเนคชั่นดีกว่าเขาเป็นไหน ๆ

(มีไรเพลิง?) ไม่กี่อึดใจปลายสายก็ตอบรับ

"มึง...กูเจอเรื่องผิดปกติ"

(ผิดปกติอะไร?)

"ตื่นเช้ามา...น้องดินใส่ชุดนอนแบบ สภาพไม่ติดกระดุมออกมาเดินนอกห้อง" ใช่แล้ว! นี่มันคือเรื่องผิดปกติเรื่องแรก เดินดินไม่เคยแต่งตัวรุ่มร่าม คนน้องแต่งตัวมิดชิดมาก แม้กระทั้งเวลานอน

(...)

"ไม่พอนะมึง ตอนแรกกูคิดว่าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่สาย ๆ หน่อย น้องออกมาถีบโซฟาที่ห้องโถง อาร์ก้ากับกูมาเจอพอดี อาร์ก้ามันเลยถามไงว่าน้องทำอะไร"

"ปกตินิสัยน้อง ถ้าก้าถามคือต้องตอบนะ นี่ไม่ตอบ แล้วจุดพีคคือน้องโทรหาใครก็ไม่รู้ พูดคำหยาบเต็มไปหมด" พระเพลิงอธิบายให้ปลายสายฟังอย่างร้อนใจ

"กูต้องแอบทำเป็นเล่นโทรศัพท์ แล้วเหลือบมองอะ เหมือนจะโทรขอเงินหรืออะไรเกี่ยวกับเงินนี่แหละ"

"พอวางสาย น้องก็เดินไปถีบทีวี ล่าสุดคือเอารถกูออกไปข้างนอกแล้ว!!"

(...ขับรถได้เหรอ จำได้ว่าล่าสุดขับรถไม่เป็น หรือไปเรียน?)

"เอาเวลาไหนไปเรียนขับรถอะ ในบรรดานายแบบน้องทำงานหนักสุดแล้ว เวลากินข้าวยังไม่มีเลย"

(...)

"ไม่พอนะ...น้องดริฟท์ลัมโบร์ลูกรักกูออกไปจากบ้านเลย สกิลนี่อย่างจี๊ด"

(สรุปคือเดินดินหายไปไหนมึงก็ไม่รู้...แต่เสือกอารัมภบทยาว ๆ ให้กูฟังก่อน)

"มึงจะได้จับต้นชนปลายถูกไง กูต้องเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่แรก"

(เพลิง ตั้งแต่มึงไปทำอาชีพนายแบบนี่ รู้สึกสมองมึงจะเริ่มปัญญาอ่อนขึ้นทุกทีแล้วนะ)

"อ้าว..."

หลังจากที่เมืองเหนือตัดสายไป เพลิงอัคคีก็เดินออกมาที่ห้องโถง

ครั้งนี้เขาเจอ อาร์ก้า เทมเปอร์และ เจย์แลนด์ ทั้งสามช่วยกันยกทีวีจอยักษ์ขึ้นมาตั้งเหมือนเดิมด้วยสีหน้าหงุดหงิด ถ้าจะรู้สึกหงุดหงิดก็ไม่แปลก เพราะดั้่งเดินสวรรค์ไม่เคยเป็นแบบนี้ ปกติน้องจะยอมทุกคนตลอด ไม่เคยทำตัวไม่น่ารักหรือทำให้คนอื่นหงุดหงิดใจ วันนี้รู้สึกว่ามันแปลกเหลือเกิน

ณ ตำหนักสายหมอก

รถลัมโบร์กินีหรูจอดเทียบท่าเรือนไทยหลังงาม พร้อมกับร่างของเดินดินที่วิญญาณข้างในเป็นจิรพัฒน์ เขาเดินลงมาจากรถด้วยเท้าสวยซึ่งไม่ได้สวมรองเท้า แต่จอมหาสนใจไม่ คนตัวเล็กรีบวิ่งขึ้นเรือนไป โชคดีที่ตอนนี้เจ้าแดงน่าจะอยู่วัด ในตำหนักสายหมอกจึงไม่มีใคร

ส่วนที่ว่าทิ้งเรือนไว้เช่นนี้แล้วจะโดนขโมยขึ้นรึเปล่า ตัดประเด็นนั้นไปได้เลย แค่เหยียบหัวกระไดเรือน โจรมันไม่ตายก็บุญหัวมันแล้วกระมั้ง

จิรพัฒน์รีบเข้าไปในห้องนอนของเขาซึ่งอยู่ส่วนลึกสุด ลิ้นชักไม้ของห้องนอนถูกเปิดออก มือสวยหยิบธนบัตรรวมถึงบัตรเครดิตมาจำนวนหนึ่ง ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องเก็บคัมภีร์แล้วกวาดเอาคัมภีร์ที่คิดว่าจะสามารถช่วยเขาได้ เอามาไว้ที่ตนเองทั้งหมด

ต้องรอให้ราชาสืบให้แน่ใจว่าในร่างของเขาตอนนี้ใช้เดินดินไหม หากใช่คงต้องคุยกันดีดีและหาทางออกร่วมกัน ถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่พวกเขาคิด คงต้องมีการทำพิธีกำจัดวิญญาณ แต่พิธีนี้คงต้องรอให้ลุงนินกลับมาเสียก่อน

ในตอนนี้ราชรณวรยังไม่เก่งถึงขนาดทำพิธีนี้ได้ ตัวของเจ้าจอมสามารถทำได้ก็จริง แต่ต้องเป็นกรณีที่ร่างนั้นมันไม่ใช่ร่างของเขา จะให้ไปทำพิธีกำจัดวิญญาณออกจากร่างตัวเองด้วยสภาพที่อยู่ในร่างของดั่งเดินสวรรค์เนี่ยนะ แค่คิดก็มีแต่คำว่าฉิบหายวายวอด

ถุงเงินสดและตำราโบราณถูกคล้องไว้ที่แขนเล็ก ร่างของดั่งเดินสวรรค์หอบหิ้วมันด้วยความทุลักทุเล ขาสวยก้าวลงจากเรือนหลังใหญ่ สายตาพลันเหลือบมองไปที่สวนลีลาวดีซึ่งอยู่ข้างตัวเรือนไทยหลังงาม

สายลมโชยมา หวนเอากลิ่นดอกไม้พัดเข้าจมูกของคนตัวเล็ก ผมสวยพลิ้วไหวตามสายลมนั้น เจ้าจอมพลันปรับสายตาไปที่สุดทางเดินของสวนลีลาวดี ความงดงามของดอกลีลาวดีที่ผู้ใดได้พบต่างเยินยอ ยังไม่เท่าร่างสวยของตนที่อยู่ปลายทางนั่น ผมยาวสลวยของเธอสั่นไหวไปตามแรงลม แม้ไม่มีผู้ใดมองเห็น แต่เขามองเห็นเธอตลอด 'ช่อลดา' หญิงสาวอายุราวสามสิบสิบช่วงปลาย ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาตากไหน ครั้นที่เจ้าจอมเกิดมา เจ้าหล่อนก็ยืนยิ้มสวยอยู่ตรงนี้นานแล้ว

เขาเคยถามลุงนินว่าเห็นเหมือนกันไหม ตนที่ยืนอยู่ข้างหลังสวนลีลาวดี สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการที่ผู้เป็นลุงมองเจ้าจอมด้วยแววตาแปลกประหลาดใจ นั้นมันก็เพียงพอสำหรับคำตอบที่จิรพัฒน์ต้องการ ลุงของเขาไม่เคยเห็นหล่อนเลยสักครั้ง แม้แต่ราชาเองก็เช่นกัน

รอยยิ้มสวยถูกยกยิ้มขึ้นมาให้เขา แต่นั้นมันก็เป็นเพียงชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะหุบยิ้มแล้วหายตัวไป แปลก นับวันยิ่งแปลก เจ้าจอมสะบัดหัวละทิ้งภาพตรงหน้า

ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำพิธีไล่เธอนะ เขาไม่ใช่คนใจดี เขาไล่จนไม่รู้จะไล่ยังไงแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ยอมจากไปเสียที ครั้นจะจับใส่หม้อถ่วงน้ำเกรงว่าจะดูสารเลวเกิน ก็ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร หล่อนอยากจะอยู่ชมดอกลีลาวดีอยู่ตรงนั้นทุกวันก็ให้หล่อนทำไปเสีย

นิสสันจีทีอาร์ สีดำคันงามแล่นเข้ามาจอดในเรือนไทยสมัยโบราณอย่างรีบเร่ง เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์มันดังมากพอที่จะเบี่ยงความสนใจจากจิรพัฒน์ให้หันไปมองได้ ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมาจากตัวรถหรู ด้านหลังมีดูคาติคันงามสองคันตามประกบมาจอดเทียบท่า การแต่งกายที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าอีกสองคนที่ตามมาคราหลังนั้นเป็นบอดี้การ์ด

ใบหน้าที่คุ้นตาปรากฏขึ้น จอมจำได้ดีเขาคือ 'เมืองเหนือ' หนึ่งในคนที่ราชาพาไปเจอเมื่อวาน สงสัยมาหาราชรณวรกระมั้ง เจ้าจอมละสายตาจากสุวภัทน์และหันหลังกลับไปมองนาฬิกาแขวนผนังที่อยู่ด้านหน้าตัวเรือน จากตอนที่เขาคุยกับราชรณวรครั้งล่าสุด ดูท่าว่าอีกไม่กี่นาทีราชาก็คงจะกลับมาแล้ว

ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากสุงสิง ไม่ชอบ ไม่ถูกชะตา ความรู้สึกของเจ้าจอมบอกตนเองอย่างนั้น จิรพัฒน์รีบกำชับถุงในมือแน่นและเดินลงจากตัวเรือนสวยไป แต่ต้องวนกลับมาใหม่อีกครั้ง ก็ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ได้สวมรองเท้าอยู่ที่เท้าคู่งามเลยนี่

หากเป็นร่างของตัวเองแล้วนั้น เขาคงจะเดินเท้าเปล่าออกไปให้จบ ๆ แต่นี่มันร่างของคนสวยขาของเขาไง

ถ้าเท้าของน้องเป็นรอยขึ้นมาจะทำไงละ เจ้าจอมก้มมองเท้าสีขาวซีดของตนและเดินกลับไปสวมรองเท้าแตะอันใหญ่เกินขนาดของเท้าสวยไปมากโข

คนเรามันจะมีขนาดเท้าแตกต่างกันแบบนี้ได้ยังไงวะ?

เขาเดินหมุนตัวกลับเพื่อไปยังรถลัมโบร์กินีสีแดงหรู แต่ระหว่างทางที่กำลังจะเดินไปหาตัวรถสวย เขากลับถูกกระชากไว้โดยเมืองเหนือหรือสุวภัทน์นั่นเอง

แรงกระชากของอีกฝ่ายทำให้เดินดินซึ่งเจ้าจอมสวมร่างอยู่ถึงขั้นปลิวไปหาคนที่ออกแรงดึง ร่างเล็กมองหน้าอีกคนปนโมโห กล้าดียังไงมากระชากกันแบบนี้

"เรียกร้องความสนใจอะไร?" นั้นคือคำแรกที่ออกมาจากปากของคนพี่อย่างสุวภัทน์

"เรียกร้องความสนใจเหี้ยอะไรของมึง!" เจ้าจอมตอบด้วยความเหลืออด เขาเจ็บแขน ร่างของเดินดินบอบบางเกินไป

ดูการกระทำของเมืองเหนือสิ แค่หน้ายังไม่ถูกชะตา ยิ่งพอมาเจอกริยาแล้ว เจ้าจอมกลายเป็นเกลียดอีกคนไปเลย

ความปวดหนึบบริเวณแขนบางซึ่งถูกฉุดกระชาก ยิ่งเพิ่มอารมณ์เดือดของเจ้าจอมเป็นทวีคูณ เขาพยายามสกัดกั้นอารมณ์เดือดของตัวเองอยู่ จะมีเรื่องก็ไม่ได้ หามลืมนะจอม เดินดินเป็นบุคคลสาธารณะ เจ้าจอมลอบถอนหายใจเพื่อสกัดกั้นอารมณ์คุกรุ่น ร้อนรุ่มนะใช่! ร้อนจนอยากจะถามอีกฝ่ายว่าสักหมัดไหมเลยแหละ

"ก็ที่เธอทำอยู่นี่ไง เรียกร้องความสนใจอยู่"

"เป็นแค่อดีตคู่หมั้นอย่าเสือกเรื่องของกูให้มันมากนะเหนือ" ร่างเล็กเอ่ยเตือน

เจ้าจอมรู้ดีเลยแหละว่าทั้งคู่เคยหมั้นกัน จากการที่คนน้องบันทึกไว้ในไดอารี่ และเขาก็ได้อ่านมันทั้งหมดแล้ว พบว่าทั้งคู่ไม่ได้มีความรู้สึกดีดีให้กันเลยแม้แต่น้อย

ไม่สิดั่งเดินสวรรค์รู้สึกดีกับสุวภัทน์นะใช่ แต่สุวภัทน์รู้สึกยังไงนั่นก็อีกเรื่อง นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เดินดินและเมืองเหนือถอนหมั้นกัน

เพราะฉะนั้นแล้วเขาไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงภาพลักษณ์ของเดินดินที่มีต่อคนตรงหน้านี้เลย

"กลับ!"

เหมือนสุวภัทน์ไม่สนใจในสิ่งที่จอมพูด เขาดึงแขนบางของร่างดั่งเดินสวรรค์อย่างรุนแรง หวังให้ร่างเล็กถูกลากไปตามการกระทำของเขา ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเดินดินรับมือยังไงกับเรื่องแบบนี้

แต่นี่เขาคือเจ้าจอมไง เขาคือไอ้จอมเลยนะ! ใหญ่มาจากไหนถึงได้กล้ามากระชากแขนของเขา จิรพัฒน์สะบัดแขนออก พร้อมกับหมัดของร่างเล็กที่ถูกปล่อยออกไปกระทบใบหน้าอีกคน

ผลั๊วะ~

หมัดแมวที่ถูกปล่อยออกไป แต่มันกลับทำให้เจ้าจอมเดือดกว่าเดิมอีก ไฉนความรุนแรงมันไม่ได้เป็นดั่งที่เขาหวัง แถมมือเล็กของตัวเองยังปวดร้าวไปทั้งมือ สรุปใครต่อยใครกันแน่! จิรพัฒน์รีบหมุนตัวไปขึ้นลัมโบร์กินีสีแดงสด แล้วขับออกไปจากเรือนไทยโบราณหลังงามทันที พอดีกับรถยนต์ของราชาที่สวนเข้ามาด้านในตัวเรือน

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status