ดวงตาคมทอดมองเรือนร่างขาวผ่อง ที่สวยงามราวกับภาพวาดราคาแพงที่เห็นได้ในพิพิธภัณฑ์อย่างหลงใหล เขาค่อยๆขยับกายขึ้นไปบนเตียงช้าๆ ก่อนจะเอนพิงหัวเตียงในท่าที่สบายและเตรียมพร้อม แล้วเอนกายเข้าไปใกล้หญิงสาว“น้ำ…..” เสียงแหบพร่าเรียกเจ้าของร่างบางอย่างอ่อนโยนนริยาสะดุ้งตื่นอีกครั้งหลังจากที่เธอถูกปลุก ดวงตากลมโตมองคนปลุกอย่างคนที่ยังไม่ตื่นดี แต่เมื่อเขาวางมือลงบนบั้นท้ายกลมกลึงเธอก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเขาต้องการอะไรหญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกางแขนออกเพื่อตอบรับในสิ่งที่เขาต้องการขอโดยไม่ต้องใช้คำพูดร่างสูงใหญ่ขยับยกอุ้มให้คนตัวเล็กกว่ามานั่งคร่อมอยู่บนหน้าขาของตนเอง สายตาสองคู่สบกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งที่ห่างหายเรื่องบนเตียงมานานแรมปี กับอีกฝ่ายที่เผลอใจไปกับคนตรงหน้าโดยไม่ทันรู้ตัว จึงดูเหมือนว่าจะไม่ต้องใช้คำพูดอะไรชุดนอนสีสวยถูกถอดออกจากเรือนร่างบอบบาง เปิดเปลือยสิ่งสวยงามแก่สายตาคมดุที่มองอย่างพยายามอดกลั้น“กลัวไหม”“ไม่ค่ะ”“ถ้าเจ็บก็บอกนะ พี่จะพยายามเบามือที่สุด”“ทำตามที่ต้องการเถอะค่ะ น้ำไม่ได้บอบบางขนาดนั้น” หญิงสาวบอกพลางยิ้มน้อยๆ เธอไม่ได้กลัวเขา เพราะเธอรู้ว่าการที่เขา
“สองคนนั้นล่ะคะ” นารินถามมารดาเมื่อวันนี้เธอลงมาข้างล่างสายแต่ก็ไม่เห็นภาคินกับนริยา“ยังไม่มีใครลงมาเลย สงสัยจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันไปละ” ชวัลญาบอกพลางดูเครื่องเพชรในมือ“ทำอะไรอยู่คะ”“รับขวัญลูกสะใภ้น่ะสิ”“ชุดนี้ดีไหมคะ” นารินชี้ไปที่กล่องหนึ่งที่เธอสะดุดตา“ก็ดีนะ ชุดนี้สั่งทำเลยนะ มีชุดเดียว แล้วน้ำร้อยด้วย” ชวัลญาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็ยังมองชุดอื่นต่อทั้งสองคนนั่งคุยกันอีกพักใหญ่ ภาคินกับนริยาก็ลงมาจากชั้นบน ทั้งสองคนมองตามเมื่อพาคินจูงมือหญิงสาวมานั่งที่โซฟา“ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์มาเหรอ รอยเต็มคอเชียว” ชวัลญาแซวทั้งสองคนนริยามองค้อนใส่ภาคิน แต่เขาก็ทำมึนใส่จนเธอต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเอง ท่ามกลางเสียงพูดคุยเล่นกันของทั้งสามคน“แล้วไม่ไปกินข้าวกันเหรอทั้งสามคน” หญิงวัยกลางคนถามเมื่อเห็นหนุ่มสาวทั้งสามคนพูดคุยกันจนเพลิน“จะออกไปกินข้างนอกกับน้ำครับ”“อ้าว แล้วน้องล่ะ”“น้องก็อยู่บ้านไปดิ น้ำรอนี่นะ พี่ไปเอารถออกก่อน”“ค่ะ”ภาคินลูบศีรษะทุยสวยก่อนจะเดินออกไป นริยาสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นนารินกับชวัลญานั่งมองเธออยู่อย่างรอฟัง“ก็ตามนั้นแหละ” นริยาบอกอย่างไม่ได้ปิดบัง“เป็นไง” นารินถามเ
“ทำอะไรอยู่”“อ่านนิยายค่ะ”“หืม…..”ภาคินนั่งทำงานไปเรื่อยๆ จนเสร็จก็วางแท็บเล็ตในมือลงบนโต๊ะ หันมามองหญิงสาวข้างกายก็เห็นว่าเธอนั่งดูโทรศัพท์อยู่ด้วยความตั้งใจ จึงถามเธอพร้อมกับยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อมองหน้าจอโทรศัพท์ พร้อมกับที่มือเล็กหันหน้าจอโทรศัพท์ของเธอให้เขาดู“อ่านในเว็บค่ะ มันสะดวกดี”“นิยายอะไร”“ลองอ่านดูไหมคะ”นริยาส่งโทรศัพท์ของเธอให้เขา ชายหนุ่มก็รับมาแล้วเปิดไล่ดูในสิ่งที่หญิงสาวอ่าน ก่อนจะหันมามองเธอด้วยสีหน้าแปลกใจ“อ่านนิยาย 25+” เขาพูดเสียงสูงเป็นเชิงถาม“ค่ะ ก็สนุกดี”“มิน่า ถึงไม่กลัวเรื่องเซ็กส์”“มันก็ไม่เกี่ยวนะ น้ำว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติมากกว่า ถึงยังไงผู้หญิงทุกคนก็ต้องมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ”“มันก็ใช่ แต่สำหรับบางคนมันก็น่ากลัวไง กับการมีครั้งแรก”“ไม่รู้สิ เพราะคุ้นเคยกับพี่ด้วยมั้ง”“แล้วครั้งแรกที่เจอพี่ล่ะ”เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาถามนริยาก็ชะงักแล้วนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแล้ววางลงบนโต๊ะ“ตอนนั้นตกใจมากกว่า ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ ตอนนั้นน้ำอายุ 18 เอง แต่สมัยนี้บางคนอายุ 14
“น้ำหิวแล้ว”“ก็กินสิ”“จะกินได้เหรอ”“กินได้สิ ไม่หมดก็ไม่เป็นไร”นริยามองมันด้วยสายตาอยากรู้อยากลอง เธอไม่ตอบอะไร แต่โน้มตัวก้มหน้าลงแล้วส่งมันเข้าปากตัวเอง“อืมมม”ดวงตากลมโตเหลือบมองเขา มือเล็กกุมมันเอาไว้ รูดมันขึ้นลงเป็นจังหวะ ก่อนจะขยับให้มันเข้าไปในปากลึกขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นมันก็เข้าไปได้แค่ส่วนหัว ปลายลิ้นเรียวตวัดไล้ตามขอบหยักแล้วอ้าปากโก่งคอเท่าที่เธอจะทำได้ ขยับให้มันเข้ามาลึกจนชนกับคอหอยของเธอ หญิงสาวห่อปากแล้วขยับช้าๆ มันใหญ่จนคับปากจึงทำได้แค่ขยับเบาๆหญิงสาวคายมันออก แลบลิ้นแตะลงไปบนรูเล็กๆ เลียไล่ลงไปตามความยาวของมันจนไปถึงพวงสวรรค์ เธอหยอกล้อมันเล่นอย่างชอบใจ ก่อนจะไล้เลียมันกลับขึ้นมาด้านบนจนถึงขอบหยัก แล้วอ้างับส่งหัวหยักเข้าปากแล้วดูดมันแรงๆ“ใช้ได้นะเนี่ย” ภาคินพูดเสียงแหบพร่า เขาพอใจไม่น้อยสำหรับครั้งแรกของเธอเมื่อเห็นเขามีสีหน้าพอใจ ปากเล็กยิ่งดูดแรงขึ้น เธอขยับศีรษะพร้อมกับมือที่รูดขึ้นลงเป็นจังหวะชายหนุ่มคำรามเสียงทุ้มต่ำ เมื่ออุ้งปากเล็กกำลังครอบครองเขาตรงส่วนหัว หญิงสาวใช้มือกำรอบท่อนเอ็นแล้วสาวรูดให้เขาอีกแรงเพราะรู้ตัวว่าถึงอย่างไรปากเธอก็คงครอบครองเขาได
เช้าวันต่อมา หลังจากที่นริยาตื่นนอนเธอก็เอาเอกสารที่เตรียมไว้ กับข้าวของที่ต้องนำไปด้วยวันนี้มาวางรวมกันที่โต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ได้ล็อกประตู“ตื่นเร็วจัง” เสียงทุ้มดังมาก่อนตัว ก่อนที่จะปรากฏร่างสูงเดินเข้ามาในห้องน้ำ“ก็วันนี้ไปบ้านพี่แต่เช้านี่คะ น้ำกลัวรถติด”“บ้านพี่ที่ไหน บ้านเรา”“…..ค่ะ”“อาบด้วยสิ” ภาคินล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในโซนอาบน้ำ ก้าวเท้าลงไปในอ่าง ก่อนจะนั่งลงไป“…..”“มานี่”นริยามองเขาพร้อมกับหรี่ตา ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจก่อนจะออกแรงยกร่างบอบบางขึ้นมานั่งหันหลังพิงอยู่บนตักตัวเอง“วันนี้ต้องไปแต่เช้านะคะ”“เอาน่า แป๊บเดียว ขอรอบเดียวพอ”“แป๊บจริงเหรอคะ”“จะพยายาม…..”เขาพูดพร้อมกับเคลื่อนมือหนามากุมดอกบัวดอกใหญ่คู่สวย บีบเคล้นทักทายมันเล่นหนักๆ เพื่อทักทายยามเช้า มืออีก
“สองคนนั้นยังไม่มาอีก ใกล้เวลานัดแล้วนะคะ” นารินพูดกับมารดาอย่างร้อนใจ เพราะใกล้เวลานัดแล้ว แต่ภาคินกับนริยาก็ยังไม่มา“คงใกล้แล้วมั้ง” ชวัลญาเองก็คอยมองไปทางประตูไม่ต่างกับนารินภวินทร์กับธาวินเพิ่งเดินลงมาข้างล่างก็เข้ามารวมตัวในห้องนั่งเล่น รอไม่นานภาคินก็โอบเอวนริยาเดินเข้ามา“โอ๊ย ทำไมมาช้ากันแบบนี้เนี่ย ใจหายใจคว่ำกันหมด” นารินโวยวายอย่างโล่งใจ“พูดมากน่า”นริยาเดินมานั่งลงข้างนาริน ภาคินก็เดินตามมานั่งด้วย สองสาวพูดคุยกันเบาๆ ระหว่างรอเจ้าหน้าที่มาถึงรอกันอยู่สักพักเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตก็เดินทางมาถึง หลังจากยื่นเอกสารที่ต้องใช้และจดทะเบียนสมรสเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนขับรถที่บ้านก็ไปส่งเจ้าหน้าที่กลับสำนักงานเขต หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็นั่งคุยกันด้วยความโล่งใจนริยากับนารินพากันขึ้นไปบนห้องนอน แม้แต่ธาวินเองก็หนีขึ้นห้อง ปล่อยให้ภาคินนั่งอยู่ข้างล่างกับภวินทร์และชวัลญา“บอกมา ทำไมมาช้า” นารินถามนริยาอย่างรู้ทัน“ก็อย่างที่คิด นี่ยังมีท
หลายเดือนต่อมา หลังจากที่ภาคินเดินทางกลับไปทำงาน นริยาก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านอย่างเต็มตัว แล้วทุกอย่างก็ไม่ผิดไปจากที่นารินได้พูดไว้ ภวินทร์กับชวัลญาได้จัดการแบ่งหุ้นในส่วนของตนเองให้กับนริยา รวมทั้งภาคินเองก็จัดการแบ่งหุ้นในส่วนของเขาและลงทุนขอซื้อหุ้นจากนารินและธาวินเพื่อให้กับหญิงสาวด้วยช่วยกันแต่สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มไม่ได้คาดคิดก็คือ นารินกับธาวินยินดีแบ่งหุ้นในกับนริยาด้วยความเต็มใจโดยไม่รับเงินจากเขาแม้แต่บาทเดียว ราวกับว่าพวกเขามีพี่น้องทั้งหมด 4 คนนริยากระอักกระอ่วนอยู่ในคราแรก แต่เมื่อได้มานั่งคุยกันก็ได้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มองเธอเป็นพี่สะใภ้ แต่มองว่าเธอเป็นพี่สาวคนโตในครอบครัว และการที่เธอจะได้รับหุ้นของบริษัทในจำนวนที่ไม่ต่างกับคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีแบ่งหุ้นในส่วนของตนเองให้กับนริยาโดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือข้อกังขาอะไรเลย“อีกกี่เดือน พี่คินถึงจะกลับมา” นารินบ่นกระปอดกระแปดแล้วถามนริยาอย่างต้องการคำตอบ หลังจากนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาในช่วงบ่ายของวัน“ไม่น่าจะนานแล้วล่ะ เห็นบอกเข้าที่เข้
กลางดึกคืนนั้น นริยามานอนกับมารดาที่เรือนเล็ก และได้คุยเปิดใจกันหลังจากไม่ได้พูดคุยกันมาหลายปี นั่นทำให้นริยาได้รู้ว่ามารดาของเธอทำงานหนักมาตลอด หลายครั้งที่ต้องคอยนำเงินที่ได้มาไปชำระหนี้ให้กับบิดาอีกทั้งนีรชาเองก็ไม่เคยรู้เลยว่าสามีของเธอได้เงินเดือนเท่าไหร่ เพราะเขาไม่เคยบอกเธอ ที่ผ่านมาค่าใช้จ่ายภายในบ้านนีรชาเป็นคนออกทั้งหมด รวมทั้งเงินที่ให้กับนริยาด้วย สามีของเธอไม่เคยออกเลย บอกแค่ว่าเงินเขาไม่พอใช้“แม่ทนพ่อได้ยังไง”“ก็เพราะเขาเป็นพ่อของลูกไง ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากให้ครอบครัวแตกแยกหรอก”“มันก็ไม่จำเป็นต้องทนนะแม่ ถ้าเขาจะอยู่เป็นภาระแม่ขนาดนี้อะ” นริยาอดโมโหไม่ได้หลังจากได้รู้ความจริง“แม่ทนได้ทุกอย่างแหละ แต่ในวันนี้แม่ไม่ทนเพราะเขานอกกายนอกใจ อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นก็ท้องอยู่ด้วย”“ปล่อยเขาไปเลยแม่ ถ้าเขาเลือกแบบนั้น เรามีชีวิตของเรา มีทางเลือกของเรา ไม่จำเป็นต้องมีคนแบบนั้นอยู่ในชีวิต”“แม่ผิดเองที่ไม่บอกน้ำตั้งแต่แรก แม่ไม่อยากให้น้ำมาสนใจกับเรื่องนี้ น้ำอยู่ในวัยเรียน แม่อยากให้น้ำใช้เวลาในช่วงชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่ แต่แม่พลาดที่ไม่ได้ใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นกับน้ำเลย”“ช่างมั
เมื่อพากันกลับมาถึงที่บ้านพักในช่วงเย็นหลังจากที่แวะไปซื้อของกินมากมายที่ตลาดก็ช่วยกันจัดเตรียมของสำหรับปิ้งย่าง นริยาปล่อยให้พี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ที่หลับระหว่างทางกลับมาที่บ้านพัก“น้ำไปพักก่อนดีไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง” ชวัลญาบอกระหว่างที่กำลังเตรียมของ“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำอยู่ช่วยดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ ไงคะ”“เดี๋ยวนิทำน้ำจิ้มให้นะคะ” นิรชาที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินเข้ามาในครัว จึงอาสาช่วยอีกแรงข้าวของมากมายที่ซื้อมาเสร็จพร้อมลงเตาในเวลาเพียงไม่นาน ภวินทร์กับภาคินมาช่วยกันยกออกไปที่โต๊ะหินหน้าบ้าน ซึ่งคนขับรถก็ช่วยกันจุดเตารออยู่ก่อนแล้ว“เอ้า ลงมือเลย จะได้เสร็จทันเด็กๆ ตื่นมากินพอดี” ภวินทร์สั่งพร้อมกับที่ทุกคนช่วยกันหยิบจับ ช่วยกันย่างอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน“น้องเพลงตื่นแล้วค่ะ”“น้องพิณก็ตื่นแล้วค่ะ”สองสาวส่งเสียงอู้อี้พลางเดินงัวเงียออกมาจากในบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงพาออกมาที่หน้าบ้านที่ผู้ใหญ่กำลังจัดเตรียมปาร์ตี้กันอยู่“ไปล้างหน้ากันก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”“ค่ะ”สองแฝดปล่อยให้พี่เลี้ยงพาไปล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะเดินมานั่งรอมารดาที่กำลังจัดเตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคน“คุ
4 ปีต่อมา“แม่ เห็นสองแสบไหมคะ”“นู่นแน่ะ อยู่กับคุณปู่คุณย่าที่สวน”นริยาลงมาจากชั้นบนในช่วงสายหลังจากที่เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถามมารดาเมื่อลงมายังข้างล่างแล้วไม่เจอเจ้าสองแสบ แฝดน้อยของเธอ ที่ตอนนี้อายุ 3 ปีกว่าอยู่ในบ้าน“แล้วทำไมวันนี้ลงมาช้าล่ะ”“จัดของน่ะค่ะ ต้องเริ่มเตรียมแล้วค่ะ”“แม่ยังไม่ได้จัดของเลย”“ของน้ำต้องเตรียมเยอะค่ะ เลยเริ่มเตรียมเอาไว้ก่อน แค่ของเจ้าแฝดก็ใช้กระเป๋า 2 ใบแล้วล่ะค่ะ”อีกไม่กี่วันครอบครัวของเธอจะพากันไปเที่ยวทะเล สองแฝดดีใจมากเพราะพวกเขาเป็นคนขอให้ภาคินพาพวกเขาไป“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเจ้าแฝดก่อนนะแม่”“ไปเถอะ”นริยาตรงออกไปหน้าบ้านที่มีมุมนั่งเล่นอยู่ก็เห็นว่าภวินทร์กับชวัลญากำลังเล่นกับสองแฝดอยู่ เสียงหัวเราะ เสียงร้องวี้ดว้ายดังไปทั่วบริเวณ“เล่นอะไรกันอยู่คะ” หญิงสาวส่งเสียงออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม“คุณแม่” สองแฝดเรียดมารดาพร้อมกันแล้ววิ่งกางแขนไปหามารดา“ว่าไงจ๊ะ ได้ดื้อกับคุณปู่คุณย่าหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ เพลงไม่ดื้อเลย”“พิณก็ไม่ดื้อค่ะ”“แม่เชื่อจ้ะ ไปนั่งกับคุณย่ากันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวจูบมือสองแฝดเดินเข้าไปนั่งกับภวินทร์และชวัลญาที่นั่งมอ
“กลับมาแล้วค่ะ” นริยาส่งเสียงหลังจากเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย“มานั่งเร็ว” นารินรีบเข้ามาจับมือเพื่อนพาไปนั่ง ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน“เป็นยังไงบ้าง” ชวัลญาถามด้วยความอยากรู้“ให้พี่คินบอกดีกว่าค่ะ” นริยาโยนให้สามีหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนบอกหลังจากภาคินเดินเข้ามาในบ้านก็มานั่งที่โซฟา เมื่อเห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตารอคอยก็ทำหน้าขรึม“หมอบอกว่า 8 สัปดาห์แล้วครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วห้อง เมื่อทุกคนได้รับการยืนยันข่าวดี ก่อนที่ชวัลญาจะเอะใจที่ภาคินเงียบผิดปกติจึงมองไปที่บุตรชาย“มีอะไรอีกหรือเปล่า”“มีครับ”ทั้งห้องเงียบกริบ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่จนทุกคนใจไม่ดี ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่“คือ..... หมอบอกว่าไม่ใช่แค่ 1 ครับ”“หะ แฝดเหรอ” ชวัลญาอุทานด้วยความตกใจ“โอกาสสูงมากค่ะ ถ้าไม่มีคนไหนหลุดหรือหยุดการเจริญเติบโตไปก่อน ก็จะได้แฝดแท้จากไข่ใบเดียวกันค่ะ” นริยาบอกทุกคนตามที่ได้ฟังหมออธิบายมา“โอ๊ย ฉลองทั้งคืนเลยคืนนี้” เสียงกรี๊ดกร๊าดของชวัลญา นีรชา และนาริน ทำให้นริยาหัวเราะออกมา“ตอนนี้น้ำต้องเดินให้น้อยที่สุด รวมทั้งต้อง
“เข้ามาเถอะน่า” ธีรภพบ่นหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ยอมเข้ามาในบ้านนารินทำหน้าหงิกงอ ก่อนที่เธอจะทุบเขาหลังเขาไปแรงๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอเธอกับเขาอยู่โดยมีเขาเดินตามมา“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยทักทายตามความเคยชินร่างเล็กมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับบิดามารดาและธีรดา โดยมีภาคินกับนริยายิ้มให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ“ไงเรา พร้อมยอมรับความจริงหรือยัง” ชวัลญาถามบุตรสาวยิ้มๆ“.....ค่ะ”“โอเค จะจดทะเบียนก่อนไหม แล้วค่อยจัดงานตอนเรียนจบแบบคู่ตาคิน”“แล้วแต่แม่เลยค่ะ”“แฟรงค์ล่ะ ว่ายังไง” ชวัลญาหันไปถามว่าที่บุตรเขยบ้าง“แล้วแต่รินเลยครับ”“โอเค งั้นเดี๋ยวหลังปีใหม่ก็แล้วกัน จดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยจัดงานพร้อมกันเลย” ภวินทร์สรุปให้“ครับ” ธีรภพขานรับพลางพยักหน้าทุกคนพูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไป ภาคินกับนริยากลับขึ้นห้อง เพราะวันนี้นริยามีเรียนช่วงบ่าย ภวินทร์กับชวัลญาเข้าบริษัท ธีรดาเองก็ต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวสามีและจัดเตรียมแหวนและของหมั้นให้กับนาริน ส่วนตัวธีรภพกับนารินก็ขึ้นไปเตรียมตัวบนห้องเช่นกันเพราะชายหนุ่มเอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยจากคอนโด“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“จะไม่แก้มัดเหรอ”“ไม่”ใบหน้าหวานเงยขึ้น เมื่อลำคอระหงถูกริมฝีปากหยักแนบลงไป เขาดูดเนื้ออ่อนสร้างร่องรอยเอาไว้หลายที่ด้วยความตั้งใจ“จุดอ่อนเธออยู่ที่คอ”“ใช่ รู้ได้ยังไง”“เธอแฉะแล้ว แค่ฉันดูดคอ”“อืม” หญิงสาวครางในลำคออย่างยอมรับร่างสูงอุ้มร่างหญิงสาววางลงบนเตียงแล้วขยับถอดกางเกงออก โชว์ให้เห็นเอ็นเนื้อลำใหญ่ที่ตั้งผงาดรออยู่แล้ว นารินขยับตัวขึ้นไปนั่งยองคร่อมบนตักแกร่งแล้วมองสบตาเขา“กลัวเจ็บไหมล่ะ”“ไม่”คนตัวเล็กโหย่งตัวขึ้น ขยับตัวให้ปลายหัวหยักจ่ออยู่ที่ปากร่องของเธอ แล้วจับบ่ากว้างเอาไว้ ค่อยๆ ขยับตัวลงให้มันเข้ามาข้างในทีละน้อย“อ๊ะ” เสียงหวานใสอุทาน เมื่อเธอรู้สึกตึงแน่น“เธอไม่ธรรมดาเลยนะ กล้าใส่แบบไม่อุ่นเครื่องเนี่ย” เขาพูดเสียงพร่าอย่างแปลกใจ“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันธรรมดานี่”นารินกัดฟันแล้วกดตัวลงเองมาทีเดียวสุดความยาวของมันจนมันเข้ามาในข้างในจนหมด ใบหน้าหวานเงยขึ้นซู้ดปากเมื่อมันยังมีความเจ็บปะปนอยู่ในความเสียวหญิงสาวขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบ ก่อนที่ร่างเล็กจะสะดุ้งเมื่อหัวไหล่มนถูกเขากัดผ่านเสื้อจนจมเขี้ยว“พอใส่เสื้อเอาแล้วมันเสียวดีนะ”“เหรอ”“อืม”ฝ่ามือหนาจับที่
“เข้ามาสิ” เสียงห้าวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวยังมีอาการลังเลนารินก้าวเท้าเข้าไปในห้องช้าๆ ก่อนที่มือหนาที่จับประตูอยู่จะดึงประตูมาปิด แล้วถอดรองเท้า ก้าวยาวๆ เข้าไปวางกุญแจรถกับโทรศัพท์ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา“มาเถอะ ที่นี่ไม่มีใครหรอก ฉันก็จะไม่ทำอะไร” เขาบอกหญิงสาวเพื่อให้เธอยอมเดินเข้ามาด้านใน“จะคุยอะไร” นารินเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ“ทำไมเธอถึงต่อต้าน”“ก็นายเป็นเพื่อนฉัน”“เมื่อคืนไม่ใช่เพื่อนแล้ว”“ก็เป็นเพื่อนต่อได้นี่”“เธอทำอย่างกับไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไงต่อ ถึงยังไงแม่ๆ ก็จับเราแต่งงานอยู่ดีนั่นแหละ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมรับแล้วค่อยๆ ปรับตัว” ธีรภพพูดกับหญิงสาวด้วยเหตุผล“.....” นารินยังนั่งเงียบอยู่ จนธีรภพต้องถอนหายใจ“ฉันไม่ได้บังคับแต่อยากให้เธอลองคิดดู ว่าต่อให้เธอต่อต้านแม่ๆ ก็ต้องบังคับอยู่ดีในเมื่อแม่ๆ รู้กันแล้วว่าฉันนอนกับเธอ”“บ้านฉันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้” หญิงสาวเถียงอย่างไม่แน่ใจ“ไม่หรอก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวนะ อีกอย่างแม่กับน้าวัลเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เธอไม่กลัวว่าการที่เราเป็นแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ๆ มีปัญหาหรือไง”หญิงสา
เช้าวันต่อมา ภวินทร์ ชวัลญา นีรชา และธีรดา มานั่งรวมตัวกันรอเด็กๆลงมาตั้งแต่เช้า แต่ดูเหมือนว่าวันนี้น่าจะไม่มีใครลุกแต่เช้าไหว พวกเขาทั้ง 4 คนจึงพากันกินข้าวเช้าแล้วนั่งคุยกันระหว่างรอจนกระทั่งสาย นริยากับภาคินก็ลงมาก่อน หญิงสาวสบตากับสามีเมื่อลงมาแล้วยังไม่เห็นนารินกับธีรภพ และบรรดาพ่อแม่ก็นั่งรอพวกเธออยู่“ไปกินข้าวแล้วมานั่งนี่เลยจ้ะเด็กๆ” ชวัลญาพูดอย่างอารมณ์ดี แต่ยังก็วางมาดขรึม“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยววันนี้น้ำว่าจะออกไปกินข้างนอกค่ะ”“งั้นมานั่งนี่เร็ว” ชวัลญากวักมือเรียกแล้วตบโซฟาข้างตัวนริยาเดินมานั่งลงตามที่ชวัลญาเรียก ภาคินมานั่งลงโซฟาที่อยู่ตรงข้ามพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ“เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืน ลงเอยไหม” ชวัลญากับธีรดาจ้องหญิงสาวด้วยความอยากรู้“เอ่อ คิดว่านะคะ ไม่งั้นป่านนี้น่าจะลงมาก่อนแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลางๆ“โอกาสลงเอยสูงสินะ” ชวัลญากับธีรดาหันมาแตะมือกันด้วยความดีใจนริยาสบตากับภาคิน สีหน้าเธองงอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกเธอตกใจนึกว่าจะโดนเรียกมาดุที่เธอไม่ขวางทั้ง 2 คนเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าบรรดาแม่ๆไม่ดุแถมยังต้องการให้ธีรภพกับนารินลงเอยกันเสียอย่างนั้น“อย่างนี้แหละ
ทางด้านนริยา หลังจากที่เธอเอายาไปให้กับธีรภพเสร็จแล้วเธอก็กลับมาที่ห้องนอน เป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคินเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพอดี“ไปไหนมา”“เอายาไปให้แฟรงค์ค่ะ”“ยา?”“ยาฉุกเฉินค่ะ กันเหนียวเอาไว้ดีกว่าไงคะ”“คนอื่นแค่ช่วยกันสร้างสถานการณ์ ช่วยกันลุ้น แม่คุณเล่นอำนวยความสะดวกให้แบบนี้เลยเหรอ”“ห้ามได้เหรอคะ คนนอนห้องเดียวกัน”“พี่ยังอดใจได้ตั้งนาน”“แต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ น้ำว่าดีไม่ดี ต่อให้พวกเขากินกันไปแล้ว รินก็ยังไม่ตกลงคบหรอกค่ะ รินใจแข็งกว่าที่คิดนะคะ”“หะ ยังไงนะ” ชายหนุ่มชะงักไปหลังจากเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนเตียง“ก็แบบ รินก็กินเฉยๆ แต่ยังไม่คบไงคะ คนที่เป็นฝ่ายตามน่าจะเป็นแฟรงค์นะคะงานนี้”“ประมาณว่าคนที่เป็นฝ่ายเสียคือไอ้แฟรงค์ คนที่เป็นฝ่ายได้คือยัยริน .....เหรอ”“ก็ประมาณนั้นค่ะ จากนิสัยรินนะคะ”“อึ้งเลยนะเนี่ย” ภาคินอึ้งเมื่อรู้สิ่งที่ภรรยาสาวคิด ซึ่งเขาก็เชื่อเธอ เพราะนริยากับนารินสนิทกันมาก“ไม่เชื่อก็รอดูสิคะ”“ก็เชื่อแหละ แต่มันอึ้งไง”“ยัยรินดุมากกว่าที่พี่คิดนะ แล้วคอยดูสิว่าแฟรงค์จะต้องเป็นฝ่ายคอยตามจริงไหม น้ำไม่คุยละ ไปอาบน้ำดีกว่า”นริยาเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัวแ
ดวงตาคมมองไปยังร่างเล็กที่กำลังคลุมโปงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาลังเล แต่ก็ไม่อยากรู้สึกเสียใจกับตัวเอง เขารู้ตัวเองดีว่ากำลังชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างเธอก็เป็นคนที่มารดาหมายมั่นปั้นมืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันจะเกิดขึ้นเร็วหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงตรงขอบเตียง ดึงผ้าห่มที่กำลังคลุมร่างเล็กอยู่อย่างเบามือ ดวงหน้าหวานกำลังหลับสนิท ร่างกายที่บอบบาง ผิวที่ขาวเนียนไปทั้งตัว สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาละสายตาไปจากเธอไม่ได้ธีรภพขยับกายขึ้นไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้ มือใหญ่จับรวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงเอาไว้กับที่นอน นารินสะดุ้งเฮือกลืมตาเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายถูกแตะต้องสองหนุ่มสาวมองสบตากัน นารินยังตั้งสติไม่ทันเพราะหลับสนิทไปแล้ว เธอนิ่งไปพักใหญ่“ว่ายังไง?”“.....อะไร”“ก็เธอไง ว่ายังไง”“ไม่รู้”“งั้นฉันถือว่าเธอไม่ปฏิเสธนะ”“.....”“แล้วฉันก็ไม่ได้บังคับเธอด้วย”ชายหนุ่มบอกเธอพร้อมกับยิ้มน้อยๆ นารินนิ่งไป แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน เมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาแนบริมฝีปากบนลำคอ“.....นายเมาเหรอ”“เปล่า ไม่ได้เมา ฉันกับพี่คินดื่มได้ในระดับเดียวกันนั่นแหละ” เขาบอกเสียงอู้อี้