Chapter 3
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เกียร์ เพลงเกรงใจ เดี๋ยวเพลงกลับพรุ่งนี้” ใครจะไปกล้านั่งรถเกือบค่อนวันไปกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันล่ะ ถึงพี่เกียร์จะหล่อมาก..เอ่อ ไม่สิ โคตรหล่อ ถึงเขาจะไม่ได้ตำแหน่งเดือนมหา’ลัย แต่ติดอันดับหนุ่มฮ็อต มีฐานแฟนคลับพอๆกับพี่ไคโรและพี่ออโต้เพื่อนสนิทของเขา ที่สำคัญค่าน้ำมันที่ต้องเติมจนไปถึงเชียงใหม่นั่นก็เป็นปัญหาสำคัญ เงินติดตัวที่มีเพียงหนึ่งพันห้าร้อยบาทบวกเงินในบัญชีอีกสองร้อยห้าสิบ ค่าน้ำมันรถซุปเปอร์ไปกลับเชียงใหม่นี่ไม่ธรรมดาสมกับราคาของรถแน่ๆ แค่คิดฉันก็ขยาดขอนั่งรถโดยสารประจำทางไปดีกว่า ช้าหน่อยแต่ก็ประหยัดไปหลายเท่าตัว
“งั้นเพลงขอตัวนะคะ” ฉันใช้มือปาดน้ำตาอีกครั้ง ก่อนที่จะเก็บกระเป๋าซากโน้ตบุคมือสองที่ยับเยินจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกขึ้นสะพายไหล่
“พี่จะไปเที่ยวเชียงใหม่พอดี เพลงก็ติดรถไปลงบ้านไง” พี่เกียร์ยังคงยืนกรานจะให้ฉันไปกับเขาให้ได้ ฉันก็ไม่เข้าใจเหตุผลของเขาเท่าใดนัก ประเด็นหลักคือต้องแชร์ค่าน้ำมันนี่สิ
“ขอบคุณนะคะ ถ้าพี่เกียร์จะไปเที่ยวอยู่แล้ว เพลงต้องออกค่าน้ำมันไหม?” ฉันอยากทำความตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางตอนนี้เลยดีกว่า เกิดถึงบ้านมาเรียกเก็บเงินค่าน้ำมัน ฉันคงไม่มีให้เขาแน่ๆ
“อ๋อ..” คนข้างๆลากเสียงยาวคล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ว่าแต่..เข้าใจเรื่องอะไรล่ะ?
“เพลงบอกตรงๆนะคะ เพลงออกค่าน้ำมันช่วยพี่เกียร์ได้แค่พันเดียว”
“ไม่ต้องออกสักบาท พี่จะไปหาสับปะรดเมืองเหนือมาทำโปรเจคจบพอดี ไปกันเลยละกัน” พี่เกียร์สรุปเองและออกรถทันทีโดยที่ฉันไม่ทันได้ตัดสินใจ แค่ไม่ต้องออกค่าน้ำมันฉันก็รู้สึกสบายใจแถมยังนั่งรถหรูแอร์เย็นๆไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร ทั้งคนขับยังหล่อล่ำน่าปล้ำขนาดนี้ คุ้มแสนคุ้ม..ต้องคิดอะไรให้มากความ แต่ก็อย่างว่าพอเจอแอร์เย็นๆฉันก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มและเผลอหลับในเวลาเพียงไม่กี่นาที
เบาะรถพี่เกียร์นี่นอนสบายแถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ฉันขยับตัวเบียดไปจนชิดคนขับอย่างไม่รู้ตัว
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาตรงหน้า ฉันกระพริบตาถี่ๆปรับสายตาเพื่อรับกับความสว่างที่บอกให้รู้ว่าเป็นเวลาเช้าแล้ว
‘สบายจัง นึกว่านั่งรถจะปวดหลัง รถราคาแพงมันดีอย่างนี้เอง’
“ตื่นแล้วเหรอ? หิวรึเปล่า แวะกินโจ๊กข้างทางดีไหม?” เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากที่ใกล้ๆ มันใกล้มากจนนึกว่าพี่เกียร์ต้องกระซิบที่ข้างหูแน่ๆ
“ดีค่ะ เพลงหิว” ท้องฉันเริ่มร้องโครกครากด้วยความหิวโหย ฉันเป็นคนที่กินเก่งแต่ไม่เคยอ้วน ไม่รู้กินแล้วมันไปโตที่ไหน ว่าแต่เสียงพี่เกียร์มันใกล้มาก..อย่าบอกนะว่า ใช่แล้ว!! ใบหน้าของฉันแนบอยู่บนหน้าอกพี่เกียร์ ฉันรีบสปริงตัวกลับมานั่งตัวตรงบนเบาะตัวเองด้วยความอับอาย แสดงว่าฉันนอนซบอกเขามาตลอดทาง กรี้ดดด... น่าอายที่สุด ฉันหลุบตาต่ำมองเท้าตัวเอง แอบได้ยินเสียงคนข้างๆหัวเราะเบาๆ ราวๆสิบนาทีพี่เกียร์ก็ขับรถเข้ามาถึงตัวเมืองเชียงใหม่
“ร้านไหนดี ร้านไหนเด็ดครับ” ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมหันมาถาม พี่เกียร์กดยิ้มมุมปากจนเห็นลักยิ้มที่แก้มของเขา ละลายเลยฉัน..ใจเหลวไปหมด โอ้ย..หล่อ เป็นบุญของฉันแท้ๆที่ได้มีโอกาสนั่งรถมากับหนุ่มฮ็อตของมหา’ลัย
“ร้านโจ๊กแม่รำพึงค่ะ เลี้ยวขวาซอยข้างหน้า” ฉันบอกทางด้วยความมั่นใจเพราะเชียงใหม่คือถิ่นของฉัน พี่เกียร์ขับไปตามทางที่ฉันบอกจนไปเจอร้านโจ๊กซึ่งอยู่ในซอยแคบๆ มันเป็นร้านเล็กๆ ที่มีที่นั่งเพียงสามโต๊ะเท่านั้น ร้านนี้เป็นร้านโจ๊กเจ้าประจำของฉัน อร่อย ราคาย่อมเยาและที่สำคัญป้ารำพึงให้เยอะแบบไม่หวงเครื่องจนแทบล้นชาม นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ฉันเลือกร้านนี้ ก็ร้านอื่นให้น้อยกินไม่อิ่ม ฉันไม่ได้เป็นคนตะกละนะ
“พี่เกียร์เอาอะไรคะ?” พอเราได้ที่นั่งที่ว่างเพียงโต๊ะเดียวฉันก็เอ่ยถามเขา
“พิซซ่าหน้าฮาวาเอียน” ใบหน้าหล่อเหลาพูดหน้าตาย เขากดยิ้มมุมปากนิดนึง ทำเอาหัวใจของฉันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ นานๆทีจะได้ใกล้ชิดหนุ่มหล่อละมั้ง เลยไม่ยอมหายตื่นเต้นซะที เพลงเอ้ย!!
‘เห็นหล่อๆแบบนี้ พี่เกียร์ก็กวนนะเนี่ย’
“ใส่ไข่ไหมคะหรือธรรมดา” ฉันไม่สนใจในสิ่งที่เขาตอบก่อนหน้านี้ ถามขึ้นอีกครั้ง ก็คนมันหิวไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงใครหรอก
“แล้วพิเศษใส่ใจหรือใส่ไข่” ฉันเพิ่งรู้ว่าพี่เกียร์ที่ชอบทำหน้านิ่งๆต่อหน้าคนอื่นจะมีมุมที่พูดอะไรแบบนี้ด้วย
“ป้าคะ ใส่ไข่สองค่ะ” ฉันตะโกนบอกป้ารำพึงที่ยืนอยู่หลังโจ๊กหม้อใหญ่ หญิงวัยกลางคนที่ยังคงเค้าความสวยในชุดพื้นเมืองพยักหน้ารับพลางส่งยิ้มกลับมาให้ ไม่นานนักโจ๊กร้อนๆก็มาเสิร์ฟสองที่พร้อมปาท่องโก๋ ฉันฉีกมันเป็นชิ้นๆลงในถ้วยตัวเองจากนั้นจึงตักเข้าปาก
‘อืม..อร่อยเหมือนสมัยมัธยมเลย’ ทว่าคนตรงหน้ากลับนั่งมองถ้วยโจ๊กตัวเองแบบครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ
“พี่ไม่กินขิง” คนหล่อๆต้องมีอาหารที่ไม่ชอบสินะ แบบเวลาลงในโปรไฟล์ สิ่งที่ไม่ชอบคือขิง ฉันอมยิ้มพลางตักขิงในถ้วยพี่เกียร์ลงในถ้วยตัวเอง
“เพลงกินให้เองค่ะ”
“ชอบกินขิงเหรอเรา?” พี่เกียร์ยอมกินโจ๊กที่ฉันตักขิงออกให้
“ไม่ค่ะ” ฉันตอบพลางยิ้มจนเห็นฟันทุกซี่ คนตรงหน้าขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
“อ้าว?”
“แต่เพลงชอบกินทุกอย่างเลยค่ะ” ฉันก็เหมือนคนทั่วๆไป อะไรอร่อยๆฉันก็ชอบกินหมดแหละ ไม่ถึงสองนาทีโจ๊กในถ้วยฉันก็เกลี้ยง ไม่ได้สงวนท่าทีต่อหน้าหนุ่มหล่อๆเลยสักนิด เพราะฉันถือคติที่ว่ากินข้าวอิ่มท้องมองผู้ชายอิ่มทิพย์ ซึ่งก่อนจะมองผู้ชายเราต้องอิ่มท้องไว้ก่อน..ว่าแต่โจ๊กถ้วยเดียวฉันยังไม่อิ่มเลย จะสั่งอีกพี่เกียร์จะหาว่าฉันเป็นคนตะกละไหมนะ
“กินหมูสับกับตับให้หน่อย” เขาตักของที่บอกลงในถ้วยของฉันพร้อมกับไข่ที่เขายังไม่ได้กินแถมยังมีเนื้อโจ๊กอีกด้วย โอเค ถ้ามีคนตักอาหารให้เราไม่ควรปฏิเสธ ยิ่งผู้ชายหน้าตาดีแล้วด้วย
“พี่เกียร์กินน้อยจัง ปาท่องโก๋ก็ไม่กิน” คาดว่าคงจะรักษารูปร่างแหละ ฉันได้ยินมาว่าเมื่อก่อนพี่เกียร์เป็นอดีตแชมป์มวยสากลสมัครเล่น
“กินเยอะๆจะได้ตัวสูงๆ พี่นึกว่ามากับเด็กประถม” เขากดยิ้มมุมปาก มือหนาขยี้ผมฉันคล้ายกับจะเอ็นดู นอกจากฉันจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กแล้ว ยังหน้าเด็กอีก คนที่ไม่รู้จักต่างพากันคิดว่าฉันเป็นเด็กมัธยมกันทั้งนั้น
“โห พี่เกียร์ ความสูงของผู้หญิงหยุดตั้งแต่มอปลายแล้วป่ะ” ฉันยู่หน้าให้คนตรงหน้า
“แล้วแม่อยู่โรงพยาบาลไหนล่ะ”
“โรงพยาบาลประจำจังหวัดค่ะ ยายบอกว่าอาจจะได้ผ่าตัดตอนบ่าย” ฉันโทรคุยกับยายล่าสุด กระดูกข้อศอกของแม่ผิดรูปต้องทำการผ่าตัดเพื่อฝังเหล็กดามไว้ข้างใน
“เดี๋ยวเพลงสั่งโจ๊กไปฝากแม่กับยายก่อนนะคะ” ยายคงกำลังเฝ้าแม่ที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อาจไม่มีเวลาออกมาหาซื้ออาหาร ฉันจึงขอให้พี่เกียร์แวะซื้อน้ำ กระดาษทิชชูและของใช้จำเป็นไปด้วย
พอไปถึงโรงพยาบาลฉันก็เข้าไปเยี่ยมแม่ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยรวม เพราะห้องพิเศษต้องมีค่าใช้จ่ายที่เบิกจากบัตรทองไม่ได้
“พี่เกียร์ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” ฉันยกมือไหว้ขอบคุณและทำการตอบแทนโดยการเลี้ยงอาหารเช้าที่เขาพยายามจะแย่งจ่ายแต่ดันพกมาแค่บัตรเครดิต แน่นอนว่าร้านไม่รับ พี่เกียร์ยังดึงดันจะจ่ายค่าอาหารหนึ่งร้อยบาทผ่านแอพธนาคาร ซึ่งป้ารำพึงก็ยังอยากรับเงินสดอยู่ดี ฉันจึงรีบส่งเงินให้เจ้าของร้านและดึงพี่เกียร์ออกจากร้านทันที
“กลับตอนไหนน่ะเรา มีเรียนรึเปล่า?” ฉันได้กลิ่นบุหรี่ผสมกลิ่นมิ้นท์จางๆจากตัวของเขา ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมดูอ่อนเพลียเหมือนคนอดนอน ก็ต้องไม่ได้สิ..เขาขับมาทั้งคืนโดยมีฉันนอนหลับข้างๆตลอดคืนเช่นกัน แถมยังไปนอนซบอกให้เขาขับรถยากไปอีก
“เพลงว่าจะอยู่จนกว่าแม่จะกลับไปพักฟื้นที่บ้านค่ะ หลังผ่าตัดหมอบอกว่าไม่เกินสองวันก็กลับบ้านได้ เพลงแชทไปบอกเพื่อนๆแล้วค่ะ” วันนี้เป็นวันศุกร์คงขาดเรียนแค่วันเดียว เย็นวันอาทิตย์ฉันน่าจะได้เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯตอนเช้าก็คงจะเข้าเรียนเลย
“ประมาณสองวันใช่ไหม?”
“ค่ะ พี่เกียร์ขับรถดีๆนะคะ” ฉันยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าอีกครั้ง ช่างเป็นสองวันที่ดีจริงๆ ได้นั่งรถหรูแถมคนขับยังหล่อมาก เหมือนอยู่ในความฝันแล้วกำลังจะตื่นขึ้นมาจากฝันที่ดีที่สุด
“พี่มีธุระจะทำที่นี่พอดี ถ้าเพลงจะกลับทักมาหาพี่ละกัน เผื่อพี่ยังอยู่เชียงใหม่” พี่เกียร์ส่งคิวอาร์โค้ดเพื่อแอดไลน์ยื่นมาตรงหน้าฉัน ฉันแอดไลน์เขาไปแบบงงๆ ระหว่างเรามันต้องมีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกเหรอ?
“งั้นเพลงเข้าไปหาแม่ก่อนนะคะ”
“แล้วเจอกันนะ” พี่เกียร์บอก แต่คงไม่ได้เจอหรอกเพราะตอนกลับฉันตั้งใจจะนั่งรถโดยสารประจำทางกลับ แค่นี้ก็รบกวนเขามากพอแล้ว..
Chapter 4ตริ้ง..ตริ้ง..เสียงเตือนโปรแกรมแชทสีเขียวแบบรัวๆ ทำให้เกียร์ต้องหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านอย่างเสียไม่ได้Cairo : ไอ้เกียร์มึงอยู่ไหน? ทำไมไม่มาเรียน มึงอยากเรียนจบไหมAuto : แม่ง!! มาเกเรอะไรตอนปีสี่วะ ไอ้บ้า!!Ami : ยายมึงบอกว่า มึงออกไปดูที่ทำโกดังสินค้าแล้วหายออกจากบ้านไปเลยพร้อมกับรถคันเก่งที่ไม่ยอมให้ใครนั่งAuto : ตอนนี้ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว กูต้องแจ้งความคนหายไหมCairo : อ่าว ไอ้เกียร์ อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ เออ อย่างน้อยมึงก็ยังไม่ตายAmi : สรุปมึงอยู่ไหน ยายมึงถามAuto : มึงอยากรู้ก็บอกมาเหอะ โทรถามกูทั้งคืน กูผัวมึงเหรอ?Ami : ให้เหลือผู้ชายคนเดียวกูก็ไม่เอามึงหรอกออโต้Cairo : พวกมึงจะตีกันตอนนี้ไหม? เกียร์ มึงอยู่ไหนGear Knight : เชียงใหม่Auto : เชียงใหม่!!! อยากไปเที่ยววอร์มอัพก็ไม่บอกCairo : ไปทำบ้าอะไรวะ พวกกูคิดโปรเจคจนหัวจะแตก แม่ง..เสือกอยากเที่ยวAmi : กูชอบสาวเจียงใหม่Auto : กลับวันไหน แม่กูอยากกินไส้อั่วCairo : ตอบกูก่อน มึงไปทำอะไรAuto : ติดหญิง?Ami : เผื่อกูด้วยหนึ่งคนCairo : มึงเป็นอะไรรึเปล่า? อกหักเสียใจ บอกกูได้นะGear Knight : เปล่าๆ กูมาหาสับปะ
Chapter 5“เพลง น้าพิณเป็นยังไงบ้าง เราว่าจะไปเยี่ยมตอนบ่าย” นัท เพื่อนวัยเด็กที่เรียนมหา’ลัยชื่อดังในตัวจังหวัดเอ่ยถาม ใบหน้าคมเข้มที่จัดว่าหล่อยิ้มกว้างอย่างดีใจ เพราะเราไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว บ้านของนัทอยู่ติดกับบ้านฉัน ตัวบ้านหลังใหญ่สีขาวออกแบบสไตล์โมเดิร์นยุโรป หน้าบ้านจัดเป็นสวนดอกไม้เมืองเหนือโดยบริษัทรับจัดสวนดังระดับประเทศ ส่วนบ้านของฉันเป็นเพียงบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนธรรมดามากๆถ้าเทียบกับบ้านของนัท“ผ่าตัดแล้วจ้ะ พรุ่งนี้คงได้กลับบ้าน” ฉันยิ้มตอบ“แล้ว?” นัทมองไปยัง ร่างสูงที่เดินตามหลังฉันมา พี่เกียร์ถอดแว่นกันแดดสีดำออก มองสบตากับเพื่อนของฉัน ต่างฝ่ายต่างไม่ยิ้มให้กัน สถานการณ์ดูตึงๆอย่างบอกไม่ถูก ถ้าคิดแบบเพ้อฝันนิดๆก็ประหนึ่งว่า ผู้ชายสองคนหมายปองหญิงสาวคนเดียวกันก็คือฉันเอง อร้ายย..แค่คิดก็เขินแล้ว“พี่เกียร์ เป็นรุ่นพี่ที่มหา’ลัย พี่เกียร์นะ นี่นัทเพื่อนของเพลงตั้งแต่เรียนประถมค่ะ” ฉันแนะนำผู้ชายหน้าตาดีสองคนให้รู้จักกัน“อืม” พี่เกียร์ตอบรับสั้นๆ“ครับ” นัทยิ้มแบบฝืนๆให้ คงเพราะไม่ได้สนิทกัน“มาเอาของที่บ้านเหรอ?” เพื่อนวัยเด็กฉันถามต่อ เมื่อฉันกำลังจะเข้าไปในบ้าน“เอ่อ
Chapter 6พี่เกียร์เป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดของแม่ฉันทั้งหมด หนำซ้ำยังเป็นธุระเช่ารถเพื่อไปส่งแม่กับยายที่บ้าน ด้วยเพราะรถหรูของเขามันนั่งได้แค่สองคน เก็บของอะไรมากก็ไม่ได้ รถแพงซะเปล่าแต่ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ อย่างว่าแหละรถของเซเลบ คนธรรมดาอย่างฉันคงจะไม่เข้าใจ หลังจากที่แม่ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ชวนพี่เกียร์กินข้าวเย็นที่บ้านด้วย ความจริงแล้วฉันอยากจะถามว่าธุระที่เขาจะมาทำที่เชียงใหม่ได้ทำแล้วหรือยัง เหมือนฉันทำเป็นตัวภาระของเขายังไงไม่รู้“พี่เกียร์ กินได้ไหมคะ น้ำพริกอ่องหมูทอด เพลงเจียวไข่ให้ด้วย” บ้านของฉันกินอาหารง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมาก กลัวว่าหนุ่มเมืองกรุงอย่างพี่เกียร์จะอึดอัด“ได้สิ น่าอร่อยดีนะ” พี่เกียร์ใช้ส้อมจิ้มข้าวเหนียวแบบเก้ๆกังๆ จิ้มลงไปในถ้วยน้ำพริก ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมทำเหมือนกล้าๆกลัวๆที่จะกินอาหารในสำรับ พี่เกียร์ในชุดเสื้อเชิร์ตแบรนด์ดังสีฟ้ากับกางเกงยีนส์สีเข้มเรียบๆ เป็นสิ่งเดียวในบ้านหลังเล็กๆที่ไม่มีความเข้ากันเลย เขาน่าจะไปนั่งกินอาหารที่ร้านหรูๆมากกว่า ฉันเดินเข้าไปในครัวเพื่อเอาไข่เจียวที่ยายทอดใหม่ๆให้เ
Chapter 7“เกียร์ หายไปไหนมาตั้งหลายวัน ยายถาม” เจ้ก้อยพี่สาวต่างแม่เอ่ยถามผม เมื่อเห็นผมเดินเข้ามาในบ้านในช่วงบ่าย พี่สาวผมอยู่ในชุดกางเกงเสื้อเข้าเซ็ทแบบทะมัดทะแมง เพราะเธอออกเป็นแนวสาวห้าวและป๊าไว้ใจให้คุมผับหลายที่ แต่ผับที่เจ้ก้อยอยู่ประจำจะเป็นผับเอส อ้อ..สาขาเดียวกันกับผับเอ็กซ์ที่ผมและกลุ่มเพื่อนชอบไปเป็นประจำเพราะเป็นผับสำหรับนักศึกษา แต่ผับเอสจะเป็นผับของคนวัยทำงานที่มีค่าเมมเบอร์แพงพอสมควร ไม่ต้องพูดถึงการบริการที่ดีเยี่ยม สมกับเงินที่จ่ายไปนั่นล่ะ“ไปเที่ยวเชียงใหม่ครับ” ผมตอบไปตามตรง ครั้งแรกก็ไปแบบงงๆ เพราะสงสารผู้หญิงตัวเล็กหน้าเด็กคนนั้น บอกตรงๆน้องไม่ใช่สเป็กผมเลย ผมชอบผู้หญิงตัวสูงเพราะผมตัวสูงมาก เดินกับผู้หญิงตัวเล็กมันดูแตกต่างกันเกินไป ที่สำคัญน้องเพลงยังหน้าเด็กคนอื่นจึงมองแปลกๆ นึกว่าผมพรากผู้เยาว์มาซะอย่างนั้น แต่พอใกล้ชิดสนิทสนิทได้คุยกันมากขึ้น กลับกลายว่าผมเต็มใจที่จะบริการน้องเพลง ผมแค่คิดว่าน้องเพลง..น่ารักดี กินข้าวไม่ห่วงสวย จิตใจดี รักครอบครัว มองโลกในแง่ดี ผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทำตัวเป็นตัวของตัวเองต่อหน้าผมแบบนี้นานแล้ว เจอแต่ผู้หญิงที่ชอบวางฟอร์มกินข
Chapter 8“กิ๊บ ทำได้ไง ทำงานทุกวันเลย ไม่เหนื่อยเหรอ?” ฉันเอ่ยถามรูมเมทสาว ผู้ชักนำฉันเข้าสู่วงการทำงานกลางคืน ในขณะที่เรากำลังแต่งตัวเตรียมตัวเข้างานในช่วงสามทุ่ม วันนี้เป็นวันที่สามที่ฉันลากร่างที่แทบจะแหลกจากการอดหลับอดนอนในยามค่ำคืน โดยกลางวันก็ต้องไปเรียนตามปกติ“ชินแล้วล่ะเพลง อดนอนไม่กลัว กลัวแต่จะอดตายมากกว่า” กิ๊บพูดยิ้มๆพลางใช้ที่ม้วนผมไฟฟ้าดัดปลายผมตัวเองให้เป็นลอน ฉันสังเกตว่าช่วงอาทิตย์ที่แล้ว กิ๊บใส่ทองเต็มตัว ทว่ามาวันนี้กลับไม่มีเหลือสักเส้น คงจะเก็บไว้แหละ สมัยนี้ใส่ทองอวดร่ำอวดรวย อาจจะโดนมิจฉาชีพกระชากเอาได้ง่ายๆ“นี่ถามจริงๆ กิ๊บออกไปกับแขกแต่ละครั้งได้เท่าไหร่?” ฉันมันพวกปากไว ถามไปโดยไม่คิดอะไร แต่ลืมไปว่าคำถามมันค่อนข้างจะละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกคนอื่น จึงรีบโบกมือ“ไม่ต้องตอบก็ได้ เราก็ถามไปเรื่อย ฮ่าฮ่า” ฉันทำทีหัวเราะกลบเกลื่อน“ห้าพันถึงหนึ่งหมื่น ครั้งแรกเราได้ตั้งสามหมื่นห้า” กิ๊บเล่ายิ้มๆ ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องปิดบังแต่อย่างใด“สามหมื่นห้า!!” ได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันยกมือทาบอกทำท่าไม่อยากจะเชื่อ“ความจริงไม่อยากแนะนำเพลงให้รับงานแบบนี้หรอกนะ
Chapter 9หัวใจของฉันเต้นโครมคราม เมื่อโดนดวงตาคู่คมของคนตรงหน้าจ้องมองนิ่งนาน แววตาของพี่เกียร์ทอประกายวาบหวามในความมืดสลัว ที่ได้รับความสว่างจากโคมไฟดวงน้อยที่หัวเตียงเพียงน้อยนิดเท่านั้น พี่เกียร์ใช้มือไล้ไปตามกรอบหน้าของฉัน เขากดจูบที่หน้าผากไล่มาที่แก้มทั้งสองข้างอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะกดริมฝีปากตัวเองทาบทับริมฝีปากของฉัน บดเน้นหยอกเย้าไปตามกลีบปากบนสลับกับริมฝีปากล่าง ฉันรู้สึกลอยคว้างขึ้นไปบนอากาศราวกับภาพฝัน ที่เคยบรรยายฉากเลิฟซีนในนิยายรักนั้น ยังไม่ละเอียดเท่าได้มาปฏิบัติจริง ดวงตาจับจ้องเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมอบจุมพิตอันแสนเร่าร้อนเพียงเท่านั้น‘จูบแรกกับพี่เกียร์ไม่ผิดหวังจริงๆ’ ฉันพึมพำในใจ เผลอใช้มือโอบรอบต้นคอแกร่งของเขา ลิ้นร้อนชื้นแทรกเข้ามาในโพรงปากกวาดต้อนเรียวลิ้นของฉันพร้อมสติที่มีเพียงน้อยนิดไปด้วย ร่างกายของฉันเริ่มร้อน อุณหภูมิของผู้ชายตรงหน้าก็เช่นกัน มือหนาสอดเข้าไปใต้เชื้อเชิร์ตบีบเคล้นอกอวบภายใต้บราสีหวาน ขนาดมีบราเซียเป็นปราการขวางกั้นแต่ฉันก็รู้สึกวูบวาบไม่เป็นตัวของตัวเองสักนิด“เพลง ให้พี่หยุดไหม?” พี่เกียร์กระซิบถามเบาๆที่ข้างหู‘เดี๋ยวก่อนนะคะ มาข
Chapter 10ฉันนอนมองใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมที่กำลังนอนข้างๆอย่างเคลิบเคลิ้ม ใครจะไปอยากเชื่อว่าผู้หญิงธรรมดาๆอย่างฉันจะมีโอกาสแบบนี้ พี่เกียร์ยังคงนอนหลับสนิทไม่มีทีท่าจะตื่นแต่อย่างใด ฉันรีบหยิบมือถือขึ้นมาเข้าแอพพลิเคชันนิยายยอดฮิต ฉันเพิ่งจะเปิดนิยายเรื่องใหม่โดยลองเปลี่ยนแนวจากรักใสๆ เป็นนิยายอีโรติกยี่สิบบวก ทว่าพอมาถึงตอนที่ต้องเขียนเลิฟซีนฉันก็ไปต่อไม่เป็นจนต้องหยุดอัพเอาดื้อๆ อาจเป็นช่วงที่ต้องโหมทำงานเพื่อใช้หนี้พี่เกียร์ด้วย แค่เวลาจะนอนยังไม่พอ ไหนยังจะงานที่ต้องทำจากมหา’ลัย เรื่องเขียนนิยายตัดไปจากสารบบตอนนี้ได้เลย มีคอมเม้นท์ถามไถ่เรื่องนิยายจากนักอ่านนับสิบ ฉันเขียนนิยายมาสองปี แต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร คนติดตามก็ราวๆสี่ร้อยเศษๆ เริ่มเขียนจากนิยายรักจีนโบราณด้วยความชื่นชอบ พอเริ่มมีฐานคนอ่านก็ลองเปลี่ยนเป็นแนวรักวัยรุ่นไม่เน้นฉากอีโรติก แต่ก็อย่างที่รู้กันนิยายที่มีฉากรักและเรื่องอย่างว่า มักจะได้รับความนิยมมากกว่า ฉันจึงเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนแนวมาตีตลาดดูบ้าง อยากจะลองติดเหรียญ บางทีอาจจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทาง แต่ไม่ว่าจะดูหนังอย่างว่าหรืออ่านงานเขียนจากนักเขียนท่านอื่น ฉ
Chapter 11“พี่เกียร์ เพลงไม่ซื้อใหม่นะคะ เดี๋ยวไปใช้คอมที่ร้านก็ได้ค่ะ” เสียงโวยวายของน้องเพลง ทำให้ผมหันไปส่งยิ้มแบบที่คิดว่าคูลๆเท่ห์ๆให้เธอ แน่ล่ะ..พอผมยิ้มทีไร น้องเพลงก็ยอมทุกที“ร้านเกมมีแต่ผู้ชาย เดี๋ยวก็มีคนเข้ามาเกาะแกะเรา พี่..” ไม่ชอบ..ผมละสองคำนี้ในใจ เพราะความสัมพันธ์ของเรามันยังไม่ชัดเจน ถึงจะเรามีอะไรกันอย่างลึกซึ้งแล้ว แต่เรายังไม่ได้ตกลงกันว่าจะมีสถานะยังไงต่อไป เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงใดๆทั้งสิ้น“เพลงไปช่วงบ่าย ยังไม่ค่อยมีคนเข้ามาใช้ค่ะ” น้องเพลงยังไม่ยอมที่จะรับโน้คบุคเครื่องใหม่จากผม ทำไมบทจะดื้อถึงได้รั้นอะไรขนาดนี้นะ“เอาไปเถอะ พี่อยากให้เราจริงๆนะ” เมื่อเช้าเห็นน้องพิมพ์นิยายลงในมือถือแล้วรู้สึกลำบากแทน“แต่...”“ถ้าเขียนนิยายได้เงินแล้วค่อยคืนพี่นะ” ผมไม่รอให้ฟังน้องเพลงคัดค้านอะไรอีก หันไปบอกพนักงาน ตกลงซื้อโน้ตบุคสีชมพูแบรนด์ดัง“แต่มันแพงมากเลยนะคะพี่เกียร์” ใบหน้าเล็กๆน่ารักมองป้ายราคาอย่างพิจารณา ดวงตากลมโตฉายแววความลำบากใจ แตกต่างจากผู้หญิงที่ผมเคยมีความสัมพันธ์ด้วย ที่ยินดีพร้อมจะรับของขวัญราคาแพงที่ผมให้ทุกอย่างโดยไม่อิดออดเหมือนคนตร
Special You’re my world.“เกียร์วันนี้ไปกินเหล้ากัน?” ออโต้เอ่ยถาม วันนี้เป็นวันศุกร์คืนแฮงเอาท์สินะ แต่ว่าผมต้องไปดูที่เพื่อจะทำโกดังสินค้าของป๊านี่นา“ขอไปดูที่ให้ป๊าก่อน แล้วจะตามไป” ผมตอบ“เกียร์ ขอไปด้วยนะ ไม่ได้เอารถมา” เอมิหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มเอ่ยขึ้น“ก็บอกว่าจะแวะไปดูที่ก่อน ที่ในซอยเปลี่ยวด้วย ไม่กลัวเหรอ?” ผมอ้างไปข้างๆคูๆ เหตุผลสำคัญก็น่าจะเพราะวันนี้เอารถคันโปรดมา กะว่าดูที่เสร็จจะแวะไปเปลี่ยนรถที่บ้านก่อน จากนั้นก็อาบน้ำและตามไปสมทบที่ผับอีกที“อ้างว่ะ มึงไม่อยากให้กูนั่งรถคันโปรดของมึง” เพื่อนสาวเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ ผมได้ทุนจากป๊าทำธุรกิจเกี่ยวกับค่ายมวยและพวกโกดังเก็บสินค้า ป๊าให้ผู้ช่วยมาดูแลกิจการช่วยผมอีกทีจนเริ่มประสบการณ์จึงค่อยๆปล่อยให้ผมทำมันด้วยตัวเอง ถามว่าหวงรถไหม? ก็ไม่รู้เหมือนกัน รถคันนี้เป็นรถคันแรกที่ซื้อมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจริงๆ ผมไม่ค่อยได้ขับมันเลย จะเอาออกมาขับบางวันที่รู้สึกเบื่อๆ อย่างเช่นวันนี้ ไอ้ออโต้นั่งไถไอจีพลางส่งมือถือให้ผมดูรูป ในภาพนั้นเป็นผู้ชายยืนหันหลังสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงในคอนโดของเนเน่ ดูยังไงก็รู้ว่าเป็นผมแถมน้อง
Chapter 29ก่อนวันแต่งงานพี่เกียร์พาฉันขับรถออกมาจากบ้าน เพื่อจะมาดูบ้านใหม่ที่เจ้าตัวอุบไว้ไม่ยอมพาฉันมาสักที ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นความลับอะไรนักหนา เขาขับรถไปเรื่อยๆ เลี้ยวเข้าซอกซอยที่ฉันไม่คุ้นเคย ทว่าพอถึงจุดหมายก็ทำให้ฉันประหลาดใจขึ้นมาทันที นั่นก็เพราะว่ามันคือที่แรกที่ฉันบังเอิญเจอกับเขาในซอยเปลี่ยว แต่ซอยที่ว่าก็เริ่มมีบ้านสิ่งปลูกสร้าง ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือว่าร้านรวงต่างๆจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมในวันที่เราเจอกันสักนิด บ้านที่ว่าก็สร้างอยู่บนจุดที่ฉันเอาโน้ตบุคฟาดหลังพี่เกียร์“พี่เกียร์ เว่อร์อีกแล้วนะ สร้างตรงจุดเกิดเหตุเลย อย่าบอกนะโน้ตบุคเครื่องนั้นใส่กรอบตั้งในตู้โชว์ในบ้าน” ฉันทำทีพูดปนขำหรือกลบเกลื่อนความดีใจจนขอบตาเริ่มมีน้ำตามาคลอที่ขอบตาด้วยความตื้นตัน ที่พี่เกียร์จำรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆที่เกี่ยวกับฉันไว้หมดทุกอย่าง“จริง พี่ใส่กรอบใสไว้เป็นที่ระทึก..เอ้ย!! ที่ระลึก” ว่าที่เจ้าบ่าวยิ้มกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามยิ่งดูดีเข้าไปอีกห้าร้อยสองเท่า ใครจะไม่อวยหลัวตัวเองบ้างล่ะ“พี่อยากให้เพลงรู้ว่า ความรักของเราเริ่มที่ตรงไหน แล้วมันก็จบลงที่ตรงนี้” มือหนาคว้ามือของฉันไป
Chapter 28 ‘Will you marry me?’ ข้อความนี้มัน..ฉันยืนนิ่งอ่านป้ายนี้อยู่นานพลางนิ่งคิดไปสักพัก..แล้วพยักหน้ารับอย่างเข้าใจกับตัวเอง“พี่เอี้ยงคะ พร็อบของนิยายพี่วิเวียนเหรอคะ?” ชื่อเซ็ทหนังสือของนักเขียนรุ่นพี่คือเซ็ทเจ้าสาวจำยอม สำนักพิมพ์ลายลักษณ์อักษรเล่นใหญ่จริงๆ มีการขอแต่งงานด้วย ฉันหันไปยิ้มแบบแซวๆให้พี่วิเวียน อยากใส่ชุดสโนว์ไวท์ดีนัก ไม่เข้ากับธีมของบูทเลย“นี่เพลงไม่เข้าใจจริงๆเหรอ?” พี่เอี้ยงกับพี่วิเวียนทำหน้าเหวอหน่อยๆ“เอาเลยค่ะพี่วิเวียน แต่งเลยค่ะ ไหนคะเจ้าบ่าว” ฉันเล่นไปตามน้ำเพราะดูท่ากิจกรรมของงานมันก็สนุกดีเหมือนกัน น่าจะมีว่าที่เจ้าบ่าวที่จ้างมาแสดงละครด้วยอย่างแน่นอน“โอ้ย..วิงเวียน” เจ้าของสำนักพิมพ์หันไปรำพึงรำพันกับนักเขียนเจ้าประจำในสังกัด“วิเวียนค่ะพี่เอี้ยง”“ฉันรู้สึกปวดหัววิงเวียนจริงๆ คนที่จ้างเราเค้าจะจ่ายค่าจ้างให้ไหมเนี่ย” พี่เอี้ยงเริ่มกุมขมับพลางปรับ ทุกข์กับพี่วิเวียนต่อ “มีอะไรกันหรือเปล่าคะ เพลงตกข่าวอะไรไปไหม?” ฉันเริ่มจะงุนงงหน่อยๆเพราะไม่มีใครยอมเฉลยเลยว่ากิจกรรมงานแจกลายเซ็นท์มันเป็นรูปแบบไหนกันแน่ ตอนนี้ฉันในชุดกึ่งเจ้าสาวทำตัวไม่ถูกจริง
Chapter 27“พี่เกียร์คะ อาทิตย์หน้าเพลงจะไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ มีแจกลายเซ็นท์ด้วยนะ คือเพลงจะบอกว่าเพลงดังมากนะคะ” ฉันพูดปนขำอวยตัวเองหน่อยๆ งานนี้ฉันได้รับเชิญเพราะรู้จักกับพี่เอี้ยงที่เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ลายลักษณ์อักษร แล้วนิยายของฉันก็ตีพิมพ์กับที่นั่นเกือบห้าเล่มแล้ว ทว่างานประจำที่ฉันทำจริงๆก็คือเปิดสำนักพิมพ์ร่วมกันกับช่อม่วงและโรส โดยมีพี่เกียร์กับพี่ไคคือผู้สนับสนุนหลักจนทำให้ความฝันเล็กๆของสาวๆเป็นจริงขึ้นมาได้“ดังแล้วจะลืมพี่ไหมนะ” พี่เกียร์ยิ้มกว้างจนลักยิ้มบุ๋มลึก ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมที่เปลือยท่อนอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทำเอาหัวใจของฉันสั่นไหว หายใจติดๆขัดๆขึ้นมาทันที ดาเมจทำลายล้างของท่านพี่ช่างสูงนัก คำว่าลืมถูกตัดออกไปจากสารบบเพราะในหัวของฉันมีแต่คำว่าเกียร์เต็มไปหมด บ้าจริง!!“ไม่ตอบ? แสดงว่าลืม” ริมฝีปากหยักได้รูปลากไล้ไปตามลาดไหล่ที่โผล่พ้นชุดเดรสสีหวานของฉันเพียงบางเบา หากแต่มันทำให้ขนอ่อนฉันลุกชูชันขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน“พี่เกียร์ไม่ทำรอยนะคะ นี่เพื่อนก็ล้อยันลูกบวชแล้วค่ะ” ฉันพยายามผลักใบหน้าที่เต็มไปด้วยเคราจางๆอย่างไม่จริงจังนัก“จะได้ไม่ใส่เสื้อคอกว้า
Chapter 26“เพลงๆๆ เหลนรหัสแกโคตรจี๊ดเลย” เสียงของมิ้นท์ทำให้ฉันวางมือจากการเขียนนิยาย มองไปตามมือของเพื่อนรักที่ชี้ไปยังสนามหน้าตึกอักษรศาสตร์ ซึ่งกำลังมีการรับน้องกันอย่างคึกคัก“คนไหนอ่ะมิ้นท์” ฉันมองเด็กๆปีหนึ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างมากหน้าหลายตา แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครคือเหลนรหัสตัวเองที่มิ้นกล่าวถึง เพราะตอนเลือกพี่รหัสฉันไม่ได้อยู่ร่วม เนื่องจากติดธุระต้องไปย้ายของเข้ามาอยู่คอนโดที่ใกล้มากขึ้น เรียกได้ว่าใกล้จนอยู่แค่หน้ามหา’ลัยได้เลย ทั้งนี้ก็เพราะพี่เกียร์เรียนจบและกำลังเริ่มเปิดบริษัทรับสร้างบ้านกับกลุ่มเพื่อนๆ นั่นก็คือพี่ไค พี่ออโต้และพี่เอมิ จึงทำให้ไม่ค่อยสะดวกที่จะรับส่งฉันมาเรียน เรื่องขับรถพี่เกียร์ก็สั่งห้าม เพราะเดือนที่แล้วฉันถอยรถชนกับประตูรั้วหน้าคอนโด พี่เกียร์กลัวว่าฉันจะเกิดอุบัติเหตุจึงซื้อคอนโดหน้ามหา’ลัยให้ฉันซะเลย แค่เพียงเดินข้ามถนนไม่ถึงห้านาทีก็ถึงตึกเรียน รวดเร็วและปลอดภัยมากๆ“น้องเจนท์ไง คนสูงๆขาวๆอ่ะ หล่อใสออร่ามาเลย งื้อ..” มิ้นท์มองไปที่กลุ่มเด็กปีหนึ่งแล้วทำตาปรอยๆชวนฝัน ฉันมองเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาที่กำลังเดินตรงมาที่โต๊ะประจำของกลุ่ม ไม
Chapter 25“พี่เกียร์คะ เพลงไปด้วยจะดีเหรอคะ?” ฉันถามแฟนหนุ่มเป็นรอบที่ร้อยสองถ้วน เมื่อพี่เกียร์บอกว่าจะพาไปงานวันเกิดของคุณยายจงจิต ฉันจินตนาการว่าที่นั่นต้องมีแต่แขกผู้หลักผู้ใหญ่ เด็กกะโปโลอย่างฉันอาจจะดูไม่เหมาะสมกับงานก็เป็นได้“ยายพี่อยากให้เพลงไปนะ ท่านย้ำแล้วย้ำอีก ไปพอเป็นพิธีละกัน ถ้าเพลงอึดอัดพี่จะพาออกมา” คนตัวสูงบีบมือฉันเบาๆคล้ายจะส่งผ่านกำลังใจ“ได้ไงล่ะคะ พี่เกียร์เป็นหลานแท้ๆ จะหนีออกมาแบบนั้นไม่ได้ค่ะ เพลงจะพยายามอยู่ให้ได้นะคะ” ฉันตอบเอาใจพี่เกียร์ แค่อยู่ให้จบงานฉันต้องทำได้“ของขวัญของเพลง มันโอเคไหมคะ เพลงกลัวคนอื่นว่า ทำไมให้ของที่ไม่มีราคาค่างวด” ฉันห่อกระถางบอนสีที่ยายฉันส่งมาจากเชียงใหม่ด้วยกระดาษสีหวานพร้อมกับผูกริบบิ้นให้ดูดีขึ้นมาหน่อย ฉันโทรไปขอต้นบอนสีจากแม่เพราะคุณยายของพี่เกียร์กำลังสะสมพันธุ์ไม้ชนิดนี้ แล้วไอ้ต้นบอนสีก็มีราคาตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว แล้วฉันก็ไม่มีความรู้ด้านนี้เสียด้วย ฉันไม่รู้หรอกว่าต้นไหนมีราคาถูกต้นไหนมีราคาแพง แค่มองว่ามันสวยก็พอ‘ต้นนี้ยายเราฝากให้พ่อเกียร์ ว่าที่หลานเขยในอนาคต’‘เดี๋ยวนะคะแม่ ตอนนี้เป็นแค่แฟน ไม่รู
Chapter 24จงจิตยืนมองหลานชายที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกจนกลายเป็นหนุ่มเต็มตัว กำลังนั่งคุกเข่าข้างๆหญิงสาวหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู แถมยังกุมมือไว้แน่นหนึบไม่ยอมปล่อยอีกด้วย คงจะรักกันมากสินะ..“เกียร์ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” นางแกล้งทำเสียงเข้มรับบทคุณยายใจยักษ์ใจมาร“ไม่ครับเกียร์ไม่ลุก เกียร์จะคบกับน้องเพลง ไม่เลิกนะยาย” อดีตนักมวยสากลจอมโหด แต่ดูเชื่องเหมือนลูกแมวเมื่ออยู่กับคนรัก นี่มันใช่หลานชายของนางตัวจริงเสียงจริงหรือเปล่านะ“พี่เกียร์..” เพลงเพลินมองหน้าแฟนหนุ่มทั้งน้ำตา ทำไมอุปสรรคความรักของเขากับเธอมันช่างมากมายเสียเหลือเกิน ทั้งเรื่องคนรักในอดีตของพี่เกียร์ มินนี่และในตอนนี้ก็คุณยายของเขา อยากจะยอมแพ้แล้วเดินออกจากชีวิตของเขา แต่มือหนาที่กุมเอาไว้แบบแน่นหนาก็แสดงให้เห็นว่าพี่เกียร์ไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆอย่างแน่นอน ทั้งเขายังยอมคุกเข่าต่อหน้าผู้เป็นยายเพื่อขอร้องให้คนตรงหน้ายอมให้เขาคบกับเธออีก แล้วแบบนี้เธอจะยอมจากไปง่ายๆได้ยังไง“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ยายบอกครั้งสุดท้าย” จงจิตพยายามกลั้นยิ้ม นานๆทีได้แกล้งหลานชายคนโปรดมันก็สนุกดีเหมือนกัน“เกียร์ไม่ลุกจนกว่ายายจะให้เกียร์คบกับน้องเพลง”
Chapter 23ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ไม่สิ..เกือบจะเก้าโมงแล้ว ดีที่เป็นวันเสาร์ไม่ต้องรีบตื่นไปเรียน พี่เกียร์ออกไปซื้ออาหารที่ห้างสรรพสินค้าใกล้กับคอนโด บอกว่าจะซื้อของสดมาทำอาหารที่ห้อง ฉันนี่ช่างสมเป็นกุลสตรีจริงๆ ให้ผู้ชายดูแลปรนนิบัตรพัดวี แต่พี่เกียร์ก็อ้างว่าอยากทำอาหารอร่อยๆให้ฉันกินด้วยตัวเอง ฉันเดินออกมาจากห้องเพื่อที่จะไปรดน้ำต้นไม้ที่ช่วยกันปลูกกับเจ้าของห้องที่ริมระเบียง ชุดที่ใส่นอนก็เป็นเสื้อนักศึกษาของพี่เกียร์ที่ยาวมากจนกลายเป็นมินิเดรสของฉัน พอออกมาถึงห้องรับแขกก็เห็นผู้หญิงสูงอายุที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับคุณยายของฉัน กำลังยืนก้มๆเงยๆเก็บเสื้อผ้าที่พี่เกียร์ถอดทิ้งไว้แบบส่งๆบนพื้นใส่ในตระกร้า ว่าแต่..แม่บ้านจะมาทำห้องในตอนที่ฉันกับพี่เกียร์ไม่อยู่ห้องนี่นา ฉันมองหญิงชราตรงหน้าด้วยความงุนงง ทว่าสิ่งที่ทำให้ใบหน้าของฉันเห่อร้อนด้วยความขัดเขินก็คือ แม่บ้านกำลังเก็บเสื้อชั้นในของฉันที่วางบนโซฟาตัวยาวหน้าทีวีรวมถึงกางเกงบ็อกเซอร์ของพี่เกียร์ด้วย ไม่บอกก็รู้ว่ามีกิจกรรมอะไรบนที่ตรงนี้ จึงรีบวิ่งไปแย่งเสื้อผ้าในมือของหญิงชรามาถือและซ่อนมันไว้ข้างหลังอย่างไว“คุณยายคะ เดี๋ยว
Chapter 22“พี่รักเพลงนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มและสายตาที่มองมาอย่างสื่อความหมายพิเศษทำเอาฉันหัวใจเต้นรัวและแรง ไม่บอกก็รู้ว่าฉันใจอ่อนตั้งแต่ที่รู้เขาเสี่ยงชีวิตปีนขึ้นมาหาฉันแล้วล่ะ“เพลงก็รักพี่เกียร์ค่ะ” ฉันตอบกลับออกไปในที่สุด พร้อมกับกอดคนข้างๆด้วยความคิดถึง แต่ความสูงที่มีน้อยนิดทำให้ใบหน้าถึงเพียงแค่ระดับอกพี่เกียร์เท่านั้น แต่คนตัวสูง..ไม่สิ สูงมากๆก็ย่อตัวลงพลางใช้นิ้วชี้ที่แก้มตัวเองทั้งยังยื่นมันมาใกล้ๆอีก“พี่เกียร์ ชะเอมยังอยู่ด้านนอกระเบียงนะคะ” ฉันพูดเสียงเบากลัวเพื่อนสาวจะได้ยิน“ตามสบายเลยจ้า เดี๋ยวเอมไปรอข้างล่าง” ทว่าจู่ๆรูมเมทสาวก็เดินเข้ามาในห้อง สะพายกระเป๋ากับโทรศัพท์มือถือเตรียมพร้อมออกจากห้อง“เฮ้ย!! ไม่ต้องหรอกเอม นี่ห้องเอม เพลงไปดีกว่า” ฉันรู้สึกผิดที่มารบกวนชะเอมแถมยังจะมาขอใช้ห้องอยู่กับแฟนหนุ่มตามลำพังอีก“ไม่ต้องเกรงใจ เสร็จเมื่อไหร่ เอ้ย..เคลียร์กันเสร็จก็โทรบอก” ชะเอมแกล้งทำทีพูดผิด ล้อฉันแบบหน้าตาย ร้ายนักนะ!!“งั้นขอรบกวน..” พี่เกียร์หันมายิ้มกว้างให้ฉันเหมือนถูกใจที่ชะเอมยื่นข้อเสนอแบบนี้ แทนที่ฉันจะยิ้มกลับแต่มองค้อนคนตัวสูงแทน“พี่เกียร์!!” จะบ้ารึไ