กองบินเฝ้าวนจูบคนที่นอนหลับสนิทในอ้อมกอดตัวเอง ยิ่งได้มองใบหน้าจิ้มลิ้มของสาวน้อยที่ตนตักตวงความสุขมาเมื่อคืนก็ยิ่งรู้สึก ‘ชอบ’ และอยากโอบกอดและครอบครองหล่อนทุกคืน ใบหน้าเนียนนุ่ม ผิวขาวอมชมพู ปากอวบอิ่มและบวมเจ่อจากการจูบหนักหน่วงแล้วก็ทำให้มุมปากหนายกยิ้มขึ้น
“สวย” นั่นคือคำที่เขาบัญญัติให้หญิงสาวในอ้อมแขนแข็งแรงในตอนนี้ ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนได้นอนซุกซบในวงแขนและไม่เคยให้ใครได้นอนบนเตียงตนเอง พอเสร็จกิจอิ่มแล้วก็แยกจาก แต่กับคนตัวเล็กนี้เธอหลับคาอก จะปลุกแล้วไล่กลับก็กระไร จึงอุ้มมานอนบนเตียงด้วยกันพร้อมกับเช็ดตัวและทำความสะอาดคราบเลือดที่โคนขาให้เธอด้วย และนั่นยืนยันว่าเธอเป็นสาว ‘พรหมจรรย์’ ที่ตนเพิ่งได้ฉีกกระชากมันขาด
กระเป๋าสะพายใบเล็กที่มีเสียงสั่นเตือนมาตลอดทั้งคืนนั้นเขาก็ได้เสียมารยาทกดรับสายแทนเจ้าของโทรศัพท์เครื่องหรูราคาแพงทันสมัย และได้เสียมารยาทต่อค้นดูพวกบัตรของเธอในกระเป๋าแล้วก็พอจะรู้ว่าหญิงสาวเป็นคนมีฐานะน่าดู ดูจากเสื้อผ้า กระเป๋า ทุกอย่างล้วนเป็นของแบรนด์เนม และไม่มีทางเป็นเด็กเสี่ย เพราะถ้าเป็นเด็กเสี่ยมีหรือจะเหลือพรหมจรรย์มาให้ตนฉุดกระชากดึงลากมาขย่มในห้อง
เช้าแล้วเพื่อนรักก็ยังไม่กลับห้องพักและเสียงผู้ชายที่รับสายแทนเพื่อนนั้นก็ทำให้พวกเขาทุกคนพากันเป็นห่วงคำเอื้อง ไม่เชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นแฟนของเพื่อนรัก เพราะเพื่อนไม่เคยพูดถึงผู้ชายคนไหนให้ฟัง นอกจากแจ็คสันหวัง ที่เพื่อนหลงรักและคลั่งรักในตอนนี้ก็ไม่มีชื่อผู้ชายคนไหนหลุดออกจากปากของเพื่อนรัก
“ลองโทรไปใหม่อีกรอบสิยัยไหม” เพชรบอกเพื่อนให้โทรไปหาคำเอื้องอีกรอบ
“ได้ๆ ฉันโทรไปหายัยเอื้องอีกรอบก็ได้ แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนนั้นรับอีกล่ะ”
“ก็ถามให้รู้เรื่องว่าเขาเป็นใคร มาเป็นแฟนของยัยเอื้องได้ยังไง” เพชรบอกไหม
“เออ...เดี๋ยวเราโทรอีกรอบ เพราะถ้ายัยเอื้องยังไม่กลับห้องจะตกเครื่องได้ เราต้องกลับไทยกันแล้ว” ไหมเอ่ย
“โทรให้ไว กระเป๋าฉันก็เก็บให้ยัยเอื้องเสร็จแล้ว เหลือแต่ยัยเอื้องยังไม่กลับมาห้อง เมื่อคืนก็นัดกันว่าจะไปถ่ายรูปในโรงแรมเก็บไว้ แต่ก็มาหายไปทั้งคืน ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับยัยเอื้องรึเปล่า พ่อของยัยเอื้องยิ่งไม่เหมือนใครอยู่ด้วย” เพชรพูดพร้อมเดินวนไปวนมาในห้อง
“ยัยเอื้องเห็นตัวเล็กๆ แบบนั้นเก่งจะตาย ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเราหรอก” ไหมพูดพร้อมกดต่อสายหาเพื่อนรัก แต่ก็รอสายแล้วรออีก รอจนสายจะหลุดปลายสายก็กดรับ
“ยัยเอื้องอยู่ไหน ถ้าช้ากว่านี้ได้ตกเครื่อง กลับบ้านไม่ทันพอดี” ไหมบอกปลายสายด้วยคิดว่าเป็นเพื่อนรักตัวเอง
“พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ เอื้องจะกลับเมืองไทยพร้อมผม” กองบินกรอกเสียงนุ่มส่งกลับมาในสาย
“ฉันจะคุยกับเพื่อนของฉันตอนนี้” ไหมเปิดลำโพงให้เพชรฟังด้วย และเพชรก็เอ่ยถึงความต้องการของตัวเอง
“เอื้องหลับอยู่” กองบินตอบ
“หลับก็ปลุกได้ ฉันจะถามเพื่อนฉันเองว่าจะกลับด้วยกันไหม แล้วคุณจะมาเป็นแฟนของเพื่อนเราได้ยังไง เอื้องไม่เคยพูดถึงผู้ชายคนไหนนอกจากพี่แจ็คของเขา” ไหมตอบสวนกลับส่งกลับไปในสาย
“ได้ รอแป๊ป ผมปลุกเอื้องก่อน” แล้วกองบินก็เขย่าไหล่เปราะบางปลุกคนนอนซุกอกตัวเองให้ตื่นมาคุยสายกับเพื่อน แต่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น
อื้อ!
คำเอื้องปัดมือหนาออกจากไหล่ตัวเองอย่างรำคาญแล้วก็กระแซะตัวเองเข้าซุกอกแกร่งพร้อมตวัดแขนโอบกอดร่างใหญ่
“เอื้องไม่ยอมตื่น” กองบินบอกคนที่ถือสายรอ
“ยัยเอื้องนะยัยเอื้อง ทำไมขี้เซาแบบนี้” เพชรเอ่ยเพราะรู้จักเพื่อนรักดี ถ้าได้นอนหลับแล้วยากที่จะปลุกตื่นนอกจากเจ้าตัวจะยอมตื่นเอง
“ยังไงก็ตามที่ผมบอกนั่นแหละ เอื้องจะกลับพร้อมผม และไม่ต้องห่วงว่าผมจะหลอกเพื่อนคุณไปขาย ของใช้ส่วนตัว กระเป๋าเดินทางของเอื้องเอาไปไว้ที่ล็อบบี้โรงแรม ผมจะไปเอามาให้เอื้องเอง อีกอย่างจำไว้ ผมชื่อ ‘กองบิน สุปรีย์’ ค้นหาในกูเกิ้ลได้ แค่นี้นะครับ ผมจะพักผ่อน” แล้วกองบินก็กดวางสายจากเพื่อนของคนตัวเล็กในอ้อมกอดตน
“เอาไงดียัยเพชร” ไหมถามเพื่อนรัก
“เอาไงล่ะ เมื่อกี้เขาบอกชื่ออะไรนะ ค้นดูสิว่าเป็นใคร” เพชรเอ่ยพร้อมกดโทรศัพท์ค้นหาชื่อของผู้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนของเพื่อนรัก
“แก...” แล้วพอข้อมูลรายละเอียดของผู้ชายที่อ้างตนเป็นแฟนเพื่อนขึ้นมา เพชรก็ส่งยื่นให้ไหมอ่านดูเมื่อได้กวาดสายตาอ่านแล้วรอบหนึ่ง
“หล่อมาก...” ไหมพูดออกมาเป็นคำสั้นๆ
“หล่อน่ะหล่อ แต่ทำไมในข่าวมีแต่เรื่องผู้หญิง แล้วยัยเอื้องไปรู้จักผู้ชายคนนี้ได้ยังไงกันแก” เพชรยอมรับว่าผู้ชายคนนี้หล่อ แต่ก็งงว่าคำเอื้องไปรู้จักกองบินได้ยังไง
“นั่นสิแก แล้วเอาไงดีเพชร กระเป๋ายัยเอื้อง”
“เอาไปไว้ที่ล็อบบี้โรงแรมอย่างเขาบอกก็แล้วกันยัยไหม”
“แล้วเราจะบอกป๊าคำสิงห์ยังไงถ้ากลับไทยแล้วยัยเอื้องไม่ได้กลับพร้อมเรา” นี่คืออีกหนึ่งเรื่องที่ไหมกังวล เพราะป๊าคำสิงห์ พ่อของคำเอื้องนั้นหวงคำเอื้องมาก หากรู้ว่าลูกสาวมีแฟนมีหวังบ้านบึ้มแน่
“ถึงไทยค่อยคิดแล้วกัน แต่ตอนนี้ฉันกับแกต้องรีบไปก่อนจะตกเครื่อง ตั๋วเครื่องบินมันแพงนะเว้ย” เพชรบอกเพื่อนแล้วรีบเดินไปลากกระเป๋าตัวเองกับของคำเอื้องและสะพายกระเป๋าเพื่อจะไปเช็คเอาท์แล้วให้รถของโรงแรมไปส่งตัวเองและเพื่อนรักที่สนามบิน ส่วนกระเป๋าเดินทางของคำเอื้องก็ฝากไว้ที่ล็อบบี้ของโรงแรมอย่างนายกองบินนั่นบอก
เวลาผ่านไปจนบ่ายโมงกว่า กองบินได้ไปเอากระเป๋าเดินทางของคำเอื้องมาไว้บนห้องพักตัวเองแล้ว ดีที่วันนี้เขาไม่ได้มีงานอะไร จึงได้อยู่กับเธอทั้งวัน แต่จนตอนนี้คำเอื้องก็ยังนอนไม่ตื่น เขาได้สั่งอาหารไว้รอหญิงสาวจนเย็นชืดไปหมดแล้วจนต้องเรียกพนักงานมานำไปเก็บแล้วสั่งมาใหม่ แต่เจ้าหล่อนก็ยังนอนหลับ ไม่ยอมตื่นสักที “คนอะไรขี้เซาได้น่ารักจริงๆ” เขาพึมพำกับคนนอนหลับสนิทบนเตียงแล้วก้มโน้มหน้าลงไปหาหมายจะจุ๊บแก้มนุ่มนิ่ม แต่เจ้าของแก้มลืมตาตื่นขึ้นมาเสียก่อน กรี๊ด! คำเอื้องตกใจร้องกรี๊ดผลักหน้าที่ก้มโน้มลงมาใกล้ตัวเองออกห่างพร้อมขยับตัวจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องสูดปากร้องครางเจ็บกลางหว่างขาจนต้องเปลี่ยนมากอดตัวเองและผ้าห่มไว้แน่นเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนฉายชัดในหัวของเธอ “คนสารเลว!” เธอด่าว่าชายแปลกหน้าที่ข่มเหงพรากพรหมจรรย์ของตนไปเมื่อคืน “อะไรกัน เมื่อคืนเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่ ผมมีความสุข คุณเองก็มีความสุขนี่คนสวย สุขจนหลับคาอก” “ไม่ต้องมาพูด คุณข่มขืนฉัน” เธอชี้หน้าของคนที่ขยับมานั่งปลายเตียงที่ตนนอนอยู่ “เฮ้! ข่มขืนยังไงกัน จริงอยู่ผมผิดที่ฉุดก
มือที่จับกดข้อมือน้อยพาดไขว้เหนือหัวผละออกมาจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองโดยที่ยังคร่อมทับกดร่างเปลือยของคำเอื้องไว้ใต้ร่างไม่ปล่อยให้เธอได้หนีลงจากเตียง เพียงเวลาไม่นานเขาก็จัดการปลดเปลื้องชุดตัวเองโยนทิ้งไปกองไว้ข้างเตียง เมื่อจัดการตัวเองจนเปลือยเปล่าแล้วก็ไม่รอช้าจะจับเรียวขาทั้งสองข้างของคำเอื้องแยกกว้างเปิดทางสวาทให้ตัวเองได้กระแทกเด้งตัว “ยะ...อย่าทำแบบนี้กับฉัน” “เมื่อคืนก็ทำมาแล้ว จะทำอีกรอบจะเป็นไรไป...ว่าไหม อะ...อื้อ” แล้วความอหังการของบุรุษก็กระแทกกดกายเข้าไปฝากฝังตัวเองในกายคับแน่นของสาวน้อยเต็มลำกายใหญ่โต “อะ...เจ็บ!” แม้จะผ่านครั้งแรกมาแล้ว แต่ครั้งนี้เธอยังไม่พร้อมเมื่อถูกยัดเยียดความใหญ่โตเข้ามาในร่าง เอวเล็กคอดก็บิดส่ายดิ้นถอยหนี แต่ถูกแขนแข็งแรงโอบกอดรัดเอวเล็กคอดของเธอรั้งไว้แล้วกระแทกเด้งเร่าตอบรับกับเอวสอบตัวเองที่กำลังเคลื่อนไหวโยกเร่าจังหวะดุดันเสียดสีเข้าออกในกายคับแน่นของสาวเจ้า 
สำหรับคำเอื้องแล้วเหมือนว่าวันเวลาสามวันนี้เดินช้าเหลือเกินเธอนั่งถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก มองตัวเองในกระจกหลังจากแต่งตัวเสร็จ เธอไม่ได้ถูกขังอยู่ในห้องซะทีเดียว เพราะกองบินพาออกไปทานมื้อเย็นข้างนอกทุกวันและเธอต้องทำตัวเป็นเด็กดีเชื่อฟังเขาเพื่อจะได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อกลับหาพ่อตัวเองเพื่อที่ท่านจะได้ไม่เป็นห่วงตัวเอง แม้จะแค่วันละห้านาทีก็เถอะ “ผมชอบเวลาคุณน่ารักแบบนี้แหละเด็กน้อยของผม เชื่อฟัง ไม่พยศกับผม วันนี้ผมจะให้คุณใช้มือถือนานกว่าห้านาที แต่แลกกับคืนนี้คุณต้องบริการผมจนพอใจ เพราะพรุ่งนี้เราจะแยกจากกันแล้ว เรากลับไทยก็จะต่างคนต่างเดิน แต่จำไว้คุณคือความทรงจำที่ดีของผมนะ ถึงแม้จะเกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ผม‘ชอบ’และ‘ดีใจ’ที่ได้รู้จักเด็กน้อยอย่างคุณ” ร่างเปลือยสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเสร็จพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพาดคล้องคอเดินมาหยุดหลังคนที่นั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งส่องกระจกแล้วก้มตัวโน้มลงไปโอบกอดคอระหงของสาวเจ้า&nbs
พอเท้าแตะถึงพื้นสนามบินเมืองไทย คำเอื้องก็เรียกร้องอิสระของตัวเอง ให้กองบินคืนบัตรประชาชนของตัวเองและโทรศัพท์ให้ตัวเอง หลังจากได้กระเป๋าเดินทางของตัวเองแล้ว ใบหน้าของคำเอื้องก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เธอไม่แม้แต่จะพูดลากองบินสักคำ พอได้ทุกอย่างคืนก็เดินจากไป ส่วนกองบินก็รู้สึกใจหวิว แต่ก็ทำเพียงยิ้มให้กับตัวเองแล้วเดินไปอีกทาง คำเอื้องไปซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับภูเก็ตไปหาพ่อที่รักของตัวเองทันที ไม่ได้อยู่ค้างที่กรุงเทพฯ เพราะตอนนี้พ่อไลน์ตามแล้วคงอยากรู้เรื่องของกองบินนั่นแหละ เพราะก่อนหน้านี้เพชรกับไหมเพื่อนรักเดินทางกลับมาก่อนและท่านถามกับเพื่อนทั้งสองเลยเผลอหลุดปากพูดชื่อกองบินไปจนตอนนี้คนเป็นพ่อนอนไม่หลับ เพราะคิดห่วงลูกสาวกลัวโดนผู้ชายหลอก นี่แหละคือสาเหตุที่ทำไมเธอถึงอยู่เป็นโสดมายี่สิบสามปี แฟนสักคนก็ไม่มี เพราะพ่อ ‘หวง’ นั่นเอง ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! พอดูชื่อบนหน้าจอก็กลอกตาเล็กน้อยพร้อมอมยิ้มแล้วกดรับสาย
เมื่อเสร็จจากงานสำคัญ กองทัพก็หายหัวไปไม่บอกไม่กล่าว ไม่รู้รีบไปไหน กองพลมองน้องชายคนรองที่เดินมาหาตัวเอง จึงสาวเท้าเดินเข้าไปหา “มึงจะกลับกำแพงเพชรวันไหนไอ้เหม” เขาถามน้องชายคนรอง “เดี๋ยวเคลียร์เอกสารสัญญาเสร็จก็จะกลับแล้วแหละ” กองบินตอบพี่ชาย “อย่าอยู่นาน เพราะกูขี้เกียจตอบคำถามป้าบู่ว่าทำไมมึงยังไม่กลับบ้านอีก” “เออน่า...แล้วมึงเถอะ กลับเลยรึเปล่าวันนี้” “อือ...กลับแหละ ทิ้งเหมืองมานานไม่ได้ ช่วงนี้งานที่เหมืองยุ่งมากว่ะ” “แน่ใจว่างานที่เหมืองยุ่ง” กองบินกลอกตาเลิกคิ้วถามอย่างจับพิรุธในดวงตาสีทมิฬเหมือนตัวเองและกองพลก็หลบสายตาจับผิดของน้องชายตัวดีอย่างรู้กัน “อย่ามาจับผิดกู กูพี่มึงนะเว้ยไอ้เหม” “ก็พี่ไงวะไอ้หิน และมึ
เกษมมองลูกชายคนรองของตัวเองแล้วก็ถอนหายใจ ลูกชายทั้งสามของเขาไม่เคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสักที พอลูกชายคนรองกลับมาบ้าน ลูกชายคนที่อยู่บ้านด้วยก็หายไปอยู่ที่เหมือง“เมื่อไหร่พวกแกสามคนจะมีหลานให้พ่อสักทีไอ้เหม” เกษมถามกองบินที่กำลังตักกับข้าวเอาใจป้า“พ่อเษมก็ถามแต่เรื่องเดิมๆ เมื่อถึงเวลานั่นแหละน่า” บู่เอ่ยพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อย ก็ทุกครั้งน้องชายมักถามแต่คำถามเดิมกับหลานๆ ของตน“เนี่ยไง พี่บู่ก็พูดแบบนี้ทุกที พวกมันเลยยังไม่แต่งงาน แต่มีเมียทุกที่ที่ไป” เกษมพูดตอบพี่สาว“อย่างที่ป้าบู่พูดนั่นแหละครับพ่อ ทานข้าวเถอะครับ นี่แกงเลียงกุ้งสด อร่อยมาก พ่อกินเยอะๆ นะครับ” แล้วเขาก็หันมาตักอาหารเอาใจพ่อบ้างหลังจากตักให้ป้าแล้ว“ไม่ต้องมาทำเป็นเอาใจพ่อไอ้เหม พวกแกแต่ละคนทำให้คนแก่อย่างฉันเป็นห่วง อายุก็ไม่น้อยแล้ว เมื่อไหร่จะมีครอบครัวกัน ควรคิดได้แล้วนะไอ้เหม รู้ไหมแม่พวกแกก็โทรมาถามฉันทุกวันว่าเมื่อไหร่ลูกชายทั้งสามจะมีสะใภ้ให้สักที” เกษมเอ่ยถึงนารี อดีตภรรยาและแม่ของลูกชายทั้งสาม“พ่อกับแม่เนี่ยใจร้อนกันจริงๆ แม่โทรหาผมทีไรก็ถามแ
ใจของคำเอื้องสั่นไหวแล้วสั่นไหวอีกแล้ว เพราะคนโอหังเผด็จการที่ดึงลากบังคับตัวเองมาที่ท่าเรือด้วย ตลอดการเดินทางมาในรถเขาก็ฉวยโอกาสลูบไล้เรียวขาเธอด้วยการสอดมือสากกร้านเข้าไปในชายกระโปรงแล้วจับคลึงความเป็นสาวโดยไม่อายคนขับรถ จนเธอต้องผลักเขาออกแล้วตบหน้าของเขาไปหนึ่งที ฝากรอยฝ่ามือไว้บนใบหน้าคมเข้มของบุรุษ เกลียดเขาที่ไม่ให้เกียรติตนและทำกับตนเหมือนผู้หญิงขายบริการ กรอด! กองบินขบกรามแน่นเมื่อถูกตบจนหน้าหันจนอายคนขับรถ “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนที่คุณเคยได้มาง่ายๆ” เธอรู้ว่ากองบินโกรธตัวเอง แต่เธอเองก็โกรธเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้กับตนเอง “แต่เธอก็ไม่ควรตบหน้าฉันแบบนี้เอื้อง” “ฉันอยากทำมากกว่าตบหน้าคุณด้วยซ้ำ” “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันปากเก่งจังเลยนะ” เขาเม้มปากแน่นแล้วยกอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตัก ไม่ส
กองบินยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใบหน้าที่สับสนของสาวน้อยที่ตนเองกักไว้แล้วก้มลงหมายจะจูบปากน้อย แต่ก็ถูกเธอห้าม “ยะ…อย่าค่ะ” เธอผลักกองบินออกห่าง แต่เขาก็เด้งกลับมาเหมือนเดิม“ทำไมฮึ?” เขาก้มโน้มหน้ากระซิบข้างแก้มนวลของคนที่ตัวเองดันเข้าชิดผนังลิฟต์กระจกด้านหลังพร้อมอีกมือลูบไล้เรียวขาเล็กผ่านเนื้อผ้าที่ห่อหุ้ม“ยะ…อย่าค่ะ เดี๋ยวมีคนเห็น ในลิฟต์มีกล้องวงจรปิด แถมเป็นลิฟต์กระจกอีก” เธอบอกเขาเสียงสั่นพร้อมใจที่เต้นแรง“หึหึ...แต่วันนี้กล้องวงจรปิดมันไม่ทำงานน่ะสิ มาเถอะ กว่าจะถึงชั้นเจ็ดสิบสาม ฉันคงดำว่ายลึกในตัวเธอแล้วเด็กน้อย” แล้วปากหนาก็ทาบทับปิดกลืนเสียงค้านของเธอที่กำลังเอ่ยทันที พร้อมมือสากกร้านก็เริ่มเคลื่อนไหวกล้องวงจรปิดทำงานปกติ แต่ในจุดที่เขายืนตรงนี้เป็นมุมที่กล้องวงจรปิดเห็นไม่ชัดและเขาก็ยืนบังร่างน้อยไว้มิดแทบจะมองไม่ออกว่ามีคนอยู่ในลิฟต์สองคน อีกอย่างลิฟต์กระจกนี้คนข้างนอกมองไม่เห็น แต่คนข้างในมองออกไปเห็นทุกอย่าง“อะ...อื้อ” เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากปากทั้งสอง มือใหญ่กำลังสอดเข้าไปในชา
เมื่อพ่อบอกว่าให้ไปพักผ่อนไปอยู่กับเพื่อนได้ คำเอื้องก็เลยเลือกเดินทางไปหาเพชรกับไหมที่กรุงเทพฯเพื่อไปปรึกษาเรื่องชีวิตของตัวเอง เมื่อวันก่อนเธอได้แวะร้านขายยาซื้อที่ตรวจครรภ์ไปตรวจที่ห้องน้ำสาธารณะของปั๊มน้ำมันและผลมันก็เป็นอย่างที่คิดและสงสัย เธอกำลัง‘ท้อง’ลูกของกองบิน “ถึงแล้วนะแก เดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปคอนโดแกนะเพชร” พอลงจากเครื่อง เธอก็เปิดเครื่องโทรหาเพชรทันที โดยไม่ได้มองคนรอบข้างที่เดินผ่านตัวเอง “แล้วเจอกัน”พอกดวางสายจะเดินต่อ ไม่ทันได้มองและระวังก็เผลอสะดุดเท้าตัวเองล้ม แต่ยังไม่ทันได้ล้มก็มีใครบางคนอยู่ด้านหลังรับไว้ได้เสียก่อนว้าย! ใจของคำเอื้องตกไปอยู่ตาตุ่มด้วยกลัวว่าจะเป็นอันตรายกับลูกน้อยในท้อง แม้เขาจะเกิดมาโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้อยู่ในแผนชีวิต แต่พอรู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่คน เธอก็รู้สึกมีคว
‘ให้ตายเถอะ!’ นั่นคือคำเดียวที่กองบินอยากสบถออกมาตอนนี้ แต่ก็ได้แต่ขบกรามข่มความเกรี้ยวกราดไว้ในอกเมื่อมีสายเรียกเข้าสำคัญมาหาตัวเอง เมื่อวานก็ขาดงานแล้ว วันนี้จะขาดงานอีกไม่ได้ ยิ่งใกล้จะเปิดเส้นทางเดินเรือแล้วด้วย เขาควรหันมาโฟกัสกับงานที่สำคัญก่อน ส่วนคำเอื้องได้เจอดีแน่หากเจออีกครั้งหน้า และเขาเชื่อว่ามันต้องมีอีกครั้งแน่นอนสำหรับเขาและเธอ “อือ...จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พอกดรับสายแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อจะออกไปทำงานสำคัญของตนเอง แม้จะเจ็บจุกความอหังการที่ตนภาคภูมิใจก็เถอะ แต่ก็กัดฟันข่มความเจ็บเดินตรงไปยังประตูห้อง เหมือนเวลาที่ผ่านมาจะเดินเร็วมาก แต่สำหรับคำเอื้องแล้วสองเดือนมานี้มันช่างเชื่องช้าเหลือเกิน เพราะเธอยังคงคิดถึงเฝ้าจดจำสัมผัสจากคนเผด็จการจนระยะนี้เหม่อลอยอยู่บ่อยๆ “หนูเอื้อง” คำสิงห์เรียกลูกสาวหลา
เกษมคุยกับอดีตภรรยาเรื่องลูกชายทั้งสามคนของตนเองแล้ววางสายถอนหายใจเดินออกจากห้องทำงานไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อพูดคุยปรึกษาพี่สาวตัวเอง แม้จะรู้ว่าปรึกษาไปก็เท่านั้น เพราะพี่สาวมักเข้าข้างกองพล กองบิน และกองทัพเสมอ “นารีว่ายังไงมั่งพ่อเษม” นางถามน้องชายที่เดินมานั่งโซฟาตรงข้ามกับตนเอง “เรื่องไอ้ลูกเวรของผมนั่นแหละพี่บู่” “คงไม่พ้นเรื่องแต่งงาน” “ครับ ผมกับนารีห่วงไอ้หิน ไอ้เหมกับไอ้เหิมว่าแก่ไปแล้วจะไม่มีคนดูแล แถมตอนนี้ก็ห่วงกลัวว่าจะติดโรคอีก พวกมันเล่นสำส่อนแบบนี้ผมกับแม่มันก็อดห่วงไม่ได้” เกษมเอ่ยตอบกลับพี่สาว “จะรีบร้อนไปทำไมพ่อเษม” “ไม่ให้รีบร้อนได้ยังไงพี่บู่ พวกมันอายุไม่น้อยกันแล้วนะ สามสิบกว่ากันแล้ว อีกคนก็สี่สิบแล้ว ผมกับพี่ก็ใช่จะอยู่ดูแลพวกมันได้ตลอด” เกษมเอ่ย&
เวลาผ่านไปนานเกือบสิบนาที ประตูห้องน้ำก็เปิดออกพร้อมกับคนตัวเล็กมีผ้าเช็ดตัวพันรอบอกออกมา และในมือก็กอดผ้าห่ม กองบินจึงลุกจากเก้าอี้นั่งที่โต๊ะทานอาหารเดินไปเปิดกระเป๋าเดินทางใบเล็กของคำเอื้องที่ให้พนักงานโรงแรมนำขึ้นมาไว้บนห้อง เขาค้นไม่นานก็เจอชุดนอนแบบกางเกงขาสั้นและเสื้อแขนสั้นเข้าชุดลายโดเรมอนของหญิงสาวแล้วก็ถือมันติดมือเดินไปหาคนที่ยืนหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูห้องน้ำไม่ยอมเดินมา “อะ...ชุดนอน” เขาส่งยื่นชุดนอนให้คนตัวเล็ก คำเอื้องรับมาแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบและไม่ลืมปิดประตูห้องน้ำ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็แต่งตัวเสร็จแล้วเปิดประตูออกมา แต่ก็ยังรู้สึกเขินอยู่ เพราะไม่ได้ใส่ชุดชั้นในข้างใน “ไปกินข้าวเถอะ แล้วจะได้นอนกันต่อ เนี่ยก็เที่ยงคืนแล้ว” กองบินคว้าข้อมือเล็กแล้วลากดึงเดินตามตัวเองไปยังโต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็ก พอเดินมาถึงก็ดึงลากเก้าอี้ออกให้หญิงสาวนั่งทั้งๆ ที่ไม่เคยดึงลากเก้าอี้ออกให้ผู้หญิงคนไหนนั่งมาก่อน&
คำสิงห์แทบนอนไม่หลับเมื่อโทรหาลูกสาวแล้วมีผู้ชายรับสาย แถมยังตัดวางสายของตนทิ้งไม่พอ โทรกลับก็ปิดเครื่องไปแล้ว ยิ่งโทรศัพท์ของคำเอื้องปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ คนเป็นพ่ออย่างเขาก็ยิ่งห่วงจนต้องกดต่อสายโทรหาไหมเพื่อนสนิทของลูก ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! รอไม่นานปลายสายก็กดรับสายพร้อมกรอกเสียงหวานสุภาพส่งมาในสาย “สวัสดีค่ะป๊าคำสิงห์” “หนูไหม ป๊าขอคุยกับหนูเอื้องได้ไหม” คำสิงห์ไม่บอกว่าตนได้โทรหาลูกสาวแล้วมีผู้ชายรับสายแทน เงียบ! ไม่มีเสียงตอบกลับมาในสาย คำสิงห์จึงเอ่ยเรียกคนในสายที่เงียบไป “หนูไหม” “คะป๊าคำสิงห์ ขอโทษทีนะคะ พอดีเมื่อกี้รุ่นพี่ที่ทำงานเดินเข้ามาคุย หนูเลยไม่ได้ตอบป๊าค่ะ”ไหมเลือกที่จะพ
“อะ...นั่นแหละเอื้อง อ่า...ทำแบบนั้นแหละ” เขาจับหัวคนตัวเล็กที่จมหายอยู่ในน้ำโยกไหวเป็นจังหวะเมื่อปากน้อยเริ่มกลืนกินตัวเอง กองบินรู้ว่าคำเอื้องกลัว แต่เธอก็สู้เหลือเกิน แม้จะเป็นครั้งแรกที่ให้เธอได้ครอบครองกลืนกินตัวเองและแถมยังอยู่ใต้น้ำแบบนี้ด้วย เอวหนายกเด้งกระแทกบดเบียดเสียดสีท่อนเนื้ออหังการตัวเองเข้าออกในปากน้อยใต้น้ำจนน้ำกระฉอกไหลล้นออกนอกอ่างไหลเต็มพื้นห้องน้ำ “โอว์...เสียว อ่า...ไม่ไหวแล้ว อ่า...”ซ่า! คำเอื้องโผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำเมื่อกลั้นหายใจใต้น้ำไม่ไหว “อ่า...อือ” เธอหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดเต็มแรงแล้วก็ลูบหน้าเสยผมที่เปียก แล้วยังไม่ทันได้หายใจเต็มปอดก็ถูกแขนแข็งแรงตวัดกอดรั้งเข้าไปซบอกแล้วท้ายทอยก็ถูกมือใหญ่รั้งให้แหงนเงยขึ้น จากนั้นปากหนาก็กดจูบหนักหน่วงถ่ายเทลมหายใจให้เธอ “อะ...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมา ไม่ว่าปาก
พอขึ้นมาถึงชั้นเจ็ดสิบสามเข้ามาในห้องชุดสุดหรู กองบินก็ไม่รอช้ากระชากดึงร่างน้อยเปราะบางของคำเอื้องไปกับเตียงนอนนุ่มของตนเองแล้วตัวเองก็ตามไปคร่อมทับกดกักร่างน้อยไว้กับเตียงไม่ให้ลุกหนีจากเตียงนอน แควก! เสียงชุดถูกกระชากฉีกขาดผ่าครึ่งดังขึ้นทำให้คำเอื้องตกใจ ไม่คิดว่าคนป่าเถื่อนจะทำกับเสื้อที่ตนเองใส่ แล้วเขาก็ฉีกผ่าครึ่งจนมาถึงตัวกระโปรงชุดเดรสต่อกันกับเสื้อ “คุณมันบ้า!”คำเอื้องว่าคนเหนือร่างพร้อมจับมือของเขาที่จะกระชากดึงยกทรงตัวเองขาดตามชุดตนเอง “ก็ฉันอยากได้เธอนี่เด็กน้อย เธอก็รู้ว่าฉันตื่นตัวตั้งแต่อยู่ในลิฟต์แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่มี ‘เซ็กซ์’ กับเธอในลิฟต์ให้อายคน”เขาบอกเธอเสียงร้อนรนแล้วก็จัดการยกทรงสีเนื้อของสาวเจ้าออกจนสองเต้าอวบอูมเด้งออกมาอวดโฉม “อ่า...คิดถึงสอ
กองบินยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใบหน้าที่สับสนของสาวน้อยที่ตนเองกักไว้แล้วก้มลงหมายจะจูบปากน้อย แต่ก็ถูกเธอห้าม “ยะ…อย่าค่ะ” เธอผลักกองบินออกห่าง แต่เขาก็เด้งกลับมาเหมือนเดิม“ทำไมฮึ?” เขาก้มโน้มหน้ากระซิบข้างแก้มนวลของคนที่ตัวเองดันเข้าชิดผนังลิฟต์กระจกด้านหลังพร้อมอีกมือลูบไล้เรียวขาเล็กผ่านเนื้อผ้าที่ห่อหุ้ม“ยะ…อย่าค่ะ เดี๋ยวมีคนเห็น ในลิฟต์มีกล้องวงจรปิด แถมเป็นลิฟต์กระจกอีก” เธอบอกเขาเสียงสั่นพร้อมใจที่เต้นแรง“หึหึ...แต่วันนี้กล้องวงจรปิดมันไม่ทำงานน่ะสิ มาเถอะ กว่าจะถึงชั้นเจ็ดสิบสาม ฉันคงดำว่ายลึกในตัวเธอแล้วเด็กน้อย” แล้วปากหนาก็ทาบทับปิดกลืนเสียงค้านของเธอที่กำลังเอ่ยทันที พร้อมมือสากกร้านก็เริ่มเคลื่อนไหวกล้องวงจรปิดทำงานปกติ แต่ในจุดที่เขายืนตรงนี้เป็นมุมที่กล้องวงจรปิดเห็นไม่ชัดและเขาก็ยืนบังร่างน้อยไว้มิดแทบจะมองไม่ออกว่ามีคนอยู่ในลิฟต์สองคน อีกอย่างลิฟต์กระจกนี้คนข้างนอกมองไม่เห็น แต่คนข้างในมองออกไปเห็นทุกอย่าง“อะ...อื้อ” เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาจากปากทั้งสอง มือใหญ่กำลังสอดเข้าไปในชา
ใจของคำเอื้องสั่นไหวแล้วสั่นไหวอีกแล้ว เพราะคนโอหังเผด็จการที่ดึงลากบังคับตัวเองมาที่ท่าเรือด้วย ตลอดการเดินทางมาในรถเขาก็ฉวยโอกาสลูบไล้เรียวขาเธอด้วยการสอดมือสากกร้านเข้าไปในชายกระโปรงแล้วจับคลึงความเป็นสาวโดยไม่อายคนขับรถ จนเธอต้องผลักเขาออกแล้วตบหน้าของเขาไปหนึ่งที ฝากรอยฝ่ามือไว้บนใบหน้าคมเข้มของบุรุษ เกลียดเขาที่ไม่ให้เกียรติตนและทำกับตนเหมือนผู้หญิงขายบริการ กรอด! กองบินขบกรามแน่นเมื่อถูกตบจนหน้าหันจนอายคนขับรถ “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนนที่คุณเคยได้มาง่ายๆ” เธอรู้ว่ากองบินโกรธตัวเอง แต่เธอเองก็โกรธเหมือนกันที่เขาทำแบบนี้กับตนเอง “แต่เธอก็ไม่ควรตบหน้าฉันแบบนี้เอื้อง” “ฉันอยากทำมากกว่าตบหน้าคุณด้วยซ้ำ” “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันปากเก่งจังเลยนะ” เขาเม้มปากแน่นแล้วยกอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตัก ไม่ส