เมื่อหม่อนไหมทิ้งตัวลงบนที่นอนรามสูรก็รีบขึ้นตามไปทาบทับร่างบางของเธอทันทีใบหน้าหล่อเหลาก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นละมุนไปด้วยกลิ่นน้ำนมจากครีมอาบน้ำที่กระตุ้นความปรารถนาในกายของเขาให้ลุกโชนประหนึ่งเปลวไฟร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาร่างบางของหม่อนไหมให้อ่อนละลายกลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟปลายริ้นเร่าร้อนสอดผ่านกลีบปากนุ่มของเธอเข้าไปเกี่ยวพันลิ้นเล็กเรียวของหม่อนไหมอย่างไม่เกรงใจมือใหญ่ข้างหนึ่งลูบไล้แก้มเนียนแดงปลั่งของเธออย่างอ่อนโยนส่วนอีกข้างบีบเคล้นสะโพกอวบอิ่มของเธอราวกับมันคือฟองน้ำนุ่มนิ่มที่ยิ่งบีบก็ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้“อ๊า พี่รามขา”ยามที่ริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระหม่อนไหมก็เปล่งเสียงครางหวานหูออกมาด้วยความเคยชินเมื่อสัมผัสของรามสูรคล้ายกำลังทำให้เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงมหาสมุทรที่ไม่ว่าจะพยายามแหวกว่ายขึ้นมาบนฝั่งมากเท่าไหร่ก็กลับจมดิ่งลงไปลึกถึงก้นมหาสมุทรมากเท่านั้น“อืม หนูหม่อนจ้านุ่มเหลือเกิน”รามสูรตอบสนองเสียงครางของหม่อนไหมด้วยการเลื่อนใบหน้าลงไปชิมความหอมหวานจากอกอวบอิ่มที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพราะกำลังตั้งครรภ์เรียวลิ้นซุกซนหยอกล้อปทุมถันที่เริ่มแข็งภายใต้การเล้าโลมของเขาจนน้ำลายชุ
เช้าวันต่อมากริ๊ง กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังอยู่บนหัวเตียงทำให้รามสูรที่เพิ่งล้มตัวลงนอนได้ไม่ถึงห้าชั่วโมงพลันลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีแรงขยับตัวแม้เพียงเล็กน้อยของรามสูรทำให้หม่อนไหมสะดุ้งน้อยๆพร้อมกับขยับตัวตามเขาแต่ยังคงไม่ลืมตาตื่นใบหน้าเนียนใสยับย่นเล็กน้อยคล้ายกำลังรู้สึกโมโหที่ถูกรบกวนการนอนหลับพักผ่อน“จุ๊ จุ๊ จุ๊ นอนต่อนะคะเด็กดี”น้ำเสียงอบอุ่นเอ่ยบอกหม่อนไหมที่ซบใบหน้าอยู่บนอกแกร่งก่อนที่รามสูรจะยื่นมือไปตบเบาๆที่แผ่นหลังของเธอทำให้หม่อนไหมที่ขยับตัวไปมายุกยิกหยุดการเคลื่อนไหวและหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอก่อนที่รามสูรจะจัดท่านอนให้เธอใหม่โดยหยิบหมอนข้างมาให้เธอกอดแทนเขา“ได้เวลาทำมื้อเช้าให้ครอบครัวแล้วสินะเรา”เมื่อลงมาจากเตียงนอนรามสูรก็บิดตัวไปมาเบาๆพร้อมพึมพำถึงสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้ซึ่งความจริงแล้วรามสูรไม่ได้ตั้งใจที่จะตื่นเช้าขนาดนี้ แต่เนื่องจากเมื่อวานบิดาของเขาส่งข้อความมาบอกว่ามารดาของเขานั้นน้อยใจเรื่องที่เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์และไม่ยอมกลับมาทานมื้อเย็นที่บ้านทำให้รามสูรรู้สึกร้อนใจเขาจึงทำได้แค่เพียงรีบตื่นขึ้นมาทำมื้อเช้าให้มารดาเพื่อไถ่โทษตามคำแนะนำของบิดาเท่านั้
วันหยุดสุดสัปดาห์หลังจากที่รามสูรย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านกับบิดามารดาเขาก็เริ่มต้นทำงานอย่างจริงจังทันทีตามที่เคยได้ลั่นวาจาเอาไว้กับมารดาถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มทำงานก่อนเวลาที่กำหนดเอาไว้ก็ตาม ในส่วนของการเรียนการการสอนที่มหาวิทยาลัยรามสูรยังคงต้องรับหน้าที่สอนนักศึกษาตามปกติโดยที่แบ่งเวลาการทำหน้าที่ท่านประธานบริษัทกับอาจารย์ได้อย่างลงตัวส่วนหม่อนไหมหลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของรามสูรแล้วเธอพบว่าครอบครัวของรามสูรนั้นดีกับเธอมากทุกคนต่างรักและเอ็นดูเธอโดยเฉพาะแก้มใสที่มักจะชวนเธอทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนอย่างเช่นการเล่นโยคะ ว่ายน้ำ และเรียนถักโครเชต์ไปจนถึงการชวนเธอเล่นไพ่ที่หม่อนไหมแพ้ให้แม่สามีทุกตาจนกระทั่งมาจบที่การชวนเธอมาปีนต้นมะม่วงในสวนหลังบ้านเมื่อเธอรู้สึกอยากจะทานผลไม้รสเปรี้ยวเพื่อแก้อาการคลื่นไส้ที่อยู่ๆก็มาเยือนอย่างไม่ทันตั้งตัว“แม่แก้มคะ ลูกนั้นค่ะลูกนั้น”หม่อนไหมชี้มือไปที่ผลมะม่วงลูกอวบใหญ่ที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของแก้มใสก่อนที่แขนเรียวยาวจะยื่นมือไปจัดการกับมะม่วงลูกนั้นและโยนลงมาให้หม่อนไหมที่เตรียมรับได้อย่างแม่นยำ“แม่แก้มคะ อีกลูกค่ะ อีกลูก”หม่อนไหมชี้มือไปทางขวาของ
“สวัสดีค่ะทุกคนกอหญ้ากลับมาแล้ว”น้ำเสียงสดใสตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นห้องรับแขกทำให้ภีมวัจน์ที่เดินจูงมือลูกชายฝาแฝดสองคนเดินตามหลังมาได้แต่ส่ายหน้าไปมาช้าๆด้วยความเอ็นดูภรรยาตัวน้อย ที่ตอนนี้หันกลับมามองเขาด้วยสีหน้างุนงงเมื่อไร้การตอบกลับจากคนภายในบ้านหรือว่าวันนี้มารดาของเธอจะไม่อยู่กันน้า“ทุกคนหายไปไหนกันหมดคะเฮีย ไหนพ่อบอกว่าแม่แก้มอยู่บ้านแล้วทำไมบ้านถึงได้เงียบเหมือนป่าช้าแบบนี้นะ”กอหญ้าเอ่ยถามสามีที่หลุดหัวเราะออกมาน้อยๆด้วยความขบขันเมื่อได้ยินคำเปรียบเทียบบรรยากาศความเงียบภายในบ้านของภรรยาก่อนที่เขาจะเดินจูงมือลูกชายฝาแฝดเดินมาหยุดลงตรงหน้ากอหญ้าที่ย่อตัวลงและหอมแก้มลูกชายทั้งสองคนฟอดใหญ่ด้วยความชื่นใจ“คุณยายของพี่พีร์หายไปไหนแล้วน้า”กอหญ้าเอ่ยถามลูกชายคนเล็กที่หันไปมองทางด้านซ้ายทีทางด้านขวาทีก่อนที่เด็กชายรณพีร์จะเอียงคอน้อยๆคล้ายกำลังใช้ความคิดทำให้กอหญ้าอดใจไม่ไหวที่จะหอมแก้มลูกชายอีกครั้งด้วยความเอ็นดูเจ้าก้อนของเธอน่ารักมากๆจนอยากจะกอดจะหอมทั้งวันเชียวล่ะ“คุณแม่ลองไปดูที่ห้องครัวไหมครับ เผื่อว่าคุณยายแก้มใสจะอยู่ที่นั่น”ภาคย์ ภูบดินทร์ ลูกชายฝาแฝดคนโตของกอหญ้าชี้มือไ
วันเวลาที่เดินผ่านไปเรื่อย ๆในที่สุดการเรียนการสอนของนักศึกษาเทอมหนึ่งก็จบลงซึ่งวันนี้คือวันสุดท้ายของการเรียนการสอนในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยของรามสูร นิ้วเรียวยาวดุจแท่งเทียนบรรจงเขียนเนื้อหาใจความสำคัญของการสอนลงบนกระดาน ริมฝีปากสีไวน์ก็พูดบรรยายถึงเนื้อหาที่ไม่มีในหนังสือไปด้วยท่ามกลางสายตาของนักศึกษาทุกคนที่ต่างพากันจ้องมองตัวหนังสือภาษาอังกฤษบนกระดานด้วยความตั้งใจเพราะสิ่งที่อาจารยามสูรกำลังสอนคือสิ่งที่หาไม่ได้จากหนังสือแต่มันคือประสบการณ์จริงที่สั่งสมมานานของเขาในฐานะหมอต่างหากกริ๊กเมื่อตัวหนังสือตัวสุดท้ายจบลงรามสูรก็หันหน้ามาหานักศึกษาที่นั่งเรียงหน้ากระดานอยู่ข้างหน้าเขาความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของรามสูรสำหรับการเป็นอาจารย์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆคือนักศึกษาทุกคนต่างเป็นนักเรียนหน้าห้องที่ตั้งใจเรียนวิชาของเขา ซึ่งแรกๆก็มีบ้างที่บ่นว่าไม่เข้าใจแต่พอเขาพลิกแพลงเนื้อหาการสอนให้เข้าใจมากขึ้นนักศึกษาที่นั่งเรียนหลังห้องก็เริ่มทยอยพากันย้ายมานั่งเรียนหน้าห้องจนเต็มสร้างความพึงพอใจให้กับรามสูรเป็นอย่างมาก“มีใครไม่เข้าใจตรงไหนไหมครับสำหรับบทเรียนสุดท้ายของภาคเรียนที่ 1”จบคำถามรามสูรยก
หลังจากการสอบปลายภาคสิ้นสุดลงหม่อนไหมก็ทำเรื่องพักการเรียนทันทีเพราะอายุครรภ์ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เธอรู้สึกอึดอัดที่ต้องใส่ชุดนักศึกษา อีกทั้งเวลาเรียนเธอต้องเปลี่ยนห้องเรียนบ่อยครั้งทำให้เธอรู้สึกอ่อนเพลียไม่น้อยหม่อนไหมจึงเลือกที่จะพักการเรียนเพื่อพักผ่อนรอกำหนดคลอดโดยที่มีครอบครัวของรามสูรคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง“ว้าว สวยมากๆเลยจ้ะลูกสะใภ้สวยกว่าของแม่แก้มอีก”แก้มใสเอ่ยชมหม่อนไหมพร้อมก้มลงมองเสื้อถักไหมพรมที่ค่อนข้างบิดเบี้ยวของตัวเองเล็กน้อยก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เธอไม่น่าเสนอตัวเป็นครูสอนหม่อนไหมถักไหมพรมเลย ทั้ง ๆที่ฝีมือของเธอนั้นพัฒนาได้ไกลสุดก็แค่ปากซอยส่วนลูกสะใภ้ของเธอที่เรียนแค่ไม่กี่วันฝีมือกลับพัฒนาไปถึงขั้นวางขายที่ห้างได้อย่างสบายสงสัยงานฝีมือที่ละเอียดอ่อนแบบนี้คงไม่เหมาะกับเธอจริงๆ“ทำหน้าแบบนั้นไม่อยากถักไหมพรมแล้วล่ะสิ”สีหน้าสิ้นหวังของแก้มใสที่แสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังทำให้ที่รักที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆทั้งสองคนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนในขณะที่คนถูกถามได้แต่พยักหน้าตอบมารดาตามความเป็นจริง“ค่อยๆหัดทำไปเดี๋ยวก็สวยเอง ไม่มีอะไรที่ลูกสาวของแม่ขาทำไม่ได้ห
สนามแข่งรถรถซุปเปอร์คาร์คันสีแดงราคาแพงที่กำลังแล่นเข้ามาภายในสนามด้วยความเร็วสูงดึงดูดสายตาของผู้คนภายในสนามได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะดาร์กกับเดลสองพี่น้องลูกพี่ของเปรมที่วันนี้ตั้งใจพาทั้งคู่มาที่สนามเพื่อท้าแข่งรถกับหม่อนไหมที่ทำให้เขาได้รับความอับอายกลางห้างชื่อดังเมื่อหลายเดือนก่อน“สวยดีนี่ รุ่นนี้รู้สึกว่าจะนำเข้ามาแค่ 5 คันคนที่ได้ไปนี่ต้องเส้นใหญ่พอสมควร”คำพูดของพี่ชายทำให้ดาร์กที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มมองไปที่รถคันหรูอีกครั้งด้วยแววตาฉงนสงสัยว่าใครกันคือผู้ที่ครอบครองรถราคาแพงคันนี้เพราะบ้านของเขาที่ถือว่าร่ำรวยเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีก็ยังไม่สามารถจองรถรุ่นนี้ได้เลย“อยากเห็นหน้าเจ้าของรถคันนี้จริงๆมีเงินซื้อรถแพงขนาดนี้ดูท่าจะซิ่งไม่เบา”ทันทีที่ดาร์กพูดจบประตูรถซุปเปอร์คาร์ก็ถูกเปิดออกมาทำให้ดาร์กรีบลุกขึ้นจากโซฟาที่นั่งและเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อเพ่งมองหน้าเจ้าของรถที่อยู่ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดธรรมดาตามมาด้วยใครบางคนที่ดาร์กรู้สึกคุ้นหน้าเพียงแต่เขาคิดไม่ออกว่าเคยเห็นหน้าที่ไหน“คะ คุณแม่สวัสดีครับ”เมื่อเห็นคนที่ลงมาจากรถชัดเต็มสองตาธีร์กับเพื่อนๆก็รีบยกมือขึ้นไหว้แก้มใสทันทีด้วยคว
ประเทศสหรัฐอเมริการูปถ่ายของหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังเดินจับมือกันอย่างแนบแน่นพร้อมยิ้มให้กันอย่างมีความสุขทำให้สีหน้าที่กึ่งบึ้งกึ่งยิ้มนั้นดูเหี้ยมเกรี้ยมขึ้นหลายส่วนมือที่ถือรูปค่อยๆกำเข้าหากันแน่นจนรูปในมือยับยู่ยี่เพลิงโทสะที่สุมอยู่ในอกมานานพลันพลุ่งพล่านจนยากจะระงับ“นายจะเอายังไงต่อครับ”ไบรอันลูกน้องคนสนิทของครูซเอ่ยถามด้วยความคับแค้นใจไม่ต่างจากผู้เป็นนายที่กำลังนั่งมองใบไม้สีแดงที่ร่วงหล่นลงบนพื้นด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาว่าตอนนี้เจ้านายของเขารู้สึกอย่างไรที่เห็นศัตรูใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ในขณะที่ตัวเองนั้นต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ใจกับความสูญเสียที่แทบจะเอากลับคืนมาไม่ได้ถ้าไม่มีเพื่อนๆยื่นมือเข้ามาช่วย“หึ ความสุขของมันฉันจะทำลายให้สิ้นซากบอกแม็กซ์ให้เตรียมคนและเครื่องบินให้พร้อมเราจะออกเดินทางไปประเทศไทยให้เร็วที่สุด”“นายคิดดีแล้วใช่ไหมครูซ”น้ำเสียงเย็นเยียบของใครบางคนที่เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบเอ่ยถามเพื่อนสนิทด้วยแววตาล้ำลึกก่อนที่ครูซจะแสยะยิ้มร้ายพร้อมหัวเราะออกมาน้อยๆกับคำถามของอีธานที่รู้จักนิสัยของเขาดีเพราะทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ“ฉันตัดสินใจที่จะล้างแ
เมื่อทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่เจ้าตัวก็ยังลากสังขารมาหาหม่อนไหมที่เพิ่งคลอดวายุก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกในใจอยากจะต่อว่าและหยิบไม้เรียวขึ้นมาฟาดลูกชายหัวดื้อสักสิบครั้งให้หลาบจำแต่มือเจ้ากรรมกลับหยิบได้เพียงมีดและเข็มมือไม้พันกันระวิงด้วยความวุ่นวายเมื่อการผ่าตัดเป็นไปด้วยความทุลักทุเลเพราะความดื้อดึงของรามสูรทำให้เขาเสียเลือดมากการผ่าตัดจึงเข้าขั้นวิกฤติแต่วายุกลับไม่รู้สึกหวั่นใจแต่อย่างใดเพราะคนที่เขากำลังใช้มีดกรีดลงไปบนผิวหนังสีขาวซีดคือลูกชายของเขาๆไม่มีวันปล่อยให้รามสูรเป็นอะไรแน่นอนต่อให้มัจจุราชที่อยู่ในนรกขุมที่สิบหกต้องการชีวิตของลูกชายเขามากแค่ไหนถ้าเขาไม่ยินยอมใครหน้าไหนก็พรากลูกชายไปจากอกเขาไม่ได้ทั้งนั้น“พ่อขาทำไมนานจังเลยคะ” แก้มใสเริ่มนั่งไม่ติดที่เมื่อการผ่าตัดยืดระยะเวลาออกไปจากเวลาที่บิดาบอกเธอบอกในครั้งแรกว่าเพียงสองชั่วโมงแต่นี่เกือบสามชั่วโมงแล้วไฟหน้าห้องผ่าตัดยังไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลย แก้มใสพลันก้มหน้าพลางวางมือเอาไว้บนหน้าอกราวกับความเจ็บปวดนั้นแล่นไปทั่วร่างอย่างมิอาจทานทนพร้อมกับความรู้สึกแสบท
เมื่อถึงกำหนดคลอดหม่อนไหมกลับไม่มีอาการปวดท้องหรือรู้สึกผิดปกติเลยแม้แต่น้อยเธอยังคงกินอิ่มนอนหลับสบายทำให้รามสูรรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยตรงข้ามกับหม่อนไหมที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอรู้สึกว่าลูกคนที่สองของเธอนั้นดื้อมากโดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูกของเธอเริ่มดิ้นเจ้าตัวน้อยในท้องแทบจะไม่ยอมให้เธอได้พักผ่อนเท้าน้อยๆพยายามถีบเธอทุกวันทั้งช่วงที่กำลังนอนหลับฝันดีจนน้ำลายแทบไหลยืดหรือจะเป็นช่วงพักสายตายามบ่ายเธอก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแรงถีบมหาศาลจากเจ้าเด็กดื้อที่ไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์ดีอะไรขึ้นมาถึงได้ชอบคึกคักยามบ่ายและยามดึกและอยู่แบบสุขสงบเพียงแค่ในยามเช้าเท่านั้น“พี่รามไปทำงานก่อนนะคะ”ยามเช้าที่อากาศสดใสรามสูรจำใจบอกลาภรรยาแสนรักที่กำลังนั่งทานผลไม้ที่สามีปอกให้ด้วยความเอร็ดอร่อยหม่อนไหมพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างเข้าใจเธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องการให้สามีอยู่ด้วยตลอดเวลาในช่วงที่เธอใกล้จะคลอดถึงแม้ว่าตอนนี้จะเลยกำหนดมาแล้วสามวันก็ตาม“ตั้งใจทำงานนะคะแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหม่อน หนูหม่อนโอเค”น้ำเสียงผ่อนคล้ายที่คล้ายกับเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งทำให้รามสูรอดใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปบีบแ
“เอามือออกไปจากชุดตัวนี้เดี๋ยวนี้”น้ำเสียงดุดันที่ดูคล้ายคนที่มีนิสัยชอบวางอำนาจจนเคยชินดังขึ้นบอกหม่อนไหมแต่เธอที่วางมือลงไปก่อนคนมาทีหลังมีหรือจะยอมเอามือออกจากชุดที่เธอหมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามาภายในร้าน ในเมื่อเธอเป็นคนจับชุดก่อนนั่นก็หมายความว่าชุดตัวนี้ต้องเป็นของเธอไม่ใช่ของคนที่กำลังออกคำสั่งราวกับต้องการอวดอำนาจบาตรใหญ่คนนี้“ฉันวางมือลงไปบนชุดก่อนคุณนะคะไม่ได้วางทีหลังมีสิทธิ์อะไรมาบอกให้คนที่จับชุดก่อนเอามือออก คุณต่างหากที่มาทีหลังตามมารยาทแล้วสมควรต้องเอามือออกค่ะไม่ใช่มาบอกฉัน”จบประโยคเสียงหอบหายใจเบาๆก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าผู้พูดกำลังสะกดกลั้นอารมณ์เดือดดาลอย่างเต็มที่ดวงตากลมโตที่เคยมองสามีด้วยสายตารักใคร่ก่อนหน้านี้พลันแปรเป็นเป็นดุดันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเช่นเดียวกันกับคนที่ออกคำสั่งให้หม่อนไหมปล่อยมือเธอก็กำลังใช้สายตาดุดันจ้องตอบกลับคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน“แต่ฉันจะเอาชุดนี้และต้องได้ชุดนี้ด้วย”“ฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกันค่ะและอีกอย่างฉันจับก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเอามือของคุณออกไปด้วยค่ะ”ดวงตาสีดำสนิทของหม่อนไหมหรี่ลงฉายประกายความเกรี้ยวกราดที่ใก
หลังจากที่เคล้าคลอแนบชิดกันมาทั้งคืนเช้านี้รามสูรกลับทำตัวงอแงราวกับเด็กน้อยที่หาข้ออ้างมาบอกกับภรรยาว่าเมื่อวานเหน็ดเหนื่อยจนหมดแรงวันนี้เขาจึงขออนุญาตตัวเองลางานหนึ่งวันเพื่อพักผ่อนทำเอาหม่อนไหมถึงกับหัวเราะด้วยความขบขันกับเหตุผลหยุดงานของสามีที่เธอรู้ดีว่าเป็นข้ออ้างแต่กลับไม่ได้ตำหนิหรือเอ่ยห้ามแต่อย่างใดเพราะที่ผ่านมาสามีของเธอก็มักจะหาเหตุผลไร้สาระมาหยุดงานเพื่ออยู่ดูแลเธอที่กำลังตั้งครรภ์กับลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัดพลิกตัวอยู่บ่อยๆจนบางครั้งแม่แก้มใสต้องมาลากสามีเธอให้กลับไปทำงานรามสูรถึงได้ยอมกลับไปรับบทเป็นท่านประธานบริษัทเหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าแม่แก้มใสเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไรสามีของเธอก็จะกลับมารับบทผู้ชายที่คลั่งรักภรรยาและลูกสาวทันทีเช่นกันทำเอาแม่แก้มใสถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว“อู้งานอีกแล้วนะคะ”หม่อนไหมยื่นมือมาบีบจมูกรามสูรเบาๆอย่างมันเขี้ยวในขณะที่คนถูกต่อว่าได้แต่ซุกใบหน้าลงบนซอกคอหอมกรุ่นของภรรยาสาวสวยอย่างออดอ้อน“ก็พี่รามเหนื่อยนี่คะเมื่อคืนออกแรงมากไปหน่อยวันนี้เลยปวดเหมื่อยไปทั้งตัว อูย ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ช้ำไม่เชื่อหนูหม่อนมาดูสิคะ”ร
เมื่อกลับมาถึงบ้านหม่อนไหมกับรามสูรก็ตรงขึ้นไปบนห้องนอนทันทีเพื่อดูว่าลูกสาวตัวน้อยของเธอหลับหรือยังเพราะปกติเวลานี้แพรไหมจะยังคงเล่นสนุกกับพี่สาลี่ไม่ยอมนอนเป็นประจำแต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปเมื่อคุณพ่อยังหนุ่มคุณแม่ยังสาวเปิดประตูเข้ามากลับพบว่าดวงใจของทั้งคู่นั้นนอนหลับสนิทเรียบร้อยแล้วแถมน้ำลายยังไหลยืดจนเปรอะเต็มสองแก้ม“วันนี้เล่นซนเยอะไปหน่อยเลยหลับเร็วใช่ไหมคะลูกสาว”หม่อนไหมค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำลายที่เปรอะบนแก้มออกให้ลูกสาวอย่างเบามือในขณะที่รามสูรยื่นนิ้วของตนเองไปเกี่ยวนิ้วลูกสาวเอาไว้เบาๆเมื่อถูกสัมผัสอย่างอบอุ่นเด็กน้อยก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแต่อย่างใดบนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบางเบาคล้ายกำลังฝันดี“ไม่เจอกันแค่วันเดียวลูกสาวของพ่อจ้ำม่ำขึ้นหรือเปล่าเนี่ย”เพี๊ยะ“อูยเมียจ๋าพี่รามแค่แซวเล่นลูกไม่รู้เรื่องหรอกคนที่ถูกเมียฟาดจนขึ้นรอยแดงยื่นมือมาลูบแขนตัวเองปอยๆอย่างน่าสงสารในขณะที่หม่อนไหมถลึงตาใส่สามีที่บังอาจมาว่าลูกสาวของเธออ้วนขึ้นเป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอที่ขยันซื้ออาหารบำรุงร่างกายและสมองสำหรับเด็กมาฝากลูกเป็นประจำจนอ้วนจ้ำหม่ำขนาดนี้“แล้วใคร
ไนท์คลับ“อาการแพ้ท้องเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง?”ธีร์เอ่ยถามหม่อนไหมที่นั่งตรงกันข้ามด้วยความเป็นห่วงเพราะหลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทราบข่าวว่าหม่อนไหมตั้งครรภ์ลูกคนที่สองทุกคนก็พากันแห่ไปเยี่ยมเธอถึงที่บ้านคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับสภาพของเพื่อนที่แพ้ท้องจนแทบหมดแรงทำเอาทุกคนทั้งเป็นห่วงทั้งสงสารจนพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว“ถ้าไม่ดีขึ้นมึงจะเห็นกูมานั่งอยู่ตรงนี้ไหม?”“ลูกสองแล้วยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะมึง”ธีร์ส่งค้อนให้หม่อนไหมพร้อมตอกกลับเพื่อไปหนึ่งกรุบอย่างอารมณ์ดีทำเอาคุณแม่ลูกสองหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนที่หม่อนไหมจะหยิบน้ำส้มขึ้นมาดื่มด้วยความคิดถึงรสชาติและบรรยากาศคุ้นเคยที่เธอห่างหายไปนานถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ผับที่เธอมาเที่ยวเป็นประจำแต่พวกเธอก็ชอบมาเที่ยวบ่อยๆไม่แพ้ร้านโปรดเลยอาจจะเป็นเพราะว่าเธอกำลังตั้งครรภ์เพื่อนๆจึงเลือกเป็นที่นี่แทนผับที่ค่อนข้างวุ่นวาย“แล้วออกมาเที่ยวผัวไม่ว่าไง”เจย์ที่เพิ่งชงเหล้าให้นายน์เสร็จเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่รามสูรยอมอนุญาตให้หม่อนไหมมาเที่ยวคลับได้ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วรามสูรที่พวกเขารู้จักนั้นแทบจะไม่อนุญาตให้หม่อนไหมออกไปไหนมาไหนเลยด้วยซ้ำตั้งแต
วันเวลาผ่านไปช้าๆอย่างไม่เร่งรีบชีวิตคู่ของรามสูรและหม่อนไหมนั้นถือได้ว่าเต็มไปด้วยความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกันของสองสามีภรรยาหม่อนไหมถึงแม้จะยังเป็นเด็กที่เพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยยี่สิบเอ็ดปีแต่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อเลี้ยงแสงหล้าและแม่ลี้ยงเอื้องคำนั้นไม่ได้เปล่าประโยชน์เลยแม้แต่น้อยดรุณีน้อยซุกซนในวันวานเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักนิ่งและสงบใจตัวเองเมื่อก้าวเข้าสู่คำว่าครอบครัวและคู่ชีวิตการกระทำที่หุนหันพลันแล่นในอดีตนั้นหม่อนไหมล้วนเก็บใส่กล่องไว้เป็นความทรงจำและบทเรียนเตือนใจตนเองตอนนี้จึงมีเพียงสาวน้อยน่ารักที่มักจะชอบพูดจาอ่อนหวานออดอ้อนสามีในยามที่ทั้งคู่อยู่กันเพียงลำพังตอนนี้ลูกสาวตัวน้อยของทั้งคู่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หม่อนไหมวางแผนเอาไว้ว่ารอให้แพรไหมอายุครบหนึ่งขวบเธอก็จะกลับไปเรียนต่อให้จบมหาวิทยาลัยซึ่งรามสูรก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วแผนการที่วางเอาไว้ต่อให้ตั้งใจและเตรียมตัวพร้อมแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพับเก็บเอาไว้ชั่วคราวตามลำดับความสำคัญของเรื่องนั้น“ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณหม่อนไหมตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้ว” คำพูดแสด
ดวงตาเรียวเล็กของทารกน้อยวัยสามเดือนเศษที่ค่อยๆปิดสนิทพร้อมเสียงหายใจแผ่วเบาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้หม่อนไหมเผยรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะยื่นมือนุ่มนิ่มไปเช็ดคราบน้ำนมตรงมุมปากออกให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนส่งผลให้ดวงตาสุกสกาวของรามสูรที่กำลังแอบมองเธออยู่พลันฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามก่อนที่จะเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อแน่ใจว่าแพรไหมหลับสนิทแล้วหม่อนไหมจึงค่อยๆวางลูกสาวลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วพบว่าร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานก่อนหน้านี้กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจนกระทั่งถึงเม็ดสุดท้ายสาบเสื้อจึงค่อยๆแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวยที่ตรึงสายตาของหม่อนไหมเอาไว้ไม่ให้เธอหันหน้าจากไปไหนอึกหม่อนไหมลอบกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความลืมตัวดวงตากลมโตของเธอจ้องมองกล้ามท้องที่เรียงตัวสวยตาไม่กระพริบด้วยความรู้สึกที่ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่าเธออยากจะยื่นมือไปลูบบริเวณนั้นเหลือเกิน“หนูหม่อนคะ”รามสูรส่งเสียงเรียกหม่อนไหมที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่ว้าวุ่นจนทำให้ประสาทการรับรู้ของเธอนั้นหยุดทำงานไปชั่วขณะท่าทีขอ
หลังจากที่รามสูรและหม่อนไหมย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหม่แล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะรามสูรลืมดูโหงวเฮ้งตอนซื้อหรืออย่างไรเพราะตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือนหัวกระไดบ้านของรามสูรไม่เคยแห้งเลยสักครั้ง เมื่อในแต่ะละวันจะมีแขกแวะเวียนมาที่บ้านของเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นแก๊งเพื่อนๆของหม่อนไหมที่เห็นบ้านของเขาเหมือนร้านเหล้าและร้านเกมส์หลังจากที่เลิกเรียนแล้วเด็กๆพวกนั้นก็มักจะแวะมาเล่นกับแพรไหมเป็นประจำก่อนที่จะพากันนั่งดื่มที่ริมสระน้ำบ้าง ในสวนบ้างและในบางวันเจ้าเด็กโข่งพวกนี้ก็พากันนั่งเล่นเกมส์ในห้องนั่งเล่นจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืนก็ไม่มียอมกลับบ้านสภาพที่รามสูรตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าจึงเป็นภาพเด็กหนุ่มเจ็ดคนที่นอนเรียงรายกันอยู่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่ใช่แล้วเด็กหนุ่ม 7 คน ทุกคนได้ยินไม่ผิดหรอกเพราะถ้าเปรียบเพื่อนของหม่อนไหมคือเด็กโข่งเพื่อนวัยว้าวุ่นของรามสูรก็คือเด็กดื้อที่จากหลังรามสูรและหม่อนไหมแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เด็กสองกลุ่มที่เคยตั้งแง่และมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำกลับคืนดีรักใคร่กลมเกลียวประหนึ่งพี่น้องที่พลัดพรากจากกันเมื่อทุกคนชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ราวกั