บทที่ 1 ของบรรณาการ
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้
"เสี่ยจะเอายังไงดีครับ ถ้าไม่มีของไปคืนมัน มันเอาเราตายแน่" ไม่มีคำพูดปลุกใจจากคนรอบกายที่สามารถทำให้เสี่ยธวัตรรู้สึกดีขึ้นมาได้
"อย่าเร่งกูได้ไหมวะ กูกำลังหาทางออกอยู่เนี่ย!" เสี่ยธวัตรตะเบ็งเสียงใส่ลูกน้อง หลายวันมานี้เขาจดจ่ออยู่กับการหาของและเงินไปคืนอีริคตามสัญญาที่ให้ไว้ตั้งแต่กลางปีแทบเป็นบ้า คำพูดของอีริคตามหลอกหลอนทั้งยามนอนและยามตื่น
'ถ้าไม่มีของและเงินมาคืนฉันตามกำหนด เตรียมโบกมือลาโลกใบนี้ได้เลย'
คำพูดเหล่านี้เหมือนแผ่นเสียงที่ถูกเล่นวนอยู่ซ้ำ ๆ
"งั้นเสี่ยลองหาของเล่นไปหลอกล่อมันดีไหมครับ เอาไปต่อรองมันก็ได้" ลูกน้องหนุ่มยื่นข้อเสนอให้เจ้านาย "เด็กในสต็อกเราเยอะแยะ ให้มันไปสักคนคงไม่เป็นไร"
"ให้มันตามมาฆ่ากูเร็วกว่าเดิมเหรอ มึงก็รู้ว่ามันไม่ชอบคนบิดพลิ้ว เกิดเอาของไปล่อมันสุ่มสี่สุ่มห้า มีหวังกระสุนได้เจาะกะโหลกกูแน่"
ลูกน้องหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง
"แล้วเสี่ยจะเอายังไง อีกไม่กี่วันแล้วนะครับ"
"โว๊ย! หรือว่ากูจะลองส่งของบรรณาการไปให้มันดูวะ เอาให้มันเล่นขำ ๆ ฆ่าเวลา" รอยยิ้มมีแผนการร้ายกาจผุดขึ้นบนใบหน้าเสี่ยธวัตร คนเจ้าเล่ห์อย่างเขาไม่ยอมเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับอีริคหรอก สู้ดีส่งลูกน้องไปและหาของเล่นให้อีริคเล่นไปพลาง ๆ ไม่ดีกว่าเหรอ "มึง!"
"คะ ครับนาย"
"ไปเอาเด็กสักคนในโกดังเรา เลือกคนที่มันหน้าตาดี ๆ หน่อย แล้วเอาไปส่งให้ไอ้เหี้ยนั่น ให้เคี้ยวเล่นเพลิน ๆ น่าจะถูกปากคนอย่างมัน"
"ผมบอกนายแล้ว"
"รีบไป!"
"ครับ"
15:00 วันเดียวกัน
รถซูเปอร์คาร์สองที่นั่งสีแดงตีไฟเลี้ยวเข้ามาจอดลานหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ไม่นานเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสไตล์ลูกครึ่งก็เปิดประตูก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าคมเข้มรับกับโครงคิ้วที่ได้อิทธิพลจากพ่อที่เป็นคนอิตาลีโดยกำเนิด นัยน์ตาสีดำขลับได้รับอิทธิพลจากแม่ที่เป็นคนไทยเชื้อสายไทยแท้ อีริคจึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของท่านทั้งสอง
ร่างสูงเดินอาด ๆ เข้าไปในบ้านด้วยสีหน้าเครียดขรึม คว้าไม้ตีกอล์ฟที่อยู่ในถุงเดินไปยังหลังบ้าน
"มันอยู่ไหน" เขาตะโกนถามลูกน้องเสียงเข้ม กรามแกร่งขบเข้าหากันจนสันกรามขึ้นเด่นชัด
"ในห้องทรมานครับนาย"
"..." อีริคเดินตรงไปที่ห้องทรมานพร้อมใช้เท้าถีบประตูเปิดออก เนคไทสีดำถูกคลายออกตามด้วยเสื้อสูทที่เขาถอดโยนไปให้ลูกน้อง นัยน์ตาสีดำขลับจ้องไปที่ร่างของชายหนุ่มผู้ถูกจับมัดติดกับเก้าอี้ "ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าให้โอกาสแค่ครั้งเดียว"
"คะ คุณอีริคฟังผมก่อนนะครับ"
"ในเมื่อจะตายอยู่แล้ว คำพูดไร้ค่าพวกนั้นก็คงไม่จำเป็น"
"ดะ เดี๋ยวครับ"
"นายครับ เสี่ยธวัตรส่งไอ้นี่มา ให้มันนำของบรรณาการมาให้นายครับ"
"ของไร้ค่าจากคนเจ้าเล่ห์อย่างไอ้ธวัตร ฉันไม่ต้องการ" อีริคง้างไม้ตีกอล์ฟขึ้นแล้วฟาดไปที่สีข้างชายหนุ่มอย่างแรง และฟาดซ้ำ ๆ จนอีกฝ่ายคอตก เสียงร้องโอดโอยดังแหบพร่า "จัดการมัน แล้วไปลากคอไอ้ธวัตรมาให้ฉัน"
"นายครับ ของที่เสี่ยธวัตรส่งมาให้...อยู่ในห้อง"
"..." อีริคปรายตามองลูกน้องที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ด้วยความหงุดหงิด
พรึบ!
"พูดให้จบ" ฝ่ามือหนาบีบลำคอลูกน้องหนุ่มจนเส้นเลือดบนหลังมือปูดนูนขึ้นมา ลูกน้องจวนจะขาดใจตายเขาค่อยปล่อยให้มันได้หายใจต่อ ร่างกำยำของลูกน้องล้มลงกับพื้น
"ดะ เด็กผู้หญิงครับนาย"
"เอามันไปฆ่าทิ้ง" คำสั่งถูกถ่ายทอดไปยังลูกน้อง ก่อนที่ร่างกำยำจะเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นสอง ความหงุดหงิดใจยังไม่จางหาย เขาจึงระบายมันกับเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน กระจ่ายเกลื่อนพื้นห้อง "อยากท้าทายอำนาจฉันมากใช่ไหม...แล้วจะได้เห็นดีกันธวัตร"
ในห้องพัก...
หญิงสาวร่างเล็ก เสื้อผ้าเก่าขาดรุ่งริ่งในสภาพอิดโรยนอนหอบหายใจโรยรินอยู่บนพื้น เมื่อหลายชั่วโมงก่อนเธอถูกลูกน้องเสี่ยธวัตรจับตัวมาที่นี่ ร่างกายยังถูกพันธนาการด้วยเชือก และผ้าผูกปิดตา
ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ด้วยถูกจับอยู่ในความมืดมานานสายตาจึงยากที่จะโฟกัสและไม่อาจตอบรับแสงสว่างวาบได้ในทันที
"ลุก ไอ้ธวัตรส่งเธอมายังไง เราก็จะส่งเธอกลับไปแบบที่มันส่งมา แต่ต้องไปแค่ร่างกาย..."
คนโปรดเม้มปากแน่น ค่อย ๆ ลืมตามองคนตรงหน้า แต่กว่าสายตาจะจับโฟกัสได้ก็ถูกหิ้วปีกออกไปจากห้องแล้ว
"ขะ ขอร้องนะคะ โปรดยังไม่อยากตาย" เธออ้อนวอนขอชีวิตจากชายหนุ่ม "จะให้โปรดทำอะไรก็ได้ ขอร้องนะคะ อย่าฆ่าโปรดเลย" ชีวิตที่เหลืออยู่นับว่าทุกข์ทรมานอยู่แล้ว เธอยอมรับในโชคชะตาแสนรันทดตัวเอง แต่ยังไม่อยากตายตอนนี้
คำวิงวอนขอชีวิตของของบรรณาการชิ้นนี้ไม่เป็นที่สนใจของใครทั้งนั้น พวกเขาเพียงทำตามคำสั่งเจ้านายอย่างเคร่งครัด และมองเธอเป็นเพียงของบรรณาการไร้ค่าชิ้นหนึ่ง มีผู้หญิงมากหน้าหลายตา ทั้งคนรวยและคนไม่รวยอยากเข้าหาอีริค ทว่าจุดจบพวกหล่อนมักไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
กึก!
ปืนสีดำทมิฬถูกชักออกมาขึ้นลำกล้อง เล็งไปที่ร่างเล็กนอนฟุบอยู่กับพื้น
"ขะ ขอร้องนะคะ" คนโปรดยกมือไหว้ชายหนุ่ม ใบหน้าสวยแดงซ่านจากการร้องไห้ น้ำตาแห่งความกลัวเริ่มเอ่อไหลออกจากดวงตาแดงก่ำ
ทว่าเสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้น เขากดรับสายเพราะเป็นเบอร์ของอีริค
"ครับนาย"
"ยะ อย่าทำอะไรโปรดเลยนะคะ ไว้ชีวิตโปรดเถอะนะคะ จะให้โปรดทำอะไรก็ยอม"
เสียงหญิงสาววิงวอนขอชีวิตเล็ดลอดเข้าไปในสาย อีริคนั่งและฟังอยู่ครู่หนึ่ง
"หุบปาก!" ปลายกระบอกปืนกดลงบนศีรษะคนโปรด เธอไม่กล้าขยับและปิดปากเงียบ "ขออภัยครับนาย ผมจะรีบจัดการเธอตอนนี้"
(เดี๋ยวก่อน)
"ครับ"
(หึ ฉันชอบเวลาที่คนร้องขอชีวิต)
"ครับ?"
(พาเธอมาหาฉัน)
"ครับ" วางสายจากเจ้านาย เขาก็ชักปืนกลับ "ถือว่าชะตาเธอยังไม่ขาดวันนี้" ใบหน้าคมเข้มพยักให้ลูกน้องพาเธอไป "ให้แม่บ้านจัดการด้วย"
"ครับลูกพี่"
หลายนาทีต่อมา
มีแม่บ้านสองคนถือชุดเข้ามาในห้อง จากนั้นพวกหล่อนก็เริ่มถอดเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งบนตัวคนโปรดออก จับเธอเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดสะอ้าดตามคำสั่ง
"ทะ ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ" คนโปรดพร่ำถามแม่บ้านที่กำลังจับเธอแต่งตัวเหมือนตุ๊กตา ทว่าทั้งสองคนกลับปิดปากเงียบ ทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอถามไปเมื่อครู่ และเมื่อแต่งตัวเสร็จก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ
เดิมทีเธอเป็นเด็กรับใช้ของเสี่ยธวัตร ทุก ๆ สองเดือนเสี่ยธวัตรจะพาเด็กกำพร้าเข้ามาในบ้านและใช้งานเยี่ยงทาส และให้ข้าวให้น้ำเหมือนสุนัขรับใช้ที่ได้รางวัลในการทำงานดีจากเจ้านาย เธอคือหนึ่งในนั้น จำได้ลาง ๆ ว่าถูกคนชุดดำพาเข้ามาในคฤหาสน์เสี่ยธวัตรตอนที่เธออายุ 12 ปี จากบ้านเด็กกำพร้าแถวชานเมือง
ตลอดเวลาที่อยู่ในนั้น ช่วงเวลาสองถึงสามเดือนเพื่อนของเธอมักถูกพาออกไปจากคฤหาสน์และไม่ได้กลับเข้ามาอีก ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง จนสุดท้ายคนคนนั้นคือเธอ ที่ถูกพาออกมาจากสถานที่ทรมานนั้น รู้แค่ว่าเสี่ยบ้าอำนาจนั่นมอบเธอให้กับเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ เพื่อเป็นของบรรณาการในการลดหย่อนหนี้ที่ติดไว้
ครู่หนึ่งเสียงประตูเปิดก็ดังขึ้น คนโปรดนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ข้างเตียงนอน ร่างกายเธอสั่นเทิ้มด้วยความกลัว กระทั่งร่างสูงใหญ่หยุดอยู่ตรงหน้า
"ทะ ท่านอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ ไว้ชีวิตหนูเถอะนะคะ"
"หึ!"
เสียงแค่นหัวเราะในลำคอดังขึ้น บรรยากาศภายในห้องอบอวลด้วยรังสีอำมหิตจากคนเบื้องหน้า
"ฉันชอบนะ" เสียงทุ้มต่ำแสนเย็นชาเอ่ยขึ้น ก่อนที่คนตรงหน้าจะย่อตัวลง ยื่นมือมาเชยคางมนเธอขึ้นเล็กน้อย "เวลาที่คนใกล้ตายแล้วร้องขอชีวิต มันดูน่าสมเพชดี"
"..."! คนโปรดช้อนตามองชายหนุ่ม แววตาเธอสั่นระริกด้วยความกลัว
"ชื่ออะไร"
"คะ คนโปรดค่ะ"
"หึ"
"ยะ อย่าทำอะไรคนโปรดเลยนะคะ ให้คนโปรดทำอะไรก็ได้ แต่อย่าฆ่าคนโปรดเลยนะ" หญิงสาวกอดแขนชายหนุ่มไว้ พวงแก้มแดงซ่านแนบลงกับหลังมืออีริคซึ่งเธอไม่รู้เลยว่ากำลังวิงวอนขอความเห็นในจากมัจจุราช
อีริคยกยิ้มยากจะคาดเดา มองใบหน้าและแววตาที่เคลือบด้วยความกลัวด้วยสายตาเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกหรือความปรานี
"ทำไม..." ฝ่ามือหนาลูบไล้พวงแก้มหญิงสาวอย่างแผ่วเบาจนคนโปรดเคลิ้มและกล้ามองสบตากับเขา ทว่าจู่ ๆ ฝ่ามือหนากลับกำรอบลำคอระหง ออกแรงบีบจนเธอหน้าแดง เริ่มหายใจไม่ออก "ฉันต้องทำตามที่เธอขอด้วย"
"คะ คนโปรดยอมแล้ว ยะ อย่า...ทำอะไรหนูเลยนะคะ" น้ำตาร่วงแหมะลงบนหลังมืออีริค "คะ คนโปรดจะรับใช้คุณท่าน จะรับใช้ด้วยชีวิต"
"หึหึ" อีริคคลายฝ่ามือออกจากคอระหง "ก็อยู่เป็นนี่" เขายืนขึ้นแล้วปรายตามองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยาม คนโปรดรีบกอดขาเขาไว้แน่น เพราะเป็นทางเดียวที่เธอจะรอด "แต่ของไร้ค่าแบบนี้ ฉันไม่ต้องการ"
"ให้คนโปรดทำอะไรก็ได้ แต่อย่าส่งคนโปรดกลับไปที่นั่นนะคะ"
"เธอควรจะรู้ไว้อย่างนะสาวน้อย" อีริคยกยิ้ม "ฉันกับไอ้เวรนั่นไม่เหมือนกัน"
"..."!
"ของเล่นชั่วคราวไร้ค่าอย่างเธอ" ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าหวาน "อย่าริอ่านมาต่อกรกับฉัน"
"..."!
บทที่ 2 คำสัญญาเขาพูดจาถากถางเธอตั้งแต่แรกเจอ แต่คนโปรดไม่เก็บมาใส่ใจขนาดนั้น การมีชีวิตรอดนั่นสำคัญกว่าที่จะมานั่งเสียใจเพราะคำดูถูกของอีริค"โปรดสัญญา... โปรดจะทำตามคำสั่งของคุณ อย่าส่งโปรดกลับไปที่นั่นเลยนะคะ""..." อีริคมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ตอนนี้ในสายตาอีริคเธอเหมือนลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่เพิ่งฟักออกจากไข่ กำจัดตอนนี้ก็ไม่เสียดาย แต่หากจะเลี้ยงให้เติบใหญ่และฝึกให้เชื่อง สำหรับเขาคงไม่ยากอะไร"คะ คุณท่านขา~" คราวนี้หญิงสาวกอดเรียวขาอีริคไว้แน่น อ้อนวอนเขาทุกอย่าง "ให้คนโปรดเป็นคนรับใช้ที่บ้านหลังนี้ก็ได้ ให้ทำอะไรก็ยอม""ฉันให้เธออ้าขาให้ล่ะ ยังอยากจะอยู่ที่นี่ไหม" คำถามลองใจถูกเอ่ยออกจากปากชายหนุ่ม ครู่หนึ่งเขาเห็นดวงตาไร้ชีวิตชีวาคู่นั้นวูบไหว สะท้อนความกลัวออกมา'เขาพูดเหมือนฉันมีทางเลือก จริง ๆ แล้วเสี่ยธวัตรจงใจส่งเธอมาให้อีริคระเริงความใคร่อยู่แล้ว หวังให้อีริคให้โอกาสในการหาเงินมาคืน ในเมื่อมันเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรก แล้วเธอมีสิทธิ์เลือกอะไรอีกเหรอ'หญิงสาวเผลอขมวดคิ้วตามความคิดตัวเอง จนลืมไปว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่จะตัดสินชะตาว่าจะอยู่หรือตาย"ไอ้เวรนั่นมันส่งเธอมาต
บทที่ 3 เอาตัวรอด NCร่างเล็กกัดปากอย่างยั่วเย้าอีกฝ่าย สกิลการอ่อยเป็นศูนย์อย่างเธอ ไม่รู้จะทำให้อีริคพึงพอใจได้แค่ไหนครั้นที่ผิวเนื้อสัมผัสกับเนื้อผ้าบนร่างกายชายหนุ่ม ทำเอาขนกายลุกซู่ไปทั้งตัว เธอช้อนตามองใบหน้าคมเข้มพร้อมกับลูบฝ่ามือลงมาหยุดที่อกแกร่ง ก่อนที่จะปลดกระดุมเสื้อออกให้ชายหนุ่ม หัวใจดวงน้อยวูบไหวเมื่อเห็นไรขนอ่อนบนแผงอกแกร่งของอีริค"เล่นพอยัง" อีริคถามเสียงเรียบ เขาปล่อยให้คนโปรดเล่นเพลินจนพอใจแล้ว"อ๊ะ!" ร่างเล็กถูกผลักจนแผ่นหลังขาวเนียนสัมผัสกับผนังห้องน้ำเย็นเฉียบ อีริคมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนที่จะยกฝ่ามือขึ้นมาเคล้าคลึงหน้าอกข้างซ้ายคนโปรดด้วยความดิบห่าม ความเจ็บตรงเล่นงานจนใบหน้าสวยเหยเก แต่จะร้องออกไปว่าเจ็บคงทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจเป็นแน่ คนโปรดกัดปากครางเสียงแหบพร่าข้างใบหูชายหนุ่มยอดถันสีน้ำตาลอ่อนถูกลิ้นสากโลมเลียอย่างฮึกเหิมจนปวดหนึบตรงเม็ดบัว อีริคสลับเปลี่ยนไปใช้ปากเคล้าคลึงเม็ดบัวอีกข้างจนมันบวมเต่งอย่างเร้าอารมณ์พรึบ!คนโปรดสะดุ้งเฮือกเบิกตาโพลงเมื่อถูกอุ้มขึ้นมานั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ลมหายใจเจือกลิ่นบุหรี่จาง ๆ เคล้ากับลมหายใจเธอที่หอบถี่รัวด้ว
บทที่ 4 ต้องไม่เหมือนคนโปรดผล็อยหลับไปเพราะความเพลีย กระทั่งตีสองของวันใหม่ เธอรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงลมพัดกระทบกระจกหน้าต่าง หญิงสาวปรือตาขึ้นแล้วมองไปยังต้นทางของเสียง ปรากฏว่าข้างนอกฝนตกและลมกรรโชกแรง ต้นไม้ที่ตั้งอยู่ระเบียงด้านนอกล้มระเนระนาดเสียงฟ้าผ่าดังโครมครามไปทั่วแผ่นฟ้า พานทำให้หัวใจดวงน้อยกระหน่ำเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว ภาพความทรงจำในวันวานแสนเลวร้ายผุดขึ้น เธอจึงลงไปนั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมกับเอาผ้านวมมาห่อตัวไว้ ราวกับมันคือป้อมปราการแรกที่ป้องกันเธอจากอันตรายคฤหาสน์หรูอีริคร่างสูงในชุดสบาย ๆ เดินลงมาจากชั้นสอง ในมือถือแก้วน้ำอุ่นเดินตรงไปที่ห้องเก็บไวน์ เสียงฟ้าร้องโครมครามทำให้เท้าทั้งสองข้างหยุดชะงักอยู่กลางห้องโถงที่เป็นทางผ่านไปที่ห้องเก็บไวน์"นายต้องการอะไรหรือเปล่าครับ""วันนี้นายเข้าเวรเหรอ" อีริคละสายตาจากสายฝนโปรยปรายมามองหน้าลูกน้อง จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องเก็บไวน์โดยไม่รอคำตอบ เพราะรู้ว่าพาเวลต้องเดินตามเข้ามาอยู่ดี"วันนี้ผมเข้าเวรครับ""ดื่มหน่อยไหม""ไม่ดีกว่าครับ""อืม""ตอนนี้ลูกน้องเรากำลังเร่งตามหาตัวเสี่ยธวัตรอยู่ครับ มันหลบหนีออกจากกรุงเทพ น่าจะไ
บทที่ 5 ลองใจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที รถยุโรปคันหรูก็ขับเข้ามาจอดที่จอดรถประจำใต้คอนโดมิเนียมหรู อีริคกระชับเสื้อสูทแล้วก้าวลงจากรถ เขาสะบัดข้อมือเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าพาเวลจะตามขึ้นไป"ไม่ต้องตาม"พาเวลหยุดชะงักทันที เขาก้มหน้าเล็กน้อยรับคำสั่งแล้วถอยกลับไปรออยู่ข้างรถ ปล่อยให้อีริคขึ้นไปข้างบนเพียงคนเดียว"สวัสดีครับนาย" ลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าห้องรีบลุกขึ้นทำความเคารพอีริค"อืม ออกไปได้" เขาสั่งลูกน้องให้ออกไปจากตรงนี้ จากนั้นก็ใช้คีย์การ์ดใบพิเศษที่เขามีเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องภายในห้องเงียบงัน มีสายลมเย็นพัดเข้ามาทางประตูตรงทางเชื่อมต่อกับระเบียง ผ้าม่านพลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดเข้ามา จังหวะที่ผ้าม่านพลิ้วไหวเขาเห็นร่างเล็กยืนอยู่ บนร่างกายมีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใช้ปกปิดร่างกาย และกางเกงยีนขาสั้นตัวน้อยที่พาเวลไปคนไปซื้อมาอีริคถอดสูทไปพาดไว้หัวเตียง ตามด้วยคลายปมเนคไท มือหนาล้วงหยิบบุหรี่มาจุดสูบ ครั้นสายตาเขาจ้องไปที่ร่างเล็ก ซึ่งเธอยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ในห้อง"อ๊ะ!" คนโปรดอุทานออกมาด้วยความตกใจ ที่เห็นอีริคนั่งสูบบุหรี่อยู่บนเตียงนอน "คะ คุณอีริคมาเมื่อไหร่คะ""..." คว
บททื 6 เด็กดีต้องได้รางวัล NCเรียวลิ้นสากแตะลงตรงแอ่งชีพจรหญิงสาว เขาเกร็งลิ้นแล้วลากไล้ไปมาเบา ๆ คนโปรดเริ่มเปล่งเสียงครางหวานเมื่อถูกเล้าโลมด้วยความอ่อนนุ่มของเรียวลิ้นสากจากคนตัวโตจากการถูกโลมเลียเป็นเวลานาน ความกระสันในร่างกายเธอก็ถูกกระตุ้น คนโปรดบิดเร้าร่างกายด้วยความมวนท้องน้อย ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยมาบินวนท้องน้อยเธอก็ไม่ปาน"อ๊ะ! อื้อ..." ร่างแน่งน้อยสะดุ้งโหยงเมื่อถูกคมฟันครูดที่ไหล่ หลังจากอีริคสร้างรอยช้ำไว้ที่ลำคอเธอจนหนำใจแล้ว ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมผละใบหน้าออกห่างจากหน้าอกเธอ ยังคงเคล้าคลึงเต้านมกลมกลึงทั้งสองข้างอย่างเมามันปลายลิ้นสากระรัวดุนดันเม็ดบัวจนมันหดแข็งเป็นไตสู้กับจังหวะรัวลิ้นของเขา ครู่หนึ่งร่างเล็กก็บิดกายไปมา ผิวเคยขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อด้วยถูกไฟสวาทแผดเผา ร้อนวูบวาบทั่วทั้งตัว"คะ คุณอีริค" คนโปรดครางเสียงหวาน ใบหน้าเธอแดงก่ำเมื่อปรือตาขึ้นมาสบตากับอีริคพอดี "อื้อ~" ภายในมันปั่นป่วนไปหมด ยิ่งเขาบดคลึงหน้าอกเธอเท่าไหร่ ความกระสันก็ยิ่งเข้ามาแทรก เธอไม่เคยรู้สึกอยากร่วมรักมากขนาดนี้มาก่อนอีริคมองใบหน้าสวยแล้วยกยิ้มมุมปาก เขาลูบไล้ฝ่ามือกับเนินส
บทที่ 7 รางวัลชมเชยวันต่อมาระหว่างที่คนโปรดกำลังนั่งมองนกบินอยู่บนท้องฟ้า เธอก็นึกอิจฉาพวกมันขึ้นมาที่ได้โบยบินอย่างอิสระ "พวกแกมีปีกบินไปมาบนท้องฟ้า คงสนุกน่าดูนะ" หญิงสาวพึมพำเสียงพร่า โดยไม่รู้ตัวว่าพาเวลกับลูกน้องเพิ่งขนทีวีจอใหญ่ยักษ์เข้ามาในห้องก๊อก ก๊อกลูกน้องหนุ่มเคาะผนังห้องจนเกิดเสียงดัง ทำให้คนตัวเล็กหันขวับมามองโดยเร็ว เธออ้าปากค้างกับสิ่งของที่ลูกน้องพาเวลกำลังแกะออกจากกล่อง"ทีวี!""...""นะ นี่เป็นของขวัญที่โปรดขอไปเหรอคะ" ตื่นเต้นเหมือนเพิ่งเคยเห็นทีวีเป็นครั้งแรก แต่ก็เป็นทีวีเครื่องแรกที่เธอได้เป็นของขวัญจากผู้ชาย "โปรดดูได้ทั้งวันเลยไหม" เพราะมันน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอคลายเหงาได้ พาเวลไม่ตอบและให้ลูกน้องติดตั้งจนเสร็จสรรพ"นายฝากมาบอกว่า ถ้าเธอเป็นเด็กดี ทำให้นายพอใจ นายจะให้เธอขอของขวัญได้หนึ่งอย่างต่อหนึ่งความพึงพอใจของนาย""รางวัลที่ทำให้คุณอีริคพอใจเหรอคะ""..." พาเวลนิ่งเงียบ และหันไปมองลูกน้อง เขาพยักหน้าให้ลูกน้องเก็บของเตรียมออกไปจากห้อง"เดี๋ยวค่ะ แสดงว่าโปรดทำให้คุณอีริคพอใจใช่ไหมคะ""เปล่า นายบอกว่า นี่แค่รางวัลชมเชยเท่านั้น""..อ้าว -_-!"หลังจ
บทที่ 8 ป่วยจริงสองวันต่อมาอีริคเดินอาด ๆ เข้ามาในห้องทำงาน หลังจากเขาไม่ได้เข้าร่วมประชุมเมื่อสองวันก่อน พาเวลโค้งคำนับเล็กน้อยแล้ววางแฟ้มงานลงบนโต๊ะทำงานเจ้านาย"ใจคอนายจะให้ฉันทำงานทันทีที่มาถึงเลยเหรอ""ขออภัยครับนาย แต่นี่เป็นแบบสรุปการประชุมที่ผ่านมาครับ"อีริคปรายตามองเพียงนิด"เอาไปไกล ๆ มือกู" เขาเขี่ยแฟ้มงานจนหล่นลงพื้น ขณะเดียวกันประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างไร้มารยาท ทั้งพาเวลและอีริคต่างหันมอง"โอ๊ะโอ๋...มาขัดจังหวะหรือเปล่าเนี่ย""จุ้นจ้านอะไรอีกล่ะ นี่สนามม้าฉันก็ให้เข้าออกตามสบาย แล้วนี่จะมาป่วนออฟฟิศฉันอีกเหรอ""เปล่า เห็นพี่เป็นคนยังไงวะ""คนวุ่นวายคนหนึ่ง""น้อย ๆ หน่อยเหอะ""แล้วมาทำไม" อีริคกดเสียงต่ำถามซินซิน เธอยกยิ้มมุมปากยากที่จะคาดเดา"เย็นนี้พ่อนัดกินข้าวกับเพื่อน แล้วฉันต้องไปด้วยน่ะ""เลยจะให้ฉันไปเป็นเพื่อน?""ฉลาดมากน้องชาย""ไม่" อีริคปฏิเสธ"ไม่อะไรกัน ไปเหอะนะ ไปนะน้องชายพี่""อย่ามาทำให้รำคาญ" อีริคปัดมือซินซินออกจากแขน "เพื่อนเธอก็มี ชวนมันไปดิ""ไม่เอา เดี๋ยวพ่อดุเอา""นี่..." อีริคชี้หน้าซินซิน "กับกูไม่เกรงใจ แต่กับไอ้เพื่อนคนนั้นกลับเกรงใ
บทที่ 9 สำออยหลังจากกินข้าวเสร็จ อีริคก็ขอตัวกลับก่อนซึ่งซินซินก็ขอติดรถกลับมาด้วย"ใจคอจะไม่อยู่คุยกับพ่อเธอหน่อยเหรอ""คุยอะไรอีก ในโต๊ะอาหารนายก็ดูออกว่าพ่อเหน็บแนมฉันเรื่องงานแค่ไหน อยู่ต่อก็คงถูกตำหนิอีกเหมือนเคย" หญิงสาวทำหน้าเบื่อหน่ายขั้นสุด "ขอบใจนะ ถ้านายไม่มาด้วย ป่านนี้คงถูกพ่อดุไปหลายยก""ถ้าเป็นฉันนะ..." อีริคไม่พูดอะไรต่อ เขาเพียงเลียริมฝีปากตัวเองแล้วเปิดประตูก้าวขึ้นรถ ส่วนซินซินหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องที่เดินตามมา บอกพวกเขาว่าไม่ต้องตามเธอกับอีริค"แล้วนี่จะไปไหนต่อ""บ้าน คอนโดฯ คลับ นั่งกินไวน์ชิลๆ""สรุป?""ไม่บอก""เออ"ซินซินหันไปมองนอกกระจก ก่อนจะพึมพำเสียงอ่อน"ถ้าฉันเกิดมาเป็นผู้ชายคงดีนะ""ทำไมคิดแบบนั้น เกิดเป็นผู้หญิงไม่ดีตรงไหน""..." เธอไม่ตอบแถมยังทำหน้ามุ่ยใส่เขาอีก หากให้อธิบายว่าทำไม คงต้องจอดรถคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว และไม่รู้ว่าจะจบที่ตรงไหน เกิดมาในตระกูลคนจีนแท้ ต้นตระกูลก็อยากให้ลูกผู้ชายสืบทอดนามสกุล แต่เธอดันเกิดมาเป็นผู้หญิงนี่สิครืด~ ครืด~โทรศัพท์อีริคสั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขาล้วงหยิบออกมากดรับสาย ทว่าโทรศัพท์กลับเชื่อมต่อกับรถทำใ
ตอนพิเศษ 3 จบตอนจากเด็กน้อยแบเบาะในวันนั้น ตอนนี้น้องกันต์มีอายุครบสาวขวบพอดี เด็กชายในชุดเอื้อมยีนเดินไปหาพ่อตัวเองด้วยรอยยิ้มสดใส ในมือถือของเล่นที่เตรียมมาเล่นกับพ่อด้วย“ป๊า น้องกันต์อยากได้ของเล่นอีกครับ” น้ำเสียงและแววตาสดใสจดจ้องใบหน้าของพ่อที่กำลังนั่งทำงานอยู่กับพาเวล อีริคละสายตาจากหน้าลูกน้องมามองลูกชาย เขาอุ้มน้องกันต์ขึ้นมานั่งบนตักแล้วหอมศีรษะไปหนึ่งฟอด“หนูซื้ิอของเล่นเยอะแล้วเล่นหมดไหมครับ”“...” เด็กชายสั่นหน้า“ของเล่นเยอะแยะเลยลูก อันไหนที่หนูไม่เล่นแล้วป๊าขอเอาไปให้น้องได้ไหม น้องไม่มีของเล่น”“น้อง น้องไหนครับ”“ก็น้องที่เขาไม่มีตังค์ซื้อของเล่นครับ น้องอยู่ไกล ๆ เลย”“ได้ครับ”“งั้นน้องกันต์ไปเก็บของเล่นที่น้องกันต์ไม่เล่นแล้วกับลุงพาเวลนะ เดี๋ยวป๊าทำงานเสร็จป๊าไปหา”“ครับ”อีริคพยักหน้าให้พาเวลพาลูกชายเข้าไปในบ้าน ส่วนเราเร่งทำงานให้เสร็จ“อ้าว” คนโปรดถือจานผลไม้สดที่เธอตั้งใจจะเอาออกไปให้สองพ่อลูกที่หน้าบ้านเอ่ยทักเมื่อเห็นลูกกับพาเวลเดินกลับเข้ามาในบ้าน“นายให้มาเก็บของเล่นที่คุณหนูไม่เล่นเอาไปบริจาคให้เด็กบนดอยครับ” พาเวลตอบ“อ๋อ ดีมากเลยค่ะ ของเล่นน้องกันต์
ตอนพิเศษ 2สองเดือนต่อมาเสียงอ้อแอ้ของลูกน้อยช่วยปลุกอีริคให้ตื่นจากการนอนพักสายตาในช่วงกลางวัน เขารีบลุกขึ้นมาดูลูก“พี่ริค” คนโปรดมองใบหน้าคมคายที่แสดงออกถึงความง่วงงุนด้วยความเอ็นดู “นอนต่อเถอะค่ะ โปรดดููลูกได้”“ไม่เอา ฉันหายง่วงแล้ว”“น้องกันต์หนูอย่ากวนป๊าสิลูก ป๊าไม่ได้นอนตั้งหลายคืนแล้วนะครับ”“ป๊ายินดีครับลูก” อีริคเขยิบเข้ามาใกล้แล้วก้มลงไปหอมลูกชายที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเบาะ “ตัวหอมจังเลย”“โปรดกับคุณแม่เพิ่งอาบน้ำให้เมื่อกี้เองค่ะ”“ถึงว่าละ ตัวก็หอมหน้าก็ขาว”“หึหึ”“แล้วมีคนมาหาฉันไหม”“ไม่เลยค่ะ พี่ริคนัดใครไว้เหรอคะ”“เปล่าหรอก ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปไหนเลย เผื่อมีคนอยากเจอหน้า”“ค่ะ”“น้องกันต์หลานป้า~” เสียงแหลม ๆ ของซินซินดังมาแต่ไกล แต่น้องกันต์กลับไม่ตกใจแถมยังดีดดิ้นและยิ้มร่าเหมือนว่ากำลังรอเธออยู่อย่างไรอย่างนั้น “อ้าว” ซินซินเลิกคิ้วทักทายน้องชายแล้วรีบนั่งลง “วันนี้ป้าซินมีชุดหล่อมาฝากด้วยนะคะ”“ชุดแดง”“ใช่ ใกล้ตรุษจีนแล้วผมอยากเป็นอาตี๋น้อยครับ”“หึหึ แล้วอีกชุดล่ะ”“อีกชุดเหรอ” เธอหยิบออกมาจากถุงกระดาษ ทุกคนขำขันเมื่อได้เห็นชุดเต็ม “ชุดหมูน้อยค่า”“ลูกกูไม่ใช่หม
ตอนพิเศษ 1ห้าวันต่อมาหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาอีริคก็ได้พาคนโปรดมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านตัวเองโดยมีฮาน่ากับซินซินช่วยดูแลคนโปรดกับน้องกันต์“หลานป้าหล่อจังเลย เห็นหน้ากันกี่ครั้งก็หลง” ซินซินนั่งเฝ้าหลานชายคนแรกอยู่ข้างเบาะนอนสำหรับเด็กทารกที่เธอซื้อมาให้หลานไม่ห่างไปไหนไกล ส่วนฮาน่ากำลังสอนคนโปรดปั้มนมอยู่อีกที่หนึ่ง“คุณท่านคะ เอ่อ...คุณผู้ชายท่านจะโกรธไหมคะ ที่โปรดกับลูกมาอยู่ที่นี่” สิ่งที่เธอเป็นกังวลมาโดยตลอดก็เรื่องพ่อของอีริค ตั้งแต่ท้องจนคลอดเธอก็ไม่เห็นท่านมาที่นี่สักครั้ง และเหมือนว่าอีริคกับพ่อก็ไม่ค่อยถูกกันด้วย“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เราเพิ่งคลอดลูกอย่าไปเครียดเลย เดี๋ยวน้ำนมจะไม่ไหลเอานะลูก” ฮาน่าปลอบใจคนโปรด อันที่จริงเธอก็เปรย ๆ เรื่องอีริคมีแฟนและแฟนลูกกำลังท้องให้สามีฟังบ้างแล้ว และเมื่อวันก่อนก็เพิ่งส่งรูปน้องกันต์ให้เขาดู แต่ยังไม่มีปฏิกิริยาหรือการตอบกลับจากสามี แต่เธอก็ดูออกว่าสามีนั้นพึงพอใจอยู่บ้างที่หลานคนแรกเป็นผู้ชาย“โปรดกลัวพี่ริคทะเลาะกับคุณท่านอีก”“ไม่หรอก เชื่อแม่”“ค่ะ” คนโปรดมองไปหาน้องกันต์ที่เพิ่งกินนมหลับไป “น้องกันต์กินเก่งมากเลยค่ะ ตอนกลางคืนแ
บทที่ 70 บทส่งท้ายหลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็มารวมกันอยู่ข้างบ้านซึ่งมีระแนงไม้ที่พ่อเลี้ยงปูเอาไว้ และสั่งเก้าอี้มาไว้สำหรับนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า จิบกาแฟไปด้วย“เอาอีกไหม”อีริคส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อพ่อเลี้ยงยื่นขวดไวน์มาทางเขาหมายจะรินให้เขาอีก“กินเยอะก็ปวดหัว”"ปกติไม่ปฏิเสธนี่"“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ มึงก็อย่าไปคะยั้นคะยอให้มันกิน” ชรัณเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ เมื่อก่อนจำได้ว่าเคยดื่มด้วยกันจนเข้าเรียนไม่ทัน มัวแต่อ้วกกับเมาค้างจนอาจารย์ให้ทำงานเก็บคะแนนย้อนหลังกันทั้งสามคน“ถ้าเมียมึงง่วงแล้วก็พาไปนอนได้นะเว้ย”“ง่วงยัง” อีริคเอ่ยถามคนข้างกาย แต่พอมองตาเธอแล้วยังตาแป๋วอยู่เลย “ไม่ตอบก็พอจะรู้”“โปรดขอนั่งอยู่อีกนิดนะคะ ยังสนุกอยู่เลย ชอบฟังพี่ ๆ เล่าความหลังสมัยเรียน สนุกดีค่ะ”“เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟังว่าไอ้ริคมันแสบมากแค่ไหน” ชรัณเลิกคิ้วท้าทายอีริค“ปรานีกูด้วยครับ”“หึหึ” พ่อเลี้ยงหัวเราะขบขัน “สมัยก่อนก็ต่างคนต่างห้าวแหละ ไม่มีใครยอมใคร”“ยังไงเหรอคะ”“อ้าว ไหนบอกจะไม่เผาเพื่อนไง” ชรัณเลิกคิ้วถามองศาที่จู่ ๆ ก็เปิดประเด็นขึ้นมาซะอย่างนั้น“นิดหนึ่ง”“อา เล่าเลยงั้น”“เมื่อก่อนเคยไ
บทที่ 69 ความสุข“ที่ของมึงกูให้คนไปดูแล้วนะ เห็นช่างกำลังขนของมาลงกันเยอะเลย อีกไม่นานคงได้ลงเสาเข็ม” พ่อเลี้ยงเอ่ยขึ้นระหว่างขับรถเข้ามาในทางที่ตรงไปยังไร่ปาริฉัตร“ขอบใจ” อีริคกล่าวสั้น ๆ“ไม่เป็นไร ถือว่าช่วยกัน แล้วนี่เธอจะมาอยู่นานไหม” คราวนี้เขามองหน้าคนโปรด “เพราะถ้ามาอยู่นานฉันจะให้แม่บ้านและคนของฉันพาเที่ยว หลังไร่มีน้ำตกด้วย เผื่อสนใจอยากเล่นน้ำคลายร้อน”“ดีจังเลยค่ะ”“ถ้าอยากไปก็บอก จะได้ให้คนพาไป เพราะทางมันค่อนข้างรกและไปยากนิดหน่อย”“เราไปกันนะ” คนโปรดหันมามองหน้าคนรัก อีริคพยักหน้าตอบเบา ๆ แล้วมองไปโดยรอบ“อยากได้ที่สวย ๆ แบบนี้อีก มีอีกไหม” อีริคเอ่ยถามเพื่อนทั้งสองคน ชรัณทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยตอบ“ก็พอมีนะ มึงอยากได้ติดเขาไหมล่ะ หรืออยากได้ติดลำธารดี”“อยากได้ทั้งสองที่เลย”“เอาว่ะ เออ ๆ เดี๋ยวจะหาดูให้ ชาวบ้านแถวนี้เอาที่ดินมาเสนอขายกูเยอะอยู่ ร้อนเงินกันทั้งนั้น ส่งลูกเรียนน่ะ”“อืม”“เสียสละมากเลยนะคะ ขายที่เพื่อเอาเงินส่งลูกเรียน”“อืม แต่ลูกเหี้ยก็ไม่ไหวนะ” ชรัณยกยิ้ม“ถ้าเป็นแบบนั้นคงน่าเสียใจแทนพ่อแม่ค่ะ โปรดเองก็อยากทำให้พวกท่านภูมิใจบ้างสักครั้ง
บทที่ 68 พักผ่อนวันต่อมาหญิงสาวตื่นขึ้นมาในเช้าที่สดใส บรรยากาศที่สนามม้าด้านนอกมีไอหมอกสีขาวปกคลุมไปทั่ว แถมอากาศยังเย็นฉ่ำสบายจนอีริคไม่ยอมตื่น“ตื่นได้แล้วค่ะ” เธอโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มสากสองฟอดเพื่อเป็นการปลุกอีริคให้ตื่น ทว่าชายหนุ่มกลับเบือนหน้าหนีสัมผัสแล้วเอามือมาปิดหน้าไว้ “ขี้เซาจัง”“ให้ฉันนอนเต็มอิ่มบ้าง ไม่ได้นอนหลับสบายแบบนี้มานานมากแล้ว” อีริคพึมพำอยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อได้ฟังแบบนั้นคนโปรดจึงไม่เซ้าซี้เขา เธอก้าวลงจากเตียงแล้วเดินไปเอาผ้าคลุมไหล่มาคลุม จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก“ตื่นแล้วเหรอ” พาเวลกำลังก่อกองไฟอยู่พอดี เขาส่งยิ้มทักทายคนโปรด “ดื่มนมอุ่นหน่อยไหม”“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้สนามพร้อมกับรับแก้วนมอุ่นมาดื่ม “นมอุ่นนี่อร่อยมากเลยค่ะ”“อืม...แล้วนายยังไม่ตื่นเหรอ”“ยังค่ะ เห็นว่าอยากนอนอีกสักพัก”“อืม สงสัยคงเหนื่อยมาก ทำงานหนักมาหลายวัน”“ครับ”“พี่พาเวลล่ะคะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” เมื่อมีโอกาสได้อยู่กับพาเวลสองต่อสอง เธอจึงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเขาบ้าง“ก็ดี ช่วงนี้ทำงานหนักหน่อยแต่ก็มีความสุข”“เห็นพี่มีความสุขกับการทำงานโปรดก็ดีใจค่ะ”“แล้วจะไปเชีย
บทที่ 67 ดูแล“หมูสุกแล้ว ทำไมหนูไม่ตักกินล่ะคะคนสวย” ซินซินสังเกตุเห็นคนโปรดนั่งมองหม้อชาบูอยู่นาน แต่เธอไม่ได้คีบหมูใส่จานตัวเอง กลับคีบให้อีริคกินเสียส่วนใหญ่“โปรดไม่ค่อยหิวค่ะพี่ซิน กินฝรั่งไปเมื่อตอนนั่งเล่นกับพี่ซินโปรดยังอิ่มอยู่เลย"“อ๋อ"“คุณริคกินเยอะ ๆ นะคะ”“คุณริค พี่ว่าเรียกแบบนั้นมันดูห่างเหินไปนะ”“…” อีริคเงยหน้ามองซินซิน “แล้วแต่จะเรียก เอาที่ตัวเองชินปาก”“ป๊ะป๋า"“แค่ก ๆ” ซินซินสำลักน้ำซุปจนหน้าแดงกับสรรพนามที่คนโปรดใช้เรียกอีริค “ป๊ะป๋าเนี่ยนะ” เธอหัวเราะอย่างขำขัน“แต่เหมือนคุณอีริคไม่ชอบเลย งั้นโปรดเรียกพี่ได้ไหมคะ พี่ริค"“…” อีริคไม่ได้ตอบกลับ เพียงส่งยิ้มให้คนโปรดรู้อย่างเดียว“แบบนี้ก็น่ารักดี” ซินซินยกมือขึ้นไปลูบผมน้องสาวด้วยความเอ็นดู “กินเยอะ ๆ นะแกน่ะ ช่วงนี้แพกซ์บอกว่าแกทำงานหนักมาก”“อืม”“พี่แพกซ์หายไปไหนเหรอคะ ไม่เห็นหน้าตั้งนานแล้ว”“เขากำลังยุ่งอยู่กับการเปิดคลับใหม่อยู่น่ะโปรด อีกสักพักเลยล่ะ”“อ๋อค่ะ” เธอหันมามองหน้าอีริค “พี่ริค…เอ่อ อยากได้เครื่องดื่มอะไรเพิ่มไหมคะ” รู้สึกไม่ชินปากเลยที่ต้องเรียกอีริคด้วยสรรพนามใหม่แบบนี้“อยากได้ไวน์"“อย่าเ
บทที่ 66 ทะนุถนอมสี่เดือนต่อมาหลังจากทราบว่าตัวเองตั้งท้องลูกของอีริคอยู่นั้น ตอนนี้ก็ย่างเข้าสู่เดือนที่ห้าแล้ว จากท้องแบนราบตอนนี้ท้องเธอก็เริ่มโตเท่าลูกแตงโมแล้ว“จะไปไหนเหรอคะ โปรดเตรียมชุดให้ไหม” หญิงสาวเอ่ยถามคนรักด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล วันนี้อีริคตื่นตั้งแต่เช้าไปออกกำลังกาย และเธอเห็นเขาพูดกับพาเวลด้วยสีหน้าเครียดขรึมเหมือนมีเรื่องอะไรกวนใจอยู่ แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรเพราะกลัวว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องสำคัญ“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะออกไปทำธุระข้างนอก แล้วลูกน้องจะพาเธอไปที่สนามม้านะ” อีริคเดินเข้ามาโอบเอวคนโปรดแล้วหอมขมับเธอไปหนึ่งฟอด จากนั้นจึงเดินไปที่ห้องแต่งตัว เขาใช้เวลาไม่นานก็เดินออกมาด้วยชุดไพรเวตสบาย ๆ โบกมือให้คนโปรดแล้วเดินออกไปจากห้องนอนทันทีร่างอวบอิ่มเดินตามหลังคนรักมาหยุดยืนอยู่ทางลงบันไดบ้าน ครั้นจะถามเอาความให้เข้าใจก็กลัวอีริคหงุดหงิดใส่ เธอจึงไม่ถามอะไรเขาแล้วหันหลังเดินกลับห้องนอน มาหยิบกระเป๋าสะพายข้างเดินลงไปรอลูกน้องที่จะพาไปสนามม้าพักนี้อีริคพาเธอไปพักที่สนามม้าบ่อยมาก เขาให้เหตุผลว่าอากาศที่สนามม้าดีกว่าที่บ้านในเมืองที่อยู่กับควันรถและฝุ่นพีเอ็ม“นายหญิงต้องการ
บทที่ 65 รักมากคนโปรดปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วเงยมองคนตัวโตกว่า“คุณริครู้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะว่าโปรดท้อง”“เธอก็รู้ว่าไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาฉันได้”“แล้วรู้เลยเหรอคะว่าโปรดท้อง”“เปล่า ฉันให้พาเวลไปถามหมอที่โรงพยาบาล ก็เธอเองนั่นแหละที่มีพิรุธก่อน ถ้าบอกกันตั้งแต่แรกก็จบ”“โปรดกลัวว่าตัวเองจะเป็นภาระคุณริค กลัวไปหมดเลยค่ะ”“เด็กน้อย เธอเป็นเมียฉันนะ อีกอย่างเธอกำลังอุ้มท้องลูกฉันอยู่” อีริคเลื่อนสายตาลงจ้องที่ท้องแบนราบ “อีกไม่กี่เดือนเขาก็ลืมตาดูโลกแล้ว” คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับหน้าท้องคนโปรดหลังจากที่รู้ว่าเธอท้อง“โปรดใจชื้นขึ้นมากแล้วค่ะ หลังจากที่เก็บความกดดันมาหลายวัน”“ก็เธอไม่ยอมบอกฉันเอง อีกอย่างเธอเป็นคนพูดเองว่าจะไม่โกหกฉัน แต่กลับโกหกซะเอง”“ก็ตามที่โปรดบอกไปค่ะ โปรดกลัวคำว่าลูกจะไปทำลายความสุขของคุณริค”“เด็กน้อย” อีริคยกมือขึ้นลูบพวงแก้มนวล “มีอะไรก็คุยกันก่อน ไม่ใช่เก็บเอาไว้คนเดียวแล้วเอาไปคิดมากแบบนี้”“ขอโทษนะคะ ขอโทษที่โปรดปิดบังคุณริค”“เอาเถอะ อาหารมาพอดีเลย” อีริคถอยกลับมานั่งที่ตัวเอง เขาคอยตักอาการใส่จานให้คนโปรดเรื่อย ๆ จนเธอต้องดันมือเขากลับ แล้วสั่นหน้า