Home / รักโบราณ / 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก / บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับ

Share

บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับ

last update Last Updated: 2025-01-05 20:45:11

บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับ

เยว่หรูรดน้ำผักอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ใบหน้าข้างหนึ่งจะบวมเป่งจากการถูกยัยป้าข้างบ้านตบ ไม่สิ... ป้าข้างบ้านไม่กล้าขนาดนี้ ส่วนมากแค่ชอบถาม อยากรู้อยากเห็นมากกว่า บางทีก็มีประโยชน์ เหมือนมีกล้องวงจรปิดประจำบ้านให้ด้วย แขกไปใครมาสามารถรู้หมด ไม่ต้องเสียเงินติดตั้งด้วย แถมรายงานผลรวดเร็วทันใจอีกต่างหาก

เมื่อรดน้ำผักเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เดินเก็บใบไม้แห้งทั้งหลายมาโยนใส่หลุมไว้ทำปุ๋ยใบไม้แห้ง ทำงานไปด้วยร้องเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี... ไม่ว่าเสียงร้องจะเหิน สำเนียงจะเพี้ยนแค่ไหนก็ยังร้องอย่างอารมณ์ดี...

การลงทุนของเยว่หรูนั้นถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ทุกคนในหมู่บ้านเข้าข้างเธอเพียงแค่เห็นยัยป้านั่นด่าทอบ่อย ๆ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าที่เธอไม่ตอบโต้ไม่พูดไม่เถียง เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ยัยป้าทำ แต่พอเจอวันที่เธอเอาคืน ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการยั่วยุให้ยัยป้าโดดลงมาทำร้ายเธอเลยทำให้คนไม่เชื่อในสิ่งที่ยัยป้าพูด

ถึงมันจะดูสิ้นคิด แต่หากไม่ทำแบบนั้นเธอจะเอาอะไรไปสู้ ตบตีไม่มีทางชนะเพราะตัวเธอเล็กนิดเดียว จากที่ใช้สมองอันน้อยนิดคิดก็มีแต่เรื่องนี้... ยอมเจ็บสักหน่อยเพื่อเป็นหลักฐาน และยอมโดนด่าทอต่อว่าเสีย ๆ หาย ๆ เพื่อสร้างพยาน ยังไงยัยป้านั่นก็ด่าครอบครัวเธอทุกครั้งที่เจอ มันเลยง่ายที่จะให้ชาวบ้านมาเป็นพยานเรื่องนี้ 

ความโชคดีของเธอที่ไปอ่านหนังสือในห้องสมุด แล้วอ่านเจอเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสามารถเอามาอ้างได้ ถึงแม้ว่ายัยป้าจะไม่ได้พูดคำต้องห้าม แต่ชาวบ้านทุกคนไม่รู้ว่ามีคำต้องห้ามคำไหนบ้าง หากมีเรื่องเกี่ยวกับทหารแดงเข้ามาเกี่ยวข้อง ชาวบ้านจะไม่ยุ่งด้วยเด็ดขาด เพราะไม่มีใครอยากให้ตัวเองเดือดร้อน ส่วนมากสิ่งที่เกี่ยวกับทหารแดงจะเป็นการจับกุมคนที่เห็นต่างทางการเมืองหรือพวกปฏิวัติทางวัฒนธรรม

ชาวบ้านทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้นเข้าข้างเยว่หรูทันที โดยชาวบ้านไม่ถามถึงเลยว่าพูดคำไหนหรือว่าพูดยังไง พวกเขาตัดสินทันที และด้วยความที่เยว่หรูทำตัวดีมาตลอดระยะเวลาเกือบสองเดือนที่มาอยู่ที่นี่... เลยยิ่งทำให้ชาวบ้านเชื่อมากกว่าเดิม

เยว่หรูเลยหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ทันที โดยที่ขอให้ครู หัวหน้าหมู่บ้าน และหัวหน้ากองคอมมูนช่วยเหลือและเป็นพยาน โดยเธอแจ้งเรื่องว่าหากเธอและครอบครัวเป็นอะไรไป ไม่ว่าจะมากหรือน้อย สามารถให้คนไปจับยัยป้าได้เลย เพราะว่าครอบครัวเธอไม่มีปัญหากับใครเลย มีคนเดียวเท่านั้นที่ชอบมาหาเรื่องครอบครัวเธอ

"เยว่หรู... กินข้าวก่อนเร็ว" ลู่หลินเรียกลูกสาวให้มากินข้าวจะได้กินยา เธอไม่เข้าใจทำไมลูกสาวถึงยังร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีทั้งที่แก้มบวมเป่งขนาดนั้น

"พ่อยังไม่กลับมาเลย" เยว่หรูเดินเข้ามานั่งที่แคร่หน้าบ้าน... พร้อมกับชะเง้อไปทางหน้าบ้าน

"ปู่คงขอร้องอีกตามเคย" ลู่หลินค่อนข้างเห็นใจสามีที่โดนเอารัดเอาเปรียบ ทั้งที่ทำงานหนักขนาดนี้

"แต่เราตัดขาดและแยกออกมาแล้ว ลงบันทึกไว้ทั้งหมดแล้วด้วย พวกเขาไม่กล้ารังแกพ่อหรอก หรือว่าเราไปตามพ่อก่อนค่อยมากินข้าวทีหลัง..." เยว่หรูพูดเพื่อให้แม่สบายใจ เรื่องเมื่อวานมันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะคุณครูเรียกค่าเสียหายหรือก็คือค่ายาให้เธอด้วย ทุกคนกลัวว่าเธอจะเข้าเมืองไปแจ้งทหารแดง เลย ต่างช่วยพูดและตอบแทนเป็นอาหาร ข้าวสาร ธัญพืชต่าง ๆ อาหารกลางวันที่เยว่หรูเสียไปนั้น ได้กลับมามากกว่าเดิม จนสามารถให้ครอบครัวเธออยู่ดีกินดีไปอีกหลายวันเลยทีเดียว

"อย่าเลย... เราไปอาจทำให้พ่อลำบากใจมากกว่าเดิม ลูกไม่ต้องรอพ่อหรอก จะต้องกินยา... รีบกินข้าว" เยว่หรูพยักหน้าและเริ่มกินข้าว ใจจริงอยากรอนั่นแหละ แต่ไม่อยากทำให้แม่เป็นห่วง... จะได้รีบกินยาให้เรียบร้อย 

"เยว่หรู เรื่องที่ลูกพูดกับย่า มันจริงใช่ไหม... " ลู่หลินที่เห็นลูกสาวไม่ทุกข์ไม่ร้อนก็เลยถามอีกรอบ

"หมายถึงเรื่องไหนคะ เพราะเมื่อวานเราพูดกันหลายเรื่องมาก" ที่พูดเมื่อวานมันมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องที่ต่อเติมเสริมแต่งเข้ามา... เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

"เรื่องเกี่ยวกับทหารแดง" เรื่องดุด่านั้นไม่ต้องถามก็รู้อยู่แล้ว แม่เลี้ยงของสามีนั้นปากจัด ดุด่าไม่ไว้หน้าใคร และไม่ใช่แค่ครอบครัวเธอที่เคยโดน หากใครทำให้ไม่พอใจก็จะเสียงดังโวยวาย ร้องหาความเป็นธรรมให้ตัวเองทันที

"จริงค่ะ... หนูไปเจอที่ห้องสมุด ถามครูแล้วด้วย... ว่าเป็นเรื่องจริง" เยว่หรูไม่ได้โกหกเรื่องนี้ ในเมื่อแม่ไม่เจาะจงเกี่ยวกับคำถามก็ตอบคำถามในมุมกว้าง ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าแม่อยากรู้ว่ายัยป้านั่นพูดคำต้องห้ามจริงไหม... แล้วเรื่องอะไรเธอจะบอกความจริงให้เดือดร้อนด้วย หากคนคนนั้นจ้องแต่จะทำร้าย... เธอก็สามารถพลิกลิ้นเพื่อป้องกันตัวเอง การที่เธอไม่ทำร้ายคนอื่น ใช่ว่าจะยอมให้คนอื่นมาทำร้าย...

"หวังว่าย่าจะกลัวบ้าง จะได้ไม่มายุ่งกับพวกเราอีก" ลู่หลินก็คิดแบบนั้น ที่ก้มหน้าไม่ว่าอะไรเวลาถูกดุด่าเพราะเห็นแก่สามี ที่สามีก้มหน้ายอมก็เพราะเห็นแก่พ่อ แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนก่อน เพราะแม่เลี้ยงสามีลงมือตบตีลูกสาวนางต่อหน้าคนจำนวนมาก และที่หนักกว่าอย่างอื่นคือทางโรงเรียนไม่ยอมให้นักเรียนของเขาถูกตบตี... ถึงจะเป็นญาติก็ตาม

ด้วยเหตุนี้เลยมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ครูบอกว่าลูกสาวของเธอคือตัวแทนของโรงเรียนที่จะลงสอบแข่งขัน การที่ด่าทอทุบตีก็เท่ากับไม่สนับสนุนนโยบายการศึกษา จริง ๆ มันมีเยอะกว่านั้น แต่เพราะลู่หลินไม่ได้เรียนเลยไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก รู้แค่ว่าต่อไปนี้ในหมู่บ้านก็คงไม่มีใครกล้าต่อว่าหรือดุด่าลูกสาวเธอแล้ว... เพราะกลัวโดนข้อกล่าวหาคัดค้านไม่สนับสนุน

"ลูกจะไปสอบแข่งจริง ๆ ตามที่ครูบอกเหรอเยว่หรู" เมื่อนึกเรื่องนี้ขึ้นได้เลยต้องถามให้มั่นใจ ไม่รู้ว่าลูกต้องไปแข่งอะไร รู้แต่ว่าเกี่ยวกับเรื่องเรียน

"ใช่ค่ะ... หนูไปปรึกษาครูมา หนูเลยอยากลองไปสอบแข่ง เพราะหากหนูไปแข่งผ่านเข้ารอบจะมีค่าตอบแทน... และหนูยังจะได้เจอคนเก่ง ๆ อีกด้วย" หากโลกเดิมต้องบอกว่าหาคอนเนกชัน เพราะหากเธออยากมีชีวิตดีขึ้น... ก็ต้องเจอคนมาก ๆ เพื่อมองหาโอกาสให้ตนเอง

"พ่อกลับมาแล้ว กินข้าวกันค่ะ" พอตอบแม่เสร็จก็หันไปเจอพ่อที่กำลังเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับกระสอบใส่อะไรบางอย่าง

"ลูกกินยาหรือยัง" จางหยวนเดินเข้ามานั่งแล้วจับดูหน้าลูกสาวที่ตอนนี้บวมเป่งจนน่าตกใจ

"ยังเลย... จะให้กินหลังกินข้าวเสร็จนี่แหละค่ะ คุณกินข้าวก่อน แล้ววันนี้ไม่ต้องไปลงงานจริง ๆ เหรอคะ" ลู่หลินทั้งถามและตอบสามี

"หัวหน้ากองบอกให้เราหยุดดูแลลูก วันจันทร์ค่อยไปลงงานเหมือนเดิม ส่วนวันหยุดเขาไม่หักค่าแรง ไม่หักแต้ม" จางหยวนตอบภรรยาพร้อมกับรับชามข้าวต้มมากิน 

"พ่อทะเลาะกับปู่ไหมคะ" พอกินข้าวเสร็จ เยว่หรูก็ถามทันที

"พ่อไม่ได้ทะเลาะกับปู่... ปู่ก็ขอร้องเหมือนทุกครั้งที่มีเรื่อง... " จางหยวนพูดแล้วหยุดแค่นั้น... เพราะเขาไม่อยากจะคิดถึงมันมากนัก พ่อให้เขาคิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เขาไม่สามารถสัมผัสถึงคำว่าครอบครัวในบ้านหลังนั้นได้เลย และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาบอกปัดว่าเขาไม่สามารถช่วยได้ โรงเรียนเป็นคนแจ้งและเอาเรื่องเพื่อปกป้องนักเรียน ถ้าอยากเจรจาต้องไปคุยกับทางโรงเรียนเอง

"พ่ออย่าคิดมาก หากย่าเขาไม่มายุ่งกับเรา... ปัญหามันก็ไม่เกิดไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องให้เราหรือทางโรงเรียนไม่เอาเรื่องด้วย หากย่าไม่ทำร้ายเรา จะมีใครมาจับตัวไปล่ะ" เยว่หรูพูดเพื่อให้พ่อเข้าใจจะได้สบายใจขึ้น

มันคือความจริง... หากไม่มายุ่งก็ไม่มีเรื่อง ไม่ใช่ว่าเขาจับไปแล้วเสียหน่อย เขาแจ้งเพื่อป้องกัน ในส่วนที่มีเรื่องเมื่อวานก็ได้ค่าเสียหายมาแล้ว เท่ากับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้นจัดการจบแล้ว ทำไมครอบครัวของปู่ต้องมาขอให้พวกเธอไม่เอาเรื่อง หรือพวกเขายังไม่เข้าใจในเรื่องนี้... ควบคุมคนของตัวเองให้ดีก็ไม่เดือดร้อนแล้ว แต่หากอยากมีประสบการณ์โดนหิ้วหรือโดนจับ... ก็มาเลย... เยว่หรูจะช่วยสนับสนุนให้เอง...

Related chapters

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 13 เข้าเมืองคนเดียว

    บทที่ 13 เข้าเมืองคนเดียวเยว่หรูเริ่มชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่บ้างแล้ว ตอนเช้าจะช่วยแม่ทำงานบ้าน ช่วยพ่อรดน้ำผัก เริ่มทดลองปลูกสมุนไพรที่ทางการอนุญาตให้ปลูกได้ เยว่หรูมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสามเดือนแล้ว หมดหวังเรื่องมิติวิเศษเหมือนในนิยายที่ตัวเองชอบอ่าน... สามเดือนแล้วคงไม่มีมาแล้ว...เรื่องยัยป้ามหาภัยนั่นเริ่มดีขึ้น อาจเพราะยังไม่ได้เจอกัน... เลยยังไม่มีปัญหา และตั้งแต่ที่เธอพูดกับพ่อเมื่อวันนั้น พ่อก็พูดกับปู่ในวันที่ปู่เรียกพ่อไปหาอีกครั้ง ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าทำไมปู่ถึงชอบเรียกพ่อไปที่บ้านนั้นบ่อย ๆ ทำไมไม่มาดูบ้างว่าพ่ออยู่ยังไง แต่พอแม่บอกว่า... เพราะปู่ต้องการให้พ่อรู้ว่าที่นั่นก็คือครอบครัวพ่อเหมือนกันไม่รู้ว่าพวกเขานิยามคำว่าครอบครัวแบบไหน พ่อลำบากกว่าลูกคนอื่น ๆ อยากให้มาดูบ้านพ่อ ที่อยู่ที่นอนของพ่อเหลือเกิน หากเปรียบกับพวกเขาแล้ว แตกต่างกันอย่างมากยังดีที่ตอนนี้ครอบครัวของเธอได้เสื้อผ้ามาจากคุณครูที่โรงเรียนเอามาให้ เลยมีเสื้อผ้าใส่เปลี่ยนหลายชุด ภรรยาของคุณครูหมิงเว่ยก็เอาชุดที่ไม่ได้ใส่แล้วมาให้แม่ของเธอด้วย พ่อของเธอก็ได้เสื้อผ้าบางตัวของคุณครูหมิงเว่ย แต่แค่บางตั

    Last Updated : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบ

    บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบแบบทดสอบที่เยว่หรูได้รับมีทั้งหมดสองฉบับ... หนึ่งฉบับเป็นแบบทดสอบเกี่ยวกับความรู้สมุนไพรเบื้องต้น แบบที่สองคือการรักษาขั้นพื้นฐานของแพทย์แผนจีน... แบบทดสอบต้องตอบเป็นข้อเขียนทั้งหมด หรือก็คืออัตนัยนั่นเอง...ถึงแม้ว่าเยว่หรูจะเป็นแพทย์แผนจีนมาก่อน แต่ก็ยังไม่วางใจ เพราะสิ่งที่เธอถนัดและคุ้นเคยนั้น... เป็นความรู้และการรักษาแบบโลกเดิม คือปี 2020 มันคือการรักษาแบบประยุกต์ มีการรักษาแผนปัจจุบันเข้ามาร่วมด้วย หากทดสอบโดยให้รักษาจะไม่มีปัญหาเพราะเธอเคยทำมาแล้ว แต่การทดสอบตอนนี้นั้น... ต้องตอบตามแบบหนังสือ พลิกแพลงมากไม่ได้ เลยทำให้เยว่หรูใช้เวลาในการทดสอบเรื่องการรักษาด้วยสมุนไพรค่อนข้างนานทำแบบทดสอบได้... แต่ไม่รู้จะผ่านไหม ต้องรอดูอย่างเดียว มั่นใจมากไม่ดี... จงรู้ไว้ว่าในหนังสือเรียนกับสถานการณ์จริงแตกต่างกันมาก แล้วคนที่เรียนจบมาจนทำงานแล้วแบบเธอ... บางอย่างในหนังสือเรียนที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็หลงลืมเป็นธรรมดา และที่สำคัญหนังสือเรียนแพทย์แผนจีนของที่นี่ก็ไม่ค่อยมีให้อ่านมากนัก"เสร็จแล้วค่ะ" เยว่หรูยื่นเอกสารให้คุณตา ก่อนจะมานั่งรอและมองทุกอย่างรอบ ๆ ตัว เหมือนที่นี

    Last Updated : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มา

    บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มาเยว่หรูเดินกลับบ้านในทิศทางเดิม เธอไม่ได้ออกนอกเส้นทางไปทางอื่นเลย มองเวลาแล้วเธอต้องรีบกลับ หากชักช้ามันอาจถึงบ้านมืดได้ เพราะตั้งใจเดินกลับบ้านเพื่อประหยัดเงิน"หนู ๆ ช่วยยายหน่อย" เสียงร้องเรียกใครไม่รู้ แต่เพราะมันเสียงดังเลยทำให้เยว่หรูที่กำลังรีบเดินกลับบ้านหันไปมองหาที่มาของเสียง"เรียกหนูเหรอคะ" เมื่อไม่เห็นใครนอกจากตัวเธอเองก็หันไปถามคุณยาย"ใช่ ๆ พอดียายจะกลับบ้านแต่ของมันเยอะ ช่วยถือไปส่งหน่อยได้ไหม ไม่ไกล ๆ ซอยข้างหน้านี่เอง" เมื่อเห็นเด็กสาวหันมามองแล้วเลยขอความช่วยเหลือ"อ้อ... ได้ค่ะคุณยาย" เยว่หรูมองกระสอบที่วางอยู่ใกล้ ๆ เลยเข้าไปช่วยหิ้วทันที"ยายเดินนำ ตามมาเลย" บอกจบก็เดินนำหน้าเลยส่วนเยว่หรูที่อุ้มกระสอบก็สงสัยว่าคืออะไรอยู่ข้างใน มันไม่ได้หนักมาก จากที่สัมผัสดูเหมือนเป็นผ้าเลย มัวแต่มองสิ่งที่ตัวเองถือและเดินตามหลังคุณยายเลยไม่ได้สังเกตสิ่งที่อยู่รอบข้าง"ส่งถึงตรงนี้แหละหนู ขอบใจมาก อันนี้ยายให้เป็นค่าตอบแทน" บอกพร้อมกับยื่นสร้อยข้อมือมาให้"ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย แค่นี้เองค่ะ" เยว่หรูบอกพลางวางกระสอบก่อนที่จะมองรอบ ๆ ความสงสัยก็เกิดขึ้นทั

    Last Updated : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 16 ตอบแทนบุญคุณ... คนที่สมควรจะได้รับ

    บทที่ 16 ตอบแทนบุญคุณ... คนที่สมควรจะได้รับขอบคุณคุณยายที่มอบสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้หนู... ขอบคุณที่คุณยายยัดเยียดให้ทั้งที่ตอนแรกหนูปฏิเสธไปแล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะคะเยว่หรูกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง หลังจากที่พิสูจน์ได้แล้วว่า... สร้อยข้อมือนี้คือมิติบ้านของเธอ... หากอยากเข้าหรือออกเพียงเอามือสัมผัสที่สร้อยข้อมือก็สามารถเข้าออกได้ตามที่ใจต้องการเยว่หรูสามารถหยิบสิ่งของออกมาข้างนอกได้... มันเหมือนในนิยายที่เคยอ่านเจอ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งของที่เธอหยิบออกมาแล้วมันจะมีมาเติมให้ใหม่ไหม หรือว่าหมดแล้วหมดเลย เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาเป็นการพิสูจน์ "เอานมนี่แหละ... ลองก่อนเป็นอย่างแรก แล้วจับเวลาว่าด้านนอกกับในมิติบ้านนี้เวลาแตกต่างกันไหม" เยว่หรูพึมพำพร้อมกับหยิบนาฬิกาจับเวลา เพื่อพิสูจน์ว่าด้านนอกและด้านในมีเวลาเท่ากันไหมส่วนอาหารที่เอาออกมาก็ยังเอาอะไรออกมามากไม่ได้ หากแตกต่างมาก เยว่หรูจะยังไม่เอาออกไปข้างนอก เพราะมันต้องมีคำถามตามมาแน่ ๆ เธอยังไม่อยากให้ใครรับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้... ไม่รู้มีข้อห้ามอะไรไหม... หากบอกคนอื่นแล้วมิติบ้านหายไปล่ะ... เธอยังไม่อยากเสี่ยงในตอนนี้และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

    Last Updated : 2025-01-06
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 17 คนมาใหม่

    บทที่ 17 คนมาใหม่เมื่อคืนเยว่หรูเข้ามานอนในมิติบ้าน เพื่อเตรียมสิ่งของที่จะได้ทำอาหารในตอนเช้า เช้านี้เลยมีทั้งกับข้าวที่เป็นไข่ม้วน กับข้าวสวยร้อน ๆ และมีกระดูกหมูตุ๋นยาจีน เตรียมนมอุ่น ๆ และต้มยาสมุนไพรด้วย ตอนนี้ยังหาข้ออ้างไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าจะบอกว่าเอาสิ่งของพวกนี้มาจากไหน ต้องรอกลับจากโรงพยาบาลแล้วค่อยบอกเป็นค่าตอบแทน เพราะวันนี้เธอมีไปฝึกงานที่โรงพยาบาลส่วนมื้อเช้ามีแบบไหนก็คงต้องกินแบบนั้นไปก่อน ถึงจะอยากให้ทุกคนได้กินอาหารดี ๆ แต่หากไม่ระวัง... ความลับที่ต้องการปกปิดมันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป แล้วหากมันไม่ได้เป็นความลับ เรื่องที่เธอปิดบังทั้งหมดก็อาจถูกเปิดเผย... คนมีความลับเยอะอย่างเยว่หรูเลยต้องทำทุกอย่างให้แนบเนียน...ในโลกนี้ยุคนี้... กินดีอยู่ดีมากไปก็ไม่ดี... แต่หากหาที่มาที่ไปได้ก็ไม่มีปัญหา... รอให้เธอรู้ผลว่าผ่านการทดสอบเสียก่อน... เธอยังสามารถบอกว่าทุกอย่างที่ได้มาคือสิ่งของสนับสนุน แต่หากเธอไม่ผ่าน... ค่อยคิดหาวิธีอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร...เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เข้าไปอาบน้ำทาครีมบำรุง... ทำทุกอย่างแบบที่เคยทำในโลกเดิม ยังดีที่เครื่องสำอางที่ใช้..

    Last Updated : 2025-01-07
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 18 หานหรงอี้

    บทที่ 18 หานหรงอี้จางหยวนขอตัวจากกลุ่มคนมาใหม่และหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อจะได้รีบไปส่งลูกสาวแล้วไปทำธุระของเขาให้เรียบร้อย และที่เขารีบขอตัวออกมาเพราะเห็นกลุ่มคนมาใหม่มองลูกสาวของเขาไม่วางตาเลย ทั้งที่ลูกสาวเขายืนอยู่ด้านหลัง แต่ทุกคนก็ดูจะสนใจลูกสาวของเขา ทางที่ดีต้องรีบออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุดหานหรงอี้ มองตามคนตัวเล็กกับพ่อเดินไปจนสุดสายตา ทั้งที่คนตัวเล็กไม่ยอมหันมาทักทายหรือยิ้มแย้ม มันยิ่งทำให้เขาสนใจมากกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าเด็กสาวจะชอบคนที่มียศมีตำแหน่งหรอกหรือ การมาของพวกเขานั้นไม่ใช่ความลับ ยังไงสาวน้อยคงจะพอรู้ หากบอกว่าหลบเพราะเขินอายก็ไม่น่าจะใช่ เพราะสายตาที่ใช้มองพวกเขานั้นเหมือนรังเกียจมากกว่า"นายครับ เราต้องไปให้ทันเวลาหมอนัดนะครับ" ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาหานายที่ไม่สนใจจะไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเลย"จะรีบไปไหน โรงพยาบาลก็อยู่แค่นี้ ไม่ต้องตามกันมาเยอะแยะ กลับไปดูคนงานได้แล้ว" หานหรงอี้บอกลูกน้องที่ตามมาเป็นพรวน ทั้งที่อาการเขาดีขึ้นแล้ว เดินเหินได้เหมือนเดิม แต่คนพวกนี้ก็ยังจะตามติดเขาอยู่นั่นแหละ"นายมองสาวน้อยคนนั้นหรือกำลังชื่นชมธรรมชาติครับ" คนสนิทมองตามสายตาคนเป็นนาย

    Last Updated : 2025-01-07
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 19 เรียกร้อง

    บทที่ 19 เรียกร้องในทุกเช้า เยว่หรูจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำอาหารบำรุงหลายอย่าง ต้มน้ำแกง ต้มยาสมุนไพรต่าง ๆ และทำอาหารหลากหลายเมนูเก็บไว้ ในทุกวันที่ไปเรียน เยว่หรูต้องเอาน้ำต้มสมุนไพรไปฝากคุณครูหมิงเว่ยเธอยังไม่สามารถให้อย่างอื่นเพื่อตอบแทนคุณครูได้ เพราะครูรู้ดีว่าครอบครัวของเธอยากจน การที่จะได้กินหรือมีสิ่งของดี ๆ นั้นมันแทบไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เมื่อมีโอกาสเธอต้องตอบแทนแน่นอนในระหว่างที่ตัวเองกำลังคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก็ทำให้เธอค่อนข้างแปลกใจ เหมือนคนไข้ที่ชื่อหานหรงอี้นั้นไม่เป็นอะไรเลย การไหลเวียนของเลือดมันไม่สมดุลและเหมือนร่างกายมีภาวะเย็นมากเกินไป แต่เธอไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ เพราะการตรวจของเธอนั้นต้องยุติก่อนที่จะตรวจเสร็จ ยังไม่ได้ดู ดม และสอบถามเลย อาจารย์ก็บอกพอก่อนและให้เธอกลับมาทำรายงานส่งเยว่หรูมองไปที่สมุดรายงานของตัวเอง ก่อนที่จะจัดเตรียมอาหารให้เรียบร้อย เมื่อวานพ่อก็ต้องเดินไปรอรับ เพราะกว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็เริ่มเย็นแล้ว แล้วที่นี่จะมืดเร็วเสียด้วย หกโมงเย็นนี่เริ่มมืดแล้ว ทั้งที่เธออยากให้พ่อแม่พักผ่อนแต่ต้องไปรับเธอกลับ คงต้องหาวิธีอื่นรอแล้ว ไม่

    Last Updated : 2025-01-07
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 20  ความรู้สึกไม่ต่างกัน

    บทที่ 20 ความรู้สึกไม่ต่างกันเยว่หรูเดินตามมาที่ห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนค่อนข้างเป็นส่วนตัว ส่วนมากมีแต่ญาติของคนไข้ที่เฝ้าอยู่เพียงเท่านั้น พอเยว่หรูมาถึงอาจารย์ก็เริ่มสอนสิ่งต่าง ๆ โดยที่สอนตรวจคนไข้ว่าควรตรวจแบบไหน เพื่อประหยัดเวลาและได้ผลที่แม่นยำทุกอย่างดำเนินไปอย่างดี เนื่องจากคนไข้ยอมให้ตรวจดี ๆ นอนมองนิ่ง ๆ เพียงเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไล่หมอพยาบาลออกไปทั้งหมด แต่เขากลับให้ลูกศิษย์กับอาจารย์สองคนทั้งจับพลิกดูตามร่างกายได้ตามต้องการ"อาจารย์ จากที่หนูดูไม่ใช่แค่ร่างกายอย่างเดียว หนูคิดว่าน่าจะมาจากจิตใจและความคิดด้วย" เยว่หรูสังเกตคนไข้แล้วรู้สึกว่าช่างคุ้นเคยกับอาการนี้เหลือเกิน"มีความเป็นไปได้มากเลยทีเดียว" อาจารย์ก็เห็นด้วยกับที่ลูกศิษย์คนล่าสุดบอกมา"เยว่หรูจะรักษาด้วยวิธีไหน เขียนรายงานมาด้วย รักษาแค่เบื้องต้นก่อน ส่วนต้องการเบิกอะไรก็สามารถใช้ญาติของคนไข้ไปจัดการได้เลย และนี่คือเอกสารที่ต้องเขียนรายละเอียดยื่นให้สมาพันธ์ มีเอกสารด้วย เตรียมมาให้พร้อมแล้วเอามาให้อาจารย์ เข้าใจไหม และหากรักษาเบื้องต้นเสร็จก็กลับบ้านได้เลย อาจารย์ต้องรีบไปประชุม" อาจารย์หม่าสั่งงาน

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 53 ตอนพิเศษ

    บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัว

    บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 51 วันที่รอคอย

    บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 50 เรียนจบ

    บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 49 จุดไต้ตำตอ

    บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร

    บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 47 พบเจอพระเอก

    บทที่ 47 พบเจอพระเอกผ่านมาหนึ่งคืนแล้วที่เยว่หรูมาอยู่ที่ค่ายแรงงานแห่งนี้ หลังจากที่รวมตัวกันเมื่อวาน เพื่อไปทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำจุด ในตอนแรกเยว่หรูนึกว่าจะได้เจอกับพระเอกของนิยายเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยู่เลยไม่ได้เจอกัน แต่เยว่หรูรู้ดีว่ายังไงก็หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน"เยว่หรู เดี๋ยวคอยตามอาจารย์มานะ" อาจารย์หม่า ผู้มีลูกศิษย์เป็นของตัวเองเพียงไม่กี่คน เขาเลยอยากดูแลและสอนด้วยตัวเอง ส่วนคนอื่น ๆ จะมีอาจารย์ท่านอื่นช่วยดูแลเช่นกันเยว่หรูเดินตามอาจารย์ไปพร้อมกับเพื่อนอีกสี่คนรวมเธอด้วยก็เป็นห้าคน ซึ่งกลุ่มเธอมีเธอเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เข้าเรียนในห้องเรียนเหมือนคนอื่น ดีที่ว่าทุกคนนั้นไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นทำงานด้วยกันลำบากแน่ ๆ กลุ่มของเยว่หรูนั้นได้เดินดูงานก่อน เพราะที่ค่ายแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ที่คอยตรวจรักษาอยู่แล้ว เหมือนการเรียนรู้ก่อนที่จะเข้าไปตรวจจริง แต่ละคนจะได้รับมอบหมายว่าควรไปประจำอยู่จุดไหน ทุกคนได้รับมอบหมายจนหมด เหลือเยว่หรูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเดินตามอาจารย์หม่าเข้าไปที่พักด้านใน ซึ่งแยกออกจากสถานที่อื่น ลางสังหรณ์บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้ค

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 46  ออกค่าย

    บทที่ 46 ออกค่ายตั้งแต่วันที่บอกกับสามีเรื่องที่เธอท้อง ผ่านมาได้เกือบสามเดือนแล้ว ตอนนี้เยว่หรูท้องได้เกือบสี่เดือนแล้ว แต่ด้วยว่าท้องแรกยังมองเห็นไม่ชัดมากนัก หากใส่เสื้อผ้าปกปิดก็ไม่สามารถมองออกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ดีที่ว่าเธอไม่มีอาการแพ้ท้องเลย มีเพียงสามีของเธอเท่านั้นที่กินอาหารไม่ได้ พอกินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมา และยังคงห่วงเธอมากกว่าตัวเองเสียอีก ทั้งที่เธอนั้นแข็งแรง กินอาหารได้ทุกอย่าง หากว่าเขาไม่มีแรงไปส่งเธอทำงานก็ต้องให้พ่อเป็นคนมารับไปส่ง ต้องบอกว่าทั้งสองคนพ่อตากับลูกเขยนั้นเห่อมาก คาดว่าพอคลอดมาแล้วน่าจะแย่งกันอย่างแน่นอนในส่วนของพี่เหมยที่ตอนนี้ท้องโตมาก เพราะพี่เหมยท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว และที่น่ายินดีคือสามีของพี่เหมยกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่กว่าจะได้คุยกันก็ร้องไห้กอดกันทั้งคู่ แต่เท่าที่ดู สามีพี่เหมยก็ดูจะรักและเอาใจใส่ดูแลพี่เหมยเป็นอย่างมาก มันเลยทำให้เธอรู้สึกดีไปด้วย"ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก" ลู่หลินเข้ามากอดลูกสาวพร้อมกับกำชับอย่างดี"ไม่ไหวก็ต้องบอกนะ อย่าทำเอง อย่ายกของหนัก" จางหยวนก็กำชับลูกสาวด้วยเช่นกัน"หมอคะ... ให้พี่ไปด้วยไหม มีอะไรจะได้ช่วย" ลู่จิวเดิน

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 45 เป็นคำตอบที่บีบหัวใจ

    บทที่ 45 เป็นคำตอบที่บีบหัวใจเยว่หรูนั่งเงียบทันทีที่ได้รับคำตอบของคำถามที่เธอสงสัย จะไม่ให้เงียบได้ยังไง ในเมื่อคุณห่าวซวนกลับไปทำงานต่อเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าคนพวกนั้นจะไม่มายุ่งกับพี่เหมยและเธอ แต่เพราะงานมันอันตราย เขาเลยต้องบอกพี่เหมยแบบนั้น เพราะเขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะได้กลับมาไหม"นี่คือเหตุผลว่าทำไมทุกคนต้องพูดคุยกัน อย่าคิดไปเอง" เยว่หรูพูดขึ้นมาทำลายความเงียบพร้อมกับโอบกอดพี่สาวเหมยที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ "ไม่ต้องห่วง ผมแจ้งเรื่องเข้าไปที่หน่วยงานเก่าเรียบร้อยแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาเพราะมันมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และผมได้ส่งคนไปช่วยงานอีกหลายสิบคนแล้ว" หานหรงอี้พูดปลอบทั้งสองคน ที่คนหนึ่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้ อีกคนก็แยกเขี้ยวใส่เขาทั้งที่เขาก็ยอมตอบทุกคำถามแล้วหานหรงอี้ทำตามที่รับปากคนสนิทไว้ เขาค่อนข้างลำบากใจในเรื่องนี้ ยอมรับว่าหากภรรยาอยากรู้หรือมาบังคับให้เขาตอบ ให้ตายยังไงเขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ แต่ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดไม่ได้บอกนั้น เพราะภรรยาเขาถามไม่ได้บีบบังคับเอาคำตอบแบบวันนี้ ไม่รู้เพราะอะไร เขาไม่เคยขัดภรรยาได้เลย..."พ่อฉันทำคนเดียวหรือว่าทั้งครอบครั

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status