บทที่ 3 หนูมองพี่
ที่เพนท์เฮาส์ห้องหนึ่งใจกลางเมือง มีโอเมก้าหนุ่มกำลังนั่งอยู่บนโซฟาหลังกว้างภายในห้องนั่งเล่น ในอ้อมแขนปรากฏเป็นเด็กชายหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มวัยห้าเดือนเศษ
เด็กน้อยส่งเสียงอ้อแอ้ร้องขอน้ำนมจากมารดามาดับความหิวกระหายที่กำลังประท้วงอยู่ในท้อง นิ้วมือเล็กป้อมชี้ไปซ้ายไปขวาอย่างไม่รู้ตำแหน่ง โอเมก้าแม่ลูกอ่อนอุ้มเอาลูกชายเข้าเต้า ริมฝีปากน้อย ๆ ดูดหน้าอกของคนเป็นแม่ดังจ๊วบจ๊าบ มือของเด็กน้อยเดี๋ยวกำเดี๋ยวแบคล้ายกำลังหยอกล้อผู้เป็นแม่อย่างอารมณ์ดี
ภีมพัฒน์จ้องมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้ม เขาโยกตัวไปมาเพื่อกล่อมเด็กน้อยให้หลับใหล ไม่นานลูกชายตัวน้อยก็เข้าสู่นิทราไปทั้งที่ปากยังคงคาบเต้านมของมารดาอยู่
โอเมก้าแม่ลูกอ่อนสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนอีกชั้นเพราะตนเพิ่งประกอบอาหารในครัวเสร็จ เขาลุกขึ้นยืนแล้วพาลูกน้อยในอกไปนอนบนเปลของเจ้าตัวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโซฟานัก
เสียงเปิดประตูดังขึ้นเป็นจังหวะเดียวกันกับ คุณจอม หรือเจ้าจอมเพิ่งเดินทางกลับถึงบ้านพอดีในเวลาเกือบหนึ่งทุ่มตรง
อัลฟ่าหนุ่มเห็นภรรยายังคงวุ่นวายอยู่กับลูกชายจึงไม่อยากรบกวน เสื้อสูทที่ถูกวางพาดอยู่บนท่อนแขนถูกยกขึ้นห้อยไว้บนราวใกล้ ๆ พร้อมกับเนกไทสีน้ำเงินเข้มที่เขาปลดออกมาก็พาดไว้ที่เดียวกัน
ทางด้านภีมพัฒน์ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเจ้าตัวน้อยหลับสนิทดีและนอนได้สบายตัวก็ผละออกมา โอเมก้าแม่ลูกอ่อนก้าวเท้าไปหาสามีที่ยังคงยืนอยู่หน้าประตูไม่ขยับไปไหน ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นปลดกระดุมสองเม็ดด้านบนสุดให้ประธานบริษัทน้ำหอมเพื่อให้อัลฟ่าสามีหายใจได้ผ่อนคลาย
"หิวหรือยังครับ วันนี้ภีมทำสปาเก็ตตี้ของโปรดคุณไว้ด้วย" โอเมก้าตัวน้อยเอ่ยถามสามีเสียงหวานอย่างปกติ เขาช้อนตาขึ้นมองใบหน้าคมของอัลฟ่าขณะที่มือล้วงเอาชายเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกงให้คนตัวสูงกว่าอย่างที่ทำเป็นประจำ
หลังจากงานหมั้นจบลง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบง่าย แต่ผ่านไปได้ประมาณสามปีก็จำเป็นต้องจัดงานวิวาห์แบบสายฟ้าแลบ เพราะภีมพัฒน์กำลังจะให้กำเนิดอีกหนึ่งชีวิต โอเมก้ากับอัลฟ่าอยู่ใกล้กันทุกวันย่อมไม่สามารถต้านทานสัญชาตญาณส่วนลึกได้
พวกเขาเริ่มมันด้วยสัญญาธุรกิจ ไม่ใช่ด้วยความรัก แต่ปัจจุบันทั้งคู่ต่างก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างดีมาตลอด เจ้าจอมทำได้ดีทั้งสองหน้าที่ในด้านการงานและการเป็นสามี ภีมพัฒน์ก็เช่นกัน
โอเมก้าน้อยย้ายเข้าเมืองมาอยู่อาศัยกับจอมบดินทร์ตั้งแต่เสร็จสิ้นงานหมั้น เพราะความใกล้ชิดจึงมีเจ้าตัวน้อยเป็นผลผลิต
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ในสัญญาการที่ตกลงกันไว้ก็ไม่ได้ระบุเรื่องของการมีทายาทสืบต่อ แต่เมื่อมีอีกหนึ่งชีวิตเกิดขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็พร้อมจะเลี้ยงดูเด็กน้อยคนนี้ด้วยความรักและความเต็มใจ
ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการรับผิดชอบจากการกระทำ
แต่เต็มใจที่จะรักเด็กน้อยคนนี้จริง ๆ
"ก็ดี พี่กำลังหิวพอดี มื้อเที่ยงลืมทานมัวแต่ดูเอกสาร" อัลฟ่าสามีตอบกลับภรรยาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คำว่า พี่ เป็นสรรพนามที่เขาใช้แทนตัวเองตอนอยู่กับภรรยาเสมอ เนื่องจากอายุที่ต่างกันและตนโตกว่าถึงเจ็ดปี
แอบขัดใจเล็กน้อยที่ภีมพัฒน์ยังเรียกเขาว่าคุณแทนคำว่าพี่ เจ้าตัวให้เหตุผลว่าพูดจนติดปากไปแล้ว ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร ก็แค่ตะหงิด ๆ ในใจเล็กน้อยเท่านั้น
โอเมก้าแม่ลูกอ่อนขมวดคิ้วมุ่น เจ้าจอมเป็นแบบนี้อีกแล้ว ทำแต่งานดูแต่เอกสารจนลืมทานอาหาร วันนี้คงไม่มีอะไรมากจึงกลับไวกว่าปกติ แต่บางวันนี่สิ...สามสี่ทุ่มเข้าไปแล้วเขายังไม่เห็นอีกฝ่ายกลับมาเสียที หากไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่มื้อเที่ยงจนดึกดื่นขนาดนั้นบ่อย ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก
"งั้นเดี๋ยวภีมไปเตรียมให้นะครับ คุณจอมทำงานมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำก่อนจะได้สบายตัว" ภีมพัฒน์กล่าวกับสามีพร้อมส่งรอยยิ้มหวาน สองมือน้อย ๆ ประสานกันไว้ด้านหน้าแสดงออกถึงความกระตือรือร้น
โอเมก้าน้อยชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก ๆ แม้ตอนนี้จะโตจนมีลูกหนึ่งแล้วแต่เขาก็ยังคงตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เข้าครัว โดยเฉพาะการทำให้สามีอย่างเจ้าจอมรับประทานและทุกครั้งที่ได้รับคำชมจากอีกฝ่ายมันทำให้เขายิ้มจนแก้มปริ
"อืม" คนอายุมากกว่าครางรับในลำคอ ภีมพัฒน์จึงหันหลังกลับเข้าห้องครัวไปอุ่นซอสที่ทำไว้และต้มเส้นสปาเก็ตตี้เตรียมไว้ระหว่างรอสามีอาบน้ำ กว่าเจ้าจอมจะเสร็จธุระก็คงอุ่นได้ที่พอดี จะได้มาทานมื้อค่ำด้วยกันอย่างทุกวัน
หากแต่อัลฟ่าสามียังไม่ยอมขยับกายไปไหน เขายังคงยืนจ้องภรรยาเดินไปตรงนู้นทีตรงนี้ทีอย่างเพลินตา สูดดมเอากลิ่นคาโมมายล์เจือจางที่เป็นฟีโรโมนของภีมพัฒน์เข้าปอด
กลิ่นดอกไม้ที่เขาหลงใหล
มันทำให้รู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้กลิ่นมัน
คนตัวสูงสาวเท้าเข้าหาภรรยาอย่างเชื่องช้า วางฝ่าเท้าลงเงียบเชียบ และแผ่วเบา ระหว่างทางก็กอบโกยเอากลิ่นที่ชอบเข้าปอดไปด้วย
โอเมก้าร่างบางยังคงง่วนอยู่กับอาหารตรงหน้าจนไม่ได้สังเกตเลยว่าสามีไม่ได้ทำตามอย่างที่รับคำไว้ จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงกลิ่นฟีโรโมนของสามีที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ถึงได้หันกลับไปเผชิญหน้ากับคนอายุมากกว่า
ภีมพัฒน์เอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัยว่าทำไมเจ้าจอมถึงไม่ยอมไปอาบน้ำตามที่บอกแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร โอเมก้าน้อยขมวดคิ้วมุ่นอยู่ครู่หนึ่งจึงคิดได้ว่าสามีเพิ่งกลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ อาจจะต้องการดื่มน้ำดับเพื่อกระหายก็ได้
"คุณจอมอยากดื่มน้ำหรือครับ" เอ่ยถามออกไปในขณะที่มือยังคงถือไม้พายเคี้ยวซอสไปด้วย
"เปล่า พี่แค่ขี้เกียจอาบน้ำ" อัลฟ่าสามียกยิ้มบางส่งให้ภรรยาที่เอ่ยถามมาอย่างเป็นห่วงเป็นใย
ภีมเป็นเช่นนี้เสมอมาตั้งแต่รู้จักกัน ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาคิดว่ามันไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่กับโอเมก้าร่างน้อยคนนี้นั้นทุกสิ่งอย่างล้วนสำคัญแม้คนอื่นจะมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากแค่ไหนก็ตาม
คนอายุน้อยกว่าหลุดยิ้มออกมาเมื่อสิ้นคำของสามี "ถ้างั้นคุณจอมนั่งรอก่อนนะครับ เดี๋ยวภีมจัดจานให้จะได้ทานก่อนค่อยไปอาบน้ำพักผ่อนกันนะครับ"
โอเมก้ากลิ่นคาโมมายล์พูดยาวเหยียดกับสามีจนคนฟังได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ท่าทีน่าเอ็นดูนั่น น่าหมั่นเขี้ยวนักแหละคนนี้
เด็กก็ยังคงเป็นเด็ก
ถึงมีลูกแล้วก็ยังเป็นเด็กในสายตาเขา
ภีมพัฒน์เอี้ยวตัวกลับเพื่อปิดเตาแก๊ส เขาหยิบเอาจานมาเตรียมไว้สำหรับอาหารมื้อค่ำ หากแต่ยังไม่ทันได้เอาเส้นสปาเก็ตตี้จัดลงจาน เอวคอดก็ถูกสวมกอดจากด้านหลังพร้อมกับสัมผัสนุ่มหยุ่นบนหัวไหล่ที่กดลงมา
ฟีโรโมนกลิ่นเหล้ารัมเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าคนที่มอบไออุ่นให้เขานั้นคือใคร เจ้าจอมคงจะเดินอ้อมโต๊ะอาหารมาสวมกอดเขาเป็นแน่
คนอายุน้อยกว่าไม่ได้เอ่ยห้ามหรือสะบัดกายออกแต่อย่างใด เขาถูกสวมกอดจากสามีเช่นนี้เสมอหลังจากที่อีกคนกลับมาจากทำงานอย่างเหนื่อยอ่อน
จอมบดินทร์เป็นถึงบประธานบริษัท การเป็นหัวหน้าคนแล้วต้องควบคุมลูกน้องมากกว่าพันชีวิตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจหากสามีจะมีอาการอ่อนล้าเช่นนี้กลับบ้านมาทุกวัน
ตัวเขาที่เป็นภรรยา การทำให้สามีผ่อนคลายจากหน้าที่การงานได้บ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรทำ อย่างน้อย ๆ เรื่องกอดก็คงจะพอช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย
อัลฟ่าร่างหนาสวมกอดภรรยาไว้แนบแน่น ดวงตาคู่คมปิดพริ้มลง เจ้าจอมตั้งใจจะโน้มศีรษะลงพักไว้ที่ไหล่มนของภรรยา แต่ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันมากจึงจำต้องวางคางเกยไว้บนศีรษะทุยแทน
โอเมก้าร่างน้อยปล่อยให้สามียืนกอดตนอยู่แบบนั้น มือเรียวที่เคยหยิบจับเครื่องครัวเปลี่ยนมากอบกุมท่อนแขนแข็งแรงของสามีเอาไว้ เขาลูบมันเบา ๆ อย่างเอาใจหวังช่วยให้สามีคลายความเหนื่อยล้าลงได้บ้าง
ความอบอุ่นที่เจ้าจอมเคยมอบให้เสมอมาเขาจะพยายามทำได้เท่าอีกฝ่าย
"พี่คิดถึงภีมจังเลย" อัลฟ่าสามีเอ่ยเสียงอ่อน
"ภีมก็อยู่กับคุณทุกวันนี่ครับ จะคิดถึงทำไม" ภีมพัฒน์ว่าไปตามจริง ตั้งแต่หมั้นจนแต่งงานกันมาไม่เคยมีเลยสักวันที่เราทั้งคู่จะไม่ได้เจอหน้ากัน แม้ช่วงแรกเจ้าจอมจะโหมงานหนักเพราะทุ่มให้กับบริษัทแต่ก็พยายามกลับบ้านให้ตรงเวลาเสมอ
"พี่อยากนอนกับภีม"
"เราก็นอนด้วยกันทุกวันนี่ครับคุณจอม"
พวกเขาทั้งคู่ไม่เคยแยกห้องนอนกันนี่นา
"ไม่ใช่แบบนั้นสิภีม" อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมทอดถอนลมหายใจเสียเฮือกใหญ่ เขากระชับวงแขนที่โอบรัดกายภรรยาให้แน่นขึ้นอีกระดับ ก่อนจะกดจูบบนกลุ่มผมนุ่มนิ่มแล้วเคลื่อนลงต่ำมาขโมยหอมแก้มอีกฝ่าย
โอเมก้าตัวน้อยเมื่อรับรู้ได้ว่าสามีกระทำเช่นนั้นก็มีอาการเขินอายเล็กน้อยจนแก้มและใบหูแดงปลั่งแทบจะกลายเป็นลูกตำลึงสุก "คุณจอม..."
"ภีมรู้ว่าพี่หมายถึงอะไร...ใช่ไหม หืม" เขาตะล่อมถามภรรยาพลางโน้มกายลงจูบที่ท้ายทอย ลากไล้สัมผัสมาจนถึงลำคอระหงของโอเมก้ากลิ่นดอกคาโมมายด์
ภีมขนลุกซู่พลางย่นคอหนีเมื่อได้รับสัมผัสจากสามี แม้จะไม่ใช่สัมผัสที่แปลกใหม่แต่เขาก็ไม่เคยชินกับมันเสียที
อัลฟ่าที่อายุมากกว่าจับกายภรรยาให้หันมาเผชิญหน้าตน เขายกมือหนาขึ้นเกลี่ยเอาปอยผมที่บดบังใบหน้าสวยหวานของออก "ลูกกินนมอิ่มจนหลับแล้ว" เจ้าจอมจับที่ปลายคางมน ออกแรงบังคับให้โอเมก้าน้อยเงยหน้าขึ้นมามองตน
ภีมยกฝ่ามือน้อย ๆ มากอบกุมไว้ที่บ่าไหล่ของสามีด้วยท่าทีประหม่า
"ถึงเวลาของพี่แล้วหรือยัง หื้ม" อัลฟ่าร่างหนาจงใจปล่อยฟีโรโมนยั่วยวนคนอายุน้อยกว่า นานมากแล้วที่เขาไม่ได้หลับนอนกันฉันสามีภรรยา นับตั้งแต่ที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในท้องพวกเขาก็ห่างเหินเรื่องพรรค์นี้ไปเป็นปี จึงไม่แปลกหากเจ้าจอมจะเอ่ยกับภรรยาอย่างตรงไปตรงมาพร้อมกับสายตาแทะโลมที่แสดงออกโจ่งแจ้งเช่นนี้
โอเมก้าแม่ลูกอ่อนเมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นฟีโรโมนของสามีที่รุนแรงขึ้นมาถนัดตาก็เกิดอาการร้อนรุ่มจากภายใน มือน้อย ๆ ที่วางไว้บนไหล่กว้างของสามีออกแรงบีบเบา ๆ ท่อนขาอ่อนแรงพาให้ซวนเซจนจะล้ม ใบหน้าสวยเอียงหนีสายตาหมาป่าที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อของเจ้าจอม
อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมค่อย ๆ ขยับใบหน้าชิดใกล้ภรรยา สายตาจับจ้องที่ลำคอระหง เขาช้อนตามองเสี้ยวหน้าของภีมพัฒน์พร้อมกับพรูลมร้อนเป่ารดต้นคอของภรรยา โอเมก้าตัวน้อยย่นคอหนีสัมผัสหากแต่ไม่ได้ปัดป้องหรือเอ่ยห้าม ทำคนอายุมากกว่ายกยิ้มกริ่มอย่างพอใจ
จอมบดินทร์ใช้สองมือคว้าเอวบางของภรรยาเอาไว้แล้วยกอีกฝ่ายขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ครัว นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องลึกเข้าไปในดวงตู่สวย สื่อสารความต้องการผ่านทางสายตา "ตัวเธอหอมมาก" เจ้าจอมเอ่ยชมภรรยาอย่างที่ใจคิด
ลำแขนแข็งแรงกักขังภรรยาไว้ไม่มีหนทางให้หนี เขาค่อย ๆ โน้มกายลงต่ำ ริมฝีปากหนาทาบทับบนลำคอของคนอายุน้อยกว่า ขบเม้มย้ำ ๆ และเพิ่มแรงกระทำขึ้นเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงหวานครางเครือแผ่วเบา
อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมไล่พรมจูบทั่วลำคอระหงของภรรยาจนมันขึ้นรอยกุหลาบสีแดงเรื่อเป็นจุด ๆ ภีมพัฒน์จิกเล็บจิกมือบนบ่าแกร่งของอัลฟ่าสามีเพื่อระบายอารมณ์บางอย่างที่ค่อย ๆ ปะทุขึ้นมา
"เจ้าคาโมมายด์ของพี่"
ในตอนนี้หากให้พูดว่าเจ้าจอมกำลังถูกมอมเมาด้วยฟีโรโมนของภรรยาก็คงไม่ผิดนัก เมื่อเริ่มมีอารมณ์ร่วมกับสามี โอเมก้าตัวน้อยก็เผลอตัวปล่อยฟีโรโมนสร้างความกำหนัดเสียเต็มที่ เล่นเอาประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ปหลงมัวเมาไปกับกลิ่นกายหอมหวานของภรรยา
เมื่อระดมจูบจนพอใจ คนอายุมากกว่าก็ผละออกมามองภรรยาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ใคร่อยากจนภีมพัฒน์ต้องเบือนหน้าหนีเพราะไม่อาจหาญสู้ดวงตานักล่ากระหายเหยื่อนั่นได้
"หนู...มองพี่" สรรพนามเฉพาะถูกหยิบยกมาใช้เมื่อรู้สึกขัดใจที่ถูกภรรยาหันหนีไม่ยอมสบสายตากันอย่างที่ตนต้องการ
โอเมก้าเม้มปากแน่น ไม่บ่อยนักที่เจ้าจอมจะเรียกเขาเช่นนี้นอกเสียจากยามอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยไฟราคะทั้งตัวเขาและสามี
ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นมาปลดผ้ากันเปื้อนออกจากเอวคอดของภรรยาจนมันร่วงลงไปอยู่ที่พื้นครัว เขาช้อนสายตามองคนเด็กกว่าพร้อม ๆ กับใช้มือข้างเดิมเลิกชายเสื้อของภีมขึ้นสูง โอเมก้าแก้มแดงปลั่งเหมือนลูกมะเขือเทศ แม้จะเขินอายสามีเพียงใดแต่ก็ไม่คิดเอ่ยปากห้ามปราม
ในใจเริ่มกู่ร้องว่าต้องการ
โอเมก้าที่เพิ่งผ่านการมีลูกมาหมาด ๆ เช่นเขา ฮอร์โมนในร่างกายยังไม่คงที่นัก จึงไม่แปลกหากจะรู้สึกโหยหาสัมผัสและไออุ่นจากสามีไม่น้อยไปกว่ากันเจ้าจอม
ชายเสื้อถูกเลิกขึ้นสูงจนเห็นเม็ดทับทิบสีชมพูสวย เจ้าจอมแลบลิ้นเลียริมฝีปากพร้อมช้อนตาจับจ้องภรรยาอย่างหื่นกระหาย "ป๊ากินนมหนูได้ไหมคนสวย" เจ้าจอมยกยิ้มที่มุมปากเมื่อภรรยาส่งเสียงครางในลำคอพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าคล้ายว่าจะเขินอายเต็มทน
"ดูนมหนูสิ น่ากินขนาดนี้ป๊าจะอดใจไหวได้ยังไง...หืม"
"คุณจอม..." โอเมก้าตัวน้อยเปล่งเสียงพูดอย่างสั่นเครือหากแต่ยังไม่ยอมเอามือออกจากใบหน้าสวยของตน
"คุณอะไร เรียกป๊าอย่างที่หนูเคยเรียกสิ" ฝ่ามือหนาของอัลฟ่าคว้าเอาข้อมือภรรยามากอบกุมแล้วออกแรงดึงเปลี่ยนตำแหน่งให้ภีมวางมือลงบนบ่าเขาดังเดิม
โอเมก้าตัวน้อยยังคงหลบสายตาสามีอัลฟ่าลงต่ำ เจ้าจอมจึงแกล้งหยอกภรรยาด้วยการวางสัมผัสจากฝ่ามือร้อนลงบนหน้าท้องบาง ลากไล้แผ่วเบาลงมาจนถึงขอบกางเกงขาสั้นของภรรยา
อาจจะสั้นเพียงครึ่งไม้บรรทัดเท่านั้น ภีมพัฒน์ให้เหตุผลว่าสะดวกต่อการทำงานบ้านและดูแลลูกชายมากกว่า
"คุณจอม..."
"คุณอีกแล้ว อยากให้ป๊าโกรธหนูเหรอ"
อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมเงยหน้าจับจ้องดวงตาของภรรยาคนสวย อีกฝ่ายทำได้เพียงเบนหน้าหลบสายตาหื่นกระหายของสามี
เจ้าจอมไม่ได้สนใจท่าทีของโอเมก้าตัวน้อยอีกต่อไป เมื่ออารมณ์อยากเสพสมมันพุ่งสูงจนไม่อาจต้านได้ เขาช้อนมองเสี้ยวหน้าของภีมพัฒน์ครั้งหนึ่งก่อนจะก้มลงมาฉกชิมความหวานหอมจากหน้าอกเต่งตึงเพราะมีน้ำนมเหลือค้างอยู่ของภรรยา
"อ๊ะ...ป๊า" โอเมก้าตัวน้อยเผลอตัวหลุดเสียงครางเมื่อได้รับสัมผัสนุ่มแถมยังชื้นจากสามีอย่างไม่ได้ตั้งตัว
"อย่างนั้นเด็กดี เรียกป๊าอีกสิ" อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมผละริมฝีปากออก ยืดตัวขึ้นจูบริมฝีปากบางของภรรยาโอเมก้า ดูดดึงมันจนอีกฝ่ายครางเครือ ริมฝีปากบวมเจ่อจากรสจูบที่สามีมอบให้โดยไม่เว้นช่วงให้หายใจ
มือหนาข้างหนึ่งของเจ้าจอมตรึงเสื้อยืดของคนตัวเล็กกว่าไว้เหนืออก อีกข้างที่อยู่ต่ำกว่าก็คอยวนเวียนใกล้กับขอบกางเกงจนโอเมก้ารู้สึกใจไม่ดีอย่างไรชอบกล
"อ้าขาให้ป๊าเข้าไปอีกได้ไหม" เมื่อพอใจกับรสจูบแล้วอัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมก็ผละออกมา น้ำสีใสยืดติดมาเป็นสายแต่ไม่มีใครคิดใส่ใจมัน
ฝ่ามือหนาคว้าเอาข้อพับขาของภรรยาขึ้นมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัวจนตอนนี้มันอยู่ในท่าที่ดูเชิญชวนให้ทำเรื่องอย่างว่า ภีมพัฒน์นึกเขินอายจนต้องหนีบขาเรียวหุบเข้าแต่ก็มีบางสิ่งมาขวางเอาไว้
"อ้าไว้เด็กดี หนูสวยมากตอนอยู่ท่านี้" คำชมของเจ้าจอมยิ่งทำให้ภรรยาตัวน้อยเขินอายหนักกว่าเดิม พวงแก้มใสที่เคยแดงเรื่อก็แดงขึ้นไปอีกหลายเท่า
คนอายุมากกว่ายกยิ้มอย่างพึงใจที่แกล้งภรรยาได้ เขาชอบนักเวลาอีกฝ่ายเขินอายเขาแต่ก็ไม่เอ่ยห้ามราวกับอยากตามใจสามี
ช่างน่ารักเสียจริง
"ป๊าจ๋า..." เสียงหวานเอ่ยเรียกสามี ทำเอาเจ้าจอมสติหลุดไปครู่หนึ่งกว่าจะดึงกลับมาได้
"...จ๋า" อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมตอบรับคำภรรยา เขายกยิ้มละมุนพลางยกฝ่ามือหนาขึ้นเกลี่ยแก้มใสของภีมพัฒน์
โอเมก้าตัวน้อยนิ่งเงียบ เม้มปากชั่งใจอยู่พักใหญ่ว่าควรเอ่ยออกไปดีหรือไม่ หากบอกออกไปแล้วภาพลักษณ์เด็กน้อยแสนขี้อายของเขาก็คงหายไปด้วย
แต่ในตอนนี้อารมณ์ในกายเขามันพุ่งสูงจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
"ภีมเปียกแล้ว"
#โอเมก้าของเจ้าพ่อน้ำหอม
ไม้เรียว!!!!!!!
TW : chomchan_writer
บทที่ 4 หนูภีมเสียงดังโอเมก้าตัวน้อยนิ่งเงียบ เม้มปากชั่งใจอยู่พักใหญ่ว่าควรเอ่ยออกไปดีหรือไม่ หากบอกออกไปแล้วภาพลักษณ์เด็กน้อยแสนขี้อายของเขาก็คงหายไปด้วย แต่ในตอนนี้อารมณ์ในกายเขามันพุ่งสูงจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว "ภีมเปียกแล้ว"คนอายุมากกว่าเกิดอาการนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ฝ่ามือหนาชะงักค้าง ดวงตาคมมองสบกับคนตัวเล็กอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินเขาไม่คาดคิดว่าภรรยาแสนน่ารักของเขาจะกล้าพูดถ้อยคำน่าอายแบบนี้ออกมาแต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเจ้าจอมก็ดึงสติกลับมาได้ ฟีโรโมนกลิ่นเหล้ารัมหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณห้องครัวพาให้โอเมก้าตัวน้อยหายใจติดขัดเม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาเป็นเม็ดเล็ก ๆ ตามกรอบหน้าสวย ขาเรียวออกแรงหนีบเข้าหากันหวังจะระบายอารมณ์ด้วยตัวเองหากแต่ไม่เป็นผลเมื่อมีร่างสูงใหญ่ของสามียืนขวางทางอยู่"หนูพูดอะไรนะป๊าได้ยินไม่ชัดเลย" อัลฟ่าร่างหนายกยิ้มกริ่ม เขาดันร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไปแทรกกลางอยู่ระหว่างขาเรียวของภรรยา ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างคว้าเอาเอวบางมากอบกุมไว้พลางบีบเคล้นเล่นสนุกมือภีมพัฒน์เบนหน้าหนีอย่างเอียงอาย เขารู้ได้ในทันทีว่าโดนสามีอัลฟ่าแกล้งเข้าให้แล้ว ถึงเมื่อครู่เ
บทที่ 4 หนูภีมเสียงดัง (ต่อ)ภรรยาตัวน้อยไม่ได้ใส่ชั้นในแก่นกายน่ารักกระตุกหงึกหงักเมื่อเจ้าของร่างมันตื่นเต้นที่ต้องเปิดกายโชว์ของสงวนให้สามีได้เชยชม ช่องทางด้านหลังเริ่มมีน้ำเมือกสีใสไหลออกมาจากรูสวาทเป็นระลอก ยืนยันว่าเจ้าของร่างกำลังต้องการมากเพียงใดเมื่อสติกลับเข้าที่เข้าทางเจ้าจอมก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์จ้องมองส่วนล่างของภรรยาไม่วางตา"เห็นทีว่าวันนี้คงมีเด็กไม่อยากนอน...ถึงได้แต่งตัวแบบนี้มายั่วป๊า" อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมเอ่ยเย้าหยอกภรรยาพลางใช้นิ้วโป้งปาดริมฝีปากล่างของตัวเองพลางจ้องมองร่างบางตรงหน้าด้วยสายตาหื่นกระหายไม่ปิดบังโอเมก้าตัวน้อยได้แต่หลุบตาลงต่ำหลบสามี จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าจอมกระทำการอุกอาจ อัลฟ่าใช้ท่อนแขนช้อนเอาข้อพับขาของภรรยาขึ้นสูงจนมันพาดอยู่บนบ่ากว้างของเขา ภีมพัฒน์ตกใจเผลอตัวคว้าท่อนแขนของสามีเพราะเกรงว่าจะไถลลงพื้นจนเจ็บตัวกางเกงสแลคที่ยังเหลืออยู่บนตัวถูกเจ้าของมันรั้งลงพร้อมกับชั้นในอย่างรีบร้อน แก่นกายของอัลฟ่าดีดผงาดขึ้นมา ภีมพัฒน์ยังคงก้มหน้าอยู่จึงได้เห็นตัวตนของสามีเสียเต็มตาด้วยความเขินอายจึงรีบเงยหน้า เข้าทางเจ้าจอมพอดิบพอดี อัลฟ่าสามีประกบจูบภรร
บทที่ 5 คุณจอมนะคุณจอม"สงสัยหนูภีมจะเสียงดังเกินไป...ใช่ไหม" อัลฟ่าสามียกยิ้มแกล้งแซวภรรยาตัวน้อยในขณะที่ช่วงล่างยังคงขยับเข้าออกช้า ๆ เพื่อรีดเอาน้ำเชื้อของเขากักเก็บไว้ในรูรัก"คุณจอม...เอาออกก่อนนะครับ" คนใต้ร่างเอ่ยบอกเจ้าจอมเสียงแหบแห้ง ตอนนี้เขากระหายน้ำมากเหลือเกิน แต่ลูกชายตัวน้อยก็กำลังแผดเสียงร้องจ้า เขาคงต้องรีบไปปลอบขวัญเสียก่อนไม่น่าเชื่อคุณจอมเลยเจ้าภีมอัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมโน้มกายมาประกบริมฝีปากภรรยาตัวน้อย ดูดดึงสิ่งนุ่มหยุ่นนั้นอยู่นานเกือบนาทีจนได้ยินเสียงร้องจ้าของลูกชายอีกครั้งจึงตัดใจผละออกเขาถอนแก่นกายออกจากช่องทางเปียกชื้นของโอเมก้า น้ำสีขาวขุ่นไหลย้อยลงมาตามช่วงขาขาวที่ตั้งชันไว้ ช่างดูสวยงามจนจอมบดินทร์มองมันไม่ละสายตา อยากจะกลืนกินภรรยาซ้ำ ๆ จนช่องทางรักไม่เหลือที่ว่างภีมพัฒน์เม้มปากแน่น พยายามไม่สบสายตากับอัลฟ่าสามี เพราะถึงแม้จะทำกันจนเสร็จสมไปแล้วแต่คนตรงหน้ายังมีดวงตานักล่าแฝงอยู่ คนตัวเล็กใช้ข้อศอกยันกายขึ้นนั่งบนโต๊ะอาหาร ดึงเสื้อยืดที่ถูกร่นขึ้นไปลงมาปิดหัวนมสีชมพูและหน้าท้องที่มีรอยแผลผ่าคลอดของตัวเอง"คุณจอม ภีมจะไปหาลูกครับ" โอเมก้ากลิ่นคาโมมายล์ข
บทที่ 5 คุณจอมนะคุณจอม (ต่อ)แค่คิดก็แทบถึงฝั่งถ้าได้ช่องทางของภรรยามาช่วยคงจะดีไม่น้อย"หนูภีม อ๊ะ ป๊าอยาก ซี๊ดด อยากXXXหนู" เจ้าจอมเอ่ยออกมาอย่างไม่อายปาก เขาใช้สายตาหื่นกระหายจ้องมองภรรยาตัวน้อยไม่วางตา เมื่อโอเมก้ากลิ่นคาโมมายล์เสมามองด้วยดวงตาราวกับลูกกวางตัวน้อยเขาก็เร่งรัวข้อมือรูดขึ้นลงอย่างไวภีมพัฒน์ทำตัวน่าถูกจับกระแทกนัก"ป๊าอยากได้XXหนูภีม" จอมบดินทร์ยังคงเอ่ยบอกภรรยาด้วยประโยคที่แสดงถึงความต้องการอย่างไม่ปิดบังอารมณ์อยากผสมพันธุ์ตามสัญชาตญาณของอัลฟ่ามันพุ่งสูงเสียเหลือเกิน เขาอยากจับภรรยาตัวน้อยมาชำเราบนโซฟานุ่มตัวนี้จนรุ่งสางห่างหายไปนานก็ต้องทบต้นทบดอกโอเมก้ามองสบดวงตาสีน้ำตาลเข้มของสามี เขาเข้าใจดีว่าอาการรัทของอัลฟ่ามันทรมานมากเพียงใด แต่ในตอนนี้โอเมก้าน้อยกำลังให้นมลูกอยู่ถึงแม้เจ้าตัวน้อยจะหลับไปแล้วแต่ปากยังคงดูดเต้าไม่ปล่อย จึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสามีอัลฟ่าข้างกายได้เต็มที่ เขาจึงทำเพียงแค่โน้มใบหน้าเข้าหาเจ้าจอมเล็กน้อยแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาก็ถูกอัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมรั้งคอไปประกบจูบดูดดื่มจนแทบหายใจไม่ทัน "ภีม หนูภีม...ซี๊ดด อ๊าา"เมื่อได้จุม
บทที่ 6 จอมบดินทร์กล่อมลูกเจบีดีกรุ๊ปเป็นบริษัทผลิตเครื่องสำอางจำพวกน้ำหอมที่มีสาขาย่อยกระจายอยู่ทุกภูมิภาค รวมแล้วก็ประมาณแปดสาขา จอมบดินทร์ขยายธุรกิจได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วนั้นส่วนหนึ่งก็เพราะเขาพึ่งพาทุนทรัพย์ของบุพการีแม้จะมีเงินฝากในธนาคารหลายบาทและเขาคิดว่ามันเพียงพอแต่ทั้งพ่อและแม่ก็ยังดื้อรั้นที่จะช่วยเขาจึงเหนื่อยห้ามปรามแต่สาขาย่อยที่กระจายออกไปเป็นการลงทุนของเขาทั้งสิ้น เหตุผลหลักที่เร่งขยับขยายกิจการก็เพราะต้องการกอบโกยในช่วงขาขึ้น วงการธุรกิจมันมีขึ้นมีลงเสมอและผลลัพธ์มักมาโดยไม่บอกกล่าว เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องรีบสร้างฐานตัวเองให้มั่นคงมากที่สุดแปดสาขาที่ว่าเป็นเพียงโกดังเก็บผลิตภัณฑ์เพื่อกระจายตัวน้ำหอมออกสู่ตลาดได้ง่ายและไวขึ้นก็เท่านั้นสำนักงานใหญ่และโรงผลิตยังตั้งอยู่ในเมืองหลวง หากนับรวมเวลาปีนี้ก็เป็นปีที่ห้าที่เจบีดีกรุ๊ปก่อตั้งขึ้น ดูเป็นระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ที่ทำให้จอมบดินทร์ประสบความสำเร็จแต่ในความคิดของเจ้าตัวไม่ได้เป็นแบบนั้นมันออกจะช้าไปเสียหน่อย ส่วนหนึ่งเพราะเขาริเริ่มมันช้า อีกส่วนคือเขากดดันตัวเองมาตั้งแต่แรกและยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีกเมื่อมีแก้วตาดวงใจ
บทที่ 7 ภีมพัฒน์เคืองสามีเมื่อคืนจอมบดินทร์มีความผิด โทษฐานหอบลูกน้อยหนีภรรยา เช้าวันนี้จึงต้องนั่งอย่างสงบเสงี่ยมรอทานมื้อเช้าฝีมือโอเมก้าน้อย‘ภีมโกรธคุณจอม’ประโยคนั้นทำเขาไม่กล้าขยับแม้เพียงก้าวเดียว ยืนกุมมืออยู่หน้าประตูห้องนอนด้วยผ้าขนหนูที่พันช่วงล่างเอาไว้ ช้อนตามองภรรยารักแต่คนบนเตียงกลับนิ่งเฉย ก้มมองแต่ลูกไม่วางตาจนเจ้าตัวน้อยหลับไปก็ไม่หันมาสนใจเขามิหนำซ้ำยังพลิกกายนอนตะแคงกอดลูกแล้วนอนไปพร้อมกัน เหลือแค่เขาที่ยังยืนเจี๋ยมเจี้ยมไม้กล้าก้าวเท้า แต่สุดท้ายก็ต้องค่อย ๆ ย่องเบาเข้าห้องแต่งตัวแล้วรีบมานอนกอดโอเมก้าน้อยประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ปอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ท่อนล่างสวมกางเกงสแลคสีดำ เสื้อสูทถูกเขาวางพาดไว้บนเพนักเก้าอี้แล้วทรุดกายนั่งลงตำแหน่งหัวโต๊ะ ข้างกายมีเด็กชายนั่งเก้าอี้ประจำตัว ใบหน้าอิ่มเอม ยิ้มจนตากลายเป็นสระอิน่าเอ็นดูต่างจากผู้เป็นพ่อที่ได้แต่มองตามทุกการกระทำของโอเมก้าน้อยตาละห้อย“มีอะไรให้พี่ช่วยไหม” เสียงทุ้มของอัลฟ่าเอ่ยถามออกไปอย่างกระตือรือร้น เขาชะเง้อมองซ้ายขวาเผื่อจะช่วยหยิบจับอะไรได้บ้าง“ไม่เป็นไรครับ ภีมทำเองดีกว่า” ภีมพัฒน์กล่าวกับสามีอั
บทที่ 8 โปรเจคน้ำหอมใหม่เจบีดีกรุ๊ปมีตึกสำนักงานใหญ่อยู่ในใจกลางเมืองหลวง มันสูงระฟ้าหลายสิบชั้นเพราะภายในนั้นรวมทุกอย่างที่บริษัทยักษ์ใหญ่ควรจะมี อีกทั้งพื้นที่ขนาดใหญ่ด้านหลังก็เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตและห้องแล็ปทดลองวันนี้บอร์ดบริหารมีการประชุมครั้งใหญ่ในเรื่องของโปรเจคน้ำหอมกลิ่นใหม่ที่ทำมาจากดอกเจอราเนียมหรือดอกปากนกกระเรียน เพราะทางสวนภักดีได้เมล็ดชั้นดีมาจึงลองเพาะพันธุ์แล้วส่งให้กับเจบีดีกรุ๊ปตามสัญญาที่ตกลงกันไว้แน่นอนว่าผู้บริหารอย่างจอมบดินทร์เป็นคนควบคุมทุกกระบวนการเองตั้งแต่นำดอกไม้มาเข้าห้องแล็ปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย มันถูกปรับเปลี่ยนแก้ไขอยู่หลายสิบครั้งเพราะเจ้าจอมต้องการให้น้ำหอมทุกกลิ่นของเจบีดีกรุ๊ปออกมาดีอย่างไม่มีที่ติจนกระทั่งวันนี้ที่นัดประชุมใหญ่เพื่อหาข้อสรุปว่าตัวน้ำหอมในโปรเจคใหม่นี้พร้อมสำหรับการวางขายแล้วหรือไม่อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมนั่งอ่านแฟ้มรายงานการประชุมเมื่อคราวก่อนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ปากกาในมือถูกตวัดจดลงบนกระดาษเป็นข้อ ๆ เขาต้องการทบทวนว่าครั้งก่อนได้ข้อสรุปในเรื่องไหนไปแล้วบ้างและเรื่องไหนที่ยังตกลงกันไม่ได้เขายกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาเมื่อเห็นว่าใกล้เว
บทที่ 9 พี่อยาก...ตรงนี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่เจบีดีกรุ๊ปมีการประชุมบอร์ดบริหารครั้งใหญ่เพราะจอมบดินทร์ประธานสูงสุดของบริษัทได้ริเริ่มโปรเจคน้ำหอมกลิ่นใหม่ที่ผ่านการเข้าห้องแล็ปมาไม่ต่ำกว่าสามเดือน แน่นอนว่ามันใกล้จะเข้าที่แล้วจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องนัดประชุมครั้งใหญ่แบบนี้เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นหลักที่จอมบดินทร์ให้ความสนใจความจริงแล้วโปรเจคนี้ได้ข้อสรุปไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อหรือจะดำเนินแผนการตลาดอย่างไร แต่ที่อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมต้องจัดประชุมครั้งนี้อย่างเร่งด่วนก็เพราะเขาเห็นความผิดปกติของรายการบัญชีบางรายการตัวเลขมันไม่ได้กระโดดจนเขาสังเกตเห็นได้ทันที แต่ค่าใช้จ่ายในการออกไปนอกสถานที่มันเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มีการบันทึกบัญชี จากห้าพันเป็นเจ็ดพัน จนกลายเป็นหลักหมื่นและในตอนนี้มันมากกว่าครึ่งแสนต่อครั้งไปแล้วในหนึ่งเดือนมีการเบิกค่าใช้จ่ายตัวนี้ไปกว่าสิบครั้ง ซึ่งจากที่เขาได้รับรายงานมาจากสรุปมันไม่ถึงสิบครั้ง นั่นแปลว่าเจบีดีกรุ๊ปมีเงินจำนวนหนึ่งที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะมันไม่ได้มีการออกนอกสถานที่จริงเป็นค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่เกิดขึ้นเพราะคนกลุ่มหนึ่งที
บทที่ 20 พี่รัท เธอฮีท...เราควรทำอย่างไรดี"อ๊า! อ๊ะ อ๊ะ...ป๊า อ๊ะ!" เสียงกระเส่าของโอเมก้าแทบดังลั่นภูเขาลูกหนึ่ง สาเหตุก็มีเพียงอย่างเดียวคือถูกจอมบดินทร์รังแกจนตัวลอยตาลอย แม้จะอยากเม้มปากกลั้นเสียงก็ไม่สามารถทำได้ตามใจหวังท่อนลำใหญ่กระแทกกระทั้นปรนเปรอช่องทางเปียกชื้นจนมันบวมเป่งแต่อัลฟ่ากลับยังไม่พอใจ หยัดสะโพกตอกใส่ภรรยาจนหัวสั่นหัวคลอน ริมฝีปากอ้าออกหอบเอาอากาศทุกวินาที บางจังหวะก็ส่งเสียงร้องคล้ายกับจะขาดใจ"อ๊าา เสียวxxxชิบ อีกนิดค่ะคนสวย" อัลฟ่าสามีเอ่ยลอดไรฟัน ท่อนแขนอุ้มกระเตงภรรยาไว้ในอ้อมแขนแล้วกระแทกสะโพกส่งตัวตนเข้าไปด้านในตัวภีมพัฒน์หนักหน่วงจอมบดินทร์ตั้งใจว่าจะพาภรรยาไปพลอดรักเร่าร้อนที่ด้านหลังรถ แต่เพราะเจ้าดอกไม้เอ่ยห้ามไว้ กลัวว่าน้องพีชที่หลับอยู่จะรับรู้ถึงแรงสะเทือนและกลิ่นฟีโรโมนเข้มข้นของพวกเขาเขาไม่มีทางเลือกยอมตามใจภรรยาไม่เข้าไปด้านในรถแต่อารมณ์ที่พุ่งสูงก็ไม่สามารถกล่อมให้เบาลงได้ นอกเสียจากจะได้ปลดปล่อยกับคนรัก"อ๊ะ! ฮ...อ๊า ป...อ๊ะ" เรียวแขนทั้งสองข้างตวัดโอบรอบคอสามีไว้แน่น นิ้วทั้งสิบก็จิกลงเนื้อหนังของเจ้าของอ้อมกอดจนห้อเลือด แม้จะกลัวอีกฝ่ายเจ
บทที่ 19 คืนนี้...เขาลูกนี้เป็นของเรา“ค...คุณจอม” เสียงหวานกระเส่าของโอเมก้าน้อยเรียกให้ผู้เป็นสามีละจากลำคอขาวขึ้นมามองสบกันเจ้าจอมยกยิ้มมุมปาก มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นมาจับคางมนให้เชิดขึ้นมองตนก่อนจะเอ่ยเสียงกระซิบ “เรียกใหม่ค่ะ หนูต้องผัวว่าอะไร”“ป๊า...อื้อ” ยังไม่ทันเอ่ยได้จนจบประโยค อิสระก็ถูกพรากไปด้วยรสจูบดุดันจากสามี มันทำให้แขนขาเขาอ่อนเปลี้ยหาที่จับยึดไม่ได้เลยทีเดียว“เชื่อฟังดีมากหนูภีม”เจ้าดอกไม้นอนแผ่หลาอยู่บนกระโปรงรถหลังถูกสามีรั้งตัวมากอดแนบชิดแล้วพรมจูบไล่ไปทั้งตัวโอเมก้าน้อยอยู่ในอ้อมกอดของจอมบดินทร์ในท่าลิงอุ้มแตง เขาจึงคิดว่าสามีจะพาไปด้านหลังตัวรถแต่กลับไม่ใช่เป็นกระโปรงด้านหน้ารถแทนเธอยั่วพี่เองภีมพัฒน์...ไม่น่าเลย“ป...ป๊า มันโล่งไป” เสียงหวานเอ่ยบอกเจ้าจอมอย่างประหม่า ดวงตาคู่สวยหันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวัง“ภีมกลัวมีคนมาเห็น”แม้คำพูดและท่าทางจะแสดงออกว่าตื่นกลัว แต่ก้อนเนื้อในอกกลับตรงกันข้ามตื่นเต้น...ใช้เป็นคำนิยามได้ดีทีเดียวประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ปยกยิ้มอย่างเอ็นดูภรรยา แต่สายตาของผู้ล่าและฝ่ามือหนาที่ขย้ำเอวคอดอยู่กลับเตรียมพร้อมตะครุบเหยื่อในทันที “
บทที่ 18 เธอยั่วพี่เองเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงหลังออกจากปั๊มน้ำมันก็มาถึงสถานที่สำหรับพักผ่อนของพวกเขาในสัปดาห์นี้ มันเป็นพื้นพี่ราบบนภูเขาลูกหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือ จอมบดินทร์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ดูแลไว้แล้ว เมื่อมาถึงก็สามารถขับรถเข้ามาจอดได้เลยอัลฟ่าร่างสูงอยู่ในชุดลำลองที่ไม่บางมากนัก เสื้อยืดสีครีมและกางเกงคาร์โก้สีเดียวกันถูกเขาหยิบมาใส่เมื่อเช้าก่อนออกเดินทาง แม้ไม่ได้ทำอะไรหนักหน่วงจนเหงื่อโทรมกายแต่ในตอนนี้เขาอยากอาบน้ำเป็นอย่างแรก เผื่อว่าสายน้ำเย็น ๆ จะช่วยให้อารมณ์ร้อนรุ่มภายในใจเขาทุเลาลงไปบ้างแค่นิดเดียวก็ยังดีเจ้าจอมยืนเอนกายพิงกระโปรงรถอยู่ด้านนอก ท่อนแขนทั้งสองข้างประสานกันไว้กลางอก ลมหายใจสูดเข้าออกลึกเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ภายในเมื่อชั่วโมงก่อนเขาเกือบพาลูกเมียพบเจอกับอุบัติเหตุเพราะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ฝ่าเท้าเหยียบเบรคมิดจนโอเมก้าข้างกายหัวขมำ โชคดีที่เส้นทางนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นภีมพัฒน์ถูกสามีเอ่ยห้ามไม่ให้ตามออกไปด้านนอกแม้จะถึงที่หมายแล้ว อีกฝ่ายอ้างว่าเพราะลูกชายยังไม่ตื่นจึงให้เขาอยู่เป็นเพื่อนน้องพีชก่อน ส่วนตัวเองจะออกไปส
บทที่ 17 คุณจอม...เป็นอะไร"คุณจอมครับ..." โอเมก้าน้อยเอ่ยเรียกสามีเสียงแผ่ว ใบหน้าสวยฉายแววความกังวลอยู่มาก ท่าทีที่แสดงออกก็เช่นกัน ฝ่ามือบางกำเข้าหากันด้วยความประหม่า ในหัวคงคิดหลายเรื่องราวจนพันกันยุ่งเหยิง คิ้วทั้งสองข้างจึงชนเข้าหากันอัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมยกยิ้ม ภีมพัฒน์ในตอนนี้เหมือนลูกกระต่ายขี้กลัวแม้เขาจะไม่รู้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายกลัวคืออะไร แต่ไม่ได้กลัวเขาแน่นอนวันนี้เขายังไม่ได้แกล้งเจ้าดอกไม้เลยสักนิดเดียว หน้าที่สามีและพ่อก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย"หื้ม ว่าไงคะ" จอมบดินทร์มองภรรยาด้วยความรัก ระบายยิ้มอ่อนโยนให้คนตรงหน้าพร้อมกับปิดแฟ้มเอกสาร ท่อนแขนหนายกขึ้นมาตั้งไว้บนโต๊ะ ศีรษะจึงเอียงลงแนบกับฝ่ามือ นัยน์ตาคมก็จับจ้องภีมพัฒน์ไม่ละสายตาโอเมก้าน้อยหลุบตาลงต่ำ สองเท้าสาวเข้าใกล้สามีจนกระทั่งมายืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองพวกเขายังอยู่ในห้องทำงานของประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ป จอมบดินทร์นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานในขณะที่มีภรรยาตัวน้อยยืนกุมมืออยู่ตรงหน้า ส่วนลูกชายถูกอเล็กซ์ขโมยไปตั้งแต่ช่วงเที่ยง จนป่านนี้ก็ยังไม่พาหลานมาคืน ไม่รู้ว่าไปเล่นซนกันถึงไหนแล้วเ
บทที่ 16 เมียผมไม่เคยน้อยหน้าใคร"เงียบปากเดี๋ยวนี้คุณดรีม""กล้าพูดกับฉันแบบนี้หรือ"ประธานแห่งเจดีบีกรุ๊ปได้ยินคล้ายคนมีปากเสียงกันหลังจากรีบวิ่งตามอเล็กซ์เพื่อนตัวดี อาจจะหนึ่งหรือสองคนหรือมากกว่านั้น มีหลายประโยคที่เขาฟังไม่ถนัดแต่ที่แน่ชัดคือทุกคนกำลังโจมตีคน ๆ เดียวกันเพื่อนอัลฟ่ากระหืดกระหอบขึ้นไปเรียกเขาถึงในห้องทำงาน อีกทั้งยังรีบเร่งเสียจนนึกรำคาญ แต่พอได้ยินว่าเรืองที่เกิดขึ้นมีชื่อของภีมพัฒน์เข้าไปเกี่ยวข้องก็รีบจ้ำอ้าวจนแทบกลายเป็นวิ่งในทันทีประตูห้องสตูดิโอที่ชั้นล่างสุดของตึกเปิดอยู่ มีพนักงานใส่เสื้อสีดำระบุคำว่า staff ยืนจับกลุ่มกันสองถึงสามคน เมื่อได้กลิ่นฟีโรโมนที่จำได้ว่าเจ้าของมันเป็นผู้บริหารสูงสุดของที่นี่ก็รีบพากันหลีกให้พ้นทาง"คุณสูงส่งมาจากไหนถึงได้หยาบคายกับคุณภีมแบบนั้น""แล้วคุณภีมอะไรนั่นมันสูงกว่าฉันตรงไหน ทำไมจะพูดถึงไม่ได้"ประโยคแรกเป็นเสียงผู้หญิงคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นหนึ่งในพนักงานของบริษัท ฟังจากน้ำเสียงคงจะโมโหอยู่มากแต่ยังไว้หน้าไม่หยาบคายใส่คู่สนทนาแต่ประโยคถัดมาเขาไม่คุ้นหูเลยสักนิด"หยุดเดี๋ยวนี้นะ ให้เกียรติคุณภีมด้วย""เป็นถึงเมียประธ
บทที่ 15 ขอโทษที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้"ภีม...วันนี้หนูเป็นอะไรคะ บอกพี่หน่อยคนดี" อัลฟ่ากลิ่นเหล้ารัมเอ่ยถามภรรยาตัวน้อยหลังจากเร่งเดินตามอีกฝ่ายภีมพัฒน์เดินดิ่งจากสตูดิโอชั้นล่างขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นผู้บริหารซึ่งเป็นชั้นทำงานประจำของเขา เจ้าจอมเกือบตามภรรยาทันตั้งแต่เมื่อครู่แล้วแต่คนอายุน้อยก็ไวเหลือเกิน รีบปิดประตูลิฟต์จนเขาต้องชักเท้าชักมือออกเกือบไม่ทันกว่าลิฟต์จะว่างก็ตอนที่เขาวิ่งขึ้นไปห้าจากยี่สิบชั้น รู้ว่ามันคงเหนื่อยเพราะตนก็ใกล้เข้าเลขสี่เต็มที ไม่ได้หนุ่มแน่นวิ่งได้หลายชั่วโมงติดกันเหมือนแต่ก่อนแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหอบแฮกขนาดนี้"ภีมเปล่าครับ""เธอเป็น"คุณแม่ลูกอ่อนยังคงเบี่ยงหน้าไม่ยอมสบสายตากับสามี มิหนำซ้ำยังกระถดกายถอยหลังตอนที่จอมบดินทร์ขยับเข้าใกล้ ทำอัลฟ่าใจร่วงไปอยู่ตาตุ่ม หัวคิ้วพันกันมุ่นเพราะคิดไม่ตกว่าเมื่อเช้านี้เขาทำอะไรพลาดไป"คนดี...พี่ทำอะไรผิดหรือเปล่า เธอบอกพี่สิ เธอเงียบแบบนี้พี่เดาใจเธอไม่ถูก" เจ้าจอมยังคงพูดหว่านล้อมภรรยาแต่ก็ไม่ได้ผลเช่นเคย"เธอไม่ถูกใจที่พี่ทำตรงไหนหรือเปล่า""ไม่มีครับ""น้องพีช ช่วยคุณพ่อหน่อยสิครับ"เมื่อคุยกับภรรยาไม่ได้ผลก็เปลี่ย
บทที่ 14 เธอเป็นอะไรใกล้เวลาที่เจบีดีกรุ๊ปจะเฉิดฉายอีกครั้งหลังห่างหายจากวงการไปเกือบปีแต่ความนิยมกลับไม่ได้ลดน้อยลงจอมบดินทร์ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนกว่าจะเลือกพรีเซนเตอร์ของคอลเลคชั่นนี้ได้ มีหลายสิบรายชื่อที่ฝ่ายการตลาดเสนอมาให้ แต่ทุกคนล้วนมีประวติไม่ดี ทั้งภูมิหลัง ทั้งการกระทำ หรือข่าวลือว่าร้ายต่าง ๆเหตุผลที่คัดมาให้เลือกก็คือยิ่งมีข่าวฉาวมากเท่าไหร่ จะยิ่งได้ผลตอบรับดีแต่ประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ปไม่ต้องการอย่างนั้น ครั้งก่อน ๆ พวกเขาใช้เพียงอินฟลูเอนเซอร์เป็นตัวช่วยในการโปรโมท แม้ไม่ใช่ดาราคนดังแต่ก็เป็นกระแสมากจนทุกวันนี้ครั้งนี้จอมบดินทร์ทุ่มไปกับมันมาก ไม่ใช่ทุกครั้งที่เขาจะเข้าห้องแล็ปด้วยตัวเองเหมือนครั้งนี้ แต่เพราะมันเป็นดอกไม้ที่มาจากสวนภักดี เขาจึงใส่ใจมันเป็นพิเศษปกติแล้วจะเป็นดอกไม้ทั่วไป แต่ดอกเจอราเนียมเป็นดอกไม้ที่ภีมพัฒน์แนะนำแม่ให้นำมาลองปลูกดู หากได้ผลดีก็อาจจะนำมาให้เขาทดลองทำน้ำหอมอย่างที่ทำอยู่เขาอยากให้ภรรยาภูมิใจที่สามีอย่างเขาสามารถเลี้ยงดูทั้งตัวเองและลูกน้อยได้สบายวันนี้จอมบดินทร์พาสองแม่ลูกมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า เจ้าตัวน้อยอยู่ในชุดจั๊มสูทเช่นเ
บทที่ 13 พวกมันหลับกันหมดแล้วลูกชายตัวน้อยเข้าสู่ห้วงนิทราไปนานแล้ว ร่างน้อย ๆ นั่นนอนอยู่บนเบาะนอนสำหรับเด็กที่ท้ายรถ ตอนนี้มันถูกปิดท้ายขึ้นครึ่งหนึ่งเหลือไว้เพียงช่องด้านบนให้อากาศถ่ายเทเด็กชายนอนยิ้มรับฝันหวาน ส่งเสียงอ้อแอ้แผ่วเบาเป็นสัญญาณว่าตนมีความสุขแต่ห่างออกไปไม่กี่เมตรกลับมีเสียงหนึ่งดังแว่วเข้ามา มันทั้งฟังดูเจ็บปวดแต่ก็เปี่ยมไปด้วยสุขจนล้นรถของอัลฟ่ากับกรงสัตว์อยู่ห่างกันเพียงแปดเมตร ซึ่งตรงกลางระหว่างนั้นมีเก้าอี้หินอ่อนอยู่ตัวหนึ่ง มันถูกตั้งไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือคนที่มาเยี่ยมเยียนหยุดพักในตอนนี้มันก็ถูกใช้นั่งพักเช่นกันแต่ไม่ใช่การนั่งพักธรรมดา"อ๊ะ...อ ค...ป๊า" โอเมก้าน้อยส่งเสียงออกมาไม่เป็นคำ ปากเขาไม่ว่างเอ่ยคำใดในตอนนี้ แต่ถ้าหากไม่เอ่ยอะไรเลยเขาคงขาดอากาศหายใจ"อ๊า...ว่าไงคะคนสวย" จอมบดินทร์ก้มลงมองภรรยา นัยน์ตาสีหวานเคลือบไปด้วยน้ำสีใส ดวงตาแดงเรื่อน่าเอ็นดู ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นห่อรับเอาตัวตนเขาไว้จนคับแน่นไปหมดเขาชอบปากของภีมพัฒน์เป็นที่สุดทั้งปากบนปากล่างอัลฟ่าถอนแก่นกายออกอย่างจำใจ ปล่อยคุณแม่ลูกอ่อนให้เป็นอิสระจากพันธนาการ อีกฝ่ายสูดลมหายใจเฮือก
บทที่ 12 น้ำตกหลังศูนย์พักพิงเมื่อสองเดือนก่อนได้ข้อสรุปสำหรับน้ำหอมกลิ่นใหม่ที่สกัดจากดอกเจอราเนียมแล้ว แต่นั่นมันแค่ครึ่งทางเท่านั้น ยังมีเรื่องของตัวบรรจุภัณฑ์ที่จอมบดินทร์ยังตัดสินใจไม่ได้เสียทีว่าจะเอาแบบไหน ชื่อน้ำหอมก็ยังเลือกไม่ได้ จะโปรโมทแบบไหน ทำการตลาดอย่างไร หรือใครจะมาเป็นพรีเซนเตอร์ก็ยังไม่ได้คำตอบจากท่านประธานเหล่าพนักงานโดยเฉพาะแผนกการตลาดก็นำเสนอรายการต่าง ๆ มาอยู่ตลอด แต่เจ้าจอมก็ปัดตกมันไปทุกครั้งโดยให้เหตุผลว่าดีแล้ว...แต่ยังไม่ดีที่สุดวันไหนที่ภีมพัฒน์ถูกสามีลากให้ตามมาที่บริษัทด้วย ตนก็จะกลายเป็นผู้ตัดสินอีกคนหนึ่ง แต่อำนาจสุงสุดยังคงเป็นของจอมบดินทร์ หากเขาพอใจแต่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ เขาก็ขัดอะไรไม่ได้อยู่ดีนึกสงสารพนักงานกลุ่มนั้นอยู่ไม่น้อยที่ถูกสั่งแก้งานไปไม่รู้กี่ร้อยครั้ง แม้ไม่ได้ถูกกล่าวว่าร้ายหรือตะคอกขึ้นเสียงเหมือนที่อื่น ๆ แต่ความกดดันกลับมีอยู่มากทีเดียว แต่ก็เข้าใจสามีที่เป็นประธานแห่งเจบีดีกรุ๊ปว่าทุกอย่างที่เขาทำต้องออกมาดีไร้ที่ติหลายครั้งจอมบดินทร์ไม่ยอมกลับไปพักที่บ้านจนโอเมก้าน้อยต้องโทรตามหลายครั้งที่่นั่งจมกับกองเอกสารจนปวดศีรษะตุบ ยังดี