หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดในบริษัท อรณิชารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรธัชเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขายังคงมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ในบางจังหวะ เธอรู้สึกถึงสายตาอบอุ่นที่เขามองมาที่เธอ
“คุณธีร์คะ นี่เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”
อรณิชาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
“ขอบคุณ” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้น
อรณิชาเผลอยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาเขา เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“เอ่อ... ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดพลางรีบหมุนตัวออกจากห้อง
ธีรธัชมองตามหลังเธอไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ
“ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้?” เขาคิดในใจ
วันหนึ่งหลังเลิกงาน อรณิชาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิด ธีรธัชเดินมาถึงและก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วย ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งคู่
“วันนี้เหนื่อยไหม?” ธีรธัชถามขึ้น
อรณิชาหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “ก็...นิดหน่อยค่ะ แต่สนุกดี”
ธีรธัชพยักหน้า “ดีแล้วที่คุณยังมองว่างานเป็นเรื่องสนุก”
จังหวะนั้นลิฟต์เกิดหยุดกะทันหัน ไฟกะพริบเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะดับมืด
“เกิดอะไรขึ้น!” อรณิชาร้องด้วยความตกใจ
“ไม่ต้องกลัว” ธีรธัชพูดน้ำเสียงมั่นคง เขากดโทรศัพท์เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่
ในความมืด ธีรธัชรู้สึกถึงมือของอรณิชาที่จับแขนเขาแน่น
“ฉันไม่ได้กลัวความมืดนะคะ แค่...รู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย” เธอสารภาพเบาๆ
ธีรธัชยิ้มบาง “ผมอยู่ตรงนี้ คุณไม่ต้องกังวล”
คำพูดเรียบง่ายของเขาทำให้อรณิชารู้สึกอบอุ่นในใจ
เมื่อไฟกลับมาสว่างอีกครั้ง อรณิชาปล่อยมือจากแขนเขาทันที พร้อมกับรีบพูดแก้ตัว “ขอโทษค่ะ ฉันแค่ตกใจนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไร” ธีรธัชตอบสั้นๆ แต่ในใจกลับรู้สึกเสียดายที่เธอปล่อยมือไป
ทั้งสองก้าวออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นล่าง และเดินไปยังลานจอดรถพร้อมกัน
“คุณกลับบ้านยังไง?” ธีรธัชถาม
“ฉันนั่งรถเมล์กลับค่ะ”
“ดึกขนาดนี้ เดี๋ยวผมไปส่ง”
อรณิชาตาโต “ไม่เป็นไรค่ะ! ฉันกลับเองได้จริงๆ”
“นี่ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นคำสั่ง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อรณิชาได้แต่พยักหน้า แม้ในใจจะเต้นแรงเมื่อคิดถึงการนั่งรถไปกับเขา
บนรถ ระหว่างทางกลับบ้าน บรรยากาศเงียบสงบ ธีรธัชตั้งใจขับรถ ในขณะที่อรณิชาลอบมองเขาเป็นครั้งคราว
“ขอบคุณนะคะที่ไปส่ง” เธอพูดขึ้นเบาๆ
“มันเป็นหน้าที่ของเจ้านายที่ดี” เขาตอบเรียบๆ แต่มุมปากของเขากลับยกขึ้นเล็กน้อย
“เจ้านายที่ดีเหรอคะ?” เธอหัวเราะเบาๆ “งั้นก็ขอบคุณสำหรับการเป็นเจ้านายที่ดีนะคะ”
ธีรธัชไม่ได้ตอบอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
หลังจากที่ธีรธัชไปส่งเธอถึงหน้าบ้าน เขามองดูอรณิชาที่เดินเข้าไปในบ้านก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“บางทีผมอาจจะรู้สึกมากกว่าที่ควรจะรู้สึก”
ในขณะเดียวกัน อรณิชาที่อยู่ในบ้านแล้วก็ยืนพิงประตูพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“คุณธีร์… ฉันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”
ทั้งสองต่างรับรู้ความรู้สึกของกันและกัน แต่กลับยังไม่มีใครกล้าเปิดเผย เพราะกลัวว่าความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ เติบโตนี้อาจเปลี่ยนไป...
เช้าวันใหม่ที่ดูเหมือนจะเป็นอีกวันธรรมดาสำหรับอรณิชา เธอกำลังจัดเอกสารที่โต๊ะทำงานตามปกติ เสียงกริ่งหน้าห้องทำงานธีรธัชดังขึ้น และพนักงานต้อนรับพาผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งกายหรูหราเข้ามา
“ธีร์คะ!” เสียงหวานใสดังขึ้นเมื่อประตูห้องทำงานของธีรธัชถูกเปิดออก
อรณิชาหันไปมอง เห็นหญิงสาวในชุดเดรสสีน้ำเงินเรียบหรูเดินเข้าไปอย่างมั่นใจ เธอเดินผ่านอรณิชาไปโดยไม่หันมามอง
“นั่นใครกัน?” อรณิชาพึมพำ
ในห้องทำงาน ธีรธัชนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้า แววตาฉายความประหลาดใจเล็กน้อย
“พิณวดี?”
“ใช่ค่ะ ฉันกลับมาแล้ว” เธอยิ้มหวาน พร้อมเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามเขา
พิณวดี เคยเป็นคู่หมั้นของธีรธัชในอดีต แต่การหมั้นถูกยกเลิกไปเพราะเธอต้องการไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ
“กลับมาทำไม?” ธีรธัชถามเสียงเรียบ
“ฉันคิดถึงคุณค่ะ และคิดว่าเราอาจเริ่มต้นใหม่ได้” พิณวดีตอบตรงๆ
ธีรธัชนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทุกอย่างระหว่างเราเป็นอดีตไปแล้ว”
ไม่นานหลังจากนั้น พิณวดีเดินออกมาจากห้องทำงานของธีรธัช เธอหยุดมองอรณิชาที่กำลังยุ่งอยู่กับเอกสาร
“คุณเป็นเลขาของธีร์ใช่ไหม?”
อรณิชาเงยหน้าขึ้น “ค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
“ไม่ล่ะ แค่ทักทายเฉยๆ” พิณวดีพูดพร้อมรอยยิ้มที่ดูไม่เป็นมิตรนัก
สายตาของเธอกวาดมองอรณิชาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ก่อนจะพูดขึ้นอย่างแฝงนัย “คุณดูสนิทกับธีร์ดีนี่”
“ก็...พอสมควรค่ะ เพราะฉันทำงานใกล้ชิดกับเขา”
พิณวดีหัวเราะเบาๆ “งั้นเหรอ? ระวังอย่าให้ความสนิทนั้นเกินขอบเขตล่ะ”
คำพูดนั้นทำให้อรณิชารู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทง แต่เธอยังคงยิ้มและพูดอย่างสุภาพ “ขอบคุณสำหรับคำเตือนค่ะ”
ช่วงเย็นของวันเดียวกัน ขณะที่ธีรธัชกำลังประชุมอยู่ พิณวดีมาหาอรณิชาอีกครั้ง
“ฉันอยากให้คุณช่วยจัดตารางนัดหมายให้ฉันเจอกับธีร์อีกหลายๆ ครั้ง”
“แต่คุณธีร์ไม่เคยแจ้งเรื่องนี้ไว้ในตารางนะคะ” อรณิชาตอบด้วยความสุภาพ
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะต้องรอให้ธีร์สั่ง” พิณวดีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
อรณิชารู้สึกอึดอัด แต่ยังคงรักษามารยาท “ฉันขอปรึกษาคุณธีร์ก่อนนะคะ”
พิณวดีถอนหายใจ “งั้นก็ลองดูแล้วกัน แต่จำไว้นะ ฉันกับธีร์มีอดีตร่วมกัน และบางทีอดีตอาจจะกลายเป็นปัจจุบันได้”
เมื่อประชุมเสร็จ อรณิชาเล่าเรื่องของพิณวดีให้ธีรธัชฟังด้วยน้ำเสียงลังเล
“เธออยากให้ฉันจัดตารางนัดเพิ่มค่ะ ฉันเลยบอกว่าจะปรึกษาคุณก่อน”
ธีรธัชขมวดคิ้ว “คุณไม่ต้องสนใจคำขอของเธอ ผมจะจัดการเอง”
“แต่ว่า...”
“อรณิชา” ธีรธัชพูดขัด “คุณไม่ต้องรู้สึกว่าคุณต้องรับผิดชอบอะไรในเรื่องนี้ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของผม”
น้ำเสียงหนักแน่นของเขาทำให้อรณิชารู้สึกอุ่นใจ
ก่อนที่เธอจะเดินออกไป ธีรธัชพูดขึ้นเบาๆ “ผมขอโทษถ้าพิณวดีทำให้คุณอึดอัด”
คำพูดนั้นทำให้อรณิชาเผลอยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ”
ในคืนนั้น พิณวดีส่งข้อความหาอรณิชาอีกครั้ง โดยบอกว่าเธอจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และจะทำทุกทางเพื่อกลับมาครองใจธีรธัช
อรณิชานั่งมองข้อความนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย เธอไม่ได้กลัวพิณวดี แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่สบายใจคือความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มชัดเจนขึ้นในหัวใจ
บรรยากาศในห้องทำงานของธีรธัชเงียบกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล สายตาของเขาเหลือบมองโต๊ะทำงานของอรณิชาเป็นระยะ แต่เธอกลับดูยุ่งและเงียบผิดปกติ“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยเหมือนเดิม?” เขาคิดในใจอรณิชาพยายามรักษาระยะห่างจากธีรธัชตั้งแต่วันที่พิณวดีเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง เธอเริ่มเลี่ยงการสบตา หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น และใช้เวลาพักกลางวันอยู่คนเดียว“นี่คุณกินข้าวยัง?” ธีรธัชถามขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน“เอ่อ... ฉันเพิ่งกินไปค่ะ” อรณิชาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองธีรธัชขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความเย็นชาที่เธอแสดงออกมา“ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้” เขาพูดขึ้น“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” เธอยิ้มบางๆ ก่อนกลับไปสนใจกองเอกสารตรงหน้าธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องในขณะที่ขับรถกลับบ้าน ธีรธัชเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในตัวอรณิชา และมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าเขาเคยคิดว่าอรณิชาเป็นแค่เลขา ที่บังเอิญสร้างสีสันให้กับชีวิตที่เคยเคร่งขรึมของเขา แต่ตอนนี้...
เสียงกระดิ่งประตูร้านกาแฟเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อธีรธัชผลักประตูเข้ามา เขาเลือกมานั่งที่นี่เพราะต้องการความสงบใจ หลังจากได้ฟังคำพูดของอรณิชาที่แจ้งว่าเธอจะย้ายงาน หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและความว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังรอออร์เดอร์อยู่นั้น เสียงสนทนาของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ดึงความสนใจของเขา “เธอยังจำเรื่องตอนที่คุณธีร์เกิดอุบัติเหตุได้ไหม? มีคนโทรแจ้งรถพยาบาลแทนเขาน่ะ” ธีรธัชชะงัก เขาจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นในอดีตเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเขากำลังจะไปประชุมสำคัญ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน กลางทางและหมดสติไป เขาไม่เคยรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขา “ใช่ๆ ฉันยังจำได้ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ แล้วยังคอยปลอบคุณธีร์ตอนเขากึ่งหมดสติด้วย” คำพูดนั้นทำให้ธีรธัชรู้สึกสะดุดใจ เขาอยากรู้ว่า "ผู้หญิงคนนั้น" คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น ธีรธัชตัดสินใจโทรหาเลขาคนเก่าของเขาที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น “คุณพิชัย ผมขอถามอะไรหน่อย” “ครับ เจ้านาย” “เรื่องอุบัติเหตุของผมเมื่อสองปีก่อน คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยผมตอนนั้น?” พิชัยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเบาๆ “คือ...เจ้านายไม่เคยถามเรื่องนี้เลย ผมก็
Chapter 9:คำสารภาพเช้าวันนั้น ฟ้าครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ธีรธัชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่เอกสารตรงหน้า เขามองนาฬิกาเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรณิชา“เย็นนี้ว่างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“ไปทานข้าวกับผม”อรณิชาแปลกใจ แต่ก็ตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมร้านอาหารหรูริมแม่น้ำที่ธีรธัชเลือกมีบรรยากาศเงียบสงบ อรณิชาแต่งตัวเรียบง่ายในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน แต่กลับดูโดดเด่นจนเขาอดยิ้มไม่ได้“ขอบคุณที่มานะ” ธีรธัชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนคุณอยากพูดอะไรสักอย่าง”ธีรธัชหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกและพูดต่อ“อรณิชา...ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญกับผมมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะเลขา แต่ในฐานะคนที่อยู่ในหัวใจของผม”คำพูดนั้นทำให้อรณิชาชะงัก หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไว้“คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้สึกผิดหรือเปล่าคะ?” เธอตอบเบาๆ แต่แฝงด้วยความกังวล“รู้สึกผิด?” ธีรธัชขมวดคิ้ว“ใช่ค่ะ...เรื่องที่ฉันช่วยคุณใน
Chapter 1:ใครจะกล้ามาเป็นเลขาผม?เสียงปลายปากกาเซ็นเอกสารดัง "แกร๊กๆ" ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานขนาดใหญ่ ธีรธัช ชายหนุ่มผู้ครองตำแหน่ง CEO หนุ่มพันล้าน วางปากกาลงก่อนจะมองออกไปนอกกระจกใสที่เผยให้เห็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองหลวง“พรุ่งนี้นัดสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังจับจ้องงานตรงหน้า“ใช่ครับ คุณธีร์ รอบสุดท้ายพรุ่งนี้เช้าครับ” ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวตอบกลับธีรธัชพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ขอใครสักคนที่ทำงานได้ดี และอย่ามากวนประสาทเหมือนเลขาคนก่อนๆ ที่มักลาออกไปเพราะทนความเจ้าระเบียบของเขาไม่ได้อรณิชา หญิงสาววัย 25 ปี ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก รีบวิ่งเข้ามาที่บริษัทหลังจากเกือบตกสัมภาษณ์เพราะรถติด“คุณอัน! กระโปรงคุณติดซิปไม่หมด!” เสียงเตือนจากแม่บ้านที่เดินสวนทางทำเอาเธอหน้าแดง รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์เมื่อถึงคิวของเธอ อรณิชาก็พบว่าหัวหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธีรธัช CEO หนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านข่าวธุรกิจ“นั่งสิครับ” เขาเอ่ยเสียง
Chapter 2:สัมภาษณ์สุดป่วนกับ CEO สุดเย็นชาเช้าวันสัมภาษณ์ อรณิชาในชุดสูทสีครีมราคาประหยัดยืนมองตัวเองในกระจกอย่างครุ่นคิด "ดูโอเคมั้ยนะ? หรือดูเหมือนนักเรียนฝึกงานมากกว่า"เธอถอนหายใจและดึงสูทให้เรียบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกจากบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัวที่สำนักงานใหญ่ของ T-Corp อรณิชายืนมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าอย่างทึ่ง "นี่ฉันมาถึงที่นี่จริงๆ เหรอ?"ลมเย็นพัดผ่าน ขณะที่เธอเดินเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานต้อนรับสาวในชุดยูนิฟอร์มยิ้มแย้มพาเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ชั้นบนสุด"คุณอรณิชาใช่ไหมคะ? กรุณานั่งรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์"อรณิชานั่งลงบนโซฟา สองมือประสานกันไว้บนตักมือของเธอเย็นเฉียบจากความประหม่า เธอมองรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวเมืองเบื้องล่าง“ใจเย็นๆ อัน มันแค่สัมภาษณ์งาน ไม่ได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เธอปลอบตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากรออยู่สักพัก เสียงพนักงานต้อนรับเรียกเธอ "คุณอรณิชา เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์ค่ะ"เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง อรณิชารู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ หนึ่งใน
Chapter 3:วันแรกของเลขาสุดโก๊ะเช้าวันแรกของอรณิชาที่ T-Corp เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและกระเป๋าเอกสารที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ"เช้านี้ต้องไปได้สวยแน่ๆ!" เธอบอกตัวเอง พลางสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าประตูอรณิชาได้รับมอบหมายให้นำเอกสารชุดแรกไปส่งที่แผนกการเงิน และแน่นอน...ความโก๊ะของเธอก็ปรากฏตัวเธอกำลังเดินผ่านแผนกบัญชีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอควานหามือถือในกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตว่าพื้นตรงหน้าเป็นพื้นหินอ่อนที่เพิ่งถูไป“ว้าย!” เสียงเธอร้องลั่นเมื่อสะดุดขาตัวเอง เอกสารในมือปลิวว่อนเหมือนหิมะตกพนักงานแผนกบัญชีต่างพากันหันมามอง เธอรีบลุกขึ้นรวบรวมเอกสารกลับมา "โอ๊ย ทำไมต้องวันแรกด้วยเนี่ย!"หลังจากส่งเอกสารเสร็จ เธอก็วิ่งกลับไปยังห้องของธีรธัช หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“อรณิชา” ธีรธัชเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะที่เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ“ค่ะ คุณธีร์ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”“ไปประชุมกับผม อีก 10 นาที ห้องประชุมชั้น 15”อรณิชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ได้ค่ะ! ฉันจะเตรียมทุกอย่าง ให้พร้อมเลย!"เธอรีบถือโน้ตบุ
Chapter 4:ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช้าวันหนึ่ง ธีรธัชและอรณิชาเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าโครงการรีสอร์ตหรูที่กำลังพัฒนา งานนี้สำคัญสำหรับ T-Corp และเป็นโอกาสที่อรณิชาตั้งใจจะใช้พิสูจน์ตัวเอง“เราจะถึงสนามบินในอีก 10 นาที” ธีรธัชพูดเรียบๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาเหลือบมองอรณิชาที่กำลังจดอะไรบางอย่างในสมุดโน้ต“ฉันทำรายการตรวจสอบงานที่จะต้องพูดคุยค่ะ เผื่อคุณธีร์อยากเพิ่มเติม” เธอยื่นสมุดให้เขาธีรธัชมองรายการอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ดี”แค่คำเดียวของเขาก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจไซต์งาน อรณิชากับธีรธัชมาถึงโรงแรมในช่วงเย็น แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเมื่อพนักงานโรงแรมแจ้งว่าห้องพักมีปัญหา“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ห้องพักของคุณธีรธัชมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า และห้องว่างห้องอื่นถูกจองเต็มหมดแล้วในคืนนี้”ธีรธัชขมวดคิ้ว แต่ยังคงน้ำเสียงนิ่ง “แล้วห้องที่คุณจัดให้ผมอยู่ไหน?”“เป็นห้องที่คุณอรณิชาพักครับ… แต่เป็นเตียงคู่ ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสะดวกพักด้วยกันชั่วคราว”อรณิชาที่ฟังอยู่หน้าแดงก่ำ “เอ่อ… พักห้อง
Chapter 5:งานเลี้ยงวันเสาร์เย็น ธีรธัชกับอรณิชาเดินทางมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านชานเมือง ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวธีรธัชซึ่งจัดงานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่เขา“นี่คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไปด้วย?” อรณิชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนกังวล“คุณเป็นเลขาผม งานนี้เกี่ยวกับธุรกิจด้วย ผมต้องการคนช่วย” ธีรธัชตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“งั้นฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ!” เธอกำหมัดแน่นราวกับพร้อมลุยเมื่อมาถึงงาน อรณิชาประทับใจกับความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยดอกไม้สวยงาม แขกที่มาร่วมงานต่างแต่งกายเนี้ยบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ธีรธัชพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขา“สวัสดีค่ะ ฉันอรณิชา เลขาของคุณธีร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้อย่างนอบน้อม แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใสคุณนวลจันทร์ แม่ของธีรธัช ยิ้มตอบ “ดูเป็นคนมีพลังงานดีนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ค่ะ คุณอรณิชาช่วยงานผมได้มาก” ธีรธัชพูดเรียบๆแม้คำพูดของเขาจะดูไม่หวานนัก แต่คุณนวลจันทร์กลับสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเคร่งขรึมของเธอมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเมื่อ
Chapter 9:คำสารภาพเช้าวันนั้น ฟ้าครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ธีรธัชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่เอกสารตรงหน้า เขามองนาฬิกาเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรณิชา“เย็นนี้ว่างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“ไปทานข้าวกับผม”อรณิชาแปลกใจ แต่ก็ตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมร้านอาหารหรูริมแม่น้ำที่ธีรธัชเลือกมีบรรยากาศเงียบสงบ อรณิชาแต่งตัวเรียบง่ายในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน แต่กลับดูโดดเด่นจนเขาอดยิ้มไม่ได้“ขอบคุณที่มานะ” ธีรธัชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนคุณอยากพูดอะไรสักอย่าง”ธีรธัชหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกและพูดต่อ“อรณิชา...ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญกับผมมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะเลขา แต่ในฐานะคนที่อยู่ในหัวใจของผม”คำพูดนั้นทำให้อรณิชาชะงัก หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไว้“คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้สึกผิดหรือเปล่าคะ?” เธอตอบเบาๆ แต่แฝงด้วยความกังวล“รู้สึกผิด?” ธีรธัชขมวดคิ้ว“ใช่ค่ะ...เรื่องที่ฉันช่วยคุณใน
เสียงกระดิ่งประตูร้านกาแฟเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อธีรธัชผลักประตูเข้ามา เขาเลือกมานั่งที่นี่เพราะต้องการความสงบใจ หลังจากได้ฟังคำพูดของอรณิชาที่แจ้งว่าเธอจะย้ายงาน หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและความว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังรอออร์เดอร์อยู่นั้น เสียงสนทนาของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ดึงความสนใจของเขา “เธอยังจำเรื่องตอนที่คุณธีร์เกิดอุบัติเหตุได้ไหม? มีคนโทรแจ้งรถพยาบาลแทนเขาน่ะ” ธีรธัชชะงัก เขาจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นในอดีตเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเขากำลังจะไปประชุมสำคัญ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน กลางทางและหมดสติไป เขาไม่เคยรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขา “ใช่ๆ ฉันยังจำได้ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ แล้วยังคอยปลอบคุณธีร์ตอนเขากึ่งหมดสติด้วย” คำพูดนั้นทำให้ธีรธัชรู้สึกสะดุดใจ เขาอยากรู้ว่า "ผู้หญิงคนนั้น" คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น ธีรธัชตัดสินใจโทรหาเลขาคนเก่าของเขาที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น “คุณพิชัย ผมขอถามอะไรหน่อย” “ครับ เจ้านาย” “เรื่องอุบัติเหตุของผมเมื่อสองปีก่อน คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยผมตอนนั้น?” พิชัยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเบาๆ “คือ...เจ้านายไม่เคยถามเรื่องนี้เลย ผมก็
บรรยากาศในห้องทำงานของธีรธัชเงียบกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล สายตาของเขาเหลือบมองโต๊ะทำงานของอรณิชาเป็นระยะ แต่เธอกลับดูยุ่งและเงียบผิดปกติ“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยเหมือนเดิม?” เขาคิดในใจอรณิชาพยายามรักษาระยะห่างจากธีรธัชตั้งแต่วันที่พิณวดีเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง เธอเริ่มเลี่ยงการสบตา หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น และใช้เวลาพักกลางวันอยู่คนเดียว“นี่คุณกินข้าวยัง?” ธีรธัชถามขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน“เอ่อ... ฉันเพิ่งกินไปค่ะ” อรณิชาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองธีรธัชขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความเย็นชาที่เธอแสดงออกมา“ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้” เขาพูดขึ้น“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” เธอยิ้มบางๆ ก่อนกลับไปสนใจกองเอกสารตรงหน้าธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องในขณะที่ขับรถกลับบ้าน ธีรธัชเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในตัวอรณิชา และมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าเขาเคยคิดว่าอรณิชาเป็นแค่เลขา ที่บังเอิญสร้างสีสันให้กับชีวิตที่เคยเคร่งขรึมของเขา แต่ตอนนี้...
หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดในบริษัท อรณิชารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรธัชเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขายังคงมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ในบางจังหวะ เธอรู้สึกถึงสายตาอบอุ่นที่เขามองมาที่เธอ“คุณธีร์คะ นี่เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”อรณิชาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“ขอบคุณ” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้นอรณิชาเผลอยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาเขา เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล“เอ่อ... ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดพลางรีบหมุนตัวออกจากห้องธีรธัชมองตามหลังเธอไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ“ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้?” เขาคิดในใจวันหนึ่งหลังเลิกงาน อรณิชาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิด ธีรธัชเดินมาถึงและก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วย ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งคู่“วันนี้เหนื่อยไหม?” ธีรธัชถามขึ้นอรณิชาหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “ก็...นิดหน่อยค่ะ แต่สนุกดี”ธีรธัชพยักหน้า “ดีแล้วที่คุณยังมองว่างานเป็นเรื่องสนุก”จังหวะนั้นลิฟต์เกิดหยุดกะทันหัน ไฟกะพริบเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะดับมืด“
Chapter 5:งานเลี้ยงวันเสาร์เย็น ธีรธัชกับอรณิชาเดินทางมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านชานเมือง ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวธีรธัชซึ่งจัดงานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่เขา“นี่คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไปด้วย?” อรณิชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนกังวล“คุณเป็นเลขาผม งานนี้เกี่ยวกับธุรกิจด้วย ผมต้องการคนช่วย” ธีรธัชตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“งั้นฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ!” เธอกำหมัดแน่นราวกับพร้อมลุยเมื่อมาถึงงาน อรณิชาประทับใจกับความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยดอกไม้สวยงาม แขกที่มาร่วมงานต่างแต่งกายเนี้ยบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ธีรธัชพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขา“สวัสดีค่ะ ฉันอรณิชา เลขาของคุณธีร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้อย่างนอบน้อม แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใสคุณนวลจันทร์ แม่ของธีรธัช ยิ้มตอบ “ดูเป็นคนมีพลังงานดีนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ค่ะ คุณอรณิชาช่วยงานผมได้มาก” ธีรธัชพูดเรียบๆแม้คำพูดของเขาจะดูไม่หวานนัก แต่คุณนวลจันทร์กลับสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเคร่งขรึมของเธอมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเมื่อ
Chapter 4:ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช้าวันหนึ่ง ธีรธัชและอรณิชาเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าโครงการรีสอร์ตหรูที่กำลังพัฒนา งานนี้สำคัญสำหรับ T-Corp และเป็นโอกาสที่อรณิชาตั้งใจจะใช้พิสูจน์ตัวเอง“เราจะถึงสนามบินในอีก 10 นาที” ธีรธัชพูดเรียบๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาเหลือบมองอรณิชาที่กำลังจดอะไรบางอย่างในสมุดโน้ต“ฉันทำรายการตรวจสอบงานที่จะต้องพูดคุยค่ะ เผื่อคุณธีร์อยากเพิ่มเติม” เธอยื่นสมุดให้เขาธีรธัชมองรายการอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ดี”แค่คำเดียวของเขาก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจไซต์งาน อรณิชากับธีรธัชมาถึงโรงแรมในช่วงเย็น แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเมื่อพนักงานโรงแรมแจ้งว่าห้องพักมีปัญหา“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ห้องพักของคุณธีรธัชมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า และห้องว่างห้องอื่นถูกจองเต็มหมดแล้วในคืนนี้”ธีรธัชขมวดคิ้ว แต่ยังคงน้ำเสียงนิ่ง “แล้วห้องที่คุณจัดให้ผมอยู่ไหน?”“เป็นห้องที่คุณอรณิชาพักครับ… แต่เป็นเตียงคู่ ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสะดวกพักด้วยกันชั่วคราว”อรณิชาที่ฟังอยู่หน้าแดงก่ำ “เอ่อ… พักห้อง
Chapter 3:วันแรกของเลขาสุดโก๊ะเช้าวันแรกของอรณิชาที่ T-Corp เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและกระเป๋าเอกสารที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ"เช้านี้ต้องไปได้สวยแน่ๆ!" เธอบอกตัวเอง พลางสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าประตูอรณิชาได้รับมอบหมายให้นำเอกสารชุดแรกไปส่งที่แผนกการเงิน และแน่นอน...ความโก๊ะของเธอก็ปรากฏตัวเธอกำลังเดินผ่านแผนกบัญชีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอควานหามือถือในกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตว่าพื้นตรงหน้าเป็นพื้นหินอ่อนที่เพิ่งถูไป“ว้าย!” เสียงเธอร้องลั่นเมื่อสะดุดขาตัวเอง เอกสารในมือปลิวว่อนเหมือนหิมะตกพนักงานแผนกบัญชีต่างพากันหันมามอง เธอรีบลุกขึ้นรวบรวมเอกสารกลับมา "โอ๊ย ทำไมต้องวันแรกด้วยเนี่ย!"หลังจากส่งเอกสารเสร็จ เธอก็วิ่งกลับไปยังห้องของธีรธัช หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“อรณิชา” ธีรธัชเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะที่เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ“ค่ะ คุณธีร์ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”“ไปประชุมกับผม อีก 10 นาที ห้องประชุมชั้น 15”อรณิชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ได้ค่ะ! ฉันจะเตรียมทุกอย่าง ให้พร้อมเลย!"เธอรีบถือโน้ตบุ
Chapter 2:สัมภาษณ์สุดป่วนกับ CEO สุดเย็นชาเช้าวันสัมภาษณ์ อรณิชาในชุดสูทสีครีมราคาประหยัดยืนมองตัวเองในกระจกอย่างครุ่นคิด "ดูโอเคมั้ยนะ? หรือดูเหมือนนักเรียนฝึกงานมากกว่า"เธอถอนหายใจและดึงสูทให้เรียบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกจากบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัวที่สำนักงานใหญ่ของ T-Corp อรณิชายืนมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าอย่างทึ่ง "นี่ฉันมาถึงที่นี่จริงๆ เหรอ?"ลมเย็นพัดผ่าน ขณะที่เธอเดินเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานต้อนรับสาวในชุดยูนิฟอร์มยิ้มแย้มพาเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ชั้นบนสุด"คุณอรณิชาใช่ไหมคะ? กรุณานั่งรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์"อรณิชานั่งลงบนโซฟา สองมือประสานกันไว้บนตักมือของเธอเย็นเฉียบจากความประหม่า เธอมองรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวเมืองเบื้องล่าง“ใจเย็นๆ อัน มันแค่สัมภาษณ์งาน ไม่ได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เธอปลอบตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากรออยู่สักพัก เสียงพนักงานต้อนรับเรียกเธอ "คุณอรณิชา เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์ค่ะ"เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง อรณิชารู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ หนึ่งใน
Chapter 1:ใครจะกล้ามาเป็นเลขาผม?เสียงปลายปากกาเซ็นเอกสารดัง "แกร๊กๆ" ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานขนาดใหญ่ ธีรธัช ชายหนุ่มผู้ครองตำแหน่ง CEO หนุ่มพันล้าน วางปากกาลงก่อนจะมองออกไปนอกกระจกใสที่เผยให้เห็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองหลวง“พรุ่งนี้นัดสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังจับจ้องงานตรงหน้า“ใช่ครับ คุณธีร์ รอบสุดท้ายพรุ่งนี้เช้าครับ” ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวตอบกลับธีรธัชพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ขอใครสักคนที่ทำงานได้ดี และอย่ามากวนประสาทเหมือนเลขาคนก่อนๆ ที่มักลาออกไปเพราะทนความเจ้าระเบียบของเขาไม่ได้อรณิชา หญิงสาววัย 25 ปี ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก รีบวิ่งเข้ามาที่บริษัทหลังจากเกือบตกสัมภาษณ์เพราะรถติด“คุณอัน! กระโปรงคุณติดซิปไม่หมด!” เสียงเตือนจากแม่บ้านที่เดินสวนทางทำเอาเธอหน้าแดง รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์เมื่อถึงคิวของเธอ อรณิชาก็พบว่าหัวหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธีรธัช CEO หนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านข่าวธุรกิจ“นั่งสิครับ” เขาเอ่ยเสียง