บทที่ 22 เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากวันเป็นเดือน... เยว่หรูก็ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ตื่นเช้ามาทำงานทำงานบ้านช่วยแม่ ปลูกผักสมุนไพรในกระถาง ทำปุ๋ยหมักจากหญ้าและใบไม้แห้ง ตอนบ่ายไปทำงานที่โรงพยาบาล ตอนนี้เธอไม่ต้องไปเรียนในช่วงเช้าเหมือนแต่ก่อน เพราะเธอสอบเทียบจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว เยว่หรูไม่ลืมบุญคุณของคุณครูหมิงเว่ย เธอจะแวะเวียนเอาสิ่งของต่าง ๆ ไปให้คุณครู ไม่ว่าจะเป็นอาหารและยารักษาโรคต่าง ๆ ซึ่งเธอจะบอกว่าทุกอย่างที่ได้มานั้น... คือสวัสดิการที่ทางสมาพันธ์ให้มาเยว่หรูทำงานไร้ตำแหน่งมาเดือนหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ได้ค่าตอบแทนจากทางสมาพันธ์เช่นกัน อาจารย์หม่ายังจ่ายเงินเดือนให้ แต่ยังไม่เท่าคนที่เป็นแพทย์เต็มตัว เงินเดือนแพทย์เริ่มต้นที่ 70 หยวนต่อเดือน แต่หากเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือศาสตราจารย์จะอยู่ที่ 280-380 หยวนต่อเดือน เงินเดือนจะลดหย่อนลงมาตามตำแหน่ง เดือนแรกเยว่หรูได้ 50 หยวน ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมากสำหรับเยว่หรู แล้วยังได้คูปองรายเดือนรายปีอีกด้วยเงินเดือนแพทย์ถือว่าสูงมาก หากเปรียบเทียบกับอาชีพอื่น ถึงขั้นถูกจัดให้อาชีพแพทย์ได้รับเงินเดือนอยู่ในขั้นสูงข
บทที่ 23 มัดมือชกหลังจากที่เยว่หรูเอาเอกสารเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไปให้ทางสมาพันธ์ มันทำให้เธอต้องเจอเรื่องที่ไม่คาดคิด นั่นคือ... ทางสมาพันธ์ต้องการเอกสารยืนยันการรับรองจากทางพ่อและแม่ของเธอ ที่ทำให้เยว่หรูคิดมากนั่นคือ... เธอต้องการหลีกหนีเปลี่ยนชะตานางเอกปลอม ๆ โดยการที่ไม่ต้องไปพบเจอกับพ่อที่แท้จริง ถึงเขาจะมารับเธอไปอยู่ด้วย เธอก็ไม่มีทางที่จะไปด้วยเด็ดขาด... นี่คือสิ่งที่เยว่หรูตั้งใจเอาไว้แล้วแต่หากไม่ได้เอกสารรับรองการเรียนการทำงานของเธอก็ต้องมีปัญหาตามมา... หากจำไม่ผิด เยว่หรูจะได้เจอกับนางเอกตัวจริงตอนอายุ 16 ปี ซึ่งตอนนี้เธอจะ 15 ปีแล้ว หากไปหาพ่อตอนนี้... ก็มีแนวโน้มว่าจะได้เจอ เพราะนางเอกตัวจริงคือลูกติดมากับเมียใหม่ของพ่อ หรือหากให้นับจริง ๆ ก็คือพี่สาวต่างแม่ของเธอนั่นเอง...เยว่หรูทำงานไปด้วย ใช้ความคิดที่จะหลีกหนีชะตานางเอกไปด้วย เพราะหากว่าพ่อจริง ๆ เห็นประโยชน์ เขาไม่มีทางปล่อยตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอได้เรียนแพทย์แล้ว ยิ่งจะทำให้เขาอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเธอมากกว่าเดิม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เขาต้องหว่านล้อมเหมือนทุกครั้งที่มาเจอลูกสาวอย่างแน่นอนเมื่อเยว่หรูเริ่มที่
บทที่ 24 ผมอยากแต่งงานกับเยว่เยว่ครับตอนนี้หานหรงอี้มาอยู่ที่บ้านของคนตัวเล็ก เพื่อรอเวลาที่พ่อกับแม่ของคนตัวเล็กกลับจากเลิกงาน เขามองดูที่ดินของครอบครัวนี้ที่เต็มไปด้วยต้นกล้าของสมุนไพรที่ปลูกในกระถางไม้ไผ่สาน... ถึงแม้พื้นที่จะไม่กว้างมากนัก แต่ก็สามารถปลูกต้นไม้แบบไล่ระดับปลูกตามแนวกำแพง ถือว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มมาก ๆ หานหรงอี้เดินดูสิ่งที่ปลูกอยู่ในแปลง ต้องแหวกต้นหญ้าแห้งออกดู... เพราะมีต้นหญ้าแห้งปกคลุมทั่วทั้งแปลงเลย เขามองดูสิ่งต่าง ๆ แต่ในหัวเขาก็คิดว่าหากแต่งงานกันแล้ว เขาคงต้องให้ลูกน้องจัดการพื้นที่ว่างเปล่าเตรียมให้คนตัวเล็ก... เขาคิดว่ายังไงคนตัวเล็กได้ใช้ที่ดินในส่วนนั้นปลูกหลายสิ่งหลายอย่างแน่นอน..."สงสัยคงต้องสร้างบ้านให้ว่าที่พ่อตาแม่ยายใหม่เสียแล้ว... " หานหรงอี้มองบ้านแล้วพึมพำเบา ๆ ที่ดูเหมือนมันจะเล็กไปสักหน่อย... ก่อนหน้านี้คนตัวเล็กขอคนให้มาสร้างกำแพงให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องบ้านเขาจะเสนอให้เองโดยที่คนตัวเล็กไม่ต้องเอ่ยปากขอเลยสักคำ...ทางด้านเยว่หรูที่ทำอาหารอยู่ในครัวก็นึกหมั่นไส้คนตัวโตที่ตามติดมาด้วย บอกให้มาทีหลังก็ไม่ยอม แล้วมาตอนนี้ทำให้เธอเตรี
บทที่ 25 แต่งงานเยว่หรูได้บอกถึงความจำเป็นของตัวเองให้แม่ได้ฟัง และยังบอกว่าตัวเองนั้นพึงพอใจหานหรงอี้คนนี้เป็นอย่างมากด้วย หากไม่บอกแบบนั้น มีหวังว่าพ่อกับแม่ของเธออาจไม่เห็นด้วยงานแต่งของเยว่หรูถูกจัดขึ้น... เป็นงานที่แสนเรียบง่ายในแบบที่เยว่หรูต้องการ ถึงจะทำให้เจ้าบ่าวไม่ค่อยพอใจมากนัก แต่ก็ต้องยอมตามใจเธอ แต่เขาต้องการดูวันเวลาฤกษ์ยาม เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันยาวนาน เยว่หรูก็ยอมตามที่เขาเห็นควรในส่วนของสินสอด พ่อกับแม่ของเธอนั้นไม่ได้เรียกร้อง ให้ทางเจ้าบ่าวเห็นแก่สมควรว่าจะจัดอะไรมาบ้าง เนื่องจากเจ้าบ่าวนั้นเป็นที่นับหน้าถือตาของคนที่นี่ จึงทำให้เยว่หรูหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่แขกส่วนมากจะอยู่บ้านเจ้าบ่าว... ส่วนฝั่งเจ้าสาวนั้นมีคุณครูหมิงเว่ยกับภรรยาและญาติของพ่อที่เยว่หรูไม่อยากเต็มใจเชิญ แต่ก็ขัดไม่ได้ เพราะเห็นแก่หน้าพ่อ ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น"เยว่หรู หากไม่สบายใจกลับมาบ้านเราได้นะลูก อย่าอดทน บ้านเรายังมี" จางหยวนรู้ว่าไม่ควรบอกแบบนั้น แต่เขาไม่อยากให้ใครมารังแกลูกสาวของเขา"อย่าบอกลูกแบบนั้น... ควรอวยพรลูก" ลู่หลินมองลูกสาวที่แต่งตัวเสร็จแล้
บทที่ 26 หลังเรียนจบไม่มีอยู่จริงหานหรงอี้พยายามข่มตาให้หลับ แต่มันยิ่งยากเหลือเกิน ยิ่งได้กอดภรรยาที่ร่างกายนุ่มนิ่มและกลิ่นหอมประจำตัวนั้นอีกด้วย มันยิ่งทรมาน ทำให้เขาตื่นตัวมากกว่าเดิม จนต้องผละออกไปปลดปล่อยในห้องน้ำเป็นเวลานานสองนาน แล้วกลับมาล้มตัวนอนกอดภรรยาเหมือนเดิมและก็เป็นเช่นเดิมอีก จนหานหรงอี้สบถออกมาหลายรอบ ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงมาก่อน เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ตลอด จนมาถึงภรรยาตัวเองนี่แหละ ก่อนหน้านั้นถึงจะควบคุมตัวเองได้ลำบากแต่ยังควบคุมได้ แต่พอมาวันนี้กลับกลายเป็นว่ามันควบคุมได้ยากมาก ๆ"เยว่เยว่... ทำไมภรรยาทำแบบนี้กับสามีเล่า... " หานหรงอี้พึมพำกับคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว... นอนหลับได้อย่างสบายใจเยว่หรูที่รู้สึกอึดอัดเหมือนโดนอะไรเหนี่ยวรัดจนทำให้หายใจไม่ออกก็พยายามสะบัดร่างกาย"ภรรยาตัวน้อยครับ... สามีจะตายแล้ว" หานหรงอี้ทนไม่ไหวแล้ว... ตอนแรกยังไม่เท่าไหร่เพราะภรรยานอนนิ่ง ๆ แต่ภรรยาเริ่มดิ้นมันยิ่งทำให้เขาทรมานมากกว่าเดิมเยว่หรูลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย และสต
บทที่ 27 วันแรกของการมีสามีเยว่หรูลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย รู้สึกว่าร่างกายปวดเมื่อยไปทั้งตัว ก่อนที่จะสะบัดหัวเบา ๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง พอเริ่มได้สติ เยว่หรูถึงกับอ้าปากค้างตกใจในสิ่งที่ได้รับรู้ ก่อนจะก้มมองตัวเองที่ตอนนี้กลับมาอยู่ในชุดนอน แต่ไม่ได้ใส่ชุดชั้นในเลยสักชิ้น แล้วหันไปมองคนข้าง ๆที่กำลังพริ้มตาหลับอย่างสนิท และเยว่หรูรู้ว่าเขาต้องหลับสนิทมากแน่ ๆ หากจำไม่ผิด เขาน่าจะเพิ่งได้นอน"เวรกรรม... เรียนจบไม่มีอยู่จริง" เยว่หรูพึมพำเบา ๆ อยากตบหัวตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอด ทำไมต้องกินไวน์ย้อมใจตัวเองด้วย เธอไม่โทษสามีฝ่ายเดียว เพราะเธอจำได้ดีว่าตัวเองนั้นเป็นคนเข้าหาสามีก่อน"มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน... อย่าดื่มย้อมใจเด็ดขาด เพราะมันจะเป็นแบบเยว่เยว่คนนี้" เยว่หรูบ่นตัวเองพร้อมกับมองสำรวจร่างกาย แถวบริเวณหน้าอกมีรอยดูดเป็นจ้ำ ๆ เต็มไปหมด พร้อมกับมองไปที่สามี... ก่อนจะถอนหายใจออกมาไม่ต่างกัน รอยเต็มตัว ไม่รู้ใครหื่นมากกว่ากัน อยู่มาตั้งนานเคยดูแต่หนังเอวี ไม่คิดว่าตัวเองจะหื่นได้ขนาดนี้ หลักฐานดูจากร
บทที่ 28 กว่าจะผ่านมาได้... เกือบตายผ่านมากว่าเจ็ดวันแล้วที่เยว่หรูแต่งงาน สามวันแรกเยว่หรูแทบไม่ได้ออกจากห้องนอน สามีของเธอเหมือนคนอดอยากปากแห้ง ส่วนเธอก็ไม่น้อยหน้า อยากรู้อยากเห็นอยากลองด้วยตัวเองทุกอย่าง... เขารุกเธอรับ.. เขาเชื้อเชิญเธอสนอง... ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ จนตอนนี้เยว่หรูไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร...พอผ่านสามวันมาได้ก็ทำให้เยว่หรูถึงกับเป็นไข้ ต้องนอนพักไปสามวันถึงได้ดีขึ้น ยังดีที่สามีไม่เป็นอะไร... จึงกลายเป็นคนคอยดูแลเธออยู่ไม่ห่าง พอเริ่มดีขึ้นเยว่หรูเลยตัดสินใจคุยกับสามี เพราะหากเป็นแบบนี้ไม่ต้องทำอะไรกันพอดีจนได้ข้อตกลงที่ดูเหมือนสามีจะไม่ค่อยพอใจมากนัก หากวันทำงาน เยว่หรูจะยอมสามีไม่เกินสองครั้งต่อคืน ซึ่งเยว่หรูคิดว่ามันก็ยังเยอะ... แต่ด้วยความที่เธอนั้นยังอยากรู้อยากลองก็เลยตกลงกันแบบนี้ ส่วนวันหยุดเธอยอมให้อิสระกับเขาในเรื่องนี้แต่ทุกอย่างต้องมีข้อยกเว้น อย่างวันนั้นของเดือนก็ต้องงด และหากวันไหนที่ทำงานมาเหนื่อยมาก แล้วต้องการที่จะพักผ่อนก็ต้องเข้าใจกัน ต้องพูดคุยทุกเรื่องจะได้ไ
บทที่ 29 ถือว่าเตือนแล้วเยว่หรูยืนมองเหยียดยัยป้าข้างบ้านที่ริอ่านมาทวงบุญคุณกับเธอ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย อาจเพราะเรื่องเงินถึงทำให้ยัยป้านี่กล้าที่จะพูด ก่อนหน้านี้หายไปได้ตั้งหลายเดือน นึกว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันแล้ว แต่ที่ไหนได้ พอรู้ว่าครอบครัวเธอมีเงินก็เข้าหาอีกรอบเยว่หรูสังหรณ์ใจตั้งแต่วันแต่งงานของเธอแล้ว เห็นยัยป้าเข้ามาคุยกับพ่อของเธอ แต่เพราะวันนั้นค่อนข้างยุ่ง เยว่หรูเลยไม่ได้สอบถามถึงเรื่องนั้น ตอนนี้พอจะรู้แล้วว่ายัยป้านี่ต้องการอะไรจากครอบครัวของเธอเมื่อมาถึงมุมลับตาแล้ว เยว่หรูก็หันหลังกลับพร้อมกับพุ่งเข้าหาทันที ด้วยความที่เยว่หรูรู้ตัวว่าจะทำอะไรเลยทำให้ได้เปรียบคนที่เดินตามที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนอะไร เลยไม่ได้ระวังตัว จึงทำให้อีกคนหงายหลังล้มลงพร้อมกับกรีดร้องอย่างตกใจฝ่ามือของเยว่หรูนั้นบรรจงเน้น ๆ เข้าที่แก้มข้างหนึ่งอย่างเต็มแรง และยังตบไม่ยั้งอีก ถึงแม้แขนอีกข้างจะถูกยัยป้านั่นจิกจนเกิดรอยเยว่หรูก็ยังไม่หยุดการกระทำของตน พอตบจนจบมือกำปั้นก็รัวเข้าหน้าอย่างหนัก พร้อมกับใช้เข่าของตัวเ
บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ
บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส
บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่
บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค
บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได
บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร
บทที่ 47 พบเจอพระเอกผ่านมาหนึ่งคืนแล้วที่เยว่หรูมาอยู่ที่ค่ายแรงงานแห่งนี้ หลังจากที่รวมตัวกันเมื่อวาน เพื่อไปทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำจุด ในตอนแรกเยว่หรูนึกว่าจะได้เจอกับพระเอกของนิยายเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยู่เลยไม่ได้เจอกัน แต่เยว่หรูรู้ดีว่ายังไงก็หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน"เยว่หรู เดี๋ยวคอยตามอาจารย์มานะ" อาจารย์หม่า ผู้มีลูกศิษย์เป็นของตัวเองเพียงไม่กี่คน เขาเลยอยากดูแลและสอนด้วยตัวเอง ส่วนคนอื่น ๆ จะมีอาจารย์ท่านอื่นช่วยดูแลเช่นกันเยว่หรูเดินตามอาจารย์ไปพร้อมกับเพื่อนอีกสี่คนรวมเธอด้วยก็เป็นห้าคน ซึ่งกลุ่มเธอมีเธอเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เข้าเรียนในห้องเรียนเหมือนคนอื่น ดีที่ว่าทุกคนนั้นไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นทำงานด้วยกันลำบากแน่ ๆ กลุ่มของเยว่หรูนั้นได้เดินดูงานก่อน เพราะที่ค่ายแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ที่คอยตรวจรักษาอยู่แล้ว เหมือนการเรียนรู้ก่อนที่จะเข้าไปตรวจจริง แต่ละคนจะได้รับมอบหมายว่าควรไปประจำอยู่จุดไหน ทุกคนได้รับมอบหมายจนหมด เหลือเยว่หรูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเดินตามอาจารย์หม่าเข้าไปที่พักด้านใน ซึ่งแยกออกจากสถานที่อื่น ลางสังหรณ์บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้ค
บทที่ 46 ออกค่ายตั้งแต่วันที่บอกกับสามีเรื่องที่เธอท้อง ผ่านมาได้เกือบสามเดือนแล้ว ตอนนี้เยว่หรูท้องได้เกือบสี่เดือนแล้ว แต่ด้วยว่าท้องแรกยังมองเห็นไม่ชัดมากนัก หากใส่เสื้อผ้าปกปิดก็ไม่สามารถมองออกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ดีที่ว่าเธอไม่มีอาการแพ้ท้องเลย มีเพียงสามีของเธอเท่านั้นที่กินอาหารไม่ได้ พอกินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมา และยังคงห่วงเธอมากกว่าตัวเองเสียอีก ทั้งที่เธอนั้นแข็งแรง กินอาหารได้ทุกอย่าง หากว่าเขาไม่มีแรงไปส่งเธอทำงานก็ต้องให้พ่อเป็นคนมารับไปส่ง ต้องบอกว่าทั้งสองคนพ่อตากับลูกเขยนั้นเห่อมาก คาดว่าพอคลอดมาแล้วน่าจะแย่งกันอย่างแน่นอนในส่วนของพี่เหมยที่ตอนนี้ท้องโตมาก เพราะพี่เหมยท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว และที่น่ายินดีคือสามีของพี่เหมยกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่กว่าจะได้คุยกันก็ร้องไห้กอดกันทั้งคู่ แต่เท่าที่ดู สามีพี่เหมยก็ดูจะรักและเอาใจใส่ดูแลพี่เหมยเป็นอย่างมาก มันเลยทำให้เธอรู้สึกดีไปด้วย"ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก" ลู่หลินเข้ามากอดลูกสาวพร้อมกับกำชับอย่างดี"ไม่ไหวก็ต้องบอกนะ อย่าทำเอง อย่ายกของหนัก" จางหยวนก็กำชับลูกสาวด้วยเช่นกัน"หมอคะ... ให้พี่ไปด้วยไหม มีอะไรจะได้ช่วย" ลู่จิวเดิน
บทที่ 45 เป็นคำตอบที่บีบหัวใจเยว่หรูนั่งเงียบทันทีที่ได้รับคำตอบของคำถามที่เธอสงสัย จะไม่ให้เงียบได้ยังไง ในเมื่อคุณห่าวซวนกลับไปทำงานต่อเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าคนพวกนั้นจะไม่มายุ่งกับพี่เหมยและเธอ แต่เพราะงานมันอันตราย เขาเลยต้องบอกพี่เหมยแบบนั้น เพราะเขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะได้กลับมาไหม"นี่คือเหตุผลว่าทำไมทุกคนต้องพูดคุยกัน อย่าคิดไปเอง" เยว่หรูพูดขึ้นมาทำลายความเงียบพร้อมกับโอบกอดพี่สาวเหมยที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ "ไม่ต้องห่วง ผมแจ้งเรื่องเข้าไปที่หน่วยงานเก่าเรียบร้อยแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาเพราะมันมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และผมได้ส่งคนไปช่วยงานอีกหลายสิบคนแล้ว" หานหรงอี้พูดปลอบทั้งสองคน ที่คนหนึ่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้ อีกคนก็แยกเขี้ยวใส่เขาทั้งที่เขาก็ยอมตอบทุกคำถามแล้วหานหรงอี้ทำตามที่รับปากคนสนิทไว้ เขาค่อนข้างลำบากใจในเรื่องนี้ ยอมรับว่าหากภรรยาอยากรู้หรือมาบังคับให้เขาตอบ ให้ตายยังไงเขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ แต่ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดไม่ได้บอกนั้น เพราะภรรยาเขาถามไม่ได้บีบบังคับเอาคำตอบแบบวันนี้ ไม่รู้เพราะอะไร เขาไม่เคยขัดภรรยาได้เลย..."พ่อฉันทำคนเดียวหรือว่าทั้งครอบครั