Chapter 3:วันแรกของเลขาสุดโก๊ะ
เช้าวันแรกของอรณิชาที่ T-Corp เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและกระเป๋าเอกสารที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ
"เช้านี้ต้องไปได้สวยแน่ๆ!" เธอบอกตัวเอง พลางสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าประตู
อรณิชาได้รับมอบหมายให้นำเอกสารชุดแรกไปส่งที่แผนกการเงิน และแน่นอน...ความโก๊ะของเธอก็ปรากฏตัว
เธอกำลังเดินผ่านแผนกบัญชีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอควานหามือถือในกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตว่าพื้นตรงหน้าเป็นพื้นหินอ่อนที่เพิ่งถูไป
“ว้าย!” เสียงเธอร้องลั่นเมื่อสะดุดขาตัวเอง เอกสารในมือปลิวว่อนเหมือนหิมะตก
พนักงานแผนกบัญชีต่างพากันหันมามอง เธอรีบลุกขึ้นรวบรวมเอกสารกลับมา "โอ๊ย ทำไมต้องวันแรกด้วยเนี่ย!"
หลังจากส่งเอกสารเสร็จ เธอก็วิ่งกลับไปยังห้องของธีรธัช หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี
“อรณิชา” ธีรธัชเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะที่เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ
“ค่ะ คุณธีร์ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”
“ไปประชุมกับผม อีก 10 นาที ห้องประชุมชั้น 15”
อรณิชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ได้ค่ะ! ฉันจะเตรียมทุกอย่าง ให้พร้อมเลย!"
เธอรีบถือโน้ตบุ๊กและแฟ้มเอกสารตามเขาไปที่ลิฟต์ ระหว่างรอลิฟต์เธอแอบถามเขาเบาๆ
"เอ่อ... ฉันต้องพูดอะไรในที่ประชุมไหมคะ?"
เขาหันมามองเธอ "คุณแค่จดทุกอย่างให้ครบถ้วน และอย่าทำให้ใครเสียสมาธิ"
"ค่ะ!"
แต่เมื่อถึงห้องประชุม ความโก๊ะของเธอก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
ขณะที่เธอกำลังจดบันทึกด้วยความตั้งใจ จู่ๆ ปากกาของเธอ ก็หมึกหมด เธอพยายามหาปากกาในกระเป๋า แต่เผลอทำโทรศัพท์มือถือหล่นลงพื้นดัง ป้าบ!
ทั้งห้องหันมามองเธอ เธอหน้าแดงก่ำ รีบก้มเก็บโทรศัพท์แล้วกระซิบเบาๆ “ขอโทษค่ะ...”
ธีรธัชเหลือบมองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร
แม้จะมีเหตุวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ แต่ธีรธัชก็สังเกตว่าอรณิชาตั้งใจจดบันทึกทุกคำพูดในที่ประชุมอย่างละเอียด
หลังการประชุมจบลง เธอยื่นสมุดบันทึกให้เขา "นี่ค่ะ ฉันจดรายละเอียดไว้หมดแล้ว คุณธีร์ช่วยตรวจดูให้ด้วยนะคะ เผื่อมีอะไรตกหล่น"
เขารับสมุดไปเปิดดูและพบว่าเธอจดได้ครบถ้วนจริงๆ ทุกตัวอักษรแม่นยำจนเขาอดแปลกใจไม่ได้
“ดี” เขาพูดเรียบๆ
“ดี? คุณหมายความว่าฉันทำได้ดีเหรอคะ?” เธอถามด้วยแววตาเป็นประกาย
“ครับ แต่ถ้าคุณเลิกทำโทรศัพท์หล่นในที่ประชุมได้ ผมจะพอใจมากกว่านี้”
อรณิชาหัวเราะแห้งๆ “ค่ะ! ฉันจะระวังมากขึ้นค่ะ!”
วันแรกของอรณิชาเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เธอไม่ยอมให้ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ทำให้เธอล้มเลิก
ในขณะเดียวกัน ธีรธัชเริ่มมองเห็นความตั้งใจจริงในตัวเลขาสาวโก๊ะคนนี้ แม้เธอจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่เธอก็มีความมุ่งมั่นที่ทำให้เขาเริ่มเปิดใจเล็กน้อย
บ่ายวันหนึ่งในสำนักงาน T-Corp บรรยากาศเงียบสงบที่ชั้นผู้บริหารกลับถูกทำลายด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างเร่งด่วน ณัฐ ผู้ช่วยของธีรธัช เดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยสีหน้ากังวล
"คุณธีร์ครับ ปัญหาใหญ่เกิดขึ้นแล้วครับ! คู่ค้าจากญี่ปุ่นเพิ่งส่งข้อความมาว่าต้องการเปลี่ยนกำหนดการเซ็นสัญญาเป็นพรุ่งนี้เช้า แต่เอกสารสำคัญบางส่วนยังไม่เสร็จ และทีมที่รับผิดชอบกลับไม่สามารถทำงานล่วงเวลาได้ครับ!"
ธีรธัชขมวดคิ้ว "เรียกหัวหน้าแผนกมาเดี๋ยวนี้ เราต้องจัดการเรื่องนี้ให้ทัน"
อรณิชาที่กำลังนั่งพิมพ์เอกสารอยู่ข้างโต๊ะรีบเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าของธีรธัช เธอก็รับรู้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ปกติ
ระหว่างที่หัวหน้าแผนกต่างๆ กำลังประชุมกันเพื่อหาวิธีแก้ไข อรณิชาแอบนั่งฟังอยู่ที่มุมห้อง เธอเห็นทุกคนถกเถียงกันเสียงดัง แต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้
หลังจากเงียบอยู่นาน เธอก็ยกมือขึ้นอย่างไม่มั่นใจ "เอ่อ... ขออนุญาตค่ะ ฉันมีไอเดียค่ะ!"
ทุกสายตาหันมาที่เธอ บางคนดูสงสัย บางคนแอบหัวเราะเบาๆ กับความไม่รู้สถานการณ์ของเธอ
ธีรธัชเองเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้า "พูดมา"
"ถ้าเอกสารที่ต้องแก้ไขไม่ได้ซับซ้อนมาก ฉันคิดว่าเราอาจลองใช้ซอฟต์แวร์ปรับแก้ไขแบบออนไลน์ที่เชื่อมต่อกับคู่ค้าโดยตรง เพื่อให้พวกเขาเห็นและอนุมัติได้ทันทีค่ะ วิธีนี้น่าจะช่วยย่นเวลาได้เยอะ และพวกเขาก็ไม่ต้องรอจนถึงวันเซ็นสัญญาจริง"
เสียงในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หัวหน้าแผนกไอทีจะพูดขึ้น "อันที่จริง... มันเป็นไปได้นะครับ ซอฟต์แวร์ที่เธอพูดถึงมีฟังก์ชันแบบนี้จริง และบริษัทเราก็มีสิทธิ์การใช้งานอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยใช้ในลักษณะนี้"
ธีรธัชมองหน้าเธออย่างพิจารณา "คุณแน่ใจว่าวิธีนี้จะได้ผล?"
"ฉันเชื่อว่าน่าจะได้ค่ะ ถ้าทีมไอทีช่วยสนับสนุน"
หลังจากได้รับอนุมัติ ทีมงานทุกคนก็เริ่มลงมือทันที อรณิชารีบวิ่งไปช่วยหัวหน้าแผนกไอทีในการเตรียมเอกสารและปรับแก้ระบบ
เธอพิมพ์ข้อมูลด้วยความเร็ว จัดรูปแบบเอกสารให้ดูเรียบร้อย และประสานงานกับคู่ค้าผ่านอีเมลอย่างไม่หยุดพัก
“นี่ค่ะ! ฉันแก้ไขส่วนนี้เสร็จแล้ว!” เธอพูดพลางส่งแฟ้มให้หัวหน้าแผนก
หัวหน้าไอทีหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ “คุณเก่งกว่าที่คิดนะ เร็วมาก!”
“ขอบคุณค่ะ!” เธอยิ้มกว้างแม้เหงื่อจะซึมเต็มหน้าผาก
เมื่อเอกสารทั้งหมดถูกส่งไปยังคู่ค้าและได้รับการอนุมัติเรียบร้อย ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ธีรธัชเดินเข้ามาที่โต๊ะของอรณิชา เขามองเธอด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
"คุณทำได้ดี" เขาพูดเรียบๆ
"ขอบคุณค่ะ!" อรณิชาตอบเสียงใส แม้ในใจจะเต้นแรง เธอไม่เคยคิดว่าคำชมจากเขาจะทำให้เธอรู้สึกภูมิใจขนาดนี้
"แต่คราวหน้า อย่าเสนอความคิดถ้าคุณไม่มั่นใจเต็มร้อย" เขาเสริมพร้อมเดินออกไป
แม้คำพูดของเขาจะฟังดูเย็นชา แต่สำหรับอรณิชา มันคือสัญญาณว่าเธอเริ่มได้รับการยอมรับจากเขา
เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้อรณิชาพิสูจน์ตัวเองได้ว่า เธอไม่ได้มีดีแค่ความโก๊ะ แต่ยังมีความคิดสร้างสรรค์และไหวพริบที่ช่วยแก้ไขปัญหาได้
สำหรับธีรธัช แม้จะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่เขาก็เริ่มมองเธอในแง่บวก และรู้สึกว่าสาวโก๊ะคนนี้อาจจะไม่ธรรมดาอย่างที่คิด…
Chapter 4:ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช้าวันหนึ่ง ธีรธัชและอรณิชาเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าโครงการรีสอร์ตหรูที่กำลังพัฒนา งานนี้สำคัญสำหรับ T-Corp และเป็นโอกาสที่อรณิชาตั้งใจจะใช้พิสูจน์ตัวเอง“เราจะถึงสนามบินในอีก 10 นาที” ธีรธัชพูดเรียบๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาเหลือบมองอรณิชาที่กำลังจดอะไรบางอย่างในสมุดโน้ต“ฉันทำรายการตรวจสอบงานที่จะต้องพูดคุยค่ะ เผื่อคุณธีร์อยากเพิ่มเติม” เธอยื่นสมุดให้เขาธีรธัชมองรายการอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ดี”แค่คำเดียวของเขาก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจไซต์งาน อรณิชากับธีรธัชมาถึงโรงแรมในช่วงเย็น แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเมื่อพนักงานโรงแรมแจ้งว่าห้องพักมีปัญหา“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ห้องพักของคุณธีรธัชมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า และห้องว่างห้องอื่นถูกจองเต็มหมดแล้วในคืนนี้”ธีรธัชขมวดคิ้ว แต่ยังคงน้ำเสียงนิ่ง “แล้วห้องที่คุณจัดให้ผมอยู่ไหน?”“เป็นห้องที่คุณอรณิชาพักครับ… แต่เป็นเตียงคู่ ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสะดวกพักด้วยกันชั่วคราว”อรณิชาที่ฟังอยู่หน้าแดงก่ำ “เอ่อ… พักห้อง
Chapter 5:งานเลี้ยงวันเสาร์เย็น ธีรธัชกับอรณิชาเดินทางมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านชานเมือง ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวธีรธัชซึ่งจัดงานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่เขา“นี่คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไปด้วย?” อรณิชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนกังวล“คุณเป็นเลขาผม งานนี้เกี่ยวกับธุรกิจด้วย ผมต้องการคนช่วย” ธีรธัชตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“งั้นฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ!” เธอกำหมัดแน่นราวกับพร้อมลุยเมื่อมาถึงงาน อรณิชาประทับใจกับความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยดอกไม้สวยงาม แขกที่มาร่วมงานต่างแต่งกายเนี้ยบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ธีรธัชพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขา“สวัสดีค่ะ ฉันอรณิชา เลขาของคุณธีร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้อย่างนอบน้อม แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใสคุณนวลจันทร์ แม่ของธีรธัช ยิ้มตอบ “ดูเป็นคนมีพลังงานดีนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ค่ะ คุณอรณิชาช่วยงานผมได้มาก” ธีรธัชพูดเรียบๆแม้คำพูดของเขาจะดูไม่หวานนัก แต่คุณนวลจันทร์กลับสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเคร่งขรึมของเธอมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเมื่อ
หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดในบริษัท อรณิชารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรธัชเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขายังคงมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ในบางจังหวะ เธอรู้สึกถึงสายตาอบอุ่นที่เขามองมาที่เธอ“คุณธีร์คะ นี่เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”อรณิชาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“ขอบคุณ” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้นอรณิชาเผลอยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาเขา เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล“เอ่อ... ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดพลางรีบหมุนตัวออกจากห้องธีรธัชมองตามหลังเธอไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ“ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้?” เขาคิดในใจวันหนึ่งหลังเลิกงาน อรณิชาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิด ธีรธัชเดินมาถึงและก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วย ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งคู่“วันนี้เหนื่อยไหม?” ธีรธัชถามขึ้นอรณิชาหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “ก็...นิดหน่อยค่ะ แต่สนุกดี”ธีรธัชพยักหน้า “ดีแล้วที่คุณยังมองว่างานเป็นเรื่องสนุก”จังหวะนั้นลิฟต์เกิดหยุดกะทันหัน ไฟกะพริบเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะดับมืด“
บรรยากาศในห้องทำงานของธีรธัชเงียบกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล สายตาของเขาเหลือบมองโต๊ะทำงานของอรณิชาเป็นระยะ แต่เธอกลับดูยุ่งและเงียบผิดปกติ“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยเหมือนเดิม?” เขาคิดในใจอรณิชาพยายามรักษาระยะห่างจากธีรธัชตั้งแต่วันที่พิณวดีเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง เธอเริ่มเลี่ยงการสบตา หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น และใช้เวลาพักกลางวันอยู่คนเดียว“นี่คุณกินข้าวยัง?” ธีรธัชถามขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน“เอ่อ... ฉันเพิ่งกินไปค่ะ” อรณิชาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองธีรธัชขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความเย็นชาที่เธอแสดงออกมา“ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้” เขาพูดขึ้น“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” เธอยิ้มบางๆ ก่อนกลับไปสนใจกองเอกสารตรงหน้าธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องในขณะที่ขับรถกลับบ้าน ธีรธัชเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในตัวอรณิชา และมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าเขาเคยคิดว่าอรณิชาเป็นแค่เลขา ที่บังเอิญสร้างสีสันให้กับชีวิตที่เคยเคร่งขรึมของเขา แต่ตอนนี้...
เสียงกระดิ่งประตูร้านกาแฟเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อธีรธัชผลักประตูเข้ามา เขาเลือกมานั่งที่นี่เพราะต้องการความสงบใจ หลังจากได้ฟังคำพูดของอรณิชาที่แจ้งว่าเธอจะย้ายงาน หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและความว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังรอออร์เดอร์อยู่นั้น เสียงสนทนาของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ดึงความสนใจของเขา “เธอยังจำเรื่องตอนที่คุณธีร์เกิดอุบัติเหตุได้ไหม? มีคนโทรแจ้งรถพยาบาลแทนเขาน่ะ” ธีรธัชชะงัก เขาจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นในอดีตเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเขากำลังจะไปประชุมสำคัญ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน กลางทางและหมดสติไป เขาไม่เคยรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขา “ใช่ๆ ฉันยังจำได้ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ แล้วยังคอยปลอบคุณธีร์ตอนเขากึ่งหมดสติด้วย” คำพูดนั้นทำให้ธีรธัชรู้สึกสะดุดใจ เขาอยากรู้ว่า "ผู้หญิงคนนั้น" คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น ธีรธัชตัดสินใจโทรหาเลขาคนเก่าของเขาที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น “คุณพิชัย ผมขอถามอะไรหน่อย” “ครับ เจ้านาย” “เรื่องอุบัติเหตุของผมเมื่อสองปีก่อน คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยผมตอนนั้น?” พิชัยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเบาๆ “คือ...เจ้านายไม่เคยถามเรื่องนี้เลย ผมก็
Chapter 9:คำสารภาพเช้าวันนั้น ฟ้าครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ธีรธัชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่เอกสารตรงหน้า เขามองนาฬิกาเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรณิชา“เย็นนี้ว่างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“ไปทานข้าวกับผม”อรณิชาแปลกใจ แต่ก็ตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมร้านอาหารหรูริมแม่น้ำที่ธีรธัชเลือกมีบรรยากาศเงียบสงบ อรณิชาแต่งตัวเรียบง่ายในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน แต่กลับดูโดดเด่นจนเขาอดยิ้มไม่ได้“ขอบคุณที่มานะ” ธีรธัชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนคุณอยากพูดอะไรสักอย่าง”ธีรธัชหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกและพูดต่อ“อรณิชา...ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญกับผมมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะเลขา แต่ในฐานะคนที่อยู่ในหัวใจของผม”คำพูดนั้นทำให้อรณิชาชะงัก หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไว้“คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้สึกผิดหรือเปล่าคะ?” เธอตอบเบาๆ แต่แฝงด้วยความกังวล“รู้สึกผิด?” ธีรธัชขมวดคิ้ว“ใช่ค่ะ...เรื่องที่ฉันช่วยคุณใน
Chapter 1:ใครจะกล้ามาเป็นเลขาผม?เสียงปลายปากกาเซ็นเอกสารดัง "แกร๊กๆ" ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานขนาดใหญ่ ธีรธัช ชายหนุ่มผู้ครองตำแหน่ง CEO หนุ่มพันล้าน วางปากกาลงก่อนจะมองออกไปนอกกระจกใสที่เผยให้เห็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองหลวง“พรุ่งนี้นัดสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังจับจ้องงานตรงหน้า“ใช่ครับ คุณธีร์ รอบสุดท้ายพรุ่งนี้เช้าครับ” ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวตอบกลับธีรธัชพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ขอใครสักคนที่ทำงานได้ดี และอย่ามากวนประสาทเหมือนเลขาคนก่อนๆ ที่มักลาออกไปเพราะทนความเจ้าระเบียบของเขาไม่ได้อรณิชา หญิงสาววัย 25 ปี ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก รีบวิ่งเข้ามาที่บริษัทหลังจากเกือบตกสัมภาษณ์เพราะรถติด“คุณอัน! กระโปรงคุณติดซิปไม่หมด!” เสียงเตือนจากแม่บ้านที่เดินสวนทางทำเอาเธอหน้าแดง รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์เมื่อถึงคิวของเธอ อรณิชาก็พบว่าหัวหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธีรธัช CEO หนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านข่าวธุรกิจ“นั่งสิครับ” เขาเอ่ยเสียง
Chapter 2:สัมภาษณ์สุดป่วนกับ CEO สุดเย็นชาเช้าวันสัมภาษณ์ อรณิชาในชุดสูทสีครีมราคาประหยัดยืนมองตัวเองในกระจกอย่างครุ่นคิด "ดูโอเคมั้ยนะ? หรือดูเหมือนนักเรียนฝึกงานมากกว่า"เธอถอนหายใจและดึงสูทให้เรียบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกจากบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัวที่สำนักงานใหญ่ของ T-Corp อรณิชายืนมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าอย่างทึ่ง "นี่ฉันมาถึงที่นี่จริงๆ เหรอ?"ลมเย็นพัดผ่าน ขณะที่เธอเดินเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานต้อนรับสาวในชุดยูนิฟอร์มยิ้มแย้มพาเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ชั้นบนสุด"คุณอรณิชาใช่ไหมคะ? กรุณานั่งรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์"อรณิชานั่งลงบนโซฟา สองมือประสานกันไว้บนตักมือของเธอเย็นเฉียบจากความประหม่า เธอมองรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวเมืองเบื้องล่าง“ใจเย็นๆ อัน มันแค่สัมภาษณ์งาน ไม่ได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เธอปลอบตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากรออยู่สักพัก เสียงพนักงานต้อนรับเรียกเธอ "คุณอรณิชา เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์ค่ะ"เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง อรณิชารู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ หนึ่งใน
Chapter 9:คำสารภาพเช้าวันนั้น ฟ้าครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุบางอย่าง ธีรธัชนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่สมาธิของเขาไม่ได้อยู่ที่เอกสารตรงหน้า เขามองนาฬิกาเป็นระยะ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอรณิชา“เย็นนี้ว่างไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงมั่นคง“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”“ไปทานข้าวกับผม”อรณิชาแปลกใจ แต่ก็ตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติมร้านอาหารหรูริมแม่น้ำที่ธีรธัชเลือกมีบรรยากาศเงียบสงบ อรณิชาแต่งตัวเรียบง่ายในชุดเดรสสีฟ้าอ่อน แต่กลับดูโดดเด่นจนเขาอดยิ้มไม่ได้“ขอบคุณที่มานะ” ธีรธัชเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรค่ะ คุณธีร์มีอะไรหรือเปล่า ดูเหมือนคุณอยากพูดอะไรสักอย่าง”ธีรธัชหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหายใจลึกและพูดต่อ“อรณิชา...ผมอยากให้คุณรู้ว่าคุณสำคัญกับผมมาก ไม่ใช่แค่ในฐานะเลขา แต่ในฐานะคนที่อยู่ในหัวใจของผม”คำพูดนั้นทำให้อรณิชาชะงัก หัวใจของเธอเต้นแรง แต่เธอพยายามซ่อนความรู้สึกไว้“คุณพูดแบบนี้เพราะคุณรู้สึกผิดหรือเปล่าคะ?” เธอตอบเบาๆ แต่แฝงด้วยความกังวล“รู้สึกผิด?” ธีรธัชขมวดคิ้ว“ใช่ค่ะ...เรื่องที่ฉันช่วยคุณใน
เสียงกระดิ่งประตูร้านกาแฟเล็กๆ ดังขึ้นเมื่อธีรธัชผลักประตูเข้ามา เขาเลือกมานั่งที่นี่เพราะต้องการความสงบใจ หลังจากได้ฟังคำพูดของอรณิชาที่แจ้งว่าเธอจะย้ายงาน หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามและความว่างเปล่า ในขณะที่เขากำลังรอออร์เดอร์อยู่นั้น เสียงสนทนาของกลุ่มคนโต๊ะข้างๆ ดึงความสนใจของเขา “เธอยังจำเรื่องตอนที่คุณธีร์เกิดอุบัติเหตุได้ไหม? มีคนโทรแจ้งรถพยาบาลแทนเขาน่ะ” ธีรธัชชะงัก เขาจำได้ดีถึงเหตุการณ์นั้นในอดีตเมื่อสองปีก่อน วันนั้นเขากำลังจะไปประชุมสำคัญ แต่เกิดอุบัติเหตุรถชน กลางทางและหมดสติไป เขาไม่เคยรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเขา “ใช่ๆ ฉันยังจำได้ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก เธอรีบโทรแจ้งตำรวจ แล้วยังคอยปลอบคุณธีร์ตอนเขากึ่งหมดสติด้วย” คำพูดนั้นทำให้ธีรธัชรู้สึกสะดุดใจ เขาอยากรู้ว่า "ผู้หญิงคนนั้น" คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น ธีรธัชตัดสินใจโทรหาเลขาคนเก่าของเขาที่ลาออกไปแล้ว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น “คุณพิชัย ผมขอถามอะไรหน่อย” “ครับ เจ้านาย” “เรื่องอุบัติเหตุของผมเมื่อสองปีก่อน คุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนช่วยผมตอนนั้น?” พิชัยเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเบาๆ “คือ...เจ้านายไม่เคยถามเรื่องนี้เลย ผมก็
บรรยากาศในห้องทำงานของธีรธัชเงียบกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะพยายามจดจ่อกับเอกสารตรงหน้า แต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกล สายตาของเขาเหลือบมองโต๊ะทำงานของอรณิชาเป็นระยะ แต่เธอกลับดูยุ่งและเงียบผิดปกติ“ทำไมวันนี้ดูไม่ค่อยเหมือนเดิม?” เขาคิดในใจอรณิชาพยายามรักษาระยะห่างจากธีรธัชตั้งแต่วันที่พิณวดีเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง เธอเริ่มเลี่ยงการสบตา หลีกเลี่ยงการพูดคุยที่ไม่จำเป็น และใช้เวลาพักกลางวันอยู่คนเดียว“นี่คุณกินข้าวยัง?” ธีรธัชถามขึ้นเมื่อเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ลุกไปไหน“เอ่อ... ฉันเพิ่งกินไปค่ะ” อรณิชาตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองธีรธัชขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความเย็นชาที่เธอแสดงออกมา“ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้” เขาพูดขึ้น“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ยุ่งๆ กับงาน” เธอยิ้มบางๆ ก่อนกลับไปสนใจกองเอกสารตรงหน้าธีรธัชนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องในขณะที่ขับรถกลับบ้าน ธีรธัชเริ่มคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างในตัวอรณิชา และมันทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าเขาเคยคิดว่าอรณิชาเป็นแค่เลขา ที่บังเอิญสร้างสีสันให้กับชีวิตที่เคยเคร่งขรึมของเขา แต่ตอนนี้...
หลังจากเหตุการณ์เข้าใจผิดในบริษัท อรณิชารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธีรธัชเริ่มเปลี่ยนไป แม้เขายังคงมีท่าทีสุขุมและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ในบางจังหวะ เธอรู้สึกถึงสายตาอบอุ่นที่เขามองมาที่เธอ“คุณธีร์คะ นี่เอกสารที่ต้องเซ็นค่ะ”อรณิชาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขา ธีรธัชเงยหน้าขึ้นมามองเธอ“ขอบคุณ” เขาพูดเรียบๆ แต่แววตาของเขาดูอ่อนโยนขึ้นอรณิชาเผลอยิ้มเล็กน้อย แต่เมื่อสบตาเขา เธอกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล“เอ่อ... ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เธอพูดพลางรีบหมุนตัวออกจากห้องธีรธัชมองตามหลังเธอไป ก่อนที่เขาจะถอนหายใจเบาๆ“ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้?” เขาคิดในใจวันหนึ่งหลังเลิกงาน อรณิชาเดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมแฟ้มเอกสารในมือ เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิด ธีรธัชเดินมาถึงและก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วย ภายในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจเบาๆ ของทั้งคู่“วันนี้เหนื่อยไหม?” ธีรธัชถามขึ้นอรณิชาหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “ก็...นิดหน่อยค่ะ แต่สนุกดี”ธีรธัชพยักหน้า “ดีแล้วที่คุณยังมองว่างานเป็นเรื่องสนุก”จังหวะนั้นลิฟต์เกิดหยุดกะทันหัน ไฟกะพริบเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะดับมืด“
Chapter 5:งานเลี้ยงวันเสาร์เย็น ธีรธัชกับอรณิชาเดินทางมายังคฤหาสน์หลังใหญ่ในย่านชานเมือง ที่นี่เป็นบ้านของครอบครัวธีรธัชซึ่งจัดงานเลี้ยงครบรอบวันแต่งงานของพ่อแม่เขา“นี่คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะให้ฉันไปด้วย?” อรณิชาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนกังวล“คุณเป็นเลขาผม งานนี้เกี่ยวกับธุรกิจด้วย ผมต้องการคนช่วย” ธีรธัชตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“งั้นฉันจะตั้งใจเต็มที่ค่ะ!” เธอกำหมัดแน่นราวกับพร้อมลุยเมื่อมาถึงงาน อรณิชาประทับใจกับความหรูหรา โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงด้วยดอกไม้สวยงาม แขกที่มาร่วมงานต่างแต่งกายเนี้ยบ เธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ในบรรยากาศแบบนี้ธีรธัชพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขา“สวัสดีค่ะ ฉันอรณิชา เลขาของคุณธีร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้อย่างนอบน้อม แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใสคุณนวลจันทร์ แม่ของธีรธัช ยิ้มตอบ “ดูเป็นคนมีพลังงานดีนะจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ค่ะ คุณอรณิชาช่วยงานผมได้มาก” ธีรธัชพูดเรียบๆแม้คำพูดของเขาจะดูไม่หวานนัก แต่คุณนวลจันทร์กลับสังเกตเห็นว่าลูกชายคนเคร่งขรึมของเธอมีท่าทีที่อ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยเมื่อ
Chapter 4:ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช้าวันหนึ่ง ธีรธัชและอรณิชาเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดูความคืบหน้าโครงการรีสอร์ตหรูที่กำลังพัฒนา งานนี้สำคัญสำหรับ T-Corp และเป็นโอกาสที่อรณิชาตั้งใจจะใช้พิสูจน์ตัวเอง“เราจะถึงสนามบินในอีก 10 นาที” ธีรธัชพูดเรียบๆ ขณะที่นั่งอยู่ในรถ เขาเหลือบมองอรณิชาที่กำลังจดอะไรบางอย่างในสมุดโน้ต“ฉันทำรายการตรวจสอบงานที่จะต้องพูดคุยค่ะ เผื่อคุณธีร์อยากเพิ่มเติม” เธอยื่นสมุดให้เขาธีรธัชมองรายการอย่างพิจารณา ก่อนพยักหน้าเบาๆ “ดี”แค่คำเดียวของเขาก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจไซต์งาน อรณิชากับธีรธัชมาถึงโรงแรมในช่วงเย็น แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นเมื่อพนักงานโรงแรมแจ้งว่าห้องพักมีปัญหา“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ห้องพักของคุณธีรธัชมีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า และห้องว่างห้องอื่นถูกจองเต็มหมดแล้วในคืนนี้”ธีรธัชขมวดคิ้ว แต่ยังคงน้ำเสียงนิ่ง “แล้วห้องที่คุณจัดให้ผมอยู่ไหน?”“เป็นห้องที่คุณอรณิชาพักครับ… แต่เป็นเตียงคู่ ผมหวังว่าทั้งสองท่านจะสะดวกพักด้วยกันชั่วคราว”อรณิชาที่ฟังอยู่หน้าแดงก่ำ “เอ่อ… พักห้อง
Chapter 3:วันแรกของเลขาสุดโก๊ะเช้าวันแรกของอรณิชาที่ T-Corp เธอเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าและกระเป๋าเอกสารที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ"เช้านี้ต้องไปได้สวยแน่ๆ!" เธอบอกตัวเอง พลางสูดหายใจลึกก่อนจะเดินเข้าประตูอรณิชาได้รับมอบหมายให้นำเอกสารชุดแรกไปส่งที่แผนกการเงิน และแน่นอน...ความโก๊ะของเธอก็ปรากฏตัวเธอกำลังเดินผ่านแผนกบัญชีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอควานหามือถือในกระเป๋าโดยไม่ทันสังเกตว่าพื้นตรงหน้าเป็นพื้นหินอ่อนที่เพิ่งถูไป“ว้าย!” เสียงเธอร้องลั่นเมื่อสะดุดขาตัวเอง เอกสารในมือปลิวว่อนเหมือนหิมะตกพนักงานแผนกบัญชีต่างพากันหันมามอง เธอรีบลุกขึ้นรวบรวมเอกสารกลับมา "โอ๊ย ทำไมต้องวันแรกด้วยเนี่ย!"หลังจากส่งเอกสารเสร็จ เธอก็วิ่งกลับไปยังห้องของธีรธัช หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“อรณิชา” ธีรธัชเรียกเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ขณะที่เธอวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ“ค่ะ คุณธีร์ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ?”“ไปประชุมกับผม อีก 10 นาที ห้องประชุมชั้น 15”อรณิชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ "ได้ค่ะ! ฉันจะเตรียมทุกอย่าง ให้พร้อมเลย!"เธอรีบถือโน้ตบุ
Chapter 2:สัมภาษณ์สุดป่วนกับ CEO สุดเย็นชาเช้าวันสัมภาษณ์ อรณิชาในชุดสูทสีครีมราคาประหยัดยืนมองตัวเองในกระจกอย่างครุ่นคิด "ดูโอเคมั้ยนะ? หรือดูเหมือนนักเรียนฝึกงานมากกว่า"เธอถอนหายใจและดึงสูทให้เรียบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกจากบ้านด้วยหัวใจที่เต้นระรัวที่สำนักงานใหญ่ของ T-Corp อรณิชายืนมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าอย่างทึ่ง "นี่ฉันมาถึงที่นี่จริงๆ เหรอ?"ลมเย็นพัดผ่าน ขณะที่เธอเดินเข้าไปในล็อบบี้ พนักงานต้อนรับสาวในชุดยูนิฟอร์มยิ้มแย้มพาเธอไปยังห้องสัมภาษณ์ชั้นบนสุด"คุณอรณิชาใช่ไหมคะ? กรุณานั่งรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจะเรียกเข้าไปสัมภาษณ์"อรณิชานั่งลงบนโซฟา สองมือประสานกันไว้บนตักมือของเธอเย็นเฉียบจากความประหม่า เธอมองรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังเป็นกระจกใสเผยให้เห็นวิวเมืองเบื้องล่าง“ใจเย็นๆ อัน มันแค่สัมภาษณ์งาน ไม่ได้ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย!” เธอปลอบตัวเอง แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆหลังจากรออยู่สักพัก เสียงพนักงานต้อนรับเรียกเธอ "คุณอรณิชา เชิญเข้าห้องสัมภาษณ์ค่ะ"เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง อรณิชารู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองเธอ หนึ่งใน
Chapter 1:ใครจะกล้ามาเป็นเลขาผม?เสียงปลายปากกาเซ็นเอกสารดัง "แกร๊กๆ" ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานขนาดใหญ่ ธีรธัช ชายหนุ่มผู้ครองตำแหน่ง CEO หนุ่มพันล้าน วางปากกาลงก่อนจะมองออกไปนอกกระจกใสที่เผยให้เห็นวิวตึกสูงระฟ้าในเมืองหลวง“พรุ่งนี้นัดสัมภาษณ์เลขาคนใหม่ใช่ไหม?” เขาถามเสียงเรียบ ขณะที่สายตายังจับจ้องงานตรงหน้า“ใช่ครับ คุณธีร์ รอบสุดท้ายพรุ่งนี้เช้าครับ” ณัฐ ผู้ช่วยส่วนตัวตอบกลับธีรธัชพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ขอใครสักคนที่ทำงานได้ดี และอย่ามากวนประสาทเหมือนเลขาคนก่อนๆ ที่มักลาออกไปเพราะทนความเจ้าระเบียบของเขาไม่ได้อรณิชา หญิงสาววัย 25 ปี ผู้มีรอยยิ้มสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานเชิงบวก รีบวิ่งเข้ามาที่บริษัทหลังจากเกือบตกสัมภาษณ์เพราะรถติด“คุณอัน! กระโปรงคุณติดซิปไม่หมด!” เสียงเตือนจากแม่บ้านที่เดินสวนทางทำเอาเธอหน้าแดง รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะวิ่งเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์เมื่อถึงคิวของเธอ อรณิชาก็พบว่าหัวหน้าคณะกรรมการสัมภาษณ์ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธีรธัช CEO หนุ่มที่เธอเคยเห็นผ่านข่าวธุรกิจ“นั่งสิครับ” เขาเอ่ยเสียง