หนุ่มสาวราวเจ็ดถึงแปดคนยืนห้อมล้อมเตียงผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นตัวอย่างสืบสาย ดูจะน่าอึดอัดสักหน่อยสำหรับผู้พบเห็น แต่มันกลับเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นสำหรับเขา พัศวีเปิดประตูเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่เห็นเพื่อนๆ พร้อมหน้าพร้อมตา พรีม เดินตามเขาเข้ามาอย่างเคอะเขิน
ทันทีที่ธนญและนับหนึ่งมองเห็นพรีม พวกเขาต่างอึ้งไป นิ่งงันไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมา ว่าดีใจที่ได้พบกับพรีม หากแต่เป็นอารมณ์มึนงงสงสัย ว่าทำไมพวกเขาถึงมาด้วยกัน ในอดีตพรีมตั้งป้อมเป็นอริกับนับหนึ่งเพราะแอบหลงรักธนญ เธอกันท่าและหาเรื่องนับหนึ่งอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งจบการศึกษา แต่เมื่อเวลาผ่านไปต่างฝ่าย ต่างก็ค่อยๆ ลืมกันไป จนไม่หลงเหลือความบาดหมางใดๆค้างคาอยู่ในใจกันอีก หากแต่ความตะขิดตะขวงใจที่ไม่ได้เจอกันนาน จึงยังไม่รู้ว่าจะวางสีหน้าแบบใดให้กันและกัน
มัสยาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ณัฐการ สะกิดณัฐการเบาๆ เมื่อเห็นพัศวีควงคู่มากับสาวที่พวกเธอคุ้นหน้าคุ้นตา และดูท่าทางจะสนิทสนมกันเป็นพิเศษ
“ดูสิว่าฉันพาใครมาเยี่ยมนาย”
พรีมกอดร่างของพัศวีอย่างหวงแหน เธอหลับไปเพราะความอ่อนล้า แม้จะยังอยากที่จะร่วมรักกับพรีม แต่เขาก็รู้ดีว่าร่างกายของเธอไม่สามารถรองรับความต้องการของเขาได้ตลอดทั้งคืน เขาจึงต้องอดทนและหยุดยั้งความต้องการของตัวเองให้ได้พรีมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ในขณะที่เสียงหายใจของพัศวี ยังคงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ พัศวียังไม่หลับ เขาลืมตาอยู่ในความมืด“ทำไมนายไม่หลับ”พรีมถามเขาอย่างแผ่วเบา ศีรษะอิงแนบกับหัวไหล่ในอ้อมแขนที่โอบกอดเธอ แขนของพรีมโอบกอดรอบลำตัวแน่นของพัศวี เธอหลับไปนาน จนอาจทำให้เขาปวดแขนหรืออาจจะชาได้ พรีมจึงคิดจะขยับออก หากแต่พัศวียังคงกระชับกอดนั้นไว้ไม่ยอมปล่อย“ฉันไม่เป็นไรหรอก”“นายอาจจะปวดแขนได้”“เป็นห่วงฉันหรือ”พรีมไม่ตอบ หากแต่กระชับวงแขนของตัวเองเช่นกัน พัศวีกดสายตาลงต่ำ มองเห็นหน้าผากโค้งมน สันจมูกที่ได้รูปเป็นสันของพรีม เขามองมันด้วยสายตาอ่อนโยน ยามที่ได้ใกล้ชิดกันเช่นนี้
อัญชิสากลืนอาหารเข้าไปได้ สองถึงสามคำ ก็มีทีท่าว่าจะอาเจียน เธอลุกไปที่ห้องน้ำ ไม่สามารถเดินได้เร็วอย่างที่คิด จึงต้องใช้มือข้างหนึ่งปิดปากตัวเองไว้ให้สนิท เพื่อไม่ให้สำรอกออกมาเลอะเทอะ แม้จะมีเมือกเหนียวซึมล้นออกมา แต่ก็ทันปล่อยลงโถชักโครกอัญชิสาอาเจียนจนเส้นเลือดและเส้นเอ็นบริเวณลำคอเรียวเล็กขึ้นสันนูน อาการมวนในท้องกระอักกระอวน เพราะอาการท้องว่าง ทำให้เมื่อมีอาหารลงไปในกระเพาะ จึงเกิดปฏิกิริยาท้องไม่รับ ดันสิ่งที่เข้าไปออกมาโดยอัตโนมัติชนแดนเดินตามมาดูช้าๆ ภาพที่เห็นอัญชิสาเกาะขอบโถ และโก่งคออาเจียนอย่างทรมาน จนน้ำหูน้ำตาไหล ส่วนที่มือหนึ่งกุมอยู่ที่ท้องของตัวเอง เพราะมีอาการจุกเสียด“เหมือนคุณจะมีอาการโรคกระเพาะร่วมด้วย”ชนแดนหยุดนั่งลงข้างๆ ก่อนจะช่วยลูบหลัง และประคองเธอมาที่อ่างน้ำ เพื่อล้างปากและล้างคราบเศษอาหารและคราบอาเจียนต่างๆ ที่คาวคุ้ง เหงื่อบนหน้าผากที่เกาะพราว เพราะอาการเครียด และความเหนื่อยล้า และทรมาน
เมื่อออกมาจากห้องทำงานของนับหนึ่ง มินตราเข่าแทบทรุด เพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน มินตราค่อยๆพยุงร่างที่อ่อนแรง นั่งลงเก้าอี้ทำงานของตัวเองช้า ใบหน้าซีดเผือด หายใจไม่ออก เพราะมันอั้นและจุกอยู่กลางอก น้ำตาคลอเอ่ออยู่ที่เบ้า มินตราพยายามกระพริบตา เพื่อกั้นให้น้ำตากลับเข้าไปข้างในไม่ให้ไหลออกมามินตรานึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับตรีวิทย์ จนเลยเถิดไปถึงการมีสัมพันธ์ที่ไม่ใครรู้ ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน แม้จะเพราะเรื่องบนเตียง แต่ความผูกพันมันเริ่มก่อตัวทีละนิด จนเปลี่ยนเป็นความชอบ แต่เธอยังไม่ได้มั่นใจว่ามันคือความรักไหม เธอรักตัวเองและครอบครัวมากกว่า พยายามคิดอยู่เสมอว่าตรีวิทย์ก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป ที่ยังไม่พร้อมรับผิดชอบเด็กคนหนึ่ง หรือการมีชีวิตคู่ เพราะวัยที่เพิ่มผ่านพ้นวัยรุ่นเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ไม่นานตรีวิทย์ ตื่นจากอาการเมามาย ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ที่ปาเข้าไปเกือบบ่ายสอง &nbs
เขตรัฐพามินตราขึ้นมายังห้องผู้ป่วยของตรีวิทย์ เมื่อเปิดประตูเข้าไป พบว่ามีเพียงธนัญญา นั่งเฝ้าตรีวิทย์อยู่เพียงลำพัง“คนอื่นไปไหนกันหมดครับ ทำไมคุณถึงอยู่คนเดียว”“คนอื่นๆ ไปห้องพี่สืบสายกันหมดแล้ว กลัวว่าพวกคุณขึ้นมาจะไม่เจอใคร ฉันเลยอาสานั่งเฝ้า เพราะกลัวตาวิทย์ฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เห็นใคร”สายตาที่ธนัญญามองเขตรัฐ และมินตราเต็มไปด้วยคำถาม เขตรัฐเข็นมินตราเข้าไปนั่งที่ข้างเตียง“มินเฝ้าคุณตรีวิทย์ไปก่อนแล้วกัน พี่กับคุณนัญจะไปเยี่ยมคุณสืบสายก่อน”“ค่ะ”มินตรารับคำสั้นๆ เธอเอาแต่มองหน้าที่หลับใหลของตรีวิทย์ด้วยความเป็นห่วง ผิวขาวซีดเซียวของเขายามนอนสงบนิ่ง ทำให้เธอเป็นห่วงขึ้นมา และสงสารเขาจับใจ อาจเพราะเขาเป็นทายาทของสินธรธนารักษ์ การที่เธอท้องกับเขา คงทำให้เขาเครียดมากจริงๆธนัญญาเดินตามเขตรัฐออกมาเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเข้าในลิฟท์ เพื่อไปชั้นบนที่สืบสายนอนพักฟื้นอย
ธนัญญาที่กำลังสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองที่หน้ากระจก เธอแต่งหน้าทาปากโทนสีธรรมชาติ จนดูแทบไม่ออกว่ามีการเติมแต่ง แต้มสีสันเข้าไปแล้ว ความสวยงามสดใสของธนัญญา ทำให้เธอดูอ่อนเยาว์ ดูราวกับสาวแรกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ด้วยดวงตากลมโต แก้มป่องขั้นตอนต่อไปคือการเลือกเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ในวันที่เธอดูมีความสุขเป็นพิเศษ ตู้เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าหลากหลาย ดูจะไม่เพียงพอ แม้ทุกชุดจะดูสวยงามไปหมด แต่สำหรับธนัญญามันดูยังสวยไม่พอสำหรับเธอ จนกระทั่งเขตรัฐออกจากห้องน้ำ ธนัญญาก็ยังคงสวมเสื้อคลุมสีชมพูตัวเดิมผมที่เพิ่งการสระด้วยแชมพูหอมละมุนของธนัญญาเอง ทำให้เขตดูมีเสน่ห์และเย้ายวนเพิ่มขึ้น ผมที่เปียกจับช่อติดกัน ถูกสะบัดออกและซับด้วยผ้าขนหนูผื่นเล็กเนื้อนุ่ม“ยังไม่แต่งตัวอีกหรือ”“ผู้หญิงแต่งตัวนานเป็นเรื่องธรรมดาหรือเปล่า”ธนัญญาหันมาค้อน ที่เขาถามราวกับกำลังจะต่อว่าเธอ ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มสวยงามเป็นธรรมชาติ ชวนมองและน่า
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ตรีวิทย์จึงขอออกจากโรงพยาบาลทันที เพราะเขาเป็นห่วงมินตรา ตรีวิทย์พยายามจะดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนด้วยตัวเอง แต่นับหนึ่งและธนญห้ามไว้ ก่อนจะเรียกพยาบาลเข้ามาเอาออกให้ ในเมื่อห้ามไม่อยู่ จึงปล่อยเขาไป ตรีวิทย์สวมเสื้อผ้าสำรองที่ธนญเตรียมไว้ให้สำหรับวันออกจากโรงพยาบาล ซึ่งกำหนดการณ์คือวันพรุ่งนี้ แต่เมื่อน้องชายดึงดัน เขาก็ไม่ห้าม แค่เป็นห่วงแผลที่ศีรษะของเขาเท่านั้น“ผมจะไปดูเขา ปกติมินตราไม่ใช่คนเงียบแบบนั้น การที่เขาเงียบ แสดงว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ผมกลัว”“คุยกับมินตราดีๆ ค่อยๆ คุยด้วยเหตุและผล มินตราไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล และใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ สู้กับเธอสิคะคุณตรีวิทย์”“ครับ”มินตรากลับมาถึงห้อง ด้วยอารมณ์โกรธ เธอถูกนางอนงค์นาถดูถูกด้วยสายตาไม่พอ ยังกล่าวคำดูถูกว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า สำหรับคนร่ำรวยในสังคมมันสำคัญมากนักหรือ เธอก็มีพ่อมีแม่ แถมท่านทั้งส
ขณะที่เขตรัฐกำลังขับรถเข้ากรุงเทพฯ หลังจากไปตรวจเยี่ยมโรงงานที่อยุธยา ก็มีเสียงเรียกเข้าจากสายโทรศัพท์ที่ไม่ปรากฏชื่อ ทำให้เขาค่อนข้างแปลกใจ ไม่บ่อยนักที่จะมีสายปริศนา หรือคนไม่รู้จักโทรหาเขาในเวลาพลบค่ำเช่นนี้“ฉันเองมานัส”“ว่าไงเพื่อน มีอะไรให้ผมรับใช้”น้ำเสียงตอบรับของเขตรัฐเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ เพราะเขาไม่เจอกับมานัสมาร่วมสิบปีแล้ว หลังจากเรียนจบ และแยกย้ายกันไปต่างคนต่างทำงาน ล่าสุดที่ติดต่อกัน ก็ตอนที่มานัสช่วยตามหาณัฐการ ตอนที่นายปรารณ จับณัฐการไป“ไม่เจอกันนานคิดถึงตอนนี้ตอนอยู่กับไอ้วาทิตที่ออกัส ผับ เจอกันหน่อยไหม”“ได้เพื่อน แต่สักพักนะฉันเพิ่งกลับจากโรงงานที่อยุธยา เพิ่งเข้าเขตกรุงเทพฯ รถอาจจะติด”“ไม่มีปัญหา คืนนี้อีกยาวไป เจอกันเพื่อน”มานัสนั่งอยู่ที่บาร์ เขาเป็นเพื่อนกับเขตรัฐและวาทิตตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัย และเขาเองที่เป็นคนชักชวนเพื่อทั้งสองเข้า
เมื่อเห็นว่าอัญชิสาและครอบครัวคลายกังวลลงมาก ชนแดนจึงปลีกตัวออกไป หาซื้อเครื่องดื่มมาให้เพราะตั้งแต่มาถึง พวกท่านคงจะมัวแต่เป็นห่วงอาการของลูกจนไม่ได้คิดถึงตัวเองการแต่งกายสบายๆ ของชนแดน เป็นที่สะดุดตาของเจ้าหน้าที่หมอและพยาบาลเวรดึกเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยเห็นเขาในเสื้อผ้าเครื่องกายเช่นนี้มาก่อน นอกจากชุดกีฬา และชุดทำงานปกติ ทุกคนต่างยิ้มทักทายเขา ชนแดนออกจะเขินสักเล็กน้อยที่เขาอยู่ในสภาพนี้ไม่นานชนแดนก็กลับมาพร้อมกับน้ำดื่ม กาแฟร้อน นมอุ่นๆ และของว่างทานรองท้องแก้หิว เพราะร่างกายที่ตื่นขึ้นมากลางดึกทั้งที่เป็นเวลานอนพักผ่อน มักจะแสดงอาการหิวที่มากกว่าอาการหิวในเวลาปกติ“เครื่องดื่มครับกับของว่างรองท้อง ผมไม่ทราบว่าพวกท่านชอบดื่มแบบไหน ก็เลยเลือกเป็นกาแฟร้อนกับนมอุ่นมาให้ ส่วนของคุณกาแฟร้อนนี่แก้แฮงค์”ชนแดนวางเครื่องดื่มและของว่างในกล่องที่บรรจุถุงกระดาษรักษ์โลกไว้ที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่ ก่อนจะยื่นกาแฟร้อนแก้วหนึ่งให้อัญชิสา อัญชิสาส่งสายตาตำหนิเขาที่ บ