Home / รักโบราณ / 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก / บทที่ 10 ทุกอย่างคือการลงทุน

Share

บทที่ 10 ทุกอย่างคือการลงทุน

last update Last Updated: 2025-01-05 20:44:53

บทที่ 10 ทุกอย่างคือการลงทุน

เยว่หรูมาเรียนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ได้เรียนรู้แนวทางที่เธอจะเรียนเกี่ยวกับแพทย์แผนโบราณของที่นี่ จะต้องเรียนจบอะไร แล้วไปต่อที่ไหน มันดีตรงที่ว่าในนิยายเรื่องนี้สามารถสอบเทียบได้ ไม่ต้องเรียนตรงตามเวลาที่ทางโรงเรียนกำหนดก็ได้ แค่สอบผ่านระดับตามที่ทางโรงเรียนกำหนดก็พอ การเรียนในมหาวิทยาลัยก็เช่นกัน สามารถสอบเทียบได้ 

ทุกวันก่อนกลับบ้าน เยว่หรูจะหิ้วปิ่นโตใส่อาหารกลับไปด้วย อาหารที่ได้มาก็คืออาหารที่เธอใช้คูปองที่คุณครู หมิงเว่ย ให้มาและนำไปยื่นที่โรงอาหาร เธอก็ได้ปิ่นโตใส่อาหารหนึ่งเถากลับบ้าน ในปิ่นโตจะมีข้าวและกับข้าวหนึ่งอย่าง บางวันอาจมีผลไม้เพิ่มให้หนึ่งอย่าง แต่ไม่ได้มีทุกวัน อาหารที่ได้ไม่ได้เยอะมากนัก แต่มันสามารถทำให้ครอบครัวของเธอประหยัดขึ้นและมีอาหารกินเพิ่มขึ้น พอเช้าวันต่อมาค่อยเอาปิ่นโตเปล่ามาส่งที่โรงอาหาร เยว่หรูทำแบบนี้ติดต่อกันตั้งแต่วันแรกที่มาเรียนแล้ว

เยว่หรูเริ่มปรับตัวได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การใช้ชีวิต วางแผนเพื่อที่จะเรียนในด้านที่ตัวเองถนัด วางแผนเรื่องช่วยเหลือครอบครัวเพื่อให้มีชีวิตดีขึ้น

ตอนนี้ในบ้านเธอมีผักที่ปลูกไว้กินเองหลายอย่าง เมล็ดผักก็ซื้อจากที่ร้านค้าชุมชน ซื้อได้เป็นบางอย่าง บางอย่างก็ห้ามขาย ตอนนี้เริ่มเข้าใจระบบเงินของที่นี่บ้างแล้ว ถึงในความเห็นส่วนตัวจะมองว่ามันแปลก ๆ บางอย่างมันไม่สมดุล สินค้าบางอย่างแพงมาก แต่บางอย่างที่น่าจะแพงกลับถูก 

ต้องบอกว่าเยว่หรูต้องปล่อยเรื่องค่าของเงิน ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่เพราะทำความเข้าใจยาก ราคาสินค้าหรือค่าใช้จ่ายค่าบริการ ทางรัฐบาลเป็นคนกำหนดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ต้องบอกว่าราคาซื้อขายทุกอย่างในประเทศนี้มีรัฐบาลเป็นคนกำหนดทั้งหมด 

"เยว่หรู อันนี้ของลูกสาวครู ไม่ได้ใช้แล้ว" หมิงเว่ยยื่นถุงเสื้อผ้าเก่าของลูกสาวให้ เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ เอามาให้คนที่ต้องการมันจะได้มีประโยชน์มากกว่าเก็บไว้เฉย ๆ และเด็กที่เขาเอามาให้ก็เป็นเด็กดี ตั้งใจทำทุกอย่างที่ตัวเองมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และที่สำคัญคือกตัญญูช่วยเหลือพ่อแม่ที่ยากจนด้วย ยิ่งได้รู้ว่าครอบครัวของเยว่หรูลำบากเลยทำให้อยากช่วยเหลือ ถึงมันจะไม่มากมายนัก แต่เขาก็เต็มใจที่จะช่วย

"ขอบคุณค่ะครู น้ำขิงต้มค่ะครู ต้องรีบกินก่อนที่มันจะเย็น" เยว่หรูยื่นกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่น้ำขิงส่งให้คุณครูที่เคารพพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ เพราะบ้านเธอไม่มีกระติกน้ำที่สามารถเก็บความร้อนได้ ส่วนมากจะใส่กระบอกไม้ไผ่และความร้อนมันอยู่ได้ไม่นาน ยิ่งเจออากาศหนาว ๆ ผ่านไปไม่นานน้ำก็เย็นแล้ว

"ขอบใจมาก เตรียมตัวไปเรียนได้แล้ว" คุณครูยิ้มกับความมีน้ำใจของครอบครัวเยว่หรู ถึงแม้จะยากจนแต่ก็มีน้ำใจ เมื่อไม่กี่วันก่อน พ่อของเยว่หรูมาขอบคุณเขาด้วยตัวเองที่ให้ความช่วยเหลือเยว่หรู ทั้งที่จริง ๆ แล้วเขาแค่แนะนำเพียงเท่านั้น ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายนัก

เยว่หรูเดินเข้าไปในห้องเรียน แล้วมองไปทางอาคารขนาดใหญ่ที่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันคือโรงพยาบาล สถานที่ที่เธอจะต้องพยายามเข้าไปทำงานที่นั่นให้ได้... เยว่หรูวาดฝันเอาไว้เพื่อจะได้มีกำลังใจ พอละสายตาจากตรงนั้นก็มองดูเพื่อนร่วมชั้น เธอพูดคุยได้กับทุกคนแต่ไม่ได้สนิทมากนัก ส่วนมากจะต่างคนต่างเรียน พูดคุยกันบ้างแค่บางครั้ง ส่วนมากจะถามเรื่องเรียนกันเท่านั้น

สามวันแรกเธอไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเพื่อนร่วมห้อง เหมือนไม่มีใครสนิทกับใครมากนัก แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน จนเยว่หรูที่ทนเก็บความสงสัยไม่ได้ เนื่องจากเธออยู่ในช่วงปรับตัวให้เข้ากับคนที่นี่... 

สิ่งไหนที่ไม่รู้ก็ต้องสอบถามไว้ก่อน คำตอบที่ได้คือห้องนี้คือห้องรวมนักเรียนเรียนดีเรียนเก่งที่มีโอกาสสอบเทียบจบ เลยเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างอยู่ แต่หากมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเรียนก็ช่วยเหลือหรือแนะนำกันได้  

"อาทิตย์หน้าจะเริ่มไปช่วยชาวบ้านที่หน่วยคอมมูน แต่จะไปวันไหนบ้าง เดี๋ยวครูมาแจ้งอีกทีอาทิตย์หน้าเลย ไปกินข้าวและพากันกลับบ้านดี ๆ วันหยุดหากมีเวลาอย่าลืมทบทวนเรื่องเรียน" คุณครูบอกเสร็จก็เดินออกจากห้องไป

ส่วนนักเรียนก็เก็บทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนพากันทยอยออกนอกห้องเรียน เยว่หรูคือคนที่หอบหิ้วสิ่งของหลายอย่างเลยทีเดียว แบกทั้งหนังสือและหอบถุงผ้าที่ครูให้ด้วย

"ตัวก็เล็ก... ยังจะหอบหิ้วของเยอะแยะ เอามานี่ ฉันช่วย... " พูดไม่ทันขาดคำก็มีมือมาแย่งถุงผ้าไปถือไว้เอง

"ขอบใจนะ" เยว่หรูยิ้มให้คนที่มีน้ำใจมาช่วยเธอถือ ไม่ปฏิเสธหากมีใครยื่นมือมาช่วยด้วยความหวังดี แต่หากรู้ว่าหวังดีประสงค์ร้ายค่อยว่ากันอีกที... และคนนี้คือคนที่ทักเธอวันแรกที่มาเรียน คนที่นั่งด้านหลังของเธอนั่นเอง...

"ฉันเป็นพี่เธอ" หลิงฟาง บอกยัยเด็กตัวเล็กให้เข้าใจ ตัวก็เล็ก... อายุก็น้อย...

"ขอบคุณค่ะ พี่หลิงฟาง" เยว่หรูยอมถอยเสมอ... ไม่ได้ห่วงเรื่องที่ว่าจริง ๆ แล้วเธอมีอายุมากกว่า อาจเป็นน้าหรือพี่สาว หรืออาจเป็นแม่ของหลิงฟางก็ยังได้ เพราะคนที่นี่แต่งงานกันเร็ว

เยว่หรูต้องทำตัวให้เหมือนกับเยว่หรูที่อายุสิบสี่ ให้เหมือนกับเจ้าของร่างนี้จริง ๆ แต่บางครั้งก็หลุดวางตัวทำท่าเหมือนผู้ใหญ่ บางครั้งเธอมองเพื่อนร่วมชั้นเป็นเด็กแทบทุกคน ยังดีที่คุณครูที่สอนนั้นอายุห้าสิบกว่าแล้ว หากมีอายุสักสามสิบ เยว่หรูอาจลืมตัวมองเป็นรุ่นพี่ก็ได้ 

บางอย่างต้องค่อย ๆ ปรับและทำตัวให้ชิน... ทั้งที่ใจจริงอยากทำให้ได้ เดี๋ยวนี้! ตอนนี้! แต่เพราะคนมันเคยเป็นแบบนี้มาแล้วยี่สิบกว่าปี.... ระยะเวลาเดือนกว่าที่มาอยู่ที่นี่... ปรับตัวได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว...

เมื่อสองสาวช่วยกันถือของเข้าไปในโรงอาหารแล้ว หลิวฟางก็แยกตัวออกไปเพื่อรับอาหารในส่วนของตัวเอง ส่วนเยว่หรูคิดว่าวันนี้จะกลับไปกินข้าวพร้อมพ่อกับแม่ที่หน่วยงานผลิต เพราะพ่อบอกว่าวันนี้จะมีลงงานแถวเส้นทางที่เธอเดินมาเรียนทุกวัน ซึ่งเดินออกจากโรงเรียนไม่นานก็จะเจอพ่อกับแม่เธอแล้ว เยว่หรูเลยขอให้ป้า ๆ ที่ทำหน้าที่แจกอาหาร เอาอาหารในส่วนของเธอใส่รวมในปิ่นโตที่ใช้คูปองแลกกลับบ้านทีเดียวเลย...

เยว่หรูเดินหอบหิ้วสิ่งของพะรุงพะรัง ทั้งถุงเสื้อผ้า ทั้งปิ่นโต และยังสะพายกระเป๋าหนังสือเรียนอีก หากเทียบกับขนาดตัวและน้ำหนักสิ่งของที่หอบหิ้วมานั้น... ต้องบอกว่ามันเกินตัวมากเลย แต่เพราะเยว่หรูคิดว่าเดินไม่ไกลก็เจอพ่อกับแม่แล้วเลยหอบทุกอย่างมา ไม่ทยอยเอามาเหมือนทุกครั้ง

"นังเด็กเหลือขอ!! " เสียงแหลมดังมาจากหลังต้นไม้ใหญ่

"ป้าน่าจะว่างเนอะ ทำไมถึงขี้อิจฉา มีปมหรือว่าอะไร" เยว่หรูมองซ้ายมองขวาจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครก็หันไปพูดกับนางหลิว หรือก็คือย่าเลี้ยงนั่นแหละ 

"แม่เจ้าเว้ย!! มึงกล้ายอกย้อนเหรอ เห็นเงียบ ๆ ที่แท้ก็สารเลวเหมือนแม่ไม่มีผิด!! " นางหลิวโมโหทันทีที่เห็นเด็กนี่มันยอกย้อน วันนี้มันปีกกล้าขาแข็งมาจากไหน ทำไมมันถึงกล้าที่จะยอกย้อน กล้าพูดกล้ามองหน้า ไม่เดินหนีเหมือนแต่ก่อน

"รู้เหรอว่าเลวเป็นแบบไหน... แบบป้าหรือเปล่า... หากมีเวลาก็คิดเยอะ ๆ หน่อยป้า รู้ว่าเด็กมันเดินหนีมันไม่คุย ก็ยังเสือกมาคุย คิดบ้างว่าที่เขาไม่คุยเพราะเขารังเกียจ ที่ไม่พูดไม่ได้กลัว พูดไปคนโง่แบบป้าจะเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้" เยว่หรูที่ปกติไม่ได้คุย ไม่ได้ตอบโต้ เพราะเธอคิดแบบนั้นจริง ๆ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมดที่เธอไม่ต่อปากต่อคำกับยัยป้านี่

"แก!! ปากดีนัก!! นังเด็กสารเลว!! ทุกคนมาดูกันเร็ว... นังเด็กนี่มันปากดี เถียงฉอด ๆ ยอกย้อนเก่ง  ไม่มีสัมมาคารวะ พ่อแม่มันไม่สั่งสอน!!! " นางหลิวโมโหโวยวายเสียงดัง จากคนที่อยู่ห่าง ๆ ก็เริ่มมีคนเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ

"เหมือนแม่ของป้าไหม... ที่ไม่สั่งสอนป้า ทำตัวแย่แบบนี้ไม่อายลูกหลานบ้างเหรอ" เมื่อเยว่หรูมองรอบ ๆ เริ่มมีคนเดินมาที่บริเวณที่เธออยู่ เป็นช่วงพักกลางวันของคนงานพอดี เยว่หรูเลยหันไปพูดท้าทายยัยป้าข้างบ้านคนนี้ หากเป็นต่อหน้าคนอื่นอาจเรียก ย่า หากไม่มีคนอื่นเรียกป้านี่ก็ถือว่าดีแล้ว ทั้งที่ใจจริงอยากเรียกอย่างอื่นมากกว่านี้ อยากจะหยุมหัวด้วย... แต่ต้องอดทน!!

"แก!! ปากดีนักใช่ไหม!! " นางหลิวโมโหหน้าดำหน้าแดง ไม่สามารถยั้งตัวเองได้ ผลักเยว่หรูล้มลงทันที

เพียะ!! เมื่อหลิวเจียอิงไม่สามารถยั้งอารมณ์กรุ่นโกรธได้... ก็ลงมือตบตีทันที...

Related chapters

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 11 ลงทุนเพื่อหวังผลกำไร

    บทที่ 11 ลงทุนเพื่อหวังผลกำไรเพียะ!! เมื่อหลิวเจียอิงไม่สามารถยั้งอารมณ์กรุ่นโกรธได้ก็ลงมือตบตีทันที"มึงอย่าอยู่เลยอีนังกาฝาก เลวทั้งแม่ทั้งลูก!! สารเลวทั้งครอบครัว!! " นางหลิวไม่สนใจสิ่งใด ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจว่ามีคนกำลังเดินเข้ามา ไม่ใช่แค่คนงาน ยังมีกลุ่มคุณครูของเยว่หรูเดินมาด้วยเมื่อทุกคนเห็นภาพตรงหน้า ต่างวิ่งเข้ามาช่วยแยกนางหลิวออกจากเยว่หรูทันที เยว่หรูโดนดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้เพราะมันชุลมุนวุ่นวายไปหมด "เจ็บไหมลูก" เสียงสั่นเครือของมารดาสอบถาม พร้อมกับจับลูกหันซ้ายหันขวาตรวจดูว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง"เจ็บ... ข้าวเราหกหมดเลย" เยว่หรูตอบพร้อมกับเม้มปากแน่น... แล้วชี้นิ้วไปทางปิ่นโตที่นอนแอ้งแม้งที่พื้น อาหารกลางวันของเธอกระจัดกระจายเต็มพื้น"ช่างมันลูก เยว่หรูเจ็บตรงไหนบ้าง" จางหยวนและภรรยาคือคนที่วิ่งมาดึงตัวลูกสาวออกมาตั้งแต่แรก จางหยวนผลักแม่เลี้ยงออกไปให้ห่างจากลูกสาวของเขาอย่างไม่สนใจหากเป็นแต่ก่อนเขาก็ยังพอที่จะพูดจาและไว้หน้าอยู่บ้าง ถึงจะไม่ชอบ แต่เห็นแก่พ่อของเขาเลยไม่สนใจแม่เลี้ยงมากนัก แต่ครั้งนี้ เขาเห็นแม่เลี้ยงทำร้ายลูกสาวต่อหน้าต่อตา ทั้งที่

    Last Updated : 2025-01-05
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับ

    บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับเยว่หรูรดน้ำผักอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ใบหน้าข้างหนึ่งจะบวมเป่งจากการถูกยัยป้าข้างบ้านตบ ไม่สิ... ป้าข้างบ้านไม่กล้าขนาดนี้ ส่วนมากแค่ชอบถาม อยากรู้อยากเห็นมากกว่า บางทีก็มีประโยชน์ เหมือนมีกล้องวงจรปิดประจำบ้านให้ด้วย แขกไปใครมาสามารถรู้หมด ไม่ต้องเสียเงินติดตั้งด้วย แถมรายงานผลรวดเร็วทันใจอีกต่างหากเมื่อรดน้ำผักเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เดินเก็บใบไม้แห้งทั้งหลายมาโยนใส่หลุมไว้ทำปุ๋ยใบไม้แห้ง ทำงานไปด้วยร้องเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี... ไม่ว่าเสียงร้องจะเหิน สำเนียงจะเพี้ยนแค่ไหนก็ยังร้องอย่างอารมณ์ดี...การลงทุนของเยว่หรูนั้นถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ทุกคนในหมู่บ้านเข้าข้างเธอเพียงแค่เห็นยัยป้านั่นด่าทอบ่อย ๆ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าที่เธอไม่ตอบโต้ไม่พูดไม่เถียง เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ยัยป้าทำ แต่พอเจอวันที่เธอเอาคืน ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการยั่วยุให้ยัยป้าโดดลงมาทำร้ายเธอเลยทำให้คนไม่เชื่อในสิ่งที่ยัยป้าพูดถึงมันจะดูสิ้นคิด แต่หากไม่ทำแบบนั้นเธอจะเอาอะไรไปสู้ ตบตีไม่มีทางชนะเพราะตัวเธอเล็กนิดเดียว จากที่ใช้สมองอันน้อยนิดคิดก็มีแต่เรื่องน

    Last Updated : 2025-01-05
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 13 เข้าเมืองคนเดียว

    บทที่ 13 เข้าเมืองคนเดียวเยว่หรูเริ่มชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่บ้างแล้ว ตอนเช้าจะช่วยแม่ทำงานบ้าน ช่วยพ่อรดน้ำผัก เริ่มทดลองปลูกสมุนไพรที่ทางการอนุญาตให้ปลูกได้ เยว่หรูมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสามเดือนแล้ว หมดหวังเรื่องมิติวิเศษเหมือนในนิยายที่ตัวเองชอบอ่าน... สามเดือนแล้วคงไม่มีมาแล้ว...เรื่องยัยป้ามหาภัยนั่นเริ่มดีขึ้น อาจเพราะยังไม่ได้เจอกัน... เลยยังไม่มีปัญหา และตั้งแต่ที่เธอพูดกับพ่อเมื่อวันนั้น พ่อก็พูดกับปู่ในวันที่ปู่เรียกพ่อไปหาอีกครั้ง ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าทำไมปู่ถึงชอบเรียกพ่อไปที่บ้านนั้นบ่อย ๆ ทำไมไม่มาดูบ้างว่าพ่ออยู่ยังไง แต่พอแม่บอกว่า... เพราะปู่ต้องการให้พ่อรู้ว่าที่นั่นก็คือครอบครัวพ่อเหมือนกันไม่รู้ว่าพวกเขานิยามคำว่าครอบครัวแบบไหน พ่อลำบากกว่าลูกคนอื่น ๆ อยากให้มาดูบ้านพ่อ ที่อยู่ที่นอนของพ่อเหลือเกิน หากเปรียบกับพวกเขาแล้ว แตกต่างกันอย่างมากยังดีที่ตอนนี้ครอบครัวของเธอได้เสื้อผ้ามาจากคุณครูที่โรงเรียนเอามาให้ เลยมีเสื้อผ้าใส่เปลี่ยนหลายชุด ภรรยาของคุณครูหมิงเว่ยก็เอาชุดที่ไม่ได้ใส่แล้วมาให้แม่ของเธอด้วย พ่อของเธอก็ได้เสื้อผ้าบางตัวของคุณครูหมิงเว่ย แต่แค่บางตั

    Last Updated : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบ

    บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบแบบทดสอบที่เยว่หรูได้รับมีทั้งหมดสองฉบับ... หนึ่งฉบับเป็นแบบทดสอบเกี่ยวกับความรู้สมุนไพรเบื้องต้น แบบที่สองคือการรักษาขั้นพื้นฐานของแพทย์แผนจีน... แบบทดสอบต้องตอบเป็นข้อเขียนทั้งหมด หรือก็คืออัตนัยนั่นเอง...ถึงแม้ว่าเยว่หรูจะเป็นแพทย์แผนจีนมาก่อน แต่ก็ยังไม่วางใจ เพราะสิ่งที่เธอถนัดและคุ้นเคยนั้น... เป็นความรู้และการรักษาแบบโลกเดิม คือปี 2020 มันคือการรักษาแบบประยุกต์ มีการรักษาแผนปัจจุบันเข้ามาร่วมด้วย หากทดสอบโดยให้รักษาจะไม่มีปัญหาเพราะเธอเคยทำมาแล้ว แต่การทดสอบตอนนี้นั้น... ต้องตอบตามแบบหนังสือ พลิกแพลงมากไม่ได้ เลยทำให้เยว่หรูใช้เวลาในการทดสอบเรื่องการรักษาด้วยสมุนไพรค่อนข้างนานทำแบบทดสอบได้... แต่ไม่รู้จะผ่านไหม ต้องรอดูอย่างเดียว มั่นใจมากไม่ดี... จงรู้ไว้ว่าในหนังสือเรียนกับสถานการณ์จริงแตกต่างกันมาก แล้วคนที่เรียนจบมาจนทำงานแล้วแบบเธอ... บางอย่างในหนังสือเรียนที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็หลงลืมเป็นธรรมดา และที่สำคัญหนังสือเรียนแพทย์แผนจีนของที่นี่ก็ไม่ค่อยมีให้อ่านมากนัก"เสร็จแล้วค่ะ" เยว่หรูยื่นเอกสารให้คุณตา ก่อนจะมานั่งรอและมองทุกอย่างรอบ ๆ ตัว เหมือนที่นี

    Last Updated : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มา

    บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มาเยว่หรูเดินกลับบ้านในทิศทางเดิม เธอไม่ได้ออกนอกเส้นทางไปทางอื่นเลย มองเวลาแล้วเธอต้องรีบกลับ หากชักช้ามันอาจถึงบ้านมืดได้ เพราะตั้งใจเดินกลับบ้านเพื่อประหยัดเงิน"หนู ๆ ช่วยยายหน่อย" เสียงร้องเรียกใครไม่รู้ แต่เพราะมันเสียงดังเลยทำให้เยว่หรูที่กำลังรีบเดินกลับบ้านหันไปมองหาที่มาของเสียง"เรียกหนูเหรอคะ" เมื่อไม่เห็นใครนอกจากตัวเธอเองก็หันไปถามคุณยาย"ใช่ ๆ พอดียายจะกลับบ้านแต่ของมันเยอะ ช่วยถือไปส่งหน่อยได้ไหม ไม่ไกล ๆ ซอยข้างหน้านี่เอง" เมื่อเห็นเด็กสาวหันมามองแล้วเลยขอความช่วยเหลือ"อ้อ... ได้ค่ะคุณยาย" เยว่หรูมองกระสอบที่วางอยู่ใกล้ ๆ เลยเข้าไปช่วยหิ้วทันที"ยายเดินนำ ตามมาเลย" บอกจบก็เดินนำหน้าเลยส่วนเยว่หรูที่อุ้มกระสอบก็สงสัยว่าคืออะไรอยู่ข้างใน มันไม่ได้หนักมาก จากที่สัมผัสดูเหมือนเป็นผ้าเลย มัวแต่มองสิ่งที่ตัวเองถือและเดินตามหลังคุณยายเลยไม่ได้สังเกตสิ่งที่อยู่รอบข้าง"ส่งถึงตรงนี้แหละหนู ขอบใจมาก อันนี้ยายให้เป็นค่าตอบแทน" บอกพร้อมกับยื่นสร้อยข้อมือมาให้"ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย แค่นี้เองค่ะ" เยว่หรูบอกพลางวางกระสอบก่อนที่จะมองรอบ ๆ ความสงสัยก็เกิดขึ้นทั

    Last Updated : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 16 ตอบแทนบุญคุณ... คนที่สมควรจะได้รับ

    บทที่ 16 ตอบแทนบุญคุณ... คนที่สมควรจะได้รับขอบคุณคุณยายที่มอบสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้หนู... ขอบคุณที่คุณยายยัดเยียดให้ทั้งที่ตอนแรกหนูปฏิเสธไปแล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะคะเยว่หรูกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง หลังจากที่พิสูจน์ได้แล้วว่า... สร้อยข้อมือนี้คือมิติบ้านของเธอ... หากอยากเข้าหรือออกเพียงเอามือสัมผัสที่สร้อยข้อมือก็สามารถเข้าออกได้ตามที่ใจต้องการเยว่หรูสามารถหยิบสิ่งของออกมาข้างนอกได้... มันเหมือนในนิยายที่เคยอ่านเจอ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งของที่เธอหยิบออกมาแล้วมันจะมีมาเติมให้ใหม่ไหม หรือว่าหมดแล้วหมดเลย เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาเป็นการพิสูจน์ "เอานมนี่แหละ... ลองก่อนเป็นอย่างแรก แล้วจับเวลาว่าด้านนอกกับในมิติบ้านนี้เวลาแตกต่างกันไหม" เยว่หรูพึมพำพร้อมกับหยิบนาฬิกาจับเวลา เพื่อพิสูจน์ว่าด้านนอกและด้านในมีเวลาเท่ากันไหมส่วนอาหารที่เอาออกมาก็ยังเอาอะไรออกมามากไม่ได้ หากแตกต่างมาก เยว่หรูจะยังไม่เอาออกไปข้างนอก เพราะมันต้องมีคำถามตามมาแน่ ๆ เธอยังไม่อยากให้ใครรับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้... ไม่รู้มีข้อห้ามอะไรไหม... หากบอกคนอื่นแล้วมิติบ้านหายไปล่ะ... เธอยังไม่อยากเสี่ยงในตอนนี้และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

    Last Updated : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 17 คนมาใหม่

    บทที่ 17 คนมาใหม่เมื่อคืนเยว่หรูเข้ามานอนในมิติบ้าน เพื่อเตรียมสิ่งของที่จะได้ทำอาหารในตอนเช้า เช้านี้เลยมีทั้งกับข้าวที่เป็นไข่ม้วน กับข้าวสวยร้อน ๆ และมีกระดูกหมูตุ๋นยาจีน เตรียมนมอุ่น ๆ และต้มยาสมุนไพรด้วย ตอนนี้ยังหาข้ออ้างไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าจะบอกว่าเอาสิ่งของพวกนี้มาจากไหน ต้องรอกลับจากโรงพยาบาลแล้วค่อยบอกเป็นค่าตอบแทน เพราะวันนี้เธอมีไปฝึกงานที่โรงพยาบาลส่วนมื้อเช้ามีแบบไหนก็คงต้องกินแบบนั้นไปก่อน ถึงจะอยากให้ทุกคนได้กินอาหารดี ๆ แต่หากไม่ระวัง... ความลับที่ต้องการปกปิดมันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป แล้วหากมันไม่ได้เป็นความลับ เรื่องที่เธอปิดบังทั้งหมดก็อาจถูกเปิดเผย... คนมีความลับเยอะอย่างเยว่หรูเลยต้องทำทุกอย่างให้แนบเนียน...ในโลกนี้ยุคนี้... กินดีอยู่ดีมากไปก็ไม่ดี... แต่หากหาที่มาที่ไปได้ก็ไม่มีปัญหา... รอให้เธอรู้ผลว่าผ่านการทดสอบเสียก่อน... เธอยังสามารถบอกว่าทุกอย่างที่ได้มาคือสิ่งของสนับสนุน แต่หากเธอไม่ผ่าน... ค่อยคิดหาวิธีอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร...เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เข้าไปอาบน้ำทาครีมบำรุง... ทำทุกอย่างแบบที่เคยทำในโลกเดิม ยังดีที่เครื่องสำอางที่ใช้..

    Last Updated : 2025-01-07
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 18 หานหรงอี้

    บทที่ 18 หานหรงอี้จางหยวนขอตัวจากกลุ่มคนมาใหม่และหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อจะได้รีบไปส่งลูกสาวแล้วไปทำธุระของเขาให้เรียบร้อย และที่เขารีบขอตัวออกมาเพราะเห็นกลุ่มคนมาใหม่มองลูกสาวของเขาไม่วางตาเลย ทั้งที่ลูกสาวเขายืนอยู่ด้านหลัง แต่ทุกคนก็ดูจะสนใจลูกสาวของเขา ทางที่ดีต้องรีบออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุดหานหรงอี้ มองตามคนตัวเล็กกับพ่อเดินไปจนสุดสายตา ทั้งที่คนตัวเล็กไม่ยอมหันมาทักทายหรือยิ้มแย้ม มันยิ่งทำให้เขาสนใจมากกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าเด็กสาวจะชอบคนที่มียศมีตำแหน่งหรอกหรือ การมาของพวกเขานั้นไม่ใช่ความลับ ยังไงสาวน้อยคงจะพอรู้ หากบอกว่าหลบเพราะเขินอายก็ไม่น่าจะใช่ เพราะสายตาที่ใช้มองพวกเขานั้นเหมือนรังเกียจมากกว่า"นายครับ เราต้องไปให้ทันเวลาหมอนัดนะครับ" ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาหานายที่ไม่สนใจจะไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเลย"จะรีบไปไหน โรงพยาบาลก็อยู่แค่นี้ ไม่ต้องตามกันมาเยอะแยะ กลับไปดูคนงานได้แล้ว" หานหรงอี้บอกลูกน้องที่ตามมาเป็นพรวน ทั้งที่อาการเขาดีขึ้นแล้ว เดินเหินได้เหมือนเดิม แต่คนพวกนี้ก็ยังจะตามติดเขาอยู่นั่นแหละ"นายมองสาวน้อยคนนั้นหรือกำลังชื่นชมธรรมชาติครับ" คนสนิทมองตามสายตาคนเป็นนาย

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 20  ความรู้สึกไม่ต่างกัน

    บทที่ 20 ความรู้สึกไม่ต่างกันเยว่หรูเดินตามมาที่ห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนค่อนข้างเป็นส่วนตัว ส่วนมากมีแต่ญาติของคนไข้ที่เฝ้าอยู่เพียงเท่านั้น พอเยว่หรูมาถึงอาจารย์ก็เริ่มสอนสิ่งต่าง ๆ โดยที่สอนตรวจคนไข้ว่าควรตรวจแบบไหน เพื่อประหยัดเวลาและได้ผลที่แม่นยำทุกอย่างดำเนินไปอย่างดี เนื่องจากคนไข้ยอมให้ตรวจดี ๆ นอนมองนิ่ง ๆ เพียงเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไล่หมอพยาบาลออกไปทั้งหมด แต่เขากลับให้ลูกศิษย์กับอาจารย์สองคนทั้งจับพลิกดูตามร่างกายได้ตามต้องการ"อาจารย์ จากที่หนูดูไม่ใช่แค่ร่างกายอย่างเดียว หนูคิดว่าน่าจะมาจากจิตใจและความคิดด้วย" เยว่หรูสังเกตคนไข้แล้วรู้สึกว่าช่างคุ้นเคยกับอาการนี้เหลือเกิน"มีความเป็นไปได้มากเลยทีเดียว" อาจารย์ก็เห็นด้วยกับที่ลูกศิษย์คนล่าสุดบอกมา"เยว่หรูจะรักษาด้วยวิธีไหน เขียนรายงานมาด้วย รักษาแค่เบื้องต้นก่อน ส่วนต้องการเบิกอะไรก็สามารถใช้ญาติของคนไข้ไปจัดการได้เลย และนี่คือเอกสารที่ต้องเขียนรายละเอียดยื่นให้สมาพันธ์ มีเอกสารด้วย เตรียมมาให้พร้อมแล้วเอามาให้อาจารย์ เข้าใจไหม และหากรักษาเบื้องต้นเสร็จก็กลับบ้านได้เลย อาจารย์ต้องรีบไปประชุม" อาจารย์หม่าสั่งงาน

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 19 เรียกร้อง

    บทที่ 19 เรียกร้องในทุกเช้า เยว่หรูจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำอาหารบำรุงหลายอย่าง ต้มน้ำแกง ต้มยาสมุนไพรต่าง ๆ และทำอาหารหลากหลายเมนูเก็บไว้ ในทุกวันที่ไปเรียน เยว่หรูต้องเอาน้ำต้มสมุนไพรไปฝากคุณครูหมิงเว่ยเธอยังไม่สามารถให้อย่างอื่นเพื่อตอบแทนคุณครูได้ เพราะครูรู้ดีว่าครอบครัวของเธอยากจน การที่จะได้กินหรือมีสิ่งของดี ๆ นั้นมันแทบไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เมื่อมีโอกาสเธอต้องตอบแทนแน่นอนในระหว่างที่ตัวเองกำลังคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก็ทำให้เธอค่อนข้างแปลกใจ เหมือนคนไข้ที่ชื่อหานหรงอี้นั้นไม่เป็นอะไรเลย การไหลเวียนของเลือดมันไม่สมดุลและเหมือนร่างกายมีภาวะเย็นมากเกินไป แต่เธอไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ เพราะการตรวจของเธอนั้นต้องยุติก่อนที่จะตรวจเสร็จ ยังไม่ได้ดู ดม และสอบถามเลย อาจารย์ก็บอกพอก่อนและให้เธอกลับมาทำรายงานส่งเยว่หรูมองไปที่สมุดรายงานของตัวเอง ก่อนที่จะจัดเตรียมอาหารให้เรียบร้อย เมื่อวานพ่อก็ต้องเดินไปรอรับ เพราะกว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็เริ่มเย็นแล้ว แล้วที่นี่จะมืดเร็วเสียด้วย หกโมงเย็นนี่เริ่มมืดแล้ว ทั้งที่เธออยากให้พ่อแม่พักผ่อนแต่ต้องไปรับเธอกลับ คงต้องหาวิธีอื่นรอแล้ว ไม่

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 18 หานหรงอี้

    บทที่ 18 หานหรงอี้จางหยวนขอตัวจากกลุ่มคนมาใหม่และหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อจะได้รีบไปส่งลูกสาวแล้วไปทำธุระของเขาให้เรียบร้อย และที่เขารีบขอตัวออกมาเพราะเห็นกลุ่มคนมาใหม่มองลูกสาวของเขาไม่วางตาเลย ทั้งที่ลูกสาวเขายืนอยู่ด้านหลัง แต่ทุกคนก็ดูจะสนใจลูกสาวของเขา ทางที่ดีต้องรีบออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุดหานหรงอี้ มองตามคนตัวเล็กกับพ่อเดินไปจนสุดสายตา ทั้งที่คนตัวเล็กไม่ยอมหันมาทักทายหรือยิ้มแย้ม มันยิ่งทำให้เขาสนใจมากกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าเด็กสาวจะชอบคนที่มียศมีตำแหน่งหรอกหรือ การมาของพวกเขานั้นไม่ใช่ความลับ ยังไงสาวน้อยคงจะพอรู้ หากบอกว่าหลบเพราะเขินอายก็ไม่น่าจะใช่ เพราะสายตาที่ใช้มองพวกเขานั้นเหมือนรังเกียจมากกว่า"นายครับ เราต้องไปให้ทันเวลาหมอนัดนะครับ" ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาหานายที่ไม่สนใจจะไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเลย"จะรีบไปไหน โรงพยาบาลก็อยู่แค่นี้ ไม่ต้องตามกันมาเยอะแยะ กลับไปดูคนงานได้แล้ว" หานหรงอี้บอกลูกน้องที่ตามมาเป็นพรวน ทั้งที่อาการเขาดีขึ้นแล้ว เดินเหินได้เหมือนเดิม แต่คนพวกนี้ก็ยังจะตามติดเขาอยู่นั่นแหละ"นายมองสาวน้อยคนนั้นหรือกำลังชื่นชมธรรมชาติครับ" คนสนิทมองตามสายตาคนเป็นนาย

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 17 คนมาใหม่

    บทที่ 17 คนมาใหม่เมื่อคืนเยว่หรูเข้ามานอนในมิติบ้าน เพื่อเตรียมสิ่งของที่จะได้ทำอาหารในตอนเช้า เช้านี้เลยมีทั้งกับข้าวที่เป็นไข่ม้วน กับข้าวสวยร้อน ๆ และมีกระดูกหมูตุ๋นยาจีน เตรียมนมอุ่น ๆ และต้มยาสมุนไพรด้วย ตอนนี้ยังหาข้ออ้างไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าจะบอกว่าเอาสิ่งของพวกนี้มาจากไหน ต้องรอกลับจากโรงพยาบาลแล้วค่อยบอกเป็นค่าตอบแทน เพราะวันนี้เธอมีไปฝึกงานที่โรงพยาบาลส่วนมื้อเช้ามีแบบไหนก็คงต้องกินแบบนั้นไปก่อน ถึงจะอยากให้ทุกคนได้กินอาหารดี ๆ แต่หากไม่ระวัง... ความลับที่ต้องการปกปิดมันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป แล้วหากมันไม่ได้เป็นความลับ เรื่องที่เธอปิดบังทั้งหมดก็อาจถูกเปิดเผย... คนมีความลับเยอะอย่างเยว่หรูเลยต้องทำทุกอย่างให้แนบเนียน...ในโลกนี้ยุคนี้... กินดีอยู่ดีมากไปก็ไม่ดี... แต่หากหาที่มาที่ไปได้ก็ไม่มีปัญหา... รอให้เธอรู้ผลว่าผ่านการทดสอบเสียก่อน... เธอยังสามารถบอกว่าทุกอย่างที่ได้มาคือสิ่งของสนับสนุน แต่หากเธอไม่ผ่าน... ค่อยคิดหาวิธีอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร...เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เข้าไปอาบน้ำทาครีมบำรุง... ทำทุกอย่างแบบที่เคยทำในโลกเดิม ยังดีที่เครื่องสำอางที่ใช้..

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 16 ตอบแทนบุญคุณ... คนที่สมควรจะได้รับ

    บทที่ 16 ตอบแทนบุญคุณ... คนที่สมควรจะได้รับขอบคุณคุณยายที่มอบสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้หนู... ขอบคุณที่คุณยายยัดเยียดให้ทั้งที่ตอนแรกหนูปฏิเสธไปแล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะคะเยว่หรูกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง หลังจากที่พิสูจน์ได้แล้วว่า... สร้อยข้อมือนี้คือมิติบ้านของเธอ... หากอยากเข้าหรือออกเพียงเอามือสัมผัสที่สร้อยข้อมือก็สามารถเข้าออกได้ตามที่ใจต้องการเยว่หรูสามารถหยิบสิ่งของออกมาข้างนอกได้... มันเหมือนในนิยายที่เคยอ่านเจอ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งของที่เธอหยิบออกมาแล้วมันจะมีมาเติมให้ใหม่ไหม หรือว่าหมดแล้วหมดเลย เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาเป็นการพิสูจน์ "เอานมนี่แหละ... ลองก่อนเป็นอย่างแรก แล้วจับเวลาว่าด้านนอกกับในมิติบ้านนี้เวลาแตกต่างกันไหม" เยว่หรูพึมพำพร้อมกับหยิบนาฬิกาจับเวลา เพื่อพิสูจน์ว่าด้านนอกและด้านในมีเวลาเท่ากันไหมส่วนอาหารที่เอาออกมาก็ยังเอาอะไรออกมามากไม่ได้ หากแตกต่างมาก เยว่หรูจะยังไม่เอาออกไปข้างนอก เพราะมันต้องมีคำถามตามมาแน่ ๆ เธอยังไม่อยากให้ใครรับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้... ไม่รู้มีข้อห้ามอะไรไหม... หากบอกคนอื่นแล้วมิติบ้านหายไปล่ะ... เธอยังไม่อยากเสี่ยงในตอนนี้และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มา

    บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มาเยว่หรูเดินกลับบ้านในทิศทางเดิม เธอไม่ได้ออกนอกเส้นทางไปทางอื่นเลย มองเวลาแล้วเธอต้องรีบกลับ หากชักช้ามันอาจถึงบ้านมืดได้ เพราะตั้งใจเดินกลับบ้านเพื่อประหยัดเงิน"หนู ๆ ช่วยยายหน่อย" เสียงร้องเรียกใครไม่รู้ แต่เพราะมันเสียงดังเลยทำให้เยว่หรูที่กำลังรีบเดินกลับบ้านหันไปมองหาที่มาของเสียง"เรียกหนูเหรอคะ" เมื่อไม่เห็นใครนอกจากตัวเธอเองก็หันไปถามคุณยาย"ใช่ ๆ พอดียายจะกลับบ้านแต่ของมันเยอะ ช่วยถือไปส่งหน่อยได้ไหม ไม่ไกล ๆ ซอยข้างหน้านี่เอง" เมื่อเห็นเด็กสาวหันมามองแล้วเลยขอความช่วยเหลือ"อ้อ... ได้ค่ะคุณยาย" เยว่หรูมองกระสอบที่วางอยู่ใกล้ ๆ เลยเข้าไปช่วยหิ้วทันที"ยายเดินนำ ตามมาเลย" บอกจบก็เดินนำหน้าเลยส่วนเยว่หรูที่อุ้มกระสอบก็สงสัยว่าคืออะไรอยู่ข้างใน มันไม่ได้หนักมาก จากที่สัมผัสดูเหมือนเป็นผ้าเลย มัวแต่มองสิ่งที่ตัวเองถือและเดินตามหลังคุณยายเลยไม่ได้สังเกตสิ่งที่อยู่รอบข้าง"ส่งถึงตรงนี้แหละหนู ขอบใจมาก อันนี้ยายให้เป็นค่าตอบแทน" บอกพร้อมกับยื่นสร้อยข้อมือมาให้"ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย แค่นี้เองค่ะ" เยว่หรูบอกพลางวางกระสอบก่อนที่จะมองรอบ ๆ ความสงสัยก็เกิดขึ้นทั

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบ

    บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบแบบทดสอบที่เยว่หรูได้รับมีทั้งหมดสองฉบับ... หนึ่งฉบับเป็นแบบทดสอบเกี่ยวกับความรู้สมุนไพรเบื้องต้น แบบที่สองคือการรักษาขั้นพื้นฐานของแพทย์แผนจีน... แบบทดสอบต้องตอบเป็นข้อเขียนทั้งหมด หรือก็คืออัตนัยนั่นเอง...ถึงแม้ว่าเยว่หรูจะเป็นแพทย์แผนจีนมาก่อน แต่ก็ยังไม่วางใจ เพราะสิ่งที่เธอถนัดและคุ้นเคยนั้น... เป็นความรู้และการรักษาแบบโลกเดิม คือปี 2020 มันคือการรักษาแบบประยุกต์ มีการรักษาแผนปัจจุบันเข้ามาร่วมด้วย หากทดสอบโดยให้รักษาจะไม่มีปัญหาเพราะเธอเคยทำมาแล้ว แต่การทดสอบตอนนี้นั้น... ต้องตอบตามแบบหนังสือ พลิกแพลงมากไม่ได้ เลยทำให้เยว่หรูใช้เวลาในการทดสอบเรื่องการรักษาด้วยสมุนไพรค่อนข้างนานทำแบบทดสอบได้... แต่ไม่รู้จะผ่านไหม ต้องรอดูอย่างเดียว มั่นใจมากไม่ดี... จงรู้ไว้ว่าในหนังสือเรียนกับสถานการณ์จริงแตกต่างกันมาก แล้วคนที่เรียนจบมาจนทำงานแล้วแบบเธอ... บางอย่างในหนังสือเรียนที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็หลงลืมเป็นธรรมดา และที่สำคัญหนังสือเรียนแพทย์แผนจีนของที่นี่ก็ไม่ค่อยมีให้อ่านมากนัก"เสร็จแล้วค่ะ" เยว่หรูยื่นเอกสารให้คุณตา ก่อนจะมานั่งรอและมองทุกอย่างรอบ ๆ ตัว เหมือนที่นี

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 13 เข้าเมืองคนเดียว

    บทที่ 13 เข้าเมืองคนเดียวเยว่หรูเริ่มชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่บ้างแล้ว ตอนเช้าจะช่วยแม่ทำงานบ้าน ช่วยพ่อรดน้ำผัก เริ่มทดลองปลูกสมุนไพรที่ทางการอนุญาตให้ปลูกได้ เยว่หรูมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสามเดือนแล้ว หมดหวังเรื่องมิติวิเศษเหมือนในนิยายที่ตัวเองชอบอ่าน... สามเดือนแล้วคงไม่มีมาแล้ว...เรื่องยัยป้ามหาภัยนั่นเริ่มดีขึ้น อาจเพราะยังไม่ได้เจอกัน... เลยยังไม่มีปัญหา และตั้งแต่ที่เธอพูดกับพ่อเมื่อวันนั้น พ่อก็พูดกับปู่ในวันที่ปู่เรียกพ่อไปหาอีกครั้ง ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าทำไมปู่ถึงชอบเรียกพ่อไปที่บ้านนั้นบ่อย ๆ ทำไมไม่มาดูบ้างว่าพ่ออยู่ยังไง แต่พอแม่บอกว่า... เพราะปู่ต้องการให้พ่อรู้ว่าที่นั่นก็คือครอบครัวพ่อเหมือนกันไม่รู้ว่าพวกเขานิยามคำว่าครอบครัวแบบไหน พ่อลำบากกว่าลูกคนอื่น ๆ อยากให้มาดูบ้านพ่อ ที่อยู่ที่นอนของพ่อเหลือเกิน หากเปรียบกับพวกเขาแล้ว แตกต่างกันอย่างมากยังดีที่ตอนนี้ครอบครัวของเธอได้เสื้อผ้ามาจากคุณครูที่โรงเรียนเอามาให้ เลยมีเสื้อผ้าใส่เปลี่ยนหลายชุด ภรรยาของคุณครูหมิงเว่ยก็เอาชุดที่ไม่ได้ใส่แล้วมาให้แม่ของเธอด้วย พ่อของเธอก็ได้เสื้อผ้าบางตัวของคุณครูหมิงเว่ย แต่แค่บางตั

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับ

    บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับเยว่หรูรดน้ำผักอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ใบหน้าข้างหนึ่งจะบวมเป่งจากการถูกยัยป้าข้างบ้านตบ ไม่สิ... ป้าข้างบ้านไม่กล้าขนาดนี้ ส่วนมากแค่ชอบถาม อยากรู้อยากเห็นมากกว่า บางทีก็มีประโยชน์ เหมือนมีกล้องวงจรปิดประจำบ้านให้ด้วย แขกไปใครมาสามารถรู้หมด ไม่ต้องเสียเงินติดตั้งด้วย แถมรายงานผลรวดเร็วทันใจอีกต่างหากเมื่อรดน้ำผักเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เดินเก็บใบไม้แห้งทั้งหลายมาโยนใส่หลุมไว้ทำปุ๋ยใบไม้แห้ง ทำงานไปด้วยร้องเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี... ไม่ว่าเสียงร้องจะเหิน สำเนียงจะเพี้ยนแค่ไหนก็ยังร้องอย่างอารมณ์ดี...การลงทุนของเยว่หรูนั้นถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ทุกคนในหมู่บ้านเข้าข้างเธอเพียงแค่เห็นยัยป้านั่นด่าทอบ่อย ๆ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าที่เธอไม่ตอบโต้ไม่พูดไม่เถียง เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ยัยป้าทำ แต่พอเจอวันที่เธอเอาคืน ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการยั่วยุให้ยัยป้าโดดลงมาทำร้ายเธอเลยทำให้คนไม่เชื่อในสิ่งที่ยัยป้าพูดถึงมันจะดูสิ้นคิด แต่หากไม่ทำแบบนั้นเธอจะเอาอะไรไปสู้ ตบตีไม่มีทางชนะเพราะตัวเธอเล็กนิดเดียว จากที่ใช้สมองอันน้อยนิดคิดก็มีแต่เรื่องน

DMCA.com Protection Status