เช้าวันต่อมา หลังจากที่นริยาตื่นนอนก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำตามความเคยชิน เธอเป็นคนที่ตื่นนอนแล้วต้องเขาห้องน้ำก่อน เพราะนิสัยดื่มน้ำก่อนนอนของเธอ
หลังจากทำธุระเสร็จ ร่างบอบบางก็มายืนหน้ากระจก หญิงสาวสะดุ้งเมื่อมองเข้าไปในกระจกแล้วเห็นร่องรอยบนลำคอของตนเอง ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นไปแตะมันเบาๆ พลางหวนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากขัดขืน เพียงแต่เธอกำลังอึ้งจนประมวลผลความคิดไม่ทัน เพราะเธอไม่ได้คิดว่าพี่ชายของเพื่อนจะทำแบบนี้กับเธอ
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ เธอไม่มีเครื่องสำอาง และมั่นใจว่านารินเองก็ไม่น่าจะมี เธอจะปกปิดรอยพวกนี้ยังไง
“น้ำ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าๆ”
นารินที่ตื่นนอนตามหลังนริยาไม่นาน เห็นเพื่อนหายเข้าไปในห้องน้ำสักพักใหญ่ก็ยังไม่ออกมา จึงเคาะประตูแล้วส่งเสียงถาม นริยาจึงค่อยๆเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“หือ คอไปโดนอะไรมา”
“…..โดนกัด”
“อะไรกัด…..เฮ้ย…..”
“…..”
“พี่คินเหรอ”
“อือ”
“เล่ามา เดี๋ยวก่อนๆ เข้าห้องน้ำก่อน ไปนั่งรอเลย”
นารินบอกก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่กี่นาทีก็กลับออกมา ใบหน้าขาวใสเต็มไปด้วยหยดน้ำ เธอรีบจนไม่เช็ดใบหน้าด้วยซ้ำ
“เช็ดหน้าก่อนเถอะ” นริยาเห็นอาการรีบของเพื่อนแล้วก็บอกเพื่อนด้วยความอ่อนใจ
“ไม่เอา อยากรู้ เกิดอะไรขึ้น เล่ามา”
หญิงสาวเล่าเหตุการณ์ในคืนที่ผ่านมาให้นารินฟัง ซึ่งก็เป็นไปตามคาด นารินอึ้งกับสิ่งที่พี่ชายของเธอทำไม่ต่างกับนริยา
“พี่คินบ้าไปแล้ว”
“เราช็อกไปแล้วล่ะ คือสมองคิดอะไรไม่ทันจนตัวแข็งไปเลย”
“อือ เราเชื่อ เราพอรู้ว่าพี่คินเป็นยังไง แต่ไม่ได้คิดว่าจะมาทำแบบนี้กับน้ำไง”
“เราควรทำยังไง ไม่รู้ไม่ชี้เหรอ”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น รอดูอาการพี่คินก่อน”
“…..มีเครื่องสำอางไหม รองพื้นหรือแป้งก็ได้ เราจะปิดรอย”
“มีๆ แต่มีแต่แป้งนะ แต่เราว่าไม่น่าจะปิดได้หมด แต่คงจางลงบ้าง เดี๋ยวเราเอาเสื้อผ้าให้ น้ำไปอาบน้ำก่อน เอาเสื้อคลุมเข้าไป เดี๋ยวเราไปเอาเสื้อพี่คินมาให้”
“…..ไม่เอาเสื้อพี่คินได้ไหม”
“มีแค่เสื้อพี่คินที่น้ำใส่ได้อะสิ”
“…..พี่คินบอกว่าให้เสื้อตัวนี้กับเรา”
“!!!!” นารินกำลังจะออกจากห้อง ได้ยินสิ่งที่นริยาบอกก็ชะงักไป
“ทำไมเหรอ”
“ตัวนี้ตัวโปรดเลยนะ แบรนด์เนม ซื้อมาจากอเมริกาตอนพี่คินไปซัมเมอร์”
“!!!!” นริยาเป็นฝ่ายชะงักบ้าง หลังจากได้ยินนารินบอก
สองสาวยืนอึ้ง งงกันทั้งคู่ จนได้ยินเสียงทักมาจากด้านนอก ก็พากันสะดุ้งสุดตัว เมื่อเจ้าของเสียงที่ทักคือหัวข้อแรกของวันนี้ที่พวกเธอคุยกัน
“ทำอะไรกัน”
“…..ตกใจหมดเลยพี่คิน รินกำลังจะไปห้องแต่งตัวพี่คินนั่นแหละ จะไปเอาเสื้อมาให้น้ำใส่”
“ก็ไปเอาสิ ลองดูกางเกงผ้าของพี่มาด้วย จะได้ไม่ต้องใส่ขาสั้น มันสั้นเกิน”
“…..อือ”
“รีบลงมาล่ะ พี่ไปรอข้างล่าง”
“รู้แล้วๆ”
บานประตูถูกปิดลง พร้อมกับที่ภาคินและนารินแยกไปทำในสิ่งที่ตนเองพูด ไม่นานนารินก็กลับเข้ามาพร้อมกับเสื้อยืดกับกางเกงขายาวในมือ
“ริน เราจะใส่ยังไง ยาวมากเลยนะ” นริยาที่ออกมาจากห้องน้ำพอดีมองกางเกงในมือที่เธอกางออกหลังจากนารินส่งให้
“ก็พับเอวเอาละกัน เอาหนังยางมัดขอบเอวแล้วก็พับ น่าจะพอช่วยได้”
“ใส่ขาสั้นไม่ได้เหรอ”
“อย่าเลย พี่คินออกปากเองแบบนี้ เราว่าถ้าใส่ขาสั้นลงไปอาจจะมีคนตาหลุดจากเบ้า”
“…..” นริยาถอนหายใจอย่างยอมรับ ก่อนจะยอมใส่เสื้อผ้าแต่โดยดี นารินจึงแยกเข้าห้องน้ำไปแล้วกลับออกมาหลังจากใช้เวลาไม่นาน
“ขอเวลาแต่งตัว 5 นาที น้ำเอาแป้งปิดรอยก่อน”
“อือ”
นริยารับแป้งที่นารินส่งมาให้แล้วเดินไปหน้ากระจก ตบมันลงบนลำคอของคนเองเบาๆ เพื่อให้มันช่วยปกปิดร่องรอย
“ไม่หมด แต่ก็พอช่วยได้ ไปเถอะ ได้เวลามื้อเช้าละ”
“ไม่อยากลงเลย”
“ถ้าน้ำไม่ลง เราว่าพี่คินขึ้นมาตามเองแน่” นารินบอกนริยาอย่างพอเดาออก
“งั้นลงเถอะ”
สองสาวออกมาจากห้องนอน ลงบันไดไปชั้นล่างช้าๆ นารินพูดคุยกับนริยาไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เพื่อนของเธอเกร็ง เธอรู้ดีว่าตอนนี้นริยาเป็นเป้าหมายของภาคินไปแล้ว และเมื่อภาคินอยากได้อะไร เขาก็ต้องได้!!!
ธาวินที่กำลังนั่งคุยกับภาคินอยู่ หันมาเห็นนริยาเดินลงมาด้วยเสื้อผ้าของภาคินก็หันมามองหน้าพี่ชายอย่างตกใจ
“ทำไมพี่น้ำใส่เสื้อผ้าพี่คิน”
“รินไปเอามาให้ใส่”
“ไม่ใช่ วินหมายความว่า ทำไมพี่คินไม่โกรธ พี่คินเป็นคนหวงของหวงความเป็นส่วนตัวไม่ใช่เหรอ ขนาดวินพี่คินยังไม่ให้ยืมเลย”
“ก็ไม่ชอบ เห็นใส่ขาสั้น เลยให้รินไปเอามาให้ใส่”
“แต่เมื่อวานพี่น้ำก็ใส่ขาสั้นของพี่รินตั้งแต่วินมาแล้วนะ”
“…..”
“คิดว่าวินไม่ได้พูดก็แล้วกัน” ธาวินที่มองภาคินหลังจากพูดจบก็เปลี่ยนคำพูดทันที
“มีอะไรกันเหรอคะ ทำไมหน้าพี่คินเป็นแบบนั้น” นารินที่เดินลงมาถึงก็ทักทายพี่ชาย
“เปล่า” เสียงทุ้มตอบก่อนจะปรายตามองร่างบอบบางให้เจ้าตัวได้รู้สึกหนาวๆร้อนๆ
“ไม่ต้องไปแทะเพื่อนรินเลยพี่คิน เสือก็อยู่ส่วนเสือไป อย่ามายุ่งกับลูกแมว”
“…..” เจ้าของร่างสูงไม่ได้พูดอะไร เขายังจ้องไปที่นริยาอยู่
“อะไรเหรอ แทะอะไร” ธาวินฟังที่นารินพูดก็เอะใจ จึงถามออกมาพร้อมกับหันไปมองสำรวจนริยา
“พอๆ ไปกินข้าว” ภาคินตัดบทแล้วลุกจากโซฟา นำทุกคนออกไป
การสนทนาจบลงด้วยการที่พวกเขาทยอยลุกโซฟา แล้วเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว หลังจากนั้นไม่นานเสียงพูดคุยก็ขาดหายไป
“เอาล่ะ ขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะน้ำ นี่พี่คิน ภาคิน อายุ 22 ปี พี่ชายเรา กับนี่วิน ธาวิน อายุ 14 ปี น้องชายเรา พวกเราอายุห่างกันคนละ 4 ปี แล้วนี่น้ำ นริยา เพื่อนสนิทริน”
“สองคนนี้ชื่อคล้ายกันเลย” ธาวินพูดขึ้นหลังจากได้รู้ชื่อจริงของนริยา
“ใช่ ตอนได้ยินครั้งแรกก็คิดว่าแปลกดีที่ชื่อคล้ายกัน เลยได้สนิทกันเพราะชื่อนี่แหละ” นารินเล่าให้ทุกคนฟังคร่าวๆ
“ชื่อพวกเราก็แปลกนะ สระกับตัวสะกดเหมือนกันหมดเลย ภาคิน นาริน ธาวิน” ธาวินที่นึกขึ้นมาได้ก็เอ่ยไล่เรียงชื่อ
“เออ จริงด้วย ไม่เคยสังเกต” นารินพยักหน้าเห็นด้วย
ระหว่างที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ ภาคินก็รับโทรศัพท์ก่อนที่จะเดินกลับขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อทำงานต่อ เพราะสายที่โทรเข้ามาก็คือผู้ช่วยส่วนตัวของเขานั่นเอง นั่นจึงทำให้ธาวินขอตัวกลับขึ้นห้องนอนเช่นเดียวกัน นริยากับนารินเลยตัดสินใจติวหนังสือข้างล่าง และจนกระทั่งเย็นก็ไม่มีใครได้เจอกับภาคินอีกเลย
“เรากลับแล้วนะ เจอกันที่โรงเรียน”
“ไม่ลืมอะไรใช่ไหม”
“ไม่ลืมๆ”
“โอเค ถึงบ้านแล้วบอกเราด้วย”
“จ้า”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
นริยากับนารินติวหนังสือกันจนเย็น นริยาก็ขอตัวกลับโดยไม่ได้รอกินมื้อเย็นเธอไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นของตนเอง แต่ใส่เสื้อผ้าของภาคินกลับบ้านเลย เพราะเสื้อผ้าที่หญิงสาวใส่มาเป็นชุดนักเรียน เธอไม่อยากให้มีคนมองไม่ดี
หลังจากเก็บของใส่กระเป๋าและเอาเสื้อผ้าใส่ถุงเรียบร้อยแล้ว นริยาก็เตรียมตัวจะกลับบ้าน เธอตั้งใจว่าจะออกไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าปากซอย แต่ยังไม่ทันที่เธอกับนารินจะแยกกัน ภาคินก็เดินลงมาด้วยชุดที่พร้อมจะออกไปข้างนอก
“…..ห้ามพาเพื่อนรินไปไหนนะ”
“จะพาไปไหนได้ล่ะ ก็ต้องไปส่งบ้านสิ พี่จะออกไปข้างนอกต่อ”
“นัดกับหญิงล่ะสิ”
“พูดมาก ไปนะ”
ภาคินคว้าเอาถุงกระดาษที่นริยากำลังถืออยู่มาไว้ในมือ ก่อนจะเดินนำออกไปที่โรงรถเพื่อไปเอารถคันหรูออกมา หญิงสาวที่ฟังพี่น้องคุยกันเพลินก็สะดุ้งก่อนจะหันมาโบกมือให้นาริน แล้วพยักหน้ารับเมื่อนารินส่งสัญญาณบอกเธอให้โทรหา ก่อนจะก้าวขึ้นรถเมื่อภาคินขับมาจอดเทียบตรงที่เธอยืนอยู่
“บ้านอยู่ที่ไหน”
“สาทรค่ะ”
“หืม แหล่งคนรวยนี่”
“…..”
“ไปใกล้ถึงก็บอกทางก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
ภาคินขับรถมาเรื่อยๆโดยไม่ได้ชวนหญิงสาวคุยอีก เขาไม่ได้โกหกนาริน เขามีนัดออกไปข้างนอกจริงๆ หลังจากทำงานมาตลอดทั้งวันเขาจึงนัดกับคู่ขาของเขาเพื่อจะออกไปกินข้าวแล้วไปต่อกันที่โรงแรม แต่เมื่อลงมาข้างล่างก็เจอนริยาที่กำลังจะกลับพอดี จึงอาสาไปส่งเธอที่บ้าน
เมื่อใกล้ถึงบ้าน นริยาก็บอกทางกับภาคิน ก่อนที่จะบอกให้เขาจอดที่หน้าซอย เพราะทางในซอยค่อนข้างแคบ
“ขอบคุณค่ะ”
“กดเบอร์เธอให้พี่หน่อย”
โทรศัพท์เครื่องหรูถูกยื่นมาตรงหน้าหญิงสาว เธอจึงหยิบมากดเบอร์ตัวเองแล้วคืนให้เขาไป
ภาคินรับคืนมาแล้วกดโทรออก ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์ของหญิงสาวแล้วก็กดโทรออกอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่เข้าใจของนริยา
“เอามา เดี๋ยวพี่บันทึกเอง”
นริยาส่งโทรศัพท์ของเธอให้เขาอย่างว่าง่าย ดวงตากลมโตมองการกระทำของเขาที่เธอไม่เข้าใจ
“เบอร์แรกเป็นเบอร์ส่วนตัว เอาไว้ใช้สำหรับคนในครอบครัวกับคนที่สนิทเท่านั้น เบอร์ที่สองพี่ใช้ทำงาน จะเป็นเบอร์ที่ใช้ในการติดต่อกับคนอื่นๆ”
“…..ค่ะ”
“ทั้งสองเบอร์นี้จะไม่เคยปิดเสียง ไม่เคยปิดเครื่อง แต่เบอร์ที่พี่จะติดตัวเอาไว้ตลอดคือเบอร์แรก”
“ค่ะ”
“…..ไปเถอะ หาข้าวกินด้วยล่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณที่มาส่งค่ะ”
ภาคินรอจนนริยาเดินหายเข้าไปในซอย เขาจึงเคลื่อนตัวออกไป และไม่กี่นาทีก็มีสายเรียกเข้าดังมาจากโทรศัพท์อีกเครื่อง เครื่องที่เขาไม่ได้ให้เบอร์กับนริยาไว้ เป็นเบอร์ที่เขาเอาไว้ใช้ติดต่อกับบรรดาผู้หญิงของเขานั่นเอง
“กลับมาแล้วค่ะ…..ฉันบอกใครเนี่ย”
บ้านของนริยามีฐานะปานกลางค่อนไปทางดี เธออยู่ในแหล่งคนมีเงินก็จริง แต่บ้านเธอก็เรียกว่าเกือบจะฐานะด้อยที่สุดในซอย ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ลำบากหรืออดอยากอะไร เพียงแต่บิดามารดาของเธอต้องทำงานหนักจนแทบไม่ได้เจอกันเลย
ทั้งบิดามารดาของเธอทำงานให้กับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ในระดับผู้จัดการ จึงทำให้ต้องออกต่างจังหวัดบ้าง ไปต่างประเทศบ้าง กลับบ้านดึกออกแต่เช้าบ้าง เรียกได้ว่านับครั้งได้เลยว่าในหนึ่งเดือนนริยาได้เจอหน้าบิดามารดากี่วัน
หลังจากปิดบ้านเสร็จหญิงสาวก็ส่งข้อความหานารินว่าเธอถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะวางความคิดทุกอย่างลงแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
หลายเดือนต่อมานริยากับนารินเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน ทั้งคู่เลือกเรียนบัญชีและการเงิน และเลือกวิชาโทเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมหาวิทยาลัยอยู่ไกลจากบ้านของพวกเธอค่อนข้างมาก นริยาจึงเลือกที่จะพักใกล้มหาวิทยาลัย ส่วนนารินมีคนคอยรับส่งจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ แต่เมื่อวันไหนนารินขี้เกียจกลับบ้านก็จะมาอยู่ค้างกับนริยา และนั่นก็เป็นสิ่งที่ภาคินต้องการพอดีคอนโดของนริยาเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก มีห้องนอนแยกออกจากโซนครัวและห้องรับแขก จึงไม่ได้คับแคบมากนัก นารินมักจะมานอนเล่นระหว่างรอภาคินมารับหรือรอคนรถมารับเธอ“ขออาบน้ำก่อนนะ ร้อน” นริยาบอกนารินทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง เธอเปิดประตูห้องนอนเอาไว้ระหว่างถอดเสื้อผ้า โดยไม่ได้สนใจว่านารินเดินตามเข้ามานอนเล่นบนเตียง“ทำไมไม่ไปอยู่บ้านฉันวะ ไหนๆ ก็เรียนด้วยกันอยู่แล้ว”“ไม่ไปอะ”“กลัวพี่คินเหรอ”“ก็ประมาณนั้น”“แกมีเบอร์พี่คินไหม” นารินถามนริยาเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้“มี พี่คินเคยขอเบอร์ฉันไปแล้วโทรเข้ามา ทำไม”“มีกี่เบอร์”“2”“ยินดีด้วย แกมีป้ายตำแหน่งพี่สะใภ้ของฉันคล้องคอเอาไว้แล้วล่ะ”“หมายความว่ายังไงวะ”นริยาชะงักไปหลังจากที่เธอถอดเส
หลังจากที่นริยาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หญิงสาวก็เดินออกจากห้องตรงไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งในชุดเสื้อยืดตัวหลวมโคร่งกับกางเกงขาสั้น“มาทำไมคะ”“มาหาเฉยๆ” ภาคินมองใบหน้าหวานเพื่อดูปฏิกิริยาของหญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอมีอาการมึนงงก็ยิ้มด้วยความเอ็นดู“พี่กินยาผิดเหรอ”“หืม เถียงเก่งดีจัง ไม่เห็นเหมือนเมื่อหลายเดือนที่แล้ว”“น้ำก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว น้ำไม่ใช่คนเรียบร้อย”“อือ อันนี้เชื่อ”“แล้วตกลงพี่คินมาทำไม”“ก็บอกแล้ว มาหาเฉยๆ”“…..”คิ้วเรียวได้รูปสวยขมวดจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน ดวงตากลมโตมองไปที่เสื้อผ้าของเขาแล้วก็ต้องเชื่อในสิ่งที่เขาบอก เพราะเขามาด้วยเสื้อยืดกับกางเกงผ้าขายาวเหมือนตอนที่เขาอยู่ที่บ้าน“ตื่นแล้วมาเลย?”“อือ”“เพื่อ?”“ก็อยากมา”“บ้าไปแล้ว”“อือ ก็คงงั้น ไปนอนก่อนนะ”“หะ…..”หลังจากพูดจบ ภาคินก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอน นริยามองตามด้วยความไม่เข้าใจ แต่เมื่อเธอเดินตามเขาเข้าไปในห้องนอนก็ต้องเหวอออกมาอีกครั้ง เมื่อร่างสูงใหญ่ของภาคินทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของเธอหน้าตาเฉย“ทำงานจนเกือบเช้า พอสะดุ้งตื่นก็ขับรถออกมาเลย ข
“แวะซื้อของก่อน”รถยนต์คันหรูมาจอดที่สรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมืองหลวง ก่อนที่เจ้าของรถจะบอกกับหญิงสาวแล้วลงจากรถนริยาลงจากรถแล้วเดินตามหลังร่างสูงไป แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจเมื่ออยู่ๆข้อมือเล็กของเธอก็ถูกจับแล้วดึงให้มาเดินเคียงข้าง“ไปนั่งรอที่ร้านอาหารก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป”“ร้านไหนคะ”“เธอจะกินอะไรก็ไปดูเลย สั่งเผื่อพี่ด้วย เสร็จแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ว่าอยู่ร้านไหน”“ค่ะ”หลังจากเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้า ทั้งสองคนก็เดินแยกกันไป นริยาเดินไปชั้นที่รวมร้านอาหารแบรนด์ต่างๆเอาไว้ เธอเดินไปเรื่อยๆจนเจอร้านที่ถูกใจก็เข้าไปนั่งและสั่งอาหารสำหรับภาคินและตัวเธอ ก่อนที่จะส่งข้อความบอกเขาแล้วนั่งเล่นโทรศัพท์รอทางด้านภาคิน เขาเดินมาที่ร้านเพชรที่แม่เขาชอบมาเป็นประจำ ตอนที่หญิงสาวลงไปรับอาหารมื้อเที่ยงเขาแอบโทรนัดกับทางร้านเอาไว้ เพื่อให้จัดการหาสิ่งที่เขาต้องการเอาไว้ให้“สวัสดีค่ะคุณภาคิน”“สวัสดีครับ”“เชิญด้านนี้เลยค่ะ เดี๋ยวตรวจสอบดูก่อนนะคะ ว่าเส้นนี้ตรงตามที่ต้องการไหม”เมื่อเข้ามาในร้าน พนักงานสาวก็เชิญให้เขาไปที่หน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะหยิบกล่องขึ้นมาเปิด เผยให้เห็นสร้อยทองคำขาวผสมทองคำ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ตามด้วยบานประตูที่ถูกเปิดออก ก่อนที่ร่างของชวัลญาจะโผล่พ้นประตูเข้ามา“อ้าว อยู่ด้วยกันพอดี แม่ว่าจะเอานี่มาให้” หญิงวัยกลางคนมองสองหนุ่มสาวด้วยอาการเฉยเมย ราวกับไม่ได้ตกใจที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน“คืออะไรครับ” ภาคินถามหลังจากรับกล่องมาถือโดยไม่ได้เปิดออก เพราะเขามัวแต่รั้งเอวนริยาเอาไว้ไม่ให้เธอลุกขึ้น“ก็เปิดดูสิ”ภาคินส่งให้นริยาเป็นคนเปิด เพราะเขามั่นใจว่าสิ่งที่มารดาของเขาเอามา ก็เพื่อเอามาให้เขานำไปให้หญิงสาวตรงหน้าคนนี้หญิงสาวรับกล่องมาเปิดออก เผยให้เห็นเป็นชุดเครื่องเพชรที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่ได้เล็ก เป็นเพชรร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ตรงจี้เป็นเพชรรูปหยดน้ำล้อมด้วยพลอยสีชมพู กับข้อมือเข้าชุด“ผู้ใหญ่ให้ของห้ามปฏิเสธนะจ๊ะ” ชวัลญาพูดดักคอเมื่อเห็นนริยาทำท่าจะปฏิเสธ“รับไปเถอะ แม่ชอบซื้อมาสะสมน่ะ”“เอ่อ ขอบคุณค่ะ”ชวัลญายิ้มให้ ก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง เธอรู้ดีว่าหากนริยาเป็นคนที่บุตรชายต้องการจริงๆ เวลานี้คือเวลาที่เขาอยากจะอยู่กับหญิงสาวมากที่สุดทางด้านนริยา เธอมองกล่องเครื่องเพชรในมืองงๆ ก่อนจะปิดฝากล่องลงแล้วยื่นมันให้กั
หลายเดือนต่อมา หลังจากที่ภาคินกับนริยาเข้าพิธีหมั้นแบบเรียบง่าย ที่มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่เข้าร่วม ภาคินก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศ นริยาที่ยังปรับตัวไม่ทันก็ต้องพยายามใช้ชีวิตปกติหญิงสาวตกลงกับภาคินว่าวันที่มีเรียน เธอจะอยู่ที่คอนโดเหมือนปกติ แต่ในวันเสาร์อาทิตย์ วันหยุด หรือวันที่ไม่มีเรียนจะมาอยู่ที่บ้านเขา และเขากับเธอจะต้องส่งข้อความรายงานความไปเป็นในแต่ละวันให้กับอีกฝ่ายรู้ในทุกวันโชคดีของหญิงสาวที่ภวินทร์กับชวัลญาเข้าใจเธอและค่อนข้างหัวสมัยใหม่ จึงไม่ได้เข้ามายุ่งเรื่องความสัมพันธ์ของเธอมากนัก“วันนี้ไปหาอะไรกินกัน ค่อยกลับบ้าน” นารินชวนนริยาหลังหมดคลาสเรียน“อือ” นริยาเก็บของใส่กระเป๋าเล็กของเธอก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป“น้ำ…..” เสียงห้าวเรียกเธอและวิ่งเข้ามาหา“อ้าว แฟรงค์ ว่าไง”“วันนี้ไปไหนไหม เราจะชวนไปกินข้าว ทั้งสองคนเลย”“…..กำลังจะไปกินข้าวกับรินนี่แหละ”“โอเค งั้นเราไปด้วยได้ไหม”นริยาหันไปมองนารินเป็นเชิงถามความเห็น ก่อนที่ทั้งสองสาวจะพยักหน้า ทั้งสามคนจึงนัดไปเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆนริยากับนารินพากันเดินไปที่รถ ก่อนที่นริยาจะขับออกไปหลังจากที่นารินคาด
1 ปีต่อมา“แก ฉันว่าชุดนี้ไม่เหมาะกับฉันเลยว่ะ” นารินบ่นกับนริยาหลังจากที่เธอเอาชุดเดรสที่ต้องใส่คืนนี้มาให้นริยาดู“แลกกับฉันไหมล่ะ”“หึ ไม่เอาอะ”วันนี้ทั้งสองสาวจะต้องไปออกงานพร้อมกับชวัลญา ที่ได้รับบัตรเชิญไปร่วมงานวันเกิดของเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวซึ่งเป็นเพื่อนกับเธอ เธอจึงจัดเตรียมเสื้อผ้าให้ทั้งสองสาวเพื่อไปด้วยกันในฐานะบุตรสาวและสะใภ้คนโตนริยากับนารินถูกช่างแต่งหน้าทำผมจับแยกกันเพื่อเตรียมตัวกันตั้งแต่บ่าย เพราะทั้งสองสาวผมยาวถึงบั้นเอวทั้งคู่ เลยต้องใช้เวลาในการทำผมนาน อีกทั้งชุดยังมีลูกเล่นที่ต้องระวัง เลยต้องใช้เวลานานเป็นพิเศษจนกระทั่งใกล้เวลาออกจากบ้าน ชวัลญาก็มาตามสองสาวที่ห้องของนาริน เธอแอบสะดุดไปเล็กน้อยเมื่อเห็นนริยา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมภาคินถึงยอมหยุดที่เด็กสาวคนนี้“เป็นยังไงบ้างคะ” นริยาเอ่ยออกมาอย่างไม่มั่นใจนักร่างบอบบางอยู่ในชุดเดรสเกาะอกสีขาวงาช้าง กระโปรงยาวผ่าข้างสูงถึงโคนขา เผยให้เห็นรูปร่างผอมบาง แต่มีทรวดทรงที่พอเหมาะ ผมยาวตรงถูกถักเปียแล้วยกขึ้นเป็นมวยผม เปิดเปลือยต้นคอระหงสวยงาม“สวย ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมถึงปราบพ่อคินอยู่”“อ้าว แล้วรินล่ะ ไม่สวย
ดวงตาคมทอดมองเรือนร่างขาวผ่อง ที่สวยงามราวกับภาพวาดราคาแพงที่เห็นได้ในพิพิธภัณฑ์อย่างหลงใหล เขาค่อยๆขยับกายขึ้นไปบนเตียงช้าๆ ก่อนจะเอนพิงหัวเตียงในท่าที่สบายและเตรียมพร้อม แล้วเอนกายเข้าไปใกล้หญิงสาว“น้ำ…..” เสียงแหบพร่าเรียกเจ้าของร่างบางอย่างอ่อนโยนนริยาสะดุ้งตื่นอีกครั้งหลังจากที่เธอถูกปลุก ดวงตากลมโตมองคนปลุกอย่างคนที่ยังไม่ตื่นดี แต่เมื่อเขาวางมือลงบนบั้นท้ายกลมกลึงเธอก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเขาต้องการอะไรหญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกางแขนออกเพื่อตอบรับในสิ่งที่เขาต้องการขอโดยไม่ต้องใช้คำพูดร่างสูงใหญ่ขยับยกอุ้มให้คนตัวเล็กกว่ามานั่งคร่อมอยู่บนหน้าขาของตนเอง สายตาสองคู่สบกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งที่ห่างหายเรื่องบนเตียงมานานแรมปี กับอีกฝ่ายที่เผลอใจไปกับคนตรงหน้าโดยไม่ทันรู้ตัว จึงดูเหมือนว่าจะไม่ต้องใช้คำพูดอะไรชุดนอนสีสวยถูกถอดออกจากเรือนร่างบอบบาง เปิดเปลือยสิ่งสวยงามแก่สายตาคมดุที่มองอย่างพยายามอดกลั้น“กลัวไหม”“ไม่ค่ะ”“ถ้าเจ็บก็บอกนะ พี่จะพยายามเบามือที่สุด”“ทำตามที่ต้องการเถอะค่ะ น้ำไม่ได้บอบบางขนาดนั้น” หญิงสาวบอกพลางยิ้มน้อยๆ เธอไม่ได้กลัวเขา เพราะเธอรู้ว่าการที่เขา
“สองคนนั้นล่ะคะ” นารินถามมารดาเมื่อวันนี้เธอลงมาข้างล่างสายแต่ก็ไม่เห็นภาคินกับนริยา“ยังไม่มีใครลงมาเลย สงสัยจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันไปละ” ชวัลญาบอกพลางดูเครื่องเพชรในมือ“ทำอะไรอยู่คะ”“รับขวัญลูกสะใภ้น่ะสิ”“ชุดนี้ดีไหมคะ” นารินชี้ไปที่กล่องหนึ่งที่เธอสะดุดตา“ก็ดีนะ ชุดนี้สั่งทำเลยนะ มีชุดเดียว แล้วน้ำร้อยด้วย” ชวัลญาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็ยังมองชุดอื่นต่อทั้งสองคนนั่งคุยกันอีกพักใหญ่ ภาคินกับนริยาก็ลงมาจากชั้นบน ทั้งสองคนมองตามเมื่อพาคินจูงมือหญิงสาวมานั่งที่โซฟา“ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์มาเหรอ รอยเต็มคอเชียว” ชวัลญาแซวทั้งสองคนนริยามองค้อนใส่ภาคิน แต่เขาก็ทำมึนใส่จนเธอต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเอง ท่ามกลางเสียงพูดคุยเล่นกันของทั้งสามคน“แล้วไม่ไปกินข้าวกันเหรอทั้งสามคน” หญิงวัยกลางคนถามเมื่อเห็นหนุ่มสาวทั้งสามคนพูดคุยกันจนเพลิน“จะออกไปกินข้างนอกกับน้ำครับ”“อ้าว แล้วน้องล่ะ”“น้องก็อยู่บ้านไปดิ น้ำรอนี่นะ พี่ไปเอารถออกก่อน”“ค่ะ”ภาคินลูบศีรษะทุยสวยก่อนจะเดินออกไป นริยาสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นนารินกับชวัลญานั่งมองเธออยู่อย่างรอฟัง“ก็ตามนั้นแหละ” นริยาบอกอย่างไม่ได้ปิดบัง“เป็นไง” นารินถามเ
เมื่อพากันกลับมาถึงที่บ้านพักในช่วงเย็นหลังจากที่แวะไปซื้อของกินมากมายที่ตลาดก็ช่วยกันจัดเตรียมของสำหรับปิ้งย่าง นริยาปล่อยให้พี่เลี้ยงคอยดูแลเด็กๆ ที่หลับระหว่างทางกลับมาที่บ้านพัก“น้ำไปพักก่อนดีไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่จัดการเอง” ชวัลญาบอกระหว่างที่กำลังเตรียมของ“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำอยู่ช่วยดีกว่า จะได้เสร็จเร็วๆ ไงคะ”“เดี๋ยวนิทำน้ำจิ้มให้นะคะ” นิรชาที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินเข้ามาในครัว จึงอาสาช่วยอีกแรงข้าวของมากมายที่ซื้อมาเสร็จพร้อมลงเตาในเวลาเพียงไม่นาน ภวินทร์กับภาคินมาช่วยกันยกออกไปที่โต๊ะหินหน้าบ้าน ซึ่งคนขับรถก็ช่วยกันจุดเตารออยู่ก่อนแล้ว“เอ้า ลงมือเลย จะได้เสร็จทันเด็กๆ ตื่นมากินพอดี” ภวินทร์สั่งพร้อมกับที่ทุกคนช่วยกันหยิบจับ ช่วยกันย่างอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน“น้องเพลงตื่นแล้วค่ะ”“น้องพิณก็ตื่นแล้วค่ะ”สองสาวส่งเสียงอู้อี้พลางเดินงัวเงียออกมาจากในบ้าน โดยมีพี่เลี้ยงพาออกมาที่หน้าบ้านที่ผู้ใหญ่กำลังจัดเตรียมปาร์ตี้กันอยู่“ไปล้างหน้ากันก่อนนะคะ จะได้สดชื่น”“ค่ะ”สองแฝดปล่อยให้พี่เลี้ยงพาไปล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะเดินมานั่งรอมารดาที่กำลังจัดเตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคน“คุ
4 ปีต่อมา“แม่ เห็นสองแสบไหมคะ”“นู่นแน่ะ อยู่กับคุณปู่คุณย่าที่สวน”นริยาลงมาจากชั้นบนในช่วงสายหลังจากที่เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถามมารดาเมื่อลงมายังข้างล่างแล้วไม่เจอเจ้าสองแสบ แฝดน้อยของเธอ ที่ตอนนี้อายุ 3 ปีกว่าอยู่ในบ้าน“แล้วทำไมวันนี้ลงมาช้าล่ะ”“จัดของน่ะค่ะ ต้องเริ่มเตรียมแล้วค่ะ”“แม่ยังไม่ได้จัดของเลย”“ของน้ำต้องเตรียมเยอะค่ะ เลยเริ่มเตรียมเอาไว้ก่อน แค่ของเจ้าแฝดก็ใช้กระเป๋า 2 ใบแล้วล่ะค่ะ”อีกไม่กี่วันครอบครัวของเธอจะพากันไปเที่ยวทะเล สองแฝดดีใจมากเพราะพวกเขาเป็นคนขอให้ภาคินพาพวกเขาไป“เดี๋ยวน้ำออกไปดูเจ้าแฝดก่อนนะแม่”“ไปเถอะ”นริยาตรงออกไปหน้าบ้านที่มีมุมนั่งเล่นอยู่ก็เห็นว่าภวินทร์กับชวัลญากำลังเล่นกับสองแฝดอยู่ เสียงหัวเราะ เสียงร้องวี้ดว้ายดังไปทั่วบริเวณ“เล่นอะไรกันอยู่คะ” หญิงสาวส่งเสียงออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม“คุณแม่” สองแฝดเรียดมารดาพร้อมกันแล้ววิ่งกางแขนไปหามารดา“ว่าไงจ๊ะ ได้ดื้อกับคุณปู่คุณย่าหรือเปล่า”“เปล่าค่ะ เพลงไม่ดื้อเลย”“พิณก็ไม่ดื้อค่ะ”“แม่เชื่อจ้ะ ไปนั่งกับคุณย่ากันดีกว่าค่ะ” หญิงสาวจูบมือสองแฝดเดินเข้าไปนั่งกับภวินทร์และชวัลญาที่นั่งมอ
“กลับมาแล้วค่ะ” นริยาส่งเสียงหลังจากเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย“มานั่งเร็ว” นารินรีบเข้ามาจับมือเพื่อนพาไปนั่ง ท่ามกลางการรอคอยของทุกคน“เป็นยังไงบ้าง” ชวัลญาถามด้วยความอยากรู้“ให้พี่คินบอกดีกว่าค่ะ” นริยาโยนให้สามีหนุ่มที่เพิ่งเดินเข้ามาเป็นคนบอกหลังจากภาคินเดินเข้ามาในบ้านก็มานั่งที่โซฟา เมื่อเห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตารอคอยก็ทำหน้าขรึม“หมอบอกว่า 8 สัปดาห์แล้วครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเสียงกรี๊ดกร๊าดดังไปทั่วห้อง เมื่อทุกคนได้รับการยืนยันข่าวดี ก่อนที่ชวัลญาจะเอะใจที่ภาคินเงียบผิดปกติจึงมองไปที่บุตรชาย“มีอะไรอีกหรือเปล่า”“มีครับ”ทั้งห้องเงียบกริบ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่จนทุกคนใจไม่ดี ดวงตาคมมองสบกับดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่“คือ..... หมอบอกว่าไม่ใช่แค่ 1 ครับ”“หะ แฝดเหรอ” ชวัลญาอุทานด้วยความตกใจ“โอกาสสูงมากค่ะ ถ้าไม่มีคนไหนหลุดหรือหยุดการเจริญเติบโตไปก่อน ก็จะได้แฝดแท้จากไข่ใบเดียวกันค่ะ” นริยาบอกทุกคนตามที่ได้ฟังหมออธิบายมา“โอ๊ย ฉลองทั้งคืนเลยคืนนี้” เสียงกรี๊ดกร๊าดของชวัลญา นีรชา และนาริน ทำให้นริยาหัวเราะออกมา“ตอนนี้น้ำต้องเดินให้น้อยที่สุด รวมทั้งต้อง
“เข้ามาเถอะน่า” ธีรภพบ่นหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ยอมเข้ามาในบ้านนารินทำหน้าหงิกงอ ก่อนที่เธอจะทุบเขาหลังเขาไปแรงๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งรอเธอกับเขาอยู่โดยมีเขาเดินตามมา“กลับมาแล้วค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยทักทายตามความเคยชินร่างเล็กมานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับบิดามารดาและธีรดา โดยมีภาคินกับนริยายิ้มให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ“ไงเรา พร้อมยอมรับความจริงหรือยัง” ชวัลญาถามบุตรสาวยิ้มๆ“.....ค่ะ”“โอเค จะจดทะเบียนก่อนไหม แล้วค่อยจัดงานตอนเรียนจบแบบคู่ตาคิน”“แล้วแต่แม่เลยค่ะ”“แฟรงค์ล่ะ ว่ายังไง” ชวัลญาหันไปถามว่าที่บุตรเขยบ้าง“แล้วแต่รินเลยครับ”“โอเค งั้นเดี๋ยวหลังปีใหม่ก็แล้วกัน จดทะเบียนสมรสก่อน แล้วค่อยจัดงานพร้อมกันเลย” ภวินทร์สรุปให้“ครับ” ธีรภพขานรับพลางพยักหน้าทุกคนพูดคุยกันอีกพักใหญ่ก็แยกย้ายกันไป ภาคินกับนริยากลับขึ้นห้อง เพราะวันนี้นริยามีเรียนช่วงบ่าย ภวินทร์กับชวัลญาเข้าบริษัท ธีรดาเองก็ต้องกลับบ้านไปแจ้งข่าวสามีและจัดเตรียมแหวนและของหมั้นให้กับนาริน ส่วนตัวธีรภพกับนารินก็ขึ้นไปเตรียมตัวบนห้องเช่นกันเพราะชายหนุ่มเอาชุดนักศึกษาติดมาด้วยจากคอนโด“แล้วจะเอายังไงต่อ”
“จะไม่แก้มัดเหรอ”“ไม่”ใบหน้าหวานเงยขึ้น เมื่อลำคอระหงถูกริมฝีปากหยักแนบลงไป เขาดูดเนื้ออ่อนสร้างร่องรอยเอาไว้หลายที่ด้วยความตั้งใจ“จุดอ่อนเธออยู่ที่คอ”“ใช่ รู้ได้ยังไง”“เธอแฉะแล้ว แค่ฉันดูดคอ”“อืม” หญิงสาวครางในลำคออย่างยอมรับร่างสูงอุ้มร่างหญิงสาววางลงบนเตียงแล้วขยับถอดกางเกงออก โชว์ให้เห็นเอ็นเนื้อลำใหญ่ที่ตั้งผงาดรออยู่แล้ว นารินขยับตัวขึ้นไปนั่งยองคร่อมบนตักแกร่งแล้วมองสบตาเขา“กลัวเจ็บไหมล่ะ”“ไม่”คนตัวเล็กโหย่งตัวขึ้น ขยับตัวให้ปลายหัวหยักจ่ออยู่ที่ปากร่องของเธอ แล้วจับบ่ากว้างเอาไว้ ค่อยๆ ขยับตัวลงให้มันเข้ามาข้างในทีละน้อย“อ๊ะ” เสียงหวานใสอุทาน เมื่อเธอรู้สึกตึงแน่น“เธอไม่ธรรมดาเลยนะ กล้าใส่แบบไม่อุ่นเครื่องเนี่ย” เขาพูดเสียงพร่าอย่างแปลกใจ“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันธรรมดานี่”นารินกัดฟันแล้วกดตัวลงเองมาทีเดียวสุดความยาวของมันจนมันเข้ามาในข้างในจนหมด ใบหน้าหวานเงยขึ้นซู้ดปากเมื่อมันยังมีความเจ็บปะปนอยู่ในความเสียวหญิงสาวขยับสะโพกเป็นจังหวะเนิบนาบ ก่อนที่ร่างเล็กจะสะดุ้งเมื่อหัวไหล่มนถูกเขากัดผ่านเสื้อจนจมเขี้ยว“พอใส่เสื้อเอาแล้วมันเสียวดีนะ”“เหรอ”“อืม”ฝ่ามือหนาจับที่
“เข้ามาสิ” เสียงห้าวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวยังมีอาการลังเลนารินก้าวเท้าเข้าไปในห้องช้าๆ ก่อนที่มือหนาที่จับประตูอยู่จะดึงประตูมาปิด แล้วถอดรองเท้า ก้าวยาวๆ เข้าไปวางกุญแจรถกับโทรศัพท์ที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา“มาเถอะ ที่นี่ไม่มีใครหรอก ฉันก็จะไม่ทำอะไร” เขาบอกหญิงสาวเพื่อให้เธอยอมเดินเข้ามาด้านใน“จะคุยอะไร” นารินเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ“ทำไมเธอถึงต่อต้าน”“ก็นายเป็นเพื่อนฉัน”“เมื่อคืนไม่ใช่เพื่อนแล้ว”“ก็เป็นเพื่อนต่อได้นี่”“เธอทำอย่างกับไม่รู้ว่าเราจะเป็นยังไงต่อ ถึงยังไงแม่ๆ ก็จับเราแต่งงานอยู่ดีนั่นแหละ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมไม่ยอมรับแล้วค่อยๆ ปรับตัว” ธีรภพพูดกับหญิงสาวด้วยเหตุผล“.....” นารินยังนั่งเงียบอยู่ จนธีรภพต้องถอนหายใจ“ฉันไม่ได้บังคับแต่อยากให้เธอลองคิดดู ว่าต่อให้เธอต่อต้านแม่ๆ ก็ต้องบังคับอยู่ดีในเมื่อแม่ๆ รู้กันแล้วว่าฉันนอนกับเธอ”“บ้านฉันไม่ได้สนใจในเรื่องนี้” หญิงสาวเถียงอย่างไม่แน่ใจ“ไม่หรอก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวนะ อีกอย่างแม่กับน้าวัลเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เธอไม่กลัวว่าการที่เราเป็นแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของแม่ๆ มีปัญหาหรือไง”หญิงสา
เช้าวันต่อมา ภวินทร์ ชวัลญา นีรชา และธีรดา มานั่งรวมตัวกันรอเด็กๆลงมาตั้งแต่เช้า แต่ดูเหมือนว่าวันนี้น่าจะไม่มีใครลุกแต่เช้าไหว พวกเขาทั้ง 4 คนจึงพากันกินข้าวเช้าแล้วนั่งคุยกันระหว่างรอจนกระทั่งสาย นริยากับภาคินก็ลงมาก่อน หญิงสาวสบตากับสามีเมื่อลงมาแล้วยังไม่เห็นนารินกับธีรภพ และบรรดาพ่อแม่ก็นั่งรอพวกเธออยู่“ไปกินข้าวแล้วมานั่งนี่เลยจ้ะเด็กๆ” ชวัลญาพูดอย่างอารมณ์ดี แต่ยังก็วางมาดขรึม“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยววันนี้น้ำว่าจะออกไปกินข้างนอกค่ะ”“งั้นมานั่งนี่เร็ว” ชวัลญากวักมือเรียกแล้วตบโซฟาข้างตัวนริยาเดินมานั่งลงตามที่ชวัลญาเรียก ภาคินมานั่งลงโซฟาที่อยู่ตรงข้ามพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ“เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืน ลงเอยไหม” ชวัลญากับธีรดาจ้องหญิงสาวด้วยความอยากรู้“เอ่อ คิดว่านะคะ ไม่งั้นป่านนี้น่าจะลงมาก่อนแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลางๆ“โอกาสลงเอยสูงสินะ” ชวัลญากับธีรดาหันมาแตะมือกันด้วยความดีใจนริยาสบตากับภาคิน สีหน้าเธองงอย่างเห็นได้ชัด ตอนแรกเธอตกใจนึกว่าจะโดนเรียกมาดุที่เธอไม่ขวางทั้ง 2 คนเอาไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าบรรดาแม่ๆไม่ดุแถมยังต้องการให้ธีรภพกับนารินลงเอยกันเสียอย่างนั้น“อย่างนี้แหละ
ทางด้านนริยา หลังจากที่เธอเอายาไปให้กับธีรภพเสร็จแล้วเธอก็กลับมาที่ห้องนอน เป็นจังหวะเดียวกับที่ภาคินเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพอดี“ไปไหนมา”“เอายาไปให้แฟรงค์ค่ะ”“ยา?”“ยาฉุกเฉินค่ะ กันเหนียวเอาไว้ดีกว่าไงคะ”“คนอื่นแค่ช่วยกันสร้างสถานการณ์ ช่วยกันลุ้น แม่คุณเล่นอำนวยความสะดวกให้แบบนี้เลยเหรอ”“ห้ามได้เหรอคะ คนนอนห้องเดียวกัน”“พี่ยังอดใจได้ตั้งนาน”“แต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ น้ำว่าดีไม่ดี ต่อให้พวกเขากินกันไปแล้ว รินก็ยังไม่ตกลงคบหรอกค่ะ รินใจแข็งกว่าที่คิดนะคะ”“หะ ยังไงนะ” ชายหนุ่มชะงักไปหลังจากเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนเตียง“ก็แบบ รินก็กินเฉยๆ แต่ยังไม่คบไงคะ คนที่เป็นฝ่ายตามน่าจะเป็นแฟรงค์นะคะงานนี้”“ประมาณว่าคนที่เป็นฝ่ายเสียคือไอ้แฟรงค์ คนที่เป็นฝ่ายได้คือยัยริน .....เหรอ”“ก็ประมาณนั้นค่ะ จากนิสัยรินนะคะ”“อึ้งเลยนะเนี่ย” ภาคินอึ้งเมื่อรู้สิ่งที่ภรรยาสาวคิด ซึ่งเขาก็เชื่อเธอ เพราะนริยากับนารินสนิทกันมาก“ไม่เชื่อก็รอดูสิคะ”“ก็เชื่อแหละ แต่มันอึ้งไง”“ยัยรินดุมากกว่าที่พี่คิดนะ แล้วคอยดูสิว่าแฟรงค์จะต้องเป็นฝ่ายคอยตามจริงไหม น้ำไม่คุยละ ไปอาบน้ำดีกว่า”นริยาเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัวแ
ดวงตาคมมองไปยังร่างเล็กที่กำลังคลุมโปงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขาลังเล แต่ก็ไม่อยากรู้สึกเสียใจกับตัวเอง เขารู้ตัวเองดีว่ากำลังชอบเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อีกอย่างเธอก็เป็นคนที่มารดาหมายมั่นปั้นมืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันจะเกิดขึ้นเร็วหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงตรงขอบเตียง ดึงผ้าห่มที่กำลังคลุมร่างเล็กอยู่อย่างเบามือ ดวงหน้าหวานกำลังหลับสนิท ร่างกายที่บอบบาง ผิวที่ขาวเนียนไปทั้งตัว สิ่งเหล่านี้มันทำให้เขาละสายตาไปจากเธอไม่ได้ธีรภพขยับกายขึ้นไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้ มือใหญ่จับรวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างตรึงเอาไว้กับที่นอน นารินสะดุ้งเฮือกลืมตาเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายถูกแตะต้องสองหนุ่มสาวมองสบตากัน นารินยังตั้งสติไม่ทันเพราะหลับสนิทไปแล้ว เธอนิ่งไปพักใหญ่“ว่ายังไง?”“.....อะไร”“ก็เธอไง ว่ายังไง”“ไม่รู้”“งั้นฉันถือว่าเธอไม่ปฏิเสธนะ”“.....”“แล้วฉันก็ไม่ได้บังคับเธอด้วย”ชายหนุ่มบอกเธอพร้อมกับยิ้มน้อยๆ นารินนิ่งไป แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการต่อต้าน เมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาแนบริมฝีปากบนลำคอ“.....นายเมาเหรอ”“เปล่า ไม่ได้เมา ฉันกับพี่คินดื่มได้ในระดับเดียวกันนั่นแหละ” เขาบอกเสียงอู้อี้