บีเจคิดว่าเจเล่คงไม่มาที่ยิมอีก เมื่อเสียฟอร์มร้องไห้ขนาดนั้นต่อหน้าเขา แต่ไม่กี่วันก็กลับมาออกกำลังกายทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดเขาก็ไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ และทำหน้าที่ของตัวเอง วันนี้บีเจเตรียมชุดว่ายน้ำมา เพื่อที่เตรียมลงสระสอนว่ายน้ำให้ตัวต่อตัว และด้วยความทุ่มเทของผู้สอน และความตั้งใจของผู้เรียน ในที่สุด เจเล่ก็ว่ายน้ำได้ แม้จะมีน้ำตาบ้างก็ตาม เมื่อทำได้ ก็ตกลงจะเพิ่มการว่ายน้ำ สลับผสมกับออกกำลังกายอื่นร่วมด้วย แต่หลังจากเพิ่มรายการ เจเล่หิวมากกว่าปกติ ขนาดต้องปรึกษา ถามความเห็น เพื่อปรับโภชนาการ เมื่อเขากังวลกับปริมาณการกิน
หลังออกกำลังกายเสร็จเร็ววันนี้ บีเจจึงพาเจเล่ออกมาเลี้ยงข้าว เป็นการให้รางวัลในความพยายามไม่ล้มเลิกไปเสียก่อน อาหารญี่ปุ่นที่สั่งมาเสิร์ฟสักพักแล้ว แต่ยังกินไม่ได้ เมื่อหนุ่มเจ้าเนื้อยังถ่ายรูปไม่เสร็จ“น่ากินมาก ราคาดีด้วย” ว่าแล้วก็ถ่ายรูปเมนูเก็บไว้ดู กะเอากลับไปรีวิวลงช่อง
“ชอบไว้พามากินอีก”
“ขอบคุณครับ พี่เลี้ยงใช่ไหม?”
“เลี้ยงสิ เลี้ยงได้!” บีเจพยักหน้า การเลี้ยงเด็ก เลี้ยงรุ่นน้องเป็นเรื่องธรรมดาของสายอาชีพเขา จะเพิ่มอีกสักคนจะเป็นอะไรไป
เจเล่แค่เล่นมุขสไตล์หลอกแดกที่ชอบพูดกันขำ ๆ แต่คนตรงหน้าตอบแสดงความใจกว้างสร้างความประทับใจให้“กินรอบค่ำแล้วก็ต้องลำบากตอนไปเบิร์นออกไหมครับพี่”
“กินไปเถอะไม่ต้องไปเคร่งมาก แค่เดือนละ 5กิโลนี่ก็ท้าทาย ทำได้ก็เยี่ยมแล้ว”
เจเล่ไม่อยากเชื่อหูหัวเอง เมื่อคำว่า ‘ไม่ต้องเคร่งมาก’ จะออกมาจากปากเทรนเนอร์จอมเข้มงวดของเขา“ถ้าตอนออกกำลังกายไม่ต้องเคร่งมากบ้างก็ดี~”
“ถ้าไม่ได้ตามเกณฑ์ของมัน ก็ออกฟรี เหนื่อยฟรีไง เอาหรือ?”
เจเล่ส่ายหัวไปมา แล้วลงมือทานข้าว เลิกเถียง เพราะยังไงก็แพ้“กินไปเถอะ กินปกตินี่แหละ เดือนหน้า เริ่มเล่นเวท อัดโปรตีนเยอะ ๆ”
“ถ้าเล่นแล้วมันจะเป็นแบบพี่หรือ?”
“ยังไง? อยากสวยมากกว่า?”
เจเล่ไม่กล้าตอบ อยากผอมสุขภาพดี แต่ก็ไม่อยากกล้ามโต เป็นกะเทยควาย เขาก็มีความฝันอยากแต่งสวยแล้วมีคนชมบ้างไม่ใช่ตลก ให้คนหัวเราะ“เล่นพอให้เก็บหนังห้อย แล้วว่ายน้ำประจำ ๆ เก็บหุ่นเอา” เจเล่พยักหน้ายิ้มตาปิด ชะล่าใจ จากนั้นถึงได้รู้คำว่า ไม่เคร่ง ไม่มีอยู่จริง เมื่อทุกอย่างโดนจดลงสมุดเอาไปคำนวณหมด แล้วกลับมาใช้คืนคิดบวกดอกเบี้ยทบต้นทีหลัง
แต่เพียง 2-3เดือนน้ำหนักลดไปได้อีกเกือบ 10กิโล แต่ก็ยังหนักกว่า 100 กิโลอยู่นิดหน่อย แต่ผลที่ได้ก็น่าพอใจเป็นอย่างมากแล้ว เมื่อลงคลิปส่งการบ้าน ให้ผู้ติดตามเห็นความเปลี่ยนแปลง ทุกคนดีใจกับเจเล่ และกระแสไปในทางที่ดีมาก กระทั่งมีน้องสาว พี่สาวตาดีเห็นเงาของเทรนเนอร์หนุ่มปากร้าย หน้าด้านข้างออร่าจับ จึงขอรีวิว คนที่รู้ เพราะตามไปเป็นสมาชิกยิมส่งอีโมจิโกรธให้ ขณะคนที่ไม่รู้ก็รอฟังเฉลย เจเล่ค้นคลิปที่อัดไว้แล้วตัดเฉพาะเสียง เอาขึ้นตอบกลับความเห็น[เข้มงวด และดุมาก! แต่ลดได้ผลแบบ 1000%]
ทุกคนขำและวิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา ทำให้เจเล่ ทำคลิปตอบกลับ เล่าล้อเลียนเป็นเรื่องตลก ระบายความอัดอั้นที่สะสมมาหลายเดือนอย่างสนุกปาก โดยไม่ทันคิดว่าคนที่นินทาก็เล่นโซเชียล และอาจตามมาเจอเอาได้
หนุ่มเจ้าเนื้อยืดเส้น วอร์มร่างกาย ขณะครูฝึกยืนกอดอก พูดเป็นรหัสลับ
“ขี้เก๊ก…”
“...”
“...ด่าจิกยิ่งกว่ากะเทย”
“...พ- พี่”
“เสียงดัง”
“...”
“ขี้โอ่”
“...พี่เจ”
“จริตชายแท้?”
“ผมขอโทษ~”
“คิดว่าผมหล่อหรือ?” บีเจถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้เดาอารมณ์เขาไม่ได้
“หล่อครับ!” เจเล่รีบตอบชมเพื่อหวังให้อารมณ์ดี
“นึกว่าไม่ชอบแบบผมซะอีก?”
‘ที่ไม่ชอบคือ นิสัย กับสันดาน ต่างหากล่ะ’
ก็ได้แต่คิด แล้วส่งยิ้มให้ แต่พูดไม่ได้
วันนี้ทั้งวันหนุ่มตัวกลมโดนแกล้ง โดนปั่น จนหายใจทางปาก
“กินน้ำเยอะ ๆ” เทรนเนอร์ที่ลุแก่อำนาจจนพอใจแล้วส่งน้ำให้ดื่ม เยาะเย้ยก่อนจะแยกย้าย เจเล่หมดสภาพ แขนขาอ่อนแรง แล้วยังเหลือคูลดาวน์อีก เขานอนแผ่มองแผ่นหลังของเทรนเนอร์โหดที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะแกล้งเขาได้เดินห่างออกไป
เพราะความเอื่อยเฉื่อย จนยิมใกล้จะปิด เขาเพิ่งจะไปอาบน้ำ วันนี้หวังจะใช้ห้องน้ำด้านในติดกับล็อกเกอร์สระน้ำที่ไม่ค่อยมีคนแทน แต่ปรากฏว่ามันล็อก และเมื่อเงี่ยหูฟังดี ๆ กลับได้ยินเสียงจากด้านใน ไม่ใช่แค่เสียงน้ำไหล แต่เสียงออกกำลังกายเข้าจังหวะ กับเสียงเชือดวัว
หนุ่มเกย์ใจสะอาดตกใจยิ่งกว่าโดนผีหลอก คิดดูว่ามีใครกล้าเสพเมถุนในห้องน้ำสาธารณะเวลาแบบนี้บ้าง เมื่อเหลือกันทั้งยิมไม่ถึง 10คน คิดจากความเป็นไปได้ หน้าเข้มเสียงดุของผู้ต้องสงสัยลอยมาเลย
“ทำอะไร!”
ลอยมาจริง ๆ จนทำสะดุ้ง เมื่อคนที่คิดว่าอยู่ด้านใน ดันมาอยู่ข้างหลัง
“ทำไมยังไม่อาบน้ำอีก? จะปิดแล้ว เร็วหน่อย!”
โผล่มาก็สั่งเลย เจเล่ก็ไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่ก บีเจจึงเดินเข้ามาดู แล้วก็ได้ยินเสียงวัวร้องเช่นกัน ทำทั้งคู่หันมองหน้ากันและกัน
เจเล่หน้าแดงถึงหู ได้แต่ทำตาปริบ ๆ ใส่ ขณะอีกคนผุดรอยยิ้มที่นาน ๆ จะมีสักทีบนใบหน้าโหด
‘ขนาดยิ้ม ก็ยังขี้เก๊ก!’หนุ่มเจ้าเนื้อคิดในใจ แล้วก็ต้องตกใจ กับการกระทำอีกฝ่าย
ปึง! ปึง!
“ทำรอบ ไวหน่อย~ ยิมจะปิดแล้ว!” เทรนเนอร์หนุ่มทุบประตู แล้วตะโกนบอก ก่อนจะหันมาพูดกับเจเล่ที่ตาเรียวตี่เล็กใต้แว่นเบิกโพลง ทำตาโตที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา
“รอคิวเสียเวลา ไปใช้ห้องน้ำยิมนอกนู้น รอนี่เมื่อไหร่จะเสร็จ!” เขาไล่ ก่อนจะเร่งอีก
“เร็ว ๆ เข้า จะปิดยิมแล้ว จะกลับบ้าน!”
บีเจเห็นเจเล่เดินชักช้าไม่ทันใจ และไม่ยอมพูดด้วย จึงกอดอกถามจี้อีก
“รอ~ อยากรู้หรือว่าเป็นใคร?”
“ใครมันจะไปอยากรู้!” หนุ่มเจ้าเนื้อขี้อายรีบเถียง จนเสียงเปลี่ยน
“เป็นอะไร? เขิน? ทำเป็นคนไม่เคยไปได้” บีเจพูดถึงธรรมชาติของมนุษย์ มันเป็นเรื่องธรรมดา แม้บางทีจะผิดผิดทางไปบ้างก็ตาม
“ก็ไม่เคย! ใครจะไปช่ำชอง เชี่ยวชาญเหมือนพวกพี่!” ชายตัวกลมประชด ขณะเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้น ทั้งที่ขาลากไม่มีแรงเหลือ
“ดูออก? ชัดหรือ?”
“?”
ดูอะไรชัด? เจเล่แค่ประชด ดูไม่ออก แต่ด้วยไหวพริบก็บลัฟต่อ
“ผีเห็นผี~ ขนาดนี้แล้ว~” ปากก็พูดไปแต่ในใจสบถ
‘อีเหี้ย! มันเป็นหรือวะ? แมนขนาดนี้? แอ๊บหรือ?’
‘แล้วนางก็ชอบล้อ กูเนี่ยนะ! สันดาน!’
เจเล่คุยกับตัวเองในหัว เลยไม่ทันสังเกตว่าอีกคนก็ไปทางเดียวกันด้วย รู้ตัวก็ตอนถึงล็อกเกอร์เก็บของอยู่กันสองต่อสองแล้ว ใจบางของเกย์ตัวน้อยเต้นแรงเมื่อหนุ่มเดินตามมา แต่พอเขาผ่านเลยไปเปิดล็อกเกอร์หยิบกระเป๋าเท่านั้นแหละ ก็ถึงกับเหี่ยว บอกตัวเองว่าที่จริงไม่ได้หวัง แต่อีกคนนั่นแหละทำให้คิด เขาประชดรีบเก็บของกลับบ้าน ไม่อาบน้ำแล้ว
“กลับเลยเหรือ?”
“รีบปิดไม่ใช่หรือครับ? ผมกลับไปอาบที่บ้านก็ได้~”
บีเจพยักหน้ารับรู้ ขณะสะพายกระเป๋าใส่บ่า ก็ชวนคุยอีก
“ที่บอกว่าไม่เคย แต่ถ้าอยากลองก็ได้นะ เผาผลาญแคลได้ดี ลดหน้าท้องดีด้วย”
“จะให้ไปทำกับหมาที่ไหน? คนคุยยังหาไม่ได้เลย!”
“ก็ชวนอยู่นี่ไง”
“!?”
เจเล่เหมือนโดนผีหลอกซ้ำ ขณะคนพูดเหมือนชวนไปกินข้าว
“คิดว่าผมเป็นคนยังไง”
“ก็แล้วแต่นะ แล้วอย่ามาน้อยใจว่าไม่เคยชวน ไม่ให้โอกาส”
บีเจพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ทำสัญชาตญาณของหนุ่มร่างท้วมร้องเตือนถึงอันตราย แต่เขากลับหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ เมื่อพอรู้ตัวอีกที ก็ตามเขามาโผล่ที่ห้องนอนเสียแล้ว
‘ทำอย่างไรต่อดี?!’
เจเล่ตั้งจิตขอขมาพ่อแม่ ที่ทำตัวใจแตก ตามผู้ชายมาถึงห้อง เขาเคยไปบ้านเพื่อน แต่ประสบการณ์ตอนนั้นใช้ไม่ได้กับตอนนี้ ไม่รู้จะไปเอาตัวเองไว้ไหน รู้สึกว่าตัวใหญ่ยืนเกะกะไปหมด บ้านของบีเจอยู่ถัดไปจากยิมไม่กี่เมตร ด้านล่างรีโนเวทเปิดโล่งไว้ทำกิจกรรม ด้านบนทำไว้เป็นที่พัก studio room กว้างขวาง เข้ามาก็เจอเตียงเลย
หลังจากคืนเร่าร้อน เจเล่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่ามันก็ยากที่จะทำเฉยชากับตัวตนของพี่เขา เมื่อพากันไปฝึกลับอุ่นเตียงกันมา เจเล่ไม่ใช่เด็กที่จะโดนหลอก เชื่อว่าการมีเซ็กส์กับเทรนเนอร์ช่วยลดน้ำหนักเป็นบริการแนะนำ ทำกันทั่วไป แต่ไม่ว่าพี่เจชอบของแปลกหรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อเป็นคนชวนก่อน ย่อมโทษน้องไม่ได้ และหลังจากที่สังเกตพฤติกรรม พี่แกเป็นที่นิยมมากกว่าที่คิด ไม่ว่ากับผู้หญิง หรือผู้ชาย และยิ่งน่าหมั่นไส้เข้าไปอีก เมื่อพี่เขาทำตัวแบบ
เจเล่ขึ้นตาชั่งอย่างกังวลเมื่อพักหลังน้ำหนักเขาลด เดือนละแค่ 1-2กิโล เท่านั้น ทั้งที่เขายังหนักเกือบ100 กิโลอยู่เลย เขาถ่ายรูปหน้าปัดเลขตาชั่งส่งให้เทรนเนอร์ดู พร้อมอีโมจิซึมแต่อีกคนตอบกลับเป็นอิโมจิปรบมือ แน่นอนว่าคำตอบไม่ตรงใจเขา
แม้น้ำหนักยังเป็นปัญหา แต่รูปร่างของเจเล่มีการเปลี่ยนแปลง เสื้อผ้าเก่าหลวมใส่สบายทำให้ใจฟู แถมกินอิ่มนอนหลับ สุขภาพดีหน้าตาแจ่มใสกระฉับกระเฉง มีน้ำมีนวล ช่วงเย็นวันนี้เขาก็ตั้งใจออกกำลังเต็มที่อีกเช่นเคย หากแต่ว่ามีคนที่ต่างออกไป แน่นอนว่าไม่ใช่บีเจที่ยังปั้นหน้าดุคงมาตรฐานเดิม แต่เป็นพี่ยอด ผู้ที่เคยอัธยาศัยกับทุกคน วันนี้ดูเศร้า หงุดหงิด และดูอึดอัดเป็นพิเศษ ทำเจเล่เป็นห่วง อดไม่ได้ที่จะแอบมอง
วันนี้เจเล่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ทำงานที่บ้าน เลยแอบอู้พักสายตาระหว่างวัน คิดถึงผู้ ก็นั่งไถโซเชียลแอบส่อง แต่มือลั่นไปกดถูกใจโมเมนต์ จนเขาทักมาหา [สนใจหรือ?]
หลังจากพักร้อน เจเล่ก็ยังรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกความฝัน สิ่งรอบตัวดูสดใส ทำอารมณ์ดีจนคนรอบข้างเห็นแล้วเดือดร้อนแทน พยายามหาเรื่องให้กลับสู่โลกความเป็นจริง แต่ด้วยพลังแห่งรัก มันทำให้เจเล่ผ่านพ้น ทะเลพิษ แล้วกลับไปให้แฟนหนุ่มช่วยถอน เติมเอเนอร์จี้บวก ฟื้นความสดใสได้ทุกวัน จนแม้แต่หัวหน้างานยังอดสงสัยไม่ได้ “ตั้งแต่กลับมาจากพักร้อน อารมณ์ดีจังนะ มีเรื่องดี ๆ งั้นหรือ?” เจเล่พยายามเก็บอาการ แต่เอาไม่อยู่เมื่อบรรยากาศความสุขมันล้นออกมาทุกอณูของร่างกาย “ไม่มีอะไร แค่ไปเที่ยวกับแฟนมา” มีแฟนแล้ว? ล้อเล่นหรือเปล่า!? เพื่อนร่วมงานต่างประหลาดใจ และพลันอยากใส่ใจ “หาแฟนได้แล้วหรือ? เจอกันที่ไหน ไม่เห็นเล่าเลย” “เจอกันที่ยิม เป็นเทรนเนอร์ที่ไปออกกำลังกาย” ว่าแล้วเจเล่ก็หยิบโทรศัพท์ หารูปแฟนหนุ่มมาอวด โดยไม่ต้องรอให้ใครขอ ขณะเพื่อนร่วมงานมองหน้ากัน พอเห็นรูป รู้สึกร้อนจนทนไม่ได้ต้องพูด "เขาว่า เทรนเนอร์เจ้าชู้ ไม่ใช่เหรอ!?" เสียงของเพื่อนร่วมงานแทบจะดังลั่นออฟฟิศ คนอื่น ๆ ได้ยินก็เข้ามาดูรูปในมือเจเล่ "โอ๊ย! หล่อ ดูดีด้วยสิ~” “ใครจีบก่อนนะ?” เจเล่ภูมิใจ ตอบด้วยหน้าเขินอาย “พี่เขามาจ
บีเจได้ฟังข่าวก็สะเทือนใจเมื่อเจเล่ต้องกลับต่างจังหวัดไปเยี่ยมพ่อแม่ เลยไม่ได้ใช้หยุดยาวไปเที่ยวเทศกาลด้วยกัน เขานั่งมองตั๋วคอนเสิร์ตเฟสติวัล ที่ซื้อมาแล้ว พลางถอนหายใจยาว ๆ "
เจเล่ใช้เวลาในการเรียนรู้ และใช้ชีวิตร่วมกับชายที่มีโอกาสได้รู้จักกัน สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ทั้งที่ทั้งคู่ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย และมันเริ่มจากเรื่องไร้สาระอย่างข่าวลือ ว่ามีคนหล่อ พาให้ได้บังเอิญมาเจอกัน และหลังจากได้ลองคบเพียงไม่นาน เขากลับลืมไปหมดแล้วว่าชีวิตก่อนหน้าที่ไม่มีอีกฝ่ายเคยเป็นอย่างไร —เคยใช้ชีวิตอย่างไร ทำอะไร กินอะไร เจเล่รู้เพียงแต่ว่าตัวเองเปลี่ยนไป และที่สำคัญ เขาชอบตัวเองในแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ มีคนเคยบอกว่า หากเราได้บางอย่าง ก็คงต้องเสียบางอย่างไป เช่นการมีคู่ทำให้เสียความสุขของการเป็นโสด แต่สำหรับเขา เมื่อถามใจตัวเอง มันไม่ได้รู้สึกสูญเสียใด ๆ กลับกัน เขารู้สึกเติมเต็มอย่างพอดิบพอดี ทั้งที่เขาเคยคิดว่าตัวเองก็มีพร้อม อยู่เองได้ ไม่ได้ต้องการอะไรจากใคร แถมการถูกยัดเยียดในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ ทำให้อึดอัด ในทางกลับกัน แม้ว่าเขาอยากมีแฟน แต่เขาคิดว่าตัวเขาเองอาจจะให้ในสิ่งที่คนอื่นต้องการไม่ได้ และเขายากจะเปลี่ยนเพื่อใคร แถมขาดคุณสมบัติที่น่าดึงดูด เขาจึงไม่แปลกใจที่ตัวเองโสด จนกระทั่งมาเจอบีเจ ที่สอนเขาให้รู้ว่า ความรัก ไม่จำต้องใช้คุณสมบัติ ไม่ใช่เพราะขาด
บ่ายวันหนึ่งขณะเจเล่นั่งไถโซเชียลก็ไปเจอการออกกำลังประเภทโยคะ มีแต่คลิปสาว ๆ แอ่นอก แอ่นก้นออกกำลังเขาไม่สนใจกระทั่งคลิปของผู้สาวแผ่นดินใหญ่ใส่ชุดประจำชาติโบราณ โหนผ้า รำเป็นนางฟ้า บินไปบินมา เจเล่ตื่นตาตื่นใจ อยากลองบินบ้าง พอเลื่อนคลิปถัดมา ก็ได้รู้จักกับการออกกำลังที่เรียกว่า Yoga fly เจเล่นั่งมองจอมือถือ พลางคิดในใจ “เราจะทำได้ไหมนะ?” ในคลิป สาว ๆ นั่งโหนผ้าทำท่าโยคะน่าสนุก ทว่าแต่ละคนเอวบางร่างน้อย ถ้าตัวใหญ่แบบเขากลัวว่าผ้าจะขาดร่วงลงมาก่อน เขาจึงลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Yoga Fly ไปเรื่อย ๆ ยิ่งดูคลิปก็ยิ่งรู้สึกท้าทาย อยากลองโหนผ้าดูบ้าง พอเห็นว่ามีสตูดิโอโยคะใกล้บ้านเปิดคลาสสำหรับมือใหม่ เจเล่นึกสนุก จึงทักลองสอบถามดูก่อน เมื่อเขาบอกว่าได้ เขาจึงนอกใจฟิตเนสของพี่เจ แล้วกดสมัครลงคลาสโยคะที่อื่น พอถึงวันนัด เขาสวมเสื้อยืดกางเกงวอร์มมุ่งหน้าไปยังสตูดิโอ ขับเจ้าป๊อป คันเก่าไปยังที่หมาย ณ สตูดิโอเขาก็เห็นสาว ๆ หลายคนกำลังเตรียมตัว บางคนกำลังโหนผ้า ทำท่าทางอ่อนช้อย พนมมือเป็นเทพยดา บางคนหมุนตัวกลางอากาศได้อย่างคล่องแคล่ว ‘เรามาทำอะไรที่นี่เนี่ย?’ แต่ในเมื่อจ่ายเง
เจเล่หยิบมือถือขึ้นมาดูปฏิทิน วันนี้เป็นวันสำคัญของเขา เขาแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน ก่อนจะสะพายกระเป๋าที่เตรียมของใช้ส่วนตัวไว้เรียบร้อย แล้วเดินลงไปรอที่รถ ขณะเดียวกัน บีเจกำลังจัดสัมภาระขึ้นหลังรถ เตรียมพร้อมสำหรับทริปแคมป์ปิ้งที่รอคอย พวกเขาขับรถสีเหลืองคันเก่า ที่แม้จะผ่านกาล
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาซื้อเสื้อผ้าเยอะแยะจนตู้เต็ม จึงได้เวลาเคลียร์ของเก่า ระหว่างที่คัดแยก ก็ไปเจอถุงใส่เสื้อผ้าที่ยัดไว้เสียลึกเปิดออกมาเป็นเสื้อผ้าเก่าที่ยังดีอยู่สมัยที่ย้ายออกจากคอนโดมาอยู่บ้านพี่เจ เจเล่เจอเสื้อผ้าสมัยเรียบจบใหม่ ๆ ดูเหมือนตอนนั้นเขาจะตัวใหญ่ ตอนนี้รักษาสุขภาพเข้ายิม ผอมลงตั้งเยอะ เจเล่หัวเราะกับตัวเองเบา ๆ พลางดึงเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมาลองทาบกับร่างกาย
บีเจ เป็นเด็กโชคดีคนหนึ่งที่เกิดในครอบครัวที่พร้อมได้รับการสนับสนุนไม่ว่าจะเลือกใช้ชีวิตทางไหนก็ตาม เขาเกิดมาโดยไม่รู้จักความผิดหวังกระทั่ง เส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของเขาปิดฉากก่อนเวลาอันควร แค่รุ่นเยาวชน เด็กหนุ่มวัย 19 มืดแปดด้าน เมื่อเขาพยายามสู้กับอาการบาดเจ็บแต่ดูเหมือนว่า มันไม่มีทางดีขึ้นมีแต่แย่ลง ฝันของเขาดับวูบ ผู้เป็นพ่อที่คอยสนับสนุน เอ่ยปลอบใจ “กลับมาเรียนเถอะ เล่นเป็นแค่งานอดิเรกก็พอ” โชคดีที่พ่อนักธุรกิจของเขามองการณ์ไกลเคี่ยวเข็ญไม่ยอมให้ทิ้งการเรียน เด็กหนุ่มจึงมีทางเลือกอื่น และได้ลองใช้ชีวิตในแบบอื่น ๆ เหมือนกับวัยรุ่นธรรมดา แต่ไม่ว่าทางไหนมันกลับ ว่างเปล่า “ไม่เป็นไร แค่ทำอย่างที่อยากทำ เป็นอย่างที่อยากเป็น ครอบครัวจะอยู่ข้างแกเอง” พ่อผู้ใจกว้างเอ่ย “แม้แต่ถ้าผมจะเป็นเกย์นะหรือ?” เขาในวัย 22 เปิดเผยเพศสภาพกับผู้เป็นพ่อออกไปแบบนั้น และพ่อเขาก็ยอมรับมันแบบนั้น แค่เรื่องเป็นแบบนั้น ในวันธรรมดา ๆ ไม่ได้ซับซ้อนใด ๆ เขาแยกมาอยู่เอง รับผิดชอบตัวเอง ลองใช้ชีวิตเอง และหยิบจับ ลงทุนหาอะไรทำ หลายต่อหลายอย่าง แต่ก็ไม่คลิกกับอะไรสักอย่าง เด็กหนุ่มก็เพียงใช้ชีวิต ทำอย่างที่
ใกล้เทศกาลแห่งความรักเจเล่ เตรียมทำเซอร์ไพรส์ ด้วยช็อกโกแลตทำเอง แต่ก็ยังลังเลเมื่อแคลอรี ต่อชิ้นมันทะลุขีดจำกัด แต่หน้าเทศกาลทั้งที เขาก็ควรต้องเข้าร่วมสิ หลังจากไล่ดูสูตรช็อกโกแลตโฮมเมดมาหลายสูตร เจเล่ก็ถอนหายใจ พลางจ้องตัวเลขแคลอรีที่แสดงอยู่บนหน้าจอ "โอ้โห... แค่ชิ้นเดียวก็เกินลิมิตไปกี่มื้อเนี่ย แต่ว่าให้พี่เจกินไม่ได้กินเองก็ช่างมันเถอะเนาะ" เมื่อมองไปที่กล่องของขวัญที่เตรียมไว้ และนึกถึงรอยยิ้มของคนรัก เจเล่ก็ฮึดขึ้นมา เทศกาลแห่งความรักทั้งที ต้องทุ่มสุดตัว! เขาหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมาสวม แล้วเริ่มจัดเตรียมวัตถุดิบ— ละลายดาร์กช็อกโกแลตที่ทุบแทบไม่แตก นมสดหอมมัน ผงโกโก้เข้มข้น และน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความละมุน เจเล่กะปริมาณอย่างระมัดระวัง หวังให้รสชาติออกมาดี เมื่อละลายช็อกโกแลตจนเนียนได้ที่ กลิ่นหอมหวานก็ลอยอบอวลไปทั่วห้อง เจเล่หยิบแม่พิมพ์รูปหัวใจขึ้นมา โรยของตกแต่ง จัดวางทีละชิ้น แล้วจึงเทส่วนผสมลงไปทีละนิดด้วยความตั้งใจ จากนั้นจึงนำไปแช่เย็น ท่ามกลางความตื่นเต้นปนกังวล "หวังว่าจะออกมาดี..." เขาพึมพำกับตัวเอง พลางมองนาฬิกา รอให้ช็อกโกแลตเซตตัว หลังจากรออยู่นานจนรู้สึ
เจเล่กลับมาหางานทำที่กรุงเทพ และได้งานประจำกับแบรนด์เครื่องสำอางที่เพิ่งเปิดตัวยี่ห้อหนึ่ง ทำให้วุ่นวายอยู่กับงาน วัน ๆ หนึ่งเวลาผ่านไปไว กว่าชีวิตจะเข้าที่เข้าทาง ก็ผ่านไปหลายเดือน แต่แม้จะยุ่งแค่ไหนเจเล่ยังพยายามรักษาคุณภาพการใช้ชีวิตประจำวันไว้ได้อย่างหวุดหวิด ขณะเล่น โฟมโรลยืดกล้ามเนื้อให้หายเมื่อยแล้วกำลังกลับไปนั่งทำงานต่อ ก็เห็นพี่บีเจสุดหล่อนอนเล่นมือถืออยู่บนโซฟาตัวเดิม ขณะทานผลไม้อบแห้งผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่พ่อส่งมาให้ชิม ตัวพี่เจนั้นยาวเหยียดเต็มโซฟาเป็นปกติ แต่เขาคิดว่าพี่แกดูจะตัวหนาขึ้นกว่าเดิม? “พี่เจช่วงนี้อ้วนขึ้นหรือเปล่า?” เจเล่ทักขึ้นอย่างไม่ทันคิดพูดตามที่เห็น ก่อนจะชะงักเมื่อเขารู้ตัวว่าเสียมารยาท เมื่อหันไปมองหน้าของแฟนหนุ่ม พอเห็นสีหน้าคำว่า ฉิบหายล่ะ แล่นเข้ามาในหัวทันที บีเจเดินไปขึ้นตาชั่ง แล้วเปิดแอปพลิเคชัน อ่านค่าคำนวณน้ำหนัก แล้วหยิบสายวัดมาเช็กสัดส่วน กดพิมพ์ข้อมูลลงมือถือ ใบหน้าเข้มย่นคิ้ว แม้น้ำหนักจะไม่ได้ ขึ้นมาแต่เปอร์เซ็นต์ไขมันเพิ่มขึ้น ทำให้รูปทรงไม่ได้ฟิตเหมือนเก่า ชายหนุ่มหันไปมองรอบ ๆ ขณะพิจารณาหาสาเหตุ เมื่อเขาออกกำลังกายตามตารางเท่าเดิม
อยู่บ้านสวนไม่รู้ใครจะดูแลใคร มีพี่ มีแม่ คอยเลี้ยงดูปูเสื่อ อุดมสมบูรณ์ ส่องกระจกแล้วเริ่มรู้สึกหน้ากลมขึ้น เจเล่ส่องซ้ายส่องขวา หาเครื่องชั่งน้ำหนัก แต่เหมือนไม่ได้เอามาด้วย ระหว่างนั้นเอง ก็คิดถึงแฟนหนุ่ม "แม๊~ พี่เจไปไหน?" "หนีตามผัวแม่มึงไปแล้ว บอกว่าไปไร่กัน ป่านนี้ยังไม่กลับเลย~" แม่พูดติดตลก พลางตักชิมรสซุปในหม้อ "ไปไร่กับพ่ออีกแล้วหรือ?" ตั้งแต่ถอดเฝือก พ่อก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ออกไปดูไร่ทุกวัน ขณะที่พี่เจ ขับรถจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยม ตอนแรกตั้งใจมาพักแค่ 2-3 วัน แต่นานไปกลับอยู่ยาวเป็นอาทิตย์ จนสนิทกับที่บ้านไปโดยปริยาย พ่อเองก็ดูจะถูกใจพี่เจเป็นพิเศษ คอยลากไปนั่นไปนี่ จนเจเล่เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าพ่อเป็นพ่อของเขาหรือพ่อของพี่เจกันแน่ กำลังตั้งวงนินทาได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีเสียงเรียกดังมาจากหน้าบ้าน "กลับมาแล้ว มารับหน่อยเร็ว~" ‘ตายยากแหะ’ เจเล่อมยิ้มชะโงกหน้าออกไปดู แต่แวบเดียวก็ต้องผงะ เมื่อเห็นสภาพของสองคนที่เพิ่งกลับมา ทั้งพ่อและพี่เจเปรอะไปด้วยโคลนตั้งแต่ช่วงเอวลงไป "ไปไหนกันมาเนี่ย!? แม่บอกว่าไปไร่ ทำไมกลับมาสภาพนี้?" "เขาสูบน้ำออกจากบ่อหาปลา เรียกให้ไปช่วยน่ะสิ" พ
ณ ยามเช้าพี่สาวตื่นมาทำกับข้าวไว้ให้และฝากเขาให้ไปดูพ่อแม่ที่โรงพยาบาล ส่วนเธอจะออกไปทำงานแล้วจะรีบกลับมาเตรียมดูแลบ้านให้ตอนเย็นเจเล่หิ้วของตามรายการไปโรงพยาบาล พร้อมกับพี่เจที่ขับรถไปส่ง เมื่อแม่เห็นผู้ชายช่วยลูกชายหิ้วของ ก็ตื่นตัวทันที รีบเดินมารับของ ไม่สนใจลูกเต้าเมื่อมือว่างบีเจก็ยกมือไว้ แต่มือแม่ไม่ว่างรับไหว้ ทำเงอะงะ กระทั่งเจเล่เอาของในมือแม่มาวางเธอถึงตั้งสติได้“แม๊! นี่พี่เจ แฟนหนู~” เจเล่แนะนำ ขณะอธิบายว่าเขาช่วยขับรถมาส่ง แม่ก็ลากเก้าอี้ให้นั่งต้อนรับเต็มที ขณะผู้ป่วยนี่นอนเข้าเฝือก นิ่งมอง ไม่มีใครเรียกก็ทำเป็นไม่มีตัวตน ก่อนสองแม่ลูก จะออกไปหายืมช้อนเพราะลืมเอามา ทิ้งให้ บีเจ กับพ่อแฟนอยู่ด้วยกันเอง นั่งส่งกระแสจิตคุยกันทางสายตาช่วงสายหลังจากพ่อตรวจร่างกายโดยละเอียด เจเล่จัดการเอกสารที่แผนกผู้ป่วยใน พร้อมกับคุยกับพยาบาลเกี่ยวกับขั้นตอนการรับตัวพ่อออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปพักฟื้นที่บ้านคุณป้าพยาบาลยื่นเอกสารให้"นี่เป็นใบสรุปอาการของคุณพ่อ รวมถึงคำแนะนำในการดูแลระหว่างพักฟื้นที่บ้าน แล้วนี่ใบนัดพามาตรวจอาการ"เจเล่รับเอกสารมาแล้วกวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว แม้จะยังรู้สึกเ
ในเช้าวันหนึ่งขณะเจเล่ยังไม่ทันตื่นนอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อพี่สาวของเขาโทรมาแต่เช้า “ฮัลโลเจเล่ ~” “ว่าไงครับพี่?” “พ่อแกล้มในห้องน้ำ—“ เจเล่ตาสว่างทันที ขณะชายที่นอนด้านข้างลุกขึ้นมาทำทีท่าแสดงความสนใจ ชายหนุ่มขอให้เงียบเสียงรอฟังสิ่งที่พี่พูดก่อน “พ่อเป็นยังไงบ้างพี่!?” เจเล่ถามเสียงสั่น พยายามทำใจเย็น “ยังดีที่แม่อยู่บ้าน หมอบอกว่าต้องดูอาการก่อน” เจเล่ลุกพรวดจากเตียง คว้าเสื้อยืดที่พาดอยู่ปลายเตียงมาสวม “พี่อยู่ไหน ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้” “เจเล่มาได้หรือ? พี่เฝ้าอยู่กับแม่แต่ก็ต้องทำงานถ้ามีคนช่วยสลับมาดูได้ก็ดี มาได้ไหม?” “ครับพี่!” เมื่อถาม สถานที่ ตำแหน่งโรงพยาบาลเรียบร้อย เขาก็วางสาย หันไปมองชายหนุ่มที่นอนข้าง ๆ ซึ่งตอนนี้ลุกขึ้นนั่งมองเขาด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” “พ่อผมล้มในห้องน้ำ ต้องไปโรงพยาบาล” พูดพลางก็เปิดมือถือเพื่อดูตารางจองตั๋วเพื่อกลับต่างจังหวัด “ให้พี่ขับไปส่ง?” เจเล่ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนส่ายหัว “ไม่เป็นไร พี่มีงานของพี่ เดี๋ยวผมจัดการเอง” “ทำไม? เพราะเกรงใจ? หรือว่าไม่อยากให้พ่อแม่เจเจอพี่?” “พี่เจอย่าเพิ่งชวนทะเลาะ มันขับรถไกล