Chapter 2:สัมภาษณ์สุดป่วนกับ CEO สุดเย็นชา
เช้าวันสัมภาษณ์ อรณิชาในชุดสูทสีครีมราคาประหยัดยืนมองตัวเองในกระจกอย่างครุ่นคิด "ดูโอเคมั้ยนะ? หรือดูเหมือนนักเรียนฝึกงานมากกว่า"
เธอถอนหายใจและดึงสูทให้เรียบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกจากบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
ที่สำนักงานใหญ่ของ T-Corp อรณิชายืนมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าอย่างทึ่ง "นี่ฉันมาถึงที่นี่จริงๆ เหรอ?"
ลมเย็นพัดผ่าน ขณะที่เธอเดินเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานต้อนรับสาวในชุดยูนิฟอร์มยิ้มแย้มพาเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ชั้นบนสุด
"คุณอรณิชาใช่ไหมคะ? กรุณานั่งรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์"
อรณิชานั่งลงบนโซฟา สองมือประสานกันไว้บนตักมือของเธอเย็นเฉียบจากความประหม่า เธอมองรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวเมืองเบื้องล่าง
“ใจเย็นๆ อัน มันแค่สัมภาษณ์งาน ไม่ได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เธอปลอบตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากรออยู่สักพัก เสียงพนักงานต้อนรับเรียกเธอ "คุณอรณิชา เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์ค่ะ"
เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง อรณิชารู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ หนึ่งในนั้นคือสายตาเย็นชาของชายหนุ่มที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ธีรธัชในชุดสูทสีดำเรียบหรูดูน่าเกรงขาม ใบหน้าคมเข้มไร้รอยยิ้ม
“นั่งสิ” เขาพูดเสียงเรียบ
“ค…ค่ะ!” อรณิชาตอบพร้อมนั่งลงทันที เก้าอี้เลื่อนเสียงดังเอี๊ยดทำให้เธอสะดุ้ง
“คุณอรณิชา ทำไมถึงสมัครตำแหน่งนี้?” ธีรธัชเปิดคำถามแรก น้ำเสียงของเขาทำให้อรณิชารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอาจารย์ใหญ่
“คือ... ฉัน… เอ่อ...” เธอกระแอมเบาๆ พยายามรวบรวมความมั่นใจ “ฉันคิดว่าฉันเป็นคนที่รับมือกับความกดดันได้ดีค่ะ และถึงจะไม่มีประสบการณ์ตรง แต่ฉันพร้อมเรียนรู้งานทุกอย่าง”
ธีรธัชเลิกคิ้วเล็กน้อย “รับมือกับความกดดัน? แล้วถ้าผมบอกว่าคุณต้องทำงานเจ็ดวันต่อสัปดาห์และไม่มีเวลาพัก คุณจะรับได้ไหม?”
อรณิชากะพริบตา ก่อนจะเผลอหลุดปากออกไป “ถ้าเงินเดือนเยอะพอ ฉันว่าก็พอทนนะคะ!”
บรรยากาศในห้องเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่เสียงหัวเราะเบาๆ ของณัฐ ผู้ช่วยของธีรธัช จะดังขึ้น ธีรธัชเองแม้จะไม่ได้ยิ้ม แต่ดูเหมือนดวงตาเขาจะมีประกายความสนใจ
“แล้วทำไมในใบสมัครถึงระบุว่าคุณโก๊ะเป็นจุดเด่น?” เขาถามต่อ
อรณิชาหน้าแดง เธอลืมไปเลยว่าเขาจะอ่านข้อมูลนั้น! “เอ่อ… ฉันคิดว่าการโก๊ะมันทำให้ฉันเข้ากับคนอื่นได้ง่ายค่ะ แล้วก็ทำให้บรรยากาศไม่ตึงเครียดเกินไป”
ธีรธัชพยักหน้าช้าๆ “คุณรู้ไหมว่างานนี้ต้องการคนที่มีความละเอียดและรอบคอบ?”
“ทราบค่ะ! และฉันกำลังพยายามปรับตัวอยู่ ฉันสัญญาว่าถ้าได้โอกาส ฉันจะไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ”
คำตอบของเธอทำให้ธีรธัชนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “โอเค คุณผ่านรอบนี้”
อรณิ ชาตาโต “อะไรนะคะ?”
“ผมบอกว่าคุณผ่าน” เขาตอบเรียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ไปเริ่มงานวันจันทร์ แล้วเราจะได้เห็นว่าคุณจะทำได้ดีแค่ไหน”
หลังจากเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ อรณิชากุมหน้าอกตัวเอง “นี่ฉันผ่านจริงๆ เหรอ? หรือฝันไปเนี่ย!”
“ยินดีด้วยนะครับ คุณเป็นคนเดียวที่กล้าตอบตรงๆ แบบนี้” ณัฐเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “คุณธีร์ชอบคนที่จริงใจ”
“แต่ฉันเผลอพูดอะไรแปลกๆ ไปตั้งเยอะ”
“ไม่ต้องกังวลครับ เจ้านายผมดูเหมือนเย็นชา แต่ถ้าคุณตั้งใจจริง เขาจะยอมรับคุณเอง”
อรณิชายิ้มบางๆ แม้ในใจยังคงหวั่นใจ "งั้นฉันต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันแรก!"
อรณิชาที่ไม่เคยคิดว่าจะได้งานในบริษัทระดับประเทศ กำลัง จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะ "เลขาส่วนตัว" ของ CEO สุดเจ้าระเบียบ แต่เธอจะทำให้เขายอมรับเธอได้จริงหรือไม่?
เช้าวันแรกของการทำงาน อรณิชาแต่งตัวเรียบร้อยในชุดสูทสีดำ เธอสูดหายใจลึกๆ หน้าประตูห้องทำงานของธีรธัช
"ใจเย็นไว้ อรณิชา นี่เป็นโอกาสสำคัญ ต้องไม่ทำให้พลาดเด็ดขาด!" เธอกระซิบปลุกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง
เมื่อผลักประตูเข้าไป เธอก็พบกับธีรธัชที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร ดวงตาคมมองเธอราวกับวิเคราะห์ทุกการเคลื่อนไหว
"สวัสดีค่ะคุณธีร์ ฉันชื่ออรณิชา เป็นเลขาคนใหม่ของคุณค่ะ" เธอพยายามพูดให้ดูมั่นใจ แม้มือจะเย็นเฉียบ
"สายไปสามนาที" เขาตอบเรียบๆ
"อ๊ะ ขอโทษค่ะ! คือรถติดนิดหน่อย…" เธอรีบแก้ตัว แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ
"ช่างเถอะ มานี่ ผมมีงานให้คุณทำ"
ธีรธัชยื่นแฟ้มเอกสารให้ พร้อมกับพูดช้าๆ ชัดเจน "นี่คือสัญญาสำคัญกับคู่ค้าจากต่างประเทศ ผมต้องการให้คุณช่วยจัดเตรียมเอกสารทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อนบ่ายสาม และทำกาแฟมาให้ผมด้วย เอสเพรสโซ่ ไม่ใส่น้ำตาล เข้าใจไหม?"
"ได้ค่ะ!" อรณิชาตอบเสียงดัง ขณะที่เขาหันกลับไปทำงาน เธอพึมพำเบาๆ "ดูเหมือนง่าย…ฉันทำได้อยู่แล้วล่ะ!"
แต่แล้ว… ความมั่นใจของเธอก็ถูกท้าทายทันที
อรณิชาเดินกลับมาพร้อมถ้วยกาแฟร้อนในมือ เธอก้าวเข้ามาในห้องทำงานอย่างระมัดระวัง แต่พอถึงโต๊ะเท่านั้นแหละ เธอก็สะดุดขอบพรมที่ปลายขอบยกขึ้นเล็กน้อย
"อ๊ะ!" กาแฟในมือของเธอกระเด็นหลุดออกจากถ้วย หกใส่กองเอกสารที่ธีรธัชวางอยู่บนโต๊ะอย่างจัง
ธีรธัช เงยหน้าขึ้นทันที เขามองเอกสารที่ชุ่มไปด้วยกาแฟ แล้วหันมามองเธอ
"นี่มันอะไรกัน?" น้ำเสียงของเขาเย็นจนทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
"ขอโทษค่ะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจ!" อรณิชาลนลานคว้าทิชชู่มาเช็ดเอกสาร แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะ
"หยุด" เขาสั่งเสียงนิ่ง
เธอชะงักทันที หยุดนิ่งราวกับรูปปั้น เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ มองเอกสารที่เสียหายอย่างพิจารณา ก่อนจะเงยหน้ามองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
"คุณรู้ไหมว่านี่คือเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในอีกหนึ่งชั่วโมง?"
"ฉัน… ฉันขอโทษค่ะ! ฉันไม่รู้ว่ามันจะสำคัญขนาดนั้น…"
ธีรธัชยกมือขึ้นราวกับจะห้ามเธอพูดต่อ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก
"ณัฐ เอาเอกสารสำรองขึ้นมาให้ผมเดี๋ยวนี้" เขาวางสาย ก่อน จะมองหน้าเธอ "คุณอรณิชา ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำแบบนี้อีก"
หลังจากเหตุการณ์นั้น อรณิชารู้สึกเหมือนมีเมฆดำลอยอยู่เหนือหัว เธอพยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด แต่ในใจก็ยังอดกังวลไม่ได้
เมื่อถึงช่วงบ่าย เธอตัดสินใจลองทำอะไรเพื่อชดเชยความผิด
"ฉันจะทำกาแฟให้เขาใหม่ คราวนี้ต้องสมบูรณ์แบบ!"
อรณิชาไปที่ห้องพักพนักงาน เธอเลือกเมล็ดกาแฟที่ดีที่สุด ชงด้วยความตั้งใจสุดชีวิต ก่อนจะถือถ้วยกาแฟกลับมาที่ห้องทำงานของธีรธัช
"นี่ค่ะ กาแฟแก้วใหม่ ฉันหวังว่าคุณจะชอบ"
ธีรธัชมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะรับถ้วยกาแฟไปจิบ เขานิ่งไปชั่วครู่ แล้วพูดขึ้น
"ดีกว่าแก้วแรก"
คำชมเล็กๆ นั้นทำให้อรณิชารู้สึกเหมือนโลกสดใสขึ้นทันที
"ขอบคุณค่ะ!" เธอยิ้มกว้าง แต่เขากลับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เช่นเดิม
"แต่ยังไม่พอ ถ้าคุณอยากทำงานที่นี่ คุณต้องพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้"
"ค่ะ! ฉันจะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ!"
วันแรกของการทำงานจบลงด้วยความรู้สึกหลากหลายสำหรับอรณิชา แม้จะเริ่มต้นด้วยความวุ่นวาย แต่เธอก็รู้ว่าเธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
และธีรธัชเอง แม้จะไม่ได้แสดงออก แต่ในใจลึกๆ เขากลับรู้สึกสนใจในความพยายามของเลขาสาวคนนี้... เรื่องราวระหว่างพวกเขากำลังจะเริ่มต้นอย่างแท้จริง!
Chapter 3:วันแรกของเลขาสุดโก๊ะเช้าวันแรกของอรณิชาที่ T-Corp เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและกระเป๋าเอกสารที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ"เช้านี้ต้องไปได้สวยแน่ๆ!" เธอบอกตัวเอง พลางสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าประตูอรณิชาได้รับมอบหมายให้นำเอกสารชุดแรกไปส่งที่แผนกการเงิน และแน่นอน...ความโก๊ะของเธอก็ปรากฏตัวเธอกำลังเดินผ่านแผนกบัญชีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอควานหามือถือในกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตว่าพื้นตรงหน้าเป็นพื้นหินอ่อนที่เพิ่งถูไป“ว้าย!” เสียงเธอร้องลั่นเมื่อสะดุดขาตัวเอง เอกสารในมือปลิวว่อนเหมือนหิมะตกพนักงานแผนกบัญชีต่างพากันหันมามอง เธอรีบลุกขึ้นรวบรวมเอกสารกลับมา "โอ๊ย ทำไมต้องวันแรกด้วยเนี่ย!"หลังจากส่งเอกสารเสร็จ เธอก็วิ่งกลับไปยังห้องของธีรธัช หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“อรณิชา” ธีรธัชเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะที่เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ“ค่ะ คุณธีร์ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”“ไปประชุมกับผม อีก 10 นาที ห้องประชุมชั้น 15”อรณิชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ได้ค่ะ! ฉันจะเตรียมทุกอย่าง ให้พร้อมเลย!"เธอรีบถือโน้ตบุ
Chapter 4:ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช้าวันหนึ่ง ธีรธัชและอรณิชาเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าโครงการรีสอร์ตหรูที่กำลังพัฒนา งานนี้สำคัญสำหรับ T-Corp และเป็นโอกาสที่อรณิชาตั้งใจจะใช้พิสูจน์ตัวเอง“เราจะถึงสนามบินในอีก 10 นาที” ธีรธัชพูดเรียบๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาเหลือบมองอรณิชาที่กำลังจดอะไรบางอย่างในสมุดโน้ต“ฉันทำรายการตรวจสอบงานที่จะต้องพูดคุยค่ะ เผื่อคุณธีร์อยากเพิ่มเติม” เธอยื่นสมุดให้เขาธีรธัชมองรายการอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ดี”แค่คำเดียวของเขาก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจไซต์งาน อรณิชากับธีรธัชมาถึงโรงแรมในช่วงเย็น แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเมื่อพนักงานโรงแรมแจ้งว่าห้องพักมีปัญหา“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ห้องพักของคุณธีรธัชมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า และห้องว่างห้องอื่นถูกจองเต็มหมดแล้วในคืนนี้”ธีรธัชขมวดคิ้ว แต่ยังคงน้ำเสียงนิ่ง “แล้วห้องที่คุณจัดให้ผมอยู่ไหน?”“เป็นห้องที่คุณอรณิชาพักครับ… แต่เป็นเตียงคู่ ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสะดวกพักด้วยกันชั่วคราว”อรณิชาที่ฟังอยู่หน้าแดงก่ำ “เอ่อ… พักห้อง
Chapter 5:งานเลี้ยงวันเสาร์เย็น ธีรธัชกับอรณิชาเดินทางมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านชานเมือง ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวธีรธัชซึ่งจัดงานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่เขา“นี่คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไปด้วย?” อรณิชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนกังวล“คุณเป็นเลขาผม งานนี้เกี่ยวกับธุรกิจด้วย ผมต้องการคนช่วย” ธีรธัชตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“งั้นฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ!” เธอกำหมัดแน่นราวกับพร้อมลุยเมื่อมาถึงงาน อรณิชาประทับใจกับความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยดอกไม้สวยงาม แขกที่มาร่วมงานต่างแต่งกายเนี้ยบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ธีรธัชพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขา“สวัสดีค่ะ ฉันอรณิชา เลขาของคุณธีร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้อย่างนอบน้อม แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใสคุณนวลจันทร์ แม่ของธีรธัช ยิ้มตอบ “ดูเป็นคนมีพลังงานดีนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ค่ะ คุณอรณิชาช่วยงานผมได้มาก” ธีรธัชพูดเรียบๆแม้คำพูดของเขาจะดูไม่หวานนัก แต่คุณนวลจันทร์กลับสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเคร่งขรึมของเธอมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเมื่อ
หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดในบริษัท อรณิชารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรธัชเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขายังคงมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ในบางจังหวะ เธอรู้สึกถึงสายตาอบอุ่นที่เขามองมาที่เธอ“คุณธีร์คะ นี่เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”อรณิชาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“ขอบคุณ” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้นอรณิชาเผลอยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาเขา เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล“เอ่อ... ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดพลางรีบหมุนตัวออกจากห้องธีรธัชมองตามหลังเธอไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ“ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้?” เขาคิดในใจวันหนึ่งหลังเลิกงาน อรณิชาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิด ธีรธัชเดินมาถึงและก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วย ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งคู่“วันนี้เหนื่อยไหม?” ธีรธัชถามขึ้นอรณิชาหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “ก็...นิดหน่อยค่ะ แต่สนุกดี”ธีรธัชพยักหน้า “ดีแล้วที่คุณยังมองว่างานเป็นเรื่องสนุก”จังหวะนั้นลิฟต์เกิดหยุดกะทันหัน ไฟกะพริบเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะดับมืด“
บรรยากาศในห้องทำงานของธีรธัชเงียบกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล สายตาของเขาเหลือบมองโต๊ะทำงานของอรณิชาเป็นระยะ แต่เธอกลับดูยุ่งและเงียบผิดปกติ“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยเหมือนเดิม?” เขาคิดในใจอรณิชาพยายามรักษาระยะห่างจากธีรธัชตั้งแต่วันที่พิณวดีเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง เธอเริ่มเลี่ยงการสบตา หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น และใช้เวลาพักกลางวันอยู่คนเดียว“นี่คุณกินข้าวยัง?” ธีรธัชถามขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน“เอ่อ... ฉันเพิ่งกินไปค่ะ” อรณิชาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองธีรธัชขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความเย็นชาที่เธอแสดงออกมา“ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้” เขาพูดขึ้น“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” เธอยิ้มบางๆ ก่อนกลับไปสนใจกองเอกสารตรงหน้าธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องในขณะที่ขับรถกลับบ้าน ธีรธัชเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในตัวอรณิชา และมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าเขาเคยคิดว่าอรณิชาเป็นแค่เลขา ที่บังเอิญสร้างสีสันให้กับชีวิตที่เคยเคร่งขรึมของเขา แต่ตอนนี้...
เสียงกระดิ่งประตูร้านกาแฟเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อธีรธัชผลักประตูเข้ามา เขาเลือกมานั่งที่นี่เพราะต้องการความสงบใจ หลังจากได้ฟังคำพูดของอรณิชาที่แจ้งว่าเธอจะย้ายงาน หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและความว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังรอออร์เดอร์อยู่นั้น เสียงสนทนาของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ดึงความสนใจของเขา “เธอยังจำเรื่องตอนที่คุณธีร์เกิดอุบัติเหตุได้ไหม? มีคนโทรแจ้งรถพยาบาลแทนเขาน่ะ” ธีรธัชชะงัก เขาจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นในอดีตเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเขากำลังจะไปประชุมสำคัญ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน กลางทางและหมดสติไป เขาไม่เคยรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขา “ใช่ๆ ฉันยังจำได้ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ แล้วยังคอยปลอบคุณธีร์ตอนเขากึ่งหมดสติด้วย” คำพูดนั้นทำให้ธีรธัชรู้สึกสะดุดใจ เขาอยากรู้ว่า "ผู้หญิงคนนั้น" คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น ธีรธัชตัดสินใจโทรหาเลขาคนเก่าของเขาที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น “คุณพิชัย ผมขอถามอะไรหน่อย” “ครับ เจ้านาย” “เรื่องอุบัติเหตุของผมเมื่อสองปีก่อน คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยผมตอนนั้น?” พิชัยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเบาๆ “คือ...เจ้านายไม่เคยถามเรื่องนี้เลย ผมก็
Chapter 9:คำสารภาพเช้าวันนั้น ฟ้าครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ธีรธัชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่เอกสารตรงหน้า เขามองนาฬิกาเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรณิชา“เย็นนี้ว่างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“ไปทานข้าวกับผม”อรณิชาแปลกใจ แต่ก็ตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมร้านอาหารหรูริมแม่น้ำที่ธีรธัชเลือกมีบรรยากาศเงียบสงบ อรณิชาแต่งตัวเรียบง่ายในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน แต่กลับดูโดดเด่นจนเขาอดยิ้มไม่ได้“ขอบคุณที่มานะ” ธีรธัชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนคุณอยากพูดอะไรสักอย่าง”ธีรธัชหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกและพูดต่อ“อรณิชา...ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญกับผมมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะเลขา แต่ในฐานะคนที่อยู่ในหัวใจของผม”คำพูดนั้นทำให้อรณิชาชะงัก หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไว้“คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้สึกผิดหรือเปล่าคะ?” เธอตอบเบาๆ แต่แฝงด้วยความกังวล“รู้สึกผิด?” ธีรธัชขมวดคิ้ว“ใช่ค่ะ...เรื่องที่ฉันช่วยคุณใน
Chapter 1:ใครจะกล้ามาเป็นเลขาผม?เสียงปลายปากกาเซ็นเอกสารดัง "แกร๊กๆ" ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานขนาดใหญ่ ธีรธัช ชายหนุ่มผู้ครองตำแหน่ง CEO หนุ่มพันล้าน วางปากกาลงก่อนจะมองออกไปนอกกระจกใสที่เผยให้เห็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองหลวง“พรุ่งนี้นัดสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังจับจ้องงานตรงหน้า“ใช่ครับ คุณธีร์ รอบสุดท้ายพรุ่งนี้เช้าครับ” ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวตอบกลับธีรธัชพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ขอใครสักคนที่ทำงานได้ดี และอย่ามากวนประสาทเหมือนเลขาคนก่อนๆ ที่มักลาออกไปเพราะทนความเจ้าระเบียบของเขาไม่ได้อรณิชา หญิงสาววัย 25 ปี ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก รีบวิ่งเข้ามาที่บริษัทหลังจากเกือบตกสัมภาษณ์เพราะรถติด“คุณอัน! กระโปรงคุณติดซิปไม่หมด!” เสียงเตือนจากแม่บ้านที่เดินสวนทางทำเอาเธอหน้าแดง รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์เมื่อถึงคิวของเธอ อรณิชาก็พบว่าหัวหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธีรธัช CEO หนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านข่าวธุรกิจ“นั่งสิครับ” เขาเอ่ยเสียง
Chapter 9:คำสารภาพเช้าวันนั้น ฟ้าครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ธีรธัชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่เอกสารตรงหน้า เขามองนาฬิกาเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรณิชา“เย็นนี้ว่างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“ไปทานข้าวกับผม”อรณิชาแปลกใจ แต่ก็ตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมร้านอาหารหรูริมแม่น้ำที่ธีรธัชเลือกมีบรรยากาศเงียบสงบ อรณิชาแต่งตัวเรียบง่ายในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน แต่กลับดูโดดเด่นจนเขาอดยิ้มไม่ได้“ขอบคุณที่มานะ” ธีรธัชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนคุณอยากพูดอะไรสักอย่าง”ธีรธัชหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกและพูดต่อ“อรณิชา...ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญกับผมมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะเลขา แต่ในฐานะคนที่อยู่ในหัวใจของผม”คำพูดนั้นทำให้อรณิชาชะงัก หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไว้“คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้สึกผิดหรือเปล่าคะ?” เธอตอบเบาๆ แต่แฝงด้วยความกังวล“รู้สึกผิด?” ธีรธัชขมวดคิ้ว“ใช่ค่ะ...เรื่องที่ฉันช่วยคุณใน
เสียงกระดิ่งประตูร้านกาแฟเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อธีรธัชผลักประตูเข้ามา เขาเลือกมานั่งที่นี่เพราะต้องการความสงบใจ หลังจากได้ฟังคำพูดของอรณิชาที่แจ้งว่าเธอจะย้ายงาน หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและความว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังรอออร์เดอร์อยู่นั้น เสียงสนทนาของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ดึงความสนใจของเขา “เธอยังจำเรื่องตอนที่คุณธีร์เกิดอุบัติเหตุได้ไหม? มีคนโทรแจ้งรถพยาบาลแทนเขาน่ะ” ธีรธัชชะงัก เขาจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นในอดีตเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเขากำลังจะไปประชุมสำคัญ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน กลางทางและหมดสติไป เขาไม่เคยรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขา “ใช่ๆ ฉันยังจำได้ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ แล้วยังคอยปลอบคุณธีร์ตอนเขากึ่งหมดสติด้วย” คำพูดนั้นทำให้ธีรธัชรู้สึกสะดุดใจ เขาอยากรู้ว่า "ผู้หญิงคนนั้น" คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น ธีรธัชตัดสินใจโทรหาเลขาคนเก่าของเขาที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น “คุณพิชัย ผมขอถามอะไรหน่อย” “ครับ เจ้านาย” “เรื่องอุบัติเหตุของผมเมื่อสองปีก่อน คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยผมตอนนั้น?” พิชัยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเบาๆ “คือ...เจ้านายไม่เคยถามเรื่องนี้เลย ผมก็
บรรยากาศในห้องทำงานของธีรธัชเงียบกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล สายตาของเขาเหลือบมองโต๊ะทำงานของอรณิชาเป็นระยะ แต่เธอกลับดูยุ่งและเงียบผิดปกติ“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยเหมือนเดิม?” เขาคิดในใจอรณิชาพยายามรักษาระยะห่างจากธีรธัชตั้งแต่วันที่พิณวดีเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง เธอเริ่มเลี่ยงการสบตา หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น และใช้เวลาพักกลางวันอยู่คนเดียว“นี่คุณกินข้าวยัง?” ธีรธัชถามขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน“เอ่อ... ฉันเพิ่งกินไปค่ะ” อรณิชาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองธีรธัชขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความเย็นชาที่เธอแสดงออกมา“ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้” เขาพูดขึ้น“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” เธอยิ้มบางๆ ก่อนกลับไปสนใจกองเอกสารตรงหน้าธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องในขณะที่ขับรถกลับบ้าน ธีรธัชเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในตัวอรณิชา และมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าเขาเคยคิดว่าอรณิชาเป็นแค่เลขา ที่บังเอิญสร้างสีสันให้กับชีวิตที่เคยเคร่งขรึมของเขา แต่ตอนนี้...
หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดในบริษัท อรณิชารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรธัชเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขายังคงมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ในบางจังหวะ เธอรู้สึกถึงสายตาอบอุ่นที่เขามองมาที่เธอ“คุณธีร์คะ นี่เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”อรณิชาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“ขอบคุณ” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้นอรณิชาเผลอยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาเขา เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล“เอ่อ... ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดพลางรีบหมุนตัวออกจากห้องธีรธัชมองตามหลังเธอไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ“ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้?” เขาคิดในใจวันหนึ่งหลังเลิกงาน อรณิชาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิด ธีรธัชเดินมาถึงและก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วย ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งคู่“วันนี้เหนื่อยไหม?” ธีรธัชถามขึ้นอรณิชาหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “ก็...นิดหน่อยค่ะ แต่สนุกดี”ธีรธัชพยักหน้า “ดีแล้วที่คุณยังมองว่างานเป็นเรื่องสนุก”จังหวะนั้นลิฟต์เกิดหยุดกะทันหัน ไฟกะพริบเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะดับมืด“
Chapter 5:งานเลี้ยงวันเสาร์เย็น ธีรธัชกับอรณิชาเดินทางมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านชานเมือง ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวธีรธัชซึ่งจัดงานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่เขา“นี่คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไปด้วย?” อรณิชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนกังวล“คุณเป็นเลขาผม งานนี้เกี่ยวกับธุรกิจด้วย ผมต้องการคนช่วย” ธีรธัชตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“งั้นฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ!” เธอกำหมัดแน่นราวกับพร้อมลุยเมื่อมาถึงงาน อรณิชาประทับใจกับความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยดอกไม้สวยงาม แขกที่มาร่วมงานต่างแต่งกายเนี้ยบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ธีรธัชพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขา“สวัสดีค่ะ ฉันอรณิชา เลขาของคุณธีร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้อย่างนอบน้อม แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใสคุณนวลจันทร์ แม่ของธีรธัช ยิ้มตอบ “ดูเป็นคนมีพลังงานดีนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ค่ะ คุณอรณิชาช่วยงานผมได้มาก” ธีรธัชพูดเรียบๆแม้คำพูดของเขาจะดูไม่หวานนัก แต่คุณนวลจันทร์กลับสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเคร่งขรึมของเธอมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเมื่อ
Chapter 4:ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช้าวันหนึ่ง ธีรธัชและอรณิชาเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าโครงการรีสอร์ตหรูที่กำลังพัฒนา งานนี้สำคัญสำหรับ T-Corp และเป็นโอกาสที่อรณิชาตั้งใจจะใช้พิสูจน์ตัวเอง“เราจะถึงสนามบินในอีก 10 นาที” ธีรธัชพูดเรียบๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาเหลือบมองอรณิชาที่กำลังจดอะไรบางอย่างในสมุดโน้ต“ฉันทำรายการตรวจสอบงานที่จะต้องพูดคุยค่ะ เผื่อคุณธีร์อยากเพิ่มเติม” เธอยื่นสมุดให้เขาธีรธัชมองรายการอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ดี”แค่คำเดียวของเขาก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจไซต์งาน อรณิชากับธีรธัชมาถึงโรงแรมในช่วงเย็น แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเมื่อพนักงานโรงแรมแจ้งว่าห้องพักมีปัญหา“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ห้องพักของคุณธีรธัชมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า และห้องว่างห้องอื่นถูกจองเต็มหมดแล้วในคืนนี้”ธีรธัชขมวดคิ้ว แต่ยังคงน้ำเสียงนิ่ง “แล้วห้องที่คุณจัดให้ผมอยู่ไหน?”“เป็นห้องที่คุณอรณิชาพักครับ… แต่เป็นเตียงคู่ ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสะดวกพักด้วยกันชั่วคราว”อรณิชาที่ฟังอยู่หน้าแดงก่ำ “เอ่อ… พักห้อง
Chapter 3:วันแรกของเลขาสุดโก๊ะเช้าวันแรกของอรณิชาที่ T-Corp เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและกระเป๋าเอกสารที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ"เช้านี้ต้องไปได้สวยแน่ๆ!" เธอบอกตัวเอง พลางสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าประตูอรณิชาได้รับมอบหมายให้นำเอกสารชุดแรกไปส่งที่แผนกการเงิน และแน่นอน...ความโก๊ะของเธอก็ปรากฏตัวเธอกำลังเดินผ่านแผนกบัญชีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอควานหามือถือในกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตว่าพื้นตรงหน้าเป็นพื้นหินอ่อนที่เพิ่งถูไป“ว้าย!” เสียงเธอร้องลั่นเมื่อสะดุดขาตัวเอง เอกสารในมือปลิวว่อนเหมือนหิมะตกพนักงานแผนกบัญชีต่างพากันหันมามอง เธอรีบลุกขึ้นรวบรวมเอกสารกลับมา "โอ๊ย ทำไมต้องวันแรกด้วยเนี่ย!"หลังจากส่งเอกสารเสร็จ เธอก็วิ่งกลับไปยังห้องของธีรธัช หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“อรณิชา” ธีรธัชเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะที่เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ“ค่ะ คุณธีร์ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”“ไปประชุมกับผม อีก 10 นาที ห้องประชุมชั้น 15”อรณิชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ได้ค่ะ! ฉันจะเตรียมทุกอย่าง ให้พร้อมเลย!"เธอรีบถือโน้ตบุ
Chapter 2:สัมภาษณ์สุดป่วนกับ CEO สุดเย็นชาเช้าวันสัมภาษณ์ อรณิชาในชุดสูทสีครีมราคาประหยัดยืนมองตัวเองในกระจกอย่างครุ่นคิด "ดูโอเคมั้ยนะ? หรือดูเหมือนนักเรียนฝึกงานมากกว่า"เธอถอนหายใจและดึงสูทให้เรียบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกจากบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัวที่สำนักงานใหญ่ของ T-Corp อรณิชายืนมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าอย่างทึ่ง "นี่ฉันมาถึงที่นี่จริงๆ เหรอ?"ลมเย็นพัดผ่าน ขณะที่เธอเดินเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานต้อนรับสาวในชุดยูนิฟอร์มยิ้มแย้มพาเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ชั้นบนสุด"คุณอรณิชาใช่ไหมคะ? กรุณานั่งรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์"อรณิชานั่งลงบนโซฟา สองมือประสานกันไว้บนตักมือของเธอเย็นเฉียบจากความประหม่า เธอมองรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวเมืองเบื้องล่าง“ใจเย็นๆ อัน มันแค่สัมภาษณ์งาน ไม่ได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เธอปลอบตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากรออยู่สักพัก เสียงพนักงานต้อนรับเรียกเธอ "คุณอรณิชา เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์ค่ะ"เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง อรณิชารู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ หนึ่งใน
Chapter 1:ใครจะกล้ามาเป็นเลขาผม?เสียงปลายปากกาเซ็นเอกสารดัง "แกร๊กๆ" ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานขนาดใหญ่ ธีรธัช ชายหนุ่มผู้ครองตำแหน่ง CEO หนุ่มพันล้าน วางปากกาลงก่อนจะมองออกไปนอกกระจกใสที่เผยให้เห็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองหลวง“พรุ่งนี้นัดสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังจับจ้องงานตรงหน้า“ใช่ครับ คุณธีร์ รอบสุดท้ายพรุ่งนี้เช้าครับ” ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวตอบกลับธีรธัชพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ขอใครสักคนที่ทำงานได้ดี และอย่ามากวนประสาทเหมือนเลขาคนก่อนๆ ที่มักลาออกไปเพราะทนความเจ้าระเบียบของเขาไม่ได้อรณิชา หญิงสาววัย 25 ปี ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก รีบวิ่งเข้ามาที่บริษัทหลังจากเกือบตกสัมภาษณ์เพราะรถติด“คุณอัน! กระโปรงคุณติดซิปไม่หมด!” เสียงเตือนจากแม่บ้านที่เดินสวนทางทำเอาเธอหน้าแดง รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์เมื่อถึงคิวของเธอ อรณิชาก็พบว่าหัวหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธีรธัช CEO หนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านข่าวธุรกิจ“นั่งสิครับ” เขาเอ่ยเสียง