เย็นวันนั้น หลังจากที่ตื่นนอน ภาคินกับนริยาก็ลงมานั่งเล่นอยู่ข้างล่างกับนีรชาและนาริน ภวินทร์กับชวัลญาเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท ส่วนธาวินเมื่อตื่นลงมากินข้าวเสร็จก็ออกไปเที่ยวแล้วบอกว่าจะกลับดึกนริยากับนารินนั่งคุยกันเบาๆ ปล่อยให้ภาคินกับนีรชานั่งคุยกันเองตามประสาเจ้านายกับลูกน้องและแม่ยายกับลูกเขย จนเมื่อภวินทร์กับชวัลญากลับมาบ้าน ทุกคนก็มารวมตัวกันเพื่อกินมื้อเย็นร่วมกัน“เออ พ่อให้คนจัดการเรื่องพักร้อนให้คุณนิแล้วนะ”“ขอบคุณครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาน้ำเข้าบริษัทนะครับ อาจจะนอนที่ห้องทำงานเลย น่าจะมีอะไรให้เคลียร์เยอะครับ” ภาคินบอกกับทุกคนเพื่อให้รับรู้ว่าเขากับนริยาจะไม่กลับบ้าน“เดี๋ยวให้คนจัดเสื้อผ้าเอาไปให้ เซ็ทที่อยู่ในห้องทำงานแม่ว่าน่าจะตกรุ่นไปหมดแล้ว 2 ปีกว่าแล้ว” ชวัลญาหมายถึงเสื้อผ้าทำงานที่เอาไว้เปลี่ยนในห้องทำงาน“ครับ ขอบคุณครับ”มื้ออาหารผ่านไปอย่างเรียบง่าย ภาคินคอยตักอาหารให้กับนริยา เหมือนที่เคยทำทุกครั้งเวลาอยู่กับเธอ นีรชามองภาพตรงหน้าด้วยความดีใจที่นริยามีคนดูแล อาจจะดูแลดีกว่าเธอและทิวาด้วยซ้ำ“เออใช่ เดี๋ยวผมจัดคนไปทำความสะอาดที่บ้านให้ คุณแม่ต้องการเอาอะไรมา
“ไปนอนก่อนได้เลยนะคะคนสวย พี่ขอเคลียร์งานก่อน มีงานค้างเยอะเลย”“เหลือเยอะเลยเหรอคะ”“ก็เยอะอยู่นะ พี่จะเคลียร์ให้เยอะที่สุด พรุ่งนี้จะได้ไม่ยุ่งมากน่ะจ้ะ”“อ๋อ ค่ะ งั้นน้ำไปนอนก่อนนะ”ริมฝีปากเล็กแนบจุมพิตลงบนแก้มสาก ก่อนที่เธอจะเดินหายเข้าไปในห้องด้านใน โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าคล้อยหลังเธอไป ภาคินได้สั่งงานพจน์ด้วยใบหน้าเคร่งเครียดเช้าวันต่อมา ภาคินเข้าประชุมผู้บริหารแต่เช้า ปล่อยให้นริยาอยู่คนเดียว แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็สั่งให้เธอล็อกห้องทำงานเอาไว้เพื่อความปลอดภัยอยู่ดีนริยาหาหนังสือมานั่งอ่านจนกระทั่งสามีหนุ่มของเธอกลับมาในเวลาใกล้เที่ยง และชวนให้เธอลงไปหาอะไรกินข้างนอกพร้อมกับผู้ช่วยทั้งสองคนของเขา“อยากกินอะไร แถวนี้มีร้านอร่อยเยอะเลย” ชายหนุ่มพูดกับภรรยาสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล“อะไรก็ได้ค่ะ น้ำกินได้หมดแหละ” นริยาจับมือเขาเอาไว้แน่น เมื่อเดินออกจากลิฟต์มาแล้วมีแต่คนค้อมศีรษะราวกับทักทายเธอไปตลอดทาง“ไม่ต้องเกร็ง พวกเขาแค่ทักทายน่ะ แล้วอีกอย่างพี่ก็ไม่เคยพาใครเข้ามาที่นี่ มีแค่ครั้งนั้นที่น้ำเคยมาเมื่อ 2 ปีก่อน กับตอนนี้”“ผมว่าข่าวลือเมื่อวานที่ว่าคุณคินลงมารับคุณน้ำน่าจะกระจายแล
“เอาล่ะๆ อย่าคิดเลย ไปนอนได้แล้ว”นริยาพยักหน้าก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียง แล้วหยิบโทรศัพท์มาเล่นสักพักก็ผล็อยหลับไปแบบไม่ทันได้รู้ตัวภาคินนั่งทำงานอยู่อีกสักพักก็ลุกขึ้น เขาเองก็เตรียมตัวจะนอนเช่นกัน แต่หางตาเหลือบไปเห็นกล่องที่ห่อกระดาษเป็นอย่างดีที่วางอยู่ใต้โต๊ะกระจกก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศ ชายหนุ่มมัวแต่ยุ่งจนลืมไปว่าเขาได้ซื้อมันกลับมาด้วย เห็นทีจะได้เวลาเปิดกล่องเสียทีมือหนาเอื้อมหยิบกล่องขึ้นมาวางบนโต๊ะ แกะกล่องอย่างเบามือ หยิบของออกมา 3 ชิ้น เดินไปที่เตียงโดยไร้เสียงฝีเท้า ก่อนที่จะได้ยินเสียงกริ๊กและข้อมือบางก็ถูกใส่กุญแจมือเอาไว้ภายในเวลาไม่ถึงนาทีโดยที่เธอยังไม่รู้สึกตัวตื่นชุดนอนบางเบาถูกถลกขึ้นจนเผยให้เห็นเนินอวบอูมที่ไม่มีปราการด้านใน มันเนียนสวยและไม่มีไรขนขึ้นให้รำคาญใจหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทสะดุ้งตื่น เมื่ออยู่ๆ บั้นท้ายกลมก็ถูกตี แล้วริมฝีปากหยักก็แนบจุมพิตลงมาจนเธอรับสัมผัสรุนแรงแทบไม่ทัน“อื้ม.....” นริยาดิ้นเล็กน้อย เมื่ออยู่ๆ เขาก็กัดริมฝีปากเธอภาคินขยับขึ้นไปคร่อมร่างหญิงสาว ปลายนิ้วยาวเกี่ยวสายเสื้อนอนให้เลื่อนหลุดลง
“ของชอบเลยนะ”“.....ปลดนี่ออกก่อนได้ไหมคะ” หญิงสาวชูข้อมือตัวเองขึ้นให้เขาดูว่ายังไม่ได้ปลดล็อกกุญแจมือ“กะว่าจะใส่จนเล่นเสร็จเลยนะ”“ปลดก่อนเถอะค่ะ มันนานไป”“งั้นรอแป๊บ”ร่างสูงเดินหายเข้าไปข้างในอีกครั้งแล้วออกมาพร้อมกับลูกกุญแจ เขาปลดล็อกให้เธอเสร็จก็เอามันวางไว้บนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆ“มานั่งโซฟาไหม จะได้มองเห็นวิวข้างนอกได้ด้วย”โซฟาตัวใหญ่ตั้งอยู่เป็นชุด เพราะระเบียงห้องของเขามีขนาดกว้างราวกับ 1 ห้อง โซฟาชุดใหญ่ถูกจัดให้หันหน้าออกไปด้านนอก เพื่อมองเห็นวิวที่เป็นสวนและศาลาริมสระของที่บ้าน แต่เพื่อป้องกันแสงแดดและสายตาสอดรู้สอดเห็นยามที่ต้องการความเป็นส่วนตัว จึงได้มีการติดตั้งผนังกระจกเลื่อนได้เอาไว้ มันติดฟิล์มทึบสำหรับกั้นแสงและสายตาจากภายนอก แต่คนในห้องก็ยังสามารถมองออกไปข้างนอกได้ตามปกติ“ตอนนั้นทำไมสร้างผนังแบบนี้ล่ะคะ”“เพราะพี่ชอบออกมานั่งดื่มกาแฟตอนเช้า แต่พอสายๆ เที่ยงๆ มันร้อนใช่ไหมล่ะ ก็เลยสร้างเอาไว้ให้มันเลื่อนเปิดปิดได้”ภาคินอธิบายให้หญิงสาวฟังระหว่างที่อุ้มเธอมานั่งซ้อนบนตักที่โซฟาเดี่ยว นริยาพยักหน้ารับรู้ เธอมองออกไปด้านนอกด้วยใจที่สั่นระรัว“รู้สึกแปลกดีนะคะ”“ยังไ
“เลิกเรียนแล้วก็รอกันอยู่แถวนี้นะ เดี๋ยวพี่มารับ ถ้าเสร็จงานเร็วอาจจะเข้ามารอก่อน”“ค่าๆ”ภาคินมาส่งทั้งสองสาวในช่วงเที่ยงหลังจากที่พาทั้งคู่แวะไปหาอะไรกิน เพราะพวกเธอมีเรียนตอนบ่าย เขาตั้งใจว่าส่งพวกเธอเสร็จก็ออกไปทำงานแล้วค่อยกลับมารับพวกเธอกลับบ้านหลังจากที่ภาคินขับรถออกไปแล้ว ทั้งสองสาวก็มานั่งอยู่ที่โต๊ะหินเพื่อรอเวลาขึ้นเรียน ไม่นานธีรภพก็เดินเข้ามานั่งด้วยธีรภพเป็นคนที่มีรูปร่างสูง และหน้าตาดีค่อนไปทางดีมาก มีสาวๆ หลายคนแวะเวียนมาขอข้อมูลติดต่อเขาบ่อยๆ เขาเพิ่งเข้ามาทำความรู้จักและมารวมกลุ่มกับทั้งสองสาวเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้“ไง” นารินทัก เมื่อเขาหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามกับพวกเธอ“พวกเธอมาเร็วจัง”“พี่ชายมาส่งน่ะ” นารินตอบเขา“พวกเธออยู่ด้วยกันเหรอ” เขาถามเมื่อรู้สึกแปลกๆ กับคำตอบ“ใช่ พวกเราอยู่บ้านเดียวกัน” นารินกับนริยาหันมาสบตากัน ก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่องคุยทั้ง 3 คนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนได้เวลาขึ้นเรียน จนกระทั่งจบชั่วโมงก็ลงมานั่งเล่นอยู่ที่เดิม เพื่อรอให้ภาคินมารับ“วันนี้ไปไหนไหม” นารินถามนริยาตามความเคยชิน“ไปห้าง จะไปซื้อของ”“โอเค บอกพี่คินยัง”“ยัง ค่อยบอกตอนขึ้นรถ”
“มาแล้วจ้ะ” ภาคินหย่อนกายนั่งลงเคียงข้างภรรยาสาวพร้อมกับส่งเสียงบอก“ทำไมไปนานจังคะ”“มีเหตุนิดหน่อย แต่ไม่มีอะไร”“เรื่องสาวๆ อีกใช่ไหมล่ะคะ”“รู้ได้ไง” ภาคินถามหญิงสาวก่อนจะอ้าปากงับช้อนที่เธอตักไอศกรีมส่งให้“ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งนี่คะ”“ช่วยไม่ได้นะ คนมีอดีตก็แบบนี้แหละ”“อย่าให้วุ่นวายมากนะคะ น้ำไม่ชอบ ถ้ายังเคลียร์ไม่ได้แล้ววุ่นวายมาถึงน้ำ น้ำไม่รับประกันนะว่าน้ำจะปล่อยพี่ไป”“ครับผม จะเคลียร์ให้เรียบร้อยครับ”“ดีค่ะ”ธีรภพกับนารินมองทั้งสองคนคุยกันแล้วก็ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่ไอศกรีมของชายหนุ่มจะมาเสิร์ฟหลังจากนั่งรอไม่นาน“แล้วนี่จะปิดเทอมปี 3 กันแล้ว เตรียมมองที่ฝึกงานเอาไว้หรือยัง” ภาคินถามทั้งสามคนอย่างคนที่ผ่านเรื่องนี้มาก่อน“ยังไม่ได้มองเลยครับ”“ไปที่บริษัทก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ให้คุณพจน์ช่วยดูให้”“เว่อร์น่าพี่คิน ฝึกงานเทอม 2 ยังอีกตั้งนาน” นารินบ่นงุบงิบ“ถามเผื่อไว้เฉยๆ ไง”“ถูกชะตากับแฟรงค์หรือไง” นริยาแซวสามี“ก็ประมาณนั้น” เขายอมรับออกมาตามตรงนริยากับนารินหันมาสบตากันก่อนจะหันมาตักไอศกรีมเข้าปาก แล้วเมินทั้งสองหนุ่มไป ปล่อยให้พวกเขาคุยกันเอง เพราะพวกเธอไม่มีปัญหาเรื่องที
หลายวันต่อมา หลังจากที่นารินตื่นนอนลงมาข้างล่าง ก็เห็นว่าชวัลญากำลังนั่งคุยอยู่กับธีรดาก็แปลกใจ แต่ก็เก็บสีหน้าเอาไว้แทบจะทันทีและเดินเข้ามานั่งกับมารดา“สวัสดีค่ะน้าดา”“สวัสดีจ้ะ”“แม่นิล่ะคะ”“ออกไปธุระตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ ส่วนเจ้าคินกับยัยน้ำก็ยังไม่ลงมา” ชวัลญาบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงที่เคยชิน“แหงล่ะค่ะ เมื่อคืนลากยัยน้ำเข้าห้องขนาดนั้น กว่ายัยน้ำจะลุกไหวก็คงเกือบเที่ยงแหละค่ะ” นารินเองก็บอกมารดาอย่างเคยชินเช่นกัน เพราะมันเป็นเรื่องปกติของบ้านเธอ“อะไรเหรอ” ธีรดาถามด้วยสีหน้าสงสัย“ไม่มีอะไรหรอก เป็นเรื่องปกติของบ้านฉัน พวกเราแสดงความรักและพูดคุยกันอย่างเปิดเผยน่ะ” ชวัลญาบอกธีรดาพลางยิ้มน้อยๆ“อ่อ เออ วันนี้หนูรินไปไหนไหม” ธีรดาสบตากับชวัลญาแล้วถามหญิงสาวเสียงนุ่ม“ไม่น่านะคะ วันนี้รินไม่มีนัดค่ะ” หญิงสาวบอกก่อนจะเอนกายนอนหนุนตักมารดา“ดีเลย งั้นวันนี้ออกไปซื้อของมาปาร์ตี้หน่อยนะ เราจะจัดงานปีใหม่กัน ปกติแม่จะเป็นคนออกไปซื้อกับพ่อใช่ไหมล่ะ แต่วันนี้พ่อน่าจะกลับเย็นเลย แล้วแม่จะปล่อยให้น้าดาอยู่คนเดียวก็ไม่ได้ใช่ไหม งั้นรินออกไปซื้อมาหน่อย ใช้เงินส่วนกลางได้เลย” ชวัลญาบอกก่อนจะหยิบบั
“ไง เด็กๆ”ภวินทร์เพิ่งกลับมาบ้านหลังจากประชุมผู้ถือหุ้นเสร็จ เขาตรงไปหาชวัลญาแล้วโน้มตัวจุมพิตแก้มของภรรยาก่อนที่จะทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง“สวัสดีครับ/ค่ะ” ทั้ง 4 หนุ่มสาวพูดขึ้นมาพร้อมกัน“เจ้าวินล่ะ”“บอกว่าจะลงมามืดๆ ค่ะ เห็นว่ารีบทำรายงานอยู่ค่ะ” นารินบอกบิดาเพราะเธอเป็นคนเดียวที่รู้“อืม ไงเจ้าแฟรงค์ ไม่ได้เจอกันนานเลย”“สบายดีครับคุณน้า น้าสบายดีไหมครับ”“สบายดีๆ พอเจ้าคินกลับมาทำงานที่นี่เต็มตัว น้าสบายขึ้นเยอะ”“โถ่พ่อ ทำอย่างกับเมื่อก่อนผมไม่ช่วยอะ”“ก็ช่วย แต่ไม่ได้อยู่ไทยไง นี่ก็ยังต้องสลับกันบินไปนู่น เพราะขยายสาขาไปที่นู่นก็ต้องไปคอยดูเหมือนกัน”“อย่าบ่นน่าพ่อ ให้ผมมีเวลาอยู่กับเมียบ้าง ห่างกันตั้ง 2 ปีแล้ว”“เดี๋ยวจะส่งไปอยู่สัก 5 ปีเลยดีไหม”“ไม่ดี เดี๋ยวเมียหนีไปมีผัวใหม่”ภาคินบอกภวินทร์หน้าตายแล้วยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นกระดก ภวินทร์ได้แต่ส่ายหน้ากับความกวนประสาทของบุตรชายคนโต“ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เดี๋ยวออกมาร่วมวงด้วย”หลังจากภวินทร์เดินเข้าบ้านไปไม่นาน ธาวินก็เดินออกมาร่วมวง หนุ่มวัยรุ่นเพียงคนเดียวของบ้านมานั่งร่วมวงกับพี่ๆ โดยที่ภาคินก็ไม่ได้ขัดน้องชา
เมื่อพากันกลับมาถึงที่บ้านพักในช่วงเย็นหลังจากที่แวะไปซื้อของกินมากมายที่ตลาดก็ช่วยกันจัดเตรียมของสำหรับปิ้งย่าง นริยาปล่อยให้พี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ที่หลับระหว่างทางกลับมาที่บ้านพัก“น้ำไปพักก่อนดีไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง” ชวัลญาบอกระหว่างที่กำลังเตรียมของ“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำอยู่ช่วยดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ ไงคะ”“เดี๋ยวนิทำน้ำจิ้มให้นะคะ” นิรชาที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินเข้ามาในครัว จึงอาสาช่วยอีกแรงข้าวของมากมายที่ซื้อมาเสร็จพร้อมลงเตาในเวลาเพียงไม่นาน ภวินทร์กับภาคินมาช่วยกันยกออกไปที่โต๊ะหินหน้าบ้าน ซึ่งคนขับรถก็ช่วยกันจุดเตารออยู่ก่อนแล้ว“เอ้า ลงมือเลย จะได้เสร็จทันเด็กๆ ตื่นมากินพอดี” ภวินทร์สั่งพร้อมกับที่ทุกคนช่วยกันหยิบจับ ช่วยกันย่างอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน“น้องเพลงตื่นแล้วค่ะ”“น้องพิณก็ตื่นแล้วค่ะ”สองสาวส่งเสียงอู้อี้พลางเดินงัวเงียออกมาจากในบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงพาออกมาที่หน้าบ้านที่ผู้ใหญ่กำลังจัดเตรียมปาร์ตี้กันอยู่“ไปล้างหน้ากันก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”“ค่ะ”สองแฝดปล่อยให้พี่เลี้ยงพาไปล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะเดินมานั่งรอมารดาที่กำลังจัดเตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคน“คุ
4 ปีต่อมา“แม่ เห็นสองแสบไหมคะ”“นู่นแน่ะ อยู่กับคุณปู่คุณย่าที่สวน”นริยาลงมาจากชั้นบนในช่วงสายหลังจากที่เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถามมารดาเมื่อลงมายังข้างล่างแล้วไม่เจอเจ้าสองแสบ แฝดน้อยของเธอ ที่ตอนนี้อายุ 3 ปีกว่าอยู่ในบ้าน“แล้วทำไมวันนี้ลงมาช้าล่ะ”“จัดของน่ะค่ะ ต้องเริ่มเตรียมแล้วค่ะ”“แม่ยังไม่ได้จัดของเลย”“ของน้ำต้องเตรียมเยอะค่ะ เลยเริ่มเตรียมเอาไว้ก่อน แค่ของเจ้าแฝดก็ใช้กระเป๋า 2 ใบแล้วล่ะค่ะ”อีกไม่กี่วันครอบครัวของเธอจะพากันไปเที่ยวทะเล สองแฝดดีใจมากเพราะพวกเขาเป็นคนขอให้ภาคินพาพวกเขาไป“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเจ้าแฝดก่อนนะแม่”“ไปเถอะ”นริยาตรงออกไปหน้าบ้านที่มีมุมนั่งเล่นอยู่ก็เห็นว่าภวินทร์กับชวัลญากำลังเล่นกับสองแฝดอยู่ เสียงหัวเราะ เสียงร้องวี้ดว้ายดังไปทั่วบริเวณ“เล่นอะไรกันอยู่คะ” หญิงสาวส่งเสียงออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม“คุณแม่” สองแฝดเรียดมารดาพร้อมกันแล้ววิ่งกางแขนไปหามารดา“ว่าไงจ๊ะ ได้ดื้อกับคุณปู่คุณย่าหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ เพลงไม่ดื้อเลย”“พิณก็ไม่ดื้อค่ะ”“แม่เชื่อจ้ะ ไปนั่งกับคุณย่ากันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวจูบมือสองแฝดเดินเข้าไปนั่งกับภวินทร์และชวัลญาที่นั่งมอ
“กลับมาแล้วค่ะ” นริยาส่งเสียงหลังจากเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย“มานั่งเร็ว” นารินรีบเข้ามาจับมือเพื่อนพาไปนั่ง ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน“เป็นยังไงบ้าง” ชวัลญาถามด้วยความอยากรู้“ให้พี่คินบอกดีกว่าค่ะ” นริยาโยนให้สามีหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนบอกหลังจากภาคินเดินเข้ามาในบ้านก็มานั่งที่โซฟา เมื่อเห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตารอคอยก็ทำหน้าขรึม“หมอบอกว่า 8 สัปดาห์แล้วครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วห้อง เมื่อทุกคนได้รับการยืนยันข่าวดี ก่อนที่ชวัลญาจะเอะใจที่ภาคินเงียบผิดปกติจึงมองไปที่บุตรชาย“มีอะไรอีกหรือเปล่า”“มีครับ”ทั้งห้องเงียบกริบ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่จนทุกคนใจไม่ดี ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่“คือ..... หมอบอกว่าไม่ใช่แค่ 1 ครับ”“หะ แฝดเหรอ” ชวัลญาอุทานด้วยความตกใจ“โอกาสสูงมากค่ะ ถ้าไม่มีคนไหนหลุดหรือหยุดการเจริญเติบโตไปก่อน ก็จะได้แฝดแท้จากไข่ใบเดียวกันค่ะ” นริยาบอกทุกคนตามที่ได้ฟังหมออธิบายมา“โอ๊ย ฉลองทั้งคืนเลยคืนนี้” เสียงกรี๊ดกร๊าดของชวัลญา นีรชา และนาริน ทำให้นริยาหัวเราะออกมา“ตอนนี้น้ำต้องเดินให้น้อยที่สุด รวมทั้งต้อง
“เข้ามาเถอะน่า” ธีรภพบ่นหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ยอมเข้ามาในบ้านนารินทำหน้าหงิกงอ ก่อนที่เธอจะทุบเขาหลังเขาไปแรงๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอเธอกับเขาอยู่โดยมีเขาเดินตามมา“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยทักทายตามความเคยชินร่างเล็กมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับบิดามารดาและธีรดา โดยมีภาคินกับนริยายิ้มให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ“ไงเรา พร้อมยอมรับความจริงหรือยัง” ชวัลญาถามบุตรสาวยิ้มๆ“.....ค่ะ”“โอเค จะจดทะเบียนก่อนไหม แล้วค่อยจัดงานตอนเรียนจบแบบคู่ตาคิน”“แล้วแต่แม่เลยค่ะ”“แฟรงค์ล่ะ ว่ายังไง” ชวัลญาหันไปถามว่าที่บุตรเขยบ้าง“แล้วแต่รินเลยครับ”“โอเค งั้นเดี๋ยวหลังปีใหม่ก็แล้วกัน จดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยจัดงานพร้อมกันเลย” ภวินทร์สรุปให้“ครับ” ธีรภพขานรับพลางพยักหน้าทุกคนพูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไป ภาคินกับนริยากลับขึ้นห้อง เพราะวันนี้นริยามีเรียนช่วงบ่าย ภวินทร์กับชวัลญาเข้าบริษัท ธีรดาเองก็ต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวสามีและจัดเตรียมแหวนและของหมั้นให้กับนาริน ส่วนตัวธีรภพกับนารินก็ขึ้นไปเตรียมตัวบนห้องเช่นกันเพราะชายหนุ่มเอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยจากคอนโด“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“จะไม่แก้มัดเหรอ”“ไม่”ใบหน้าหวานเงยขึ้น เมื่อลำคอระหงถูกริมฝีปากหยักแนบลงไป เขาดูดเนื้ออ่อนสร้างร่องรอยเอาไว้หลายที่ด้วยความตั้งใจ“จุดอ่อนเธออยู่ที่คอ”“ใช่ รู้ได้ยังไง”“เธอแฉะแล้ว แค่ฉันดูดคอ”“อืม” หญิงสาวครางในลำคออย่างยอมรับร่างสูงอุ้มร่างหญิงสาววางลงบนเตียงแล้วขยับถอดกางเกงออก โชว์ให้เห็นเอ็นเนื้อลำใหญ่ที่ตั้งผงาดรออยู่แล้ว นารินขยับตัวขึ้นไปนั่งยองคร่อมบนตักแกร่งแล้วมองสบตาเขา“กลัวเจ็บไหมล่ะ”“ไม่”คนตัวเล็กโหย่งตัวขึ้น ขยับตัวให้ปลายหัวหยักจ่ออยู่ที่ปากร่องของเธอ แล้วจับบ่ากว้างเอาไว้ ค่อยๆ ขยับตัวลงให้มันเข้ามาข้างในทีละน้อย“อ๊ะ” เสียงหวานใสอุทาน เมื่อเธอรู้สึกตึงแน่น“เธอไม่ธรรมดาเลยนะ กล้าใส่แบบไม่อุ่นเครื่องเนี่ย” เขาพูดเสียงพร่าอย่างแปลกใจ“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันธรรมดานี่”นารินกัดฟันแล้วกดตัวลงเองมาทีเดียวสุดความยาวของมันจนมันเข้ามาในข้างในจนหมด ใบหน้าหวานเงยขึ้นซู้ดปากเมื่อมันยังมีความเจ็บปะปนอยู่ในความเสียวหญิงสาวขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบ ก่อนที่ร่างเล็กจะสะดุ้งเมื่อหัวไหล่มนถูกเขากัดผ่านเสื้อจนจมเขี้ยว“พอใส่เสื้อเอาแล้วมันเสียวดีนะ”“เหรอ”“อืม”ฝ่ามือหนาจับที่
“เข้ามาสิ” เสียงห้าวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวยังมีอาการลังเลนารินก้าวเท้าเข้าไปในห้องช้าๆ ก่อนที่มือหนาที่จับประตูอยู่จะดึงประตูมาปิด แล้วถอดรองเท้า ก้าวยาวๆ เข้าไปวางกุญแจรถกับโทรศัพท์ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา“มาเถอะ ที่นี่ไม่มีใครหรอก ฉันก็จะไม่ทำอะไร” เขาบอกหญิงสาวเพื่อให้เธอยอมเดินเข้ามาด้านใน“จะคุยอะไร” นารินเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ“ทำไมเธอถึงต่อต้าน”“ก็นายเป็นเพื่อนฉัน”“เมื่อคืนไม่ใช่เพื่อนแล้ว”“ก็เป็นเพื่อนต่อได้นี่”“เธอทำอย่างกับไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไงต่อ ถึงยังไงแม่ๆ ก็จับเราแต่งงานอยู่ดีนั่นแหละ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมรับแล้วค่อยๆ ปรับตัว” ธีรภพพูดกับหญิงสาวด้วยเหตุผล“.....” นารินยังนั่งเงียบอยู่ จนธีรภพต้องถอนหายใจ“ฉันไม่ได้บังคับแต่อยากให้เธอลองคิดดู ว่าต่อให้เธอต่อต้านแม่ๆ ก็ต้องบังคับอยู่ดีในเมื่อแม่ๆ รู้กันแล้วว่าฉันนอนกับเธอ”“บ้านฉันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้” หญิงสาวเถียงอย่างไม่แน่ใจ“ไม่หรอก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวนะ อีกอย่างแม่กับน้าวัลเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เธอไม่กลัวว่าการที่เราเป็นแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ๆ มีปัญหาหรือไง”หญิงสา
เช้าวันต่อมา ภวินทร์ ชวัลญา นีรชา และธีรดา มานั่งรวมตัวกันรอเด็กๆลงมาตั้งแต่เช้า แต่ดูเหมือนว่าวันนี้น่าจะไม่มีใครลุกแต่เช้าไหว พวกเขาทั้ง 4 คนจึงพากันกินข้าวเช้าแล้วนั่งคุยกันระหว่างรอจนกระทั่งสาย นริยากับภาคินก็ลงมาก่อน หญิงสาวสบตากับสามีเมื่อลงมาแล้วยังไม่เห็นนารินกับธีรภพ และบรรดาพ่อแม่ก็นั่งรอพวกเธออยู่“ไปกินข้าวแล้วมานั่งนี่เลยจ้ะเด็กๆ” ชวัลญาพูดอย่างอารมณ์ดี แต่ยังก็วางมาดขรึม“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยววันนี้น้ำว่าจะออกไปกินข้างนอกค่ะ”“งั้นมานั่งนี่เร็ว” ชวัลญากวักมือเรียกแล้วตบโซฟาข้างตัวนริยาเดินมานั่งลงตามที่ชวัลญาเรียก ภาคินมานั่งลงโซฟาที่อยู่ตรงข้ามพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ“เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืน ลงเอยไหม” ชวัลญากับธีรดาจ้องหญิงสาวด้วยความอยากรู้“เอ่อ คิดว่านะคะ ไม่งั้นป่านนี้น่าจะลงมาก่อนแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลางๆ“โอกาสลงเอยสูงสินะ” ชวัลญากับธีรดาหันมาแตะมือกันด้วยความดีใจนริยาสบตากับภาคิน สีหน้าเธองงอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกเธอตกใจนึกว่าจะโดนเรียกมาดุที่เธอไม่ขวางทั้ง 2 คนเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าบรรดาแม่ๆไม่ดุแถมยังต้องการให้ธีรภพกับนารินลงเอยกันเสียอย่างนั้น“อย่างนี้แหละ
ทางด้านนริยา หลังจากที่เธอเอายาไปให้กับธีรภพเสร็จแล้วเธอก็กลับมาที่ห้องนอน เป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคินเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพอดี“ไปไหนมา”“เอายาไปให้แฟรงค์ค่ะ”“ยา?”“ยาฉุกเฉินค่ะ กันเหนียวเอาไว้ดีกว่าไงคะ”“คนอื่นแค่ช่วยกันสร้างสถานการณ์ ช่วยกันลุ้น แม่คุณเล่นอำนวยความสะดวกให้แบบนี้เลยเหรอ”“ห้ามได้เหรอคะ คนนอนห้องเดียวกัน”“พี่ยังอดใจได้ตั้งนาน”“แต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ น้ำว่าดีไม่ดี ต่อให้พวกเขากินกันไปแล้ว รินก็ยังไม่ตกลงคบหรอกค่ะ รินใจแข็งกว่าที่คิดนะคะ”“หะ ยังไงนะ” ชายหนุ่มชะงักไปหลังจากเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนเตียง“ก็แบบ รินก็กินเฉยๆ แต่ยังไม่คบไงคะ คนที่เป็นฝ่ายตามน่าจะเป็นแฟรงค์นะคะงานนี้”“ประมาณว่าคนที่เป็นฝ่ายเสียคือไอ้แฟรงค์ คนที่เป็นฝ่ายได้คือยัยริน .....เหรอ”“ก็ประมาณนั้นค่ะ จากนิสัยรินนะคะ”“อึ้งเลยนะเนี่ย” ภาคินอึ้งเมื่อรู้สิ่งที่ภรรยาสาวคิด ซึ่งเขาก็เชื่อเธอ เพราะนริยากับนารินสนิทกันมาก“ไม่เชื่อก็รอดูสิคะ”“ก็เชื่อแหละ แต่มันอึ้งไง”“ยัยรินดุมากกว่าที่พี่คิดนะ แล้วคอยดูสิว่าแฟรงค์จะต้องเป็นฝ่ายคอยตามจริงไหม น้ำไม่คุยละ ไปอาบน้ำดีกว่า”นริยาเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัวแ
ดวงตาคมมองไปยังร่างเล็กที่กำลังคลุมโปงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาลังเล แต่ก็ไม่อยากรู้สึกเสียใจกับตัวเอง เขารู้ตัวเองดีว่ากำลังชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างเธอก็เป็นคนที่มารดาหมายมั่นปั้นมืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันจะเกิดขึ้นเร็วหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงตรงขอบเตียง ดึงผ้าห่มที่กำลังคลุมร่างเล็กอยู่อย่างเบามือ ดวงหน้าหวานกำลังหลับสนิท ร่างกายที่บอบบาง ผิวที่ขาวเนียนไปทั้งตัว สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาละสายตาไปจากเธอไม่ได้ธีรภพขยับกายขึ้นไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้ มือใหญ่จับรวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงเอาไว้กับที่นอน นารินสะดุ้งเฮือกลืมตาเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายถูกแตะต้องสองหนุ่มสาวมองสบตากัน นารินยังตั้งสติไม่ทันเพราะหลับสนิทไปแล้ว เธอนิ่งไปพักใหญ่“ว่ายังไง?”“.....อะไร”“ก็เธอไง ว่ายังไง”“ไม่รู้”“งั้นฉันถือว่าเธอไม่ปฏิเสธนะ”“.....”“แล้วฉันก็ไม่ได้บังคับเธอด้วย”ชายหนุ่มบอกเธอพร้อมกับยิ้มน้อยๆ นารินนิ่งไป แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน เมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาแนบริมฝีปากบนลำคอ“.....นายเมาเหรอ”“เปล่า ไม่ได้เมา ฉันกับพี่คินดื่มได้ในระดับเดียวกันนั่นแหละ” เขาบอกเสียงอู้อี้