ความเสียใจทำให้พราวมุกต้องออกมานั่งปรับทุกข์กับเพื่อนสาวคนสนิทเพียงคนเดียวอย่างไอริ คนนึงร้องอีกคนนึงปลอบ คนนึงระบาย อีกคนคอยลูบหลัง...
“ไม่เข้าใจว่ะ ฮึก ฉันผิดมากเหรอวะ?” เธอพยายามที่จะเข้าใจแฟนหนุ่มอย่างทิม แต่ยิ่งพยายามทำความเข้าใจหนักแค่ไหน ก็หาคำตอบเหมือนที่เขาพูดไม่ได้อยู่ดี
“ฉันจะบอกอะไรให้นะพราว คนทำผิดเขาไม่คิดว่าตัวเองทำผิดหรอก ข้อแก้ต่างง่ายๆที่ทำให้แกต้องมาจมปลักแบบนี้มันสมเหตุสมผลที่ไหน?” ไอริถอนหายใจ ถ้าใครฟังก็ดูรู้เลยในทีเดียวว่ามันเป็นเหตุผลที่โคตรจะน่าเกียจ เหตุผลที่เอาแต่ได้ของผู้ชายทั้งนั้น
“ฮึก ฮือๆ ฉันเหมือนจะขาดใจเลยแก ฮือๆ” เสียงร้องไห้ของพราวมุกช่างบาดใจเพื่อนสนิทแบบเธอเหลือเกิน สองแขนเรียวประคองกอดเพื่อนสาวจนแน่น
ไอรินึกถึงภาพที่เห็นทิมกระทำทุกอย่างด้วยความรักให้กับเพื่อนเธอมาตลอด ดีมาตั้งแต่ต้นอย่างไร ตอนนี้ก็ไม่ได้แย่ เขาเปิดตัวของพราวมุกทุกอย่าง โซเซียลไหนไม่มีที่ว่างให้ผู้อื่น แต่มาวันนี้ เพื่อนเธอมาร้องไห้แทบเป็นแทบตาย เพราะความเลว และโยนตราบาปมาให้ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ดูแลเขามาอย่างดีตลอด
“เขาไม่ได้รักแกแล้วพราว ถ้าเขารักแก เขาคงไม่นอกใจ” มือเรียวลูบประคองหลังบางเพื่อนสาว ก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่อดจะสงสารเพื่อนไม่ได้ไว้
“ฉันยังไม่อยากเลิกกับเขา” เสียงอู้อี้ของพราวมุกตอบขึ้นมา แม้เพื่อนจะดึงสติเธอแทบทุกอย่างแล้วก็ตาม
“ฉันยอมเป็นหมาเพื่อแกสักครั้งก็ได้ ขอให้อีทิมมันคิดได้และไม่ทำร้ายหัวใจของแกอีก..”
“แต่ฉันจะทำยังไงวะแก เขาก็ดูเหมือนไม่ได้อยากให้ฉันไปไหน ไม่บอกว่าจะเลิก และไม่บอกว่าจะทำยังไงต่อไป ฉันยื่นโอกาสให้เขาแล้วทุกอย่าง แต่ตัวฉันเองที่ไม่สามารถทำใจเรื่องนี้ได้เลย..” ความสั่นเครืออ่อนไหวเจือปนอยู่ในน้ำเสียง
“เอางี้ปะ ลองไปปรึกษาพวกนักจิต หรือพวกจิตแพทย์อะไรงี้ เผื่ออาการจะดีขึ้น” เพราะไอริเองก็ไม่สามารถตอบคำถามมากมายของเพื่อนเธอได้เหมือนกัน
“เดี๋ยวฉันคงโดนหาว่าเป็นคนบ้าอีก” แค่นี้เธอก็สับสนอยู่มากแล้ว หากว่าทิมรู้เข้าคงเป็นเรื่องใหญ่
“งั้นแกเอางี้ปะ ลองเข้าไปหาแอปที่ใช้คุยกับพวกนักจิต หรือแอประบายความในใจไรพวกงี้ จะมีนักจิตคอยฟังและปรับทุกข์ให้อะ ลองดูสิ” เธอเห็นโฆษณามาผ่านๆ อย่างไรเสียก็น่าจะช่วยเพื่อนได้บ้าง
“ฉันจะลองเก็บไปคิดนะ” พราวมุกไม่ได้สนใจอะไรแบบนี้มาก เธอจึงตอบเพื่อนสาวไปแบบนั้น
beer house
เสียงเพลงและความสนุกสนานดังปะทะกันดังกระหึ่ม ร่างชายหญิงต่างพากันโยกย้ายตามจังหวะด้วยความสุขสนุกเฮฮา
แต่ทว่ากลับมีร่างชายหนุ่มบางคนที่เบื่อหน่ายกับความสังสรรค์แบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ไอ้เจย์ วันๆมึงมาเฝ้าร้านให้พ่อมึงเพื่ออะไรวะ กูไม่เห็นมึงจะหิ้วใครกลับเหมือนปีก่อนเลย” เสียงเพื่อนในวงคนนึงทักลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าสัวใจภักดิ์
ผู้มีโรงเหล้า โรงเบียร์นับสิบแห่ง อีกทั้งยังเป็นเจ้าของโชว์รูมรถสปอร์ตอีก
“เบื่อบ้าน” ชรัณตอบกลับด้วยแววตาเบื่อหน่าย เขาแค่ยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันขึ้นมากระดกไปวันๆเท่านั้นก็พอแล้ว
“เชี่ย มึงนี่แม่ง อย่างกับคนไม่มีความรู้สึก นกเขาไม่ขันแล้วไงวะ? ฮ่าๆ” เจษ เพื่อนสนิทอีกครั้งเอ่ยแซว ความตายด้านที่อยู่ๆก็เกิดขึ้นมาเป็นปีๆของชรัณทำให้เหล่าชายโสดอย่างเพื่อนๆแปลกใจไม่น้อย
ใบหน้าคมเลิกคิ้วหนาขึ้นเล็กน้อย ความหล่อเหลาในวัยสามสิบยังคงไม่สร่างเลย เห็นใครๆต่างก็บอกเขาว่ายิ่งแก่ยิ่งหล่อไม่เบา แววตาสีอำพันที่ได้จากมารดา บวกกับใบหน้าลูกเสี้ยวจีนนี่มันฟ้าประทานมาให้ชรัณเพียงผู้เดียวชัดๆ
หากเดินมาแต่ไกลคงเป็นเขาที่ได้รัศมีโดดเด่นจนเพื่อนๆต้องยอมหลีกทางให้เลยทีเดียว
“ตั้งแต่ที่มันเห็นสาวหน้าสวยในโรงบาลวันนั้นก็เลิกเป็นคนร่านราคะเลยมั้ง” คีย์พูดกลั้วหัวเราะ
“ร่านราคะพ่อมึงสิ” ชรัณหันมองเพื่อนตาขวาง
“เขาไม่เหมาะกับคนอย่างมึงหรอก เชื่อกู” เจษเสริม
“ไอ้พวกเชี้ยยย กูบอกตอนไหนว่าไปชอบผู้หญิงจืดๆแบบนั้น!” ชรัณเริ่มพูดมากเมื่อเพื่อนพากันรุม
“ก็วันนั้นเห็นเตี่ยมึงบอกว่า มึงหันไปมองเขาคอแทบเคล็ด”
“มึงไปคุยแค่เรื่องรถกับพ่อกูจริงเหรอไอ้คีย์?” เขาละอยากรู้จริงๆ มีเรื่องอะไรบ้างน้อ ที่บิดาจะไม่เอาลูกมาขาย
“คุยเรื่องเด็กที่พ่อมึงออฟไปแล้วโดนมึงแย่งด้วย” คีย์ทำท่าทางนึก
“พอเหอะไอ้เหี้ย” ชรัณรีบยกเหล้าขึ้นมากรอกปากเพื่อนหนุ่มแรงๆไปที
“ฮ่าๆ กูบอกละมึงอย่าไปเล่นกับมัน” เจษหัวเราะเยาะเพื่อนตัวดีเมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของคีย์
“กูจะกลับละ เบื่อๆ” ชรัณรีบลุกจากโซนนั่งวีไอพี
“เอ้า แล้วเด็กที่กูเรียกมาล่ะ?” เจษพูดขึ้น อุตส่าห์เลือกแต่ตัวท็อปๆมาให้ทั้งนั้น
“ขี้เกียจ เก็บแรงไว้ไปทำงานบ้างนะพวกมึงอ่ะ” พูดจบก็เดินจากไป พร้อมกับทิ้งบัตรเครดิตให้เพื่อนไว้อีกหนึ่งใบ
“ละป๋าด้วยนะ กูละอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ทำให้มันนกเขาไม่ขันจริงๆ” คีย์พูดขึ้น ใบหน้าหล่อตี๋กระตุกยิ้มเมื่อสบตากับเพื่อนสนิทคล้ายๆกับจะมีแผนเล่นอะไรใส่พ่อคนขี้เบื่อ
บ้านเจ้าสัวใจภักดิ์
“อาเจย์ ไหงวันนี้ลื้อกลับไว” ชายวัยกลางคนอายุห้าสิบห้าเอ่ยถามบุตรชายที่เดินเข้ามาในบ้านในเวลาสี่ทุ่ม
“เบื่ออะเตี่ย ไม่มีอะไรสนุกๆ” เขาเหมือนพวกใช้ชีวิตวัยรุ่นจนคุ้ม พอปีนี้ตกมาสามสิบก็เหมือนเบื่อนู่นนั่นนี่ไปหมด
“โอ๊ะ เป็นผู้ชายแท้ๆ โลกยังอีกกว้างนะ” เจ้าสัวบอกลูกชาย
“เตี่ยก็พักบ้างนะครับ ห้าสิบแล้วเดี๋ยวช็อกคาเตียงเพราะเด็กรุ่นลูกหลานเอา” เขาเอามือล้วงกระเป๋าเตรียมจะเดินขึ้นบ้าน ไม่อยากต่อปากต่อคำกับบิดาเท่าไหร่
“ตั้งแต่เห็นอาหนูคนนั้นชีวิตแกก็ดูเปลี่ยนไปเลยนะ เขาก็บอกอยู่ว่าพาแม่แฟนมาหาหมอ ตัดใจเสียเถอะลูกเอ้ย” เจ้าสัวใจภักดิ์มองบุตรชายเพียงคนเดียวด้วยสายตาอ่อนลง
“ผมบอกหรือไง ว่าชอบ?” ชรัณส่ายหัวไปมา เดินก้าวขาขึ้นบ้านไปฉับๆ
อย่ามารู้ดีเลย เขาอดทนมาได้ขนาดนี้แท้ๆ แต่เธอกลับมาสะกิดแผลใจเนี่ยนะ
7 ปีก่อน
ชรัณในวัยยี่สิบสาม มองผู้หญิงบนเวทีด้วยสายตาแทบไม่กะพริบ เขาผู้ไม่เคยพ่ายสายตาให้แก่ใคร วันนี้กลับต้องมามองสาวคนนั้นค้างเติ่ง
“ยินดีกับน้องพราวมุกด้วยนะครับ ที่ได้ตำแหน่งดาวมหาลัยคนใหม่” เสียงพิธีกรประกาศดังลั่น
หญิงสาวที่ชื่อพราวมุกคนนั้นกิริยาท่าทีช่างดูอ่อนหวานและเรียบร้อย กระโปรงทรงเอที่สวมมาประกวดยาวถึงเข่าดูน่ารัก ต่างจากดาวคณะอื่นๆที่นุ่งสั่นพร้อมโชว์เรือนร่างไปแล้ว
“ไหนวะ โชว์วงดนตรีชื่อดัง กูรอจนรากจะงอกแล้วเนี่ย” คีย์พูดติดน้ำเสียงหงุดหงิด
“แม่ง น้องที่เป็นดาวคณะมนุษย์โคตรแจ่ม นุ่งสั้นเสมอหูเลย” เจษไม่เสริมเพื่อนเลยสักนิด ดวงตาเขามุ่งไปแต่สาวผิวขาวผมสีแดงเท่านั้น
“โอ้ย แม่งเด็กปีหนึ่งทั้งนั้น นมแค่นี้เอง กูว่าไปหาเด็กเอ็นมาสักคนสองคนยังจะดีกว่า” คีย์ผู้ที่เน้นสาวไซส์คับซีเริ่มประท้วง
“เอาน่า ดูๆไปก่อน คนที่เป็นดาวนี่ก็เรียบร้อยเกิ้น แต่หน้าตากูให้เต็มล้านอ่ะ มึงว่าไงเจย์?” เจษหันไปสะกิดเพื่อน แต่กลายเป็นว่าเพื่อนเขาตอนนี้มันเหมือนกับคนที่ถูกมนต์สะกดเข้าเสียแล้ว
เสือผู้หญิงที่สาวๆทั้งมหาลัยต่างก็อยากเข้าหา ตอนนี้มาปิ๊งเด็กสาวตัวเล็กหน้าใสอยู่บนเวทีเสียแล้ว
“เอาแล้วไง..” เจษหันมองหน้าคีย์ที่อยู่ข้างๆ
ในสายตาของชายหนุ่มวัยยี่สิบสามตอนนั้นเขาตกหลุมพรางเสน่ห์ของสาวน้อยในวันนั้นเข้าอย่างจัง
และเมื่อปีที่แล้ว เขาก็ได้เจอกับเธออีกครั้งโดยบังเอิญ..
“อาเจย์ ลื้อมองใครนานสองนาน” เจ้าสัวใจภักดิ์เอ่ยถามบุตรชายที่นั่งข้างๆด้วยความสงสัย
“เปล่าเตี่ย ฟังเขาเรียกชื่อเข้าห้องตรวจไปเหอะน่า” ถึงแม้จะเอาหูฟังผู้เป็นพ่อ แต่สายตายังคงจ้องมองหญิงสาวที่กำลังนั่งไขว้ขากดโทรศัพท์อยู่ตรงข้าม
“อีคนนั้นเหรอ?” เจ้าสัวชี้นิ้วไป
“เตี่ย! ออกมาข้างนอกอย่าชี้นิ้วเรียกแบบนี้มั่วซั่ว คนสมัยนี้ยิ่งคิดอะไรแปลกๆอยู่” ชรัณรีบเอามือบิดาลงก่อนจะโวยวายใส่
“อาหนูคนนั้น ตรงสเต๊กแกหรือไง?”
“สเปก”
“เออ นั่นแหละ”
ชรัณพ่นลมหายใจ การมีพ่อวัยห้าสิบกว่าตอนนี้มันรู้สึกเหมือนมีแมงหวี่แมงวันตอมข้างๆหู พูดทุกสองวินาที ให้เงียบหน่อยไม่เคยได้
รู้งี้ไม่น่าบังคับมาในวันที่เขาหยุด ให้มากับคนขับรถพอดี
“อีมากับแม่หรือเปล่า? เข้าไปถามสิ” เจ้าสัวใช้มือสะกิดบุตรชายวัยยี่สิบเก้าเบาๆ
ให้มันได้เมียสักที ทุกวันนี้คนแก่อย่างเขาอยู่ยากขึ้นทุกวัน เอาเด็กมาที เด็กหนีไปวอแวกับลูกชายตลอด
“เตี่ย ถ้าพูดอีอีกคำเราเห็นดีกันแน่” เพราะอะไรไม่รู้ คำว่าอีของพ่อเขากลายเป็นคำหยาบคายทันทีที่เรียกหญิงสาวคนนั้น
“แกนี่ จะเก๊กไปถึงไหนกัน ชอบก็ลุยสิวะ ดูอั๊วไว้เป็นตัวอย่างนะ” เจ้าสัวใจภักดิ์ลุกพรึ่บ เดินตรงไปยังหญิงสาวที่นั่งสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตรงหน้า
ทุกการกระทำของบิดาทำให้บุตรชายเริ่มนั่งไม่ติดที่ เขาไม่น่ามากับตาแก่ลงพุงนี่เล้ยยยย!!
“โอ้ยๆ ตายแล้ว” ชายแก่วัยกลางคนแสร้งทำเป็นเดินเซไปมาคล้ายจะเป็นลม คนที่มีความรู้สึกไวอย่างพราวกมุกจึงรีบเด้งตัวออกมาแล้วประคองเจ้าสัวทันที ด้วยความตกใจ “คุณลุง เป็นอะไรไหมคะ?” น้ำเสียงใสๆที่ฟังดูว่าเป็นห่วงทำให้คนแก่พึงพอใจเป็นอย่างมาก ไอ้ลูกคนนี้นับว่ามันเลือกผู้หญิงได้ดีจริงๆ เสียงใส หน้าสวย แถมมีน้ำใจ เตี่ยคนนี้ให้ผ่านแถมยักโรงเหล้าให้อีกห้าที่ไปเลย “โอยย ตายแล้ว อยู่ๆจะลุกไปเข้าห้องน้ำซักหน่อย หน้าลุงก็มืดขึ้นมา ขอบคุณนะหนูที่มาช่วยประคอง” คนมากเล่ห์เลี่ยมทำเหมือนจะหมดแรงก่อนจะถูกร่างบางพยุงไปนั่งที่เก้าอี้ สายตาคมที่มองมาตลอดยังคงไม่แปรทิศทาง เขาเองก็อยากรู้ว่าพ่อเขาจะเล่นไม้ไหน แม้ทั้งร่างกายจะสั่นรัวไปด้วยความอิจฉาบิดาที่ถูกเธอได้ประคองก็เหอะ “ให้หนูเรียกพยาบาลไหมคะ? ดูท่าคุณลุงอาการไม่ค่อยดี” เธอเองก็รอพรรณีแม่ของทิมอยู่เหมือนกัน อาจจะพอมีเวลาพาคุณลุงท่านนี้ไปได้ “ไม่ๆ อย่าลำบากเลยหนูเอ้ย ลุงแค่นั่งพักสักหน่อยก็หายแล้ว ว่าแต่หนูเถอะยังสาวยังแซ่มาแผนกอายุรกรรมกับใครงั้นหรือ?” เจ้าสัวใจภักดิ์รีบเปิดป
IEJJ : ถ้ากลับไปคบกันอีก แน่ใจเหรอครับ ว่าเขาจะไม่เอาโรคแปลกๆมาติดคุณ? Praw : แต่เขาก็ป้องกันกับเราตลอดนะคะ JJ : แต่เขาไม่ป้องกันกับผู้หญิงคนอื่น พอได้เห็นประโยคถัดมาเธอจี๊ดที่หัวใจจนไปต่อไม่ถูก JJ : ผู้ชายถ้ามันได้นอกลู่นอกทางแล้ว ยังไงก็ไม่กลับมาแน่นอนครับ อาจจะมีบางคนคิดได้ แต่ส่วนใหญ่ถ้าได้ติดสัตว์แล้วไม่ค่อยคิดกันครับ ตรงทุกดอกแล้วบอกว่าจะให้คำปรึกษา.. IE Praw : คุณเจย์อายุเท่าไหร่คะเนี้ย รู้สึกว่าโชกโชนจังเลย? JJ : อายุเป็นเพียงตัวเลขครับ แต่ที่ผมให้คำปรึกษาไปกับ หวังว่าคุณจะรับมันได้ Praw : แต่อันที่จริง เราก็อายุ 27 แล้ว สมควรที่จะไปหางานทำอย่างที่เขาบอกจริงๆนั่นแหละค่ะ ถึงแม้ว่าป้าแท้ๆของเธอจะเปิดร้านขายของในตลาด แต่มันก็คงไม่ได้มีเงินมากมายถึงขนาดจะซื้อคอนโดแบบทิมได้เลย IE JJ : ถ้าอยู่กับผมคุณไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นแน่นอนครับ ผมจะไม่ทำให้คุณต้องอด Praw : คุณถึงขั้นจะเลี้ยงดูฉันเลยเหรอคะ? พราวมุกเผลอยิ้มให้กับข้อความของผู้ชายแปลก
IEJJ : น่าทานเหมือนคนทำเลยครับ *น่ารัก จากที่ส่งไปแบบนั้น ขึ้นเพียงว่าอ่านแล้ว ทำให้หัวใจชายหนุ่มที่จดจ่ออยู่แทบร้อนเป็นไฟ เขาพิมพ์อะไรผิดไปงั้นเหรอ? IE Praw กำลังพิมพ์... จากที่ใจหล่นตอนนี้กลับมาเต้นปกติดังเดิม ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังโต้ตอบเขากลับ IE&nbs
1 เดือนผ่านไป ใบหน้าสวยตอนนี้เริ่มเอิบอิ่ม แม้ทิมจะกลับมาหาเธอบ้างเป็นบางวันก็ไม่ทำให้พราวมุกตกอยู่ในภวังค์เหมือนดั่งก่อน “วันนี้ทิมกลับไปนอนบ้านแม่นะ เดี๋ยววันเสาร์จะกลับมาหาพราว” เขาเอ่ยคำหวานกระซิบข้างหูแฟนสาว “ได้เลย พราวจะรอทิมนะ ทำอาหารอร่อยๆไว้รอค่ะ” พราวมุกเผยรอยยิ้มสดใส “ขอบใจนะพราว ทิมอยากให้พราวอยู่กับทิมที่นี่ ไม่ไปไหน เป็นตุ๊กตาของทิม อยู่แค่ในห้องนี้ได้ไหม?” คำพูดสุดโรแมนติกออกจากปากแฟนหนุ่มนั้น ยิ่งทำให้พราวมุกใจชื้นมากขึ้น “ได้ พราวรักทิมนะ” ร่างบางเขย่งจุมพิตกับแฟนหนุ่มด้วยความรัก “พราวอย่าลืมกินยาคุมนะ ทิมแตกนอกเมื่อคืน ไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์” เขาชักสีหน้า
3 ทุ่ม IE JJ : ถ้าคุณยังไม่ตอบผมจะโทรไปแล้วนะ JJ โทรหาคุณ พราวมุกขมวดคิ้วมองสายที่สั่นเข้ามา เธอใจสั่นระรัวแปลกใจกับสิ่งที่เขากระทำมากขึ้น ทว่ามือเล็กกลับปัดตัดสายนั้นทิ้ง ไม่ยอมที่จะกดรับ แม้เขาจะติดต่อมาอีกสองสามสายก็ตาม IE JJ : โกรธผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ผมไม่รู้ว่าทำอะไรผิด แต่ผมทำงานจริงๆ ไม่มีใครครับ
พราวมุกชั่งใจอยู่นานหลังจากที่ปฏิเสธชายหนุ่มไม่ให้มารับ เธอเดินทางมาหาเขาเองยังห้องพักส่วนตัวในโรงแรมดังตามที่เขาบอก ขาสวยเรียวก้าวมาถึงห้องนัดหมาย หัวใจเธอเต้นแรงเหมือนคนโดนผีเข้า จากที่แต่งตัวเรียบง่ายช่วงเย็น กลายเป็นสาวเปรี้ยวสุดเซ็กซี่เมื่อสวมใส่เดรสสีน้ำเงินสายเดียวเข้ารูปมา กลิ่นกลายสาวตอนนี้หอมหวานด้วยกลิ่นดอกแมกโนเลียและผสมคลุกเคล้ากับวนิลา ทำให้พนักงานที่พามาลอบมองร่างกายอันผุดผ่องของเธอมาตลอดทาง คุณเจย์ เขามีเงินมาจองโรงแรมขนาดนี้เพื่อเธอเลยงั้นเหรอ? พราวมุกคิดอยู่ในใจ ก๊อกๆ พนักงานเคาะประตูเป็นมารยาทก่อนจะเปิดให้เธอเข้าไปยังห้องสวีตที่เขาจองมาเป็นพิเศษ&nbs
“ใหญ่ทุกที่!” แววตาคู่สวยเบิกโพลง ยิ่งส่วนนั้นของเขาที่มันตั้งชันชี้หน้าเธอนั่นด้วย “ผมใหญ่นะ คุณไหวไหม?” เขาแกล้งพูดหยอก มือหนารูดความเป็นชายไปมาพร้อมกับกัดปากล่างเอาความเซ็กซี่ เธอจะบ้าตาย นังพราว วันนี้แกตายแน่! ลืมความเจ็บช้ำของทั้งห้าปีไปให้หมด แล้วมาเจ็บกีแค่วันนี้วันเดียวพอ! “ตัวจริงคุณแซ่บกว่าในรูปเยอะ” เธอมองเขาตาละห้อย มือบางลูบไล้เรือนร่างตัวเองด้วยความต้องการเมื่อเห็นเขาจับสไลด์หนอนยักษ์ด้วยตนเอง “แซ่บกว่า ดุกว่า แถมใหญ่กว่าของแฟนคุณไหม?” เขาเลิกคิ้วถาม เอาให้เธอทรมานก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้
ชรัณลืมตาตื่นคนมาอีกทีเป็นเวลาแปดโมงกว่า กลิ่นกายแสนเจือจางคลุกเคล้ากับกลิ่นบุหรี่ที่เขาพ่นควันทิ้งไว้ก่อนหลับเมื่อคืนทำให้รู้สึกได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันไป ร่างสูงหยัดกายขึ้นมาพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นแผ่นกระดาษที่เขียนข้อความทิ้งไว้บนหมอน ‘ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อคืนนะคะ ฉันสัญญาว่าจะจำไม่ลืม แต่ตอนนี้มีธุระด่วนต้องไปจัดการ ขอโทษที่จู่ๆก็โผล่มาหาทั้งที่ฉันเคยปฏิเสธคุณไป’ “แสบนักนะ” เมื่อนึกถึงร่างเย้ายวนที่พาเขาพานพบความสุขไม่รู้จบเมื่อคืนก็ทำให้ความโกรธเคืองในวันนั้นหดหายไป เขาเริ่มลุกขึ้นมาจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนจะกดโทรศัพท์ไปยังเลขาคนใหม่ “นายจัดการเรื่อ
ร่างระหงสวมชุดเจ้าสาวกี่เพ้าสีแดงตามประเพณีของบ้านเจ้าบ่าว เธอมองชุดที่ขับสีผิวตนเองด้วยความปลื้มใจ แม้ว่าตอนเช้าจะไม่ได้สวมชุดไทยตามที่สาวๆหลายคนหมายปอง แต่เธอก็ได้เป็นเจ้าสาวที่ถือว่ามีความสุขที่สุด “มะม๊าขา” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยเรียกมารดาของตนเองดังขึ้น เมื่อเห็นเธอดกำลังเหม่อมองตัวเองในกระจก “เฟิ่งของม๊า วันนี้น่ารักมาเลยค่ะ” พราวมุกลูบแก้มเด็กหญิงวัยสามขวบด้วยความเอ็นดู “ปะป๊ามาแล้ว” เสียงเล็กๆบอกมารดาพร้อมกับคลอเคลีย ร่างเล็กๆที่สวมกี่เพ้าเหมือนกับมารดาทำให้เธอหยิกแก้มยุ้ยๆด้วยความหมั่นเขี้ยว “โอเคค่ะ เฟิ่งไปรอปะป๊านะคะ” มือบางลูบหัวนุ่มลื่น
หลังจากที่ชรัณรู้ตัวคนก่อการเรื่องของพริ้งพราว เขาก็ไม่อยู่นิ่ง รีบมาฟาดเพื่อนหนุ่มที่สถานนีตำรวจด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ไอ้เหี้ยเจย์!” เจษฎากรสารวัตรหนุ่มลูบหัวตัวเองปอยๆพร้อมกับมองเหลือบสายตามองไปยังนอกห้องว่ามีใครเห็นหรือไม่ที่เขาโดนเพื่อนมาเขกกะบาล “มึงสิเหี้ย ไปทำคนเขาท้องไม่รับผิดชอบ” น้ำเสียงบ่งบอกว่าหงุดหงิด เกือบเขาซวยไปด้วยแล้วไหมล่ะ “กูหาตัวแม่นั่นไม่เจอ!” เขาใช้มือเคาะโต๊ะย้ำๆเป็นการเตือนเพื่อน “กูเจอแล้ว” ชรัณนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามของเพื่อนรัก ถอนหายใจยาวเหยียดขณะที่อีกคนตื่นตาเพ่งมาที่เขา “ใคร??” เจษฎากรตาโตหูตั้งขึ้นมาทันที
“ที่นี่ใช่บ้านเจ้าสัวใจภักดิ์ไหมคะ?” เสียงใสเอ่ยถามแม่บ้านที่วิ่งมาต้อนรับแขก “ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมาหาใครคะ?” แม่บ้านวัยชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียเป็นมิตร “ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยเรียนคุณเจย์ลูกเจ้าของบ้านว่ามีเพื่อนมาหาได้ไหมคะ?” พราวมุกพูดเสียงเบา “ให้เรียนว่าเพื่อนชื่ออะไรดีคะ?” “พราวค่ะ” “ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ” แม่บ้านวัยกลางคนเดินเข้าบ้านก่อนจะออกมาในเวลาต่อมา “เชิญคุณพราวไปรอด้านในก่อนค่ะ”&n
1 เดือนต่อมา “เปิดร้านอาหารตามสั่งที่บ้านก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย” พราวมุกยืนยิ้มให้กับผลงานใหม่ของตนเอง เธอได้ก่อสร้างร้านเล็กๆที่หน้าบ้าน ติดป้ายไวนิลประกาศบอกว่ามีอาหารตามสั่งและข้าวแกงรสชาติดั้งเดิมของป้าภา ก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้ามาแต่เช้าแล้ว “สองแฝดพายายทำกำไรได้งามทุกอย่างเลยนะ” จันทราภาวางมือลงบนหน้าท้องโตๆของหลานสาว “หลานๆอยากให้คุณยายมีขาเทียมไวๆเลยต้องรีบหาทางทำงานช่วยแม่จ้ะ” ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มมองหน้าท้องสลับกับหญิงพิการ “อดใจไม่ไหว อยากเจอหน้าหลานๆแล้ว” คนมากอายุยิ้มกว้าง&nbs
“คุณเจย์ไม่มาแล้วเหรอพราว?” จันทราภาเอ่ยถามหลานสาวที่ขับรถอยู่ พราวมุกตั้งแต่ออกจากบ้านก็ไม่เอ่ยคำพูดใดเลย เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอดทาง เขาบอกไม่ใช่หรือไงว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยเหตุใดถึงไม่มีแม้แต่วี่แววสักนิด? “ไม่จ่ะป้าภา เขาติดงานด่วน” เธอตอบสั้นๆ แล้วตั้งใจขับรถต่อไป หลังจากตื่นมาก็ไม่เจอชรัณเลยแม้แต่เงา เธอนั่งรอคิดว่าเดี๋ยวเขาหายโกรธก็คงกลับมาตอนเช้าๆ แต่รอจวนจะแปดโมงแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอจึงตัดสินใจมากับจันทราภาเพียงสองคน พราวมุกพาจันทราภาเข้ามาตรวจสุขภาพตั้งแต่เช้าจนบ่าย พอเสร็จทุกอย่างแล้วจึงพาคนป่วยเดินทางกลับบ้าน แต่พอถึงบ้านใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอมอง
ดวงตาคู่สวยค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมามองรอบๆห้องนอนของตนเอง เธอขมวดคิ้วยุ่ง แปลกใจที่ตนเองขึ้นมายังห้องนอนได้ยังไง? “ตื่นแล้วเหรอครับ?” ประตูบานเล็กเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างสูงที่ถือแก้วนมมาให้ “คุณเจย์” เสียงสะลึมสะลือเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้อง เธอมองแก้วนมที่เขาใส่มาก่อนจะเบิกตาโต เพราะว่านมที่ชรัณถือมันคือนมผงสำหรับคนท้องที่ต้องกินก่อนนอนเท่านั้น “คุณต้องดื่มนี่ทุกวันถูกไหม?” เขานั่งลงมองใบหน้าที่แตกตื่นของเธอ มือหนายกแก้วขึ้นมาก่อนจะยิ้มบางๆ “อันนี้.. คุณไปชงมาจากไหนคะ?” พราวมุกเอียงหน้ามอง ทำตาใสแจ๋วอย่างมึนงง
ชรัณเดินทางไปกลับบ้านของพราวมุกและโรงแรมของตนเองทุกวัน วันไหนที่งานเขาไม่เยอะเขาก็สามารถปลีกตัวออกไปยังร้านขายแกงของพราวมุกได้ ส่วนวันไหนที่ลูกค้าสำคัญมาเขาก็ต้องเร่งทำยอดไว้เสียก่อน แต่นี่ผ่านมาสามวันแล้วที่เขาไม่ได้เข้าไปหาเธอเลย หลังจากที่ป้าของพราวมุกออกจากโรงพยาบาล เขาก็ได้ช่วยพราวมุกในหลายๆอย่าง และช่วงนี้เธอเองก็ดูไม่ค่อยสู้ดี แม้เขาจะเป็นห่วงแค่ไหน หาคนมาช่วยฟรีๆเธอก็ไม่เอา ชรัณมองเหล่าพนักงานที่วิ่งวุ่นกันทั้งวันเนื่องจากมีลูกค้ารายใหญ่หลายเจ้าเข้ามา เขามองดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มเข้าให้แล้วด้วย “วันนี้ลูกค้าหมดแล้วครับ คุณเจย์จะกลับเลยไหม?” ธีร์ถามเจ้านายที่นั่งจ้องเอกสารตรงหน้า “อ่า อื้ม ครับ เดี๋ยวผมไปที่อื่นต่อ” เข
“นี่น่ะเหรอครับ?” ชรัณมองข้าวของที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาแปลกใจ ถูกเรียกให้ออกมาตั้งแต่ตีสาม สวมเสื้อกันเปื้อนพร้อมอุปกรณ์ทำครัวเสร็จสรรพ “ค่ะ ช่วงนี้ป้าของฉันท่านยังต้องพักผ่อน ส่วนฉันก็ไม่อยากเสียค่าจ้างคนงาน เพราะงั้น นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ ฉันเขียนมันไว้ที่กระดาษแผ่นนี้เรียบร้อย” มือบางหยิบกระดาษที่ว่าวางใส่มือหนา ชรัณรีบเปิดออกดู ก่อนจะตาเบิกโพลง เพราะมันไม่ใช่กระดาษธรรมดา แต่มันแผ่นใหญ่เกินกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก “ตื่นเช้าเวลาตีสาม มาช่วยทำกับข้าว มีหน้าที่เตรียมวัตถุดิบและเป็นลูกมือห่างๆ เจ็ดโมงจัดเรียงข้าวของขึ้นบนรถ แปดโมงตั้งโต๊ะขายกับข้าวเช้า สิบโมงเก็บของกลับบ้าน สิบเอ็ดโมงเตรียม
หลังจากที่จันทราภาฟื้นได้สติ เธอก็แปรเปลี่ยนจากคนใจเย็นเป็นคนขี้หงุดหงิด วันแรกๆทำให้พราวมุกเหนื่อยและใช้แรงกายไปเยอะมากทั้งอาการแพ้ท้องและดูแลคนป่วย เธอแทบไม่ได้พัก แต่หลังจากที่ผ่าตัดได้ถึงสัปดาห์อารมณ์ของคนป่วยก็เริ่มคงที่ลง ตอนนี้จันทราภาไม่ต่างจากไม้ใกล้ฝั่ง เธอนอนมองพื้นเพดานและมองคนรอบข้างที่ได้ออกจากโรงพยาบาลและเข้ามาใหม่ไม่ซ้ำหน้า “ป้าภาคะ วันนี้พราวซื้อเงาะมาให้ด้วย กินซักหน่อยนะคะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นเงาะที่แกะเมล็ดแล้วให้แก่คนป่วย จันทราภาเพียงเหลือบมองแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ที่ยอมอ้าปากแต่โดยดี “พร