Chapter 1:ใครจะกล้ามาเป็นเลขาผม?
เสียงปลายปากกาเซ็นเอกสารดัง "แกร๊กๆ" ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานขนาดใหญ่ ธีรธัช ชายหนุ่มผู้ครองตำแหน่ง CEO หนุ่มพันล้าน วางปากกาลงก่อนจะมองออกไปนอกกระจกใสที่เผยให้เห็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองหลวง
“พรุ่งนี้นัดสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังจับจ้องงานตรงหน้า
“ใช่ครับ คุณธีร์ รอบสุดท้ายพรุ่งนี้เช้าครับ” ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวตอบกลับ
ธีรธัชพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ขอใครสักคนที่ทำงานได้ดี และอย่ามากวนประสาทเหมือนเลขาคนก่อนๆ ที่มักลาออกไปเพราะทนความเจ้าระเบียบของเขาไม่ได้
อรณิชา หญิงสาววัย 25 ปี ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก รีบวิ่งเข้ามาที่บริษัทหลังจากเกือบตกสัมภาษณ์เพราะรถติด
“คุณอัน! กระโปรงคุณติดซิปไม่หมด!” เสียงเตือนจากแม่บ้านที่เดินสวนทางทำเอาเธอหน้าแดง รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์
เมื่อถึงคิวของเธอ อรณิชาก็พบว่าหัวหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธีรธัช CEO หนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านข่าวธุรกิจ
“นั่งสิครับ” เขาเอ่ยเสียงนิ่งขรึม แต่นั่นกลับทำให้อรณิชาแอบกลืนน้ำลายด้วยความกดดัน
“ค่ะ… ค่ะ!” เธอนั่งลงด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ แต่ดวงตาเต็มไปด้วยประกายความตั้งใจ
หลังจากการสัมภาษณ์เต็มไปด้วยคำถามเชิงธุรกิจที่เธอตอบไปแบบมั่วบ้าง ตรงประเด็นบ้าง ธีรธัชกลับมองเธออย่างประหลาดใจ เธอแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นตรงที่ไม่ได้พยายามจะประจบหรือขายตัวเองจนเกินไป
หลังการสัมภาษณ์ผ่านไป อรณิชาก็เดินออกมาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ทำไมมันยากขนาดนี้เนี่ย!” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ไม่ทันระวัง จนชนเข้ากับพนักงานคนหนึ่งทำให้แฟ้มในมือเขาหล่นลงพื้น
“ขอโทษค่ะ! เดี๋ยวฉันช่วยเก็บ!” เธอโค้งตัวขอโทษอย่างรวดเร็ว
และในวินาทีที่เธอกำลังเก็บเอกสารขึ้นมา... ธีรธัชที่เดินออกมาจากห้องสัมภาษณ์พอดี สังเกตเห็นเหตุการณ์นั้นทั้งหมด เขามองหญิงสาวคนนั้นอย่างครุ่นคิด
“คนนี้... อาจจะไม่แย่เท่าไหร่” เขาพึมพำเบาๆ
ภายในห้องทำงานกว้างขวางบนชั้นสูงสุดของบริษัท T-Corp ธีรธัชก้มหน้าเซ็นเอกสารกองโตอย่างไม่แยแสต่อเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามา
"คุณธีร์ครับ ผมต้องขอโทษที่บอกข่าวนี้ตอนนี้ คือว่าคุณมล เลขาคนปัจจุบันของคุณ… เธอยื่นใบลาออกเมื่อเช้านี้ครับ"
ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมอง ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึกไม่แปลกใจ "อีกแล้วเหรอ?"
"ครับ... เธอบอกว่าทนแรงกดดันไม่ไหว" ณัฐตอบพลางเกาหัวด้วยความลำบากใจ "นี่ก็คนที่สามแล้วในรอบปีนี้นะครับ"
ธีรธัชถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะวางปากกาลงบนโต๊ะ "ผมไม่เข้าใจ ทำไมถึงไม่มีใครทำงานนี้ได้? มันก็แค่การจัดการตารางและทำตามคำสั่งให้เรียบร้อย ไม่ได้ยากอะไรเลย"
"อาจเพราะคุณธีร์เข้มงวดเกินไปครับ" ณัฐ เอ่ยอย่างระมัดระวัง "คุณธีร์เป็นคนเจ้าระเบียบ และมีมาตรฐานสูง...มาก"
ธีรธัชเลิกคิ้ว "แล้วไงล่ะ? ถ้าทำงานไม่ดี จะเอามาทำไม?"
ณัฐยิ้มเจื่อน "งั้นเราคงต้องเริ่มหาคนใหม่แล้วล่ะครับ"
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ข่าวประกาศรับสมัครเลขาคนใหม่ของ CEO หนุ่มแห่ง T-Corp ก็ถูกส่งออกไปทุกช่องทาง ทั้งเว็บไซต์หางาน อีเมลวงใน และประกาศผ่านบริษัทเครือข่าย
ตำแหน่ง: เลขาส่วนตัว CEO
คุณสมบัติ: หัวไว มีระเบียบวินัย รับมือกับแรงกดดันได้ดี
เงินเดือน: 100,000 บาท พร้อมสวัสดิการครบครัน
หมายเหตุ: ต้องสามารถเริ่มงานได้ทันที
ข่าวนี้กลายเป็นกระแสในแวดวงธุรกิจ คนที่ได้ยินข่าวต่างพูดถึงโอกาสและความท้าทายที่จะได้ทำงานใกล้ชิดกับ "ธีรธัช" บุคคล ที่ถูกขนานนามว่าเป็น "CEO พันล้านผู้ไร้หัวใจ"
ขณะเดียวกัน… ที่คาเฟ่เล็กๆ ใกล้ซอยบ้าน อรณิชา หญิงสาว ร่าเริงวัย 25 ปี กำลังจิบโกโก้เย็นแก้วโปรด พร้อมช่วยเพื่อนสนิทกรอกใบสมัครงาน
"นี่อัน ช่วยเขียนให้หน่อยสิ ภาษาอังกฤษฉันไม่แข็งแรงเลย" เพื่อนเธอบ่นพลางดันแล็ปท็อปให้
"ได้สิ!" อรณิชายิ้มกว้าง ก่อนพิมพ์ข้อมูลอย่างคล่องแคล่ว
ระหว่างที่เธอกำลังแก้ไขประโยคให้น่าสนใจ มือซุกซนของเธอดันกดปุ่ม "ส่ง" โดยไม่ทันดูว่าเธอกรอกข้อมูลของตัวเองลงไปแทน!
“ส่งแล้ว!” อรณิชาประกาศอย่างภูมิใจ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเพื่อนร้องเสียงหลง
"เฮ้ย! นั่นมันใบสมัครฉันนะ แต่ข้อมูลที่ใส่ไปเป็นของแกหมดเลย!"
“อะไรนะ!” อรณิชาอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบเลื่อนดูหน้าจอ "ตายแล้ว! ฉันกดส่งไปแล้วจริงๆ"
"แกสมัครเป็นเลขา CEO ไปเลยเหรอ?" เพื่อนหัวเราะลั่น "แกจะไปเป็นเลขาใครเค้าได้ แค่ตัวเองยังโก๊ะขนาดนี้!"
อรณิชาหน้าบึ้ง "จะโก๊ะแล้วไง! คนโก๊ะๆ อย่างฉันก็ทำงานได้เหมือนกันแหละน่า!"
แต่ในใจลึกๆ เธอก็อดหวั่นใจไม่ได้
วันรุ่งขึ้น ณ ห้องประชุมสัมภาษณ์ผู้สมัคร
ธีรธัชนั่งอยู่หัวโต๊ะพร้อมทีมงานที่ช่วยคัดกรองผู้สมัคร ทั้งห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด
"คนนี้มีประสบการณ์ด้านบริหารงานเลขามากกว่า 5 ปีครับ" ณัฐกล่าว พร้อมยื่นเอกสารให้
ธีรธัชพลิกอ่านแฟ้มเงียบๆ แต่แววตาไม่ได้บ่งบอกถึงความสนใจมากนัก
จนกระทั่งถึงแฟ้มสุดท้ายในกอง…
"คนนี้น่าสนใจครับ เธอไม่มีประสบการณ์ตรง แต่ประวัติเขียนออกมาได้น่าสนุกดี" ณัฐพูดยิ้มๆ
ธีรธัชหยิบแฟ้มนั้นขึ้นมาอ่าน "อรณิชา... อายุ 25 ปี จบด้านการตลาด ไม่มีประสบการณ์เป็นเลขา แต่…" เขาหยุดอ่านก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ "เธอระบุไว้ว่า 'ความโก๊ะเป็นจุดเด่น แต่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ทุกครั้ง'"
ทีมงานในห้องยิ้มเจื่อน เพราะไม่แน่ใจว่าผู้สมัครคนนี้จริงจังหรือไม่
"เรียกสัมภาษณ์เธอด้วยละกัน" ธีรธัชพูดพร้อมวางแฟ้มลง "อยากรู้ว่าคนที่กล้าประกาศตัวว่าโก๊ะจะทำงานกับผมได้ยังไง"
ณัฐหัวเราะเบาๆ "รับทราบครับ คุณธีร์"
หลังจากนั้นไม่นาน ชื่อของอรณิชาก็ได้รับแจ้งว่าเธอผ่านการคัดเลือกเข้าสัมภาษณ์ เธอตื่นเต้นจนรีบวิ่งไปเตรียมตัวทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าความท้าทายและความปั่นป่วนอะไรจะรอเธออยู่ในวันสัมภาษณ์!
Chapter 2:สัมภาษณ์สุดป่วนกับ CEO สุดเย็นชาเช้าวันสัมภาษณ์ อรณิชาในชุดสูทสีครีมราคาประหยัดยืนมองตัวเองในกระจกอย่างครุ่นคิด "ดูโอเคมั้ยนะ? หรือดูเหมือนนักเรียนฝึกงานมากกว่า"เธอถอนหายใจและดึงสูทให้เรียบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกจากบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัวที่สำนักงานใหญ่ของ T-Corp อรณิชายืนมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าอย่างทึ่ง "นี่ฉันมาถึงที่นี่จริงๆ เหรอ?"ลมเย็นพัดผ่าน ขณะที่เธอเดินเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานต้อนรับสาวในชุดยูนิฟอร์มยิ้มแย้มพาเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ชั้นบนสุด"คุณอรณิชาใช่ไหมคะ? กรุณานั่งรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์"อรณิชานั่งลงบนโซฟา สองมือประสานกันไว้บนตักมือของเธอเย็นเฉียบจากความประหม่า เธอมองรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวเมืองเบื้องล่าง“ใจเย็นๆ อัน มันแค่สัมภาษณ์งาน ไม่ได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เธอปลอบตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากรออยู่สักพัก เสียงพนักงานต้อนรับเรียกเธอ "คุณอรณิชา เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์ค่ะ"เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง อรณิชารู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ หนึ่งใน
Chapter 3:วันแรกของเลขาสุดโก๊ะเช้าวันแรกของอรณิชาที่ T-Corp เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและกระเป๋าเอกสารที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ"เช้านี้ต้องไปได้สวยแน่ๆ!" เธอบอกตัวเอง พลางสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าประตูอรณิชาได้รับมอบหมายให้นำเอกสารชุดแรกไปส่งที่แผนกการเงิน และแน่นอน...ความโก๊ะของเธอก็ปรากฏตัวเธอกำลังเดินผ่านแผนกบัญชีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอควานหามือถือในกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตว่าพื้นตรงหน้าเป็นพื้นหินอ่อนที่เพิ่งถูไป“ว้าย!” เสียงเธอร้องลั่นเมื่อสะดุดขาตัวเอง เอกสารในมือปลิวว่อนเหมือนหิมะตกพนักงานแผนกบัญชีต่างพากันหันมามอง เธอรีบลุกขึ้นรวบรวมเอกสารกลับมา "โอ๊ย ทำไมต้องวันแรกด้วยเนี่ย!"หลังจากส่งเอกสารเสร็จ เธอก็วิ่งกลับไปยังห้องของธีรธัช หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“อรณิชา” ธีรธัชเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะที่เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ“ค่ะ คุณธีร์ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”“ไปประชุมกับผม อีก 10 นาที ห้องประชุมชั้น 15”อรณิชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ได้ค่ะ! ฉันจะเตรียมทุกอย่าง ให้พร้อมเลย!"เธอรีบถือโน้ตบุ
Chapter 4:ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช้าวันหนึ่ง ธีรธัชและอรณิชาเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าโครงการรีสอร์ตหรูที่กำลังพัฒนา งานนี้สำคัญสำหรับ T-Corp และเป็นโอกาสที่อรณิชาตั้งใจจะใช้พิสูจน์ตัวเอง“เราจะถึงสนามบินในอีก 10 นาที” ธีรธัชพูดเรียบๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาเหลือบมองอรณิชาที่กำลังจดอะไรบางอย่างในสมุดโน้ต“ฉันทำรายการตรวจสอบงานที่จะต้องพูดคุยค่ะ เผื่อคุณธีร์อยากเพิ่มเติม” เธอยื่นสมุดให้เขาธีรธัชมองรายการอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ดี”แค่คำเดียวของเขาก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจไซต์งาน อรณิชากับธีรธัชมาถึงโรงแรมในช่วงเย็น แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเมื่อพนักงานโรงแรมแจ้งว่าห้องพักมีปัญหา“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ห้องพักของคุณธีรธัชมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า และห้องว่างห้องอื่นถูกจองเต็มหมดแล้วในคืนนี้”ธีรธัชขมวดคิ้ว แต่ยังคงน้ำเสียงนิ่ง “แล้วห้องที่คุณจัดให้ผมอยู่ไหน?”“เป็นห้องที่คุณอรณิชาพักครับ… แต่เป็นเตียงคู่ ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสะดวกพักด้วยกันชั่วคราว”อรณิชาที่ฟังอยู่หน้าแดงก่ำ “เอ่อ… พักห้อง
Chapter 5:งานเลี้ยงวันเสาร์เย็น ธีรธัชกับอรณิชาเดินทางมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านชานเมือง ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวธีรธัชซึ่งจัดงานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่เขา“นี่คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไปด้วย?” อรณิชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนกังวล“คุณเป็นเลขาผม งานนี้เกี่ยวกับธุรกิจด้วย ผมต้องการคนช่วย” ธีรธัชตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“งั้นฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ!” เธอกำหมัดแน่นราวกับพร้อมลุยเมื่อมาถึงงาน อรณิชาประทับใจกับความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยดอกไม้สวยงาม แขกที่มาร่วมงานต่างแต่งกายเนี้ยบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ธีรธัชพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขา“สวัสดีค่ะ ฉันอรณิชา เลขาของคุณธีร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้อย่างนอบน้อม แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใสคุณนวลจันทร์ แม่ของธีรธัช ยิ้มตอบ “ดูเป็นคนมีพลังงานดีนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ค่ะ คุณอรณิชาช่วยงานผมได้มาก” ธีรธัชพูดเรียบๆแม้คำพูดของเขาจะดูไม่หวานนัก แต่คุณนวลจันทร์กลับสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเคร่งขรึมของเธอมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเมื่อ
หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดในบริษัท อรณิชารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรธัชเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขายังคงมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ในบางจังหวะ เธอรู้สึกถึงสายตาอบอุ่นที่เขามองมาที่เธอ“คุณธีร์คะ นี่เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”อรณิชาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“ขอบคุณ” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้นอรณิชาเผลอยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาเขา เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล“เอ่อ... ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดพลางรีบหมุนตัวออกจากห้องธีรธัชมองตามหลังเธอไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ“ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้?” เขาคิดในใจวันหนึ่งหลังเลิกงาน อรณิชาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิด ธีรธัชเดินมาถึงและก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วย ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งคู่“วันนี้เหนื่อยไหม?” ธีรธัชถามขึ้นอรณิชาหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “ก็...นิดหน่อยค่ะ แต่สนุกดี”ธีรธัชพยักหน้า “ดีแล้วที่คุณยังมองว่างานเป็นเรื่องสนุก”จังหวะนั้นลิฟต์เกิดหยุดกะทันหัน ไฟกะพริบเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะดับมืด“
บรรยากาศในห้องทำงานของธีรธัชเงียบกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล สายตาของเขาเหลือบมองโต๊ะทำงานของอรณิชาเป็นระยะ แต่เธอกลับดูยุ่งและเงียบผิดปกติ“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยเหมือนเดิม?” เขาคิดในใจอรณิชาพยายามรักษาระยะห่างจากธีรธัชตั้งแต่วันที่พิณวดีเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง เธอเริ่มเลี่ยงการสบตา หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น และใช้เวลาพักกลางวันอยู่คนเดียว“นี่คุณกินข้าวยัง?” ธีรธัชถามขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน“เอ่อ... ฉันเพิ่งกินไปค่ะ” อรณิชาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองธีรธัชขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความเย็นชาที่เธอแสดงออกมา“ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้” เขาพูดขึ้น“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” เธอยิ้มบางๆ ก่อนกลับไปสนใจกองเอกสารตรงหน้าธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องในขณะที่ขับรถกลับบ้าน ธีรธัชเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในตัวอรณิชา และมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าเขาเคยคิดว่าอรณิชาเป็นแค่เลขา ที่บังเอิญสร้างสีสันให้กับชีวิตที่เคยเคร่งขรึมของเขา แต่ตอนนี้...
เสียงกระดิ่งประตูร้านกาแฟเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อธีรธัชผลักประตูเข้ามา เขาเลือกมานั่งที่นี่เพราะต้องการความสงบใจ หลังจากได้ฟังคำพูดของอรณิชาที่แจ้งว่าเธอจะย้ายงาน หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและความว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังรอออร์เดอร์อยู่นั้น เสียงสนทนาของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ดึงความสนใจของเขา “เธอยังจำเรื่องตอนที่คุณธีร์เกิดอุบัติเหตุได้ไหม? มีคนโทรแจ้งรถพยาบาลแทนเขาน่ะ” ธีรธัชชะงัก เขาจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นในอดีตเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเขากำลังจะไปประชุมสำคัญ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน กลางทางและหมดสติไป เขาไม่เคยรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขา “ใช่ๆ ฉันยังจำได้ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ แล้วยังคอยปลอบคุณธีร์ตอนเขากึ่งหมดสติด้วย” คำพูดนั้นทำให้ธีรธัชรู้สึกสะดุดใจ เขาอยากรู้ว่า "ผู้หญิงคนนั้น" คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น ธีรธัชตัดสินใจโทรหาเลขาคนเก่าของเขาที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น “คุณพิชัย ผมขอถามอะไรหน่อย” “ครับ เจ้านาย” “เรื่องอุบัติเหตุของผมเมื่อสองปีก่อน คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยผมตอนนั้น?” พิชัยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเบาๆ “คือ...เจ้านายไม่เคยถามเรื่องนี้เลย ผมก็
Chapter 9:คำสารภาพเช้าวันนั้น ฟ้าครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ธีรธัชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่เอกสารตรงหน้า เขามองนาฬิกาเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรณิชา“เย็นนี้ว่างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“ไปทานข้าวกับผม”อรณิชาแปลกใจ แต่ก็ตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมร้านอาหารหรูริมแม่น้ำที่ธีรธัชเลือกมีบรรยากาศเงียบสงบ อรณิชาแต่งตัวเรียบง่ายในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน แต่กลับดูโดดเด่นจนเขาอดยิ้มไม่ได้“ขอบคุณที่มานะ” ธีรธัชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนคุณอยากพูดอะไรสักอย่าง”ธีรธัชหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกและพูดต่อ“อรณิชา...ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญกับผมมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะเลขา แต่ในฐานะคนที่อยู่ในหัวใจของผม”คำพูดนั้นทำให้อรณิชาชะงัก หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไว้“คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้สึกผิดหรือเปล่าคะ?” เธอตอบเบาๆ แต่แฝงด้วยความกังวล“รู้สึกผิด?” ธีรธัชขมวดคิ้ว“ใช่ค่ะ...เรื่องที่ฉันช่วยคุณใน
Chapter 9:คำสารภาพเช้าวันนั้น ฟ้าครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ธีรธัชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่เอกสารตรงหน้า เขามองนาฬิกาเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรณิชา“เย็นนี้ว่างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“ไปทานข้าวกับผม”อรณิชาแปลกใจ แต่ก็ตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมร้านอาหารหรูริมแม่น้ำที่ธีรธัชเลือกมีบรรยากาศเงียบสงบ อรณิชาแต่งตัวเรียบง่ายในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน แต่กลับดูโดดเด่นจนเขาอดยิ้มไม่ได้“ขอบคุณที่มานะ” ธีรธัชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนคุณอยากพูดอะไรสักอย่าง”ธีรธัชหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกและพูดต่อ“อรณิชา...ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญกับผมมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะเลขา แต่ในฐานะคนที่อยู่ในหัวใจของผม”คำพูดนั้นทำให้อรณิชาชะงัก หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไว้“คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้สึกผิดหรือเปล่าคะ?” เธอตอบเบาๆ แต่แฝงด้วยความกังวล“รู้สึกผิด?” ธีรธัชขมวดคิ้ว“ใช่ค่ะ...เรื่องที่ฉันช่วยคุณใน
เสียงกระดิ่งประตูร้านกาแฟเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อธีรธัชผลักประตูเข้ามา เขาเลือกมานั่งที่นี่เพราะต้องการความสงบใจ หลังจากได้ฟังคำพูดของอรณิชาที่แจ้งว่าเธอจะย้ายงาน หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและความว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังรอออร์เดอร์อยู่นั้น เสียงสนทนาของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ดึงความสนใจของเขา “เธอยังจำเรื่องตอนที่คุณธีร์เกิดอุบัติเหตุได้ไหม? มีคนโทรแจ้งรถพยาบาลแทนเขาน่ะ” ธีรธัชชะงัก เขาจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นในอดีตเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเขากำลังจะไปประชุมสำคัญ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน กลางทางและหมดสติไป เขาไม่เคยรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขา “ใช่ๆ ฉันยังจำได้ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ แล้วยังคอยปลอบคุณธีร์ตอนเขากึ่งหมดสติด้วย” คำพูดนั้นทำให้ธีรธัชรู้สึกสะดุดใจ เขาอยากรู้ว่า "ผู้หญิงคนนั้น" คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น ธีรธัชตัดสินใจโทรหาเลขาคนเก่าของเขาที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น “คุณพิชัย ผมขอถามอะไรหน่อย” “ครับ เจ้านาย” “เรื่องอุบัติเหตุของผมเมื่อสองปีก่อน คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยผมตอนนั้น?” พิชัยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเบาๆ “คือ...เจ้านายไม่เคยถามเรื่องนี้เลย ผมก็
บรรยากาศในห้องทำงานของธีรธัชเงียบกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล สายตาของเขาเหลือบมองโต๊ะทำงานของอรณิชาเป็นระยะ แต่เธอกลับดูยุ่งและเงียบผิดปกติ“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยเหมือนเดิม?” เขาคิดในใจอรณิชาพยายามรักษาระยะห่างจากธีรธัชตั้งแต่วันที่พิณวดีเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง เธอเริ่มเลี่ยงการสบตา หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น และใช้เวลาพักกลางวันอยู่คนเดียว“นี่คุณกินข้าวยัง?” ธีรธัชถามขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน“เอ่อ... ฉันเพิ่งกินไปค่ะ” อรณิชาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองธีรธัชขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความเย็นชาที่เธอแสดงออกมา“ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้” เขาพูดขึ้น“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” เธอยิ้มบางๆ ก่อนกลับไปสนใจกองเอกสารตรงหน้าธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องในขณะที่ขับรถกลับบ้าน ธีรธัชเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในตัวอรณิชา และมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าเขาเคยคิดว่าอรณิชาเป็นแค่เลขา ที่บังเอิญสร้างสีสันให้กับชีวิตที่เคยเคร่งขรึมของเขา แต่ตอนนี้...
หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดในบริษัท อรณิชารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรธัชเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขายังคงมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ในบางจังหวะ เธอรู้สึกถึงสายตาอบอุ่นที่เขามองมาที่เธอ“คุณธีร์คะ นี่เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”อรณิชาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“ขอบคุณ” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้นอรณิชาเผลอยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาเขา เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล“เอ่อ... ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดพลางรีบหมุนตัวออกจากห้องธีรธัชมองตามหลังเธอไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ“ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้?” เขาคิดในใจวันหนึ่งหลังเลิกงาน อรณิชาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิด ธีรธัชเดินมาถึงและก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วย ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งคู่“วันนี้เหนื่อยไหม?” ธีรธัชถามขึ้นอรณิชาหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “ก็...นิดหน่อยค่ะ แต่สนุกดี”ธีรธัชพยักหน้า “ดีแล้วที่คุณยังมองว่างานเป็นเรื่องสนุก”จังหวะนั้นลิฟต์เกิดหยุดกะทันหัน ไฟกะพริบเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะดับมืด“
Chapter 5:งานเลี้ยงวันเสาร์เย็น ธีรธัชกับอรณิชาเดินทางมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านชานเมือง ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวธีรธัชซึ่งจัดงานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่เขา“นี่คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไปด้วย?” อรณิชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนกังวล“คุณเป็นเลขาผม งานนี้เกี่ยวกับธุรกิจด้วย ผมต้องการคนช่วย” ธีรธัชตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“งั้นฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ!” เธอกำหมัดแน่นราวกับพร้อมลุยเมื่อมาถึงงาน อรณิชาประทับใจกับความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยดอกไม้สวยงาม แขกที่มาร่วมงานต่างแต่งกายเนี้ยบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ธีรธัชพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขา“สวัสดีค่ะ ฉันอรณิชา เลขาของคุณธีร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้อย่างนอบน้อม แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใสคุณนวลจันทร์ แม่ของธีรธัช ยิ้มตอบ “ดูเป็นคนมีพลังงานดีนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ค่ะ คุณอรณิชาช่วยงานผมได้มาก” ธีรธัชพูดเรียบๆแม้คำพูดของเขาจะดูไม่หวานนัก แต่คุณนวลจันทร์กลับสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเคร่งขรึมของเธอมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเมื่อ
Chapter 4:ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช้าวันหนึ่ง ธีรธัชและอรณิชาเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าโครงการรีสอร์ตหรูที่กำลังพัฒนา งานนี้สำคัญสำหรับ T-Corp และเป็นโอกาสที่อรณิชาตั้งใจจะใช้พิสูจน์ตัวเอง“เราจะถึงสนามบินในอีก 10 นาที” ธีรธัชพูดเรียบๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาเหลือบมองอรณิชาที่กำลังจดอะไรบางอย่างในสมุดโน้ต“ฉันทำรายการตรวจสอบงานที่จะต้องพูดคุยค่ะ เผื่อคุณธีร์อยากเพิ่มเติม” เธอยื่นสมุดให้เขาธีรธัชมองรายการอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ดี”แค่คำเดียวของเขาก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจไซต์งาน อรณิชากับธีรธัชมาถึงโรงแรมในช่วงเย็น แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเมื่อพนักงานโรงแรมแจ้งว่าห้องพักมีปัญหา“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ห้องพักของคุณธีรธัชมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า และห้องว่างห้องอื่นถูกจองเต็มหมดแล้วในคืนนี้”ธีรธัชขมวดคิ้ว แต่ยังคงน้ำเสียงนิ่ง “แล้วห้องที่คุณจัดให้ผมอยู่ไหน?”“เป็นห้องที่คุณอรณิชาพักครับ… แต่เป็นเตียงคู่ ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสะดวกพักด้วยกันชั่วคราว”อรณิชาที่ฟังอยู่หน้าแดงก่ำ “เอ่อ… พักห้อง
Chapter 3:วันแรกของเลขาสุดโก๊ะเช้าวันแรกของอรณิชาที่ T-Corp เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและกระเป๋าเอกสารที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ"เช้านี้ต้องไปได้สวยแน่ๆ!" เธอบอกตัวเอง พลางสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าประตูอรณิชาได้รับมอบหมายให้นำเอกสารชุดแรกไปส่งที่แผนกการเงิน และแน่นอน...ความโก๊ะของเธอก็ปรากฏตัวเธอกำลังเดินผ่านแผนกบัญชีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอควานหามือถือในกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตว่าพื้นตรงหน้าเป็นพื้นหินอ่อนที่เพิ่งถูไป“ว้าย!” เสียงเธอร้องลั่นเมื่อสะดุดขาตัวเอง เอกสารในมือปลิวว่อนเหมือนหิมะตกพนักงานแผนกบัญชีต่างพากันหันมามอง เธอรีบลุกขึ้นรวบรวมเอกสารกลับมา "โอ๊ย ทำไมต้องวันแรกด้วยเนี่ย!"หลังจากส่งเอกสารเสร็จ เธอก็วิ่งกลับไปยังห้องของธีรธัช หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“อรณิชา” ธีรธัชเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะที่เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ“ค่ะ คุณธีร์ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”“ไปประชุมกับผม อีก 10 นาที ห้องประชุมชั้น 15”อรณิชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ได้ค่ะ! ฉันจะเตรียมทุกอย่าง ให้พร้อมเลย!"เธอรีบถือโน้ตบุ
Chapter 2:สัมภาษณ์สุดป่วนกับ CEO สุดเย็นชาเช้าวันสัมภาษณ์ อรณิชาในชุดสูทสีครีมราคาประหยัดยืนมองตัวเองในกระจกอย่างครุ่นคิด "ดูโอเคมั้ยนะ? หรือดูเหมือนนักเรียนฝึกงานมากกว่า"เธอถอนหายใจและดึงสูทให้เรียบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกจากบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัวที่สำนักงานใหญ่ของ T-Corp อรณิชายืนมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าอย่างทึ่ง "นี่ฉันมาถึงที่นี่จริงๆ เหรอ?"ลมเย็นพัดผ่าน ขณะที่เธอเดินเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานต้อนรับสาวในชุดยูนิฟอร์มยิ้มแย้มพาเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ชั้นบนสุด"คุณอรณิชาใช่ไหมคะ? กรุณานั่งรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์"อรณิชานั่งลงบนโซฟา สองมือประสานกันไว้บนตักมือของเธอเย็นเฉียบจากความประหม่า เธอมองรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวเมืองเบื้องล่าง“ใจเย็นๆ อัน มันแค่สัมภาษณ์งาน ไม่ได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เธอปลอบตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากรออยู่สักพัก เสียงพนักงานต้อนรับเรียกเธอ "คุณอรณิชา เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์ค่ะ"เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง อรณิชารู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ หนึ่งใน
Chapter 1:ใครจะกล้ามาเป็นเลขาผม?เสียงปลายปากกาเซ็นเอกสารดัง "แกร๊กๆ" ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานขนาดใหญ่ ธีรธัช ชายหนุ่มผู้ครองตำแหน่ง CEO หนุ่มพันล้าน วางปากกาลงก่อนจะมองออกไปนอกกระจกใสที่เผยให้เห็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองหลวง“พรุ่งนี้นัดสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังจับจ้องงานตรงหน้า“ใช่ครับ คุณธีร์ รอบสุดท้ายพรุ่งนี้เช้าครับ” ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวตอบกลับธีรธัชพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ขอใครสักคนที่ทำงานได้ดี และอย่ามากวนประสาทเหมือนเลขาคนก่อนๆ ที่มักลาออกไปเพราะทนความเจ้าระเบียบของเขาไม่ได้อรณิชา หญิงสาววัย 25 ปี ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก รีบวิ่งเข้ามาที่บริษัทหลังจากเกือบตกสัมภาษณ์เพราะรถติด“คุณอัน! กระโปรงคุณติดซิปไม่หมด!” เสียงเตือนจากแม่บ้านที่เดินสวนทางทำเอาเธอหน้าแดง รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์เมื่อถึงคิวของเธอ อรณิชาก็พบว่าหัวหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธีรธัช CEO หนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านข่าวธุรกิจ“นั่งสิครับ” เขาเอ่ยเสียง