หน้าหลัก / รักโบราณ / 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก / บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มา

แชร์

บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มา

ผู้เขียน: จินเหมยเทียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-06 22:51:02

บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มา

เยว่หรูเดินกลับบ้านในทิศทางเดิม เธอไม่ได้ออกนอกเส้นทางไปทางอื่นเลย มองเวลาแล้วเธอต้องรีบกลับ หากชักช้ามันอาจถึงบ้านมืดได้ เพราะตั้งใจเดินกลับบ้านเพื่อประหยัดเงิน

"หนู ๆ ช่วยยายหน่อย" เสียงร้องเรียกใครไม่รู้ แต่เพราะมันเสียงดังเลยทำให้เยว่หรูที่กำลังรีบเดินกลับบ้านหันไปมองหาที่มาของเสียง

"เรียกหนูเหรอคะ" เมื่อไม่เห็นใครนอกจากตัวเธอเองก็หันไปถามคุณยาย

"ใช่ ๆ พอดียายจะกลับบ้านแต่ของมันเยอะ ช่วยถือไปส่งหน่อยได้ไหม ไม่ไกล ๆ ซอยข้างหน้านี่เอง" เมื่อเห็นเด็กสาวหันมามองแล้วเลยขอความช่วยเหลือ

"อ้อ... ได้ค่ะคุณยาย" เยว่หรูมองกระสอบที่วางอยู่ใกล้ ๆ เลยเข้าไปช่วยหิ้วทันที

"ยายเดินนำ ตามมาเลย" บอกจบก็เดินนำหน้าเลย

ส่วนเยว่หรูที่อุ้มกระสอบก็สงสัยว่าคืออะไรอยู่ข้างใน มันไม่ได้หนักมาก จากที่สัมผัสดูเหมือนเป็นผ้าเลย มัวแต่มองสิ่งที่ตัวเองถือและเดินตามหลังคุณยายเลยไม่ได้สังเกตสิ่งที่อยู่รอบข้าง

"ส่งถึงตรงนี้แหละหนู ขอบใจมาก อันนี้ยายให้เป็นค่าตอบแทน" บอกพร้อมกับยื่นสร้อยข้อมือมาให้

"ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย แค่นี้เองค่ะ" เยว่หรูบอกพลางวางกระสอบก่อนที่จะมองรอบ ๆ ความสงสัยก็เกิดขึ้นทันที... ทำไมซอยนี้มันเงียบเหงา เหมือนไม่มีคนอยู่เลย หรือเขาไปทำงานกันหมด

"ผู้ใหญ่ให้แล้วก็ต้องรับ... เอาไป... มันคือสร้อยข้อมือที่ทำจากลูกปัดธรรมดานี่เอง อย่าได้เกรงใจ" คุณยายยังยัดสร้อยข้อมือมาให้

"คุณยายคะ... หนูว่ามันเหมือนไข่มุก" เยว่หรูมองดูก็คิดว่ามันเหมือนไข่มุกมากกว่า ไม่น่าจะใช่สร้อยลูกปัดธรรมดา... คุณยายดูผิดแน่ ๆ

"เวร... กรรม... หายไปไหนแล้ว" พอเงยหน้ามองกลับไม่มีคนอยู่เลย ไม่เห็นใครเลย สิ่งของก็ไม่มี อยู่ ๆ ขนก็ลุกตั้งทั้งตัว... เสียวสันหลังจนต้องกลับหลังหันวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว...

พอวิ่งมาจุดที่เริ่มมีผู้คน เยว่หรูก็ต้องหยุดพักหายใจก่อนที่จะมองกลับไปทางทิศทางเดิม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามองไปก็ไม่เห็นอะไร แต่ก็ยังอยากจะมอง กลัวว่าจะมีอะไรวิ่งตามมา คืออะไรเข้าเมืองคนเดียว... วันแรกก็เจอผีหลอก... 

เยว่หรูก้มมองสร้อยข้อมือลูกปัดเม็ดเล็ก ๆ บนข้อมือ... แต่บางครั้งมันก็เหมือนไข่มุก เพราะไม่รู้ว่ามันจะใช่ไข่มุกจริง ๆ ไหม ใช่หรือไม่ใช่ไม่สำคัญ... ตอนนี้เธอถอดมันไม่ออก!! 

"เยว่เยว่... หายใจลึก ๆ สติมา ปัญญาเกิด แต่ผีก็น่ากลัว... " เยว่หรูเรียกชื่อตัวเองที่เธอใช้ในโลกก่อน ก่อนที่จะตั้งสติผ่อนลมหายใจเบา ๆ พยายามถอดยังไงมันก็ถอดไม่ออก เวรหรือกรรมหรือบุญ.... 

"เดี๋ยวก่อนเยว่เยว่... ในนิยายเคยมี... มันอาจจะเป็นสร้อยข้อมือวิเศษก็ได้... แต่มันก็อาจเป็นสร้อยข้อมือผีสิงด้วยก็ได้... " ตอนนี้เยว่หรูเหมือนคนบ้าที่ยืนคุยอยู่คนเดียว ยังดีที่ตรงนี้ไม่มีคนอยู่... ไม่อย่างนั้นทุกคนต้องคิดว่าเธอเป็นบ้าแน่ ๆ 

เยว่หรูเดินกลับเหมือนคนหมดแรง อยากถอดสร้อยข้อมือออกก็ถอดไม่ได้ ในใจก็ภาวนาให้เป็นสร้อยข้อมือมิติหรืออะไรก็ได้ ที่ไม่เกี่ยวกับผีหรือวิญญาณชั่วร้ายดูดกินเลือดจนหมดตัว ของวิเศษก็อยากได้ แต่ก็ยังกลัวอยู่..

"เยว่เยว่... " เสียงเรียกมาก่อนที่เธอจะเห็นเจ้าของเสียงเสียอีก เยว่เยว่ คือชื่อที่คนชอบเรียกในโลกก่อน... ส่วนในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนที่เรียกเธอแบบนี้

"พ่อ... แม่... " เยว่หรูตะโกนกลับไปเช่นกัน เธอจำเสียงเรียกชื่อนี้ได้ดี เยว่เยว่ คือชื่อที่แม่ชอบเรียกตั้งแต่เด็ก แต่ช่วงหลังมานี้ ยัยเด็กเยว่หรูคนเก่าดันไม่ยอมให้แม่เรียกชื่อนั้น... เพิ่งจะกลับมาเรียกเมื่อไม่กี่วันนี้เอง...

"เหนื่อยไหมลูก ส่งมาให้พ่อถือเร็ว" ที่จางหยวนถามเพราะเห็นท่าทางของลูกสาวเหมือนคนหมดแรงเลยอาสาถือกระเป๋าหนังสือให้

"ไม่เหนื่อยเลยค่ะ" เยว่หรูกอดแขนพ่อกับแม่คนละข้าง

"พ่อกับแม่เลิกงานมาแล้ว แต่ยังไม่เห็นลูกกลับเลยมาดักรอ... ไปเร็ว เราเดินไปด้วยคุยกันไปด้วยดีกว่า" ลู่หลินดึงแขนลูกสาวให้เดินกลับบ้านจะได้รีบไปพักผ่อน  

หลังจากที่เยว่หรูกินข้าว... พูดคุยและบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ กับครอบครัวก็แยกย้ายอาบน้ำเข้านอน แม่ต้องการให้เธอนอนพักผ่อน ห่วงโน่นนั่นนี่ทุกอย่าง... แค่เข้าไปในเมืองยังขนาดนี้ หากได้เดินทางไกลกว่านี้จะขนาดไหน พอคนเราได้รับความรัก ความเอ็นดู ความห่วงใย... มันก็ทำให้เรายิ้มได้ เยว่หรูโชคดีที่มีคนที่รัก... รักมากด้วย

เยว่หรูนอนบนเตียงเตาห่มผ้าห่มผืนเก่า... ดีที่ไม่เหม็น มันเลยทำให้เธออยู่ที่นี่ได้อย่างสบาย ถึงจะยากจน แต่เสื้อผ้าคนในบ้านนั้นกลับสะอาดสะอ้าน บางตัวเก่าจนขาดแต่ก็ยังไม่มีกลิ่นเหม็นและยังดูสะอาด ทุกอย่างที่ดูดีก็เพราะแม่ของเธออีกนั่นแหละ...

เพราะถูกขอให้เข้ามานอนแต่หัววัน มันเลยทำให้เยว่หรูนอนไม่หลับเลยต้องหยิบสมุดเล่มเก่ามาเขียนบันทึก... ว่าพรุ่งนี้และวันต่อไปจะทำอะไรบ้าง 

ตอนกินข้าวคุยเรื่องผักที่ปลูกไว้นั้นมันไม่ค่อยโต ส่วนสมุนไพรก็เหมือนจะไม่รอด ทั้งที่เยว่หรูดูแลอย่างดี เยว่หรูเลยต้องหาวิธีใหม่เพราะดินที่บ้านมันไม่ดี บำรุงดินก็ต้องใช้เวลา ปุ๋ยใบไม้แห้งก็ยังไม่เห็นผลเพราะขาดมูลสัตว์ มันเลยต้องใช้เวลานานกว่าจะใช้ได้ คงต้องไปขุดดินแถวท้องนาไม่ก็แถวคลองด้านหลังหมู่บ้านมาลองปลูกผัก อาจดีกว่าดินที่บ้าน

เมื่อวางแผนเรื่องปลูกพืชสมุนไพรเรียบร้อยแล้ว ก็นอนคิดวางแผนเรื่องอื่นเรื่อย ๆ ว่าควรทำอะไรต่อจากนี้ เยว่หรูเอานิ้วเรียวเล็กค่อย ๆ เขี่ยสร้อยข้อมือลูกปัด เธอลืมเรื่องนี้ไปเลย.... 

เยว่หรูจ้องมองสร้อยข้อมือดั่งต้องมนต์... ยิ่งมองยิ่งไม่อาจละสายตาได้ จนกระทั่ง...

พรึ่บ!!! 

ดวงตาของเยว่หรูเบิกกว้างทันทีที่มองเห็นสิ่งรอบข้าง...

บ้านของเธอ!! เยว่หรูกลับมาบ้านของเธอ... เมื่อตั้งสติได้ เยว่หรูเริ่มสำรวจบ้านของตัวเองทันที... 

เท่าที่ดูคร่าว ๆ ทุกอย่างอยู่ครบ สินค้า 8 เดือน 8 ก็ถูกวางไว้ที่ห้องรับแขก อาหารมากมายที่อยู่ในห้องเก็บของ แม้แต่ในตู้เย็นก็ยังมีกล่องอาหารคลีนที่เธอสั่งซื้อมาไว้ก่อนที่เธอจะหลุดเข้ามาในหนังสือ

"เพื่อความแน่ใจ... " เยว่หรูพึมพำเสร็จก็รีบวิ่งไปส่องกระจกที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดทันที เพื่อยืนยันว่า... เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอก่อนหน้านี้... คือเรื่องจริงหรือเป็นเพียงความฝัน...

"เยว่หรู... นางเอกตัวปลอมต้องน่ารักขนาดนี้เลยเหรอ... " สิ่งที่เยว่หรูเห็นในกระจกคือ... เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ ผอม ๆ ถึงจะดูผอมไปหน่อย แต่บอกได้เลยว่าเยว่หรูคนนี้น่ารักมาก ยิ่งเวลาที่เยว่หรูยิ้มเห็นลักยิ้มบนแก้มทั้งสอง ยิ่งทำให้น่ามองขึ้นอีกเป็นกองเลย

เยว่หรู... ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้หนูอยู่ที่ไหน... ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันเข้ามาอยู่แทนหนูได้ยังไง...

ขอให้หนูอยู่ในที่... ที่มีความรักอย่างที่หนูต้องการ มีความสุขและมีชีวิตที่ดี...

ฉันก็จะใช้ชีวิตให้ดีเหมือนกัน... จะดูแลคนที่สมควรดูแล... จะเลือกเส้นทางที่ดีสำหรับการใช้ชีวิตเช่นกัน...

เยว่หรูจ้องมองตัวเองในกระจก... แล้วตั้งจิต... คิดในสิ่งที่เธอต้องการบอกกล่าวแก่ร่างเดิม...  

"ลำดับต่อไปคือ... ต้องลองกินของในนี้" พิสูจน์แล้วว่าเธอคือสาวน้อยเยว่หรู ลำดับต่อไปคือของที่เห็นในบ้านนี้กินได้ไหม...

เยว่หรูไม่รอช้า จัดการทดลองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นที่แสนคิดถึง การเปิดดูทีวี ทดลองเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ลองเล่นอินเทอร์เน็ต ทุกอย่างที่โลกเดิมใช้ได้... ตอนนี้ทุกอย่างก็ใช้ได้เหมือนเดิม...

เยว่หรูกล่าวขอโทษ ขออภัย เรื่องที่เธอบอกว่าโดนผีหลอก เสร็จแล้วก็กล่าวขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเซียน หรือเทวดาทุกองค์ หรืออาจเป็นนักเขียนที่ประทานมิติที่เป็นบ้านของเธอมาให้... ถึงจะเคยวาดฝันว่าอยากได้ห้างเป็นมิติเหมือนในนิยาย แต่ตอนนี้บ้านเธอนี่แหละดีแล้ว มันดีมาก ๆ ถึงแม้มันจะมาช้ากว่าเธอตั้งสามเดือน... แต่ก็กราบงาม ๆ... มาช้าดีกว่าไม่มา... มีดีกว่าไม่มี..

บทที่เกี่ยวข้อง

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 16 ตอบแทนบุญคุณ... คนที่สมควรจะได้รับ

    บทที่ 16 ตอบแทนบุญคุณ... คนที่สมควรจะได้รับขอบคุณคุณยายที่มอบสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้หนู... ขอบคุณที่คุณยายยัดเยียดให้ทั้งที่ตอนแรกหนูปฏิเสธไปแล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะคะเยว่หรูกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง หลังจากที่พิสูจน์ได้แล้วว่า... สร้อยข้อมือนี้คือมิติบ้านของเธอ... หากอยากเข้าหรือออกเพียงเอามือสัมผัสที่สร้อยข้อมือก็สามารถเข้าออกได้ตามที่ใจต้องการเยว่หรูสามารถหยิบสิ่งของออกมาข้างนอกได้... มันเหมือนในนิยายที่เคยอ่านเจอ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งของที่เธอหยิบออกมาแล้วมันจะมีมาเติมให้ใหม่ไหม หรือว่าหมดแล้วหมดเลย เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาเป็นการพิสูจน์ "เอานมนี่แหละ... ลองก่อนเป็นอย่างแรก แล้วจับเวลาว่าด้านนอกกับในมิติบ้านนี้เวลาแตกต่างกันไหม" เยว่หรูพึมพำพร้อมกับหยิบนาฬิกาจับเวลา เพื่อพิสูจน์ว่าด้านนอกและด้านในมีเวลาเท่ากันไหมส่วนอาหารที่เอาออกมาก็ยังเอาอะไรออกมามากไม่ได้ หากแตกต่างมาก เยว่หรูจะยังไม่เอาออกไปข้างนอก เพราะมันต้องมีคำถามตามมาแน่ ๆ เธอยังไม่อยากให้ใครรับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้... ไม่รู้มีข้อห้ามอะไรไหม... หากบอกคนอื่นแล้วมิติบ้านหายไปล่ะ... เธอยังไม่อยากเสี่ยงในตอนนี้และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 17 คนมาใหม่

    บทที่ 17 คนมาใหม่เมื่อคืนเยว่หรูเข้ามานอนในมิติบ้าน เพื่อเตรียมสิ่งของที่จะได้ทำอาหารในตอนเช้า เช้านี้เลยมีทั้งกับข้าวที่เป็นไข่ม้วน กับข้าวสวยร้อน ๆ และมีกระดูกหมูตุ๋นยาจีน เตรียมนมอุ่น ๆ และต้มยาสมุนไพรด้วย ตอนนี้ยังหาข้ออ้างไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าจะบอกว่าเอาสิ่งของพวกนี้มาจากไหน ต้องรอกลับจากโรงพยาบาลแล้วค่อยบอกเป็นค่าตอบแทน เพราะวันนี้เธอมีไปฝึกงานที่โรงพยาบาลส่วนมื้อเช้ามีแบบไหนก็คงต้องกินแบบนั้นไปก่อน ถึงจะอยากให้ทุกคนได้กินอาหารดี ๆ แต่หากไม่ระวัง... ความลับที่ต้องการปกปิดมันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป แล้วหากมันไม่ได้เป็นความลับ เรื่องที่เธอปิดบังทั้งหมดก็อาจถูกเปิดเผย... คนมีความลับเยอะอย่างเยว่หรูเลยต้องทำทุกอย่างให้แนบเนียน...ในโลกนี้ยุคนี้... กินดีอยู่ดีมากไปก็ไม่ดี... แต่หากหาที่มาที่ไปได้ก็ไม่มีปัญหา... รอให้เธอรู้ผลว่าผ่านการทดสอบเสียก่อน... เธอยังสามารถบอกว่าทุกอย่างที่ได้มาคือสิ่งของสนับสนุน แต่หากเธอไม่ผ่าน... ค่อยคิดหาวิธีอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร...เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เข้าไปอาบน้ำทาครีมบำรุง... ทำทุกอย่างแบบที่เคยทำในโลกเดิม ยังดีที่เครื่องสำอางที่ใช้..

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 18 หานหรงอี้

    บทที่ 18 หานหรงอี้จางหยวนขอตัวจากกลุ่มคนมาใหม่และหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อจะได้รีบไปส่งลูกสาวแล้วไปทำธุระของเขาให้เรียบร้อย และที่เขารีบขอตัวออกมาเพราะเห็นกลุ่มคนมาใหม่มองลูกสาวของเขาไม่วางตาเลย ทั้งที่ลูกสาวเขายืนอยู่ด้านหลัง แต่ทุกคนก็ดูจะสนใจลูกสาวของเขา ทางที่ดีต้องรีบออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุดหานหรงอี้ มองตามคนตัวเล็กกับพ่อเดินไปจนสุดสายตา ทั้งที่คนตัวเล็กไม่ยอมหันมาทักทายหรือยิ้มแย้ม มันยิ่งทำให้เขาสนใจมากกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าเด็กสาวจะชอบคนที่มียศมีตำแหน่งหรอกหรือ การมาของพวกเขานั้นไม่ใช่ความลับ ยังไงสาวน้อยคงจะพอรู้ หากบอกว่าหลบเพราะเขินอายก็ไม่น่าจะใช่ เพราะสายตาที่ใช้มองพวกเขานั้นเหมือนรังเกียจมากกว่า"นายครับ เราต้องไปให้ทันเวลาหมอนัดนะครับ" ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาหานายที่ไม่สนใจจะไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเลย"จะรีบไปไหน โรงพยาบาลก็อยู่แค่นี้ ไม่ต้องตามกันมาเยอะแยะ กลับไปดูคนงานได้แล้ว" หานหรงอี้บอกลูกน้องที่ตามมาเป็นพรวน ทั้งที่อาการเขาดีขึ้นแล้ว เดินเหินได้เหมือนเดิม แต่คนพวกนี้ก็ยังจะตามติดเขาอยู่นั่นแหละ"นายมองสาวน้อยคนนั้นหรือกำลังชื่นชมธรรมชาติครับ" คนสนิทมองตามสายตาคนเป็นนาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 19 เรียกร้อง

    บทที่ 19 เรียกร้องในทุกเช้า เยว่หรูจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำอาหารบำรุงหลายอย่าง ต้มน้ำแกง ต้มยาสมุนไพรต่าง ๆ และทำอาหารหลากหลายเมนูเก็บไว้ ในทุกวันที่ไปเรียน เยว่หรูต้องเอาน้ำต้มสมุนไพรไปฝากคุณครูหมิงเว่ยเธอยังไม่สามารถให้อย่างอื่นเพื่อตอบแทนคุณครูได้ เพราะครูรู้ดีว่าครอบครัวของเธอยากจน การที่จะได้กินหรือมีสิ่งของดี ๆ นั้นมันแทบไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เมื่อมีโอกาสเธอต้องตอบแทนแน่นอนในระหว่างที่ตัวเองกำลังคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก็ทำให้เธอค่อนข้างแปลกใจ เหมือนคนไข้ที่ชื่อหานหรงอี้นั้นไม่เป็นอะไรเลย การไหลเวียนของเลือดมันไม่สมดุลและเหมือนร่างกายมีภาวะเย็นมากเกินไป แต่เธอไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ เพราะการตรวจของเธอนั้นต้องยุติก่อนที่จะตรวจเสร็จ ยังไม่ได้ดู ดม และสอบถามเลย อาจารย์ก็บอกพอก่อนและให้เธอกลับมาทำรายงานส่งเยว่หรูมองไปที่สมุดรายงานของตัวเอง ก่อนที่จะจัดเตรียมอาหารให้เรียบร้อย เมื่อวานพ่อก็ต้องเดินไปรอรับ เพราะกว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็เริ่มเย็นแล้ว แล้วที่นี่จะมืดเร็วเสียด้วย หกโมงเย็นนี่เริ่มมืดแล้ว ทั้งที่เธออยากให้พ่อแม่พักผ่อนแต่ต้องไปรับเธอกลับ คงต้องหาวิธีอื่นรอแล้ว ไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 20  ความรู้สึกไม่ต่างกัน

    บทที่ 20 ความรู้สึกไม่ต่างกันเยว่หรูเดินตามมาที่ห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนค่อนข้างเป็นส่วนตัว ส่วนมากมีแต่ญาติของคนไข้ที่เฝ้าอยู่เพียงเท่านั้น พอเยว่หรูมาถึงอาจารย์ก็เริ่มสอนสิ่งต่าง ๆ โดยที่สอนตรวจคนไข้ว่าควรตรวจแบบไหน เพื่อประหยัดเวลาและได้ผลที่แม่นยำทุกอย่างดำเนินไปอย่างดี เนื่องจากคนไข้ยอมให้ตรวจดี ๆ นอนมองนิ่ง ๆ เพียงเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไล่หมอพยาบาลออกไปทั้งหมด แต่เขากลับให้ลูกศิษย์กับอาจารย์สองคนทั้งจับพลิกดูตามร่างกายได้ตามต้องการ"อาจารย์ จากที่หนูดูไม่ใช่แค่ร่างกายอย่างเดียว หนูคิดว่าน่าจะมาจากจิตใจและความคิดด้วย" เยว่หรูสังเกตคนไข้แล้วรู้สึกว่าช่างคุ้นเคยกับอาการนี้เหลือเกิน"มีความเป็นไปได้มากเลยทีเดียว" อาจารย์ก็เห็นด้วยกับที่ลูกศิษย์คนล่าสุดบอกมา"เยว่หรูจะรักษาด้วยวิธีไหน เขียนรายงานมาด้วย รักษาแค่เบื้องต้นก่อน ส่วนต้องการเบิกอะไรก็สามารถใช้ญาติของคนไข้ไปจัดการได้เลย และนี่คือเอกสารที่ต้องเขียนรายละเอียดยื่นให้สมาพันธ์ มีเอกสารด้วย เตรียมมาให้พร้อมแล้วเอามาให้อาจารย์ เข้าใจไหม และหากรักษาเบื้องต้นเสร็จก็กลับบ้านได้เลย อาจารย์ต้องรีบไปประชุม" อาจารย์หม่าสั่งงาน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 21 การทำงานและการตอบแทน

    บทที่ 21 การทำงานและการตอบแทนวันนี้ครบอาทิตย์หนึ่งแล้วที่เยว่หรูมีมิติบ้าน ของที่เอาออกมากินมาใช้ก็ไม่มีมาเพิ่ม หมดแล้วหมดเลย แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่แน่นอน คงต้องรอดูกันก่อนว่าจะมีมาเพิ่มไหม... ขนาดบ้านมิติกว่าจะตามเธอมาก็ใช้เวลาสามเดือน... สิ่งของก็อาจมาช้าก็ได้ใครจะไปรู้..."อยากมีเวลาอยู่ในนี้นาน ๆ จังเลย... อยากทำอะไรหลาย ๆ อย่าง" เยว่หรูพึมพำไปด้วย รดน้ำผักผลไม้ในเรือนเพาะชำไปด้วยความลับก็ต้องปกปิด... แต่ก็อยากให้ครอบครัวได้กินของดี ๆ จะต้องงัดสารพัดข้ออ้างออกมา แต่พอถึงวันเสาร์วันอาทิตย์ก็กินอาหารที่มีอยู่ในบ้าน ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรเพราะไม่ได้ไปโรงเรียนยังดีที่ว่าในมิติบ้านมีอุปกรณ์เครื่องครัวหลากหลาย อะไรที่คนรีวิวว่าดี เยว่หรูก็รีบซื้อหามาทันที ติ๊กต๊อกว่าดี... เยว่หรูก็ว่าดี เครื่องปั่นละเอียดเตรียมเอาออกมาใช้งาน... ปั่นไก่ ปั่นหมู ให้ละเอียดจนมองไม่ออกว่าคืออะไร ข้าวต้มใส่หมูละเอียด โจ๊กใส่ไก่ละเอียด กระเทียมเจียวก็ตักใส่ข้าวต้มเยอะ ๆ จะได้ดับกลิ่นหมู ใช้ได้หรือเปล่าไม่รู้แต่ก็ต้องลอง สารพัดวิธีมาใช้เพื่อให้พ่อแม่อยู่ดีกินดี... ทุกอย่างก็ต้องพยายามทำให้แนบเนียนที่สุด...วันน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-08
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 22 เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี

    บทที่ 22 เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากวันเป็นเดือน... เยว่หรูก็ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ตื่นเช้ามาทำงานทำงานบ้านช่วยแม่ ปลูกผักสมุนไพรในกระถาง ทำปุ๋ยหมักจากหญ้าและใบไม้แห้ง ตอนบ่ายไปทำงานที่โรงพยาบาล ตอนนี้เธอไม่ต้องไปเรียนในช่วงเช้าเหมือนแต่ก่อน เพราะเธอสอบเทียบจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว เยว่หรูไม่ลืมบุญคุณของคุณครูหมิงเว่ย เธอจะแวะเวียนเอาสิ่งของต่าง ๆ ไปให้คุณครู ไม่ว่าจะเป็นอาหารและยารักษาโรคต่าง ๆ ซึ่งเธอจะบอกว่าทุกอย่างที่ได้มานั้น... คือสวัสดิการที่ทางสมาพันธ์ให้มาเยว่หรูทำงานไร้ตำแหน่งมาเดือนหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ได้ค่าตอบแทนจากทางสมาพันธ์เช่นกัน อาจารย์หม่ายังจ่ายเงินเดือนให้ แต่ยังไม่เท่าคนที่เป็นแพทย์เต็มตัว เงินเดือนแพทย์เริ่มต้นที่ 70 หยวนต่อเดือน แต่หากเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือศาสตราจารย์จะอยู่ที่ 280-380 หยวนต่อเดือน เงินเดือนจะลดหย่อนลงมาตามตำแหน่ง เดือนแรกเยว่หรูได้ 50 หยวน ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมากสำหรับเยว่หรู แล้วยังได้คูปองรายเดือนรายปีอีกด้วยเงินเดือนแพทย์ถือว่าสูงมาก หากเปรียบเทียบกับอาชีพอื่น ถึงขั้นถูกจัดให้อาชีพแพทย์ได้รับเงินเดือนอยู่ในขั้นสูงข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-08
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 23 มัดมือชก

    บทที่ 23 มัดมือชกหลังจากที่เยว่หรูเอาเอกสารเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไปให้ทางสมาพันธ์ มันทำให้เธอต้องเจอเรื่องที่ไม่คาดคิด นั่นคือ... ทางสมาพันธ์ต้องการเอกสารยืนยันการรับรองจากทางพ่อและแม่ของเธอ ที่ทำให้เยว่หรูคิดมากนั่นคือ... เธอต้องการหลีกหนีเปลี่ยนชะตานางเอกปลอม ๆ โดยการที่ไม่ต้องไปพบเจอกับพ่อที่แท้จริง ถึงเขาจะมารับเธอไปอยู่ด้วย เธอก็ไม่มีทางที่จะไปด้วยเด็ดขาด... นี่คือสิ่งที่เยว่หรูตั้งใจเอาไว้แล้วแต่หากไม่ได้เอกสารรับรองการเรียนการทำงานของเธอก็ต้องมีปัญหาตามมา... หากจำไม่ผิด เยว่หรูจะได้เจอกับนางเอกตัวจริงตอนอายุ 16 ปี ซึ่งตอนนี้เธอจะ 15 ปีแล้ว หากไปหาพ่อตอนนี้... ก็มีแนวโน้มว่าจะได้เจอ เพราะนางเอกตัวจริงคือลูกติดมากับเมียใหม่ของพ่อ หรือหากให้นับจริง ๆ ก็คือพี่สาวต่างแม่ของเธอนั่นเอง...เยว่หรูทำงานไปด้วย ใช้ความคิดที่จะหลีกหนีชะตานางเอกไปด้วย เพราะหากว่าพ่อจริง ๆ เห็นประโยชน์ เขาไม่มีทางปล่อยตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอได้เรียนแพทย์แล้ว ยิ่งจะทำให้เขาอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเธอมากกว่าเดิม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เขาต้องหว่านล้อมเหมือนทุกครั้งที่มาเจอลูกสาวอย่างแน่นอนเมื่อเยว่หรูเริ่มที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-08

บทล่าสุด

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 53 ตอนพิเศษ

    บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัว

    บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 51 วันที่รอคอย

    บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 50 เรียนจบ

    บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 49 จุดไต้ตำตอ

    บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร

    บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 47 พบเจอพระเอก

    บทที่ 47 พบเจอพระเอกผ่านมาหนึ่งคืนแล้วที่เยว่หรูมาอยู่ที่ค่ายแรงงานแห่งนี้ หลังจากที่รวมตัวกันเมื่อวาน เพื่อไปทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำจุด ในตอนแรกเยว่หรูนึกว่าจะได้เจอกับพระเอกของนิยายเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยู่เลยไม่ได้เจอกัน แต่เยว่หรูรู้ดีว่ายังไงก็หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน"เยว่หรู เดี๋ยวคอยตามอาจารย์มานะ" อาจารย์หม่า ผู้มีลูกศิษย์เป็นของตัวเองเพียงไม่กี่คน เขาเลยอยากดูแลและสอนด้วยตัวเอง ส่วนคนอื่น ๆ จะมีอาจารย์ท่านอื่นช่วยดูแลเช่นกันเยว่หรูเดินตามอาจารย์ไปพร้อมกับเพื่อนอีกสี่คนรวมเธอด้วยก็เป็นห้าคน ซึ่งกลุ่มเธอมีเธอเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เข้าเรียนในห้องเรียนเหมือนคนอื่น ดีที่ว่าทุกคนนั้นไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นทำงานด้วยกันลำบากแน่ ๆ กลุ่มของเยว่หรูนั้นได้เดินดูงานก่อน เพราะที่ค่ายแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ที่คอยตรวจรักษาอยู่แล้ว เหมือนการเรียนรู้ก่อนที่จะเข้าไปตรวจจริง แต่ละคนจะได้รับมอบหมายว่าควรไปประจำอยู่จุดไหน ทุกคนได้รับมอบหมายจนหมด เหลือเยว่หรูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเดินตามอาจารย์หม่าเข้าไปที่พักด้านใน ซึ่งแยกออกจากสถานที่อื่น ลางสังหรณ์บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้ค

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 46  ออกค่าย

    บทที่ 46 ออกค่ายตั้งแต่วันที่บอกกับสามีเรื่องที่เธอท้อง ผ่านมาได้เกือบสามเดือนแล้ว ตอนนี้เยว่หรูท้องได้เกือบสี่เดือนแล้ว แต่ด้วยว่าท้องแรกยังมองเห็นไม่ชัดมากนัก หากใส่เสื้อผ้าปกปิดก็ไม่สามารถมองออกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ดีที่ว่าเธอไม่มีอาการแพ้ท้องเลย มีเพียงสามีของเธอเท่านั้นที่กินอาหารไม่ได้ พอกินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมา และยังคงห่วงเธอมากกว่าตัวเองเสียอีก ทั้งที่เธอนั้นแข็งแรง กินอาหารได้ทุกอย่าง หากว่าเขาไม่มีแรงไปส่งเธอทำงานก็ต้องให้พ่อเป็นคนมารับไปส่ง ต้องบอกว่าทั้งสองคนพ่อตากับลูกเขยนั้นเห่อมาก คาดว่าพอคลอดมาแล้วน่าจะแย่งกันอย่างแน่นอนในส่วนของพี่เหมยที่ตอนนี้ท้องโตมาก เพราะพี่เหมยท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว และที่น่ายินดีคือสามีของพี่เหมยกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่กว่าจะได้คุยกันก็ร้องไห้กอดกันทั้งคู่ แต่เท่าที่ดู สามีพี่เหมยก็ดูจะรักและเอาใจใส่ดูแลพี่เหมยเป็นอย่างมาก มันเลยทำให้เธอรู้สึกดีไปด้วย"ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก" ลู่หลินเข้ามากอดลูกสาวพร้อมกับกำชับอย่างดี"ไม่ไหวก็ต้องบอกนะ อย่าทำเอง อย่ายกของหนัก" จางหยวนก็กำชับลูกสาวด้วยเช่นกัน"หมอคะ... ให้พี่ไปด้วยไหม มีอะไรจะได้ช่วย" ลู่จิวเดิน

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 45 เป็นคำตอบที่บีบหัวใจ

    บทที่ 45 เป็นคำตอบที่บีบหัวใจเยว่หรูนั่งเงียบทันทีที่ได้รับคำตอบของคำถามที่เธอสงสัย จะไม่ให้เงียบได้ยังไง ในเมื่อคุณห่าวซวนกลับไปทำงานต่อเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าคนพวกนั้นจะไม่มายุ่งกับพี่เหมยและเธอ แต่เพราะงานมันอันตราย เขาเลยต้องบอกพี่เหมยแบบนั้น เพราะเขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะได้กลับมาไหม"นี่คือเหตุผลว่าทำไมทุกคนต้องพูดคุยกัน อย่าคิดไปเอง" เยว่หรูพูดขึ้นมาทำลายความเงียบพร้อมกับโอบกอดพี่สาวเหมยที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ "ไม่ต้องห่วง ผมแจ้งเรื่องเข้าไปที่หน่วยงานเก่าเรียบร้อยแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาเพราะมันมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และผมได้ส่งคนไปช่วยงานอีกหลายสิบคนแล้ว" หานหรงอี้พูดปลอบทั้งสองคน ที่คนหนึ่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้ อีกคนก็แยกเขี้ยวใส่เขาทั้งที่เขาก็ยอมตอบทุกคำถามแล้วหานหรงอี้ทำตามที่รับปากคนสนิทไว้ เขาค่อนข้างลำบากใจในเรื่องนี้ ยอมรับว่าหากภรรยาอยากรู้หรือมาบังคับให้เขาตอบ ให้ตายยังไงเขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ แต่ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดไม่ได้บอกนั้น เพราะภรรยาเขาถามไม่ได้บีบบังคับเอาคำตอบแบบวันนี้ ไม่รู้เพราะอะไร เขาไม่เคยขัดภรรยาได้เลย..."พ่อฉันทำคนเดียวหรือว่าทั้งครอบครั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status