“ไปค้างบ้านเราไหม”“ไม่เป็นไรเหรอ”“อื้ม ไม่เป็นไร เราอยู่กับพี่เรา พ่อแม่เราไปทำงานต่างประเทศ”“…..ไปก็ไป”หลังจากคุยตกลงกันเรียบร้อย ทั้งสองสาวก็พากันนั่งรถที่หน้าโรงเรียน ตรงไปยังบ้านของผู้ชักชวน ซึ่งก็คือนาริน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของนริยานริยา หรือ น้ำ เด็กสาวผิวขาวจัด ดวงตากลมโต ขนตายาวงอนเป็นแพ ผมตรงยาวดำสนิทเป็นเงาสวยงาม เธอสูง 165 เซนติเมตร แต่หนักเพียงแค่ 43 กิโลกรัม ส่งผลให้เธอดูบอบบางน่าทะนุถนอมหญิงสาวเป็นคนกรุงเทพแต่กำเนิด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้มีเพื่อนเยอะแยะ อาจจะเพราะเธอเป็นคนไม่ค่อยพูด และไม่เข้าหาใครก่อน นั่นจึงทำให้เธอมีเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันเพียงคนเดียวก็คือนาริน“เข้ามาสิ ยังไม่มีใครกลับมาหรอก”เมื่อเดินทางมาถึง นารินก็เปิดประตูเล็กข้างรั้วก่อนจะเรียกให้นริยาตามเธอเข้าไปด้านใน หญิงสาวเดินตามเพื่อนเข้าไปด้วยอาการอึ้ง เมื่อบ้านของนารินมีขนาดไม่ต่างกับคฤหาสน์เลย“เรามีพี่ชายกับน้องชาย พี่เราอยู่มหาวิทยาลัยปี 4 กับน้องชายเราอยู่มัธยม 2 ห่างกันคนละ 4 ปี”“ดีจัง เราลูกคนเดียว เหงาจะแย่”“อย่างน้อยก็ไม่ต้องทะเลาะกันนะ”“ก็คงงั้น”“ขึ้นไปเถอะ”เมื่อเดินเข้ามาภาย
เช้าวันต่อมา หลังจากที่นริยาตื่นนอนก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำตามความเคยชิน เธอเป็นคนที่ตื่นนอนแล้วต้องเขาห้องน้ำก่อน เพราะนิสัยดื่มน้ำก่อนนอนของเธอหลังจากทำธุระเสร็จ ร่างบอบบางก็มายืนหน้ากระจก หญิงสาวสะดุ้งเมื่อมองเข้าไปในกระจกแล้วเห็นร่องรอยบนลำคอของตนเอง ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นไปแตะมันเบาๆ พลางหวนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากขัดขืน เพียงแต่เธอกำลังอึ้งจนประมวลผลความคิดไม่ทัน เพราะเธอไม่ได้คิดว่าพี่ชายของเพื่อนจะทำแบบนี้กับเธอหญิงสาวถอนหายใจเบาๆ เธอไม่มีเครื่องสำอาง และมั่นใจว่านารินเองก็ไม่น่าจะมี เธอจะปกปิดรอยพวกนี้ยังไง“น้ำ เป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่าๆ”นารินที่ตื่นนอนตามหลังนริยาไม่นาน เห็นเพื่อนหายเข้าไปในห้องน้ำสักพักใหญ่ก็ยังไม่ออกมา จึงเคาะประตูแล้วส่งเสียงถาม นริยาจึงค่อยๆเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก“หือ คอไปโดนอะไรมา”“…..โดนกัด”“อะไรกัด…..เฮ้ย…..”“…..”“พี่คินเหรอ”“อือ”“เล่ามา เดี๋ยวก่อนๆ เข้าห้องน้ำก่อน ไปนั่งรอเลย”นารินบอกก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่กี่นาทีก็กลับออกมา ใบหน้าขาวใสเต็มไปด้วยหยดน้ำ เธอรีบจนไม่เช็ดใบหน้าด้วยซ้ำ“เช็ดหน้าก่อน
หลายเดือนต่อมานริยากับนารินเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน ทั้งคู่เลือกเรียนบัญชีและการเงิน และเลือกวิชาโทเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมหาวิทยาลัยอยู่ไกลจากบ้านของพวกเธอค่อนข้างมาก นริยาจึงเลือกที่จะพักใกล้มหาวิทยาลัย ส่วนนารินมีคนคอยรับส่งจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ แต่เมื่อวันไหนนารินขี้เกียจกลับบ้านก็จะมาอยู่ค้างกับนริยา และนั่นก็เป็นสิ่งที่ภาคินต้องการพอดีคอนโดของนริยาเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก มีห้องนอนแยกออกจากโซนครัวและห้องรับแขก จึงไม่ได้คับแคบมากนัก นารินมักจะมานอนเล่นระหว่างรอภาคินมารับหรือรอคนรถมารับเธอ“ขออาบน้ำก่อนนะ ร้อน” นริยาบอกนารินทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง เธอเปิดประตูห้องนอนเอาไว้ระหว่างถอดเสื้อผ้า โดยไม่ได้สนใจว่านารินเดินตามเข้ามานอนเล่นบนเตียง“ทำไมไม่ไปอยู่บ้านฉันวะ ไหนๆ ก็เรียนด้วยกันอยู่แล้ว”“ไม่ไปอะ”“กลัวพี่คินเหรอ”“ก็ประมาณนั้น”“แกมีเบอร์พี่คินไหม” นารินถามนริยาเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้“มี พี่คินเคยขอเบอร์ฉันไปแล้วโทรเข้ามา ทำไม”“มีกี่เบอร์”“2”“ยินดีด้วย แกมีป้ายตำแหน่งพี่สะใภ้ของฉันคล้องคอเอาไว้แล้วล่ะ”“หมายความว่ายังไงวะ”นริยาชะงักไปหลังจากที่เธอถอดเส
หลังจากที่นริยาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หญิงสาวก็เดินออกจากห้องตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งในชุดเสื้อยืดตัวหลวมโคร่งกับกางเกงขาสั้น“มาทำไมคะ”“มาหาเฉยๆ” ภาคินมองใบหน้าหวานเพื่อดูปฏิกิริยาของหญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอมีอาการมึนงงก็ยิ้มด้วยความเอ็นดู“พี่กินยาผิดเหรอ”“หืม เถียงเก่งดีจัง ไม่เห็นเหมือนเมื่อหลายเดือนที่แล้ว”“น้ำก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว น้ำไม่ใช่คนเรียบร้อย”“อือ อันนี้เชื่อ”“แล้วตกลงพี่คินมาทำไม”“ก็บอกแล้ว มาหาเฉยๆ”“…..”คิ้วเรียวได้รูปสวยขมวดจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน ดวงตากลมโตมองไปที่เสื้อผ้าของเขาแล้วก็ต้องเชื่อในสิ่งที่เขาบอก เพราะเขามาด้วยเสื้อยืดกับกางเกงผ้าขายาวเหมือนตอนที่เขาอยู่ที่บ้าน“ตื่นแล้วมาเลย?”“อือ”“เพื่อ?”“ก็อยากมา”“บ้าไปแล้ว”“อือ ก็คงงั้น ไปนอนก่อนนะ”“หะ…..”หลังจากพูดจบ ภาคินก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอน นริยามองตามด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อเธอเดินตามเขาเข้าไปในห้องนอนก็ต้องเหวอออกมาอีกครั้ง เมื่อร่างสูงใหญ่ของภาคินทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของเธอหน้าตาเฉย“ทำงานจนเกือบเช้า พอสะดุ้งตื่นก็ขับรถออกมาเลย ข
“แวะซื้อของก่อน”รถยนต์คันหรูมาจอดที่สรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองหลวง ก่อนที่เจ้าของรถจะบอกกับหญิงสาวแล้วลงจากรถนริยาลงจากรถแล้วเดินตามหลังร่างสูงไป แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจเมื่ออยู่ๆข้อมือเล็กของเธอก็ถูกจับแล้วดึงให้มาเดินเคียงข้าง“ไปนั่งรอที่ร้านอาหารก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป”“ร้านไหนคะ”“เธอจะกินอะไรก็ไปดูเลย สั่งเผื่อพี่ด้วย เสร็จแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ว่าอยู่ร้านไหน”“ค่ะ”หลังจากเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้า ทั้งสองคนก็เดินแยกกันไป นริยาเดินไปชั้นที่รวมร้านอาหารแบรนด์ต่างๆเอาไว้ เธอเดินไปเรื่อยๆจนเจอร้านที่ถูกใจก็เข้าไปนั่งและสั่งอาหารสำหรับภาคินและตัวเธอ ก่อนที่จะส่งข้อความบอกเขาแล้วนั่งเล่นโทรศัพท์รอทางด้านภาคิน เขาเดินมาที่ร้านเพชรที่แม่เขาชอบมาเป็นประจำ ตอนที่หญิงสาวลงไปรับอาหารมื้อเที่ยงเขาแอบโทรนัดกับทางร้านเอาไว้ เพื่อให้จัดการหาสิ่งที่เขาต้องการเอาไว้ให้“สวัสดีค่ะคุณภาคิน”“สวัสดีครับ”“เชิญด้านนี้เลยค่ะ เดี๋ยวตรวจสอบดูก่อนนะคะ ว่าเส้นนี้ตรงตามที่ต้องการไหม”เมื่อเข้ามาในร้าน พนักงานสาวก็เชิญให้เขาไปที่หน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะหยิบกล่องขึ้นมาเปิด เผยให้เห็นสร้อยทองคำขาวผสมทองคำ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ตามด้วยบานประตูที่ถูกเปิดออก ก่อนที่ร่างของชวัลญาจะโผล่พ้นประตูเข้ามา“อ้าว อยู่ด้วยกันพอดี แม่ว่าจะเอานี่มาให้” หญิงวัยกลางคนมองสองหนุ่มสาวด้วยอาการเฉยเมย ราวกับไม่ได้ตกใจที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน“คืออะไรครับ” ภาคินถามหลังจากรับกล่องมาถือโดยไม่ได้เปิดออก เพราะเขามัวแต่รั้งเอวนริยาเอาไว้ไม่ให้เธอลุกขึ้น“ก็เปิดดูสิ”ภาคินส่งให้นริยาเป็นคนเปิด เพราะเขามั่นใจว่าสิ่งที่มารดาของเขาเอามา ก็เพื่อเอามาให้เขานำไปให้หญิงสาวตรงหน้าคนนี้หญิงสาวรับกล่องมาเปิดออก เผยให้เห็นเป็นชุดเครื่องเพชรที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ได้เล็ก เป็นเพชรร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ตรงจี้เป็นเพชรรูปหยดน้ำล้อมด้วยพลอยสีชมพู กับข้อมือเข้าชุด“ผู้ใหญ่ให้ของห้ามปฏิเสธนะจ๊ะ” ชวัลญาพูดดักคอเมื่อเห็นนริยาทำท่าจะปฏิเสธ“รับไปเถอะ แม่ชอบซื้อมาสะสมน่ะ”“เอ่อ ขอบคุณค่ะ”ชวัลญายิ้มให้ ก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอรู้ดีว่าหากนริยาเป็นคนที่บุตรชายต้องการจริงๆ เวลานี้คือเวลาที่เขาอยากจะอยู่กับหญิงสาวมากที่สุดทางด้านนริยา เธอมองกล่องเครื่องเพชรในมืองงๆ ก่อนจะปิดฝากล่องลงแล้วยื่นมันให้กั
หลายเดือนต่อมา หลังจากที่ภาคินกับนริยาเข้าพิธีหมั้นแบบเรียบง่าย ที่มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่เข้าร่วม ภาคินก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศ นริยาที่ยังปรับตัวไม่ทันก็ต้องพยายามใช้ชีวิตปกติหญิงสาวตกลงกับภาคินว่าวันที่มีเรียน เธอจะอยู่ที่คอนโดเหมือนปกติ แต่ในวันเสาร์อาทิตย์ วันหยุด หรือวันที่ไม่มีเรียนจะมาอยู่ที่บ้านเขา และเขากับเธอจะต้องส่งข้อความรายงานความไปเป็นในแต่ละวันให้กับอีกฝ่ายรู้ในทุกวันโชคดีของหญิงสาวที่ภวินทร์กับชวัลญาเข้าใจเธอและค่อนข้างหัวสมัยใหม่ จึงไม่ได้เข้ามายุ่งเรื่องความสัมพันธ์ของเธอมากนัก“วันนี้ไปหาอะไรกินกัน ค่อยกลับบ้าน” นารินชวนนริยาหลังหมดคลาสเรียน“อือ” นริยาเก็บของใส่กระเป๋าเล็กของเธอก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป“น้ำ…..” เสียงห้าวเรียกเธอและวิ่งเข้ามาหา“อ้าว แฟรงค์ ว่าไง”“วันนี้ไปไหนไหม เราจะชวนไปกินข้าว ทั้งสองคนเลย”“…..กำลังจะไปกินข้าวกับรินนี่แหละ”“โอเค งั้นเราไปด้วยได้ไหม”นริยาหันไปมองนารินเป็นเชิงถามความเห็น ก่อนที่ทั้งสองสาวจะพยักหน้า ทั้งสามคนจึงนัดไปเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆนริยากับนารินพากันเดินไปที่รถ ก่อนที่นริยาจะขับออกไปหลังจากที่นารินคาด
1 ปีต่อมา“แก ฉันว่าชุดนี้ไม่เหมาะกับฉันเลยว่ะ” นารินบ่นกับนริยาหลังจากที่เธอเอาชุดเดรสที่ต้องใส่คืนนี้มาให้นริยาดู“แลกกับฉันไหมล่ะ”“หึ ไม่เอาอะ”วันนี้ทั้งสองสาวจะต้องไปออกงานพร้อมกับชวัลญา ที่ได้รับบัตรเชิญไปร่วมงานวันเกิดของเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวซึ่งเป็นเพื่อนกับเธอ เธอจึงจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ทั้งสองสาวเพื่อไปด้วยกันในฐานะบุตรสาวและสะใภ้คนโตนริยากับนารินถูกช่างแต่งหน้าทำผมจับแยกกันเพื่อเตรียมตัวกันตั้งแต่บ่าย เพราะทั้งสองสาวผมยาวถึงบั้นเอวทั้งคู่ เลยต้องใช้เวลาในการทำผมนาน อีกทั้งชุดยังมีลูกเล่นที่ต้องระวัง เลยต้องใช้เวลานานเป็นพิเศษจนกระทั่งใกล้เวลาออกจากบ้าน ชวัลญาก็มาตามสองสาวที่ห้องของนาริน เธอแอบสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อเห็นนริยา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมภาคินถึงยอมหยุดที่เด็กสาวคนนี้“เป็นยังไงบ้างคะ” นริยาเอ่ยออกมาอย่างไม่มั่นใจนักร่างบอบบางอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีขาวงาช้าง กระโปรงยาวผ่าข้างสูงถึงโคนขา เผยให้เห็นรูปร่างผอมบาง แต่มีทรวดทรงที่พอเหมาะ ผมยาวตรงถูกถักเปียแล้วยกขึ้นเป็นมวยผม เปิดเปลือยต้นคอระหงสวยงาม“สวย ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมถึงปราบพ่อคินอยู่”“อ้าว แล้วรินล่ะ ไม่สวย
เมื่อพากันกลับมาถึงที่บ้านพักในช่วงเย็นหลังจากที่แวะไปซื้อของกินมากมายที่ตลาดก็ช่วยกันจัดเตรียมของสำหรับปิ้งย่าง นริยาปล่อยให้พี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ที่หลับระหว่างทางกลับมาที่บ้านพัก“น้ำไปพักก่อนดีไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง” ชวัลญาบอกระหว่างที่กำลังเตรียมของ“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำอยู่ช่วยดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ ไงคะ”“เดี๋ยวนิทำน้ำจิ้มให้นะคะ” นิรชาที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินเข้ามาในครัว จึงอาสาช่วยอีกแรงข้าวของมากมายที่ซื้อมาเสร็จพร้อมลงเตาในเวลาเพียงไม่นาน ภวินทร์กับภาคินมาช่วยกันยกออกไปที่โต๊ะหินหน้าบ้าน ซึ่งคนขับรถก็ช่วยกันจุดเตารออยู่ก่อนแล้ว“เอ้า ลงมือเลย จะได้เสร็จทันเด็กๆ ตื่นมากินพอดี” ภวินทร์สั่งพร้อมกับที่ทุกคนช่วยกันหยิบจับ ช่วยกันย่างอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน“น้องเพลงตื่นแล้วค่ะ”“น้องพิณก็ตื่นแล้วค่ะ”สองสาวส่งเสียงอู้อี้พลางเดินงัวเงียออกมาจากในบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงพาออกมาที่หน้าบ้านที่ผู้ใหญ่กำลังจัดเตรียมปาร์ตี้กันอยู่“ไปล้างหน้ากันก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”“ค่ะ”สองแฝดปล่อยให้พี่เลี้ยงพาไปล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะเดินมานั่งรอมารดาที่กำลังจัดเตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคน“คุ
4 ปีต่อมา“แม่ เห็นสองแสบไหมคะ”“นู่นแน่ะ อยู่กับคุณปู่คุณย่าที่สวน”นริยาลงมาจากชั้นบนในช่วงสายหลังจากที่เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถามมารดาเมื่อลงมายังข้างล่างแล้วไม่เจอเจ้าสองแสบ แฝดน้อยของเธอ ที่ตอนนี้อายุ 3 ปีกว่าอยู่ในบ้าน“แล้วทำไมวันนี้ลงมาช้าล่ะ”“จัดของน่ะค่ะ ต้องเริ่มเตรียมแล้วค่ะ”“แม่ยังไม่ได้จัดของเลย”“ของน้ำต้องเตรียมเยอะค่ะ เลยเริ่มเตรียมเอาไว้ก่อน แค่ของเจ้าแฝดก็ใช้กระเป๋า 2 ใบแล้วล่ะค่ะ”อีกไม่กี่วันครอบครัวของเธอจะพากันไปเที่ยวทะเล สองแฝดดีใจมากเพราะพวกเขาเป็นคนขอให้ภาคินพาพวกเขาไป“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเจ้าแฝดก่อนนะแม่”“ไปเถอะ”นริยาตรงออกไปหน้าบ้านที่มีมุมนั่งเล่นอยู่ก็เห็นว่าภวินทร์กับชวัลญากำลังเล่นกับสองแฝดอยู่ เสียงหัวเราะ เสียงร้องวี้ดว้ายดังไปทั่วบริเวณ“เล่นอะไรกันอยู่คะ” หญิงสาวส่งเสียงออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม“คุณแม่” สองแฝดเรียดมารดาพร้อมกันแล้ววิ่งกางแขนไปหามารดา“ว่าไงจ๊ะ ได้ดื้อกับคุณปู่คุณย่าหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ เพลงไม่ดื้อเลย”“พิณก็ไม่ดื้อค่ะ”“แม่เชื่อจ้ะ ไปนั่งกับคุณย่ากันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวจูบมือสองแฝดเดินเข้าไปนั่งกับภวินทร์และชวัลญาที่นั่งมอ
“กลับมาแล้วค่ะ” นริยาส่งเสียงหลังจากเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย“มานั่งเร็ว” นารินรีบเข้ามาจับมือเพื่อนพาไปนั่ง ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน“เป็นยังไงบ้าง” ชวัลญาถามด้วยความอยากรู้“ให้พี่คินบอกดีกว่าค่ะ” นริยาโยนให้สามีหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนบอกหลังจากภาคินเดินเข้ามาในบ้านก็มานั่งที่โซฟา เมื่อเห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตารอคอยก็ทำหน้าขรึม“หมอบอกว่า 8 สัปดาห์แล้วครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วห้อง เมื่อทุกคนได้รับการยืนยันข่าวดี ก่อนที่ชวัลญาจะเอะใจที่ภาคินเงียบผิดปกติจึงมองไปที่บุตรชาย“มีอะไรอีกหรือเปล่า”“มีครับ”ทั้งห้องเงียบกริบ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่จนทุกคนใจไม่ดี ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่“คือ..... หมอบอกว่าไม่ใช่แค่ 1 ครับ”“หะ แฝดเหรอ” ชวัลญาอุทานด้วยความตกใจ“โอกาสสูงมากค่ะ ถ้าไม่มีคนไหนหลุดหรือหยุดการเจริญเติบโตไปก่อน ก็จะได้แฝดแท้จากไข่ใบเดียวกันค่ะ” นริยาบอกทุกคนตามที่ได้ฟังหมออธิบายมา“โอ๊ย ฉลองทั้งคืนเลยคืนนี้” เสียงกรี๊ดกร๊าดของชวัลญา นีรชา และนาริน ทำให้นริยาหัวเราะออกมา“ตอนนี้น้ำต้องเดินให้น้อยที่สุด รวมทั้งต้อง
“เข้ามาเถอะน่า” ธีรภพบ่นหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ยอมเข้ามาในบ้านนารินทำหน้าหงิกงอ ก่อนที่เธอจะทุบเขาหลังเขาไปแรงๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอเธอกับเขาอยู่โดยมีเขาเดินตามมา“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยทักทายตามความเคยชินร่างเล็กมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับบิดามารดาและธีรดา โดยมีภาคินกับนริยายิ้มให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ“ไงเรา พร้อมยอมรับความจริงหรือยัง” ชวัลญาถามบุตรสาวยิ้มๆ“.....ค่ะ”“โอเค จะจดทะเบียนก่อนไหม แล้วค่อยจัดงานตอนเรียนจบแบบคู่ตาคิน”“แล้วแต่แม่เลยค่ะ”“แฟรงค์ล่ะ ว่ายังไง” ชวัลญาหันไปถามว่าที่บุตรเขยบ้าง“แล้วแต่รินเลยครับ”“โอเค งั้นเดี๋ยวหลังปีใหม่ก็แล้วกัน จดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยจัดงานพร้อมกันเลย” ภวินทร์สรุปให้“ครับ” ธีรภพขานรับพลางพยักหน้าทุกคนพูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไป ภาคินกับนริยากลับขึ้นห้อง เพราะวันนี้นริยามีเรียนช่วงบ่าย ภวินทร์กับชวัลญาเข้าบริษัท ธีรดาเองก็ต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวสามีและจัดเตรียมแหวนและของหมั้นให้กับนาริน ส่วนตัวธีรภพกับนารินก็ขึ้นไปเตรียมตัวบนห้องเช่นกันเพราะชายหนุ่มเอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยจากคอนโด“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“จะไม่แก้มัดเหรอ”“ไม่”ใบหน้าหวานเงยขึ้น เมื่อลำคอระหงถูกริมฝีปากหยักแนบลงไป เขาดูดเนื้ออ่อนสร้างร่องรอยเอาไว้หลายที่ด้วยความตั้งใจ“จุดอ่อนเธออยู่ที่คอ”“ใช่ รู้ได้ยังไง”“เธอแฉะแล้ว แค่ฉันดูดคอ”“อืม” หญิงสาวครางในลำคออย่างยอมรับร่างสูงอุ้มร่างหญิงสาววางลงบนเตียงแล้วขยับถอดกางเกงออก โชว์ให้เห็นเอ็นเนื้อลำใหญ่ที่ตั้งผงาดรออยู่แล้ว นารินขยับตัวขึ้นไปนั่งยองคร่อมบนตักแกร่งแล้วมองสบตาเขา“กลัวเจ็บไหมล่ะ”“ไม่”คนตัวเล็กโหย่งตัวขึ้น ขยับตัวให้ปลายหัวหยักจ่ออยู่ที่ปากร่องของเธอ แล้วจับบ่ากว้างเอาไว้ ค่อยๆ ขยับตัวลงให้มันเข้ามาข้างในทีละน้อย“อ๊ะ” เสียงหวานใสอุทาน เมื่อเธอรู้สึกตึงแน่น“เธอไม่ธรรมดาเลยนะ กล้าใส่แบบไม่อุ่นเครื่องเนี่ย” เขาพูดเสียงพร่าอย่างแปลกใจ“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันธรรมดานี่”นารินกัดฟันแล้วกดตัวลงเองมาทีเดียวสุดความยาวของมันจนมันเข้ามาในข้างในจนหมด ใบหน้าหวานเงยขึ้นซู้ดปากเมื่อมันยังมีความเจ็บปะปนอยู่ในความเสียวหญิงสาวขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบ ก่อนที่ร่างเล็กจะสะดุ้งเมื่อหัวไหล่มนถูกเขากัดผ่านเสื้อจนจมเขี้ยว“พอใส่เสื้อเอาแล้วมันเสียวดีนะ”“เหรอ”“อืม”ฝ่ามือหนาจับที่
“เข้ามาสิ” เสียงห้าวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวยังมีอาการลังเลนารินก้าวเท้าเข้าไปในห้องช้าๆ ก่อนที่มือหนาที่จับประตูอยู่จะดึงประตูมาปิด แล้วถอดรองเท้า ก้าวยาวๆ เข้าไปวางกุญแจรถกับโทรศัพท์ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา“มาเถอะ ที่นี่ไม่มีใครหรอก ฉันก็จะไม่ทำอะไร” เขาบอกหญิงสาวเพื่อให้เธอยอมเดินเข้ามาด้านใน“จะคุยอะไร” นารินเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ“ทำไมเธอถึงต่อต้าน”“ก็นายเป็นเพื่อนฉัน”“เมื่อคืนไม่ใช่เพื่อนแล้ว”“ก็เป็นเพื่อนต่อได้นี่”“เธอทำอย่างกับไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไงต่อ ถึงยังไงแม่ๆ ก็จับเราแต่งงานอยู่ดีนั่นแหละ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมรับแล้วค่อยๆ ปรับตัว” ธีรภพพูดกับหญิงสาวด้วยเหตุผล“.....” นารินยังนั่งเงียบอยู่ จนธีรภพต้องถอนหายใจ“ฉันไม่ได้บังคับแต่อยากให้เธอลองคิดดู ว่าต่อให้เธอต่อต้านแม่ๆ ก็ต้องบังคับอยู่ดีในเมื่อแม่ๆ รู้กันแล้วว่าฉันนอนกับเธอ”“บ้านฉันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้” หญิงสาวเถียงอย่างไม่แน่ใจ“ไม่หรอก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวนะ อีกอย่างแม่กับน้าวัลเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เธอไม่กลัวว่าการที่เราเป็นแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ๆ มีปัญหาหรือไง”หญิงสา
เช้าวันต่อมา ภวินทร์ ชวัลญา นีรชา และธีรดา มานั่งรวมตัวกันรอเด็กๆลงมาตั้งแต่เช้า แต่ดูเหมือนว่าวันนี้น่าจะไม่มีใครลุกแต่เช้าไหว พวกเขาทั้ง 4 คนจึงพากันกินข้าวเช้าแล้วนั่งคุยกันระหว่างรอจนกระทั่งสาย นริยากับภาคินก็ลงมาก่อน หญิงสาวสบตากับสามีเมื่อลงมาแล้วยังไม่เห็นนารินกับธีรภพ และบรรดาพ่อแม่ก็นั่งรอพวกเธออยู่“ไปกินข้าวแล้วมานั่งนี่เลยจ้ะเด็กๆ” ชวัลญาพูดอย่างอารมณ์ดี แต่ยังก็วางมาดขรึม“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยววันนี้น้ำว่าจะออกไปกินข้างนอกค่ะ”“งั้นมานั่งนี่เร็ว” ชวัลญากวักมือเรียกแล้วตบโซฟาข้างตัวนริยาเดินมานั่งลงตามที่ชวัลญาเรียก ภาคินมานั่งลงโซฟาที่อยู่ตรงข้ามพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ“เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืน ลงเอยไหม” ชวัลญากับธีรดาจ้องหญิงสาวด้วยความอยากรู้“เอ่อ คิดว่านะคะ ไม่งั้นป่านนี้น่าจะลงมาก่อนแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลางๆ“โอกาสลงเอยสูงสินะ” ชวัลญากับธีรดาหันมาแตะมือกันด้วยความดีใจนริยาสบตากับภาคิน สีหน้าเธองงอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกเธอตกใจนึกว่าจะโดนเรียกมาดุที่เธอไม่ขวางทั้ง 2 คนเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าบรรดาแม่ๆไม่ดุแถมยังต้องการให้ธีรภพกับนารินลงเอยกันเสียอย่างนั้น“อย่างนี้แหละ
ทางด้านนริยา หลังจากที่เธอเอายาไปให้กับธีรภพเสร็จแล้วเธอก็กลับมาที่ห้องนอน เป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคินเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพอดี“ไปไหนมา”“เอายาไปให้แฟรงค์ค่ะ”“ยา?”“ยาฉุกเฉินค่ะ กันเหนียวเอาไว้ดีกว่าไงคะ”“คนอื่นแค่ช่วยกันสร้างสถานการณ์ ช่วยกันลุ้น แม่คุณเล่นอำนวยความสะดวกให้แบบนี้เลยเหรอ”“ห้ามได้เหรอคะ คนนอนห้องเดียวกัน”“พี่ยังอดใจได้ตั้งนาน”“แต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ น้ำว่าดีไม่ดี ต่อให้พวกเขากินกันไปแล้ว รินก็ยังไม่ตกลงคบหรอกค่ะ รินใจแข็งกว่าที่คิดนะคะ”“หะ ยังไงนะ” ชายหนุ่มชะงักไปหลังจากเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนเตียง“ก็แบบ รินก็กินเฉยๆ แต่ยังไม่คบไงคะ คนที่เป็นฝ่ายตามน่าจะเป็นแฟรงค์นะคะงานนี้”“ประมาณว่าคนที่เป็นฝ่ายเสียคือไอ้แฟรงค์ คนที่เป็นฝ่ายได้คือยัยริน .....เหรอ”“ก็ประมาณนั้นค่ะ จากนิสัยรินนะคะ”“อึ้งเลยนะเนี่ย” ภาคินอึ้งเมื่อรู้สิ่งที่ภรรยาสาวคิด ซึ่งเขาก็เชื่อเธอ เพราะนริยากับนารินสนิทกันมาก“ไม่เชื่อก็รอดูสิคะ”“ก็เชื่อแหละ แต่มันอึ้งไง”“ยัยรินดุมากกว่าที่พี่คิดนะ แล้วคอยดูสิว่าแฟรงค์จะต้องเป็นฝ่ายคอยตามจริงไหม น้ำไม่คุยละ ไปอาบน้ำดีกว่า”นริยาเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัวแ
ดวงตาคมมองไปยังร่างเล็กที่กำลังคลุมโปงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาลังเล แต่ก็ไม่อยากรู้สึกเสียใจกับตัวเอง เขารู้ตัวเองดีว่ากำลังชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างเธอก็เป็นคนที่มารดาหมายมั่นปั้นมืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันจะเกิดขึ้นเร็วหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงตรงขอบเตียง ดึงผ้าห่มที่กำลังคลุมร่างเล็กอยู่อย่างเบามือ ดวงหน้าหวานกำลังหลับสนิท ร่างกายที่บอบบาง ผิวที่ขาวเนียนไปทั้งตัว สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาละสายตาไปจากเธอไม่ได้ธีรภพขยับกายขึ้นไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้ มือใหญ่จับรวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงเอาไว้กับที่นอน นารินสะดุ้งเฮือกลืมตาเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายถูกแตะต้องสองหนุ่มสาวมองสบตากัน นารินยังตั้งสติไม่ทันเพราะหลับสนิทไปแล้ว เธอนิ่งไปพักใหญ่“ว่ายังไง?”“.....อะไร”“ก็เธอไง ว่ายังไง”“ไม่รู้”“งั้นฉันถือว่าเธอไม่ปฏิเสธนะ”“.....”“แล้วฉันก็ไม่ได้บังคับเธอด้วย”ชายหนุ่มบอกเธอพร้อมกับยิ้มน้อยๆ นารินนิ่งไป แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน เมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาแนบริมฝีปากบนลำคอ“.....นายเมาเหรอ”“เปล่า ไม่ได้เมา ฉันกับพี่คินดื่มได้ในระดับเดียวกันนั่นแหละ” เขาบอกเสียงอู้อี้