Home / รักโบราณ / 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก / บทที่ 7 วันแรกของการไปเรียน

Share

บทที่ 7 วันแรกของการไปเรียน

last update Last Updated: 2025-01-03 23:13:31

บทที่ 7 วันแรกของการไปเรียน

วันนี้คือวันเปิดเรียนวันแรก โรงเรียนที่เยว่หรูเรียนตั้งอยู่ในเขตตัวเมือง ระยะทางระหว่างหมู่บ้านกับโรงเรียนอยู่ไม่ห่างกันมากนัก ต้องบอกว่าหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ใกล้ตัวเมืองก็ว่าได้ และโชคดีที่ว่าสถานที่ตั้งของโรงเรียนนี้อยู่แถวชานเมือง เยว่หรูสามารถเดินเท้าไปเรียนได้ แต่เธอก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะได้ไปทันเข้าเรียน

เยว่หรูอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนที่ทางโรงเรียนมีให้ ซึ่งอุปกรณ์การเรียนทุกอย่างรวมอยู่ในค่าเทอมทั้งหมดแล้ว พ่อเป็นคนเดินไปเอาชุดนักเรียนมาให้ก่อนเปิดเรียนเพียงไม่กี่วัน หากไม่บอกเรื่องเปิดเรียน เยว่หรูก็ไม่รู้เลย ต้องบอกว่านิยายที่เธออ่านนั้นไม่ได้บอกรายละเอียดขนาดนั้น บทนางเอกปลอม ๆ ของเธอจะมีบทบาทมากขึ้นก็ตอนที่เธอย้ายไปอยู่กับพ่อที่แท้จริงนั่นแหละ

ช่วงเวลาที่เยว่หรูอยู่กับแม่นั้นจึงไม่มีรายละเอียดมากนัก บอกแค่อยู่อย่างยากลำบาก เยว่หรูเป็นคนที่ต้องการและโหยหาความรัก และคิดว่าการที่แม่แต่งงานใหม่จะทำให้แม่รักเธอน้อยลง จะโทษเยว่หรูทั้งหมดก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครพูดให้เธอรู้และเข้าใจ แล้วเด็กที่เคยอยู่อย่างสุขสบาย แต่ต้องมาอยู่อย่างยากลำบาก มันเลยง่ายที่จะทำให้เด็กคนหนึ่งเข้าใจไปแบบนั้น

"เดี๋ยวพ่อเดินไปส่ง" จางหยวนพูดขึ้นหลังจากที่เห็นลูกสาวกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว

"ไปส่งหนูแค่วันนี้ก็พอค่ะ วันหลังหนูไปเองได้ พ่อจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินกลับให้เหนื่อย" ที่ให้พ่อไปส่งเพราะเธอไปไม่ถูก และที่ต้องพูดอธิบายให้พ่อเข้าใจนั้นเพื่อที่จะได้ไม่คิดว่าลูกสาวรังเกียจไม่อยากให้พ่อไปส่ง ลูกสาวอายคนอื่นหรือเปล่าที่มีพ่อจน... สารพัดที่พ่อคนนี้จะคิดได้ เยว่หรูเลยเลือกที่จะพูดทุกอย่างออกไป เพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่ชอบคิดไปเอง 

"ได้ ๆ แต่หากวันไหนอยากให้พ่อไปส่ง บอกได้เลย... พ่อไม่เหนื่อย" จางหยวนหัวเราะที่เห็นลูกสาวที่ตอนนี้ชอบพูดชอบคุยบอกเล่าทุกเรื่อง จากแต่ก่อนไม่ค่อยคุย ในตอนแรกจางหยวนเริ่มคิดว่าเพราะอะไรลูกถึงไม่อยากให้ไปส่ง แต่พอลูกสาวพูดออกมาก็ทำให้เขาดีใจที่ลูกสาวเป็นห่วงกลัวเหนื่อยแค่นั้นเอง ไม่ได้รังเกียจพ่ออย่างเขา ลูกสาวของเขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

"หนูไปก่อนนะแม่... วันแรกหนูไม่รู้เขาจะให้เลิกตอนไหน" เยว่หรูมองหน้าแม่พร้อมกับขมวดคิ้ว เอาจริง ๆ แล้วก็สงสัยหลายอย่างแต่ก็ปล่อยไปก่อน ถึงเยว่หรูจะบอกว่าเพราะครอบครัวนี้มีอะไรไม่พูดตรง ๆ เลยทำให้มีปัญหา แต่เยว่หรูก็ยังเก็บบางเรื่องเอาไว้ไม่พูดออกไป เพราะถ้าพูดหรือถามออกไปอาจทำให้พวกเขาสงสัยได้... อย่างเช่นชุดนักเรียนของเก่าไปไหนหมด หากถามไปนี่งานเข้าแน่ ๆ 

"ดูซื้อสิ่งของที่ต้องใช้... หากพ่อกับแม่กลับมาบ้านแล้วยังไม่เห็นลูกกลับมา แม่จะให้พ่อไปรับ" ลู่หลินยื่นเงินสามหยวนให้ลูกสาว ตอนนี้เธอก็เริ่มที่จะพูดคุยบอกกล่าวมากกว่าเดิม อาจเพราะเห็นว่าลูกสาวชอบคุยชอบพูดเลยทำให้เธอกล้าที่จะพูดเหมือนกัน

"ขอบคุณค่ะ... ไปกันพ่อ" เยว่หรูรับเงินจากมารดามาเก็บแล้วหันไปเรียกพ่อ แล้วพากันออกจากบ้านทันที

ลู่หลินมองตามลูกสาวและสามีด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เหมือนตอนนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ลูกสาวเริ่มเปิดใจพูดคุยกับเธอมากขึ้น จากแต่ก่อนที่ลูกสาวจะนิ่งเงียบกับทุกคนเลย ตอนนี้พูดกับครอบครัวบ่อยขึ้น แต่กับคนอื่นก็ยังเหมือนเดิม ไม่ค่อยคุย แต่ก่อนพอโดนญาติสามีต่อว่าหรือพูดจาถากถาง เยว่หรูจะโต้กลับบ้างเป็นบางครั้ง แต่ตอนนี้ลูกสาวของเธอจะเฉยมากกว่า

ใบหน้าขาว ๆ เล็ก ๆ จิ้มลิ้ม ปากนิด จมูกหน่อย ของลูกสาวชวนมองมากกว่าเดิม เวลาที่มีรอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า ใครเห็นก็ต้องยิ้มตามทั้งนั้น ต้องบอกว่าลูกสาวของเธอเป็นคนที่น่ารักมาก ๆ หากโตไปก็ต้องสวยมากแน่ ๆ ผิวขาวสวยทั้งที่ไม่ต้องทำอะไร ส่วนนี้ได้มาจากพ่อที่แท้จริงของเยว่หรู ไม่ว่าลูกสาวจะตากแดดนานแค่ไหนก็ไม่มีรอยดำด่าง ลู่หลินกลัวว่าสักวันหนึ่งสามีจะอยากรับลูกสาวไปอยู่ด้วย เพราะจากนิสัยของเขาแล้ว... มีความเป็นไปได้สูงว่าต้องกลับมาพาลูกสาวไปอยู่ด้วยเพื่อใช้ประโยชน์จากความสวย ความน่ารักของลูก เพื่อช่วยให้หน้าที่การงานของเขาก้าวหน้าและมั่นคงแน่ ๆ เพราะคนคนนั้นไม่รู้จักพอ... พอคิดแบบนั้นแล้วลู่หลินก็ได้แต่ถอนหายใจ

ทางด้านสองพ่อลูกที่เดินมาด้วยกันก็พูดคุยหัวเราะกันตลอดทาง เยว่หรูต้องจดจำเส้นทางให้ดีเพราะเธอต้องเดินทางมาเองในวันต่อ ๆ ไป และชวนพ่อคุยเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อที่จะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวของที่นี่ แต่ดูเหมือนพ่อก็ไม่รู้อะไรมากนัก รู้แต่เรื่องปลูกข้าว ปลูกผัก และเรื่องในไร่และนาเพียงเท่านั้น 

"พ่อมีอะไรจะพูดกับหนูหรือเปล่าคะ" เยว่หรูถามพ่อออกไป เพราะดูเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังอ้ำอึ้งอยู่

"หากลูกอยากนั่งรถไปกลับ พ่อจะไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านให้" เพราะต้องเดินไกล ลูกสาวเขาตัวเล็กนิดเดียว แล้วเวลาเลิกเรียนกลับบ้านก็ต้องเดินตากแดดกลับอีก 

"พ่อบอกเองว่ามันไม่ไกล" ดูจากท่าทางของพ่อแล้ว การไปคุยก็ต้องมีสินน้ำใจหรือค่าใช้จ่ายด้วยนั่นแหละ เงินก็ใช่ว่าจะมีเยอะแยะ ที่แม่ให้มานี่ก็น่าจะไม่เหลือแล้ว อยู่มาเดือนกว่าแล้วรู้เลยว่าบ้านเธอยากจนมาก

"สำหรับพ่อมันไม่ไกล... แต่สำหรับลูกมันไกล" จางหยวนก้มมองหน้าน้อย ๆ แดง ๆ ของลูกสาว ตอนเช้าอากาศเย็นจัด กลางวันแดดแรง โรงเรียนมีเรียนเพียงครึ่งวัน ช่วงเวลาที่เลิกเรียนนั้นแดดแรงยิ่งกว่าเวลาอื่นเสียอีก

"พ่อบอกว่าเรามาทางลัด เดินลัดท้องนาไม่ใช่เหรอ" เยว่หรูพูดพร้อมกับกระตุกแขนเสื้อให้พ่อพาเดินต่อ แต่ก่อนเยว่หรูคงนั่งรถมาเรียนแน่ ๆ เพราะพ่อพูดเหมือนเธอเพิ่งเดินมาเรียนเป็นครั้งแรก

เส้นทางที่ใช้เดินมานั้นลัดเลาะมาตามท้องนา ต้องบอกว่าสถานที่แห่งนี้มีอากาศที่ทำให้สดชื่นมาก ถึงแม้ว่าอากาศจะหนาวแต่มันก็สดชื่น สองข้างทางเต็มไปด้วยท้องนาที่ต้นกล้าเริ่มงอกออกมา อากาศแบบนี้เยว่หรูชอบมากเพราะเธอเป็นคนขี้ร้อน นิดหน่อยเหงื่อก็ออก พอมาอยู่เมืองหนาวแล้ว... รู้สึกสวยโดยไม่ต้องทำอะไรเลย...

"ไม่ให้พ่อมารับจริง ๆ เหรอ" จางหยวนส่งลูกสาวถึงห้องเรียนเลยทีเดียว ประโยคที่ถามลูกสาวนั้นค่อนข้างเบาหวิว เนื่องจากครั้งแรกที่เขามีโอกาสมาส่งลูกสาวถึงห้องเรียน และสายตาของเด็กทุกคนมองมาที่เขาและลูกสาวอย่างไม่กะพริบตาเลยทีเดียว

"ไม่เป็นไรค่ะพ่อ หนูกลับได้" เยว่หรูพูดพร้อมกับยิ้มจนแก้มทั้งสองข้างเกิดรอยบุ๋ม ลักยิ้มทั้งสองข้างยิ่งทำให้น่ามองยิ่งขึ้น เรื่องนี้อีกเรื่องที่ต้องรีบแก้ พวกเขาคิดว่าเธอยังเด็กหรือยังไงถึงต้องมารับมาส่ง...

"พ่อกลับก่อน ตั้งใจเรียนนะลูก" จางหยวนพูดพร้อมกับยิ้มตามลูกสาวทันที รอยยิ้มแบบนี้ใครเห็นก็ต้องยิ้มตาม 

"พ่อกลับดี ๆ นะคะ" เยว่หรูโบกมือลาพ่อ ก่อนที่จะเข้าไปเลือกนั่งเก้าอี้ภายในห้องที่ตอนนี้มีนักเรียนบางคนเริ่มจับจองที่นั่งแล้ว

วันแรกของการเปิดเรียนไม่รู้ต้องเรียนอะไร และที่สำคัญเธออยู่ชั้นไหนยังไม่รู้เลย ต้องปั้นหน้านิ่งเพราะกลัวคนอื่นมาถาม หน้าห้องก็ไม่มีป้ายติดบอกระดับชั้นเลย... จะถามพ่อก็กลัวพ่อสงสัย หากเทียบอายุกับโลกเดิมก็ต้องเรียนอยู่ประมาณมัธยมศึกษาตอนต้น แต่นี่คือโลกนิยายที่ใช้การอ้างอิงเพียงเท่านั้น เลยไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเรียนอยู่ชั้นอะไร...

Related chapters

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 8 นี่คงเป็นข้อดีของการเป็นนางเอก

    บทที่ 8 นี่คงเป็นข้อดีของการเป็นนางเอกเยว่หรูนั่งรอเวลา... แต่สายตาของเธอก็มองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไปด้วย เธอมองไปทางด้านนอกหน้าต่าง เห็นหลังคาน่าจะเป็นอาคารขนาดใหญ่ แต่เธอมองไม่เห็นทั้งหมดเพราะมีกำแพงกั้นอยู่ หากในยุคนี้มีกำแพงรั้วรอบขอบชิด นั่นหมายถึงสถานที่แห่งนี้น่าจะสำคัญหรือไม่ก็บ้านตระกูลใหญ่ ๆ ส่วนมากคนที่นี่ทำกำแพงบ้านด้วยไม้กันทั้งนั้น แต่เท่าที่ดูก็น่าจะเป็นดินหรือไม่ก็อิฐบล็อก ทุกอย่างที่บอกนั้นเดาล้วน ๆไม่มีอะไรแน่นอนในนิยายเรื่องนี้เลย เดาอีกอย่างกลับเป็นอีกอย่าง อยู่มาเดือนกว่า เรียนรู้มาพอสมควร และจะให้หมอแผนจีนไปมองว่าบ้านนี่ทำด้วยอิฐหรือดินจบเลย เพราะเคยลองแล้ว บ้านทำด้วยอิฐแต่เอาดินมาทาเหมือนฉาบปูนไว้ก็มี อย่าเดาเกี่ยวกับอะไรในนิยายเรื่องนี้เลย..."นักเรียนทุกคนมาเข้าแถวหน้าห้องก่อน ครูจะได้ตรวจนับและแจกสมุดหนังสือ" ชายสูงวัยที่แทนตัวเองว่าครู เรียกนักเรียนที่อยู่ในห้องทั้งหมดให้ออกไปหน้าห้องเยว่หรูลุกขึ้นยืน กระชับกระเป๋าผ้าสะพายบ่าเดินออกไปตามที่ครูเรียก กระเป๋าที่เธอมีนั้นน่าจะมาจากพ่อที่แท้จริงซื้อให้ มันยังดูดีถึงแม้มันจะเก่าแล้ว แล้วเยว่หรูคนเก่าเก็บไว้ในตู้เสื

    Last Updated : 2025-01-03
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 9 มองหาลู่ทาง

    บทที่ 9 มองหาลู่ทาง"ครูคะ... หนูมีเรื่องอยากถามและขอคำแนะนำจากครู" เยว่หรูถามขึ้น... ตอนที่ครูเริ่มปล่อยนักเรียนให้ออกจากห้องเรียนเพื่อให้นักเรียนไปเบิกอุปกรณ์การเรียนและไปรับอาหารกลางวัน เนื่องจากวันนี้ไม่ได้มีการเรียนการสอน เลยปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านเร็ว หากเปรียบเทียบกับโลกเดิม... เหมือนมาฟังครูแนะแนว ซื้ออุปกรณ์การเรียน จ่ายค่าเทอม เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเรียนในวันถัดไป "มีปัญหาอะไรหรือเปล่าเยว่หรู" ครูถามกลับพร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดู น้อยนักที่จะมีนักเรียนหญิงมาเรียน และที่สำคัญ เขามองเยว่หรูแล้ว... ทำให้นึกถึงลูกสาวของเขาที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ... เลยทำให้เอ็นดูเยว่หรูพอสมควร"คือหนูไม่รู้ว่าชั้นเรียนนี้ต้องทำอะไรบ้าง... แบ่งเวลาแบบไหน แล้วถ้าหนูอยากรู้เรื่องการเมือง การเงิน การปกครอง ข้อห้าม ข้อบังคับต่าง ๆ หนูสามารถหาคำตอบได้จากที่ไหนคะ มีหนังสือให้หนูอ่านไหมคะ" เมื่อครูเปิดโอกาสให้ถาม... เยว่หรูก็ไม่รอช้า หากอยากลืมตาอ้าปากได้เร็ว อย่างแรกที่ต้องมีคือข้อมูล สิ่งไหนที่พวกเขาห้ามทำ ผิดกฎหรืออะไรยังไง... จะได้รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้างในนิยายเรื่องนี้ที่เธอเข้ามาอยู่ อ้

    Last Updated : 2025-01-04
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 10 ทุกอย่างคือการลงทุน

    บทที่ 10 ทุกอย่างคือการลงทุนเยว่หรูมาเรียนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ได้เรียนรู้แนวทางที่เธอจะเรียนเกี่ยวกับแพทย์แผนโบราณของที่นี่ จะต้องเรียนจบอะไร แล้วไปต่อที่ไหน มันดีตรงที่ว่าในนิยายเรื่องนี้สามารถสอบเทียบได้ ไม่ต้องเรียนตรงตามเวลาที่ทางโรงเรียนกำหนดก็ได้ แค่สอบผ่านระดับตามที่ทางโรงเรียนกำหนดก็พอ การเรียนในมหาวิทยาลัยก็เช่นกัน สามารถสอบเทียบได้ ทุกวันก่อนกลับบ้าน เยว่หรูจะหิ้วปิ่นโตใส่อาหารกลับไปด้วย อาหารที่ได้มาก็คืออาหารที่เธอใช้คูปองที่คุณครู หมิงเว่ย ให้มาและนำไปยื่นที่โรงอาหาร เธอก็ได้ปิ่นโตใส่อาหารหนึ่งเถากลับบ้าน ในปิ่นโตจะมีข้าวและกับข้าวหนึ่งอย่าง บางวันอาจมีผลไม้เพิ่มให้หนึ่งอย่าง แต่ไม่ได้มีทุกวัน อาหารที่ได้ไม่ได้เยอะมากนัก แต่มันสามารถทำให้ครอบครัวของเธอประหยัดขึ้นและมีอาหารกินเพิ่มขึ้น พอเช้าวันต่อมาค่อยเอาปิ่นโตเปล่ามาส่งที่โรงอาหาร เยว่หรูทำแบบนี้ติดต่อกันตั้งแต่วันแรกที่มาเรียนแล้วเยว่หรูเริ่มปรับตัวได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การใช้ชีวิต วางแผนเพื่อที่จะเรียนในด้านที่ตัวเองถนัด วางแผนเรื่องช่วยเหลือครอบครัวเพื่อให้มีชีวิตดีขึ้นต

    Last Updated : 2025-01-05
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 11 ลงทุนเพื่อหวังผลกำไร

    บทที่ 11 ลงทุนเพื่อหวังผลกำไรเพียะ!! เมื่อหลิวเจียอิงไม่สามารถยั้งอารมณ์กรุ่นโกรธได้ก็ลงมือตบตีทันที"มึงอย่าอยู่เลยอีนังกาฝาก เลวทั้งแม่ทั้งลูก!! สารเลวทั้งครอบครัว!! " นางหลิวไม่สนใจสิ่งใด ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจว่ามีคนกำลังเดินเข้ามา ไม่ใช่แค่คนงาน ยังมีกลุ่มคุณครูของเยว่หรูเดินมาด้วยเมื่อทุกคนเห็นภาพตรงหน้า ต่างวิ่งเข้ามาช่วยแยกนางหลิวออกจากเยว่หรูทันที เยว่หรูโดนดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้เพราะมันชุลมุนวุ่นวายไปหมด "เจ็บไหมลูก" เสียงสั่นเครือของมารดาสอบถาม พร้อมกับจับลูกหันซ้ายหันขวาตรวจดูว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง"เจ็บ... ข้าวเราหกหมดเลย" เยว่หรูตอบพร้อมกับเม้มปากแน่น... แล้วชี้นิ้วไปทางปิ่นโตที่นอนแอ้งแม้งที่พื้น อาหารกลางวันของเธอกระจัดกระจายเต็มพื้น"ช่างมันลูก เยว่หรูเจ็บตรงไหนบ้าง" จางหยวนและภรรยาคือคนที่วิ่งมาดึงตัวลูกสาวออกมาตั้งแต่แรก จางหยวนผลักแม่เลี้ยงออกไปให้ห่างจากลูกสาวของเขาอย่างไม่สนใจหากเป็นแต่ก่อนเขาก็ยังพอที่จะพูดจาและไว้หน้าอยู่บ้าง ถึงจะไม่ชอบ แต่เห็นแก่พ่อของเขาเลยไม่สนใจแม่เลี้ยงมากนัก แต่ครั้งนี้ เขาเห็นแม่เลี้ยงทำร้ายลูกสาวต่อหน้าต่อตา ทั้งที่

    Last Updated : 2025-01-05
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับ

    บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับเยว่หรูรดน้ำผักอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ใบหน้าข้างหนึ่งจะบวมเป่งจากการถูกยัยป้าข้างบ้านตบ ไม่สิ... ป้าข้างบ้านไม่กล้าขนาดนี้ ส่วนมากแค่ชอบถาม อยากรู้อยากเห็นมากกว่า บางทีก็มีประโยชน์ เหมือนมีกล้องวงจรปิดประจำบ้านให้ด้วย แขกไปใครมาสามารถรู้หมด ไม่ต้องเสียเงินติดตั้งด้วย แถมรายงานผลรวดเร็วทันใจอีกต่างหากเมื่อรดน้ำผักเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เดินเก็บใบไม้แห้งทั้งหลายมาโยนใส่หลุมไว้ทำปุ๋ยใบไม้แห้ง ทำงานไปด้วยร้องเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี... ไม่ว่าเสียงร้องจะเหิน สำเนียงจะเพี้ยนแค่ไหนก็ยังร้องอย่างอารมณ์ดี...การลงทุนของเยว่หรูนั้นถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ทุกคนในหมู่บ้านเข้าข้างเธอเพียงแค่เห็นยัยป้านั่นด่าทอบ่อย ๆ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าที่เธอไม่ตอบโต้ไม่พูดไม่เถียง เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ยัยป้าทำ แต่พอเจอวันที่เธอเอาคืน ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการยั่วยุให้ยัยป้าโดดลงมาทำร้ายเธอเลยทำให้คนไม่เชื่อในสิ่งที่ยัยป้าพูดถึงมันจะดูสิ้นคิด แต่หากไม่ทำแบบนั้นเธอจะเอาอะไรไปสู้ ตบตีไม่มีทางชนะเพราะตัวเธอเล็กนิดเดียว จากที่ใช้สมองอันน้อยนิดคิดก็มีแต่เรื่องน

    Last Updated : 2025-01-05
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 13 เข้าเมืองคนเดียว

    บทที่ 13 เข้าเมืองคนเดียวเยว่หรูเริ่มชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่บ้างแล้ว ตอนเช้าจะช่วยแม่ทำงานบ้าน ช่วยพ่อรดน้ำผัก เริ่มทดลองปลูกสมุนไพรที่ทางการอนุญาตให้ปลูกได้ เยว่หรูมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสามเดือนแล้ว หมดหวังเรื่องมิติวิเศษเหมือนในนิยายที่ตัวเองชอบอ่าน... สามเดือนแล้วคงไม่มีมาแล้ว...เรื่องยัยป้ามหาภัยนั่นเริ่มดีขึ้น อาจเพราะยังไม่ได้เจอกัน... เลยยังไม่มีปัญหา และตั้งแต่ที่เธอพูดกับพ่อเมื่อวันนั้น พ่อก็พูดกับปู่ในวันที่ปู่เรียกพ่อไปหาอีกครั้ง ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าทำไมปู่ถึงชอบเรียกพ่อไปที่บ้านนั้นบ่อย ๆ ทำไมไม่มาดูบ้างว่าพ่ออยู่ยังไง แต่พอแม่บอกว่า... เพราะปู่ต้องการให้พ่อรู้ว่าที่นั่นก็คือครอบครัวพ่อเหมือนกันไม่รู้ว่าพวกเขานิยามคำว่าครอบครัวแบบไหน พ่อลำบากกว่าลูกคนอื่น ๆ อยากให้มาดูบ้านพ่อ ที่อยู่ที่นอนของพ่อเหลือเกิน หากเปรียบกับพวกเขาแล้ว แตกต่างกันอย่างมากยังดีที่ตอนนี้ครอบครัวของเธอได้เสื้อผ้ามาจากคุณครูที่โรงเรียนเอามาให้ เลยมีเสื้อผ้าใส่เปลี่ยนหลายชุด ภรรยาของคุณครูหมิงเว่ยก็เอาชุดที่ไม่ได้ใส่แล้วมาให้แม่ของเธอด้วย พ่อของเธอก็ได้เสื้อผ้าบางตัวของคุณครูหมิงเว่ย แต่แค่บางตั

    Last Updated : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบ

    บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบแบบทดสอบที่เยว่หรูได้รับมีทั้งหมดสองฉบับ... หนึ่งฉบับเป็นแบบทดสอบเกี่ยวกับความรู้สมุนไพรเบื้องต้น แบบที่สองคือการรักษาขั้นพื้นฐานของแพทย์แผนจีน... แบบทดสอบต้องตอบเป็นข้อเขียนทั้งหมด หรือก็คืออัตนัยนั่นเอง...ถึงแม้ว่าเยว่หรูจะเป็นแพทย์แผนจีนมาก่อน แต่ก็ยังไม่วางใจ เพราะสิ่งที่เธอถนัดและคุ้นเคยนั้น... เป็นความรู้และการรักษาแบบโลกเดิม คือปี 2020 มันคือการรักษาแบบประยุกต์ มีการรักษาแผนปัจจุบันเข้ามาร่วมด้วย หากทดสอบโดยให้รักษาจะไม่มีปัญหาเพราะเธอเคยทำมาแล้ว แต่การทดสอบตอนนี้นั้น... ต้องตอบตามแบบหนังสือ พลิกแพลงมากไม่ได้ เลยทำให้เยว่หรูใช้เวลาในการทดสอบเรื่องการรักษาด้วยสมุนไพรค่อนข้างนานทำแบบทดสอบได้... แต่ไม่รู้จะผ่านไหม ต้องรอดูอย่างเดียว มั่นใจมากไม่ดี... จงรู้ไว้ว่าในหนังสือเรียนกับสถานการณ์จริงแตกต่างกันมาก แล้วคนที่เรียนจบมาจนทำงานแล้วแบบเธอ... บางอย่างในหนังสือเรียนที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็หลงลืมเป็นธรรมดา และที่สำคัญหนังสือเรียนแพทย์แผนจีนของที่นี่ก็ไม่ค่อยมีให้อ่านมากนัก"เสร็จแล้วค่ะ" เยว่หรูยื่นเอกสารให้คุณตา ก่อนจะมานั่งรอและมองทุกอย่างรอบ ๆ ตัว เหมือนที่นี

    Last Updated : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มา

    บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มาเยว่หรูเดินกลับบ้านในทิศทางเดิม เธอไม่ได้ออกนอกเส้นทางไปทางอื่นเลย มองเวลาแล้วเธอต้องรีบกลับ หากชักช้ามันอาจถึงบ้านมืดได้ เพราะตั้งใจเดินกลับบ้านเพื่อประหยัดเงิน"หนู ๆ ช่วยยายหน่อย" เสียงร้องเรียกใครไม่รู้ แต่เพราะมันเสียงดังเลยทำให้เยว่หรูที่กำลังรีบเดินกลับบ้านหันไปมองหาที่มาของเสียง"เรียกหนูเหรอคะ" เมื่อไม่เห็นใครนอกจากตัวเธอเองก็หันไปถามคุณยาย"ใช่ ๆ พอดียายจะกลับบ้านแต่ของมันเยอะ ช่วยถือไปส่งหน่อยได้ไหม ไม่ไกล ๆ ซอยข้างหน้านี่เอง" เมื่อเห็นเด็กสาวหันมามองแล้วเลยขอความช่วยเหลือ"อ้อ... ได้ค่ะคุณยาย" เยว่หรูมองกระสอบที่วางอยู่ใกล้ ๆ เลยเข้าไปช่วยหิ้วทันที"ยายเดินนำ ตามมาเลย" บอกจบก็เดินนำหน้าเลยส่วนเยว่หรูที่อุ้มกระสอบก็สงสัยว่าคืออะไรอยู่ข้างใน มันไม่ได้หนักมาก จากที่สัมผัสดูเหมือนเป็นผ้าเลย มัวแต่มองสิ่งที่ตัวเองถือและเดินตามหลังคุณยายเลยไม่ได้สังเกตสิ่งที่อยู่รอบข้าง"ส่งถึงตรงนี้แหละหนู ขอบใจมาก อันนี้ยายให้เป็นค่าตอบแทน" บอกพร้อมกับยื่นสร้อยข้อมือมาให้"ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย แค่นี้เองค่ะ" เยว่หรูบอกพลางวางกระสอบก่อนที่จะมองรอบ ๆ ความสงสัยก็เกิดขึ้นทั

    Last Updated : 2025-01-06

Latest chapter

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 53 ตอนพิเศษ

    บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัว

    บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 51 วันที่รอคอย

    บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 50 เรียนจบ

    บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 49 จุดไต้ตำตอ

    บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร

    บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 47 พบเจอพระเอก

    บทที่ 47 พบเจอพระเอกผ่านมาหนึ่งคืนแล้วที่เยว่หรูมาอยู่ที่ค่ายแรงงานแห่งนี้ หลังจากที่รวมตัวกันเมื่อวาน เพื่อไปทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำจุด ในตอนแรกเยว่หรูนึกว่าจะได้เจอกับพระเอกของนิยายเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยู่เลยไม่ได้เจอกัน แต่เยว่หรูรู้ดีว่ายังไงก็หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน"เยว่หรู เดี๋ยวคอยตามอาจารย์มานะ" อาจารย์หม่า ผู้มีลูกศิษย์เป็นของตัวเองเพียงไม่กี่คน เขาเลยอยากดูแลและสอนด้วยตัวเอง ส่วนคนอื่น ๆ จะมีอาจารย์ท่านอื่นช่วยดูแลเช่นกันเยว่หรูเดินตามอาจารย์ไปพร้อมกับเพื่อนอีกสี่คนรวมเธอด้วยก็เป็นห้าคน ซึ่งกลุ่มเธอมีเธอเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เข้าเรียนในห้องเรียนเหมือนคนอื่น ดีที่ว่าทุกคนนั้นไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นทำงานด้วยกันลำบากแน่ ๆ กลุ่มของเยว่หรูนั้นได้เดินดูงานก่อน เพราะที่ค่ายแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ที่คอยตรวจรักษาอยู่แล้ว เหมือนการเรียนรู้ก่อนที่จะเข้าไปตรวจจริง แต่ละคนจะได้รับมอบหมายว่าควรไปประจำอยู่จุดไหน ทุกคนได้รับมอบหมายจนหมด เหลือเยว่หรูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเดินตามอาจารย์หม่าเข้าไปที่พักด้านใน ซึ่งแยกออกจากสถานที่อื่น ลางสังหรณ์บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้ค

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 46  ออกค่าย

    บทที่ 46 ออกค่ายตั้งแต่วันที่บอกกับสามีเรื่องที่เธอท้อง ผ่านมาได้เกือบสามเดือนแล้ว ตอนนี้เยว่หรูท้องได้เกือบสี่เดือนแล้ว แต่ด้วยว่าท้องแรกยังมองเห็นไม่ชัดมากนัก หากใส่เสื้อผ้าปกปิดก็ไม่สามารถมองออกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ดีที่ว่าเธอไม่มีอาการแพ้ท้องเลย มีเพียงสามีของเธอเท่านั้นที่กินอาหารไม่ได้ พอกินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมา และยังคงห่วงเธอมากกว่าตัวเองเสียอีก ทั้งที่เธอนั้นแข็งแรง กินอาหารได้ทุกอย่าง หากว่าเขาไม่มีแรงไปส่งเธอทำงานก็ต้องให้พ่อเป็นคนมารับไปส่ง ต้องบอกว่าทั้งสองคนพ่อตากับลูกเขยนั้นเห่อมาก คาดว่าพอคลอดมาแล้วน่าจะแย่งกันอย่างแน่นอนในส่วนของพี่เหมยที่ตอนนี้ท้องโตมาก เพราะพี่เหมยท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว และที่น่ายินดีคือสามีของพี่เหมยกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่กว่าจะได้คุยกันก็ร้องไห้กอดกันทั้งคู่ แต่เท่าที่ดู สามีพี่เหมยก็ดูจะรักและเอาใจใส่ดูแลพี่เหมยเป็นอย่างมาก มันเลยทำให้เธอรู้สึกดีไปด้วย"ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก" ลู่หลินเข้ามากอดลูกสาวพร้อมกับกำชับอย่างดี"ไม่ไหวก็ต้องบอกนะ อย่าทำเอง อย่ายกของหนัก" จางหยวนก็กำชับลูกสาวด้วยเช่นกัน"หมอคะ... ให้พี่ไปด้วยไหม มีอะไรจะได้ช่วย" ลู่จิวเดิน

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 45 เป็นคำตอบที่บีบหัวใจ

    บทที่ 45 เป็นคำตอบที่บีบหัวใจเยว่หรูนั่งเงียบทันทีที่ได้รับคำตอบของคำถามที่เธอสงสัย จะไม่ให้เงียบได้ยังไง ในเมื่อคุณห่าวซวนกลับไปทำงานต่อเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าคนพวกนั้นจะไม่มายุ่งกับพี่เหมยและเธอ แต่เพราะงานมันอันตราย เขาเลยต้องบอกพี่เหมยแบบนั้น เพราะเขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะได้กลับมาไหม"นี่คือเหตุผลว่าทำไมทุกคนต้องพูดคุยกัน อย่าคิดไปเอง" เยว่หรูพูดขึ้นมาทำลายความเงียบพร้อมกับโอบกอดพี่สาวเหมยที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ "ไม่ต้องห่วง ผมแจ้งเรื่องเข้าไปที่หน่วยงานเก่าเรียบร้อยแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาเพราะมันมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และผมได้ส่งคนไปช่วยงานอีกหลายสิบคนแล้ว" หานหรงอี้พูดปลอบทั้งสองคน ที่คนหนึ่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้ อีกคนก็แยกเขี้ยวใส่เขาทั้งที่เขาก็ยอมตอบทุกคำถามแล้วหานหรงอี้ทำตามที่รับปากคนสนิทไว้ เขาค่อนข้างลำบากใจในเรื่องนี้ ยอมรับว่าหากภรรยาอยากรู้หรือมาบังคับให้เขาตอบ ให้ตายยังไงเขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ แต่ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดไม่ได้บอกนั้น เพราะภรรยาเขาถามไม่ได้บีบบังคับเอาคำตอบแบบวันนี้ ไม่รู้เพราะอะไร เขาไม่เคยขัดภรรยาได้เลย..."พ่อฉันทำคนเดียวหรือว่าทั้งครอบครั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status