บทที่ 23 มัดมือชกหลังจากที่เยว่หรูเอาเอกสารเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไปให้ทางสมาพันธ์ มันทำให้เธอต้องเจอเรื่องที่ไม่คาดคิด นั่นคือ... ทางสมาพันธ์ต้องการเอกสารยืนยันการรับรองจากทางพ่อและแม่ของเธอ ที่ทำให้เยว่หรูคิดมากนั่นคือ... เธอต้องการหลีกหนีเปลี่ยนชะตานางเอกปลอม ๆ โดยการที่ไม่ต้องไปพบเจอกับพ่อที่แท้จริง ถึงเขาจะมารับเธอไปอยู่ด้วย เธอก็ไม่มีทางที่จะไปด้วยเด็ดขาด... นี่คือสิ่งที่เยว่หรูตั้งใจเอาไว้แล้วแต่หากไม่ได้เอกสารรับรองการเรียนการทำงานของเธอก็ต้องมีปัญหาตามมา... หากจำไม่ผิด เยว่หรูจะได้เจอกับนางเอกตัวจริงตอนอายุ 16 ปี ซึ่งตอนนี้เธอจะ 15 ปีแล้ว หากไปหาพ่อตอนนี้... ก็มีแนวโน้มว่าจะได้เจอ เพราะนางเอกตัวจริงคือลูกติดมากับเมียใหม่ของพ่อ หรือหากให้นับจริง ๆ ก็คือพี่สาวต่างแม่ของเธอนั่นเอง...เยว่หรูทำงานไปด้วย ใช้ความคิดที่จะหลีกหนีชะตานางเอกไปด้วย เพราะหากว่าพ่อจริง ๆ เห็นประโยชน์ เขาไม่มีทางปล่อยตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอได้เรียนแพทย์แล้ว ยิ่งจะทำให้เขาอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเธอมากกว่าเดิม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เขาต้องหว่านล้อมเหมือนทุกครั้งที่มาเจอลูกสาวอย่างแน่นอนเมื่อเยว่หรูเริ่มที่
บทที่ 24 ผมอยากแต่งงานกับเยว่เยว่ครับตอนนี้หานหรงอี้มาอยู่ที่บ้านของคนตัวเล็ก เพื่อรอเวลาที่พ่อกับแม่ของคนตัวเล็กกลับจากเลิกงาน เขามองดูที่ดินของครอบครัวนี้ที่เต็มไปด้วยต้นกล้าของสมุนไพรที่ปลูกในกระถางไม้ไผ่สาน... ถึงแม้พื้นที่จะไม่กว้างมากนัก แต่ก็สามารถปลูกต้นไม้แบบไล่ระดับปลูกตามแนวกำแพง ถือว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มมาก ๆ หานหรงอี้เดินดูสิ่งที่ปลูกอยู่ในแปลง ต้องแหวกต้นหญ้าแห้งออกดู... เพราะมีต้นหญ้าแห้งปกคลุมทั่วทั้งแปลงเลย เขามองดูสิ่งต่าง ๆ แต่ในหัวเขาก็คิดว่าหากแต่งงานกันแล้ว เขาคงต้องให้ลูกน้องจัดการพื้นที่ว่างเปล่าเตรียมให้คนตัวเล็ก... เขาคิดว่ายังไงคนตัวเล็กได้ใช้ที่ดินในส่วนนั้นปลูกหลายสิ่งหลายอย่างแน่นอน..."สงสัยคงต้องสร้างบ้านให้ว่าที่พ่อตาแม่ยายใหม่เสียแล้ว... " หานหรงอี้มองบ้านแล้วพึมพำเบา ๆ ที่ดูเหมือนมันจะเล็กไปสักหน่อย... ก่อนหน้านี้คนตัวเล็กขอคนให้มาสร้างกำแพงให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องบ้านเขาจะเสนอให้เองโดยที่คนตัวเล็กไม่ต้องเอ่ยปากขอเลยสักคำ...ทางด้านเยว่หรูที่ทำอาหารอยู่ในครัวก็นึกหมั่นไส้คนตัวโตที่ตามติดมาด้วย บอกให้มาทีหลังก็ไม่ยอม แล้วมาตอนนี้ทำให้เธอเตรี
บทที่ 25 แต่งงานเยว่หรูได้บอกถึงความจำเป็นของตัวเองให้แม่ได้ฟัง และยังบอกว่าตัวเองนั้นพึงพอใจหานหรงอี้คนนี้เป็นอย่างมากด้วย หากไม่บอกแบบนั้น มีหวังว่าพ่อกับแม่ของเธออาจไม่เห็นด้วยงานแต่งของเยว่หรูถูกจัดขึ้น... เป็นงานที่แสนเรียบง่ายในแบบที่เยว่หรูต้องการ ถึงจะทำให้เจ้าบ่าวไม่ค่อยพอใจมากนัก แต่ก็ต้องยอมตามใจเธอ แต่เขาต้องการดูวันเวลาฤกษ์ยาม เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันยาวนาน เยว่หรูก็ยอมตามที่เขาเห็นควรในส่วนของสินสอด พ่อกับแม่ของเธอนั้นไม่ได้เรียกร้อง ให้ทางเจ้าบ่าวเห็นแก่สมควรว่าจะจัดอะไรมาบ้าง เนื่องจากเจ้าบ่าวนั้นเป็นที่นับหน้าถือตาของคนที่นี่ จึงทำให้เยว่หรูหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่แขกส่วนมากจะอยู่บ้านเจ้าบ่าว... ส่วนฝั่งเจ้าสาวนั้นมีคุณครูหมิงเว่ยกับภรรยาและญาติของพ่อที่เยว่หรูไม่อยากเต็มใจเชิญ แต่ก็ขัดไม่ได้ เพราะเห็นแก่หน้าพ่อ ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น"เยว่หรู หากไม่สบายใจกลับมาบ้านเราได้นะลูก อย่าอดทน บ้านเรายังมี" จางหยวนรู้ว่าไม่ควรบอกแบบนั้น แต่เขาไม่อยากให้ใครมารังแกลูกสาวของเขา"อย่าบอกลูกแบบนั้น... ควรอวยพรลูก" ลู่หลินมองลูกสาวที่แต่งตัวเสร็จแล้
บทที่ 26 หลังเรียนจบไม่มีอยู่จริงหานหรงอี้พยายามข่มตาให้หลับ แต่มันยิ่งยากเหลือเกิน ยิ่งได้กอดภรรยาที่ร่างกายนุ่มนิ่มและกลิ่นหอมประจำตัวนั้นอีกด้วย มันยิ่งทรมาน ทำให้เขาตื่นตัวมากกว่าเดิม จนต้องผละออกไปปลดปล่อยในห้องน้ำเป็นเวลานานสองนาน แล้วกลับมาล้มตัวนอนกอดภรรยาเหมือนเดิมและก็เป็นเช่นเดิมอีก จนหานหรงอี้สบถออกมาหลายรอบ ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงมาก่อน เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ตลอด จนมาถึงภรรยาตัวเองนี่แหละ ก่อนหน้านั้นถึงจะควบคุมตัวเองได้ลำบากแต่ยังควบคุมได้ แต่พอมาวันนี้กลับกลายเป็นว่ามันควบคุมได้ยากมาก ๆ"เยว่เยว่... ทำไมภรรยาทำแบบนี้กับสามีเล่า... " หานหรงอี้พึมพำกับคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว... นอนหลับได้อย่างสบายใจเยว่หรูที่รู้สึกอึดอัดเหมือนโดนอะไรเหนี่ยวรัดจนทำให้หายใจไม่ออกก็พยายามสะบัดร่างกาย"ภรรยาตัวน้อยครับ... สามีจะตายแล้ว" หานหรงอี้ทนไม่ไหวแล้ว... ตอนแรกยังไม่เท่าไหร่เพราะภรรยานอนนิ่ง ๆ แต่ภรรยาเริ่มดิ้นมันยิ่งทำให้เขาทรมานมากกว่าเดิมเยว่หรูลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย และสต
บทที่ 27 วันแรกของการมีสามีเยว่หรูลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย รู้สึกว่าร่างกายปวดเมื่อยไปทั้งตัว ก่อนที่จะสะบัดหัวเบา ๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง พอเริ่มได้สติ เยว่หรูถึงกับอ้าปากค้างตกใจในสิ่งที่ได้รับรู้ ก่อนจะก้มมองตัวเองที่ตอนนี้กลับมาอยู่ในชุดนอน แต่ไม่ได้ใส่ชุดชั้นในเลยสักชิ้น แล้วหันไปมองคนข้าง ๆที่กำลังพริ้มตาหลับอย่างสนิท และเยว่หรูรู้ว่าเขาต้องหลับสนิทมากแน่ ๆ หากจำไม่ผิด เขาน่าจะเพิ่งได้นอน"เวรกรรม... เรียนจบไม่มีอยู่จริง" เยว่หรูพึมพำเบา ๆ อยากตบหัวตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอด ทำไมต้องกินไวน์ย้อมใจตัวเองด้วย เธอไม่โทษสามีฝ่ายเดียว เพราะเธอจำได้ดีว่าตัวเองนั้นเป็นคนเข้าหาสามีก่อน"มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน... อย่าดื่มย้อมใจเด็ดขาด เพราะมันจะเป็นแบบเยว่เยว่คนนี้" เยว่หรูบ่นตัวเองพร้อมกับมองสำรวจร่างกาย แถวบริเวณหน้าอกมีรอยดูดเป็นจ้ำ ๆ เต็มไปหมด พร้อมกับมองไปที่สามี... ก่อนจะถอนหายใจออกมาไม่ต่างกัน รอยเต็มตัว ไม่รู้ใครหื่นมากกว่ากัน อยู่มาตั้งนานเคยดูแต่หนังเอวี ไม่คิดว่าตัวเองจะหื่นได้ขนาดนี้ หลักฐานดูจากร
บทที่ 28 กว่าจะผ่านมาได้... เกือบตายผ่านมากว่าเจ็ดวันแล้วที่เยว่หรูแต่งงาน สามวันแรกเยว่หรูแทบไม่ได้ออกจากห้องนอน สามีของเธอเหมือนคนอดอยากปากแห้ง ส่วนเธอก็ไม่น้อยหน้า อยากรู้อยากเห็นอยากลองด้วยตัวเองทุกอย่าง... เขารุกเธอรับ.. เขาเชื้อเชิญเธอสนอง... ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ จนตอนนี้เยว่หรูไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร...พอผ่านสามวันมาได้ก็ทำให้เยว่หรูถึงกับเป็นไข้ ต้องนอนพักไปสามวันถึงได้ดีขึ้น ยังดีที่สามีไม่เป็นอะไร... จึงกลายเป็นคนคอยดูแลเธออยู่ไม่ห่าง พอเริ่มดีขึ้นเยว่หรูเลยตัดสินใจคุยกับสามี เพราะหากเป็นแบบนี้ไม่ต้องทำอะไรกันพอดีจนได้ข้อตกลงที่ดูเหมือนสามีจะไม่ค่อยพอใจมากนัก หากวันทำงาน เยว่หรูจะยอมสามีไม่เกินสองครั้งต่อคืน ซึ่งเยว่หรูคิดว่ามันก็ยังเยอะ... แต่ด้วยความที่เธอนั้นยังอยากรู้อยากลองก็เลยตกลงกันแบบนี้ ส่วนวันหยุดเธอยอมให้อิสระกับเขาในเรื่องนี้แต่ทุกอย่างต้องมีข้อยกเว้น อย่างวันนั้นของเดือนก็ต้องงด และหากวันไหนที่ทำงานมาเหนื่อยมาก แล้วต้องการที่จะพักผ่อนก็ต้องเข้าใจกัน ต้องพูดคุยทุกเรื่องจะได้ไ
บทที่ 29 ถือว่าเตือนแล้วเยว่หรูยืนมองเหยียดยัยป้าข้างบ้านที่ริอ่านมาทวงบุญคุณกับเธอ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย อาจเพราะเรื่องเงินถึงทำให้ยัยป้านี่กล้าที่จะพูด ก่อนหน้านี้หายไปได้ตั้งหลายเดือน นึกว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันแล้ว แต่ที่ไหนได้ พอรู้ว่าครอบครัวเธอมีเงินก็เข้าหาอีกรอบเยว่หรูสังหรณ์ใจตั้งแต่วันแต่งงานของเธอแล้ว เห็นยัยป้าเข้ามาคุยกับพ่อของเธอ แต่เพราะวันนั้นค่อนข้างยุ่ง เยว่หรูเลยไม่ได้สอบถามถึงเรื่องนั้น ตอนนี้พอจะรู้แล้วว่ายัยป้านี่ต้องการอะไรจากครอบครัวของเธอเมื่อมาถึงมุมลับตาแล้ว เยว่หรูก็หันหลังกลับพร้อมกับพุ่งเข้าหาทันที ด้วยความที่เยว่หรูรู้ตัวว่าจะทำอะไรเลยทำให้ได้เปรียบคนที่เดินตามที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนอะไร เลยไม่ได้ระวังตัว จึงทำให้อีกคนหงายหลังล้มลงพร้อมกับกรีดร้องอย่างตกใจฝ่ามือของเยว่หรูนั้นบรรจงเน้น ๆ เข้าที่แก้มข้างหนึ่งอย่างเต็มแรง และยังตบไม่ยั้งอีก ถึงแม้แขนอีกข้างจะถูกยัยป้านั่นจิกจนเกิดรอยเยว่หรูก็ยังไม่หยุดการกระทำของตน พอตบจนจบมือกำปั้นก็รัวเข้าหน้าอย่างหนัก พร้อมกับใช้เข่าของตัวเ
บทที่ 30 ให้ทุกอย่างเป็นบทเรียน"เยว่หรู... ต้องฝึกตรงนี้อีกหน่อย คล่องมากเหมือนเคยทำมาแล้วเลย" อาจารย์หม่าสอนลูกศิษย์และยังเอ่ยชมไปด้วย ทุกอย่างนั้นเหมือนเยว่หรูเคยทำมาแล้ว บอกแค่ครั้งเดียวก็สามารถเข้าใจได้แล้วและทำออกมาดีด้วย ตลอดระยะเวลาที่สอนนั้น เขายังได้ความรู้ใหม่จากลูกศิษย์มาช่วยในการรักษาอีกด้วย"หนูเคยอ่านในหนังสือมาค่ะ และก็เคยทำให้สามีด้วย" เยว่หรูตอบออกไปซึ่งมันไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด"พูดถึงสามีของเยว่หรู อาการเขาถือว่าดีขึ้นมากเลยนะ แต่ก็ต้องรักษาและดูแลกันต่อไป" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ให้รับรู้เพราะเขาได้อ่านประวัติคนไข้แล้วถือว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ"เข้าใจแล้วค่ะ อาจารย์คะ...การรักษาแบบนี้มันน่าสนใจมากเลยนะคะ" เยว่หรูยื่นเอกสารให้อาจารย์ดูเกี่ยวกับการรักษาแบบครอบแก้ว"เหมือนวันที่อาจารย์ไปบ้านน่ะเหรอ" อาจารย์หม่าถามกลับ เพราะวันแต่งงานของเยว่หรูนั้นเขาไม่อยู่ เลยต้องไปแสดงความยินดีวันหลัง เลยได้ไปที่บ้านแทน และวันนั้นเขาได้เห็นบ้านที่ถูกจัดไว้ค้นคว้าเกี่ยวกับสมุนไพรและมีอุปกรณ์ต่าง ๆ มา
บทที่ 30 ให้ทุกอย่างเป็นบทเรียน"เยว่หรู... ต้องฝึกตรงนี้อีกหน่อย คล่องมากเหมือนเคยทำมาแล้วเลย" อาจารย์หม่าสอนลูกศิษย์และยังเอ่ยชมไปด้วย ทุกอย่างนั้นเหมือนเยว่หรูเคยทำมาแล้ว บอกแค่ครั้งเดียวก็สามารถเข้าใจได้แล้วและทำออกมาดีด้วย ตลอดระยะเวลาที่สอนนั้น เขายังได้ความรู้ใหม่จากลูกศิษย์มาช่วยในการรักษาอีกด้วย"หนูเคยอ่านในหนังสือมาค่ะ และก็เคยทำให้สามีด้วย" เยว่หรูตอบออกไปซึ่งมันไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด"พูดถึงสามีของเยว่หรู อาการเขาถือว่าดีขึ้นมากเลยนะ แต่ก็ต้องรักษาและดูแลกันต่อไป" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ให้รับรู้เพราะเขาได้อ่านประวัติคนไข้แล้วถือว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ"เข้าใจแล้วค่ะ อาจารย์คะ...การรักษาแบบนี้มันน่าสนใจมากเลยนะคะ" เยว่หรูยื่นเอกสารให้อาจารย์ดูเกี่ยวกับการรักษาแบบครอบแก้ว"เหมือนวันที่อาจารย์ไปบ้านน่ะเหรอ" อาจารย์หม่าถามกลับ เพราะวันแต่งงานของเยว่หรูนั้นเขาไม่อยู่ เลยต้องไปแสดงความยินดีวันหลัง เลยได้ไปที่บ้านแทน และวันนั้นเขาได้เห็นบ้านที่ถูกจัดไว้ค้นคว้าเกี่ยวกับสมุนไพรและมีอุปกรณ์ต่าง ๆ มา
บทที่ 29 ถือว่าเตือนแล้วเยว่หรูยืนมองเหยียดยัยป้าข้างบ้านที่ริอ่านมาทวงบุญคุณกับเธอ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย อาจเพราะเรื่องเงินถึงทำให้ยัยป้านี่กล้าที่จะพูด ก่อนหน้านี้หายไปได้ตั้งหลายเดือน นึกว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันแล้ว แต่ที่ไหนได้ พอรู้ว่าครอบครัวเธอมีเงินก็เข้าหาอีกรอบเยว่หรูสังหรณ์ใจตั้งแต่วันแต่งงานของเธอแล้ว เห็นยัยป้าเข้ามาคุยกับพ่อของเธอ แต่เพราะวันนั้นค่อนข้างยุ่ง เยว่หรูเลยไม่ได้สอบถามถึงเรื่องนั้น ตอนนี้พอจะรู้แล้วว่ายัยป้านี่ต้องการอะไรจากครอบครัวของเธอเมื่อมาถึงมุมลับตาแล้ว เยว่หรูก็หันหลังกลับพร้อมกับพุ่งเข้าหาทันที ด้วยความที่เยว่หรูรู้ตัวว่าจะทำอะไรเลยทำให้ได้เปรียบคนที่เดินตามที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะโดนอะไร เลยไม่ได้ระวังตัว จึงทำให้อีกคนหงายหลังล้มลงพร้อมกับกรีดร้องอย่างตกใจฝ่ามือของเยว่หรูนั้นบรรจงเน้น ๆ เข้าที่แก้มข้างหนึ่งอย่างเต็มแรง และยังตบไม่ยั้งอีก ถึงแม้แขนอีกข้างจะถูกยัยป้านั่นจิกจนเกิดรอยเยว่หรูก็ยังไม่หยุดการกระทำของตน พอตบจนจบมือกำปั้นก็รัวเข้าหน้าอย่างหนัก พร้อมกับใช้เข่าของตัวเ
บทที่ 28 กว่าจะผ่านมาได้... เกือบตายผ่านมากว่าเจ็ดวันแล้วที่เยว่หรูแต่งงาน สามวันแรกเยว่หรูแทบไม่ได้ออกจากห้องนอน สามีของเธอเหมือนคนอดอยากปากแห้ง ส่วนเธอก็ไม่น้อยหน้า อยากรู้อยากเห็นอยากลองด้วยตัวเองทุกอย่าง... เขารุกเธอรับ.. เขาเชื้อเชิญเธอสนอง... ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ จนตอนนี้เยว่หรูไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนแบบนั้นได้อย่างไร...พอผ่านสามวันมาได้ก็ทำให้เยว่หรูถึงกับเป็นไข้ ต้องนอนพักไปสามวันถึงได้ดีขึ้น ยังดีที่สามีไม่เป็นอะไร... จึงกลายเป็นคนคอยดูแลเธออยู่ไม่ห่าง พอเริ่มดีขึ้นเยว่หรูเลยตัดสินใจคุยกับสามี เพราะหากเป็นแบบนี้ไม่ต้องทำอะไรกันพอดีจนได้ข้อตกลงที่ดูเหมือนสามีจะไม่ค่อยพอใจมากนัก หากวันทำงาน เยว่หรูจะยอมสามีไม่เกินสองครั้งต่อคืน ซึ่งเยว่หรูคิดว่ามันก็ยังเยอะ... แต่ด้วยความที่เธอนั้นยังอยากรู้อยากลองก็เลยตกลงกันแบบนี้ ส่วนวันหยุดเธอยอมให้อิสระกับเขาในเรื่องนี้แต่ทุกอย่างต้องมีข้อยกเว้น อย่างวันนั้นของเดือนก็ต้องงด และหากวันไหนที่ทำงานมาเหนื่อยมาก แล้วต้องการที่จะพักผ่อนก็ต้องเข้าใจกัน ต้องพูดคุยทุกเรื่องจะได้ไ
บทที่ 27 วันแรกของการมีสามีเยว่หรูลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย รู้สึกว่าร่างกายปวดเมื่อยไปทั้งตัว ก่อนที่จะสะบัดหัวเบา ๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง พอเริ่มได้สติ เยว่หรูถึงกับอ้าปากค้างตกใจในสิ่งที่ได้รับรู้ ก่อนจะก้มมองตัวเองที่ตอนนี้กลับมาอยู่ในชุดนอน แต่ไม่ได้ใส่ชุดชั้นในเลยสักชิ้น แล้วหันไปมองคนข้าง ๆที่กำลังพริ้มตาหลับอย่างสนิท และเยว่หรูรู้ว่าเขาต้องหลับสนิทมากแน่ ๆ หากจำไม่ผิด เขาน่าจะเพิ่งได้นอน"เวรกรรม... เรียนจบไม่มีอยู่จริง" เยว่หรูพึมพำเบา ๆ อยากตบหัวตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอด ทำไมต้องกินไวน์ย้อมใจตัวเองด้วย เธอไม่โทษสามีฝ่ายเดียว เพราะเธอจำได้ดีว่าตัวเองนั้นเป็นคนเข้าหาสามีก่อน"มีลูกสอนลูก มีหลานสอนหลาน... อย่าดื่มย้อมใจเด็ดขาด เพราะมันจะเป็นแบบเยว่เยว่คนนี้" เยว่หรูบ่นตัวเองพร้อมกับมองสำรวจร่างกาย แถวบริเวณหน้าอกมีรอยดูดเป็นจ้ำ ๆ เต็มไปหมด พร้อมกับมองไปที่สามี... ก่อนจะถอนหายใจออกมาไม่ต่างกัน รอยเต็มตัว ไม่รู้ใครหื่นมากกว่ากัน อยู่มาตั้งนานเคยดูแต่หนังเอวี ไม่คิดว่าตัวเองจะหื่นได้ขนาดนี้ หลักฐานดูจากร
บทที่ 26 หลังเรียนจบไม่มีอยู่จริงหานหรงอี้พยายามข่มตาให้หลับ แต่มันยิ่งยากเหลือเกิน ยิ่งได้กอดภรรยาที่ร่างกายนุ่มนิ่มและกลิ่นหอมประจำตัวนั้นอีกด้วย มันยิ่งทรมาน ทำให้เขาตื่นตัวมากกว่าเดิม จนต้องผละออกไปปลดปล่อยในห้องน้ำเป็นเวลานานสองนาน แล้วกลับมาล้มตัวนอนกอดภรรยาเหมือนเดิมและก็เป็นเช่นเดิมอีก จนหานหรงอี้สบถออกมาหลายรอบ ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงมาก่อน เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ตลอด จนมาถึงภรรยาตัวเองนี่แหละ ก่อนหน้านั้นถึงจะควบคุมตัวเองได้ลำบากแต่ยังควบคุมได้ แต่พอมาวันนี้กลับกลายเป็นว่ามันควบคุมได้ยากมาก ๆ"เยว่เยว่... ทำไมภรรยาทำแบบนี้กับสามีเล่า... " หานหรงอี้พึมพำกับคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว... นอนหลับได้อย่างสบายใจเยว่หรูที่รู้สึกอึดอัดเหมือนโดนอะไรเหนี่ยวรัดจนทำให้หายใจไม่ออกก็พยายามสะบัดร่างกาย"ภรรยาตัวน้อยครับ... สามีจะตายแล้ว" หานหรงอี้ทนไม่ไหวแล้ว... ตอนแรกยังไม่เท่าไหร่เพราะภรรยานอนนิ่ง ๆ แต่ภรรยาเริ่มดิ้นมันยิ่งทำให้เขาทรมานมากกว่าเดิมเยว่หรูลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย และสต
บทที่ 25 แต่งงานเยว่หรูได้บอกถึงความจำเป็นของตัวเองให้แม่ได้ฟัง และยังบอกว่าตัวเองนั้นพึงพอใจหานหรงอี้คนนี้เป็นอย่างมากด้วย หากไม่บอกแบบนั้น มีหวังว่าพ่อกับแม่ของเธออาจไม่เห็นด้วยงานแต่งของเยว่หรูถูกจัดขึ้น... เป็นงานที่แสนเรียบง่ายในแบบที่เยว่หรูต้องการ ถึงจะทำให้เจ้าบ่าวไม่ค่อยพอใจมากนัก แต่ก็ต้องยอมตามใจเธอ แต่เขาต้องการดูวันเวลาฤกษ์ยาม เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันยาวนาน เยว่หรูก็ยอมตามที่เขาเห็นควรในส่วนของสินสอด พ่อกับแม่ของเธอนั้นไม่ได้เรียกร้อง ให้ทางเจ้าบ่าวเห็นแก่สมควรว่าจะจัดอะไรมาบ้าง เนื่องจากเจ้าบ่าวนั้นเป็นที่นับหน้าถือตาของคนที่นี่ จึงทำให้เยว่หรูหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่แขกส่วนมากจะอยู่บ้านเจ้าบ่าว... ส่วนฝั่งเจ้าสาวนั้นมีคุณครูหมิงเว่ยกับภรรยาและญาติของพ่อที่เยว่หรูไม่อยากเต็มใจเชิญ แต่ก็ขัดไม่ได้ เพราะเห็นแก่หน้าพ่อ ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น"เยว่หรู หากไม่สบายใจกลับมาบ้านเราได้นะลูก อย่าอดทน บ้านเรายังมี" จางหยวนรู้ว่าไม่ควรบอกแบบนั้น แต่เขาไม่อยากให้ใครมารังแกลูกสาวของเขา"อย่าบอกลูกแบบนั้น... ควรอวยพรลูก" ลู่หลินมองลูกสาวที่แต่งตัวเสร็จแล้
บทที่ 24 ผมอยากแต่งงานกับเยว่เยว่ครับตอนนี้หานหรงอี้มาอยู่ที่บ้านของคนตัวเล็ก เพื่อรอเวลาที่พ่อกับแม่ของคนตัวเล็กกลับจากเลิกงาน เขามองดูที่ดินของครอบครัวนี้ที่เต็มไปด้วยต้นกล้าของสมุนไพรที่ปลูกในกระถางไม้ไผ่สาน... ถึงแม้พื้นที่จะไม่กว้างมากนัก แต่ก็สามารถปลูกต้นไม้แบบไล่ระดับปลูกตามแนวกำแพง ถือว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มมาก ๆ หานหรงอี้เดินดูสิ่งที่ปลูกอยู่ในแปลง ต้องแหวกต้นหญ้าแห้งออกดู... เพราะมีต้นหญ้าแห้งปกคลุมทั่วทั้งแปลงเลย เขามองดูสิ่งต่าง ๆ แต่ในหัวเขาก็คิดว่าหากแต่งงานกันแล้ว เขาคงต้องให้ลูกน้องจัดการพื้นที่ว่างเปล่าเตรียมให้คนตัวเล็ก... เขาคิดว่ายังไงคนตัวเล็กได้ใช้ที่ดินในส่วนนั้นปลูกหลายสิ่งหลายอย่างแน่นอน..."สงสัยคงต้องสร้างบ้านให้ว่าที่พ่อตาแม่ยายใหม่เสียแล้ว... " หานหรงอี้มองบ้านแล้วพึมพำเบา ๆ ที่ดูเหมือนมันจะเล็กไปสักหน่อย... ก่อนหน้านี้คนตัวเล็กขอคนให้มาสร้างกำแพงให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องบ้านเขาจะเสนอให้เองโดยที่คนตัวเล็กไม่ต้องเอ่ยปากขอเลยสักคำ...ทางด้านเยว่หรูที่ทำอาหารอยู่ในครัวก็นึกหมั่นไส้คนตัวโตที่ตามติดมาด้วย บอกให้มาทีหลังก็ไม่ยอม แล้วมาตอนนี้ทำให้เธอเตรี
บทที่ 23 มัดมือชกหลังจากที่เยว่หรูเอาเอกสารเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไปให้ทางสมาพันธ์ มันทำให้เธอต้องเจอเรื่องที่ไม่คาดคิด นั่นคือ... ทางสมาพันธ์ต้องการเอกสารยืนยันการรับรองจากทางพ่อและแม่ของเธอ ที่ทำให้เยว่หรูคิดมากนั่นคือ... เธอต้องการหลีกหนีเปลี่ยนชะตานางเอกปลอม ๆ โดยการที่ไม่ต้องไปพบเจอกับพ่อที่แท้จริง ถึงเขาจะมารับเธอไปอยู่ด้วย เธอก็ไม่มีทางที่จะไปด้วยเด็ดขาด... นี่คือสิ่งที่เยว่หรูตั้งใจเอาไว้แล้วแต่หากไม่ได้เอกสารรับรองการเรียนการทำงานของเธอก็ต้องมีปัญหาตามมา... หากจำไม่ผิด เยว่หรูจะได้เจอกับนางเอกตัวจริงตอนอายุ 16 ปี ซึ่งตอนนี้เธอจะ 15 ปีแล้ว หากไปหาพ่อตอนนี้... ก็มีแนวโน้มว่าจะได้เจอ เพราะนางเอกตัวจริงคือลูกติดมากับเมียใหม่ของพ่อ หรือหากให้นับจริง ๆ ก็คือพี่สาวต่างแม่ของเธอนั่นเอง...เยว่หรูทำงานไปด้วย ใช้ความคิดที่จะหลีกหนีชะตานางเอกไปด้วย เพราะหากว่าพ่อจริง ๆ เห็นประโยชน์ เขาไม่มีทางปล่อยตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอได้เรียนแพทย์แล้ว ยิ่งจะทำให้เขาอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเธอมากกว่าเดิม ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เขาต้องหว่านล้อมเหมือนทุกครั้งที่มาเจอลูกสาวอย่างแน่นอนเมื่อเยว่หรูเริ่มที่
บทที่ 22 เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากวันเป็นเดือน... เยว่หรูก็ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ตื่นเช้ามาทำงานทำงานบ้านช่วยแม่ ปลูกผักสมุนไพรในกระถาง ทำปุ๋ยหมักจากหญ้าและใบไม้แห้ง ตอนบ่ายไปทำงานที่โรงพยาบาล ตอนนี้เธอไม่ต้องไปเรียนในช่วงเช้าเหมือนแต่ก่อน เพราะเธอสอบเทียบจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว เยว่หรูไม่ลืมบุญคุณของคุณครูหมิงเว่ย เธอจะแวะเวียนเอาสิ่งของต่าง ๆ ไปให้คุณครู ไม่ว่าจะเป็นอาหารและยารักษาโรคต่าง ๆ ซึ่งเธอจะบอกว่าทุกอย่างที่ได้มานั้น... คือสวัสดิการที่ทางสมาพันธ์ให้มาเยว่หรูทำงานไร้ตำแหน่งมาเดือนหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ได้ค่าตอบแทนจากทางสมาพันธ์เช่นกัน อาจารย์หม่ายังจ่ายเงินเดือนให้ แต่ยังไม่เท่าคนที่เป็นแพทย์เต็มตัว เงินเดือนแพทย์เริ่มต้นที่ 70 หยวนต่อเดือน แต่หากเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือศาสตราจารย์จะอยู่ที่ 280-380 หยวนต่อเดือน เงินเดือนจะลดหย่อนลงมาตามตำแหน่ง เดือนแรกเยว่หรูได้ 50 หยวน ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมากสำหรับเยว่หรู แล้วยังได้คูปองรายเดือนรายปีอีกด้วยเงินเดือนแพทย์ถือว่าสูงมาก หากเปรียบเทียบกับอาชีพอื่น ถึงขั้นถูกจัดให้อาชีพแพทย์ได้รับเงินเดือนอยู่ในขั้นสูงข