กองบินมองจ้องใบหน้าอวบอิ่มและเรือนร่างอวบอิ่มแล้วมาหยุดที่ท้องกลมโตของคำเอื้องแล้วก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมาพร้อมกับย่อตัวคุกเข่าตรงหน้าเธอและลูกน้อยในท้อง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดภาพตัวเองคุกเข่าขอผู้หญิงแต่งงานและไม่เคยมีภาพตัวเองมีครอบครัวมาก่อน แต่ตอนนี้ภาพทุกอย่างมันเริ่มมีตั้งแต่ที่ได้รู้จักเธอที่ฝรั่งเศสแล้ว
“ถ้าทำเพื่อจะรับผิดชอบลูกในท้องของฉันไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอแต่งงานก็ได้ค่ะ” แม้ใจจะเจ็บปวด แต่คำเอื้องก็ยังคงแสร้งตีหน้านิ่งไม่สนใจการกระทำของคนถ่อยตรงหน้า
“ไม่! ไม่ใช่เพราะต้องการรับผิดชอบที่เอื้องท้อง แต่มันคือสิ่งที่พี่เหมต้องการ พี่ต้องการเอื้อง พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเอื้อง ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ไม่เคยคิดจะ ‘รัก’ ใคร และคิดจะ ‘แต่งงาน’ แต่ตั้งแต่กระชากฉุดเอื้องที่ฝรั่งเศสครั้งนั้น เอื้องก็ติดตรึงอยู่ตรงนี้พี่เหมตลอด” เขาพูดแล้วก็ทุบอกซ้ายตัวเองเพื่อบอกเธอว่าเธออยู่ในนี้มาตลอดตั้งแต่
เด็กชายคลื่น สุปรีย์ วัย 3 ขวบกำลังเดินเตาะแตะเข้าไปหาคุณตา และข้างๆ ก็มีคุณปู่ คุณย่าเล็ก ย่าใหญ่นั่งอยู่ด้วยกันกำลังมองมาทางหนูน้อย เกษม นารีที่บินกลับมาไทยมาหาหลานๆ ของตัวเองและบู่ คุณย่าใหญ่ ทุกคนมาที่ภูเก็ตมาเยี่ยมหลาน “ดูสิ ยิ่งนับวันน้องคลื่นก็ยิ่งเหมือนน้องเหมเมื่อตอนเด็กค่ะพี่บู่” นารีหันมาพูดกับพี่สาวของอดีตสามี “นั่นสิ ถอดแบบมาอย่างกับแกะ” บู่เองก็เห็นด้วย “มาหาตาเร็วครับน้องคลื่น”คำสิงห์อ้าแขนรับหลานชายที่เดินมาถึงตัวเอง แต่หนูน้อยก็ส่งยิ้มให้ตาแล้วเดินไปหาคุณปู่ที่อ้าแขนกางรอเช่นกัน ก็อยู่กับตาทุกวัน วันนี้คุณปู่มาก็ขอไปอ้อนเอามรดกปู่ก่อนก็แล้วกัน และการกระทำของหนูน้อยนั้นก็ทำให้ทุกคนหัวเราะขำเอ็นดู คิกๆ “คงเบื่อตาแล้วใช่ไหมน้องคลื่นถึงไปหาคุณปู่”คำสิงห์แสร้งเอ่ยน้อยใจหลานชาย แล
ว้าย! เดินอยู่ดีๆ ก็ถูกใครที่ไหนไม่รู้เปิดประตูห้องออกมาแล้วกระชากฉุดเธอเข้ามาในห้อง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็ว เธอถูกกระชากแขนเข้ามาในห้องมืดสนิทไร้แสงสว่างจนล้มลงไปกับพื้น พอจะดิ้นลุกหนีก็ถูกร่างใหญ่โตคร่อมทับกักกับพื้นจนไม่อาจดิ้นหนีได้ “ว้าย! อะ...อื้อ” ปากน้อยจะร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ด้านนอกที่เดินผ่านไปมาให้ได้ยินเสียงตัวเองก็ถูกปากหนาบดกระแทกปิดปากจนเสียงร้องกลืนหายเข้าไปในลำคอ เท่านั้นไม่พอเรียวลิ้นน่ารังเกียจขยะแขยงก็ยังดุนดันเข้ามาในโพรงปากของเธอ แถมยังไล่ต้อนลิ้นเธอจนจนมุมไร้ทางหนีแล้วตวัดเกี่ยวรัดคลึงอย่างอุกอาจ “อะ...อื้อ” เธอดิ้นขัดขืนทุบตีไหล่กว้าง แต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่อเขานั้นไร้สำนึกที่ดี ไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครและเธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาทำแบบนี้กับคนที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องของเขากลับห้องของตัวเองได้ยังไงกัน “อ่า...อื้อ” ความหวานของปากน้อยทำให้กองบิน สุปรีย์ หรือเหม วัย 37 ย่าง 38 ปี นักธุรกิจหนุ่มทายาทคนที่สองของตระกูลสุปรีย์ ที่ดูแลเรื่องสัมปทานเดินเรือของครอบครัว พี่ชายคนโตอย่างกองพลดูแลเหมืองแร่ที่กำแพงเพชร ส่วนน้องชายค
“อ่า...ถ้าผมอดทนได้ ผมคงไม่ฉุดกระชากคุณเข้ามาในห้องหรอกคนสวย อ่า...ไม่ไหวแล้ว ผมอยากได้คุณตอนนี้ อ่า...ทรมานเหลือเกิน” น้ำเสียงทุ้มพร่าดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนาสีเข้มจากการดูดบุหรี่เป่ารดเนินอกอวบแล้ว เขาก็ใช้มือกอดรั้งเอวเล็กคอดนั้นจัดการปลดถอดกางเกงตัวเองเพื่อปลดปล่อยความใหญ่โตดุดันตัวเองออกมาด้านนอก เมื่อความอหังการของเขาออกมาหายใจด้านนอกได้ก็ไม่รอช้าจะจรดปลายท่อนเนื้ออวบใหญ่เต็มลำแข็งแกร่งของตัวเองจดจ่อกับปากทางรักสวาทของสาวเจ้าในความมืด แม้เธอจะดิ้นรนต่อต้านขัดขืนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่เขาก็กอดรั้งเธอไว้ด้วยมือแข็งแรงเพียงข้างเดียว ส่วนมือทั้งสองของหล่อนก็พยายามทุบตีผลักไสตนเต็มแรง แต่มีหรือเขาจะสะทกสะท้านไปกับแรงมดของหญิงสาว “ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะ อะ...เจ็บ!” แล้วความเจ็บปวดกลางกายก็เกิดขึ้นเมื่อถูกคนถ่อยต่ำช้ายัดเยียดความอหังการเข้ามาในร่างจนต้องบิดเอวเล็กคอดส่ายหนี แต่ก็ถูกแขนแข็งแรงของเขากอดรัดไว้แน่น “โอว์...พระเจ้า! คุณยังซิง อ่า...แน่นเป็นบ้า” กองบินไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะได้รับสิ่งที่วิเศษเช่นนี้ในค่ำคืนนี้ ใจที่ด้านชาของเขามันมีชีวิตชีวาขึ้นมาท
กองบินเฝ้าวนจูบคนที่นอนหลับสนิทในอ้อมกอดตัวเอง ยิ่งได้มองใบหน้าจิ้มลิ้มของสาวน้อยที่ตนตักตวงความสุขมาเมื่อคืนก็ยิ่งรู้สึก ‘ชอบ’ และอยากโอบกอดและครอบครองหล่อนทุกคืน ใบหน้าเนียนนุ่ม ผิวขาวอมชมพู ปากอวบอิ่มและบวมเจ่อจากการจูบหนักหน่วงแล้วก็ทำให้มุมปากหนายกยิ้มขึ้น “สวย” นั่นคือคำที่เขาบัญญัติให้หญิงสาวในอ้อมแขนแข็งแรงในตอนนี้ ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนได้นอนซุกซบในวงแขนและไม่เคยให้ใครได้นอนบนเตียงตนเอง พอเสร็จกิจอิ่มแล้วก็แยกจาก แต่กับคนตัวเล็กนี้เธอหลับคาอก จะปลุกแล้วไล่กลับก็กระไร จึงอุ้มมานอนบนเตียงด้วยกันพร้อมกับเช็ดตัวและทำความสะอาดคราบเลือดที่โคนขาให้เธอด้วย และนั่นยืนยันว่าเธอเป็นสาว ‘พรหมจรรย์’ ที่ตนเพิ่งได้ฉีกกระชากมันขาด กระเป๋าสะพายใบเล็กที่มีเสียงสั่นเตือนมาตลอดทั้งคืนนั้นเขาก็ได้เสียมารยาทกดรับสายแทนเจ้าของโทรศัพท์เครื่องหรูราคาแพงทันสมัย และได้เสียมารยาทต่อค้นดูพวกบัตรของเธอในกระเป๋าแล้วก็พอจะรู้ว่าหญิงสาวเป็นคนมีฐานะน่าดู ดูจากเสื้อผ้า กระเป๋า ทุกอย่างล้วนเป็นของแบรนด์เนม และไม่มีทางเป็นเด็กเสี่ย เพราะถ้าเป็นเด็กเสี่ยมีหรือจะเหลือพรหมจรร
เวลาผ่านไปจนบ่ายโมงกว่า กองบินได้ไปเอากระเป๋าเดินทางของคำเอื้องมาไว้บนห้องพักตัวเองแล้ว ดีที่วันนี้เขาไม่ได้มีงานอะไร จึงได้อยู่กับเธอทั้งวัน แต่จนตอนนี้คำเอื้องก็ยังนอนไม่ตื่น เขาได้สั่งอาหารไว้รอหญิงสาวจนเย็นชืดไปหมดแล้วจนต้องเรียกพนักงานมานำไปเก็บแล้วสั่งมาใหม่ แต่เจ้าหล่อนก็ยังนอนหลับ ไม่ยอมตื่นสักที “คนอะไรขี้เซาได้น่ารักจริงๆ” เขาพึมพำกับคนนอนหลับสนิทบนเตียงแล้วก้มโน้มหน้าลงไปหาหมายจะจุ๊บแก้มนุ่มนิ่ม แต่เจ้าของแก้มลืมตาตื่นขึ้นมาเสียก่อน กรี๊ด! คำเอื้องตกใจร้องกรี๊ดผลักหน้าที่ก้มโน้มลงมาใกล้ตัวเองออกห่างพร้อมขยับตัวจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องสูดปากร้องครางเจ็บกลางหว่างขาจนต้องเปลี่ยนมากอดตัวเองและผ้าห่มไว้แน่นเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดในหัวของเธอ “คนสารเลว!” เธอด่าว่าชายแปลกหน้าที่ข่มเหงพรากพรหมจรรย์ของตนไปเมื่อคืน “อะไรกัน เมื่อคืนเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่ ผมมีความสุข คุณเองก็มีความสุขนี่คนสวย สุขจนหลับคาอก” “ไม่ต้องมาพูด คุณข่มขืนฉัน” เธอชี้หน้าของคนที่ขยับมานั่งปลายเตียงที่ตนนอนอยู่ “เฮ้! ข่มขืนยังไงกัน จริงอยู่ผมผิดที่ฉุดก
มือที่จับกดข้อมือน้อยพาดไขว้เหนือหัวผละออกมาจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองโดยที่ยังคร่อมทับกดร่างเปลือยของคำเอื้องไว้ใต้ร่างไม่ปล่อยให้เธอได้หนีลงจากเตียง เพียงเวลาไม่นานเขาก็จัดการปลดเปลื้องชุดตัวเองโยนทิ้งไปกองไว้ข้างเตียง เมื่อจัดการตัวเองจนเปลือยเปล่าแล้วก็ไม่รอช้าจะจับเรียวขาทั้งสองข้างของคำเอื้องแยกกว้างเปิดทางสวาทให้ตัวเองได้กระแทกเด้งตัว “ยะ...อย่าทำแบบนี้กับฉัน” “เมื่อคืนก็ทำมาแล้ว จะทำอีกรอบจะเป็นไรไป...ว่าไหม อะ...อื้อ” แล้วความอหังการของบุรุษก็กระแทกกดกายเข้าไปฝากฝังตัวเองในกายคับแน่นของสาวน้อยเต็มลำกายใหญ่โต “อะ...เจ็บ!” แม้จะผ่านครั้งแรกมาแล้ว แต่ครั้งนี้เธอยังไม่พร้อมเมื่อถูกยัดเยียดความใหญ่โตเข้ามาในร่าง เอวเล็กคอดก็บิดส่ายดิ้นถอยหนี แต่ถูกแขนแข็งแรงโอบกอดรัดเอวเล็กคอดของเธอรั้งไว้แล้วกระแทกเด้งเร่าตอบรับกับเอวสอบตัวเองที่กำลังเคลื่อนไหวโยกเร่าจังหวะดุดันเสียดสีเข้าออกในกายคับแน่นของสาวเจ้า 
สำหรับคำเอื้องแล้วเหมือนว่าวันเวลาสามวันนี้เดินช้าเหลือเกินเธอนั่งถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก มองตัวเองในกระจกหลังจากแต่งตัวเสร็จ เธอไม่ได้ถูกขังอยู่ในห้องซะทีเดียว เพราะกองบินพาออกไปทานมื้อเย็นข้างนอกทุกวันและเธอต้องทำตัวเป็นเด็กดีเชื่อฟังเขาเพื่อจะได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อกลับหาพ่อตัวเองเพื่อที่ท่านจะได้ไม่เป็นห่วงตัวเอง แม้จะแค่วันละห้านาทีก็เถอะ “ผมชอบเวลาคุณน่ารักแบบนี้แหละเด็กน้อยของผม เชื่อฟัง ไม่พยศกับผม วันนี้ผมจะให้คุณใช้มือถือนานกว่าห้านาที แต่แลกกับคืนนี้คุณต้องบริการผมจนพอใจ เพราะพรุ่งนี้เราจะแยกจากกันแล้ว เรากลับไทยก็จะต่างคนต่างเดิน แต่จำไว้คุณคือความทรงจำที่ดีของผมนะ ถึงแม้จะเกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ผม‘ชอบ’และ‘ดีใจ’ที่ได้รู้จักเด็กน้อยอย่างคุณ” ร่างเปลือยสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเสร็จพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพาดคล้องคอเดินมาหยุดหลังคนที่นั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งส่องกระจกแล้วก้มตัวโน้มลงไปโอบกอดคอระหงของสาวเจ้า&nbs
พอเท้าแตะถึงพื้นสนามบินเมืองไทย คำเอื้องก็เรียกร้องอิสระของตัวเอง ให้กองบินคืนบัตรประชาชนของตัวเองและโทรศัพท์ให้ตัวเอง หลังจากได้กระเป๋าเดินทางของตัวเองแล้ว ใบหน้าของคำเอื้องก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เธอไม่แม้แต่จะพูดลากองบินสักคำ พอได้ทุกอย่างคืนก็เดินจากไป ส่วนกองบินก็รู้สึกใจหวิว แต่ก็ทำเพียงยิ้มให้กับตัวเองแล้วเดินไปอีกทาง คำเอื้องไปซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับภูเก็ตไปหาพ่อที่รักของตัวเองทันที ไม่ได้อยู่ค้างที่กรุงเทพฯ เพราะตอนนี้พ่อไลน์ตามแล้วคงอยากรู้เรื่องของกองบินนั่นแหละ เพราะก่อนหน้านี้เพชรกับไหมเพื่อนรักเดินทางกลับมาก่อนและท่านถามกับเพื่อนทั้งสองเลยเผลอหลุดปากพูดชื่อกองบินไปจนตอนนี้คนเป็นพ่อนอนไม่หลับ เพราะคิดห่วงลูกสาวกลัวโดนผู้ชายหลอก นี่แหละคือสาเหตุที่ทำไมเธอถึงอยู่เป็นโสดมายี่สิบสามปี แฟนสักคนก็ไม่มี เพราะพ่อ ‘หวง’ นั่นเอง ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! พอดูชื่อบนหน้าจอก็กลอกตาเล็กน้อยพร้อมอมยิ้มแล้วกดรับสาย
เด็กชายคลื่น สุปรีย์ วัย 3 ขวบกำลังเดินเตาะแตะเข้าไปหาคุณตา และข้างๆ ก็มีคุณปู่ คุณย่าเล็ก ย่าใหญ่นั่งอยู่ด้วยกันกำลังมองมาทางหนูน้อย เกษม นารีที่บินกลับมาไทยมาหาหลานๆ ของตัวเองและบู่ คุณย่าใหญ่ ทุกคนมาที่ภูเก็ตมาเยี่ยมหลาน “ดูสิ ยิ่งนับวันน้องคลื่นก็ยิ่งเหมือนน้องเหมเมื่อตอนเด็กค่ะพี่บู่” นารีหันมาพูดกับพี่สาวของอดีตสามี “นั่นสิ ถอดแบบมาอย่างกับแกะ” บู่เองก็เห็นด้วย “มาหาตาเร็วครับน้องคลื่น”คำสิงห์อ้าแขนรับหลานชายที่เดินมาถึงตัวเอง แต่หนูน้อยก็ส่งยิ้มให้ตาแล้วเดินไปหาคุณปู่ที่อ้าแขนกางรอเช่นกัน ก็อยู่กับตาทุกวัน วันนี้คุณปู่มาก็ขอไปอ้อนเอามรดกปู่ก่อนก็แล้วกัน และการกระทำของหนูน้อยนั้นก็ทำให้ทุกคนหัวเราะขำเอ็นดู คิกๆ “คงเบื่อตาแล้วใช่ไหมน้องคลื่นถึงไปหาคุณปู่”คำสิงห์แสร้งเอ่ยน้อยใจหลานชาย แล
กองบินมองจ้องใบหน้าอวบอิ่มและเรือนร่างอวบอิ่มแล้วมาหยุดที่ท้องกลมโตของคำเอื้องแล้วก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมาพร้อมกับย่อตัวคุกเข่าตรงหน้าเธอและลูกน้อยในท้อง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดภาพตัวเองคุกเข่าขอผู้หญิงแต่งงานและไม่เคยมีภาพตัวเองมีครอบครัวมาก่อน แต่ตอนนี้ภาพทุกอย่างมันเริ่มมีตั้งแต่ที่ได้รู้จักเธอที่ฝรั่งเศสแล้ว “ถ้าทำเพื่อจะรับผิดชอบลูกในท้องของฉันไม่จำเป็นต้องคุกเข่าขอแต่งงานก็ได้ค่ะ” แม้ใจจะเจ็บปวด แต่คำเอื้องก็ยังคงแสร้งตีหน้านิ่งไม่สนใจการกระทำของคนถ่อยตรงหน้า “ไม่! ไม่ใช่เพราะต้องการรับผิดชอบที่เอื้องท้อง แต่มันคือสิ่งที่พี่เหมต้องการ พี่ต้องการเอื้อง พี่อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเอื้อง ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ไม่เคยคิดจะ‘รัก’ใคร และคิดจะ‘แต่งงาน’แต่ตั้งแต่กระชากฉุดเอื้องที่ฝรั่งเศสครั้งนั้น เอื้องก็ติดตรึงอยู่ตรงนี้พี่เหมตลอด” เขาพูดแล้วก็ทุบอกซ้ายตัวเองเพื่อบอกเธอว่าเธออยู่ในนี้มาตลอดตั้งแต่
กองบินมาถึงหน้าบ้านของคำเอื้องในตอนบ่ายสามโมงกว่า พอมาถึงก็กดออดหน้าบ้านจนสาวใช้ออกมาเปิดประตูให้ ในตอนแรกสาวใช้ไม่ยอมให้เข้ามานั่งรอในบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเจ้านายจะกลับมาตอนไหน แต่กองบินยืนยันว่าจะรอเธอจนกว่าจะกลับจึงได้เข้ามานั่งรอในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ กองบินเดินดูรูปถ่ายที่ตั้งโชว์ เป็นรูปของคำเอื้องตอนเด็ก และข้างๆ ก็มีพ่อของหญิงสาว ไม่ว่าจะไปไหน อยู่ที่ไหน ข้างๆ คำเอื้องมักมีพ่อตลอด เขาพอรู้มาบ้างว่าเธออยู่กับพ่อ “น้องเอื้องติดป๊าคำสิงห์ค่ะ” สาวใช้ยกน้ำและขนมของว่างเข้ามาให้แขกเอ่ยบอกเมื่อเห็นแขกจับกรอบรูปที่ตั้งไว้ขึ้นมาดู “ขอบคุณครับ” กองบินยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วก็วางกรอบรูปในมือลงแล้วเดินไปนั่งยังโซฟาตัวนุ่มแล้วมองน้ำและขนมของว่างตรงหน้าตัวเองแล้วดันจานขนมออกห่างเมื่อรู้สึกพะอืดพะอมคลื่นไส้จะอาเจียน “ขอโทษนะครับ ห้องน้ำไปทางไหน” กองบินถามสาวใช้ที่กำลังจะเดินจากไปไกล
คำเอื้องมองตามสายตาพ่อแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้ เพราะรู้ว่าทำไมท่านถึงพูดแบบนี้ ก็เธอเข้าครัวทีไร ครัวเละเทะพังทุกทีจนเดือดร้อนสาวใช้ในบ้านต้องมาเก็บกวาดกัน เสียเวลาเป็นชั่วโมง“แหะๆ หนูว่าแบบนั้นแหละป๊าคำสิงห์ งั้นเราไปกันเถอะค่ะ ที่นี้ก็ให้พี่ๆ เขาทำกัน”“อาทิตย์หน้าป๊าจะไปหาหมอกับหนูเอื้องนะ”“ป๊าไม่ต้องไปด้วยก็ได้ค่ะ งานที่โรงงานของเราก็เยอะ ป๊าไปทำงานเถอะค่ะ”“ได้ไงหนูเอื้อง ป๊าเป็นคุณตานะ ป๊าก็ต้องไปจดบันทึกเรื่องของเจ้าคลื่นของป๊าสิ” คำสิงห์ตั้งชื่อหลานว่า ‘คลื่น’ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็จะให้ชื่อนี้“ขอบคุณนะคะป๊า” เธอขอบคุณพ่อ“มันคือหน้าที่ของป๊าอยู่แล้วที่ต้องดูแลหนูกับหลาน อีกอย่างไม่ต้องคิดแทนป๊าว่าป๊าจะอายที่หนูท้องไม่มีพ่อ ป๊าไม่สนใจปากของชาวบ้านหรอก อีกอย่างชีวิตนี้ไม่เคยมีใครไม่ผิดพลาดบ้าง...ว่าไหม” คำสิงห์ประคองลูกสาวมานั่งในห้องโฮมเธียเตอร์ดูหนังรอทานมื้อเย็นกัน“หนูโชคดีที่ได้เกิดเป็นลูกสาวป๊าคำสิงห์กับแม่ตวงใจ”“ป๊ากับแม่เราก็โชคดีที่มีหนูเอื้องเป็นลูก เอาล่ะ ดูหนังอะไรดีวันนี้”“ตา
สามพี่น้องรวมตัวกันเมื่อที่เหมืองมีปัญหา และพี่ชายก็ถูกยิงอาการสาหัสจนแม่ที่อยู่ต่างประเทศต้องบินกลับประเทศมาดูแล แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี ตอนนี้กองพลหายดีกลับมาอยู่บ้านและตามหาใกล้รุ้ง ลูกสาวของคนงานในเหมือง สาวน้อยหนีไปพร้อมกับหัวใจของพี่ชาย คิดแล้วก็ตลกและน่าสมเพช! สิ้นดี เพราะไม่ใช่แค่กองพลเท่านั้น กองทัพเองก็ไม่ต่างกัน ส่วนตัวเขาก็ให้คนเฝ้าบ้านของคำเอื้องที่ภูเก็ตและยังคงตามหาเธออยู่ตลอดจนตอนนี้ผ่านมาสองเดือนแล้วก็ยังไร้วี่แววข่าวคราวของหญิงสาว “หนูไปอยู่ไหนเอื้อง เอื้องพาลูกของเราหนีพี่ไปไหน ป่านนี้แล้วท้องเอื้องคงจะโตแล้ว สองเดือนแล้วที่เอื้องหนีพี่ไป” เขาพึมพำกับรูปถ่ายที่แอบถ่ายตอนเธอนอนหลับแล้วก็ก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าจอโทรศัพท์ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องทำให้เขาต้องผละเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์วางลงที่เตียงนอนนุ่มแล้วลุกไปเปิดประตู แอค!
มันช่างทรมานเหลือเกินตอนนี้ ผ่านมาเป็นอาทิตย์ก็ไร้วี่แววของคำเอื้อง เขาให้นักสืบเอกชนตามหาก็เงียบ จนเขาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว นึกเป็นห่วงทั้งเธอและลูก คิดถึงก็คิดถึง ตอนนี้สภาพของกองบินแทบดูไม่ได้ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นจนทำให้คนที่กำลังนั่งเหม่อลอยคิดถึงคนที่หนีไปดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเสยผมที่ยาวปกปิดหน้า ใช่...ตอนนี้ผมและหนวดเคราของเขามันไม่ได้ถูกดูแลมาเป็นอาทิตย์ หากไม่มองดีๆ สังเกตดีๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นตน เพราะนับวันยิ่งเหมือนโจรป่าเข้าไปทุกที“เชิญ!” พอเสยผมที่ยาวปิดหน้าไปด้านหลังแล้วก็อนุญาตให้ผู้อยู่หน้าประตูห้องเข้ามาในห้องแอค!เป็นผู้ช่วยของเขานั่นเองที่เคาะประตูห้อง และพอเปิดประตูก็เดินเข้ามาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือแล้วส่งยื่นให้เจ้านายหนุ่ม“คนที่บ้านโทรมาครับคุณกองบิน”อือ!เขาครางรับแล้วก็รับโทรศัพท์ที่ยื่นมาตรงหน้ามาคุยพร้อมโบกมือให้ผู้ช่วยอย่างวัฒน์ออกไป“เหมพูดครับ” พอนำโทรศัพท์มาแนบหูก็บอกทันทีว่าเป็นตน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! กองทัพเดินขึ้นบันไดมาหยุดหน้าห้องนอนของพี่ชายคนรองตัวเองพร้อมยกมือขึ้นเคาะประตูห้อง ไม่สนใจว่าคนข้างในห้องจะทำอะไรกันอยู่ตอนนี้ และไม่สนใจว่าจะขัดจังหวะความสุขของกองบิน เพราะงานของเขามันรอไม่ได้เช่นกัน ต้องรีบนำเอกสารกลับไปให้ฝ่ายการตลาดจัดการต่อ “ไอ้พี่เหม! อยู่ข้างในห้องใช่ไหม ถ้าไม่ตอบ กูเปิดประตูนะเว้ย!” ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เขาตะโกนเรียกเจ้าของห้องพร้อมเคาะประตูเรียก และก็ได้ผลเมื่อเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินย่ำมาหยุดอยู่หลังประตูที่ตัวเองเคาะ แอค! “ไอ้น้องเวร!” “เออ! ปล่อยให้กูรอที่บริษัทตั้งนานสองนาน ข้างล่างมีกระเป๋าผู้หญิง พี่สะใภ้เหรอวะ ขอด
“ใช่ พี่มันคนไร้สัจจะ และสัจจะไม่มีในหมู่คนเลวหรอกนะทูนหัว อ่า...” เขาลากลิ้นฉ่ำแฉะผ่านร่องอกอวบอูม มันเหมือนใหญ่ขึ้นกว่าครั้งก่อน แต่จะเล็กจะใหญ่ยังไงมันก็คือคำเอื้อง และเขาก็ชอบที่ได้สัมผัสคลอเคลียถูไถเคราสากไปกับร่องอกอวบอูมของสาวเจ้า “คุณมันเลว! อะ...อุ๊ย!” “อ่า…ใช่ พี่เหมมันเลว อ่า…ไม่ไหวแล้ว คิดถึงตรงนี้เหลือเกินเอื้องของพี่ อื้ม…”แล้วเขาก็ลากลิ้นผ่านหน้าท้องมาหยุดตรงความโหนกนูนของหญิงสาว ดวงตาสีทมิฬจดจ้องความอวบนูนที่มีต้นหญ้าขึ้นปกคลุมและนั่นแหละคือเสน่ห์ที่ยั่วยวนเขาจนทำให้เขาไม่สามารถตื่นตัวกับผู้หญิงคนอื่นได้ ร่างกายของที่พรั่งพร้อมรบกับผู้หญิงทุกคนก็เปลี่ยนเป็นต้องการปรารถนาแค่คนตัวเล็กที่กำลังครางกระเส่าบิดส่ายต่อหน้าตนตอนนี้“อยากได้เหลือเกิน อื้ม...” แล้วเขาก็ก้มหน้าลงไปซุกซบสูดกลิ่นกายของคำเอื้องเข้าเต็มปอดตัวเอง สองมือสากกร้านก็เคลื่อนผละจากหน้าอกอวบอูมทั้งสองมาจับเรียวขาเล็กยกกว้างเปิดทางให้ตัวเองได้ดอมดมกลืนกินน้ำเสียวของคนตัวเล็ก“อ่า...อื้อ” สองมื
เมื่อพ่อบอกว่าให้ไปพักผ่อนไปอยู่กับเพื่อนได้ คำเอื้องก็เลยเลือกเดินทางไปหาเพชรกับไหมที่กรุงเทพฯเพื่อไปปรึกษาเรื่องชีวิตของตัวเอง เมื่อวันก่อนเธอได้แวะร้านขายยาซื้อที่ตรวจครรภ์ไปตรวจที่ห้องน้ำสาธารณะของปั๊มน้ำมันและผลมันก็เป็นอย่างที่คิดและสงสัย เธอกำลัง‘ท้อง’ลูกของกองบิน “ถึงแล้วนะแก เดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปคอนโดแกนะเพชร” พอลงจากเครื่อง เธอก็เปิดเครื่องโทรหาเพชรทันที โดยไม่ได้มองคนรอบข้างที่เดินผ่านตัวเอง “แล้วเจอกัน”พอกดวางสายจะเดินต่อ ไม่ทันได้มองและระวังก็เผลอสะดุดเท้าตัวเองล้ม แต่ยังไม่ทันได้ล้มก็มีใครบางคนอยู่ด้านหลังรับไว้ได้เสียก่อนว้าย! ใจของคำเอื้องตกไปอยู่ตาตุ่มด้วยกลัวว่าจะเป็นอันตรายกับลูกน้อยในท้อง แม้เขาจะเกิดมาโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้อยู่ในแผนชีวิต แต่พอรู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่คน เธอก็รู้สึกมีคว