หลังจากเรียนจบ เจเล่ ฝ่าฟันสู้สึกในตลาดแรงงาน ทุ่มเทเพื่อความอยู่รอด พอรู้ตัวอีกที น้ำหนักก็ขึ้นเป็นสิบกิโล น่าแปลกคนอื่นลำบาก งานยุ่งน้ำหนักลงกัน ครีเอทีฟหนุ่มกลับตรงข้าม อาจเพราะ job description ที่นั่งติดโต๊ะทำงาน เตรียมโปรเจกต์ ถึงออกไปพบลูกค้า ก็ไม่ได้ไปไหนนอกจากร้านอร่อย แต่ถึงขนาดนั้นแล้วเจเล่ก็ยังไม่ได้รู้สึกเดือดร้อน
ก็อ้วนแล้วหนักตัวเองไม่ได้ไปหนักคนอื่น
ยิ่งเมื่องานประจำอยู่ตัว ได้สัญญาระยะยาว ไม่ต้องหางานเสริม เขาก็มีเวลาว่างทำช่องรีวิวขนม ของกินไปเรื่อย กระทั่งไปเจอกับชาเลนจ์อาหาร ไม่ว่าจะ ทำ หรือจะทาน ก็สนุก และ มีความสุขกับการบรรลุเป้าหมาย ยิ่งเมื่อทำชาเลนจ์สำเร็จ ได้ของแถมเป็นรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ มาเป็นทุนต่อยอดทำคอนเทนต์ต่อไป ทำให้มีกำลังใจขึ้นไปอีก
เขาสูง 165 เซนต์ ไม่ถึงปีน้ำหนักก็เพิ่มขึ้น ขาดไม่กี่สิบก็จะทันส่วนสูง หนุ่มอายุเพียงยี่สิบห้ามีปัญหาการใช้ชีวิตจุกจิกมากขึ้น แข่งกับน้ำหนักตัว พอรู้ถึงปัญหา ก็พยายามออกกำลังกายวันละ 15-20 นาทีทุกวัน แต่น้ำหนักก็ยังอยู่ที่เดิม ถ้าคุมการกินไม่ดี อาจน้ำหนักขึ้นเอาด้วย
เมื่อได้เวลาเจเล่ยังไลฟ์สดตามตาราง วันนี้เขาเลือกแซลมอน เมื่อเล่าขานกันว่าทานไม่อ้วนก็จัดเต็ม สนุกกับการทาน พลางอ่านข้อความของแฟน ๆ อันไหนไม่น่ารัก คอยป่วน ก็กดซ่อนความเห็น
ข้อความเชิงลบขึ้นมาทุกครั้ง ถึงบอกว่าไม่สนใจ แต่ใช่จะไม่รู้สึก เมื่ออ่านความเห็นด่าทอ ล้อเลียนทำให้ความสุขลดลง ก็ยิ่งอยากทานของอร่อยเพิ่มความสุข เป็นวงจรไม่จบ แม้เขาจะเลือก และคุมอาหารก็ตาม ยิ่งนานวันแอคเคาน์ผีใหม่ ๆ คอยตามล้อเลียน บูลลี่รูปร่างหน้าตา และลามไปถึงเพศสภาพ เมื่อรู้ว่าเขาเป็นเกย์และยังหาแฟนไม่ได้ สร้างพลังงานเชิงลบต่อเนื่อง ต่อให้เจเล่มองโลกในแง่ดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถทนกับความเป็นพิษนี้ได้ตลอด
เขาจึงนั่งเปิดใจปรึกษา และบ่นระบายกับเหล่าผู้ติดตามช่อง ก็ไม่ได้หวังจะได้รับแต่การปลอบใจ แต่ไม่คิดว่า มันจะต่อยอดกลายเป็นประเด็นดราม่า เสียงแตกออกไปมากมาย เป็นเหยื่อให้บางช่องใช้คำพูดรุนแรงเรียกยอดไลก์ บ้างก็แสดงพิทักษ์ธรรม แต่ขยี้ปมเมื่อใจจริงคนออกมาพูดก็เหยียด เพราะแนวคิดคลั่งผอมเหมือนกัน ปัญหาเขากลับไปหนักที่หัวคนอื่น
เจเล่ท้อใจ แม้ดราม่าทำให้มีคนติดตามเพิ่มขึ้น แต่คนตามหลากหลาย ไม่น่ารักเหมือนก่อน ทะเลาะกันไปด่ากันมา จนต้องปิดช่องคอมเมนต์ เมื่อกระทบจิตใจมากจนเป็นปัญหา เขาจึงงดทำช่อง เพื่อให้เหลือแรงไปทำงานประจำ แต่ยังมีผู้ติดตามเดิมคอยเป็นห่วงชวนคุย ส่งกำลังใจให้ ทำให้เขายังพอมองเห็นด้านดี ๆ ของสังคม
ชายหนุ่มรู้ถึงปัญหา แน่นอนว่าความเห็นเชิงลบเกิดจากพวกหลงตัวเอง ใช้ความชอบตัดสินของคนอื่น แต่ตัวเขาเองก็มีส่วนทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ เขาจึงเริ่มจำกัดการกิน รักษาวินัย และออกกำลังกาย จริงจังขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยเห็นผล
คนอื่น บอกว่า อ้วนเพราะขี้เกียจ ไม่มีวินัย ไม่ดูแลตัวเอง เพราะพวกเขาไม่ได้อ้วนก็ไม่รู้ ว่าหลังจากน้ำหนักขึ้นมาแล้วการกำจัดมันออกยากแค่ไหน ต่อให้ทานให้น้อย ออกกำลังเยอะกว่าคนอื่น ๆ มันก็แค่ช่วยทำไม่ให้อ้วนขึ้น แต่ยากที่จะลดลง กว่าจะเห็นด้วยตาก็ต้องทำต่อเนื่องใช้เวลานาน
เขาไม่เคยบอกใครว่านอกกล้องเขาดูแลตัวเองอย่างไร จนกระทั่งเห็นผลเป็นตัวเลข เขามองตาชั่งที่ 2-3เดือนเขาลดลงไปไม่ถึง 5กิโล และมองเส้นรอบวงที่เหลืออยู่ของตัวเอง ก่อนจะโพสต์มันลงโซเชียล เรียกความสนใจจากผู้ติดตาม จนคอมเมนต์หนึ่งโพสต์ข้อความให้กำลังใจพร้อมส่งโดเนท
[ทำชาเลนจ์ออกกำลังกาย แบบช่องฝรั่งเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย หนูรู้ว่าพี่ทำได้!]
เงินโดเนทมูลค่าไม่กี่เหรียญจุดไอเดียใหม่ ก่อนคนอื่น ๆ จะตามสมทบเห็นด้วย และส่งของขวัญให้
เจเล่มองเห็นความเป็นไปได้ จึงทำคลิปขอบคุณและตกลงรับคำท้า แล้วเริ่มหาข้อมูลวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อหวังผลเชิงบวก
เขาเป็นครีเอทีฟ คิดได้ แต่บางจุดต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญ เจเล่จึงลองหาฟิตเนสยิมแถวบ้าน แต่ไม่ถูกใจ เพราะบรรยากาศ keep cool ทางใครทางมัน และไม่ถูกจริตกับสายตาสมาชิก พอเห็นเกย์อวบก็ตัดสินมองเป็นเชิงเหยียด
เจเล่บ่นลงกลุ่มเพื่อน
[ไม่เจอฟิตเนสดี ๆ ถูกใจเลย]
รอสักพักให้เพื่อนตอบ ก็มีแนะนำมาบ้าง แต่ซ้ำกับที่เคยวนไปดูมา จนสะดุดกับข้อความของพี่ท่านนึง ยิมลับที่เจ้าของเปิดเอง นอกจากเทรนเนอร์ประจำใจดีแล้วยังหล่อมาก
มันน่าสนตรงเพื่อนบอก ว่า หล่อมาก นี่แหละ
เจเล่หาเวลาได้ก็ขับรถป๊อปสามล้อคู่ใจไปตามแผนที่
ฟิตเนสที่สนใจแม้จะไกลจากบ้าน แต่เดินทางสะดวกด้านในเต็มไปด้วยอุปกรณ์ตามมาตรฐานที่ควรมี แต่ก็ไม่ได้ทันสมัย
คงคอนเซป simple is the best
“สวัสดีครับ มาทำอะไรเอ่ย~”
เมื่อมีคนไม่คุ้นหน้าเดินเข้ามา ชายที่น่าจะเป็นสมาชิกยิมเอ่ยทักอย่างเป็นมิตร และกระตือรือร้นต้อนรับ สร้างความประทับใจแรก
“อยากสมัครสมาชิก เล่นเพื่อลดน้ำหนักครับ” เจเล่ขยับแว่น ทำเสียงสอง ยิ้มหวานจนตาปิด อีกคนก็หยอกกลับแล้วยัดเอกสารการสมัครให้กรอกข้อมูล ขายคอร์สอย่างมืออาชีพ
“เล่นเพื่อสุขภาพ~ ดีเลยครับ เคยเป็นสมาชิกที่อื่น เคยเล่นมาก่อนไหม?”
“ปกติออกกำลังเองที่บ้าน แต่ไม่ค่อยเห็นผลเลยอยากหาคนแนะนำครับ”
“ดีแล้ว ๆ มาออกด้วยกัน เพื่อนเยอะแยะ” พ่อรูปหล่อเชียร์ไม่หยุด สร้างกำลังใจ
“อยากได้เทรนเนอร์ อยากได้คนแนะนำ…ส่วนตัวเลยก็ดี~”
“เพิ่งหัดเล่น ไม่ต้องรีบ ที่ยิมมีเทรนเนอร์ให้คำแนะนำคอยดูแลอยู่แล้ว แต่ถ้าสนใจ มีคอร์สให้เล่นสำหรับมือใหม่ สมัครแล้วช่วยสอนดูแลเป็นพิเศษ~”
คำว่าพิเศษจูงใจให้หลงเชื่อ เจเล่ฟังคนหล่ออธิบายอย่างใจเย็นและเป็นกันเอง สักพักก็ตัวเบาไม่ใช่เพราะน้ำหนักลด แต่เงินในบัญชีบินออกจากกระเป๋าไป พอรู้ตัวก็ยังกังวลไม่ใช่เพราะเงินปลิว แต่รู้สึกคุ้มค่า จนกลัวว่ายิมเขาจะขาดทุน เป็นห่วงเป็นใยเหมือนเป็นเมียเจ้าของยิม
คุยกันเรียบร้อยทำความรู้จักแนะนำตัว เจเล่ขออนุญาตพี่ยอดถ่ายคลิปทำคอนเทนต์ เทรนเนอร์หนุ่มหล่อก็เห็นด้วย ในมุมทำเก็บเอาไว้ดูให้เห็นความเปลี่ยนแปลง เขาอนุญาต แต่เตือนไม่ให้ละเมิดถ่ายติดคนอื่น
หลังจากสมัครสมาชิกก็ประเดิม เริ่มจากชั่งน้ำหนักส่วนสูง และวอร์มอัพร่างกาย ภายใต้การดูแลของเทรนเนอร์ให้ทำอะไรก็ทำได้ มั่นใจไปหมด แต่แม้จะได้กำลังใจดีจากคนหล่อ ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามสังขาร เริ่มได้แค่ 30 นาที แค่นอนเล่นโฟมโรลถูไปถูมา แล้วเดินเร็วบนลู่วิ่ง เล่นเอาเหงื่อท่วมเปียกทั้งตัว
“ไม่ฝืน พักดื่มน้ำ ๆ” พี่ยอดเรียก ให้พักได้ และชมเชยกับความตั้งใจ
“เหนื่อยกว่าที่บ้าน~”
“ก็เพราะถูกวิธีไงครับ เนี่ยทำได้แล้ว ถ้าขยัน ทำที่บ้านวันละนิดวันละหน่อย จะไวเลย” เขาเชียร์ ด้วยรอยยิ้มละมุน ให้ใจสาวน้อยของเจเล่เต้นเร็ว เหนื่อยขึ้นไปอีก
เมื่อพักตามกำหนดเวลา ไม่ได้รอให้หายเหนื่อย เทรนเนอร์ก็สอนท่ายืดตัวง่าย ๆ ให้ทำตาม บ้างเป็นท่าที่เคยทำเองที่บ้าน แต่พอโดนเทรนเนอร์จัดท่าทางให้ใหม่ ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกับร่างกายตัวเอง กว่าจะทำครบเซตเล่นเอาน่วมไปหมดทั้งตัว พอรู้ตัวอีกทีก็ขี่รถกลับบ้านอย่างอ่อนล้า เมื่อกลับมานั่งดูคลิปที่ถ่ายไว้ ถึงกับรู้สึกอัศจรรย์ เขานั่งตัดคลิป เพื่อส่งการบ้าน ส่งสตอรี่รีวิวให้กับผู้ติดตาม
[ยิมลับ หล่อจริง ยอมแล้ว~]
เป็นภาพที่ถ่ายเห็นแต่เพียงด้านหลังของเทรนเนอร์ แว๊บ ๆ และพูดถึงประสบการณ์ เข้ายิมออกกำลังกายลงในช่องรีวิวอาหารของตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่หลุดคอนเซ็ปต์ เมื่อ ผู้ชายหล่อ ก็อาหารจานหนึ่ง เสพเพื่อความสุข เหมือนกัน
คอมเมนต์เทไปในทางแทะโลม คุยเรื่องหนุ่ม แต่ผู้ติดตามช่องก็ยังน่ารักเหมือนเดิม พอเห็นออกกำลังกาย ก็คอมเมนต์ให้
[ดูผอมลงนะ ผอมลงจริง ๆ] คนอื่นก็เฮโลมาเห็นด้วย
เขาก็ได้แต่ อุทาน ‘หนู! ไปเข้ายิมวันเดียวจะผอมยังไง?!’
แต่ก็ดีใจ เมื่อคนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่พยายามสักที
********************
เพราะต้องทำงาน เจเล่พยายามไปยิมให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง และจะออกกำลังที่บ้านเองอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเขาชิน และจับจังหวะเดินเร็วได้ รู้สึกเลยว่าเผาผลาญได้ดีขึ้นมาก แต่มันก็แลกมาด้วยความหิว จึงมีปัญหาด้านการกิน เขาหักห้ามใจ พยายามทนหิวทานให้ตรงมื้อครบ 5หมู่ ตามคำแนะนำ ที่ไม่ได้ให้อดอาหาร แม้จะทานเกินไปบ้าง แต่เดือนแรกลดลงไปถึง 5กิโล ทำให้มีกำลังใจไปต่อ
พี่ยอดเทรนเนอร์หนุ่มอบอุ่น ใจดี พี่ของทุกคน แม้แต่เจเล่ก็ได้รับแจกความ ‘เพื่อนกัน’ มา แต่ในใจเขาแอบหวัง เมื่อมดใกล้น้ำตาล ใครจะทนไหว หนุ่มแสนดีขนาดนี้ เขาล่ะอยากจะเอาใจส่งให้แต่ก็ยังไม่กล้า เมื่อประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้จำ เมื่อเจ็บมาเยอะ
หนุ่มร่างกลมเริ่มชินกับการออกกำลังกาย จึงเพิ่มความเข้มข้นขึ้นอีก วันนี้ หลังจากใช้เครื่องเดินวงรีออกกำลังตามเมนูปกติแล้ว เทรนเนอร์หนุ่มก็สอนให้เล่นเครื่องเล่นออกกำลังกายอื่นแต่ละชนิดอย่างปลอดภัย แล้วปล่อยให้ลองเล่นเอง หนุ่มเจ้าเนื้อเลือกเครื่องบริหารกล้ามเนื้อต้มขา เพราะคิดว่ามันง่าย แต่หลังจากตั้งกล้อง แล้วมานั่งงัดกับเครื่อง จู่ ๆ ก็โดนทัก ด้วยเสียงไม่เป็นมิตร หรือจะเรียกว่าดุ
“ทำอะไร!”
เจเล่เกย์ตัวน้อย ๆ ได้ยินเสียงใหญ่ กดต่ำก็ถึงกับลนลาน ตอบไม่ถูก จะบอกว่าออกกำลังกายอยู่ ก็กลัวโดนหาว่า กวนตีน
“อันตราย ทำไมเหยียดขาแบบนี้! เคยเล่นหรือเปล่าเนี่ย?”
‘ไม่เคย!’ เจเล่ปากดีในใจ แต่ต่อหน้าได้แค่แสดงออกทางสีหน้าด้วยการย่นคิ้วกับน้ำเสียงอีกฝ่าย
‘เขาล่ะเกลียด พวกบ้ากล้าม ทำกร่างเป็นหมาหวงถิ่น ชอบกดคนอื่นเสียจริง!’
เจเล่โดนไล่ให้ลงจากเครื่องออกกำลังกาย
“ใครให้เล่น!”
“พี่ยอดบอกว่าเล่นได้!”
“ใครให้เล่นนะ!”
“เทรนเนอร์บอกว่าลองเล่นได้”
“แล้วตัวเองไหวหรือเปล่า จะเล่นนะ”
“ก็ลองเล่นเฉย ๆ นี่เสียเงินมาเล่นนะ! ไม่ใช่มาขอเล่นฟรี!”
ไม่ทันให้ได้พูดต่อพี่ยอดที่ไปดูคนอื่นรีบเข้ามาห้าม หันเหความสนใจไปที่ตัวเองแทน
“แกล้งอะไรเด็กมัน~”
“ใครแกล้ง! ใครสอนมันเนี่ย”
“ก็นี่แหละ มีปัญหาอะไร”
พอเทรนเนอร์หนุ่มหล่อออกตัวปกป้อง เจเล่ก็ได้ใจมีคนเข้าข้าง เก่งกล้าขึ้นมาทันที ทั้งที่จะลุกจะนั่งยังเก้ ๆ กัง ๆ
“ก็ดูมันไหวเปล่าล่ะ! แนะนำอะไรให้ดูสภาพ!”
“แล้วสภาพเป็นไงอะ หนักหัวใคร?!” เจเล่เถียงเสียงแว๊ดขึ้นมาไม่ทันทิ้งเสียง ก็ถูกเกี่ยวขาจนหงายหลังล้มทับพี่ยอด ดีที่เทรนเนอร์หนุ่มฝึกร่างกายมาดี แต่เข่าแทบแตกด้วยน้ำหนักกว่าร้อยโลหล่นใส่
“เป็นอะไรไหมพี่?!” เขาทั้งโกรธทั้งอาย ยังจะโดนหัวเราะเยาะซ้ำ
“ไงละ! สภาพ? ไหวไหม แค่ยืนยังเข่าสั่น! แล้วยังผิดท่า!”
“เห้ย—” ยอดร้องเตือน เมื่อที่ทำมันอันตรายกว่า และอาจทำให้บาดเจ็บได้ทั้งคู่ และขณะที่วุ่นวายกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงเสียงดัง แปะ! ขัดจังหวะขึ้น
ทั้งสามจึงหันไปดูตามเสียงก็เห็นมือถือใครไม่รู้ ตกล้มคว่ำหน้าบนพื้น
“ของใครหล่น?”
“มือถือผม!”
ทำไมมาวางแบบนี้!”
‘ตาบอดหรือไง ไม่ได้ วาง แต่มันร่วงลงมา!’
เจเล่ได้แต่เถียงในใจ ขณะดูมือถือ ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก เขาถอนใจโล่งอก“ตั้งกล้อง ถ่ายคลิปมันร่วงลงมา” พี่ยอดตอบแทนให้
“รู้จะถ่าย ก็ทำไมไม่หาขาตั้ง หาอุปกรณ์มาให้เรียบร้อย ไว้แบบนี้เสียหายขึ้นมาก็โทษคนอื่น!”
ยังไม่ทันจะได้โทษ คนอื่นเปิดด่าดักก่อนแล้ว ไม่มีอะไรจะพูด
“แล้วสอนอะไร? เล่นโฟมโรล เล่นบอลนู้น ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้าน!”
พูดจบชายปากดีก็ใช้เครื่องออกกำลังตัวอื่น แต่ก็ห้ามเจเล่เล่นแม้ว่าเครื่องมันว่างก็ตาม
หนุ่มเจ้าเนื้อทำหน้าไม่พอใจ จนคิดว่าจะไม่มาอีกแล้ว แต่พี่ยอดที่ควรจะโกรธ พอ ๆ กับเขายังใจเย็นแล้วพาไปเล่นยิมบอลแทน ที่ไม่รู้ว่าบอลกับเขาอะไรจะกลมกว่ากัน
“อย่าไปถือสา ปากเสียแต่ไม่มีอะไร แค่เข้มงวดไปหน่อย”
เจเล่เล่นลูกบอลกลิ้งไปกลิ้งมา ฟังพี่ยอดแก้ตัวแทนแล้วรู้สึกได้ถึงลางร้าย
“ใครน่ะพี่? เทรนเนอร์ด้วยกันหรือ?” เขาถามเพราะไม่เคยเจอคนนี้มาก่อน
“ช่าย และก็เจ้าของยิมด้วย…”
เจเล่ตื่นรู้ ที่ยิมไม่มีคนก็อาจเพราะเจ้าของนิสัยแบบนี้ก็เป็นได้
ครีเอทีฟหนุ่มไม่อยากเสวนากับคนประเภทนี้อีก แต่อาทิตย์ถัดมา พี่ยอดก็ทำเซอร์ไพรส์
“เจเล่ นี่พี่บีเจ จะมาช่วยเทรนส่วนตัวให้”
“…” ไม่ถามความสมัครใจเลยสักคำ
“บีเจนี่เจเล่”
ขณะแนะนำตัวชายหนุ่มกล้ามแน่นยืนกอดอกค้ำหัวข่มคนตัวเตี้ยกว่า
“ขอบใจที่ช่วยรีวิวยิมให้ คนสมัครเยอะขึ้น อยากทำคอนเทนต์ ลดน้ำหนักใช่ไหม มา! เดี๋ยวช่วย!”
‘ไม่ต้องช่วยก็ได้’
เจเล่ได้แต่คิดในใจ ขอบคุณกันแบบนี้อย่าดีกว่า
เพราะรีวิวของเจเล่ทำให้มีคนสมัครฟิตเนสยิมเยอะขึ้น เป็นผลให้พี่ยอดงานเยอะ ตึงมือ จึงแบ่งงานให้บีเจมาช่วยสอนช่วงเย็น
เห็นทั้งคู่เงียบกัน พี่ยอดก็ช่วยหาหัวข้อสานสัมพันธ์
“ชื่อเล่น มีเจเหมือนกันเลยนะ~”
ได้ยินแบบนั้น หนุ่มท้วมกว่าถอนใจใส่ เขาเกลียดวัฒนธรรมชื่อซ้ำหาเรื่องตั้งฉายาใหม่ และเพราะรูปร่างมักจะโดนเรียก เจใหญ่, เจอ้วน ทั้งที่ชื่อเขาก็มีแค่ 2พยางค์เหมือนกันคือ เจเล่ ทำไมเรียกกันไม่ได้ แต่ยังไม่ทันตัดพ้อหนุ่มเจอีกคนก็เสนอก่อน
“ผมเจใหญ่ ว่าไงเจเล็ก~”
พอถูกเรียกแบบนี้ก็เหมือนแดกดัน ขณะคนอื่นฟังก็คิดเช่นเดียวกันพลางหัวเราะชอบใจ
“เดี๋ยวลดก็เหลือนิดเดียวแหละ~”
จากหัวเราะทุกคนก็เปลี่ยนให้กำลังใจ แต่ไม่ได้ทำให้เจเล่รู้สึกดีขึ้น ยิ่งอคติกับบีเจเข้าไปใหญ่
เขาเป็นผู้ใช้บริการแท้ ๆ และเขาเลือกอะไรได้บ้าง…
‘เอาไอ้ขี้เก๊กนี่ไปไกล ๆ ที’
หลังจากได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น นอกจากนิสัยที่ต่างกันจนเข้ากันได้ยาก และความปากหมาแล้ว บีเจเป็นเทรนเนอร์ที่เก่ง เขารักงานที่ทำ และจริงจัง เมื่อบอกต้องการลดน้ำหนัก ก็วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ในแต่ละช่วงเดือน และกำหนดเป้าหมายไว้ให้ ไม่ใช่แค่โปรแกรมออกกำลังกาย แต่รวมถึงโภชนาการการกิน การดื่ม ที่คิดตามน้ำหนัก และการใช้ชีวิตประจำวัน ตารางเข้มข้นต่างจากพี่ยอด ที่เขาแนะนำกว้าง ๆ เหมาะสำหรับเริ่มต้น แม้น้ำหนักตัวของเจเล่จะลดลงไปเป็น 10กิโลแล้ว แต่ก็ยังเกินร้อยอยู่ หนุ่มร่างท้วมยังเข้ายิมออกกำลังกาย จากสั้น ๆก็ ต่อเนื่องนานได้เป็นชั่วโมง จากสองวันต่อสัปดาห์ กลายเป็นวันเว้นวัน เหมือนชอบมาให้เขาด่าเขาว่า วลีเด็ด แต่ละวันไม่มีซ้ำ “วิ่งให้มันดี ๆ ตูดบิดแล้ว” “ย้อยแล้วแม่ ฮึบไว้!” “ขึ้นสุดลงสุด! ขึ้นสุด ลงสุด! ขามีแค่นี้หรือไง? งอไว้ทำไม?” คำว่าต่าง ๆ นาๆ สรรหา ชอบล้อชอบว่า ชอบตบมือเร่งเหมือนต้อนวัว ต้อนควายเสียงดังอายคนอื่น วันนี้ขณะทำคาดิโอ ทำความเร็วตก ก็โดนดุ แต่เมื่อชินกับนิสัยดุดัน ขี้เก๊ก ของเทรนเนอร์โหด และสุดทนกับความปากหมาของมัน เจเล่ก็ขึ้นเสียงเถียงกลับ เมื่อเขาเป็นผู้ใช้บริการ จ
บีเจคิดว่าเจเล่คงไม่มาที่ยิมอีก เมื่อเสียฟอร์มร้องไห้ขนาดนั้นต่อหน้าเขา แต่ไม่กี่วันก็กลับมาออกกำลังกายทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดเขาก็ไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ และทำหน้าที่ของตัวเอง วันนี้บีเจเตรียมชุดว่ายน้ำมา เพื่อที่เตรียมลงสระสอนว่ายน้ำให้ตัวต่อตัว และด้วยความทุ่มเทของผู้สอน และความตั้งใจของผู้เรียน ในที่สุด เจเล่ก็ว่ายน้ำได้ แม้จะมีน้ำตาบ้างก็ตาม เมื่อทำได้ ก็ตกลงจะเพิ่มการว่ายน้ำ สลับผสมกับออกกำลังกายอื่นร่วมด้วย แต่หลังจากเพิ่มรายการ เจเล่หิวมากกว่าปกติ ขนาดต้องปรึกษา ถามความเห็น เพื่อปรับโภชนาการ เมื่อเขากังวลกับปริมาณการกิน หลังออกกำลังกา
เจเล่ตั้งจิตขอขมาพ่อแม่ ที่ทำตัวใจแตก ตามผู้ชายมาถึงห้อง เขาเคยไปบ้านเพื่อน แต่ประสบการณ์ตอนนั้นใช้ไม่ได้กับตอนนี้ ไม่รู้จะไปเอาตัวเองไว้ไหน รู้สึกว่าตัวใหญ่ยืนเกะกะไปหมด บ้านของบีเจอยู่ถัดไปจากยิมไม่กี่เมตร ด้านล่างรีโนเวทเปิดโล่งไว้ทำกิจกรรม ด้านบนทำไว้เป็นที่พัก studio room กว้างขวาง เข้ามาก็เจอเตียงเลย
หลังจากคืนเร่าร้อน เจเล่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่ามันก็ยากที่จะทำเฉยชากับตัวตนของพี่เขา เมื่อพากันไปฝึกลับอุ่นเตียงกันมา เจเล่ไม่ใช่เด็กที่จะโดนหลอก เชื่อว่าการมีเซ็กส์กับเทรนเนอร์ช่วยลดน้ำหนักเป็นบริการแนะนำ ทำกันทั่วไป แต่ไม่ว่าพี่เจชอบของแปลกหรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อเป็นคนชวนก่อน ย่อมโทษน้องไม่ได้ และหลังจากที่สังเกตพฤติกรรม พี่แกเป็นที่นิยมมากกว่าที่คิด ไม่ว่ากับผู้หญิง หรือผู้ชาย และยิ่งน่าหมั่นไส้เข้าไปอีก เมื่อพี่เขาทำตัวแบบ
เจเล่ขึ้นตาชั่งอย่างกังวลเมื่อพักหลังน้ำหนักเขาลด เดือนละแค่ 1-2กิโล เท่านั้น ทั้งที่เขายังหนักเกือบ100 กิโลอยู่เลย เขาถ่ายรูปหน้าปัดเลขตาชั่งส่งให้เทรนเนอร์ดู พร้อมอีโมจิซึมแต่อีกคนตอบกลับเป็นอิโมจิปรบมือ แน่นอนว่าคำตอบไม่ตรงใจเขา
แม้น้ำหนักยังเป็นปัญหา แต่รูปร่างของเจเล่มีการเปลี่ยนแปลง เสื้อผ้าเก่าหลวมใส่สบายทำให้ใจฟู แถมกินอิ่มนอนหลับ สุขภาพดีหน้าตาแจ่มใสกระฉับกระเฉง มีน้ำมีนวล ช่วงเย็นวันนี้เขาก็ตั้งใจออกกำลังเต็มที่อีกเช่นเคย หากแต่ว่ามีคนที่ต่างออกไป แน่นอนว่าไม่ใช่บีเจที่ยังปั้นหน้าดุคงมาตรฐานเดิม แต่เป็นพี่ยอด ผู้ที่เคยอัธยาศัยกับทุกคน วันนี้ดูเศร้า หงุดหงิด และดูอึดอัดเป็นพิเศษ ทำเจเล่เป็นห่วง อดไม่ได้ที่จะแอบมอง
วันนี้เจเล่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ทำงานที่บ้าน เลยแอบอู้พักสายตาระหว่างวัน คิดถึงผู้ ก็นั่งไถโซเชียลแอบส่อง แต่มือลั่นไปกดถูกใจโมเมนต์ จนเขาทักมาหา [สนใจหรือ?]
หลังจากพักร้อน เจเล่ก็ยังรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกความฝัน สิ่งรอบตัวดูสดใส ทำอารมณ์ดีจนคนรอบข้างเห็นแล้วเดือดร้อนแทน พยายามหาเรื่องให้กลับสู่โลกความเป็นจริง แต่ด้วยพลังแห่งรัก มันทำให้เจเล่ผ่านพ้น ทะเลพิษ แล้วกลับไปให้แฟนหนุ่มช่วยถอน เติมเอเนอร์จี้บวก ฟื้นความสดใสได้ทุกวัน จนแม้แต่หัวหน้างานยังอดสงสัยไม่ได้ “ตั้งแต่กลับมาจากพักร้อน อารมณ์ดีจังนะ มีเรื่องดี ๆ งั้นหรือ?” เจเล่พยายามเก็บอาการ แต่เอาไม่อยู่เมื่อบรรยากาศความสุขมันล้นออกมาทุกอณูของร่างกาย “ไม่มีอะไร แค่ไปเที่ยวกับแฟนมา” มีแฟนแล้ว? ล้อเล่นหรือเปล่า!? เพื่อนร่วมงานต่างประหลาดใจ และพลันอยากใส่ใจ “หาแฟนได้แล้วหรือ? เจอกันที่ไหน ไม่เห็นเล่าเลย” “เจอกันที่ยิม เป็นเทรนเนอร์ที่ไปออกกำลังกาย” ว่าแล้วเจเล่ก็หยิบโทรศัพท์ หารูปแฟนหนุ่มมาอวด โดยไม่ต้องรอให้ใครขอ ขณะเพื่อนร่วมงานมองหน้ากัน พอเห็นรูป รู้สึกร้อนจนทนไม่ได้ต้องพูด "เขาว่า เทรนเนอร์เจ้าชู้ ไม่ใช่เหรอ!?" เสียงของเพื่อนร่วมงานแทบจะดังลั่นออฟฟิศ คนอื่น ๆ ได้ยินก็เข้ามาดูรูปในมือเจเล่ "โอ๊ย! หล่อ ดูดีด้วยสิ~” “ใครจีบก่อนนะ?” เจเล่ภูมิใจ ตอบด้วยหน้าเขินอาย “พี่เขามาจ
บ่ายวันหนึ่งขณะเจเล่นั่งไถโซเชียลก็ไปเจอการออกกำลังประเภทโยคะ มีแต่คลิปสาว ๆ แอ่นอก แอ่นก้นออกกำลังเขาไม่สนใจกระทั่งคลิปของผู้สาวแผ่นดินใหญ่ใส่ชุดประจำชาติโบราณ โหนผ้า รำเป็นนางฟ้า บินไปบินมา เจเล่ตื่นตาตื่นใจ อยากลองบินบ้าง พอเลื่อนคลิปถัดมา ก็ได้รู้จักกับการออกกำลังที่เรียกว่า Yoga fly เจเล่นั่งมองจอมือถือ พลางคิดในใจ “เราจะทำได้ไหมนะ?” ในคลิป สาว ๆ นั่งโหนผ้าทำท่าโยคะน่าสนุก ทว่าแต่ละคนเอวบางร่างน้อย ถ้าตัวใหญ่แบบเขากลัวว่าผ้าจะขาดร่วงลงมาก่อน เขาจึงลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Yoga Fly ไปเรื่อย ๆ ยิ่งดูคลิปก็ยิ่งรู้สึกท้าทาย อยากลองโหนผ้าดูบ้าง พอเห็นว่ามีสตูดิโอโยคะใกล้บ้านเปิดคลาสสำหรับมือใหม่ เจเล่นึกสนุก จึงทักลองสอบถามดูก่อน เมื่อเขาบอกว่าได้ เขาจึงนอกใจฟิตเนสของพี่เจ แล้วกดสมัครลงคลาสโยคะที่อื่น พอถึงวันนัด เขาสวมเสื้อยืดกางเกงวอร์มมุ่งหน้าไปยังสตูดิโอ ขับเจ้าป๊อป คันเก่าไปยังที่หมาย ณ สตูดิโอเขาก็เห็นสาว ๆ หลายคนกำลังเตรียมตัว บางคนกำลังโหนผ้า ทำท่าทางอ่อนช้อย พนมมือเป็นเทพยดา บางคนหมุนตัวกลางอากาศได้อย่างคล่องแคล่ว ‘เรามาทำอะไรที่นี่เนี่ย?’ แต่ในเมื่อจ่ายเง
เจเล่หยิบมือถือขึ้นมาดูปฏิทิน วันนี้เป็นวันสำคัญของเขา เขาแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน ก่อนจะสะพายกระเป๋าที่เตรียมของใช้ส่วนตัวไว้เรียบร้อย แล้วเดินลงไปรอที่รถ ขณะเดียวกัน บีเจกำลังจัดสัมภาระขึ้นหลังรถ เตรียมพร้อมสำหรับทริปแคมป์ปิ้งที่รอคอย พวกเขาขับรถสีเหลืองคันเก่า ที่แม้จะผ่านกาล
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาซื้อเสื้อผ้าเยอะแยะจนตู้เต็ม จึงได้เวลาเคลียร์ของเก่า ระหว่างที่คัดแยก ก็ไปเจอถุงใส่เสื้อผ้าที่ยัดไว้เสียลึกเปิดออกมาเป็นเสื้อผ้าเก่าที่ยังดีอยู่สมัยที่ย้ายออกจากคอนโดมาอยู่บ้านพี่เจ เจเล่เจอเสื้อผ้าสมัยเรียบจบใหม่ ๆ ดูเหมือนตอนนั้นเขาจะตัวใหญ่ ตอนนี้รักษาสุขภาพเข้ายิม ผอมลงตั้งเยอะ เจเล่หัวเราะกับตัวเองเบา ๆ พลางดึงเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมาลองทาบกับร่างกาย
บีเจ เป็นเด็กโชคดีคนหนึ่งที่เกิดในครอบครัวที่พร้อมได้รับการสนับสนุนไม่ว่าจะเลือกใช้ชีวิตทางไหนก็ตาม เขาเกิดมาโดยไม่รู้จักความผิดหวังกระทั่ง เส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของเขาปิดฉากก่อนเวลาอันควร แค่รุ่นเยาวชน เด็กหนุ่มวัย 19 มืดแปดด้าน เมื่อเขาพยายามสู้กับอาการบาดเจ็บแต่ดูเหมือนว่า มันไม่มีทางดีขึ้นมีแต่แย่ลง ฝันของเขาดับวูบ ผู้เป็นพ่อที่คอยสนับสนุน เอ่ยปลอบใจ “กลับมาเรียนเถอะ เล่นเป็นแค่งานอดิเรกก็พอ” โชคดีที่พ่อนักธุรกิจของเขามองการณ์ไกลเคี่ยวเข็ญไม่ยอมให้ทิ้งการเรียน เด็กหนุ่มจึงมีทางเลือกอื่น และได้ลองใช้ชีวิตในแบบอื่น ๆ เหมือนกับวัยรุ่นธรรมดา แต่ไม่ว่าทางไหนมันกลับ ว่างเปล่า “ไม่เป็นไร แค่ทำอย่างที่อยากทำ เป็นอย่างที่อยากเป็น ครอบครัวจะอยู่ข้างแกเอง” พ่อผู้ใจกว้างเอ่ย “แม้แต่ถ้าผมจะเป็นเกย์นะหรือ?” เขาในวัย 22 เปิดเผยเพศสภาพกับผู้เป็นพ่อออกไปแบบนั้น และพ่อเขาก็ยอมรับมันแบบนั้น แค่เรื่องเป็นแบบนั้น ในวันธรรมดา ๆ ไม่ได้ซับซ้อนใด ๆ เขาแยกมาอยู่เอง รับผิดชอบตัวเอง ลองใช้ชีวิตเอง และหยิบจับ ลงทุนหาอะไรทำ หลายต่อหลายอย่าง แต่ก็ไม่คลิกกับอะไรสักอย่าง เด็กหนุ่มก็เพียงใช้ชีวิต ทำอย่างที่
ใกล้เทศกาลแห่งความรักเจเล่ เตรียมทำเซอร์ไพรส์ ด้วยช็อกโกแลตทำเอง แต่ก็ยังลังเลเมื่อแคลอรี ต่อชิ้นมันทะลุขีดจำกัด แต่หน้าเทศกาลทั้งที เขาก็ควรต้องเข้าร่วมสิ หลังจากไล่ดูสูตรช็อกโกแลตโฮมเมดมาหลายสูตร เจเล่ก็ถอนหายใจ พลางจ้องตัวเลขแคลอรีที่แสดงอยู่บนหน้าจอ "โอ้โห... แค่ชิ้นเดียวก็เกินลิมิตไปกี่มื้อเนี่ย แต่ว่าให้พี่เจกินไม่ได้กินเองก็ช่างมันเถอะเนาะ" เมื่อมองไปที่กล่องของขวัญที่เตรียมไว้ และนึกถึงรอยยิ้มของคนรัก เจเล่ก็ฮึดขึ้นมา เทศกาลแห่งความรักทั้งที ต้องทุ่มสุดตัว! เขาหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมาสวม แล้วเริ่มจัดเตรียมวัตถุดิบ— ละลายดาร์กช็อกโกแลตที่ทุบแทบไม่แตก นมสดหอมมัน ผงโกโก้เข้มข้น และน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความละมุน เจเล่กะปริมาณอย่างระมัดระวัง หวังให้รสชาติออกมาดี เมื่อละลายช็อกโกแลตจนเนียนได้ที่ กลิ่นหอมหวานก็ลอยอบอวลไปทั่วห้อง เจเล่หยิบแม่พิมพ์รูปหัวใจขึ้นมา โรยของตกแต่ง จัดวางทีละชิ้น แล้วจึงเทส่วนผสมลงไปทีละนิดด้วยความตั้งใจ จากนั้นจึงนำไปแช่เย็น ท่ามกลางความตื่นเต้นปนกังวล "หวังว่าจะออกมาดี..." เขาพึมพำกับตัวเอง พลางมองนาฬิกา รอให้ช็อกโกแลตเซตตัว หลังจากรออยู่นานจนรู้สึ
เจเล่กลับมาหางานทำที่กรุงเทพ และได้งานประจำกับแบรนด์เครื่องสำอางที่เพิ่งเปิดตัวยี่ห้อหนึ่ง ทำให้วุ่นวายอยู่กับงาน วัน ๆ หนึ่งเวลาผ่านไปไว กว่าชีวิตจะเข้าที่เข้าทาง ก็ผ่านไปหลายเดือน แต่แม้จะยุ่งแค่ไหนเจเล่ยังพยายามรักษาคุณภาพการใช้ชีวิตประจำวันไว้ได้อย่างหวุดหวิด ขณะเล่น โฟมโรลยืดกล้ามเนื้อให้หายเมื่อยแล้วกำลังกลับไปนั่งทำงานต่อ ก็เห็นพี่บีเจสุดหล่อนอนเล่นมือถืออยู่บนโซฟาตัวเดิม ขณะทานผลไม้อบแห้งผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่พ่อส่งมาให้ชิม ตัวพี่เจนั้นยาวเหยียดเต็มโซฟาเป็นปกติ แต่เขาคิดว่าพี่แกดูจะตัวหนาขึ้นกว่าเดิม? “พี่เจช่วงนี้อ้วนขึ้นหรือเปล่า?” เจเล่ทักขึ้นอย่างไม่ทันคิดพูดตามที่เห็น ก่อนจะชะงักเมื่อเขารู้ตัวว่าเสียมารยาท เมื่อหันไปมองหน้าของแฟนหนุ่ม พอเห็นสีหน้าคำว่า ฉิบหายล่ะ แล่นเข้ามาในหัวทันที บีเจเดินไปขึ้นตาชั่ง แล้วเปิดแอปพลิเคชัน อ่านค่าคำนวณน้ำหนัก แล้วหยิบสายวัดมาเช็กสัดส่วน กดพิมพ์ข้อมูลลงมือถือ ใบหน้าเข้มย่นคิ้ว แม้น้ำหนักจะไม่ได้ ขึ้นมาแต่เปอร์เซ็นต์ไขมันเพิ่มขึ้น ทำให้รูปทรงไม่ได้ฟิตเหมือนเก่า ชายหนุ่มหันไปมองรอบ ๆ ขณะพิจารณาหาสาเหตุ เมื่อเขาออกกำลังกายตามตารางเท่าเดิม
อยู่บ้านสวนไม่รู้ใครจะดูแลใคร มีพี่ มีแม่ คอยเลี้ยงดูปูเสื่อ อุดมสมบูรณ์ ส่องกระจกแล้วเริ่มรู้สึกหน้ากลมขึ้น เจเล่ส่องซ้ายส่องขวา หาเครื่องชั่งน้ำหนัก แต่เหมือนไม่ได้เอามาด้วย ระหว่างนั้นเอง ก็คิดถึงแฟนหนุ่ม "แม๊~ พี่เจไปไหน?" "หนีตามผัวแม่มึงไปแล้ว บอกว่าไปไร่กัน ป่านนี้ยังไม่กลับเลย~" แม่พูดติดตลก พลางตักชิมรสซุปในหม้อ "ไปไร่กับพ่ออีกแล้วหรือ?" ตั้งแต่ถอดเฝือก พ่อก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ออกไปดูไร่ทุกวัน ขณะที่พี่เจ ขับรถจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยม ตอนแรกตั้งใจมาพักแค่ 2-3 วัน แต่นานไปกลับอยู่ยาวเป็นอาทิตย์ จนสนิทกับที่บ้านไปโดยปริยาย พ่อเองก็ดูจะถูกใจพี่เจเป็นพิเศษ คอยลากไปนั่นไปนี่ จนเจเล่เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าพ่อเป็นพ่อของเขาหรือพ่อของพี่เจกันแน่ กำลังตั้งวงนินทาได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีเสียงเรียกดังมาจากหน้าบ้าน "กลับมาแล้ว มารับหน่อยเร็ว~" ‘ตายยากแหะ’ เจเล่อมยิ้มชะโงกหน้าออกไปดู แต่แวบเดียวก็ต้องผงะ เมื่อเห็นสภาพของสองคนที่เพิ่งกลับมา ทั้งพ่อและพี่เจเปรอะไปด้วยโคลนตั้งแต่ช่วงเอวลงไป "ไปไหนกันมาเนี่ย!? แม่บอกว่าไปไร่ ทำไมกลับมาสภาพนี้?" "เขาสูบน้ำออกจากบ่อหาปลา เรียกให้ไปช่วยน่ะสิ" พ
ณ ยามเช้าพี่สาวตื่นมาทำกับข้าวไว้ให้และฝากเขาให้ไปดูพ่อแม่ที่โรงพยาบาล ส่วนเธอจะออกไปทำงานแล้วจะรีบกลับมาเตรียมดูแลบ้านให้ตอนเย็นเจเล่หิ้วของตามรายการไปโรงพยาบาล พร้อมกับพี่เจที่ขับรถไปส่ง เมื่อแม่เห็นผู้ชายช่วยลูกชายหิ้วของ ก็ตื่นตัวทันที รีบเดินมารับของ ไม่สนใจลูกเต้าเมื่อมือว่างบีเจก็ยกมือไว้ แต่มือแม่ไม่ว่างรับไหว้ ทำเงอะงะ กระทั่งเจเล่เอาของในมือแม่มาวางเธอถึงตั้งสติได้“แม๊! นี่พี่เจ แฟนหนู~” เจเล่แนะนำ ขณะอธิบายว่าเขาช่วยขับรถมาส่ง แม่ก็ลากเก้าอี้ให้นั่งต้อนรับเต็มที ขณะผู้ป่วยนี่นอนเข้าเฝือก นิ่งมอง ไม่มีใครเรียกก็ทำเป็นไม่มีตัวตน ก่อนสองแม่ลูก จะออกไปหายืมช้อนเพราะลืมเอามา ทิ้งให้ บีเจ กับพ่อแฟนอยู่ด้วยกันเอง นั่งส่งกระแสจิตคุยกันทางสายตาช่วงสายหลังจากพ่อตรวจร่างกายโดยละเอียด เจเล่จัดการเอกสารที่แผนกผู้ป่วยใน พร้อมกับคุยกับพยาบาลเกี่ยวกับขั้นตอนการรับตัวพ่อออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปพักฟื้นที่บ้านคุณป้าพยาบาลยื่นเอกสารให้"นี่เป็นใบสรุปอาการของคุณพ่อ รวมถึงคำแนะนำในการดูแลระหว่างพักฟื้นที่บ้าน แล้วนี่ใบนัดพามาตรวจอาการ"เจเล่รับเอกสารมาแล้วกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว แม้จะยังรู้สึกเ
ในเช้าวันหนึ่งขณะเจเล่ยังไม่ทันตื่นนอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อพี่สาวของเขาโทรมาแต่เช้า “ฮัลโลเจเล่ ~” “ว่าไงครับพี่?” “พ่อแกล้มในห้องน้ำ—“ เจเล่ตาสว่างทันที ขณะชายที่นอนด้านข้างลุกขึ้นมาทำทีท่าแสดงความสนใจ ชายหนุ่มขอให้เงียบเสียงรอฟังสิ่งที่พี่พูดก่อน “พ่อเป็นยังไงบ้างพี่!?” เจเล่ถามเสียงสั่น พยายามทำใจเย็น “ยังดีที่แม่อยู่บ้าน หมอบอกว่าต้องดูอาการก่อน” เจเล่ลุกพรวดจากเตียง คว้าเสื้อยืดที่พาดอยู่ปลายเตียงมาสวม “พี่อยู่ไหน ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้” “เจเล่มาได้หรือ? พี่เฝ้าอยู่กับแม่แต่ก็ต้องทำงานถ้ามีคนช่วยสลับมาดูได้ก็ดี มาได้ไหม?” “ครับพี่!” เมื่อถาม สถานที่ ตำแหน่งโรงพยาบาลเรียบร้อย เขาก็วางสาย หันไปมองชายหนุ่มที่นอนข้าง ๆ ซึ่งตอนนี้ลุกขึ้นนั่งมองเขาด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” “พ่อผมล้มในห้องน้ำ ต้องไปโรงพยาบาล” พูดพลางก็เปิดมือถือเพื่อดูตารางจองตั๋วเพื่อกลับต่างจังหวัด “ให้พี่ขับไปส่ง?” เจเล่ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนส่ายหัว “ไม่เป็นไร พี่มีงานของพี่ เดี๋ยวผมจัดการเอง” “ทำไม? เพราะเกรงใจ? หรือว่าไม่อยากให้พ่อแม่เจเจอพี่?” “พี่เจอย่าเพิ่งชวนทะเลาะ มันขับรถไกล