บรรยากาศในห้องทำงานของธีรธัชเงียบกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล สายตาของเขาเหลือบมองโต๊ะทำงานของอรณิชาเป็นระยะ แต่เธอกลับดูยุ่งและเงียบผิดปกติ
“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยเหมือนเดิม?” เขาคิดในใจ อรณิชาพยายามรักษาระยะห่างจากธีรธัชตั้งแต่วันที่พิณวดีเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง เธอเริ่มเลี่ยงการสบตา หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น และใช้เวลาพักกลางวันอยู่คนเดียว “นี่คุณกินข้าวยัง?” ธีรธัชถามขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน “เอ่อ... ฉันเพิ่งกินไปค่ะ” อรณิชาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง ธีรธัชขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความเย็นชาที่เธอแสดงออกมา “ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้” เขาพูดขึ้น “ไม่มีอะไรค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” เธอยิ้มบางๆ ก่อนกลับไปสนใจกองเอกสารตรงหน้า ธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้อง ในขณะที่ขับรถกลับบ้าน ธีรธัชเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในตัวอรณิชา และมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่า เขาเคยคิดว่าอรณิชาเป็นแค่เลขา ที่บังเอิญสร้างสีสันให้กับชีวิตที่เคยเคร่งขรึมของเขา แต่ตอนนี้...ทำไมการที่เธอพยายามถอยห่างถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนขาดอะไรไป? เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขา ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือ “พิณวดี” “ธีร์คะ เย็นนี้ว่างไหม? เราไปทานข้าวด้วยกันดีไหม?” เสียงหวานของพิณวดีดังขึ้น “ผมไม่ว่าง” เขาตอบทันที โดยไม่ให้เธอได้พูดอะไรต่อ หลังจากวางสาย ธีรธัชกลับรู้สึกเบื่อหน่าย เขาไม่ได้มีความสุขกับการกลับมาของพิณวดีเหมือนที่เธอหวัง และหัวใจของเขากลับคิดถึงเพียงแต่ใครบางคน... ในห้องครัวเล็กๆ ที่บ้าน อรณิชาเปิดดูภาพเก่าในโทรศัพท์ เป็นภาพธีรธัชที่เธอถ่ายไว้โดยบังเอิญในช่วงเวลาที่เขายิ้ม เธอหัวเราะเบาๆ “คุณธีร์...ทำไมคุณถึงต้องทำให้ฉันคิดแบบนี้?” อรณิชาส่ายหน้าแรงๆ พยายามปลอบใจตัวเองว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกอะไรเกินกว่าความเป็นเจ้านายและลูกน้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออดีตคู่หมั้นของเขากลับมา เธอตัดสินใจว่า การถอยออกมาคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคู่ วันรุ่งขึ้น ธีรธัชเรียกอรณิชาเข้ามาในห้องประชุมเล็กหลังเลิกงาน “ผมต้องการคุยกับคุณ” เขาเปิดประเด็นทันที อรณิชานั่งลง พลางหลบสายตา “มีอะไรเหรอคะ?” “คุณเปลี่ยนไป” เขาพูดตรงๆ อรณิชาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ฉันไม่ได้เปลี่ยนไปค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” “อย่ามาโกหก ผมรู้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น” เสียงของธีรธัชแสดงถึงความจริงจัง แต่ในสายตาของเขามีความอ่อนโยนที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน “ฉันไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวของคุณกับ...คุณพิณวดี ต้องมาทำให้ทุกอย่างดูยุ่งยาก” อรณิชาพูดพลางหลบสายตา “นี่มันไม่เกี่ยวกับพิณวดี” ธีรธัชพูดเสียงเข้ม “เรื่องนี้มันเกี่ยวกับคุณ...และผม” คำพูดนั้นทำให้อรณิชาตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แต่กลับพูดไม่ออก “ผมสับสน” ธีรธัชสารภาพ “ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกว่าการที่ใครบางคนถอยห่างจะทำให้ผมรู้สึก...เหมือนกำลังจะสูญเสียบางอย่างไป” อรณิชามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่เธอยังเลือกที่จะเงียบ “ผมขอแค่คำตอบเดียว” ธีรธัชพูดช้าๆ “คุณกำลังพยายามถอยห่างจากผมเพราะอะไร?” ในใจของอรณิชาเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เธอจะตอบคำถามนี้อย่างไร เมื่อคำตอบนั้นอาจเปลี่ยนความสัมพันธ์ของพวกเขาไปตลอดกาล... เช้าวันหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นอีกวันธรรมดาสำหรับอรณิชา เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พลางเปิดอ่านอีเมลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นจากผู้ส่งที่เธอคุ้นเคย “เรียนคุณอรณิชา, เราอยากเสนอให้คุณเข้าร่วมทีมของเราในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บริหารฝ่ายการตลาด...” อรณิชาหยุดอ่านชั่วขณะ มือเลื่อนขึ้นจับหน้าจอเหมือนกลัวว่าตัวอักษรจะล่องหนไป เธอเคยสมัครงานตำแหน่งนี้ไว้ก่อนที่จะมาเป็นเลขาของธีรธัช และไม่คิดว่าหลังผ่านมานานถึงขนาดนี้จะมีการตอบกลับ หัวใจของเธอเต้นแรง ความคิดในหัวพลันตีกันวุ่นวาย “นี่มันเป็นโอกาสที่ดี...แต่ว่า...” สายตาของเธอเลื่อนมองไปที่ห้องทำงานของธีรธัชซึ่งประตูปิดสนิท หลังจากพักกลางวัน อรณิชานั่งครุ่นคิดอยู่ในสวนเล็กๆ หลังตึก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความนั้นอีกครั้ง พร้อมคิดถึงความฝันในอดีตของตัวเอง “นี่คือสิ่งที่ฉันอยากทำมาตลอด” เธอพูดกับตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกที่เธอมีต่อธีรธัชก็แทรกเข้ามาในความคิด “แล้วคุณธีร์ล่ะ?” เธอถอนหายใจหนักหน่วง พยายามสะกดตัวเองให้คิดถึงแต่เรื่องอนาคตของตัวเอง แต่ความรู้สึกอบอุ่นที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่ใกล้เขาก็ยังวนเวียนในหัว ในขณะที่อรณิชากำลังอยู่กับความคิดของตัวเอง ธีรธัชที่นั่งอยู่ในห้องทำงานกลับรู้สึกเหมือนบางสิ่งขาดหาย เขาสังเกตเห็นความเหม่อลอยในดวงตาของอรณิชามาหลายวัน “หรือว่าเธอยังไม่หายอึดอัดเพราะพิณวดี?” เขาอยากจะถามเธออีกครั้ง แต่กลับรู้สึกเหมือนคำพูดติดอยู่ในลำคอ ในตอนบ่าย เขาเดินผ่านโต๊ะของอรณิชา สังเกตเห็นเธอนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเหมือนมีเรื่องในใจ “คุณโอเคไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความห่วงใย อรณิชาสะดุ้งเล็กน้อย “ค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ” คำตอบสั้นๆ ทำให้ธีรธัชรู้สึกไม่สบายใจ เย็นวันนั้น ขณะที่ธีรธัชนั่งตรวจเอกสารอยู่ อรณิชาก็เข้ามาในห้องพร้อมถือกระดาษบางอย่างในมือ “คุณธีร์คะ” เธอพูดช้าๆ ธีรธัชเงยหน้าขึ้น “มีอะไร?” “ฉันอยากแจ้งให้คุณทราบว่า...ฉันได้รับข้อเสนองานใหม่ค่ะ” เธอพูดออกไปด้วยน้ำเสียงมั่นคง แม้หัวใจจะเต้นแรง ธีรธัชนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับ “งานอะไร?” “ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บริหารฝ่ายการตลาดค่ะ เป็นโอกาสที่ฉันรอคอยมานาน” คำพูดของเธอเหมือนเสียงฟ้าผ่าที่ทำให้เขาชะงักไป ธีรธัชพยายามเก็บอาการ แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียสิ่งสำคัญบางอย่างไป “แล้วคุณคิดว่าจะไปใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ อรณิชาพยักหน้า “ค่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับตัวเอง” ธีรธัชพยิ้มบางๆ แต่ดวงตาของเขากลับฉายแววเศร้า “ถ้าคุณคิดว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ผมก็ไม่ห้าม” หลังจากอรณิชาออกจากห้องไป ธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาไม่เคยรู้สึกว่างเปล่าเช่นนี้มาก่อน “ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังเสียบางสิ่งที่สำคัญไป?” ในขณะเดียวกัน อรณิชาเองก็ไม่ได้รู้สึกโล่งใจอย่างที่ควรจะเป็น น้ำตาของเธอไหลลงมาช้าๆ ขณะที่เธอเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน “ฉันทำถูกแล้วใช่ไหม?” ธีรธัชนั่งอยู่ในห้องทำงาน จ้องมองไปยังโต๊ะที่อรณิชานั่งทำงานทุกวัน ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเธอวนเวียนอยู่ในความคิด “ถ้าผมปล่อยเธอไป...ผมอาจจะไม่มีโอกาสบอกความรู้สึกของตัวเองอีกเลย” แต่เขากลับลังเล สับสนว่าความรู้สึกนี้คือสิ่งที่เขาควรพูดออกไปหรือควรเก็บมันไว้ในใจ...เสียงกระดิ่งประตูร้านกาแฟเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อธีรธัชผลักประตูเข้ามา เขาเลือกมานั่งที่นี่เพราะต้องการความสงบใจ หลังจากได้ฟังคำพูดของอรณิชาที่แจ้งว่าเธอจะย้ายงาน หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและความว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังรอออร์เดอร์อยู่นั้น เสียงสนทนาของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ดึงความสนใจของเขา “เธอยังจำเรื่องตอนที่คุณธีร์เกิดอุบัติเหตุได้ไหม? มีคนโทรแจ้งรถพยาบาลแทนเขาน่ะ” ธีรธัชชะงัก เขาจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นในอดีตเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเขากำลังจะไปประชุมสำคัญ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน กลางทางและหมดสติไป เขาไม่เคยรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขา “ใช่ๆ ฉันยังจำได้ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ แล้วยังคอยปลอบคุณธีร์ตอนเขากึ่งหมดสติด้วย” คำพูดนั้นทำให้ธีรธัชรู้สึกสะดุดใจ เขาอยากรู้ว่า "ผู้หญิงคนนั้น" คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น ธีรธัชตัดสินใจโทรหาเลขาคนเก่าของเขาที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น “คุณพิชัย ผมขอถามอะไรหน่อย” “ครับ เจ้านาย” “เรื่องอุบัติเหตุของผมเมื่อสองปีก่อน คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยผมตอนนั้น?” พิชัยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเบาๆ “คือ...เจ้านายไม่เคยถามเรื่องนี้เลย ผมก็
Chapter 9:คำสารภาพเช้าวันนั้น ฟ้าครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ธีรธัชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่เอกสารตรงหน้า เขามองนาฬิกาเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรณิชา“เย็นนี้ว่างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“ไปทานข้าวกับผม”อรณิชาแปลกใจ แต่ก็ตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมร้านอาหารหรูริมแม่น้ำที่ธีรธัชเลือกมีบรรยากาศเงียบสงบ อรณิชาแต่งตัวเรียบง่ายในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน แต่กลับดูโดดเด่นจนเขาอดยิ้มไม่ได้“ขอบคุณที่มานะ” ธีรธัชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนคุณอยากพูดอะไรสักอย่าง”ธีรธัชหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกและพูดต่อ“อรณิชา...ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญกับผมมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะเลขา แต่ในฐานะคนที่อยู่ในหัวใจของผม”คำพูดนั้นทำให้อรณิชาชะงัก หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไว้“คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้สึกผิดหรือเปล่าคะ?” เธอตอบเบาๆ แต่แฝงด้วยความกังวล“รู้สึกผิด?” ธีรธัชขมวดคิ้ว“ใช่ค่ะ...เรื่องที่ฉันช่วยคุณใน
Chapter 1:ใครจะกล้ามาเป็นเลขาผม?เสียงปลายปากกาเซ็นเอกสารดัง "แกร๊กๆ" ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานขนาดใหญ่ ธีรธัช ชายหนุ่มผู้ครองตำแหน่ง CEO หนุ่มพันล้าน วางปากกาลงก่อนจะมองออกไปนอกกระจกใสที่เผยให้เห็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองหลวง“พรุ่งนี้นัดสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังจับจ้องงานตรงหน้า“ใช่ครับ คุณธีร์ รอบสุดท้ายพรุ่งนี้เช้าครับ” ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวตอบกลับธีรธัชพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ขอใครสักคนที่ทำงานได้ดี และอย่ามากวนประสาทเหมือนเลขาคนก่อนๆ ที่มักลาออกไปเพราะทนความเจ้าระเบียบของเขาไม่ได้อรณิชา หญิงสาววัย 25 ปี ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก รีบวิ่งเข้ามาที่บริษัทหลังจากเกือบตกสัมภาษณ์เพราะรถติด“คุณอัน! กระโปรงคุณติดซิปไม่หมด!” เสียงเตือนจากแม่บ้านที่เดินสวนทางทำเอาเธอหน้าแดง รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์เมื่อถึงคิวของเธอ อรณิชาก็พบว่าหัวหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธีรธัช CEO หนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านข่าวธุรกิจ“นั่งสิครับ” เขาเอ่ยเสียง
Chapter 2:สัมภาษณ์สุดป่วนกับ CEO สุดเย็นชาเช้าวันสัมภาษณ์ อรณิชาในชุดสูทสีครีมราคาประหยัดยืนมองตัวเองในกระจกอย่างครุ่นคิด "ดูโอเคมั้ยนะ? หรือดูเหมือนนักเรียนฝึกงานมากกว่า"เธอถอนหายใจและดึงสูทให้เรียบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกจากบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัวที่สำนักงานใหญ่ของ T-Corp อรณิชายืนมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าอย่างทึ่ง "นี่ฉันมาถึงที่นี่จริงๆ เหรอ?"ลมเย็นพัดผ่าน ขณะที่เธอเดินเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานต้อนรับสาวในชุดยูนิฟอร์มยิ้มแย้มพาเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ชั้นบนสุด"คุณอรณิชาใช่ไหมคะ? กรุณานั่งรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์"อรณิชานั่งลงบนโซฟา สองมือประสานกันไว้บนตักมือของเธอเย็นเฉียบจากความประหม่า เธอมองรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวเมืองเบื้องล่าง“ใจเย็นๆ อัน มันแค่สัมภาษณ์งาน ไม่ได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เธอปลอบตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากรออยู่สักพัก เสียงพนักงานต้อนรับเรียกเธอ "คุณอรณิชา เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์ค่ะ"เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง อรณิชารู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ หนึ่งใน
Chapter 3:วันแรกของเลขาสุดโก๊ะเช้าวันแรกของอรณิชาที่ T-Corp เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและกระเป๋าเอกสารที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ"เช้านี้ต้องไปได้สวยแน่ๆ!" เธอบอกตัวเอง พลางสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าประตูอรณิชาได้รับมอบหมายให้นำเอกสารชุดแรกไปส่งที่แผนกการเงิน และแน่นอน...ความโก๊ะของเธอก็ปรากฏตัวเธอกำลังเดินผ่านแผนกบัญชีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอควานหามือถือในกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตว่าพื้นตรงหน้าเป็นพื้นหินอ่อนที่เพิ่งถูไป“ว้าย!” เสียงเธอร้องลั่นเมื่อสะดุดขาตัวเอง เอกสารในมือปลิวว่อนเหมือนหิมะตกพนักงานแผนกบัญชีต่างพากันหันมามอง เธอรีบลุกขึ้นรวบรวมเอกสารกลับมา "โอ๊ย ทำไมต้องวันแรกด้วยเนี่ย!"หลังจากส่งเอกสารเสร็จ เธอก็วิ่งกลับไปยังห้องของธีรธัช หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“อรณิชา” ธีรธัชเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะที่เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ“ค่ะ คุณธีร์ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”“ไปประชุมกับผม อีก 10 นาที ห้องประชุมชั้น 15”อรณิชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ได้ค่ะ! ฉันจะเตรียมทุกอย่าง ให้พร้อมเลย!"เธอรีบถือโน้ตบุ
Chapter 4:ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช้าวันหนึ่ง ธีรธัชและอรณิชาเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าโครงการรีสอร์ตหรูที่กำลังพัฒนา งานนี้สำคัญสำหรับ T-Corp และเป็นโอกาสที่อรณิชาตั้งใจจะใช้พิสูจน์ตัวเอง“เราจะถึงสนามบินในอีก 10 นาที” ธีรธัชพูดเรียบๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาเหลือบมองอรณิชาที่กำลังจดอะไรบางอย่างในสมุดโน้ต“ฉันทำรายการตรวจสอบงานที่จะต้องพูดคุยค่ะ เผื่อคุณธีร์อยากเพิ่มเติม” เธอยื่นสมุดให้เขาธีรธัชมองรายการอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ดี”แค่คำเดียวของเขาก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจไซต์งาน อรณิชากับธีรธัชมาถึงโรงแรมในช่วงเย็น แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเมื่อพนักงานโรงแรมแจ้งว่าห้องพักมีปัญหา“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ห้องพักของคุณธีรธัชมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า และห้องว่างห้องอื่นถูกจองเต็มหมดแล้วในคืนนี้”ธีรธัชขมวดคิ้ว แต่ยังคงน้ำเสียงนิ่ง “แล้วห้องที่คุณจัดให้ผมอยู่ไหน?”“เป็นห้องที่คุณอรณิชาพักครับ… แต่เป็นเตียงคู่ ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสะดวกพักด้วยกันชั่วคราว”อรณิชาที่ฟังอยู่หน้าแดงก่ำ “เอ่อ… พักห้อง
Chapter 5:งานเลี้ยงวันเสาร์เย็น ธีรธัชกับอรณิชาเดินทางมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านชานเมือง ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวธีรธัชซึ่งจัดงานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่เขา“นี่คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไปด้วย?” อรณิชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนกังวล“คุณเป็นเลขาผม งานนี้เกี่ยวกับธุรกิจด้วย ผมต้องการคนช่วย” ธีรธัชตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“งั้นฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ!” เธอกำหมัดแน่นราวกับพร้อมลุยเมื่อมาถึงงาน อรณิชาประทับใจกับความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยดอกไม้สวยงาม แขกที่มาร่วมงานต่างแต่งกายเนี้ยบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ธีรธัชพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขา“สวัสดีค่ะ ฉันอรณิชา เลขาของคุณธีร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้อย่างนอบน้อม แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใสคุณนวลจันทร์ แม่ของธีรธัช ยิ้มตอบ “ดูเป็นคนมีพลังงานดีนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ค่ะ คุณอรณิชาช่วยงานผมได้มาก” ธีรธัชพูดเรียบๆแม้คำพูดของเขาจะดูไม่หวานนัก แต่คุณนวลจันทร์กลับสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเคร่งขรึมของเธอมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเมื่อ
หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดในบริษัท อรณิชารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรธัชเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขายังคงมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ในบางจังหวะ เธอรู้สึกถึงสายตาอบอุ่นที่เขามองมาที่เธอ“คุณธีร์คะ นี่เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”อรณิชาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“ขอบคุณ” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้นอรณิชาเผลอยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาเขา เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล“เอ่อ... ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดพลางรีบหมุนตัวออกจากห้องธีรธัชมองตามหลังเธอไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ“ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้?” เขาคิดในใจวันหนึ่งหลังเลิกงาน อรณิชาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิด ธีรธัชเดินมาถึงและก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วย ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งคู่“วันนี้เหนื่อยไหม?” ธีรธัชถามขึ้นอรณิชาหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “ก็...นิดหน่อยค่ะ แต่สนุกดี”ธีรธัชพยักหน้า “ดีแล้วที่คุณยังมองว่างานเป็นเรื่องสนุก”จังหวะนั้นลิฟต์เกิดหยุดกะทันหัน ไฟกะพริบเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะดับมืด“
Chapter 9:คำสารภาพเช้าวันนั้น ฟ้าครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ธีรธัชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่เอกสารตรงหน้า เขามองนาฬิกาเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรณิชา“เย็นนี้ว่างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“ไปทานข้าวกับผม”อรณิชาแปลกใจ แต่ก็ตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมร้านอาหารหรูริมแม่น้ำที่ธีรธัชเลือกมีบรรยากาศเงียบสงบ อรณิชาแต่งตัวเรียบง่ายในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน แต่กลับดูโดดเด่นจนเขาอดยิ้มไม่ได้“ขอบคุณที่มานะ” ธีรธัชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนคุณอยากพูดอะไรสักอย่าง”ธีรธัชหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกและพูดต่อ“อรณิชา...ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญกับผมมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะเลขา แต่ในฐานะคนที่อยู่ในหัวใจของผม”คำพูดนั้นทำให้อรณิชาชะงัก หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไว้“คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้สึกผิดหรือเปล่าคะ?” เธอตอบเบาๆ แต่แฝงด้วยความกังวล“รู้สึกผิด?” ธีรธัชขมวดคิ้ว“ใช่ค่ะ...เรื่องที่ฉันช่วยคุณใน
เสียงกระดิ่งประตูร้านกาแฟเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อธีรธัชผลักประตูเข้ามา เขาเลือกมานั่งที่นี่เพราะต้องการความสงบใจ หลังจากได้ฟังคำพูดของอรณิชาที่แจ้งว่าเธอจะย้ายงาน หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและความว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังรอออร์เดอร์อยู่นั้น เสียงสนทนาของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ดึงความสนใจของเขา “เธอยังจำเรื่องตอนที่คุณธีร์เกิดอุบัติเหตุได้ไหม? มีคนโทรแจ้งรถพยาบาลแทนเขาน่ะ” ธีรธัชชะงัก เขาจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นในอดีตเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเขากำลังจะไปประชุมสำคัญ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน กลางทางและหมดสติไป เขาไม่เคยรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขา “ใช่ๆ ฉันยังจำได้ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ แล้วยังคอยปลอบคุณธีร์ตอนเขากึ่งหมดสติด้วย” คำพูดนั้นทำให้ธีรธัชรู้สึกสะดุดใจ เขาอยากรู้ว่า "ผู้หญิงคนนั้น" คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น ธีรธัชตัดสินใจโทรหาเลขาคนเก่าของเขาที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น “คุณพิชัย ผมขอถามอะไรหน่อย” “ครับ เจ้านาย” “เรื่องอุบัติเหตุของผมเมื่อสองปีก่อน คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยผมตอนนั้น?” พิชัยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเบาๆ “คือ...เจ้านายไม่เคยถามเรื่องนี้เลย ผมก็
บรรยากาศในห้องทำงานของธีรธัชเงียบกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล สายตาของเขาเหลือบมองโต๊ะทำงานของอรณิชาเป็นระยะ แต่เธอกลับดูยุ่งและเงียบผิดปกติ“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยเหมือนเดิม?” เขาคิดในใจอรณิชาพยายามรักษาระยะห่างจากธีรธัชตั้งแต่วันที่พิณวดีเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง เธอเริ่มเลี่ยงการสบตา หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น และใช้เวลาพักกลางวันอยู่คนเดียว“นี่คุณกินข้าวยัง?” ธีรธัชถามขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน“เอ่อ... ฉันเพิ่งกินไปค่ะ” อรณิชาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองธีรธัชขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความเย็นชาที่เธอแสดงออกมา“ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้” เขาพูดขึ้น“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” เธอยิ้มบางๆ ก่อนกลับไปสนใจกองเอกสารตรงหน้าธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องในขณะที่ขับรถกลับบ้าน ธีรธัชเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในตัวอรณิชา และมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าเขาเคยคิดว่าอรณิชาเป็นแค่เลขา ที่บังเอิญสร้างสีสันให้กับชีวิตที่เคยเคร่งขรึมของเขา แต่ตอนนี้...
หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดในบริษัท อรณิชารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรธัชเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขายังคงมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ในบางจังหวะ เธอรู้สึกถึงสายตาอบอุ่นที่เขามองมาที่เธอ“คุณธีร์คะ นี่เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”อรณิชาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“ขอบคุณ” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้นอรณิชาเผลอยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาเขา เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล“เอ่อ... ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดพลางรีบหมุนตัวออกจากห้องธีรธัชมองตามหลังเธอไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ“ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้?” เขาคิดในใจวันหนึ่งหลังเลิกงาน อรณิชาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิด ธีรธัชเดินมาถึงและก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วย ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งคู่“วันนี้เหนื่อยไหม?” ธีรธัชถามขึ้นอรณิชาหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “ก็...นิดหน่อยค่ะ แต่สนุกดี”ธีรธัชพยักหน้า “ดีแล้วที่คุณยังมองว่างานเป็นเรื่องสนุก”จังหวะนั้นลิฟต์เกิดหยุดกะทันหัน ไฟกะพริบเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะดับมืด“
Chapter 5:งานเลี้ยงวันเสาร์เย็น ธีรธัชกับอรณิชาเดินทางมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านชานเมือง ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวธีรธัชซึ่งจัดงานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่เขา“นี่คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไปด้วย?” อรณิชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนกังวล“คุณเป็นเลขาผม งานนี้เกี่ยวกับธุรกิจด้วย ผมต้องการคนช่วย” ธีรธัชตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“งั้นฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ!” เธอกำหมัดแน่นราวกับพร้อมลุยเมื่อมาถึงงาน อรณิชาประทับใจกับความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยดอกไม้สวยงาม แขกที่มาร่วมงานต่างแต่งกายเนี้ยบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ธีรธัชพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขา“สวัสดีค่ะ ฉันอรณิชา เลขาของคุณธีร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้อย่างนอบน้อม แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใสคุณนวลจันทร์ แม่ของธีรธัช ยิ้มตอบ “ดูเป็นคนมีพลังงานดีนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ค่ะ คุณอรณิชาช่วยงานผมได้มาก” ธีรธัชพูดเรียบๆแม้คำพูดของเขาจะดูไม่หวานนัก แต่คุณนวลจันทร์กลับสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเคร่งขรึมของเธอมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเมื่อ
Chapter 4:ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช้าวันหนึ่ง ธีรธัชและอรณิชาเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าโครงการรีสอร์ตหรูที่กำลังพัฒนา งานนี้สำคัญสำหรับ T-Corp และเป็นโอกาสที่อรณิชาตั้งใจจะใช้พิสูจน์ตัวเอง“เราจะถึงสนามบินในอีก 10 นาที” ธีรธัชพูดเรียบๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาเหลือบมองอรณิชาที่กำลังจดอะไรบางอย่างในสมุดโน้ต“ฉันทำรายการตรวจสอบงานที่จะต้องพูดคุยค่ะ เผื่อคุณธีร์อยากเพิ่มเติม” เธอยื่นสมุดให้เขาธีรธัชมองรายการอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ดี”แค่คำเดียวของเขาก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจไซต์งาน อรณิชากับธีรธัชมาถึงโรงแรมในช่วงเย็น แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเมื่อพนักงานโรงแรมแจ้งว่าห้องพักมีปัญหา“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ห้องพักของคุณธีรธัชมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า และห้องว่างห้องอื่นถูกจองเต็มหมดแล้วในคืนนี้”ธีรธัชขมวดคิ้ว แต่ยังคงน้ำเสียงนิ่ง “แล้วห้องที่คุณจัดให้ผมอยู่ไหน?”“เป็นห้องที่คุณอรณิชาพักครับ… แต่เป็นเตียงคู่ ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสะดวกพักด้วยกันชั่วคราว”อรณิชาที่ฟังอยู่หน้าแดงก่ำ “เอ่อ… พักห้อง
Chapter 3:วันแรกของเลขาสุดโก๊ะเช้าวันแรกของอรณิชาที่ T-Corp เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและกระเป๋าเอกสารที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ"เช้านี้ต้องไปได้สวยแน่ๆ!" เธอบอกตัวเอง พลางสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าประตูอรณิชาได้รับมอบหมายให้นำเอกสารชุดแรกไปส่งที่แผนกการเงิน และแน่นอน...ความโก๊ะของเธอก็ปรากฏตัวเธอกำลังเดินผ่านแผนกบัญชีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอควานหามือถือในกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตว่าพื้นตรงหน้าเป็นพื้นหินอ่อนที่เพิ่งถูไป“ว้าย!” เสียงเธอร้องลั่นเมื่อสะดุดขาตัวเอง เอกสารในมือปลิวว่อนเหมือนหิมะตกพนักงานแผนกบัญชีต่างพากันหันมามอง เธอรีบลุกขึ้นรวบรวมเอกสารกลับมา "โอ๊ย ทำไมต้องวันแรกด้วยเนี่ย!"หลังจากส่งเอกสารเสร็จ เธอก็วิ่งกลับไปยังห้องของธีรธัช หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“อรณิชา” ธีรธัชเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะที่เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ“ค่ะ คุณธีร์ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”“ไปประชุมกับผม อีก 10 นาที ห้องประชุมชั้น 15”อรณิชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ได้ค่ะ! ฉันจะเตรียมทุกอย่าง ให้พร้อมเลย!"เธอรีบถือโน้ตบุ
Chapter 2:สัมภาษณ์สุดป่วนกับ CEO สุดเย็นชาเช้าวันสัมภาษณ์ อรณิชาในชุดสูทสีครีมราคาประหยัดยืนมองตัวเองในกระจกอย่างครุ่นคิด "ดูโอเคมั้ยนะ? หรือดูเหมือนนักเรียนฝึกงานมากกว่า"เธอถอนหายใจและดึงสูทให้เรียบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกจากบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัวที่สำนักงานใหญ่ของ T-Corp อรณิชายืนมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าอย่างทึ่ง "นี่ฉันมาถึงที่นี่จริงๆ เหรอ?"ลมเย็นพัดผ่าน ขณะที่เธอเดินเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานต้อนรับสาวในชุดยูนิฟอร์มยิ้มแย้มพาเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ชั้นบนสุด"คุณอรณิชาใช่ไหมคะ? กรุณานั่งรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์"อรณิชานั่งลงบนโซฟา สองมือประสานกันไว้บนตักมือของเธอเย็นเฉียบจากความประหม่า เธอมองรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวเมืองเบื้องล่าง“ใจเย็นๆ อัน มันแค่สัมภาษณ์งาน ไม่ได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เธอปลอบตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากรออยู่สักพัก เสียงพนักงานต้อนรับเรียกเธอ "คุณอรณิชา เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์ค่ะ"เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง อรณิชารู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ หนึ่งใน
Chapter 1:ใครจะกล้ามาเป็นเลขาผม?เสียงปลายปากกาเซ็นเอกสารดัง "แกร๊กๆ" ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานขนาดใหญ่ ธีรธัช ชายหนุ่มผู้ครองตำแหน่ง CEO หนุ่มพันล้าน วางปากกาลงก่อนจะมองออกไปนอกกระจกใสที่เผยให้เห็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองหลวง“พรุ่งนี้นัดสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังจับจ้องงานตรงหน้า“ใช่ครับ คุณธีร์ รอบสุดท้ายพรุ่งนี้เช้าครับ” ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวตอบกลับธีรธัชพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ขอใครสักคนที่ทำงานได้ดี และอย่ามากวนประสาทเหมือนเลขาคนก่อนๆ ที่มักลาออกไปเพราะทนความเจ้าระเบียบของเขาไม่ได้อรณิชา หญิงสาววัย 25 ปี ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก รีบวิ่งเข้ามาที่บริษัทหลังจากเกือบตกสัมภาษณ์เพราะรถติด“คุณอัน! กระโปรงคุณติดซิปไม่หมด!” เสียงเตือนจากแม่บ้านที่เดินสวนทางทำเอาเธอหน้าแดง รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์เมื่อถึงคิวของเธอ อรณิชาก็พบว่าหัวหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธีรธัช CEO หนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านข่าวธุรกิจ“นั่งสิครับ” เขาเอ่ยเสียง