Chapter 1
ฉันแบกใบหน้าที่สุดแสนจะง่วงงุนเดินเข้าหอพักหญิง ‘สิรินารถ’ ที่แสนจะเก่าแก่ ผนังปูนด้านนอกที่ทาสีชมพูเริ่มหลุดลอกไปตามกาลเวลา ราคาที่พักจึงถูกตามไปด้วย ฉันไม่ได้พักอยู่คนเดียว หากแต่อาศัยแชร์ห้องกับเพื่อนอีกสองคน อย่างว่าแหละ..ต้นทุนชีวิตของคนไม่เท่ากัน แต่ฉันก็ไม่คิดจะโทษใครหรอกนะ ฉันเชื่อว่าทุกคนมีสมองและสองมือ ถ้าเราตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างมันต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
“ยัยเพลง เที่ยวดึก..เอ่อ ไม่สิ เที่ยวจนผับปิดอีกแล้วเหรอ?” ชะเอมรูมเมทหนึ่งในสองถามขึ้น ฉันไม่ตอบฝืนยิ้มเซียวๆพลางชูถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ส่งให้เพื่อนสาว
“น้ำเต้าหู้หวานน้อยร้านป้านิดเจ้าประจำค่ะ”
“ค่าน้ำเต้าหู้จ้ะ” ชะเอมยื่นแบงค์ยี่สิบให้ ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ
“ซื้อมาฝาก เมื่อวานชะเอมทำสุกี้ให้เพลงกินไม่คิดเงินสักบาทเลย แลกกันนะ” บ้านชะเอมขายเนื้อหมูในตลาดที่สุโขทัย เพื่อนสาวเข้ามาเรียนในเมืองกรุงโดยไม่ต้องขวานขวายอะไรมาก ชะเอมกลับบ้านทีไรมักจะมีหมูเห็ดเป็ดไก่ของฝากจากบ้านอัดแน่นในตู้เย็นเป็นประจำ ฉันก็พลอยได้อานิสงส์มีอาหารจากรูมเมทสาวในบางมื้อและชะเอมไม่ยอมให้เพื่อนออกเงิน เธออ้างว่าได้มาจากบ้านฟรีๆเหมือนกัน แค่เพื่อนช่วยกินก่อนจะเน่าก็พอ
“เมื่อไหร่จะเลิกเที่ยวซะทีเนี่ย เช้าวันจันทร์จะเรียนรู้เรื่องเหรอ อดนอนทั้งคืนขนาดนั้น” ชะเอมยังวกมาเรื่องเดิม เธอกำลังแต่งตัวเพื่อเตรียมไปเรียนเช้า ว่าที่คุณครูภาษาไทยแต่งกายถูกระเบียบกระโปรงทรงเอคลุมเข่าใส่กับเสื้อนักศึกษาพอดีตัวไม่รัดติ้วเหมือนนักศึกษาหญิงบางคณะ นี่สินะ..ที่เรียกว่าแม่พิมพ์ของชาติ
“ไปหาแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายนิดหน่อย เจอผู้งานดีแซ่บเวอร์” ฉันเฉไฉ ไม่ยอมตอบความจริงให้เพื่อนรู้ ให้ชะเอมเข้าใจว่าไปเที่ยวแหละ ดีแล้ว..
“หาตามเน็ตก็ได้ ดูซีรี่ส์อยู่ห้อง เที่ยวกลางค่ำกลางคืนมันอันตรายนะ” ชะเอมพูดด้วยความห่วงใย
“โอเคค่ะคุณแม่” ฉันโผเข้ากอดเพื่อนสาว พลางซบหน้าที่ไหล่เล็กๆนั้นอย่างออดอ้อน
“ไปอาบน้ำได้แล้ว รีบไปเรียนเลย อ้อ..ทำข้าวกล่องเผื่อ วางอยู่บนโต๊ะนะ ทำเผื่อกิ๊บด้วย มาถึงจะได้กิน” ชะเอมบอกพลางเก็บข้าวของใส่กระเป๋าสะพายและเดินออกจากห้อง วันนี้มีเรียนไม่เช้านักเกือบสิบโมงยังพอมีเวลางีบ เมื่อคืนนอนบนโซฟาที่ผับไม่ค่อยสบายตัวเลย แต่ทำไงได้หอพักมีเวลาเปิดปิดจะกลับมานอนที่หอหลังจากเลิกงานก็ไม่ทัน ใช่แล้ว..ฉันทำงานพิเศษที่ผับคืนวันศุกร์และเสาร์ แต่วันอาทิตย์ถูกเรียกตัวไปแบบเฉพาะกิจเนื่องจากพนักงานขาด ฉันจึงจำเป็นต้องไปช่วยงานที่ร้านตามคำขอร้องของเจ้ก้อย เจ้าของร้านซึ่งอายุมากกว่าฉันเพียงไม่กี่ปี พออาบน้ำแต่งตัวกินน้ำเต้าหู้หนึ่งถุงกับปาท่องโก๋สองชิ้นเรียบร้อยแล้วจึงคว้าข้าวกล่องที่รูมเมทสาวทำเผื่อลงในกระเป๋า
‘ประหยัดมื้อเที่ยงไปอีกวัน’ ฉันอมยิ้มอย่างมีความสุขกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ
“เพลงจะไปเรียนแล้วเหรอ? ฮ้าว..” กิ๊บรูมเมทอีกคนเดินเข้ามาในห้องพอดี กิ๊บอยู่ปีสองแต่อายุเท่าฉันกับชะเอม เธอดรอปเรียนเพราะมีปัญหาเรื่องค่าเทอมจึงทำให้เรียนช้าไปหนึ่งปี กิ๊บเป็นคนชวนฉันไปทำงานพิเศษที่ผับ โดยฝากฝังฉันกับเจ้ก้อยอีกที
“จ้า ชะเอมทำอาหารเผื่ออยู่บนโต๊ะนะ” ฉันบอกก่อนจะออกจากห้องไปอีกคน กิ๊บนอกจากจะทำงานเป็นสาวเชียร์เบียร์ในร้านแล้ว ยังรับจ๊อบเป็นพริตตี้ตามงานต่างๆ แล้วแต่จะมีคนจ้างไป กิ๊บเล่าให้ฟังอย่างหมดเปลือกว่าทุกคืนเธอจะออกไปต่อกับแขก หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นสาวไซด์ไลน์นั่นแหละ
‘บางที เราก็ไม่มีโอกาสดีๆในชีวิตนักหรอก ถ้าเลือกได้ใครจะอยากทำงานแบบนี้’
“เจ้ก้อยฝากมาให้ ขอบคุณที่ไปช่วยงานนะ” กิ๊บยื่นซองเงินพิเศษที่ได้รับนอกเหนือจากค่าจ้างรายวันที่ฉันได้วันละหกร้อย แลกกับการเดินรับออเดอร์เกือบค่อนคืน ตอนผับปิดก็ช่วยพนักงานคนอื่นๆเคลียร์ร้านกว่าจะเสร็จก็ตีสามแล้ว ฉันเลยถือโอกาสแอบงีบบนโซฟาชั้นวีไอพีที่เจ้ก้อยอนุญาตด้วยความสิเน่ห์หา ก่อนจะกลับห้องในตอนเช้า
“ขอบคุณนะกิ๊บ” ฉันยิ้มกว้างและปิดประตูห้องพัก เดินมารอรถเมล์ที่เลยจากหอพักประมาณห้าร้อยเมตร พอถึงมหา’ลัยก็ตรงไปยังโต๊ะประจำของกลุ่ม
“เที่ยวมาเหรอ? หน้าดูง่วงๆ” มิ้นท์ทัก
“ก็ไปดูผู้มาเขียนนิยายน่ะสิ” ฉันก็ยังเก็บเรื่องไปทำงานพิเศษไว้เป็นความลับกับเพื่อนในกลุ่ม ถึงจะสนิทกันแค่ไหน เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่น่าจะเปิดเผยให้ใครรู้ โดยเฉพาะการเป็นสาวกลางคืนที่ทำงานในผับ โชคดีที่ไม่มีคนรู้จักมาเที่ยวในเวลาที่ฉันทำงาน เพราะผับที่ฉันทำงานอยู่ลูกค้าเป็นกลุ่มวัยทำงานที่มีอายุพอสมควร ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของนักศึกษามหา’ลัย อาจเพราะค่าเมมเบอร์ที่ราคาแพงหูฉี่ ก็แพงกว่าค่าเทอมฉันละกัน..
“แล้วทำหน้าเคลิ้มๆจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่เนี่ยนะ เลิกเที่ยวคืนวันอาทิตย์ได้แล้ว” มิ้นท์บ่นพลางส่งน้ำส้มแบรนด์ของที่บ้านให้หนึ่งขวด
“ขอบคุณค่ะคุณมิ้นท์” ฉันส่งยิ้มหวานๆไปให้แทนคำขอบคุณ ช่อม่วงเพื่อนสาวคนสวยลูกครึ่งไทยอังกฤษเดินมานั่งที่โต๊ะ มิ้นท์จึงยื่นน้ำส้มให้ช่อม่วงด้วย
“ขอบใจนะมิ้นท์ เรามีตอกโบกิผัดหมูสามชั้นมาด้วย ลองชิมกันไหม?”
“อร่อยอ่ะช่อม่วง ทำครั้งแรกจริงเหรอ? เธอคือแม่นางแดจังกึมชัดๆเลย” ฉันเคี้ยวแป้งหนุบหนับที่ผัดด้วยโคชูจังแล้วหลับตาพริ้ม มันอร่อยจริงๆนะ..
“อร่อยมาก” พาร์ทส่งยิ้มให้ช่อม่วง ฉันกับมิ้นท์จึงส่งยิ้มให้อย่างรู้กัน ก็พาร์ทแอบชอบช่อม่วงตั้งแต่ปีสอง แอบดูแลเทคแคร์ไม่ห่างแต่ช่อม่วงก็เหมือนจะรู้แต่ทำเป็นไม่รับรู้ พวกฉันก็ไม่อาจเดาได้
“พะ..พี่..” ทันทีที่เห็นร่างสูงที่เดินมาพร้อมกันสามคนฉันก็เหมือนคนติดอ่าง ดวงตาเบิกกว้างแทบไม่กระพริบราวกับเจออะไรบางอย่างที่ตัวเองไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ
“อะไรยัยเพลง ยังกะเห็นผะ..” มิ้นท์ก็อึ้งไปราวกับโดนสาปพอๆกันกับฉัน
“ช่อครับ” พี่ไคโร อดีตเดือนวิศวะ หนุ่มฮ็อตที่สาวๆต่างไม่มีใครไม่รู้จัก ก็กิติศัพท์ความเจ้าชู้ของเขามันดังกระฉ่อนไปทั่วมหา’ลัย เขาเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทของฉันราวกับคนที่สนิทกันมานาน
“พี่ไคโร พี่ออโต้ พี่เกียร์ สวัสดีค่ะ” ฉันผู้ซึ่งรู้จักหนุ่มหล่อคนดังแทบทุกคนในมหา’ลัยเอ่ยทักทายหนุ่มหล่อทั้งสาม ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เจอหนุ่มฮ็อตคณะวิศวะพร้อมกันถึงสามคนในระยะประชิดขนาดนี้ เห็นใกล้ๆแล้ว หล่อวัวตายควายล้มจริงๆ
“พี่ๆมาเที่ยวคณะอักษรฯเหรอคะ?” ฉันถามขึ้น ทุกคนในกลุ่มมองดูก็รู้ว่าพี่ไคโรสนใจช่อม่วงและคล้ายกับจะรู้จักกันมาก่อน แต่ช่อม่วงก็คือช่อม่วงที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนเลยแถมยังแสดงออกว่าไม่ชอบอย่างชัดเจน
“พี่พาเพื่อนมาตามหาหัวใจครับ ไอ้ไคมันเรียกหาน้องช่อม่วงจนจะบ้าแล้ว เลยพามันมาหาว่าที่เพื่อนสะใภ้สักหน่อย” พี่เกียร์ผู้ซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาผิวคร้ามคมต่างจากเพื่อนทั้งสองซึ่งมีผิวขาวจัดพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มีลักยิ้มทั้งสองข้าง ยิ้มทีฉันกับมิ้นท์แทบใจละลาย
ช่อม่วงเดินหายไปกับพี่ไคสักพัก ราวๆห้านาทีจึงเดินกลับมาที่โต๊ะ
“ช่อคะ พี่ไปเรียนก่อนนะ ไว้จะไลน์หา ตอบพี่บ้างล่ะ” พี่ไคเดินตามหลังช่อม่วงมาติดๆ
“งั้นพวกพี่ไปก่อนนะครับ” พี่ออโต้กับพี่เกียร์ลุกขึ้นจากม้านั่ง พี่ไคโรยิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือให้ช่อม่วง จากนั้นฉันจึงถามเพื่อนสาวด้วยความอยากรู้ ได้ความว่าพี่ไคสนใจช่อม่วงและพยายามก่อกวน ช่อม่วงไม่ได้สนใจพี่ไคเพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาของใคร เพื่อนคนนี้ของฉันเป็นคนที่ประหยัดคำพูด ถามคำตอบคำ นานๆทีจะมีส่วนในบทสนทนา ฉันซะอีกที่พูดมากจนได้ฉายาว่า
‘พูดจนพาร์ทหลับ’ ก็ตอนที่วิดิโอคอลทำรายงานกัน ฉันสรุปหัวข้อรายงานจนพาร์ทหลับคากล้อง..
การที่เป็นคนช่างพูดช่างจาของฉันก็มีส่วนดีเหมือนกัน เพราะฉันเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย แม้ว่าจะเพิ่งเจอกันครั้งแรกแต่ฉันก็ไม่รู้สึกเคอะเขินที่จะเริ่มต้นการสนทนา ก็ไม่รู้สิ..มันคงเป็นข้อดีเพียงอย่างเดียวที่ฉันมีล่ะมั้ง..
Chapter 2 พอเรียนเสร็จในช่วงบ่ายฉันก็แยกย้ายกันกับเพื่อนกลับห้องพัก ฉันแวะซื้อกับข้าวหนึ่งอย่างกับข้าวสวยร้านประจำ ที่ซื้อบ่อยไม่ใช่อะไร นั่นก็เพราะราคาไม่แพงและมีรสชาติดี ฉันซื้อบ่อยจนรู้จักมักคุ้นกับป้าศรีเจ้าของร้านข้าวแกง ป้าศรีมักจะตักกับข้าวให้ฉันจนล้นถุงด้วยความเอ็นดูเสมอ แกมักจะบอกว่า‘ตัวเล็ก กินเยอะๆจะได้โตไวๆ’‘คงไม่โตไปกว่านี้แล้วค่ะป้า น่าจะเจริญเติบโตออกทางด้านข้างซะมากกว่า อาหารร้านป้าอร่อยที่สุดเลยค่ะ เพลงมีพุงแล้วเนี่ย’ ฉันไม่ได้โป้ปดแต่อย่างใด ข้าวแกงป้าศรีอร่อยจริงๆ ป้าแกยิ้มกว้างทั้งยังเพิ่มหมูให้อีกหลายชิ้นฉันถือถุงอาหารเดินเข้าไปในห้องพัก ที่แบ่งพื้นที่เป็นสามส่วนเท่าๆกัน เรียกได้ว่ามุมใครมุมมันฉันเลือกที่นอนติดหน้าต่างซึ่งถัดออกไปเป็นระเบียงเล็กๆ ซึ่งบางครั้งฉันยกโต๊ะญี่ปุ่นไปนั่งทำงานอยู่ตรงนั้น เพราะหอพักของฉันมีคลองอยู่ด้านหลัง จึงมีวิวทิวทัศน์สีเขียวให้มองบ้าง การใช้ชีวิตในเมืองกรุงที่เห็นแต่ตึกรามบ้านช่อง รถราแล่นกันขวักไขว่ พอได้เห็นธรรมชาติจึงทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย วันนี้ก็เช่นกันหลังจากจัดการกับมื้อเย็นเรียบร้อยฉันก็อาบน้ำสวมชุดนอนยกอุปกรณ์เขียนนิยายอ
Chapter 3 “ไม่เป็นไรค่ะพี่เกียร์ เพลงเกรงใจ เดี๋ยวเพลงกลับพรุ่งนี้” ใครจะไปกล้านั่งรถเกือบค่อนวันไปกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันล่ะ ถึงพี่เกียร์จะหล่อมาก..เอ่อ ไม่สิ โคตรหล่อ ถึงเขาจะไม่ได้ตำแหน่งเดือนมหา’ลัย แต่ติดอันดับหนุ่มฮ็อต มีฐานแฟนคลับพอๆกับพี่ไคโรและพี่ออโต้เพื่อนสนิทของเขา ที่สำคัญค่าน้ำมันที่ต้องเติมจนไปถึงเชียงใหม่นั่นก็เป็นปัญหาสำคัญ เงินติดตัวที่มีเพียงหนึ่งพันห้าร้อยบาทบวกเงินในบัญชีอีกสองร้อยห้าสิบ ค่าน้ำมันรถซุปเปอร์ไปกลับเชียงใหม่นี่ไม่ธรรมดาสมกับราคาของรถแน่ๆ แค่คิดฉันก็ขยาดขอนั่งรถโดยสารประจำทางไปดีกว่า ช้าหน่อยแต่ก็ประหยัดไปหลายเท่าตัว“งั้นเพลงขอตัวนะคะ” ฉันใช้มือปาดน้ำตาอีกครั้ง ก่อนที่จะเก็บกระเป๋าซากโน้ตบุคมือสองที่ยับเยินจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกขึ้นสะพายไหล่“พี่จะไปเที่ยวเชียงใหม่พอดี เพลงก็ติดรถไปลงบ้านไง” พี่เกียร์ยังคงยืนกรานจะให้ฉันไปกับเขาให้ได้ ฉันก็ไม่เข้าใจเหตุผลของเขาเท่าใดนัก ประเด็นหลักคือต้องแชร์ค่าน้ำมันนี่สิ “ขอบคุณนะคะ ถ้าพี่เกียร์จะไปเที่ยวอยู่แล้ว เพลงต้องออกค่าน้ำมันไหม?” ฉันอยากทำความตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางตอนนี้เลยดีกว่า เกิดถ
Chapter 4ตริ้ง..ตริ้ง..เสียงเตือนโปรแกรมแชทสีเขียวแบบรัวๆ ทำให้เกียร์ต้องหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านอย่างเสียไม่ได้Cairo : ไอ้เกียร์มึงอยู่ไหน? ทำไมไม่มาเรียน มึงอยากเรียนจบไหมAuto : แม่ง!! มาเกเรอะไรตอนปีสี่วะ ไอ้บ้า!!Ami : ยายมึงบอกว่า มึงออกไปดูที่ทำโกดังสินค้าแล้วหายออกจากบ้านไปเลยพร้อมกับรถคันเก่งที่ไม่ยอมให้ใครนั่งAuto : ตอนนี้ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว กูต้องแจ้งความคนหายไหมCairo : อ่าว ไอ้เกียร์ อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ เออ อย่างน้อยมึงก็ยังไม่ตายAmi : สรุปมึงอยู่ไหน ยายมึงถามAuto : มึงอยากรู้ก็บอกมาเหอะ โทรถามกูทั้งคืน กูผัวมึงเหรอ?Ami : ให้เหลือผู้ชายคนเดียวกูก็ไม่เอามึงหรอกออโต้Cairo : พวกมึงจะตีกันตอนนี้ไหม? เกียร์ มึงอยู่ไหนGear Knight : เชียงใหม่Auto : เชียงใหม่!!! อยากไปเที่ยววอร์มอัพก็ไม่บอกCairo : ไปทำบ้าอะไรวะ พวกกูคิดโปรเจคจนหัวจะแตก แม่ง..เสือกอยากเที่ยวAmi : กูชอบสาวเจียงใหม่Auto : กลับวันไหน แม่กูอยากกินไส้อั่วCairo : ตอบกูก่อน มึงไปทำอะไรAuto : ติดหญิง?Ami : เผื่อกูด้วยหนึ่งคนCairo : มึงเป็นอะไรรึเปล่า? อกหักเสียใจ บอกกูได้นะGear Knight : เปล่าๆ กูมาหาสับปะ
Chapter 5“เพลง น้าพิณเป็นยังไงบ้าง เราว่าจะไปเยี่ยมตอนบ่าย” นัท เพื่อนวัยเด็กที่เรียนมหา’ลัยชื่อดังในตัวจังหวัดเอ่ยถาม ใบหน้าคมเข้มที่จัดว่าหล่อยิ้มกว้างอย่างดีใจ เพราะเราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว บ้านของนัทอยู่ติดกับบ้านฉัน ตัวบ้านหลังใหญ่สีขาวออกแบบสไตล์โมเดิร์นยุโรป หน้าบ้านจัดเป็นสวนดอกไม้เมืองเหนือโดยบริษัทรับจัดสวนดังระดับประเทศ ส่วนบ้านของฉันเป็นเพียงบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนธรรมดามากๆถ้าเทียบกับบ้านของนัท“ผ่าตัดแล้วจ้ะ พรุ่งนี้คงได้กลับบ้าน” ฉันยิ้มตอบ“แล้ว?” นัทมองไปยัง ร่างสูงที่เดินตามหลังฉันมา พี่เกียร์ถอดแว่นกันแดดสีดำออก มองสบตากับเพื่อนของฉัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยิ้มให้กัน สถานการณ์ดูตึงๆอย่างบอกไม่ถูก ถ้าคิดแบบเพ้อฝันนิดๆก็ประหนึ่งว่า ผู้ชายสองคนหมายปองหญิงสาวคนเดียวกันก็คือฉันเอง อร้ายย..แค่คิดก็เขินแล้ว“พี่เกียร์ เป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัย พี่เกียร์นะ นี่นัทเพื่อนของเพลงตั้งแต่เรียนประถมค่ะ” ฉันแนะนำผู้ชายหน้าตาดีสองคนให้รู้จักกัน“อืม” พี่เกียร์ตอบรับสั้นๆ“ครับ” นัทยิ้มแบบฝืนๆให้ คงเพราะไม่ได้สนิทกัน“มาเอาของที่บ้านเหรอ?” เพื่อนวัยเด็กฉันถามต่อ เมื่อฉันกำลังจะเข้าไปในบ้าน“เอ่อ
Chapter 6พี่เกียร์เป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดของแม่ฉันทั้งหมด หนำซ้ำยังเป็นธุระเช่ารถเพื่อไปส่งแม่กับยายที่บ้าน ด้วยเพราะรถหรูของเขามันนั่งได้แค่สองคน เก็บของอะไรมากก็ไม่ได้ รถแพงซะเปล่าแต่ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ อย่างว่าแหละรถของเซเลบ คนธรรมดาอย่างฉันคงจะไม่เข้าใจ หลังจากที่แม่ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ชวนพี่เกียร์กินข้าวเย็นที่บ้านด้วย ความจริงแล้วฉันอยากจะถามว่าธุระที่เขาจะมาทำที่เชียงใหม่ได้ทำแล้วหรือยัง เหมือนฉันทำเป็นตัวภาระของเขายังไงไม่รู้“พี่เกียร์ กินได้ไหมคะ น้ำพริกอ่องหมูทอด เพลงเจียวไข่ให้ด้วย” บ้านของฉันกินอาหารง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมาก กลัวว่าหนุ่มเมืองกรุงอย่างพี่เกียร์จะอึดอัด“ได้สิ น่าอร่อยดีนะ” พี่เกียร์ใช้ส้อมจิ้มข้าวเหนียวแบบเก้ๆกังๆ จิ้มลงไปในถ้วยน้ำพริก ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมทำเหมือนกล้าๆกลัวๆที่จะกินอาหารในสำรับ พี่เกียร์ในชุดเสื้อเชิร์ตแบรนด์ดังสีฟ้ากับกางเกงยีนส์สีเข้มเรียบๆ เป็นสิ่งเดียวในบ้านหลังเล็กๆที่ไม่มีความเข้ากันเลย เขาน่าจะไปนั่งกินอาหารที่ร้านหรูๆมากกว่า ฉันเดินเข้าไปในครัวเพื่อเอาไข่เจียวที่ยายทอดใหม่ๆให้เ
Chapter 7“เกียร์ หายไปไหนมาตั้งหลายวัน ยายถาม” เจ้ก้อยพี่สาวต่างแม่เอ่ยถามผม เมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย พี่สาวผมอยู่ในชุดกางเกงเสื้อเข้าเซ็ทแบบทะมัดทะแมง เพราะเธอออกเป็นแนวสาวห้าวและป๊าไว้ใจให้คุมผับหลายที่ แต่ผับที่เจ้ก้อยอยู่ประจำจะเป็นผับเอส อ้อ..สาขาเดียวกันกับผับเอ็กซ์ที่ผมและกลุ่มเพื่อนชอบไปเป็นประจำเพราะเป็นผับสำหรับนักศึกษา แต่ผับเอสจะเป็นผับของคนวัยทำงานที่มีค่าเมมเบอร์แพงพอสมควร ไม่ต้องพูดถึงการบริการที่ดีเยี่ยม สมกับเงินที่จ่ายไปนั่นล่ะ“ไปเที่ยวเชียงใหม่ครับ” ผมตอบไปตามตรง ครั้งแรกก็ไปแบบงงๆ เพราะสงสารผู้หญิงตัวเล็กหน้าเด็กคนนั้น บอกตรงๆน้องไม่ใช่สเป็กผมเลย ผมชอบผู้หญิงตัวสูงเพราะผมตัวสูงมาก เดินกับผู้หญิงตัวเล็กมันดูแตกต่างกันเกินไป ที่สำคัญน้องเพลงยังหน้าเด็กคนอื่นจึงมองแปลกๆ นึกว่าผมพรากผู้เยาว์มาซะอย่างนั้น แต่พอใกล้ชิดสนิทสนิทได้คุยกันมากขึ้น กลับกลายว่าผมเต็มใจที่จะบริการน้องเพลง ผมแค่คิดว่าน้องเพลง..น่ารักดี กินข้าวไม่ห่วงสวย จิตใจดี รักครอบครัว มองโลกในแง่ดี ผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทำตัวเป็นตัวของตัวเองต่อหน้าผมแบบนี้นานแล้ว เจอแต่ผู้หญิงที่ชอบวางฟอร์มกินข
Chapter 8“กิ๊บ ทำได้ไง ทำงานทุกวันเลย ไม่เหนื่อยเหรอ?” ฉันเอ่ยถามรูมเมทสาว ผู้ชักนำฉันเข้าสู่วงการทำงานกลางคืน ในขณะที่เรากำลังแต่งตัวเตรียมตัวเข้างานในช่วงสามทุ่ม วันนี้เป็นวันที่สามที่ฉันลากร่างที่แทบจะแหลกจากการอดหลับอดนอนในยามค่ำคืน โดยกลางวันก็ต้องไปเรียนตามปกติ“ชินแล้วล่ะเพลง อดนอนไม่กลัว กลัวแต่จะอดตายมากกว่า” กิ๊บพูดยิ้มๆพลางใช้ที่ม้วนผมไฟฟ้าดัดปลายผมตัวเองให้เป็นลอน ฉันสังเกตว่าช่วงอาทิตย์ที่แล้ว กิ๊บใส่ทองเต็มตัว ทว่ามาวันนี้กลับไม่มีเหลือสักเส้น คงจะเก็บไว้แหละ สมัยนี้ใส่ทองอวดร่ำอวดรวย อาจจะโดนมิจฉาชีพกระชากเอาได้ง่ายๆ“นี่ถามจริงๆ กิ๊บออกไปกับแขกแต่ละครั้งได้เท่าไหร่?” ฉันมันพวกปากไว ถามไปโดยไม่คิดอะไร แต่ลืมไปว่าคำถามมันค่อนข้างจะละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกคนอื่น จึงรีบโบกมือ“ไม่ต้องตอบก็ได้ เราก็ถามไปเรื่อย ฮ่าฮ่า” ฉันทำทีหัวเราะกลบเกลื่อน“ห้าพันถึงหนึ่งหมื่น ครั้งแรกเราได้ตั้งสามหมื่นห้า” กิ๊บเล่ายิ้มๆ ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องปิดบังแต่อย่างใด“สามหมื่นห้า!!” ได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันยกมือทาบอกทำท่าไม่อยากจะเชื่อ“ความจริงไม่อยากแนะนำเพลงให้รับงานแบบนี้หรอกนะ
Chapter 9หัวใจของฉันเต้นโครมคราม เมื่อโดนดวงตาคู่คมของคนตรงหน้าจ้องมองนิ่งนาน แววตาของพี่เกียร์ทอประกายวาบหวามในความมืดสลัว ที่ได้รับความสว่างจากโคมไฟดวงน้อยที่หัวเตียงเพียงน้อยนิดเท่านั้น พี่เกียร์ใช้มือไล้ไปตามกรอบหน้าของฉัน เขากดจูบที่หน้าผากไล่มาที่แก้มทั้งสองข้างอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะกดริมฝีปากตัวเองทาบทับริมฝีปากของฉัน บดเน้นหยอกเย้าไปตามกลีบปากบนสลับกับริมฝีปากล่าง ฉันรู้สึกลอยคว้างขึ้นไปบนอากาศราวกับภาพฝัน ที่เคยบรรยายฉากเลิฟซีนในนิยายรักนั้น ยังไม่ละเอียดเท่าได้มาปฏิบัติจริง ดวงตาจับจ้องเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมอบจุมพิตอันแสนเร่าร้อนเพียงเท่านั้น‘จูบแรกกับพี่เกียร์ไม่ผิดหวังจริงๆ’ ฉันพึมพำในใจ เผลอใช้มือโอบรอบต้นคอแกร่งของเขา ลิ้นร้อนชื้นแทรกเข้ามาในโพรงปากกวาดต้อนเรียวลิ้นของฉันพร้อมสติที่มีเพียงน้อยนิดไปด้วย ร่างกายของฉันเริ่มร้อน อุณหภูมิของผู้ชายตรงหน้าก็เช่นกัน มือหนาสอดเข้าไปใต้เชื้อเชิร์ตบีบเคล้นอกอวบภายใต้บราสีหวาน ขนาดมีบราเซียเป็นปราการขวางกั้นแต่ฉันก็รู้สึกวูบวาบไม่เป็นตัวของตัวเองสักนิด“เพลง ให้พี่หยุดไหม?” พี่เกียร์กระซิบถามเบาๆที่ข้างหู‘เดี๋ยวก่อนนะคะ มาข
Special You’re my world.“เกียร์วันนี้ไปกินเหล้ากัน?” ออโต้เอ่ยถาม วันนี้เป็นวันศุกร์คืนแฮงเอาท์สินะ แต่ว่าผมต้องไปดูที่เพื่อจะทำโกดังสินค้าของป๊านี่นา“ขอไปดูที่ให้ป๊าก่อน แล้วจะตามไป” ผมตอบ“เกียร์ ขอไปด้วยนะ ไม่ได้เอารถมา” เอมิหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มเอ่ยขึ้น“ก็บอกว่าจะแวะไปดูที่ก่อน ที่ในซอยเปลี่ยวด้วย ไม่กลัวเหรอ?” ผมอ้างไปข้างๆคูๆ เหตุผลสำคัญก็น่าจะเพราะวันนี้เอารถคันโปรดมา กะว่าดูที่เสร็จจะแวะไปเปลี่ยนรถที่บ้านก่อน จากนั้นก็อาบน้ำและตามไปสมทบที่ผับอีกที“อ้างว่ะ มึงไม่อยากให้กูนั่งรถคันโปรดของมึง” เพื่อนสาวเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ผมได้ทุนจากป๊าทำธุรกิจเกี่ยวกับค่ายมวยและพวกโกดังเก็บสินค้า ป๊าให้ผู้ช่วยมาดูแลกิจการช่วยผมอีกทีจนเริ่มประสบการณ์จึงค่อยๆปล่อยให้ผมทำมันด้วยตัวเอง ถามว่าหวงรถไหม? ก็ไม่รู้เหมือนกัน รถคันนี้เป็นรถคันแรกที่ซื้อมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจริงๆ ผมไม่ค่อยได้ขับมันเลย จะเอาออกมาขับบางวันที่รู้สึกเบื่อๆ อย่างเช่นวันนี้ ไอ้ออโต้นั่งไถไอจีพลางส่งมือถือให้ผมดูรูป ในภาพนั้นเป็นผู้ชายยืนหันหลังสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงในคอนโดของเนเน่ ดูยังไงก็รู้ว่าเป็นผมแถมน้อง
Chapter 29ก่อนวันแต่งงานพี่เกียร์พาฉันขับรถออกมาจากบ้าน เพื่อจะมาดูบ้านใหม่ที่เจ้าตัวอุบไว้ไม่ยอมพาฉันมาสักที ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นความลับอะไรนักหนา เขาขับรถไปเรื่อยๆ เลี้ยวเข้าซอกซอยที่ฉันไม่คุ้นเคย ทว่าพอถึงจุดหมายก็ทำให้ฉันประหลาดใจขึ้นมาทันที นั่นก็เพราะว่ามันคือที่แรกที่ฉันบังเอิญเจอกับเขาในซอยเปลี่ยว แต่ซอยที่ว่าก็เริ่มมีบ้านสิ่งปลูกสร้าง ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือว่าร้านรวงต่างๆจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมในวันที่เราเจอกันสักนิด บ้านที่ว่าก็สร้างอยู่บนจุดที่ฉันเอาโน้ตบุคฟาดหลังพี่เกียร์“พี่เกียร์ เว่อร์อีกแล้วนะ สร้างตรงจุดเกิดเหตุเลย อย่าบอกนะโน้ตบุคเครื่องนั้นใส่กรอบตั้งในตู้โชว์ในบ้าน” ฉันทำทีพูดปนขำหรือกลบเกลื่อนความดีใจจนขอบตาเริ่มมีน้ำตามาคลอที่ขอบตาด้วยความตื้นตัน ที่พี่เกียร์จำรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆที่เกี่ยวกับฉันไว้หมดทุกอย่าง“จริง พี่ใส่กรอบใสไว้เป็นที่ระทึก..เอ้ย!! ที่ระลึก” ว่าที่เจ้าบ่าวยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามยิ่งดูดีเข้าไปอีกห้าร้อยสองเท่า ใครจะไม่อวยหลัวตัวเองบ้างล่ะ“พี่อยากให้เพลงรู้ว่า ความรักของเราเริ่มที่ตรงไหน แล้วมันก็จบลงที่ตรงนี้” มือหนาคว้ามือของฉันไป
Chapter 28 ‘Will you marry me?’ ข้อความนี้มัน..ฉันยืนนิ่งอ่านป้ายนี้อยู่นานพลางนิ่งคิดไปสักพัก..แล้วพยักหน้ารับอย่างเข้าใจกับตัวเอง“พี่เอี้ยงคะ พร็อบของนิยายพี่วิเวียนเหรอคะ?” ชื่อเซ็ทหนังสือของนักเขียนรุ่นพี่คือเซ็ทเจ้าสาวจำยอม สำนักพิมพ์ลายลักษณ์อักษรเล่นใหญ่จริงๆ มีการขอแต่งงานด้วย ฉันหันไปยิ้มแบบแซวๆให้พี่วิเวียน อยากใส่ชุดสโนว์ไวท์ดีนัก ไม่เข้ากับธีมของบูทเลย“นี่เพลงไม่เข้าใจจริงๆเหรอ?” พี่เอี้ยงกับพี่วิเวียนทำหน้าเหวอหน่อยๆ“เอาเลยค่ะพี่วิเวียน แต่งเลยค่ะ ไหนคะเจ้าบ่าว” ฉันเล่นไปตามน้ำเพราะดูท่ากิจกรรมของงานมันก็สนุกดีเหมือนกัน น่าจะมีว่าที่เจ้าบ่าวที่จ้างมาแสดงละครด้วยอย่างแน่นอน“โอ้ย..วิงเวียน” เจ้าของสำนักพิมพ์หันไปรำพึงรำพันกับนักเขียนเจ้าประจำในสังกัด“วิเวียนค่ะพี่เอี้ยง”“ฉันรู้สึกปวดหัววิงเวียนจริงๆ คนที่จ้างเราเค้าจะจ่ายค่าจ้างให้ไหมเนี่ย” พี่เอี้ยงเริ่มกุมขมับพลางปรับ ทุกข์กับพี่วิเวียนต่อ “มีอะไรกันหรือเปล่าคะ เพลงตกข่าวอะไรไปไหม?” ฉันเริ่มจะงุนงงหน่อยๆเพราะไม่มีใครยอมเฉลยเลยว่ากิจกรรมงานแจกลายเซ็นท์มันเป็นรูปแบบไหนกันแน่ ตอนนี้ฉันในชุดกึ่งเจ้าสาวทำตัวไม่ถูกจริง
Chapter 27“พี่เกียร์คะ อาทิตย์หน้าเพลงจะไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ มีแจกลายเซ็นท์ด้วยนะ คือเพลงจะบอกว่าเพลงดังมากนะคะ” ฉันพูดปนขำอวยตัวเองหน่อยๆ งานนี้ฉันได้รับเชิญเพราะรู้จักกับพี่เอี้ยงที่เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ลายลักษณ์อักษร แล้วนิยายของฉันก็ตีพิมพ์กับที่นั่นเกือบห้าเล่มแล้ว ทว่างานประจำที่ฉันทำจริงๆก็คือเปิดสำนักพิมพ์ร่วมกันกับช่อม่วงและโรส โดยมีพี่เกียร์กับพี่ไคคือผู้สนับสนุนหลักจนทำให้ความฝันเล็กๆของสาวๆเป็นจริงขึ้นมาได้“ดังแล้วจะลืมพี่ไหมนะ” พี่เกียร์ยิ้มกว้างจนลักยิ้มบุ๋มลึก ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมที่เปลือยท่อนอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทำเอาหัวใจของฉันสั่นไหว หายใจติดๆขัดๆขึ้นมาทันที ดาเมจทำลายล้างของท่านพี่ช่างสูงนัก คำว่าลืมถูกตัดออกไปจากสารบบเพราะในหัวของฉันมีแต่คำว่าเกียร์เต็มไปหมด บ้าจริง!!“ไม่ตอบ? แสดงว่าลืม” ริมฝีปากหยักได้รูปลากไล้ไปตามลาดไหล่ที่โผล่พ้นชุดเดรสสีหวานของฉันเพียงบางเบา หากแต่มันทำให้ขนอ่อนฉันลุกชูชันขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน“พี่เกียร์ไม่ทำรอยนะคะ นี่เพื่อนก็ล้อยันลูกบวชแล้วค่ะ” ฉันพยายามผลักใบหน้าที่เต็มไปด้วยเคราจางๆอย่างไม่จริงจังนัก“จะได้ไม่ใส่เสื้อคอกว้า
Chapter 26“เพลงๆๆ เหลนรหัสแกโคตรจี๊ดเลย” เสียงของมิ้นท์ทำให้ฉันวางมือจากการเขียนนิยาย มองไปตามมือของเพื่อนรักที่ชี้ไปยังสนามหน้าตึกอักษรศาสตร์ ซึ่งกำลังมีการรับน้องกันอย่างคึกคัก“คนไหนอ่ะมิ้นท์” ฉันมองเด็กๆปีหนึ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างมากหน้าหลายตา แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครคือเหลนรหัสตัวเองที่มิ้นกล่าวถึง เพราะตอนเลือกพี่รหัสฉันไม่ได้อยู่ร่วม เนื่องจากติดธุระต้องไปย้ายของเข้ามาอยู่คอนโดที่ใกล้มากขึ้น เรียกได้ว่าใกล้จนอยู่แค่หน้ามหา’ลัยได้เลย ทั้งนี้ก็เพราะพี่เกียร์เรียนจบและกำลังเริ่มเปิดบริษัทรับสร้างบ้านกับกลุ่มเพื่อนๆ นั่นก็คือพี่ไค พี่ออโต้และพี่เอมิ จึงทำให้ไม่ค่อยสะดวกที่จะรับส่งฉันมาเรียน เรื่องขับรถพี่เกียร์ก็สั่งห้าม เพราะเดือนที่แล้วฉันถอยรถชนกับประตูรั้วหน้าคอนโด พี่เกียร์กลัวว่าฉันจะเกิดอุบัติเหตุจึงซื้อคอนโดหน้ามหา’ลัยให้ฉันซะเลย แค่เพียงเดินข้ามถนนไม่ถึงห้านาทีก็ถึงตึกเรียน รวดเร็วและปลอดภัยมากๆ“น้องเจนท์ไง คนสูงๆขาวๆอ่ะ หล่อใสออร่ามาเลย งื้อ..” มิ้นท์มองไปที่กลุ่มเด็กปีหนึ่งแล้วทำตาปรอยๆชวนฝัน ฉันมองเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาที่กำลังเดินตรงมาที่โต๊ะประจำของกลุ่ม ไม
Chapter 25“พี่เกียร์คะ เพลงไปด้วยจะดีเหรอคะ?” ฉันถามแฟนหนุ่มเป็นรอบที่ร้อยสองถ้วน เมื่อพี่เกียร์บอกว่าจะพาไปงานวันเกิดของคุณยายจงจิต ฉันจินตนาการว่าที่นั่นต้องมีแต่แขกผู้หลักผู้ใหญ่ เด็กกะโปโลอย่างฉันอาจจะดูไม่เหมาะสมกับงานก็เป็นได้“ยายพี่อยากให้เพลงไปนะ ท่านย้ำแล้วย้ำอีก ไปพอเป็นพิธีละกัน ถ้าเพลงอึดอัดพี่จะพาออกมา” คนตัวสูงบีบมือฉันเบาๆคล้ายจะส่งผ่านกำลังใจ“ได้ไงล่ะคะ พี่เกียร์เป็นหลานแท้ๆ จะหนีออกมาแบบนั้นไม่ได้ค่ะ เพลงจะพยายามอยู่ให้ได้นะคะ” ฉันตอบเอาใจพี่เกียร์ แค่อยู่ให้จบงานฉันต้องทำได้“ของขวัญของเพลง มันโอเคไหมคะ เพลงกลัวคนอื่นว่า ทำไมให้ของที่ไม่มีราคาค่างวด” ฉันห่อกระถางบอนสีที่ยายฉันส่งมาจากเชียงใหม่ด้วยกระดาษสีหวานพร้อมกับผูกริบบิ้นให้ดูดีขึ้นมาหน่อย ฉันโทรไปขอต้นบอนสีจากแม่เพราะคุณยายของพี่เกียร์กำลังสะสมพันธุ์ไม้ชนิดนี้ แล้วไอ้ต้นบอนสีก็มีราคาตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว แล้วฉันก็ไม่มีความรู้ด้านนี้เสียด้วย ฉันไม่รู้หรอกว่าต้นไหนมีราคาถูกต้นไหนมีราคาแพง แค่มองว่ามันสวยก็พอ‘ต้นนี้ยายเราฝากให้พ่อเกียร์ ว่าที่หลานเขยในอนาคต’‘เดี๋ยวนะคะแม่ ตอนนี้เป็นแค่แฟน ไม่รู
Chapter 24จงจิตยืนมองหลานชายที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกจนกลายเป็นหนุ่มเต็มตัว กำลังนั่งคุกเข่าข้างๆหญิงสาวหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู แถมยังกุมมือไว้แน่นหนึบไม่ยอมปล่อยอีกด้วย คงจะรักกันมากสินะ..“เกียร์ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” นางแกล้งทำเสียงเข้มรับบทคุณยายใจยักษ์ใจมาร“ไม่ครับเกียร์ไม่ลุก เกียร์จะคบกับน้องเพลง ไม่เลิกนะยาย” อดีตนักมวยสากลจอมโหด แต่ดูเชื่องเหมือนลูกแมวเมื่ออยู่กับคนรัก นี่มันใช่หลานชายของนางตัวจริงเสียงจริงหรือเปล่านะ“พี่เกียร์..” เพลงเพลินมองหน้าแฟนหนุ่มทั้งน้ำตา ทำไมอุปสรรคความรักของเขากับเธอมันช่างมากมายเสียเหลือเกิน ทั้งเรื่องคนรักในอดีตของพี่เกียร์ มินนี่และในตอนนี้ก็คุณยายของเขา อยากจะยอมแพ้แล้วเดินออกจากชีวิตของเขา แต่มือหนาที่กุมเอาไว้แบบแน่นหนาก็แสดงให้เห็นว่าพี่เกียร์ไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆอย่างแน่นอน ทั้งเขายังยอมคุกเข่าต่อหน้าผู้เป็นยายเพื่อขอร้องให้คนตรงหน้ายอมให้เขาคบกับเธออีก แล้วแบบนี้เธอจะยอมจากไปง่ายๆได้ยังไง“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ยายบอกครั้งสุดท้าย” จงจิตพยายามกลั้นยิ้ม นานๆทีได้แกล้งหลานชายคนโปรดมันก็สนุกดีเหมือนกัน“เกียร์ไม่ลุกจนกว่ายายจะให้เกียร์คบกับน้องเพลง”
Chapter 23ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ไม่สิ..เกือบจะเก้าโมงแล้ว ดีที่เป็นวันเสาร์ไม่ต้องรีบตื่นไปเรียน พี่เกียร์ออกไปซื้ออาหารที่ห้างสรรพสินค้าใกล้กับคอนโด บอกว่าจะซื้อของสดมาทำอาหารที่ห้อง ฉันนี่ช่างสมเป็นกุลสตรีจริงๆ ให้ผู้ชายดูแลปรนนิบัตรพัดวี แต่พี่เกียร์ก็อ้างว่าอยากทำอาหารอร่อยๆให้ฉันกินด้วยตัวเอง ฉันเดินออกมาจากห้องเพื่อที่จะไปรดน้ำต้นไม้ที่ช่วยกันปลูกกับเจ้าของห้องที่ริมระเบียง ชุดที่ใส่นอนก็เป็นเสื้อนักศึกษาของพี่เกียร์ที่ยาวมากจนกลายเป็นมินิเดรสของฉัน พอออกมาถึงห้องรับแขกก็เห็นผู้หญิงสูงอายุที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับคุณยายของฉัน กำลังยืนก้มๆเงยๆเก็บเสื้อผ้าที่พี่เกียร์ถอดทิ้งไว้แบบส่งๆบนพื้นใส่ในตระกร้า ว่าแต่..แม่บ้านจะมาทำห้องในตอนที่ฉันกับพี่เกียร์ไม่อยู่ห้องนี่นา ฉันมองหญิงชราตรงหน้าด้วยความงุนงง ทว่าสิ่งที่ทำให้ใบหน้าของฉันเห่อร้อนด้วยความขัดเขินก็คือ แม่บ้านกำลังเก็บเสื้อชั้นในของฉันที่วางบนโซฟาตัวยาวหน้าทีวีรวมถึงกางเกงบ็อกเซอร์ของพี่เกียร์ด้วย ไม่บอกก็รู้ว่ามีกิจกรรมอะไรบนที่ตรงนี้ จึงรีบวิ่งไปแย่งเสื้อผ้าในมือของหญิงชรามาถือและซ่อนมันไว้ข้างหลังอย่างไว“คุณยายคะ เดี๋ยว
Chapter 22“พี่รักเพลงนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มและสายตาที่มองมาอย่างสื่อความหมายพิเศษทำเอาฉันหัวใจเต้นรัวและแรง ไม่บอกก็รู้ว่าฉันใจอ่อนตั้งแต่ที่รู้เขาเสี่ยงชีวิตปีนขึ้นมาหาฉันแล้วล่ะ“เพลงก็รักพี่เกียร์ค่ะ” ฉันตอบกลับออกไปในที่สุด พร้อมกับกอดคนข้างๆด้วยความคิดถึง แต่ความสูงที่มีน้อยนิดทำให้ใบหน้าถึงเพียงแค่ระดับอกพี่เกียร์เท่านั้น แต่คนตัวสูง..ไม่สิ สูงมากๆก็ย่อตัวลงพลางใช้นิ้วชี้ที่แก้มตัวเองทั้งยังยื่นมันมาใกล้ๆอีก“พี่เกียร์ ชะเอมยังอยู่ด้านนอกระเบียงนะคะ” ฉันพูดเสียงเบากลัวเพื่อนสาวจะได้ยิน“ตามสบายเลยจ้า เดี๋ยวเอมไปรอข้างล่าง” ทว่าจู่ๆรูมเมทสาวก็เดินเข้ามาในห้อง สะพายกระเป๋ากับโทรศัพท์มือถือเตรียมพร้อมออกจากห้อง“เฮ้ย!! ไม่ต้องหรอกเอม นี่ห้องเอม เพลงไปดีกว่า” ฉันรู้สึกผิดที่มารบกวนชะเอมแถมยังจะมาขอใช้ห้องอยู่กับแฟนหนุ่มตามลำพังอีก“ไม่ต้องเกรงใจ เสร็จเมื่อไหร่ เอ้ย..เคลียร์กันเสร็จก็โทรบอก” ชะเอมแกล้งทำทีพูดผิด ล้อฉันแบบหน้าตาย ร้ายนักนะ!!“งั้นขอรบกวน..” พี่เกียร์หันมายิ้มกว้างให้ฉันเหมือนถูกใจที่ชะเอมยื่นข้อเสนอแบบนี้ แทนที่ฉันจะยิ้มกลับแต่มองค้อนคนตัวสูงแทน“พี่เกียร์!!” จะบ้ารึไ