“แวะซื้อของก่อน”
รถยนต์คันหรูมาจอดที่สรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองหลวง ก่อนที่เจ้าของรถจะบอกกับหญิงสาวแล้วลงจากรถ
นริยาลงจากรถแล้วเดินตามหลังร่างสูงไป แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจเมื่ออยู่ๆข้อมือเล็กของเธอก็ถูกจับแล้วดึงให้มาเดินเคียงข้าง
“ไปนั่งรอที่ร้านอาหารก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป”
“ร้านไหนคะ”
“เธอจะกินอะไรก็ไปดูเลย สั่งเผื่อพี่ด้วย เสร็จแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ว่าอยู่ร้านไหน”
“ค่ะ”
หลังจากเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้า ทั้งสองคนก็เดินแยกกันไป นริยาเดินไปชั้นที่รวมร้านอาหารแบรนด์ต่างๆเอาไว้ เธอเดินไปเรื่อยๆจนเจอร้านที่ถูกใจก็เข้าไปนั่งและสั่งอาหารสำหรับภาคินและตัวเธอ ก่อนที่จะส่งข้อความบอกเขาแล้วนั่งเล่นโทรศัพท์รอ
ทางด้านภาคิน เขาเดินมาที่ร้านเพชรที่แม่เขาชอบมาเป็นประจำ ตอนที่หญิงสาวลงไปรับอาหารมื้อเที่ยงเขาแอบโทรนัดกับทางร้านเอาไว้ เพื่อให้จัดการหาสิ่งที่เขาต้องการเอาไว้ให้
“สวัสดีค่ะคุณภาคิน”
“สวัสดีครับ”
“เชิญด้านนี้เลยค่ะ เดี๋ยวตรวจสอบดูก่อนนะคะ ว่าเส้นนี้ตรงตามที่ต้องการไหม”
เมื่อเข้ามาในร้าน พนักงานสาวก็เชิญให้เขาไปที่หน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะหยิบกล่องขึ้นมาเปิด เผยให้เห็นสร้อยทองคำขาวผสมทองคำ มีจี้เพชรน้ำงามรูปหยดน้ำขนาดกำลังน่ารัก ที่สามารถใส่ในชีวิตประจำวันได้
“น้ำเท่าไหร่ครับ”
“น้ำ 98 มีใบเซอร์ค่ะ”
“ครับ เอาเส้นนี้ครับ”
“ได้ค่ะ”
บัตรใบสวยไม่จำกัดวงเงินถูกส่งให้กับพนักงาน รอเพียงไม่นานกล่องเพชรกล่องนั้นก็มาอยู่ในมือของภาคิน เขาเอาใส่ภายในเสื้อสูท เซ็นลายเซ็น ก่อนจะรับบัตรคืนแล้วเดินกลับออกมา
เรียวขายาวก้าวเดินไปเรื่อยๆตามทางที่จะไปยังร้านอาหารที่หญิงสาวส่งข้อความมาบอก ไม่กี่นาทีก็เดินมาถึง เขามองหญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่ ผมยาวตรงถึงบั้นเอว มีไรผมระกรอบหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากบางได้รูปสวย ลำคอระหงและช่วงไหล่บอบบาง มันเป็นภาพเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อหลายเดือนก่อน นั่นจึงทำให้คืนนั้นเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมา
ภาคินเดินเข้าไปภายในร้านพลางปรายตาคมดุมองไปยังบรรดาชายหนุ่มที่กำลังมองนริยาโดยที่เธอไม่รู้ตัว ไม่แม้แต่จะสนใจด้วยซ้ำ เพราะเอาแต่สนใจโทรศัพท์อยู่
“ทำอะไร”
“เล่นเกมค่ะ อาหารหายร้อนหมดแล้วนะคะ”
“จะด่าว่าพี่ไปนานว่างั้น”
“ก็แล้วแต่จะคิดค่ะ”
“กินเถอะ”
ทั้งสองคนลงมือจัดการอาหารตรงหน้า อันที่จริงมันก็ยังไม่หายร้อน คงจะเพิ่งมาเสิร์ฟได้ไม่นาน นั่นหมายความว่าชายหนุ่มโดนนริยาหลอกด่าอีกแล้ว
หลังจากจัดการมื้อเย็นเสร็จ ภาคินก็ขับรถตรงกลับไปที่บ้านเลย จนเมื่อกลับมาถึงที่บ้าน นริยาก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นบ่าเตรียมที่จะลงจากรถ แต่ก็โดนเรียกเอาไว้
“ของเธอ” กล่องเครื่องประดับที่มองจากภายนอกก็พอจะเดาออกว่าน่าจะเป็นกล่องเครื่องเพชร ถูกยื่นมาให้กับเธอ
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“ไม่มี”
“…..”
“เปิดดูเถอะ มันใส่ในชีวิตประจำวันได้”
นริยาขมวดคิ้วก่อนจะเปิดกล่องดูตามที่เขาบอก เธอนิ่งไปอึดใจ เพราะสิ่งที่เขาให้เธอมันคือสร้อยเพชรน้ำงาม ที่จี้เป็นรูปหยดน้ำเหมือนชื่อของเธอ
“น้ำเท่าไหร่คะ”
“98”
“มากไปไหมคะ”
“ไม่นี่ เอาไปเถอะ ใส่ไว้ด้วยล่ะ”
“…..”
หญิงสาวยังนั่งนิ่งอยู่ มันมากเกินไปสำหรับเธอ ภาคินกับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน มันมากเกินหากจะให้สร้อยเพชรกับเธอ
และดูเหมือนภาคินจะรู้ว่านริยากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงหยิบสร้อยคอออกมาจากในกล่อง แล้วสวมมันให้กับหญิงสาวเอง
“ห้ามถอด”
“ไม่ถอดได้ไง น้ำต้องไปมหาวิทยาลัย”
“ไม่ได้ห้ามใส่เครื่องประดับเสียหน่อย”
“…..”
“จบนะ”
“ค่ะ”
นริยาถอนหายใจกับความเอาแต่ใจตัวเองของภาคินเบาๆ ก่อนที่จะเก็บกล่องใส่กระเป๋าแล้วลงจากรถไป
ภาคินเดินนำนริยาเข้ามาในบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อมองไปที่ห้องน้ำเล่นแล้วเห็นบิดามารดากำลังนั่งคุยกับนารินและธาวินอยู่
“ไง พ่อตัวแสบ อู้งานเหรอ” ภวินทร์เอ่ยทักบุตรชาย
หญิงสาวยกมือไหว้ผู้ใหญ่โดยอัตโนมัติ เธอหน้าเหวออย่างเห็นได้ชัด จนนารินต้องลุกจากโซฟาแล้วเดินมาจูงมือเธอเข้าไปนั่งโดยมีภาคินเดินตามมานั่งข้างๆนริยา
“พ่อ แม่ นี่น้ำ เพื่อนรินตั้งแต่มัธยม”
“เพื่อนริน?” ชวัลญา ทวนคำบุตรสาวด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ค่ะ เพื่อนริน”
“มากับคิน” หญิงวัยกลางคนที่แม้จะอายุเยอะแต่ก็ยังสวยสะพรั่งอยู่ถามย้ำกับบุตรสาวอีกครั้ง
“ค่ะ ก็พี่คินจีบเพื่อนรินอยู่”
ธาวินที่กำลังดื่มน้ำอัดลมสำลักจนหน้าแดงเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่สาวพูด แม้แต่ภวินทร์กับชวัลญาก็ยังต้องหันไปมองหน้าบุตรชายคนโตเพื่อความแน่ใจ
“ก็ตามนั้น” ภาคินยอมรับง่ายๆแบบไม่มีข้อโต้แย้งและไม่คิดจะโต้แย้ง
“ตายแล้ว สงสัยต้องหาของมารับขวัญว่าที่ลูกสะใภ้” ชวัลญาที่ยังตั้งตัวไม่ทันเอ่ยทีเล่นทีจริง
“เช็คเงินสดไหมล่ะ” ภวินทร์หันมาซุบซิบกับภรรยา
“เรื่องของคุณสิ ฉันจะให้เครื่องเพชร” ชวัลญาค้อนใส่สามีอย่างขัดใจ
“พี่คินจีบพี่น้ำจริงเหรอ” ธาวินหันมาถามนริยาโดยตรง ด้วยความที่เคยเจอกันมาก่อนแล้ว
“…..” นริยาหันไปสบตากับนารินเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ไปถามพี่คินดิ มาถามยัยน้ำทำไม ถามเจ้าตัวนู่น” นารินบอกน้องชายพลางปรายตามองเจ้าของหัวข้อสนทนาที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้
“พี่คิน” ธาวินหันไปเรียกภาคินอย่างต้องการคำตอบ
“เออ”
“แล้ววันนี้…..”
“บุกไปคอนโดน้ำมา แล้วพาไปทำงานด้วย จบไหม” ชายหนุ่มพูดก่อนจะมองหน้าน้องชาย
“จบ” ธาวินพยักหน้ารับก่อนจะยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่ม
สองสามีภรรยายังกระซิบกระซาบกันเรื่องเตรียมสินสอดอยู่ จนภาคินต้องกระแอมเตือน เพื่อให้บิดามารดาหยุดตื่นตูม
“อ้อ โทษที ตื่นเต้นไปหน่อย ตั้งแต่เจ้าคินเกิดมา แม่เพิ่งเคยเห็นมันจีบคนอื่นครั้งแรกเลย” ชวัลญาพูดก่อนจะมองสบตากับนริยาเป็นเชิงว่ากำลังบอกเรื่องนี้กับเธอ
“แม่ เบาๆ เดี๋ยวน้ำกลัว”
“เอ้า ฉันพูดเรื่องจริง” ชวัลญาค้อนใส่บุตรชายอย่างไม่จริงจัง
“เอาล่ะๆ กินข้าวกันมาหรือยัง” ภวินทร์ถามทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงใจดี
“กินมาแล้วครับ แวะไปกินก่อนกลับมานี่แหละครับ ยัยรินโทรไปตามน้ำไปเที่ยว ผมเลยพากลับมาด้วย” ภาคินบอกบิดาพลางมองไปที่น้องสาวอย่างคาดโทษ
“อ้าว เหรอ ไปไหม แม่ไปด้วย”
“…..” ทั้งห้องตกอยู่ท่ามกลางความเงียบ
“พอเลยแม่ เดี๋ยวเมากลับมาอีก” ภาคินส่ายหน้าอ่อนใจ
“งั้นไว้วันหลังเราไปเที่ยวกัน 3 คนดีกว่า รอเจ้าคินเผลอก่อนเนอะ” ชวัลญาพูดขึ้นก่อนขยิบตาให้นริยา ทำเอาหญิงสาวยิ้มออกมา
“พ่อ ดูแม่ดิ” ภาคินรีบหันไปฟ้องบิดา
“ไม่รู้ ไม่ได้ยินอะไรเลย” ภวินทร์ตอบบุตรชายพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“พอค่ะ พักยกก่อน ไปกินข้าวกันก่อนค่ะ เดี๋ยวเย็นหมด น้ำกินอีกไหม” นารินเบรกทุกคนก่อนที่จะยาวกว่านี้ ก่อนจะหันมาถามเพื่อนรักของเธอ
“ได้นะ ไม่มีปัญหา”
“งั้นไป”
หลังจากได้ข้อสรุป ทุกคนจึงย้ายไปที่โต๊ะอาหร แล้วก็เริ่มลงมือหลังจากที่แม่บ้านตักข้าวและรินน้ำให้
ท่ามกลางเสียงพูดคุย นริยากลายเป็นที่สนใจของทุกคน มีเพียงแค่ภาคินที่พูดคุยกับบิดาเรื่องงานเบาๆ เธอสามารถเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี
หลังจากสองสาวกลับขึ้นห้อง ภาคินก็เอาเสื้อผ้าของเขามาให้นริยา เมื่อทั้งสองคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็มานั่งคุยกันอยู่ที่โซฟา ไม่นานชวัลญาก็เดินเข้าห้องมา ในมือถือถาดขนาดไม่ใหญ่มาก พร้อมกับแก้ว 3 ใบและไวน์อีก 1 ขวด
“มา สาวๆ ดื่มกับแม่หน่อย”
“โทษทีนะ แม่ฉันสายดื่มอะ ฉันดื่มเป็นเพราะแม่ฉันนี่แหละ แม่บอกว่าพออายุถึง 20 ปี แม่จะเป็นคนพาไปผับเอง” นารินอธิบายให้นริยาฟัง
“สบาย ฉันก็คนดื่ม”
“หืม ทำไมฉันไม่รู้”
นริยาไม่ได้ตอบอะไร เธอรับแก้วที่ชวัลญาส่งมาให้ ชนแก้วกันก่อนจะหมุนแก้วเบาๆให้กลิ่นไวน์กระจาย แล้วยกขึ้นจิบช้าๆ
“ใช้ได้นะเนี่ย ถูกใจแม่”
“โถ่ ก่อนถูกใจแม่ ถูกใจพี่คินก่อนอีก จองเอาไว้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว” นารินฟ้องมารดา
“ไหนเล่า” ชวัลญาถามน้ำเสียงอบอุ่น
นริยาไม่ได้มีความลับอะไร จึงเล่าเรื่องในวันนั้นให้กับมารดาของเพื่อนฟัง รวมถึงที่ภาคินบุกเข้าไปหาเธอที่คอนโดในวันนี้ด้วย
“รอดจริงๆเหรอ” ชวัลญาถามหญิงสาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ค่ะ” นริยาขานรับน้ำเสียงหนักแน่น
“ไม่น่าเชื่อ” หญิงวัยกลางคนทีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นสิ” นารินเองก็ตกใจไม่ต่างกัน
ทั้งสามคนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนไวน์ใกล้หมดขวด ชวัลญาก็ขอตัวกลับห้อง นารินกลับไปขึ้นเตียงด้วยสภาพที่เมานิดๆ นริยาจึงออกจากห้องเพื่อลงไปหาน้ำดื่มก่อนนอน เธอติดการดื่มน้ำก่อนนอน อีกทั้งยังเพิ่งดื่มแอลกอฮอล์ไปจึงตั้งใจจะล้างปากล้างคอก่อนนอน
“จะไปไหน”
“ไปดื่มน้ำค่ะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นเมื่อหญิงสาวปิดประตูห้องลงอย่างเบามือ เขาเองก็เพิ่งคุยกับบิดาที่ห้องทำงานเสร็จ เมื่อกำลังออกมาจากห้องก็เจอหญิงสาวออกมาพอดี
“มาด้วยกันหน่อย”
ร่างสูงก้าวขายาวๆเข้าประชิดตัวหญิงสาวได้ในไม่กี่ก้าว นริยาเองก็ไม่ได้ถอยหนี มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กแล้วดึงให้เดินไปด้วยกัน
หญิงสาวเดินตามไปเรื่อยๆ เธอไม่ได้ค้านหรือโวยวายอะไร ด้วยรู้ดีว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอแน่นอน จากสัญญาที่เขาเคยให้เธอไว้
หลังจากที่ดึงหญิงสาวให้เดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องนอนของตัวเอง เขาก็เปิดประตูแล้วดึงให้หญิงสาวเดินตามเข้าไป ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนเตียง
นริยามองเขาด้วยความไม่เข้าใจ เธอไม่ได้นั่งลงข้างเขา ทำเพียงแค่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น
ภาคินนั่งนิ่งอยู่สักพัก เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา นิ่งจนนริยาเริ่มรู้สึกว่าเขามีอะไรที่แปลกไป
“เป็นอะไรคะ” หญิงสาวถามน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเขาเองก็ยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของเธอ
“ไม่รู้สิ” มือใหญ่ดึงให้หญิงสาวก้าวมาใกล้เขา ก่อนจะดึงรั้งให้เธอหย่อนตัวนั่งลงบนตัก
“…..” นริยาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ”
อ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดร่างกายบอบบางเอาไว้แล้วก้มหน้าซบลงบนไหล่ของหญิงสาว ก่อนที่ตัวเขาจะนั่งเงียบๆอยู่แบบนั้น นานหลายนาทีกว่าที่เขาจะตั้งสติได้แล้วเงยหน้าขึ้นมา
“บอกได้หรือยังคะ”
“อือ พี่จะไม่อยู่ ประมาณ 2 ปี”
“ไม่อยู่?”
“ไม่อยู่ประเทศไทย”
“แล้ว…..จะให้น้ำรอว่างั้น”
“ได้ไหม?”
“ไม่มีคำตอบค่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ”
“อืม ก็จริง”
ภาคินไม่ได้โต้แย้งอะไรเรื่องนี้ เขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่มีโอกาสได้จีบได้ศึกษานิสัยใจคอกันเสียด้วยซ้ำ การที่เธอยอมโอนอ่อนให้เขาขนาดนี้ก็มากเกินไปสำหรับเธอแล้ว
เสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ตามด้วยบานประตูที่ถูกเปิดออก ก่อนที่ร่างของชวัลญาจะโผล่พ้นประตูเข้ามา“อ้าว อยู่ด้วยกันพอดี แม่ว่าจะเอานี่มาให้” หญิงวัยกลางคนมองสองหนุ่มสาวด้วยอาการเฉยเมย ราวกับไม่ได้ตกใจที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน“คืออะไรครับ” ภาคินถามหลังจากรับกล่องมาถือโดยไม่ได้เปิดออก เพราะเขามัวแต่รั้งเอวนริยาเอาไว้ไม่ให้เธอลุกขึ้น“ก็เปิดดูสิ”ภาคินส่งให้นริยาเป็นคนเปิด เพราะเขามั่นใจว่าสิ่งที่มารดาของเขาเอามา ก็เพื่อเอามาให้เขานำไปให้หญิงสาวตรงหน้าคนนี้หญิงสาวรับกล่องมาเปิดออก เผยให้เห็นเป็นชุดเครื่องเพชรที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ได้เล็ก เป็นเพชรร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ตรงจี้เป็นเพชรรูปหยดน้ำล้อมด้วยพลอยสีชมพู กับข้อมือเข้าชุด“ผู้ใหญ่ให้ของห้ามปฏิเสธนะจ๊ะ” ชวัลญาพูดดักคอเมื่อเห็นนริยาทำท่าจะปฏิเสธ“รับไปเถอะ แม่ชอบซื้อมาสะสมน่ะ”“เอ่อ ขอบคุณค่ะ”ชวัลญายิ้มให้ ก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอรู้ดีว่าหากนริยาเป็นคนที่บุตรชายต้องการจริงๆ เวลานี้คือเวลาที่เขาอยากจะอยู่กับหญิงสาวมากที่สุดทางด้านนริยา เธอมองกล่องเครื่องเพชรในมืองงๆ ก่อนจะปิดฝากล่องลงแล้วยื่นมันให้กั
หลายเดือนต่อมา หลังจากที่ภาคินกับนริยาเข้าพิธีหมั้นแบบเรียบง่าย ที่มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่เข้าร่วม ภาคินก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศ นริยาที่ยังปรับตัวไม่ทันก็ต้องพยายามใช้ชีวิตปกติหญิงสาวตกลงกับภาคินว่าวันที่มีเรียน เธอจะอยู่ที่คอนโดเหมือนปกติ แต่ในวันเสาร์อาทิตย์ วันหยุด หรือวันที่ไม่มีเรียนจะมาอยู่ที่บ้านเขา และเขากับเธอจะต้องส่งข้อความรายงานความไปเป็นในแต่ละวันให้กับอีกฝ่ายรู้ในทุกวันโชคดีของหญิงสาวที่ภวินทร์กับชวัลญาเข้าใจเธอและค่อนข้างหัวสมัยใหม่ จึงไม่ได้เข้ามายุ่งเรื่องความสัมพันธ์ของเธอมากนัก“วันนี้ไปหาอะไรกินกัน ค่อยกลับบ้าน” นารินชวนนริยาหลังหมดคลาสเรียน“อือ” นริยาเก็บของใส่กระเป๋าเล็กของเธอก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป“น้ำ…..” เสียงห้าวเรียกเธอและวิ่งเข้ามาหา“อ้าว แฟรงค์ ว่าไง”“วันนี้ไปไหนไหม เราจะชวนไปกินข้าว ทั้งสองคนเลย”“…..กำลังจะไปกินข้าวกับรินนี่แหละ”“โอเค งั้นเราไปด้วยได้ไหม”นริยาหันไปมองนารินเป็นเชิงถามความเห็น ก่อนที่ทั้งสองสาวจะพยักหน้า ทั้งสามคนจึงนัดไปเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆนริยากับนารินพากันเดินไปที่รถ ก่อนที่นริยาจะขับออกไปหลังจากที่นารินคาด
1 ปีต่อมา“แก ฉันว่าชุดนี้ไม่เหมาะกับฉันเลยว่ะ” นารินบ่นกับนริยาหลังจากที่เธอเอาชุดเดรสที่ต้องใส่คืนนี้มาให้นริยาดู“แลกกับฉันไหมล่ะ”“หึ ไม่เอาอะ”วันนี้ทั้งสองสาวจะต้องไปออกงานพร้อมกับชวัลญา ที่ได้รับบัตรเชิญไปร่วมงานวันเกิดของเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวซึ่งเป็นเพื่อนกับเธอ เธอจึงจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ทั้งสองสาวเพื่อไปด้วยกันในฐานะบุตรสาวและสะใภ้คนโตนริยากับนารินถูกช่างแต่งหน้าทำผมจับแยกกันเพื่อเตรียมตัวกันตั้งแต่บ่าย เพราะทั้งสองสาวผมยาวถึงบั้นเอวทั้งคู่ เลยต้องใช้เวลาในการทำผมนาน อีกทั้งชุดยังมีลูกเล่นที่ต้องระวัง เลยต้องใช้เวลานานเป็นพิเศษจนกระทั่งใกล้เวลาออกจากบ้าน ชวัลญาก็มาตามสองสาวที่ห้องของนาริน เธอแอบสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อเห็นนริยา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมภาคินถึงยอมหยุดที่เด็กสาวคนนี้“เป็นยังไงบ้างคะ” นริยาเอ่ยออกมาอย่างไม่มั่นใจนักร่างบอบบางอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีขาวงาช้าง กระโปรงยาวผ่าข้างสูงถึงโคนขา เผยให้เห็นรูปร่างผอมบาง แต่มีทรวดทรงที่พอเหมาะ ผมยาวตรงถูกถักเปียแล้วยกขึ้นเป็นมวยผม เปิดเปลือยต้นคอระหงสวยงาม“สวย ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมถึงปราบพ่อคินอยู่”“อ้าว แล้วรินล่ะ ไม่สวย
ดวงตาคมทอดมองเรือนร่างขาวผ่อง ที่สวยงามราวกับภาพวาดราคาแพงที่เห็นได้ในพิพิธภัณฑ์อย่างหลงใหล เขาค่อยๆขยับกายขึ้นไปบนเตียงช้าๆ ก่อนจะเอนพิงหัวเตียงในท่าที่สบายและเตรียมพร้อม แล้วเอนกายเข้าไปใกล้หญิงสาว“น้ำ…..” เสียงแหบพร่าเรียกเจ้าของร่างบางอย่างอ่อนโยนนริยาสะดุ้งตื่นอีกครั้งหลังจากที่เธอถูกปลุก ดวงตากลมโตมองคนปลุกอย่างคนที่ยังไม่ตื่นดี แต่เมื่อเขาวางมือลงบนบั้นท้ายกลมกลึงเธอก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเขาต้องการอะไรหญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกางแขนออกเพื่อตอบรับในสิ่งที่เขาต้องการขอโดยไม่ต้องใช้คำพูดร่างสูงใหญ่ขยับยกอุ้มให้คนตัวเล็กกว่ามานั่งคร่อมอยู่บนหน้าขาของตนเอง สายตาสองคู่สบกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งที่ห่างหายเรื่องบนเตียงมานานแรมปี กับอีกฝ่ายที่เผลอใจไปกับคนตรงหน้าโดยไม่ทันรู้ตัว จึงดูเหมือนว่าจะไม่ต้องใช้คำพูดอะไรชุดนอนสีสวยถูกถอดออกจากเรือนร่างบอบบาง เปิดเปลือยสิ่งสวยงามแก่สายตาคมดุที่มองอย่างพยายามอดกลั้น“กลัวไหม”“ไม่ค่ะ”“ถ้าเจ็บก็บอกนะ พี่จะพยายามเบามือที่สุด”“ทำตามที่ต้องการเถอะค่ะ น้ำไม่ได้บอบบางขนาดนั้น” หญิงสาวบอกพลางยิ้มน้อยๆ เธอไม่ได้กลัวเขา เพราะเธอรู้ว่าการที่เขา
“สองคนนั้นล่ะคะ” นารินถามมารดาเมื่อวันนี้เธอลงมาข้างล่างสายแต่ก็ไม่เห็นภาคินกับนริยา“ยังไม่มีใครลงมาเลย สงสัยจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันไปละ” ชวัลญาบอกพลางดูเครื่องเพชรในมือ“ทำอะไรอยู่คะ”“รับขวัญลูกสะใภ้น่ะสิ”“ชุดนี้ดีไหมคะ” นารินชี้ไปที่กล่องหนึ่งที่เธอสะดุดตา“ก็ดีนะ ชุดนี้สั่งทำเลยนะ มีชุดเดียว แล้วน้ำร้อยด้วย” ชวัลญาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็ยังมองชุดอื่นต่อทั้งสองคนนั่งคุยกันอีกพักใหญ่ ภาคินกับนริยาก็ลงมาจากชั้นบน ทั้งสองคนมองตามเมื่อพาคินจูงมือหญิงสาวมานั่งที่โซฟา“ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์มาเหรอ รอยเต็มคอเชียว” ชวัลญาแซวทั้งสองคนนริยามองค้อนใส่ภาคิน แต่เขาก็ทำมึนใส่จนเธอต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเอง ท่ามกลางเสียงพูดคุยเล่นกันของทั้งสามคน“แล้วไม่ไปกินข้าวกันเหรอทั้งสามคน” หญิงวัยกลางคนถามเมื่อเห็นหนุ่มสาวทั้งสามคนพูดคุยกันจนเพลิน“จะออกไปกินข้างนอกกับน้ำครับ”“อ้าว แล้วน้องล่ะ”“น้องก็อยู่บ้านไปดิ น้ำรอนี่นะ พี่ไปเอารถออกก่อน”“ค่ะ”ภาคินลูบศีรษะทุยสวยก่อนจะเดินออกไป นริยาสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นนารินกับชวัลญานั่งมองเธออยู่อย่างรอฟัง“ก็ตามนั้นแหละ” นริยาบอกอย่างไม่ได้ปิดบัง“เป็นไง” นารินถามเ
“ทำอะไรอยู่”“อ่านนิยายค่ะ”“หืม…..”ภาคินนั่งทำงานไปเรื่อยๆ จนเสร็จก็วางแท็บเล็ตในมือลงบนโต๊ะ หันมามองหญิงสาวข้างกายก็เห็นว่าเธอนั่งดูโทรศัพท์อยู่ด้วยความตั้งใจ จึงถามเธอพร้อมกับยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อมองหน้าจอโทรศัพท์ พร้อมกับที่มือเล็กหันหน้าจอโทรศัพท์ของเธอให้เขาดู“อ่านในเว็บค่ะ มันสะดวกดี”“นิยายอะไร”“ลองอ่านดูไหมคะ”นริยาส่งโทรศัพท์ของเธอให้เขา ชายหนุ่มก็รับมาแล้วเปิดไล่ดูในสิ่งที่หญิงสาวอ่าน ก่อนจะหันมามองเธอด้วยสีหน้าแปลกใจ“อ่านนิยาย 25+” เขาพูดเสียงสูงเป็นเชิงถาม“ค่ะ ก็สนุกดี”“มิน่า ถึงไม่กลัวเรื่องเซ็กส์”“มันก็ไม่เกี่ยวนะ น้ำว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติมากกว่า ถึงยังไงผู้หญิงทุกคนก็ต้องมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ”“มันก็ใช่ แต่สำหรับบางคนมันก็น่ากลัวไง กับการมีครั้งแรก”“ไม่รู้สิ เพราะคุ้นเคยกับพี่ด้วยมั้ง”“แล้วครั้งแรกที่เจอพี่ล่ะ”เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาถามนริยาก็ชะงักแล้วนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแล้ววางลงบนโต๊ะ“ตอนนั้นตกใจมากกว่า ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ ตอนนั้นน้ำอายุ 18 เอง แต่สมัยนี้บางคนอายุ 14
“น้ำหิวแล้ว”“ก็กินสิ”“จะกินได้เหรอ”“กินได้สิ ไม่หมดก็ไม่เป็นไร”นริยามองมันด้วยสายตาอยากรู้อยากลอง เธอไม่ตอบอะไร แต่โน้มตัวก้มหน้าลงแล้วส่งมันเข้าปากตัวเอง“อืมมม”ดวงตากลมโตเหลือบมองเขา มือเล็กกุมมันเอาไว้ รูดมันขึ้นลงเป็นจังหวะ ก่อนจะขยับให้มันเข้าไปในปากลึกขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นมันก็เข้าไปได้แค่ส่วนหัว ปลายลิ้นเรียวตวัดไล้ตามขอบหยักแล้วอ้าปากโก่งคอเท่าที่เธอจะทำได้ ขยับให้มันเข้ามาลึกจนชนกับคอหอยของเธอ หญิงสาวห่อปากแล้วขยับช้าๆ มันใหญ่จนคับปากจึงทำได้แค่ขยับเบาๆหญิงสาวคายมันออก แลบลิ้นแตะลงไปบนรูเล็กๆ เลียไล่ลงไปตามความยาวของมันจนไปถึงพวงสวรรค์ เธอหยอกล้อมันเล่นอย่างชอบใจ ก่อนจะไล้เลียมันกลับขึ้นมาด้านบนจนถึงขอบหยัก แล้วอ้างับส่งหัวหยักเข้าปากแล้วดูดมันแรงๆ“ใช้ได้นะเนี่ย” ภาคินพูดเสียงแหบพร่า เขาพอใจไม่น้อยสำหรับครั้งแรกของเธอเมื่อเห็นเขามีสีหน้าพอใจ ปากเล็กยิ่งดูดแรงขึ้น เธอขยับศีรษะพร้อมกับมือที่รูดขึ้นลงเป็นจังหวะชายหนุ่มคำรามเสียงทุ้มต่ำ เมื่ออุ้งปากเล็กกำลังครอบครองเขาตรงส่วนหัว หญิงสาวใช้มือกำรอบท่อนเอ็นแล้วสาวรูดให้เขาอีกแรงเพราะรู้ตัวว่าถึงอย่างไรปากเธอก็คงครอบครองเขาได
เช้าวันต่อมา หลังจากที่นริยาตื่นนอนเธอก็เอาเอกสารที่เตรียมไว้ กับข้าวของที่ต้องนำไปด้วยวันนี้มาวางรวมกันที่โต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ได้ล็อกประตู“ตื่นเร็วจัง” เสียงทุ้มดังมาก่อนตัว ก่อนที่จะปรากฏร่างสูงเดินเข้ามาในห้องน้ำ“ก็วันนี้ไปบ้านพี่แต่เช้านี่คะ น้ำกลัวรถติด”“บ้านพี่ที่ไหน บ้านเรา”“…..ค่ะ”“อาบด้วยสิ” ภาคินล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในโซนอาบน้ำ ก้าวเท้าลงไปในอ่าง ก่อนจะนั่งลงไป“…..”“มานี่”นริยามองเขาพร้อมกับหรี่ตา ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจก่อนจะออกแรงยกร่างบอบบางขึ้นมานั่งหันหลังพิงอยู่บนตักตัวเอง“วันนี้ต้องไปแต่เช้านะคะ”“เอาน่า แป๊บเดียว ขอรอบเดียวพอ”“แป๊บจริงเหรอคะ”“จะพยายาม…..”เขาพูดพร้อมกับเคลื่อนมือหนามากุมดอกบัวดอกใหญ่คู่สวย บีบเคล้นทักทายมันเล่นหนักๆ เพื่อทักทายยามเช้า มืออีก
เมื่อพากันกลับมาถึงที่บ้านพักในช่วงเย็นหลังจากที่แวะไปซื้อของกินมากมายที่ตลาดก็ช่วยกันจัดเตรียมของสำหรับปิ้งย่าง นริยาปล่อยให้พี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ที่หลับระหว่างทางกลับมาที่บ้านพัก“น้ำไปพักก่อนดีไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง” ชวัลญาบอกระหว่างที่กำลังเตรียมของ“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำอยู่ช่วยดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ ไงคะ”“เดี๋ยวนิทำน้ำจิ้มให้นะคะ” นิรชาที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินเข้ามาในครัว จึงอาสาช่วยอีกแรงข้าวของมากมายที่ซื้อมาเสร็จพร้อมลงเตาในเวลาเพียงไม่นาน ภวินทร์กับภาคินมาช่วยกันยกออกไปที่โต๊ะหินหน้าบ้าน ซึ่งคนขับรถก็ช่วยกันจุดเตารออยู่ก่อนแล้ว“เอ้า ลงมือเลย จะได้เสร็จทันเด็กๆ ตื่นมากินพอดี” ภวินทร์สั่งพร้อมกับที่ทุกคนช่วยกันหยิบจับ ช่วยกันย่างอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน“น้องเพลงตื่นแล้วค่ะ”“น้องพิณก็ตื่นแล้วค่ะ”สองสาวส่งเสียงอู้อี้พลางเดินงัวเงียออกมาจากในบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงพาออกมาที่หน้าบ้านที่ผู้ใหญ่กำลังจัดเตรียมปาร์ตี้กันอยู่“ไปล้างหน้ากันก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”“ค่ะ”สองแฝดปล่อยให้พี่เลี้ยงพาไปล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะเดินมานั่งรอมารดาที่กำลังจัดเตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคน“คุ
4 ปีต่อมา“แม่ เห็นสองแสบไหมคะ”“นู่นแน่ะ อยู่กับคุณปู่คุณย่าที่สวน”นริยาลงมาจากชั้นบนในช่วงสายหลังจากที่เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถามมารดาเมื่อลงมายังข้างล่างแล้วไม่เจอเจ้าสองแสบ แฝดน้อยของเธอ ที่ตอนนี้อายุ 3 ปีกว่าอยู่ในบ้าน“แล้วทำไมวันนี้ลงมาช้าล่ะ”“จัดของน่ะค่ะ ต้องเริ่มเตรียมแล้วค่ะ”“แม่ยังไม่ได้จัดของเลย”“ของน้ำต้องเตรียมเยอะค่ะ เลยเริ่มเตรียมเอาไว้ก่อน แค่ของเจ้าแฝดก็ใช้กระเป๋า 2 ใบแล้วล่ะค่ะ”อีกไม่กี่วันครอบครัวของเธอจะพากันไปเที่ยวทะเล สองแฝดดีใจมากเพราะพวกเขาเป็นคนขอให้ภาคินพาพวกเขาไป“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเจ้าแฝดก่อนนะแม่”“ไปเถอะ”นริยาตรงออกไปหน้าบ้านที่มีมุมนั่งเล่นอยู่ก็เห็นว่าภวินทร์กับชวัลญากำลังเล่นกับสองแฝดอยู่ เสียงหัวเราะ เสียงร้องวี้ดว้ายดังไปทั่วบริเวณ“เล่นอะไรกันอยู่คะ” หญิงสาวส่งเสียงออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม“คุณแม่” สองแฝดเรียดมารดาพร้อมกันแล้ววิ่งกางแขนไปหามารดา“ว่าไงจ๊ะ ได้ดื้อกับคุณปู่คุณย่าหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ เพลงไม่ดื้อเลย”“พิณก็ไม่ดื้อค่ะ”“แม่เชื่อจ้ะ ไปนั่งกับคุณย่ากันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวจูบมือสองแฝดเดินเข้าไปนั่งกับภวินทร์และชวัลญาที่นั่งมอ
“กลับมาแล้วค่ะ” นริยาส่งเสียงหลังจากเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย“มานั่งเร็ว” นารินรีบเข้ามาจับมือเพื่อนพาไปนั่ง ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน“เป็นยังไงบ้าง” ชวัลญาถามด้วยความอยากรู้“ให้พี่คินบอกดีกว่าค่ะ” นริยาโยนให้สามีหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนบอกหลังจากภาคินเดินเข้ามาในบ้านก็มานั่งที่โซฟา เมื่อเห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตารอคอยก็ทำหน้าขรึม“หมอบอกว่า 8 สัปดาห์แล้วครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วห้อง เมื่อทุกคนได้รับการยืนยันข่าวดี ก่อนที่ชวัลญาจะเอะใจที่ภาคินเงียบผิดปกติจึงมองไปที่บุตรชาย“มีอะไรอีกหรือเปล่า”“มีครับ”ทั้งห้องเงียบกริบ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่จนทุกคนใจไม่ดี ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่“คือ..... หมอบอกว่าไม่ใช่แค่ 1 ครับ”“หะ แฝดเหรอ” ชวัลญาอุทานด้วยความตกใจ“โอกาสสูงมากค่ะ ถ้าไม่มีคนไหนหลุดหรือหยุดการเจริญเติบโตไปก่อน ก็จะได้แฝดแท้จากไข่ใบเดียวกันค่ะ” นริยาบอกทุกคนตามที่ได้ฟังหมออธิบายมา“โอ๊ย ฉลองทั้งคืนเลยคืนนี้” เสียงกรี๊ดกร๊าดของชวัลญา นีรชา และนาริน ทำให้นริยาหัวเราะออกมา“ตอนนี้น้ำต้องเดินให้น้อยที่สุด รวมทั้งต้อง
“เข้ามาเถอะน่า” ธีรภพบ่นหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ยอมเข้ามาในบ้านนารินทำหน้าหงิกงอ ก่อนที่เธอจะทุบเขาหลังเขาไปแรงๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอเธอกับเขาอยู่โดยมีเขาเดินตามมา“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยทักทายตามความเคยชินร่างเล็กมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับบิดามารดาและธีรดา โดยมีภาคินกับนริยายิ้มให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ“ไงเรา พร้อมยอมรับความจริงหรือยัง” ชวัลญาถามบุตรสาวยิ้มๆ“.....ค่ะ”“โอเค จะจดทะเบียนก่อนไหม แล้วค่อยจัดงานตอนเรียนจบแบบคู่ตาคิน”“แล้วแต่แม่เลยค่ะ”“แฟรงค์ล่ะ ว่ายังไง” ชวัลญาหันไปถามว่าที่บุตรเขยบ้าง“แล้วแต่รินเลยครับ”“โอเค งั้นเดี๋ยวหลังปีใหม่ก็แล้วกัน จดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยจัดงานพร้อมกันเลย” ภวินทร์สรุปให้“ครับ” ธีรภพขานรับพลางพยักหน้าทุกคนพูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไป ภาคินกับนริยากลับขึ้นห้อง เพราะวันนี้นริยามีเรียนช่วงบ่าย ภวินทร์กับชวัลญาเข้าบริษัท ธีรดาเองก็ต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวสามีและจัดเตรียมแหวนและของหมั้นให้กับนาริน ส่วนตัวธีรภพกับนารินก็ขึ้นไปเตรียมตัวบนห้องเช่นกันเพราะชายหนุ่มเอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยจากคอนโด“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“จะไม่แก้มัดเหรอ”“ไม่”ใบหน้าหวานเงยขึ้น เมื่อลำคอระหงถูกริมฝีปากหยักแนบลงไป เขาดูดเนื้ออ่อนสร้างร่องรอยเอาไว้หลายที่ด้วยความตั้งใจ“จุดอ่อนเธออยู่ที่คอ”“ใช่ รู้ได้ยังไง”“เธอแฉะแล้ว แค่ฉันดูดคอ”“อืม” หญิงสาวครางในลำคออย่างยอมรับร่างสูงอุ้มร่างหญิงสาววางลงบนเตียงแล้วขยับถอดกางเกงออก โชว์ให้เห็นเอ็นเนื้อลำใหญ่ที่ตั้งผงาดรออยู่แล้ว นารินขยับตัวขึ้นไปนั่งยองคร่อมบนตักแกร่งแล้วมองสบตาเขา“กลัวเจ็บไหมล่ะ”“ไม่”คนตัวเล็กโหย่งตัวขึ้น ขยับตัวให้ปลายหัวหยักจ่ออยู่ที่ปากร่องของเธอ แล้วจับบ่ากว้างเอาไว้ ค่อยๆ ขยับตัวลงให้มันเข้ามาข้างในทีละน้อย“อ๊ะ” เสียงหวานใสอุทาน เมื่อเธอรู้สึกตึงแน่น“เธอไม่ธรรมดาเลยนะ กล้าใส่แบบไม่อุ่นเครื่องเนี่ย” เขาพูดเสียงพร่าอย่างแปลกใจ“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันธรรมดานี่”นารินกัดฟันแล้วกดตัวลงเองมาทีเดียวสุดความยาวของมันจนมันเข้ามาในข้างในจนหมด ใบหน้าหวานเงยขึ้นซู้ดปากเมื่อมันยังมีความเจ็บปะปนอยู่ในความเสียวหญิงสาวขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบ ก่อนที่ร่างเล็กจะสะดุ้งเมื่อหัวไหล่มนถูกเขากัดผ่านเสื้อจนจมเขี้ยว“พอใส่เสื้อเอาแล้วมันเสียวดีนะ”“เหรอ”“อืม”ฝ่ามือหนาจับที่
“เข้ามาสิ” เสียงห้าวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวยังมีอาการลังเลนารินก้าวเท้าเข้าไปในห้องช้าๆ ก่อนที่มือหนาที่จับประตูอยู่จะดึงประตูมาปิด แล้วถอดรองเท้า ก้าวยาวๆ เข้าไปวางกุญแจรถกับโทรศัพท์ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา“มาเถอะ ที่นี่ไม่มีใครหรอก ฉันก็จะไม่ทำอะไร” เขาบอกหญิงสาวเพื่อให้เธอยอมเดินเข้ามาด้านใน“จะคุยอะไร” นารินเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ“ทำไมเธอถึงต่อต้าน”“ก็นายเป็นเพื่อนฉัน”“เมื่อคืนไม่ใช่เพื่อนแล้ว”“ก็เป็นเพื่อนต่อได้นี่”“เธอทำอย่างกับไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไงต่อ ถึงยังไงแม่ๆ ก็จับเราแต่งงานอยู่ดีนั่นแหละ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมรับแล้วค่อยๆ ปรับตัว” ธีรภพพูดกับหญิงสาวด้วยเหตุผล“.....” นารินยังนั่งเงียบอยู่ จนธีรภพต้องถอนหายใจ“ฉันไม่ได้บังคับแต่อยากให้เธอลองคิดดู ว่าต่อให้เธอต่อต้านแม่ๆ ก็ต้องบังคับอยู่ดีในเมื่อแม่ๆ รู้กันแล้วว่าฉันนอนกับเธอ”“บ้านฉันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้” หญิงสาวเถียงอย่างไม่แน่ใจ“ไม่หรอก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวนะ อีกอย่างแม่กับน้าวัลเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เธอไม่กลัวว่าการที่เราเป็นแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ๆ มีปัญหาหรือไง”หญิงสา
เช้าวันต่อมา ภวินทร์ ชวัลญา นีรชา และธีรดา มานั่งรวมตัวกันรอเด็กๆลงมาตั้งแต่เช้า แต่ดูเหมือนว่าวันนี้น่าจะไม่มีใครลุกแต่เช้าไหว พวกเขาทั้ง 4 คนจึงพากันกินข้าวเช้าแล้วนั่งคุยกันระหว่างรอจนกระทั่งสาย นริยากับภาคินก็ลงมาก่อน หญิงสาวสบตากับสามีเมื่อลงมาแล้วยังไม่เห็นนารินกับธีรภพ และบรรดาพ่อแม่ก็นั่งรอพวกเธออยู่“ไปกินข้าวแล้วมานั่งนี่เลยจ้ะเด็กๆ” ชวัลญาพูดอย่างอารมณ์ดี แต่ยังก็วางมาดขรึม“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยววันนี้น้ำว่าจะออกไปกินข้างนอกค่ะ”“งั้นมานั่งนี่เร็ว” ชวัลญากวักมือเรียกแล้วตบโซฟาข้างตัวนริยาเดินมานั่งลงตามที่ชวัลญาเรียก ภาคินมานั่งลงโซฟาที่อยู่ตรงข้ามพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ“เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืน ลงเอยไหม” ชวัลญากับธีรดาจ้องหญิงสาวด้วยความอยากรู้“เอ่อ คิดว่านะคะ ไม่งั้นป่านนี้น่าจะลงมาก่อนแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลางๆ“โอกาสลงเอยสูงสินะ” ชวัลญากับธีรดาหันมาแตะมือกันด้วยความดีใจนริยาสบตากับภาคิน สีหน้าเธองงอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกเธอตกใจนึกว่าจะโดนเรียกมาดุที่เธอไม่ขวางทั้ง 2 คนเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าบรรดาแม่ๆไม่ดุแถมยังต้องการให้ธีรภพกับนารินลงเอยกันเสียอย่างนั้น“อย่างนี้แหละ
ทางด้านนริยา หลังจากที่เธอเอายาไปให้กับธีรภพเสร็จแล้วเธอก็กลับมาที่ห้องนอน เป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคินเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพอดี“ไปไหนมา”“เอายาไปให้แฟรงค์ค่ะ”“ยา?”“ยาฉุกเฉินค่ะ กันเหนียวเอาไว้ดีกว่าไงคะ”“คนอื่นแค่ช่วยกันสร้างสถานการณ์ ช่วยกันลุ้น แม่คุณเล่นอำนวยความสะดวกให้แบบนี้เลยเหรอ”“ห้ามได้เหรอคะ คนนอนห้องเดียวกัน”“พี่ยังอดใจได้ตั้งนาน”“แต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ น้ำว่าดีไม่ดี ต่อให้พวกเขากินกันไปแล้ว รินก็ยังไม่ตกลงคบหรอกค่ะ รินใจแข็งกว่าที่คิดนะคะ”“หะ ยังไงนะ” ชายหนุ่มชะงักไปหลังจากเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนเตียง“ก็แบบ รินก็กินเฉยๆ แต่ยังไม่คบไงคะ คนที่เป็นฝ่ายตามน่าจะเป็นแฟรงค์นะคะงานนี้”“ประมาณว่าคนที่เป็นฝ่ายเสียคือไอ้แฟรงค์ คนที่เป็นฝ่ายได้คือยัยริน .....เหรอ”“ก็ประมาณนั้นค่ะ จากนิสัยรินนะคะ”“อึ้งเลยนะเนี่ย” ภาคินอึ้งเมื่อรู้สิ่งที่ภรรยาสาวคิด ซึ่งเขาก็เชื่อเธอ เพราะนริยากับนารินสนิทกันมาก“ไม่เชื่อก็รอดูสิคะ”“ก็เชื่อแหละ แต่มันอึ้งไง”“ยัยรินดุมากกว่าที่พี่คิดนะ แล้วคอยดูสิว่าแฟรงค์จะต้องเป็นฝ่ายคอยตามจริงไหม น้ำไม่คุยละ ไปอาบน้ำดีกว่า”นริยาเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัวแ
ดวงตาคมมองไปยังร่างเล็กที่กำลังคลุมโปงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาลังเล แต่ก็ไม่อยากรู้สึกเสียใจกับตัวเอง เขารู้ตัวเองดีว่ากำลังชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างเธอก็เป็นคนที่มารดาหมายมั่นปั้นมืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันจะเกิดขึ้นเร็วหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงตรงขอบเตียง ดึงผ้าห่มที่กำลังคลุมร่างเล็กอยู่อย่างเบามือ ดวงหน้าหวานกำลังหลับสนิท ร่างกายที่บอบบาง ผิวที่ขาวเนียนไปทั้งตัว สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาละสายตาไปจากเธอไม่ได้ธีรภพขยับกายขึ้นไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้ มือใหญ่จับรวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงเอาไว้กับที่นอน นารินสะดุ้งเฮือกลืมตาเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายถูกแตะต้องสองหนุ่มสาวมองสบตากัน นารินยังตั้งสติไม่ทันเพราะหลับสนิทไปแล้ว เธอนิ่งไปพักใหญ่“ว่ายังไง?”“.....อะไร”“ก็เธอไง ว่ายังไง”“ไม่รู้”“งั้นฉันถือว่าเธอไม่ปฏิเสธนะ”“.....”“แล้วฉันก็ไม่ได้บังคับเธอด้วย”ชายหนุ่มบอกเธอพร้อมกับยิ้มน้อยๆ นารินนิ่งไป แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน เมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาแนบริมฝีปากบนลำคอ“.....นายเมาเหรอ”“เปล่า ไม่ได้เมา ฉันกับพี่คินดื่มได้ในระดับเดียวกันนั่นแหละ” เขาบอกเสียงอู้อี้