บทที่ 2 โอเมก้ากลิ่นคาโมมายล์
ในจังหวัดนครสวรรค์ มีสถานที่หนึ่งที่ผู้คนทั้งในและต่างจังหวัดรวมถึงคนเมืองกรุงต่างแวะเวียนมาเยี่ยมชมความสวยงามที่กำลังออกดอกผลิบานส่งกลิ่นหอมแทบทุกวัน
สวนภักดี มีตัวอักษณเล็ก ๆ ห้อยท้ายคำว่า ‘ภักใจ’ อยู่ด้วย
มันเป็นสวนดอกไม้ที่เจ้าของมันริเริ่มจากความชอบส่วนตัว ชัยวุฒิเป็นอัลฟ่าที่ชอบการปลูกดอกไม้หรือหลากชนิด แรกเริ่มเขาทำเป็นงานอดิเรกเพราะตนมีงานประจำอยู่แล้ว แต่ยิ่งปลูกเยอะมันยิ่งผลิดอกเยอะจนไม่มีที่จะเก็บ ภรรยาเขาจึงเสนอว่าให้นำออกมาขายบ้าง อาจทำจะกำไรได้เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็คงดีกว่าปล่อยให้มันขึ้นจนรกที่ทางไปโดยเปล่าประโยชน์
ชัยวุฒิคิดหนักอยู่หลายคืน ใจจริงเขาอยากเก็บไว้ทุกต้นทุกดอกที่ตนเป็นคนลงมือปลูกเอง เก็บไว้เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งในชีวิต แต่บ้านหลังเล็กของเขาไม่ได้มีที่ว่างมากพอให้พวกมันอยู่ได้ทั้งหมด อย่างตอนนี้ก็ต้องต่อชั้นขึ้นมาเองเพื่อวางเทินกระถางพวกนั้นให้เป็นระเบียบ
แต่ขายออกไปก็คงจะดีไม่น้อย ลูกชายเพียงคนเดียวกำลังจะเข้าเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย หากได้เงินส่วนหนึ่งจากตรงนี้มาช่วยจุนเจืออีกทางน่าจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย
ลูกชายที่มีกลิ่นฟีโรโมนดอกคาโมมายล์เป็นแก้วตาดวงใจของเขาและภรรยา
จากที่คิดว่าคงทำเป็นอาชีพเสริมนอกจากงานประจำที่เงินเดือนก็ไม่ได้แย่นัก กลับกลายเป็นว่ามันทำเงินให้เขาเกินครึ่งแสนต่อเดือน ซึ่งเงินจำนวนนั้นมันมากกว่ารายได้ประจำเสียอีก
หรือเขาควรลงมือทำมันอย่างจริงจังดี
ทั้งภรรยาและลูกชายโอเมก้าต่างก็สนับสนุนเขาเต็มที่ ชัยวุฒิจึงไม่คิดอะไรมากมายให้ปวดหัว อัลฟ่าวัยสามสิบปีลงมือลงแรงทำสิ่งที่ชอบให้กลายเป็นอาชีพ และมันก็ดำเนินไปได้ด้วยดี อาจจะมีติดขัดบ้างเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่เคยคิดถอดใจ ยิ่งหันไปมองด้านหลังแล้วเห็นว่ามีอีกสองชีวิตที่เขาต้องดูแลยิ่งต้องฮึดสู้
ร้านกล้าดอกไม้เล็ก ๆ ที่ทำหน้าบ้านให้กลายเป็นร้านถูกต่อเติมมากขึ้นจนกลายเป็นร้านขนาดใหญ่ แต่เพราะพื้นที่มีจำกัดจึงไม่เพียงพอในการเพาะกล้าทีละหลายร้อยต้น ชัยวุฒิจึงหาที่ทางใหม่
ไม่ใกล้ไม่ไกลมีที่ดินแบ่งขายอยู่ จากที่ลองสำรวจดูบริเวณรอบ ๆ แล้วที่ตรงนี้ราคาต่ำสุด แต่อาจจะต้องถกถางต้นหญ้าข้างรั้วเล็กน้อยซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา
อัลฟ่าหนุ่มตัดสินใจเข้าไปพูดคุยตกลงราคากับเจ้าของที่ดินทันที เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเพราะคนที่เขาไปเจรจาด้วยคือเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของพ่อที่ล่วงลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน จากที่เห็นว่าราคาถูกอยู่แล้วยิ่งได้ถูกกว่าเดิมหลายบาท
เจ้าของที่ดินให้เหตุผลว่าต้องการตอบแทนบางอย่างที่ติดค้างกันอยู่แต่เพราะพ่อของเขาจากไปแล้วจึงขอให้เขาเป็นตัวแทนของพ่อแล้วรับมันไว้ ความจริงแล้วเขาเกือบได้มันมาโดยไม่เสียอะไรสักบาทแต่ก็กระดากใจจะรับไว้จึงขอต่อราคาจนเจ้าของที่ดินสบายใจที่จะขายมัน
ไม่กี่เดือนต่อมาร้านของชัยวุฒิก็ย้ายตำแหน่ง แต่ถึงเปลี่ยนสถานที่จำหน่ายลูกค้าที่เคยมีก็ไม่ได้หายไปเพราะระยะทางไม่ได้ไกลกันมาก อีกทั้งในระแวกนี้มีเพียงชัยวุฒิที่เพาะกล้าไม้ดอกได้สวยงามกว่าเจ้าอื่น ๆ
เมื่อมีที่ทางมากขึ้นก็ทำมากขึ้น ได้กำไรมากขึ้น กิจการก็ขยายออกเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันเป็นรูปเป็นร่าง
ชัยวุฒิตัดสินใจลงทุนไปอีกรอบ ซื้อเมล็ดพันธุ์มาเพาะกล้าดอกไม้ขายแบบเดิม แต่ส่วนหนึ่งเขาแบ่งเก็บไว้ เลี้ยงดูจนโตเต็มที่แล้วรวบรวมนำขายทีละมาก ๆ ให้เหล่าพ่อค้าคนกลางที่มารับไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง
มันไปได้ดีจนเขายิ้มออกทุกวัน
ชื่อสวน ภักดี มาจากนามสกุลของเขา ภักดีวัชรสกุล ส่วนตัวหนังสือที่ห้อยท้ายว่า ภักใจ นั้น เป็นความคิดของลูกชายโอเมก้า เจ้าตัวบอกว่าสวนแห่งนี้ทำให้ผ่อนคลายเบาสมองหลังจากเรียนหนักมาทั้งวัน เขาจึงใส่มันไปตามความต้องการของลูกชาย ซึ่งมันก็เข้ากันได้ดีทีเดียวล่ะ
แต่เพราะความต้องการของตลาดมีมากกว่าที่เขาทำได้ อัลฟ่าหนุ่มจึงต้องพึ่งพาสารเคมีเพื่อเร่งให้ดอกไม้หลากหลายพันธุ์ในสวนเติบโตให้ทันส่งลูกค้า
จากสวนที่ได้รับคำชมว่าเป็นสวนธรรมชาติโดยแท้จริงก็เปลี่ยนไป
ชัยวุฒิเป็นผู้ดูแลทุกอย่างภายในสวนทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มแรกจนปัจจุบัน ร่างกายจึงสะสมสารเคมีไว้มาก นานวันเข้าก็ล้มป่วย จากอาการไอเพียงเล็กน้อยก็หนักขึ้นจนเป็นก้อนเลือด นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายเดือนก็ไม่ดีขึ้นจนสุดท้ายเขาไม่สามารถต่อสู้กับมันได้ไหว
ชัยวุฒิจากไปในวัยสามสิบสามปีเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด
ลูกค้าที่เคยมีเริ่มหายไปเพราะได้กล้าที่ไม่สวยงามเท่าเดิม สวนที่เคยทำรายได้ให้ครอบครัวถึงหกหลักต่อเดือนก็ลดน้อยลง คนงานทยอยลาออกเพราะเห็นท่าไม่ดี เหลือสองแม่ลูกโอเมก้าที่ช่วยกันประคับประคองตนให้อยู่รอด
สุนีย์จมอยู่กับความทุกข์ได้ไม่นานก็ต้องลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้ง อย่างน้อยก็เพื่ออนาคตของลูกชาย เธอสานต่ออุดมการณ์ของสามี ทำสวนดอกไม้ปลอดสารเคมีขึ้นมาอีกครั้ง อาจจะเพราะมีฐานลูกค้าเก่าของสามีอยู่ก่อนแล้วเธอจึงเติบโตได้ไว
เธอยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมสวนโดยเสียค่าใช้จ่ายเล็กน้อยตามสมควร กลายเป็นรายได้อีกทางเมื่อความสวยงามของสวนแห่งนี้ถูกบอกต่อกันไปปากต่อปาก
ลูกชายเธอก็เป็นลูกแรงอีกคนหนึ่งที่ช่วยพยุงกันจนรอด
ภีมพัฒน์ ภักดีวัชรสกุล
โอเมก้าวัยยี่สิบเอ็ดปี ภีมเป็นเด็กเรียนดีและขยัน เลิกเรียนก็ตรงไปร้านหนังสือเพราะตนเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ต่อ หรือวันใดที่ไม่มีตารางเรียนก็จะรีบตื่นแต่เช้ามาช่วยงานคนเป็นแม่และคนงานในสวนตลอด
สวนภักดียังคงเป็นที่พักใจให้ภีมได้เสมอ
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ ซื้อขายกล้าไม้ดอกและดอกไม้โตเต็มที่ให้พ่อค้าแม่ค้าคนกลางอยู่ทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวจากเมืองกรุงขาประจำเอ่ยปากกับแม่เขาว่าต้องการผูกสัญญาการค้าอะไรบางอย่างที่ภีมไม่ค่อยเข้าใจนัก
เขารู้แค่ว่าอีกฝ่ายต้องการนำดอกไม้ในสวนแห่งนี้ไปแปรรูปผ่านกระบวนการต่าง ๆ ในห้องแล็ปจนกลายเป็นน้ำหอม ที่เลือกสวนภักดีเพราะได้ยินมาว่าเป็นสวนปลอดสาร ดอกไม้ทุกดอกเติบโตตามกลไกธรรมชาติไม่มีสารเคมี อีกทั้งยังได้ลองมาสัมผัสเองจึงได้รู้ว่าเป็นจริงดังคำกล่าวของผู้คน
แต่การทำธุรกิจต้องมีสัญญาเป็นเครื่องยืนยัน
อัลฟ่าหนุ่มคนนั้นน่ะเจ้าเล่ห์
หลังจากเซ็นสัญญาซื้อขายกันเมื่อสามเดือนก่อน ผู้บริหารเจบีดีกรุ๊ปก็ยื่นข้อเสนออีกประการที่ทำให้แม่เขาหนักใจอยู่ไม่น้อยจนต้องมานั่งกอดเข่าปรึกษากัน
“คุณจอมเขาอยากให้ลูกหมั้นกับเขาเพื่อผูกสัญญาซื้อขายกับสวนของเรา ถ้าลูกไม่ยินยอมลูกบอกแม่ได้นะคะ เงินไม่ได้สำคัญไปมากกว่าลูกชายของแม่” สุนีย์กล่าวกับโอเมก้าตัวน้อยด้วยท่าทีหนักใจแต่กลับได้รับรอยยิ้มบางส่งมาให้จากลูกชาย
จอมบดินทร์บอกเธอว่าไม่ได้ต้องการผูกมัดลูกชายกับตนไว้ด้วยกัน เพียงแต่มันเป็นธรรมเนียมทางธุรกิจอย่างหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องหมั้นหมายหรือแต่งงานกันเพื่อผูกรวมกิจการเข้าด้วยกัน แต่ถ้าหากเธอและลูกชายไม่ยินยอมมันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับสัญญาฉบับนั้น
แต่จากที่เธอสังเกตเห็นมาตลอดปีนี้ เธอคิดว่าไม่ได้มีเพียงเจ้าจอมที่ชอบพอภีมพัฒน์
แต่ลูกชายของเธอก็ดูท่าว่าจะถูกใจอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อยทีเดียว เธอจึงต้องถามเอาคำตอบจากเจ้าตัวเสียก่อน
“ภีมทำให้แม่ได้ครับ อีกอย่าง...คนงานเรามีหลายชีวิต ถ้าภีมหมั้นกับเขาบางที...เราอาจจะเพิ่มเงินเดือนให้พนักงานเราได้นะครับแม่”
“คิดเผื่อตัวเองสิลูก ไม่ต้องคิดเผื่อคนอื่นเลย คนงานพวกนั้นแม่ดูแลเอง”
“ภีมคิดดีแล้วครับ”
สุนีย์ทอดถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ ลูกชายเธอเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น งานหนักงานเบาไม่เคยเกี่ยงแต่กลับมีนิสัยดื้อเงียบแถมยังรั้นเก่งจนบางทีเธอก็อ่อนใจ อย่างเรื่องนี้ดูท่าแล้วหากเธอเอ่ยขัดก็คงจะดื้อเพ่งกลับมาอีก
“ชอบเขาหรือ คุณจอมบดินทร์น่ะ” โอเมก้าแม่หม้ายเอ่ยถามลูกชายตามตรง ดวงตาทอดมองคนที่ยังเป็นโอเมก้าตัวน้อยในสายตาเธอ ฝ่ามือเหี่ยวย่นก็จับมือบางมากอบกุมไว้พลางบีบแน่น
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้...แค่อยากถามให้แน่ใจอีกครั้ง
อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมคนนั้นก็หล่อเหลาเอาการไม่ใช่น้อย เกรงว่าจะมีสาวน้อยสาวใหญ่มาติดพันแต่จากที่เห็นตลอดเวลาหลายเดือนจนเกือบปีที่แวะเวียนมาก็ไม่เห็นว่าจะพาใครติดสอยห้อยตามมาด้วย
เธอคงคิดมากไปเอง
เธอเห็นสายตาของเจ้าจอม อีกฝ่ายแสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่าถูกอกถูกใจลูกชายโอเมก้าของเธอ ถึงขั้นเอ่ยขอจะไปรับไปส่งให้ถึงที่ร้านหนังสือโดยอ้างเหตุผลว่าภีมพัฒน์จะได้ไม่ลำบากนั่งรถหลายต่อและเบียดเสียดผู้คน
ลูกเธอไม่ได้ปฏิเสธ
เจ้าโอเมก้าน้อยบอกว่าดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องสูญเงินวันละหลายสิบบาทเพื่อนั่งรถเมล์กับรถสองแถวเข้าในตัวเมือง แล้วยังเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันและเธอก็รู้จักดีจึงไว้ใจที่จะติดรถอีกฝ่ายไปด้วย
“เขาก็...เป็นสุภาพบุรุษดีนะครับ” โอเมก้าน้อยตอบอ้อมแอ้มไม่ตรงคำถามหรือสุนีย์ถามไม่ตรงคำตอบของลูกชายเองก็ไม่แน่ใจนัก
งานหมั้นถูกจัดขึ้นในเวลาต่อมา จอมบดินทร์บอกว่าจัดเพียงเล็ก ๆ และเชิญมาเฉพาะคนรู้จักเท่านั้น แต่สองแม่ลูกโอเมก้ากลับรู้สึกว่ามันออกจะเกินคำว่าเล็ก ๆ ไปมากโข นับดูจากสายตาแล้วคงเกินร้อยคนเห็นจะได้
ในตอนเช้าเป็นพิธีหมั้นตามประเพณีไทยแน่นอนว่าต้องมีฤกษ์พิธี ปกติแล้วภีมพัฒน์เป็นคนตื่นเช้าแต่วันนี้มันไม่ปกติ เขาต้องฝืนลุกตั้งแต่ตีสองครึ่งเพื่อมานั่งแต่งหน้าแต่งตัวทั้งที่ตาจะปิดหัวจะเอนขนาดไหนก็ตาม
ฤกษ์พิธีตั้งเก้าโมงเช้า แล้วทำไมเขาถึงต้องตื่นตั้งแต่ไก่เพิ่งเข้านอนแบบนี้ด้วย สภาพดูไม่ได้เลย
ภีมพัฒน์สวมท่อนบนเป็นชุดสูทสีครีมนุ่งคู่กับโจงกระเบนสีเข้าคู่กัน ทรงผมถูกเซ็ตปัดออกข้างเล็กน้อยเพื่อเปิดให้เห็นใบหน้าสวยของโอเมก้า พวงแก้มใสและริมฝีปากถูกแต่งเติมสีอย่างที่ไม่เคยทำ ทั้งช่างแต่งหน้าทั้งสไตล์ลิสต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาสวยเด่นมากในวันนี้
จากที่ส่องกระจกดูเมื่อครู่ก็...สวยจริง ๆ นั่นแหละ
ใกล้เวลาฤกษ์พิธีภีมพัฒน์ก็ถูกเรียกให้ไปเตรียมตัว ไม่นานนักว่าที่เจ้าบ่าวอย่างจอมบดินทร์ก็มารับว่าที่เจ้าสาวของตนไปเข้าพิธี อีกฝ่ายสวมชุดแบบเดียวกับเขาทั้งท่อนบนและท่อนล่าง แต่ทำไมกันนะ...อัลฟ่าตรงหน้าถึงได้ดูดีขนาดนี้ ต่างจากเขาที่ตาจะปิดอยู่รอมร่อ
ตลกชะมัด
ขั้นตอนที่หนึ่ง สอง สามเป็นอย่างไรภีมพัฒน์ไม่รู้ เพราะแค่ตอนนี้ลำพังจะฝืนดวงตาไม่ให้ปิดลงก็ยากมากแล้ว รับรู้อีกทีก็ตอนถูกมือหนาสัมผัสเข้าที่อวัยวะเดียวกัน ไอความอุ่นร้อนที่กระทบร่างกายทำเขาสะดุ้งเล็กน้อยจนชักมือหนี แต่เมื่อตั้งสติได้ว่าอยู่ในงานที่มีแขกเหรื่อมากมายก็ยื่นมือกลับให้เจ้าจอมดังเดิม
อัลฟ่าหนุ่มทำเพียงยกยิ้มมุมปากแล้วก้มลงมองมือบางที่ตนกอบกุมไว้ ท่าทีคล้ายยิ้มขำทำโอเมก้าน้อยฉงน
เขาทำอะไรขายหน้าออกไปหรือ
สัมผัสเย็นเฉียบจากเครื่องเงินเรียกสติให้ภีมพัฒน์อีกครั้ง แหวนที่ถูกรายล้อมด้วยเพชรเม็ดงามขนาดน้อยใหญ่ถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายก่อนมันจะถูกยกขึ้นสูงแล้วความนุ่มหยุ่นจากริมฝีปากหนาก็ประกบลงมาพร้อมเจ้าของมันที่ช้อนสายตาขึ้นมองเขาอย่างต้องการจะสื่ออะไรบางอย่างที่ภีมพัฒนน์คาดเดาไม่ได้
“พี่จองเธอแล้ว”
#โอเมก้าของเจ้าพ่อน้ำหอม
อะไรนะพ่อขออีกที
TW : chomchan_writer
บทที่ 3 หนูมองพี่ที่เพนท์เฮาส์ห้องหนึ่งใจกลางเมือง มีโอเมก้าหนุ่มกำลังนั่งอยู่บนโซฟาหลังกว้างภายในห้องนั่งเล่น ในอ้อมแขนปรากฏเป็นเด็กชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มวัยห้าเดือนเศษเด็กน้อยส่งเสียงอ้อแอ้ร้องขอน้ำนมจากมารดามาดับความหิวกระหายที่กำลังประท้วงอยู่ในท้อง นิ้วมือเล็กป้อมชี้ไปซ้ายไปขวาอย่างไม่รู้ตำแหน่ง โอเมก้าแม่ลูกอ่อนอุ้มเอาลูกชายเข้าเต้า ริมฝีปากน้อย ๆ ดูดหน้าอกของคนเป็นแม่ดังจ๊วบจ๊าบ มือของเด็กน้อยเดี๋ยวกำเดี๋ยวแบคล้ายกำลังหยอกล้อผู้เป็นแม่อย่างอารมณ์ดีภีมพัฒน์จ้องมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้ม เขาโยกตัวไปมาเพื่อกล่อมเด็กน้อยให้หลับใหล ไม่นานลูกชายตัวน้อยก็เข้าสู่นิทราไปทั้งที่ปากยังคงคาบเต้านมของมารดาอยู่โอเมก้าแม่ลูกอ่อนสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนอีกชั้นเพราะตนเพิ่งประกอบอาหารในครัวเสร็จ เขาลุกขึ้นยืนแล้วพาลูกน้อยในอกไปนอนบนเปลของเจ้าตัวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโซฟานักเสียงเปิดประตูดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกันกับ คุณจอม หรือเจ้าจอมเพิ่งเดินทางกลับถึงบ้านพอดีในเวลาเกือบหนึ่งทุ่มตรงอัลฟ่าหนุ่มเห็นภรรยายังคงวุ่นวายอยู่กับลูกชายจึงไม่อยากรบกวน เสื้อสูทที่ถูกวางพาด
บทที่ 4 หนูภีมเสียงดังโอเมก้าตัวน้อยนิ่งเงียบ เม้มปากชั่งใจอยู่พักใหญ่ว่าควรเอ่ยออกไปดีหรือไม่ หากบอกออกไปแล้วภาพลักษณ์เด็กน้อยแสนขี้อายของเขาก็คงหายไปด้วย แต่ในตอนนี้อารมณ์ในกายเขามันพุ่งสูงจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว "ภีมเปียกแล้ว"คนอายุมากกว่าเกิดอาการนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ฝ่ามือหนาชะงักค้าง ดวงตาคมมองสบกับคนตัวเล็กอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินเขาไม่คาดคิดว่าภรรยาแสนน่ารักของเขาจะกล้าพูดถ้อยคำน่าอายแบบนี้ออกมาแต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเจ้าจอมก็ดึงสติกลับมาได้ ฟีโรโมนกลิ่นเหล้ารัมหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณห้องครัวพาให้โอเมก้าตัวน้อยหายใจติดขัดเม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาเป็นเม็ดเล็ก ๆ ตามกรอบหน้าสวย ขาเรียวออกแรงหนีบเข้าหากันหวังจะระบายอารมณ์ด้วยตัวเองหากแต่ไม่เป็นผลเมื่อมีร่างสูงใหญ่ของสามียืนขวางทางอยู่"หนูพูดอะไรนะป๊าได้ยินไม่ชัดเลย" อัลฟ่าร่างหนายกยิ้มกริ่ม เขาดันร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไปแทรกกลางอยู่ระหว่างขาเรียวของภรรยา ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างคว้าเอาเอวบางมากอบกุมไว้พลางบีบเคล้นเล่นสนุกมือภีมพัฒน์เบนหน้าหนีอย่างเอียงอาย เขารู้ได้ในทันทีว่าโดนสามีอัลฟ่าแกล้งเข้าให้แล้ว ถึงเมื่อครู่เ
บทที่ 4 หนูภีมเสียงดัง (ต่อ)ภรรยาตัวน้อยไม่ได้ใส่ชั้นในแก่นกายน่ารักกระตุกหงึกหงักเมื่อเจ้าของร่างมันตื่นเต้นที่ต้องเปิดกายโชว์ของสงวนให้สามีได้เชยชม ช่องทางด้านหลังเริ่มมีน้ำเมือกสีใสไหลออกมาจากรูสวาทเป็นระลอก ยืนยันว่าเจ้าของร่างกำลังต้องการมากเพียงใดเมื่อสติกลับเข้าที่เข้าทางเจ้าจอมก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์จ้องมองส่วนล่างของภรรยาไม่วางตา"เห็นทีว่าวันนี้คงมีเด็กไม่อยากนอน...ถึงได้แต่งตัวแบบนี้มายั่วป๊า" อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมเอ่ยเย้าหยอกภรรยาพลางใช้นิ้วโป้งปาดริมฝีปากล่างของตัวเองพลางจ้องมองร่างบางตรงหน้าด้วยสายตาหื่นกระหายไม่ปิดบังโอเมก้าตัวน้อยได้แต่หลุบตาลงต่ำหลบสามี จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าจอมกระทำการอุกอาจ อัลฟ่าใช้ท่อนแขนช้อนเอาข้อพับขาของภรรยาขึ้นสูงจนมันพาดอยู่บนบ่ากว้างของเขา ภีมพัฒน์ตกใจเผลอตัวคว้าท่อนแขนของสามีเพราะเกรงว่าจะไถลลงพื้นจนเจ็บตัวกางเกงสแลคที่ยังเหลืออยู่บนตัวถูกเจ้าของมันรั้งลงพร้อมกับชั้นในอย่างรีบร้อน แก่นกายของอัลฟ่าดีดผงาดขึ้นมา ภีมพัฒน์ยังคงก้มหน้าอยู่จึงได้เห็นตัวตนของสามีเสียเต็มตาด้วยความเขินอายจึงรีบเงยหน้า เข้าทางเจ้าจอมพอดิบพอดี อัลฟ่าสามีประกบจูบภรร
บทที่ 5 คุณจอมนะคุณจอม"สงสัยหนูภีมจะเสียงดังเกินไป...ใช่ไหม" อัลฟ่าสามียกยิ้มแกล้งแซวภรรยาตัวน้อยในขณะที่ช่วงล่างยังคงขยับเข้าออกช้า ๆ เพื่อรีดเอาน้ำเชื้อของเขากักเก็บไว้ในรูรัก"คุณจอม...เอาออกก่อนนะครับ" คนใต้ร่างเอ่ยบอกเจ้าจอมเสียงแหบแห้ง ตอนนี้เขากระหายน้ำมากเหลือเกิน แต่ลูกชายตัวน้อยก็กำลังแผดเสียงร้องจ้า เขาคงต้องรีบไปปลอบขวัญเสียก่อนไม่น่าเชื่อคุณจอมเลยเจ้าภีมอัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมโน้มกายมาประกบริมฝีปากภรรยาตัวน้อย ดูดดึงสิ่งนุ่มหยุ่นนั้นอยู่นานเกือบนาทีจนได้ยินเสียงร้องจ้าของลูกชายอีกครั้งจึงตัดใจผละออกเขาถอนแก่นกายออกจากช่องทางเปียกชื้นของโอเมก้า น้ำสีขาวขุ่นไหลย้อยลงมาตามช่วงขาขาวที่ตั้งชันไว้ ช่างดูสวยงามจนจอมบดินทร์มองมันไม่ละสายตา อยากจะกลืนกินภรรยาซ้ำ ๆ จนช่องทางรักไม่เหลือที่ว่างภีมพัฒน์เม้มปากแน่น พยายามไม่สบสายตากับอัลฟ่าสามี เพราะถึงแม้จะทำกันจนเสร็จสมไปแล้วแต่คนตรงหน้ายังมีดวงตานักล่าแฝงอยู่ คนตัวเล็กใช้ข้อศอกยันกายขึ้นนั่งบนโต๊ะอาหาร ดึงเสื้อยืดที่ถูกร่นขึ้นไปลงมาปิดหัวนมสีชมพูและหน้าท้องที่มีรอยแผลผ่าคลอดของตัวเอง"คุณจอม ภีมจะไปหาลูกครับ" โอเมก้ากลิ่นคาโมมายล์ข
บทที่ 5 คุณจอมนะคุณจอม (ต่อ)แค่คิดก็แทบถึงฝั่งถ้าได้ช่องทางของภรรยามาช่วยคงจะดีไม่น้อย"หนูภีม อ๊ะ ป๊าอยาก ซี๊ดด อยากXXXหนู" เจ้าจอมเอ่ยออกมาอย่างไม่อายปาก เขาใช้สายตาหื่นกระหายจ้องมองภรรยาตัวน้อยไม่วางตา เมื่อโอเมก้ากลิ่นคาโมมายล์เสมามองด้วยดวงตาราวกับลูกกวางตัวน้อยเขาก็เร่งรัวข้อมือรูดขึ้นลงอย่างไวภีมพัฒน์ทำตัวน่าถูกจับกระแทกนัก"ป๊าอยากได้XXหนูภีม" จอมบดินทร์ยังคงเอ่ยบอกภรรยาด้วยประโยคที่แสดงถึงความต้องการอย่างไม่ปิดบังอารมณ์อยากผสมพันธุ์ตามสัญชาตญาณของอัลฟ่ามันพุ่งสูงเสียเหลือเกิน เขาอยากจับภรรยาตัวน้อยมาชำเราบนโซฟานุ่มตัวนี้จนรุ่งสางห่างหายไปนานก็ต้องทบต้นทบดอกโอเมก้ามองสบดวงตาสีน้ำตาลเข้มของสามี เขาเข้าใจดีว่าอาการรัทของอัลฟ่ามันทรมานมากเพียงใด แต่ในตอนนี้โอเมก้าน้อยกำลังให้นมลูกอยู่ถึงแม้เจ้าตัวน้อยจะหลับไปแล้วแต่ปากยังคงดูดเต้าไม่ปล่อย จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสามีอัลฟ่าข้างกายได้เต็มที่ เขาจึงทำเพียงแค่โน้มใบหน้าเข้าหาเจ้าจอมเล็กน้อยแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาก็ถูกอัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมรั้งคอไปประกบจูบดูดดื่มจนแทบหายใจไม่ทัน "ภีม หนูภีม...ซี๊ดด อ๊าา"เมื่อได้จุม
บทที่ 6 จอมบดินทร์กล่อมลูกเจบีดีกรุ๊ปเป็นบริษัทผลิตเครื่องสำอางจำพวกน้ำหอมที่มีสาขาย่อยกระจายอยู่ทุกภูมิภาค รวมแล้วก็ประมาณแปดสาขา จอมบดินทร์ขยายธุรกิจได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วนั้นส่วนหนึ่งก็เพราะเขาพึ่งพาทุนทรัพย์ของบุพการีแม้จะมีเงินฝากในธนาคารหลายบาทและเขาคิดว่ามันเพียงพอแต่ทั้งพ่อและแม่ก็ยังดื้อรั้นที่จะช่วยเขาจึงเหนื่อยห้ามปรามแต่สาขาย่อยที่กระจายออกไปเป็นการลงทุนของเขาทั้งสิ้น เหตุผลหลักที่เร่งขยับขยายกิจการก็เพราะต้องการกอบโกยในช่วงขาขึ้น วงการธุรกิจมันมีขึ้นมีลงเสมอและผลลัพธ์มักมาโดยไม่บอกกล่าว เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องรีบสร้างฐานตัวเองให้มั่นคงมากที่สุดแปดสาขาที่ว่าเป็นเพียงโกดังเก็บผลิตภัณฑ์เพื่อกระจายตัวน้ำหอมออกสู่ตลาดได้ง่ายและไวขึ้นก็เท่านั้นสำนักงานใหญ่และโรงผลิตยังตั้งอยู่ในเมืองหลวง หากนับรวมเวลาปีนี้ก็เป็นปีที่ห้าที่เจบีดีกรุ๊ปก่อตั้งขึ้น ดูเป็นระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ที่ทำให้จอมบดินทร์ประสบความสำเร็จแต่ในความคิดของเจ้าตัวไม่ได้เป็นแบบนั้นมันออกจะช้าไปเสียหน่อย ส่วนหนึ่งเพราะเขาริเริ่มมันช้า อีกส่วนคือเขากดดันตัวเองมาตั้งแต่แรกและยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีกเมื่อมีแก้วตาดวงใจ
บทที่ 7 ภีมพัฒน์เคืองสามีเมื่อคืนจอมบดินทร์มีความผิด โทษฐานหอบลูกน้อยหนีภรรยา เช้าวันนี้จึงต้องนั่งอย่างสงบเสงี่ยมรอทานมื้อเช้าฝีมือโอเมก้าน้อย‘ภีมโกรธคุณจอม’ประโยคนั้นทำเขาไม่กล้าขยับแม้เพียงก้าวเดียว ยืนกุมมืออยู่หน้าประตูห้องนอนด้วยผ้าขนหนูที่พันช่วงล่างเอาไว้ ช้อนตามองภรรยารักแต่คนบนเตียงกลับนิ่งเฉย ก้มมองแต่ลูกไม่วางตาจนเจ้าตัวน้อยหลับไปก็ไม่หันมาสนใจเขามิหนำซ้ำยังพลิกกายนอนตะแคงกอดลูกแล้วนอนไปพร้อมกัน เหลือแค่เขาที่ยังยืนเจี๋ยมเจี้ยมไม้กล้าก้าวเท้า แต่สุดท้ายก็ต้องค่อย ๆ ย่องเบาเข้าห้องแต่งตัวแล้วรีบมานอนกอดโอเมก้าน้อยประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ปอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ท่อนล่างสวมกางเกงสแลคสีดำ เสื้อสูทถูกเขาวางพาดไว้บนเพนักเก้าอี้แล้วทรุดกายนั่งลงตำแหน่งหัวโต๊ะ ข้างกายมีเด็กชายนั่งเก้าอี้ประจำตัว ใบหน้าอิ่มเอม ยิ้มจนตากลายเป็นสระอิน่าเอ็นดูต่างจากผู้เป็นพ่อที่ได้แต่มองตามทุกการกระทำของโอเมก้าน้อยตาละห้อย“มีอะไรให้พี่ช่วยไหม” เสียงทุ้มของอัลฟ่าเอ่ยถามออกไปอย่างกระตือรือร้น เขาชะเง้อมองซ้ายขวาเผื่อจะช่วยหยิบจับอะไรได้บ้าง“ไม่เป็นไรครับ ภีมทำเองดีกว่า” ภีมพัฒน์กล่าวกับสามีอั
บทที่ 8 โปรเจคน้ำหอมใหม่เจบีดีกรุ๊ปมีตึกสำนักงานใหญ่อยู่ในใจกลางเมืองหลวง มันสูงระฟ้าหลายสิบชั้นเพราะภายในนั้นรวมทุกอย่างที่บริษัทยักษ์ใหญ่ควรจะมี อีกทั้งพื้นที่ขนาดใหญ่ด้านหลังก็เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตและห้องแล็ปทดลองวันนี้บอร์ดบริหารมีการประชุมครั้งใหญ่ในเรื่องของโปรเจคน้ำหอมกลิ่นใหม่ที่ทำมาจากดอกเจอราเนียมหรือดอกปากนกกระเรียน เพราะทางสวนภักดีได้เมล็ดชั้นดีมาจึงลองเพาะพันธุ์แล้วส่งให้กับเจบีดีกรุ๊ปตามสัญญาที่ตกลงกันไว้แน่นอนว่าผู้บริหารอย่างจอมบดินทร์เป็นคนควบคุมทุกกระบวนการเองตั้งแต่นำดอกไม้มาเข้าห้องแล็ปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย มันถูกปรับเปลี่ยนแก้ไขอยู่หลายสิบครั้งเพราะเจ้าจอมต้องการให้น้ำหอมทุกกลิ่นของเจบีดีกรุ๊ปออกมาดีอย่างไม่มีที่ติจนกระทั่งวันนี้ที่นัดประชุมใหญ่เพื่อหาข้อสรุปว่าตัวน้ำหอมในโปรเจคใหม่นี้พร้อมสำหรับการวางขายแล้วหรือไม่อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมนั่งอ่านแฟ้มรายงานการประชุมเมื่อคราวก่อนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ปากกาในมือถูกตวัดจดลงบนกระดาษเป็นข้อ ๆ เขาต้องการทบทวนว่าครั้งก่อนได้ข้อสรุปในเรื่องไหนไปแล้วบ้างและเรื่องไหนที่ยังตกลงกันไม่ได้เขายกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาเมื่อเห็นว่าใกล้เว
บทที่ 20 พี่รัท เธอฮีท...เราควรทำอย่างไรดี"อ๊า! อ๊ะ อ๊ะ...ป๊า อ๊ะ!" เสียงกระเส่าของโอเมก้าแทบดังลั่นภูเขาลูกหนึ่ง สาเหตุก็มีเพียงอย่างเดียวคือถูกจอมบดินทร์รังแกจนตัวลอยตาลอย แม้จะอยากเม้มปากกลั้นเสียงก็ไม่สามารถทำได้ตามใจหวังท่อนลำใหญ่กระแทกกระทั้นปรนเปรอช่องทางเปียกชื้นจนมันบวมเป่งแต่อัลฟ่ากลับยังไม่พอใจ หยัดสะโพกตอกใส่ภรรยาจนหัวสั่นหัวคลอน ริมฝีปากอ้าออกหอบเอาอากาศทุกวินาที บางจังหวะก็ส่งเสียงร้องคล้ายกับจะขาดใจ"อ๊าา เสียวxxxชิบ อีกนิดค่ะคนสวย" อัลฟ่าสามีเอ่ยลอดไรฟัน ท่อนแขนอุ้มกระเตงภรรยาไว้ในอ้อมแขนแล้วกระแทกสะโพกส่งตัวตนเข้าไปด้านในตัวภีมพัฒน์หนักหน่วงจอมบดินทร์ตั้งใจว่าจะพาภรรยาไปพลอดรักเร่าร้อนที่ด้านหลังรถ แต่เพราะเจ้าดอกไม้เอ่ยห้ามไว้ กลัวว่าน้องพีชที่หลับอยู่จะรับรู้ถึงแรงสะเทือนและกลิ่นฟีโรโมนเข้มข้นของพวกเขาเขาไม่มีทางเลือกยอมตามใจภรรยาไม่เข้าไปด้านในรถแต่อารมณ์ที่พุ่งสูงก็ไม่สามารถกล่อมให้เบาลงได้ นอกเสียจากจะได้ปลดปล่อยกับคนรัก"อ๊ะ! ฮ...อ๊า ป...อ๊ะ" เรียวแขนทั้งสองข้างตวัดโอบรอบคอสามีไว้แน่น นิ้วทั้งสิบก็จิกลงเนื้อหนังของเจ้าของอ้อมกอดจนห้อเลือด แม้จะกลัวอีกฝ่ายเจ
บทที่ 19 คืนนี้...เขาลูกนี้เป็นของเรา“ค...คุณจอม” เสียงหวานกระเส่าของโอเมก้าน้อยเรียกให้ผู้เป็นสามีละจากลำคอขาวขึ้นมามองสบกันเจ้าจอมยกยิ้มมุมปาก มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นมาจับคางมนให้เชิดขึ้นมองตนก่อนจะเอ่ยเสียงกระซิบ “เรียกใหม่ค่ะ หนูต้องผัวว่าอะไร”“ป๊า...อื้อ” ยังไม่ทันเอ่ยได้จนจบประโยค อิสระก็ถูกพรากไปด้วยรสจูบดุดันจากสามี มันทำให้แขนขาเขาอ่อนเปลี้ยหาที่จับยึดไม่ได้เลยทีเดียว“เชื่อฟังดีมากหนูภีม”เจ้าดอกไม้นอนแผ่หลาอยู่บนกระโปรงรถหลังถูกสามีรั้งตัวมากอดแนบชิดแล้วพรมจูบไล่ไปทั้งตัวโอเมก้าน้อยอยู่ในอ้อมกอดของจอมบดินทร์ในท่าลิงอุ้มแตง เขาจึงคิดว่าสามีจะพาไปด้านหลังตัวรถแต่กลับไม่ใช่เป็นกระโปรงด้านหน้ารถแทนเธอยั่วพี่เองภีมพัฒน์...ไม่น่าเลย“ป...ป๊า มันโล่งไป” เสียงหวานเอ่ยบอกเจ้าจอมอย่างประหม่า ดวงตาคู่สวยหันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวัง“ภีมกลัวมีคนมาเห็น”แม้คำพูดและท่าทางจะแสดงออกว่าตื่นกลัว แต่ก้อนเนื้อในอกกลับตรงกันข้ามตื่นเต้น...ใช้เป็นคำนิยามได้ดีทีเดียวประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ปยกยิ้มอย่างเอ็นดูภรรยา แต่สายตาของผู้ล่าและฝ่ามือหนาที่ขย้ำเอวคอดอยู่กลับเตรียมพร้อมตะครุบเหยื่อในทันที “
บทที่ 18 เธอยั่วพี่เองเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงหลังออกจากปั๊มน้ำมันก็มาถึงสถานที่สำหรับพักผ่อนของพวกเขาในสัปดาห์นี้ มันเป็นพื้นพี่ราบบนภูเขาลูกหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือ จอมบดินทร์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ดูแลไว้แล้ว เมื่อมาถึงก็สามารถขับรถเข้ามาจอดได้เลยอัลฟ่าร่างสูงอยู่ในชุดลำลองที่ไม่บางมากนัก เสื้อยืดสีครีมและกางเกงคาร์โก้สีเดียวกันถูกเขาหยิบมาใส่เมื่อเช้าก่อนออกเดินทาง แม้ไม่ได้ทำอะไรหนักหน่วงจนเหงื่อโทรมกายแต่ในตอนนี้เขาอยากอาบน้ำเป็นอย่างแรก เผื่อว่าสายน้ำเย็น ๆ จะช่วยให้อารมณ์ร้อนรุ่มภายในใจเขาทุเลาลงไปบ้างแค่นิดเดียวก็ยังดีเจ้าจอมยืนเอนกายพิงกระโปรงรถอยู่ด้านนอก ท่อนแขนทั้งสองข้างประสานกันไว้กลางอก ลมหายใจสูดเข้าออกลึกเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ภายในเมื่อชั่วโมงก่อนเขาเกือบพาลูกเมียพบเจอกับอุบัติเหตุเพราะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ฝ่าเท้าเหยียบเบรคมิดจนโอเมก้าข้างกายหัวขมำ โชคดีที่เส้นทางนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นภีมพัฒน์ถูกสามีเอ่ยห้ามไม่ให้ตามออกไปด้านนอกแม้จะถึงที่หมายแล้ว อีกฝ่ายอ้างว่าเพราะลูกชายยังไม่ตื่นจึงให้เขาอยู่เป็นเพื่อนน้องพีชก่อน ส่วนตัวเองจะออกไปส
บทที่ 17 คุณจอม...เป็นอะไร"คุณจอมครับ..." โอเมก้าน้อยเอ่ยเรียกสามีเสียงแผ่ว ใบหน้าสวยฉายแววความกังวลอยู่มาก ท่าทีที่แสดงออกก็เช่นกัน ฝ่ามือบางกำเข้าหากันด้วยความประหม่า ในหัวคงคิดหลายเรื่องราวจนพันกันยุ่งเหยิง คิ้วทั้งสองข้างจึงชนเข้าหากันอัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมยกยิ้ม ภีมพัฒน์ในตอนนี้เหมือนลูกกระต่ายขี้กลัวแม้เขาจะไม่รู้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายกลัวคืออะไร แต่ไม่ได้กลัวเขาแน่นอนวันนี้เขายังไม่ได้แกล้งเจ้าดอกไม้เลยสักนิดเดียว หน้าที่สามีและพ่อก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย"หื้ม ว่าไงคะ" จอมบดินทร์มองภรรยาด้วยความรัก ระบายยิ้มอ่อนโยนให้คนตรงหน้าพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสาร ท่อนแขนหนายกขึ้นมาตั้งไว้บนโต๊ะ ศีรษะจึงเอียงลงแนบกับฝ่ามือ นัยน์ตาคมก็จับจ้องภีมพัฒน์ไม่ละสายตาโอเมก้าน้อยหลุบตาลงต่ำ สองเท้าสาวเข้าใกล้สามีจนกระทั่งมายืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองพวกเขายังอยู่ในห้องทำงานของประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ป จอมบดินทร์นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานในขณะที่มีภรรยาตัวน้อยยืนกุมมืออยู่ตรงหน้า ส่วนลูกชายถูกอเล็กซ์ขโมยไปตั้งแต่ช่วงเที่ยง จนป่านนี้ก็ยังไม่พาหลานมาคืน ไม่รู้ว่าไปเล่นซนกันถึงไหนแล้วเ
บทที่ 16 เมียผมไม่เคยน้อยหน้าใคร"เงียบปากเดี๋ยวนี้คุณดรีม""กล้าพูดกับฉันแบบนี้หรือ"ประธานแห่งเจดีบีกรุ๊ปได้ยินคล้ายคนมีปากเสียงกันหลังจากรีบวิ่งตามอเล็กซ์เพื่อนตัวดี อาจจะหนึ่งหรือสองคนหรือมากกว่านั้น มีหลายประโยคที่เขาฟังไม่ถนัดแต่ที่แน่ชัดคือทุกคนกำลังโจมตีคน ๆ เดียวกันเพื่อนอัลฟ่ากระหืดกระหอบขึ้นไปเรียกเขาถึงในห้องทำงาน อีกทั้งยังรีบเร่งเสียจนนึกรำคาญ แต่พอได้ยินว่าเรืองที่เกิดขึ้นมีชื่อของภีมพัฒน์เข้าไปเกี่ยวข้องก็รีบจ้ำอ้าวจนแทบกลายเป็นวิ่งในทันทีประตูห้องสตูดิโอที่ชั้นล่างสุดของตึกเปิดอยู่ มีพนักงานใส่เสื้อสีดำระบุคำว่า staff ยืนจับกลุ่มกันสองถึงสามคน เมื่อได้กลิ่นฟีโรโมนที่จำได้ว่าเจ้าของมันเป็นผู้บริหารสูงสุดของที่นี่ก็รีบพากันหลีกให้พ้นทาง"คุณสูงส่งมาจากไหนถึงได้หยาบคายกับคุณภีมแบบนั้น""แล้วคุณภีมอะไรนั่นมันสูงกว่าฉันตรงไหน ทำไมจะพูดถึงไม่ได้"ประโยคแรกเป็นเสียงผู้หญิงคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นหนึ่งในพนักงานของบริษัท ฟังจากน้ำเสียงคงจะโมโหอยู่มากแต่ยังไว้หน้าไม่หยาบคายใส่คู่สนทนาแต่ประโยคถัดมาเขาไม่คุ้นหูเลยสักนิด"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ให้เกียรติคุณภีมด้วย""เป็นถึงเมียประธ
บทที่ 15 ขอโทษที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้"ภีม...วันนี้หนูเป็นอะไรคะ บอกพี่หน่อยคนดี" อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมเอ่ยถามภรรยาตัวน้อยหลังจากเร่งเดินตามอีกฝ่ายภีมพัฒน์เดินดิ่งจากสตูดิโอชั้นล่างขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นผู้บริหารซึ่งเป็นชั้นทำงานประจำของเขา เจ้าจอมเกือบตามภรรยาทันตั้งแต่เมื่อครู่แล้วแต่คนอายุน้อยก็ไวเหลือเกิน รีบปิดประตูลิฟต์จนเขาต้องชักเท้าชักมือออกเกือบไม่ทันกว่าลิฟต์จะว่างก็ตอนที่เขาวิ่งขึ้นไปห้าจากยี่สิบชั้น รู้ว่ามันคงเหนื่อยเพราะตนก็ใกล้เข้าเลขสี่เต็มที ไม่ได้หนุ่มแน่นวิ่งได้หลายชั่วโมงติดกันเหมือนแต่ก่อนแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหอบแฮกขนาดนี้"ภีมเปล่าครับ""เธอเป็น"คุณแม่ลูกอ่อนยังคงเบี่ยงหน้าไม่ยอมสบสายตากับสามี มิหนำซ้ำยังกระถดกายถอยหลังตอนที่จอมบดินทร์ขยับเข้าใกล้ ทำอัลฟ่าใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม หัวคิ้วพันกันมุ่นเพราะคิดไม่ตกว่าเมื่อเช้านี้เขาทำอะไรพลาดไป"คนดี...พี่ทำอะไรผิดหรือเปล่า เธอบอกพี่สิ เธอเงียบแบบนี้พี่เดาใจเธอไม่ถูก" เจ้าจอมยังคงพูดหว่านล้อมภรรยาแต่ก็ไม่ได้ผลเช่นเคย"เธอไม่ถูกใจที่พี่ทำตรงไหนหรือเปล่า""ไม่มีครับ""น้องพีช ช่วยคุณพ่อหน่อยสิครับ"เมื่อคุยกับภรรยาไม่ได้ผลก็เปลี่ย
บทที่ 14 เธอเป็นอะไรใกล้เวลาที่เจบีดีกรุ๊ปจะเฉิดฉายอีกครั้งหลังห่างหายจากวงการไปเกือบปีแต่ความนิยมกลับไม่ได้ลดน้อยลงจอมบดินทร์ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนกว่าจะเลือกพรีเซนเตอร์ของคอลเลคชั่นนี้ได้ มีหลายสิบรายชื่อที่ฝ่ายการตลาดเสนอมาให้ แต่ทุกคนล้วนมีประวติไม่ดี ทั้งภูมิหลัง ทั้งการกระทำ หรือข่าวลือว่าร้ายต่าง ๆเหตุผลที่คัดมาให้เลือกก็คือยิ่งมีข่าวฉาวมากเท่าไหร่ จะยิ่งได้ผลตอบรับดีแต่ประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ปไม่ต้องการอย่างนั้น ครั้งก่อน ๆ พวกเขาใช้เพียงอินฟลูเอนเซอร์เป็นตัวช่วยในการโปรโมท แม้ไม่ใช่ดาราคนดังแต่ก็เป็นกระแสมากจนทุกวันนี้ครั้งนี้จอมบดินทร์ทุ่มไปกับมันมาก ไม่ใช่ทุกครั้งที่เขาจะเข้าห้องแล็ปด้วยตัวเองเหมือนครั้งนี้ แต่เพราะมันเป็นดอกไม้ที่มาจากสวนภักดี เขาจึงใส่ใจมันเป็นพิเศษปกติแล้วจะเป็นดอกไม้ทั่วไป แต่ดอกเจอราเนียมเป็นดอกไม้ที่ภีมพัฒน์แนะนำแม่ให้นำมาลองปลูกดู หากได้ผลดีก็อาจจะนำมาให้เขาทดลองทำน้ำหอมอย่างที่ทำอยู่เขาอยากให้ภรรยาภูมิใจที่สามีอย่างเขาสามารถเลี้ยงดูทั้งตัวเองและลูกน้อยได้สบายวันนี้จอมบดินทร์พาสองแม่ลูกมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า เจ้าตัวน้อยอยู่ในชุดจั๊มสูทเช่นเ
บทที่ 13 พวกมันหลับกันหมดแล้วลูกชายตัวน้อยเข้าสู่ห้วงนิทราไปนานแล้ว ร่างน้อย ๆ นั่นนอนอยู่บนเบาะนอนสำหรับเด็กที่ท้ายรถ ตอนนี้มันถูกปิดท้ายขึ้นครึ่งหนึ่งเหลือไว้เพียงช่องด้านบนให้อากาศถ่ายเทเด็กชายนอนยิ้มรับฝันหวาน ส่งเสียงอ้อแอ้แผ่วเบาเป็นสัญญาณว่าตนมีความสุขแต่ห่างออกไปไม่กี่เมตรกลับมีเสียงหนึ่งดังแว่วเข้ามา มันทั้งฟังดูเจ็บปวดแต่ก็เปี่ยมไปด้วยสุขจนล้นรถของอัลฟ่ากับกรงสัตว์อยู่ห่างกันเพียงแปดเมตร ซึ่งตรงกลางระหว่างนั้นมีเก้าอี้หินอ่อนอยู่ตัวหนึ่ง มันถูกตั้งไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือคนที่มาเยี่ยมเยียนหยุดพักในตอนนี้มันก็ถูกใช้นั่งพักเช่นกันแต่ไม่ใช่การนั่งพักธรรมดา"อ๊ะ...อ ค...ป๊า" โอเมก้าน้อยส่งเสียงออกมาไม่เป็นคำ ปากเขาไม่ว่างเอ่ยคำใดในตอนนี้ แต่ถ้าหากไม่เอ่ยอะไรเลยเขาคงขาดอากาศหายใจ"อ๊า...ว่าไงคะคนสวย" จอมบดินทร์ก้มลงมองภรรยา นัยน์ตาสีหวานเคลือบไปด้วยน้ำสีใส ดวงตาแดงเรื่อน่าเอ็นดู ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นห่อรับเอาตัวตนเขาไว้จนคับแน่นไปหมดเขาชอบปากของภีมพัฒน์เป็นที่สุดทั้งปากบนปากล่างอัลฟ่าถอนแก่นกายออกอย่างจำใจ ปล่อยคุณแม่ลูกอ่อนให้เป็นอิสระจากพันธนาการ อีกฝ่ายสูดลมหายใจเฮือก
บทที่ 12 น้ำตกหลังศูนย์พักพิงเมื่อสองเดือนก่อนได้ข้อสรุปสำหรับน้ำหอมกลิ่นใหม่ที่สกัดจากดอกเจอราเนียมแล้ว แต่นั่นมันแค่ครึ่งทางเท่านั้น ยังมีเรื่องของตัวบรรจุภัณฑ์ที่จอมบดินทร์ยังตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าจะเอาแบบไหน ชื่อน้ำหอมก็ยังเลือกไม่ได้ จะโปรโมทแบบไหน ทำการตลาดอย่างไร หรือใครจะมาเป็นพรีเซนเตอร์ก็ยังไม่ได้คำตอบจากท่านประธานเหล่าพนักงานโดยเฉพาะแผนกการตลาดก็นำเสนอรายการต่าง ๆ มาอยู่ตลอด แต่เจ้าจอมก็ปัดตกมันไปทุกครั้งโดยให้เหตุผลว่าดีแล้ว...แต่ยังไม่ดีที่สุดวันไหนที่ภีมพัฒน์ถูกสามีลากให้ตามมาที่บริษัทด้วย ตนก็จะกลายเป็นผู้ตัดสินอีกคนหนึ่ง แต่อำนาจสุงสุดยังคงเป็นของจอมบดินทร์ หากเขาพอใจแต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ เขาก็ขัดอะไรไม่ได้อยู่ดีนึกสงสารพนักงานกลุ่มนั้นอยู่ไม่น้อยที่ถูกสั่งแก้งานไปไม่รู้กี่ร้อยครั้ง แม้ไม่ได้ถูกกล่าวว่าร้ายหรือตะคอกขึ้นเสียงเหมือนที่อื่น ๆ แต่ความกดดันกลับมีอยู่มากทีเดียว แต่ก็เข้าใจสามีที่เป็นประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ปว่าทุกอย่างที่เขาทำต้องออกมาดีไร้ที่ติหลายครั้งจอมบดินทร์ไม่ยอมกลับไปพักที่บ้านจนโอเมก้าน้อยต้องโทรตามหลายครั้งที่่นั่งจมกับกองเอกสารจนปวดศีรษะตุบ ยังดี