บทที่ 2 ปี 1960
"เยว่หรู... ตื่นเร็ว" เสียงเรียกชื่อเธอดังต่อเนื่อง จนจำต้องลืมตาตื่นขึ้นมา
เยว่หรูพยายามลืมตา... พอลืมตาแล้วเหมือนทุกอย่างมันพร่ามัวไปทั้งหมด เธอต้องกะพริบตาหลาย ๆ รอบ เพื่อที่จะได้มองเห็นทุกอย่างชัดมากกว่าเดิม
"ที่ไหน... " เมื่อมองภาพข้างหน้าชัดเจนแล้ว... จนมั่นใจว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นไม่ใช่ภาพลวงตา
"กินยาก่อนลูก อดทนนิดหนึ่งจะได้หาย" เสียงของหญิงสาววัยกลางคนเอ่ยบอกเธออีกครั้ง
"คุณไปรอข้างนอกก่อน... ฉันดูลูกเอง" ลู่หลิน หันไปบอกสามีที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ
เยว่หรูมองที่มือของหญิงสาวคนนั้นก็ทำให้เธอถึงกับขมวดคิ้ว ทำไมมีแต่รอยเต็มไปหมดแบบนี้ เธอมาอยู่ที่ไหนหรือว่า... เธอกำลังฝัน เหมือนที่ก่อนหน้านี้เธอชอบฝันติดต่อกัน ก็มีบรรยากาศคล้าย ๆ แบบนี้
"แม่ล้างมือแล้ว ไม่ต้องห่วง" หญิงสาวที่เห็นลูกสาวจ้องมองมาที่มือของตัวเองก็รีบบอกทันที เธอรู้ว่าลูกสาวไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ต้องรีบให้กินยาเสียก่อน
"ไม่ใช่ค่ะ... ฉันแค่แปลกใจ ทำไมมือถึงมีแต่แผลล่ะคะ" เยว่หรูรีบบอกพร้อมกับอ้าปากกินยาเพื่อไม่ให้พี่สาวต้องกังวลใจ ที่เรียกพี่สาวเพราะจากที่ดูแล้วอายุเราไม่น่าจะห่างกันมากนัก... แทนตัวเองว่าแม่เลยเหรอ... เยว่หรูงงในงง...
"นอนพักนะ แม่กับพ่อต้องไปลงงานก่อน เมื่อถึงเวลาแม่จะมาปลุกกินยาอีกรอบ" หญิงสาวดีใจที่ลูกสาวของเธอนั้นยอมกินยาจากชามที่เธอเป็นคนถือ จนไม่ได้สนใจในสิ่งที่ลูกสาวแปลกไป เพราะคิดว่าคนเป็นไข้ก็มีอาการแปลก ๆ ด้วยกันทั้งนั้น...
เยว่หรูพยักหน้ารับแล้วล้มตัวลงนอน เธอต้องการเวลา... เพื่อที่จะได้เช็กว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เธอเจออยู่ในตอนนี้เกิดจากอะไร หากมันคือความฝัน... มันคือฝันที่เหมือนจริงมาก ชีพจรของเธอนั้นบ่งบอกว่าเธอมีไข้ไม่สบาย ถ้าหากเป็นความฝัน... เธอคงไม่รู้สึกถึงรสชาติของยาสมุนไพรแบบนี้ ถึงจะมีส่วนผสมของยาสมุนไพรที่ไม่มากนัก แต่เธอคลุกคลีอยู่กับสมุนไพรย่อมรู้จักเป็นอย่างดี
ยาลดไข้นี่แทบไม่ได้ช่วยให้ร่างกายนี้ทุเลาลงได้เลย เยว่หรูยกมือขึ้นดู... มือเล็กขาวที่เหมือนคนขาดสารอาหาร และแน่นอนว่าไม่ใช่แขนของเธอ เพื่อความมั่นใจ เธอเปิดผ้าห่มผืนบางออก... แล้วสำรวจร่างกายจนทั่ว ก่อนจะมองหากระจกเพื่อที่จะได้เห็นว่ารูปร่างหน้าตาหรือร่างกายนี้เป็นใครที่เธอรู้จักบ้างไหม หรือจะเป็นเธอในช่วงวัยเด็ก...
พอพิสูจน์ไม่ได้ คิดอะไรไม่ออก ก็วกเข้าไปที่นิยาย คิดว่าตัวเองอาจทะลุมิติมา หากทะลุมาจริง ให้เธอทะลุมาที่ไหน... คงไม่ใช่จีนโบราณ เพราะก่อนหน้านี้พี่สาวกับพี่ชายคุยกันยังเป็นคำพูดคุยปกติ...
"หากฉันนอนสักหน่อย... ฉันจะตื่นจากฝันที่เหมือนจริงนี่ไหม... " เยว่หรูพึมพำออกมาแล้วก็ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม ในเมื่อไม่มีกระจกให้ส่องเลยไม่รู้จะนั่งหาทำไม
แต่เยว่หรูไม่ได้หลับในทันที เธอมองทุกอย่างรอบตัว หลังคาที่เป็นหญ้า ผนังที่น่าจะเป็นดิน... ห้องที่เธออยู่แทบไม่มีอะไรเลย มีเตียงนอนที่เล็กกว่าสามฟุตครึ่งเสียอีก ไม่รู้จะบอกว่าเตียงได้ไหมเพราะมันเล็กมาก แต่มันก็คล้ายเตียงเตาสมัยก่อน ในห้องนี้ยังมีตู้ที่เธอเดาว่าน่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า ต้องบอกว่าเธอนอน... แล้วใช้สายตาสำรวจ ไม่ได้ลุกเดินดูแต่อย่างใด เพราะมันยังมีอาการเวียนหัว อาจเพราะร่างกายนี้ยังไม่หายจากไข้ เยว่หรูจำต้องข่มตาให้หลับพักผ่อน...
...
เยว่หรูนั่งมองบ้านดินหลังน้อยที่มีเพียงสองห้องนอน หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องส้วมเพียงเท่านั้น ในบ้านแทบไม่มีอะไรเลย อย่าว่าแต่ในบ้านเลย... แม้แต่เสื้อผ้ายังมีคนละไม่กี่ชุดเพียงเท่านั้น รองเท้าก็เหมือนกัน ขาด ๆ เก่า ๆ นิ้วโผล่ออกมาได้ สภาพมันจะพังอยู่แล้ว
"เฮ้อ... " เยว่หรูถอนหายใจออกมา ปลงกับชีวิตที่กำลังเป็นอยู่
ตลอดระยะเวลาสามวันที่เธอหลับ ๆ ตื่น ๆ ขึ้นมา เธอไม่ได้ไปไหนเลย เธออยู่บ้านหลังนี้ตลอด ความหนาวเหน็บที่สัมผัสได้ทำให้รู้เลยว่าเธอไม่ได้ฝันไป...
จากฝันหวานอยากทะลุมิติไปยุคจีนโบราณ ความฝันของเยว่หรูก็เป็นจริง!! ก็หากไม่คิดอะไรมาก... ก็โบราณเหมือนกัน แต่ไม่มีท่านอ๋อง องค์รัชทายาท หรือท่านแม่ทัพ... มีแต่ ทหารแดง หน่วยคอมมูน ใช้ตั๋วหรือคูปองในการซื้อของ ทำงานแลกแต้มที่แทบจะไม่มีอาหารให้ โบราณกว่ายุค 2020 แน่ ๆ เพราะนี่คือยุค 1960 ของแท้แน่นอน...
"ออกมานั่งข้างนอกทำไม เดี๋ยวไข้ขึ้นหรอกลูก" ลู่หลินรีบเดินเข้ามาหาลูกสาวพร้อมกับเอามือแตะที่หน้าผากกลมมนทันที
"..." เยว่หรูไม่ว่าอะไร ปล่อยให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ในยุคนี้สำรวจอาการเพื่อที่จะได้สบายใจ เพราะเธอรู้ดีว่าร่างกายนี้หายจากอาการไข้แล้ว...
"เอ่อ... แม่ลืมไป" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งกลับมาจากทำงานในไร่ เลยรีบบอกลูกสาวเพราะรู้ว่าลูกสาวของตนไม่ชอบอะไรแบบนี้
"ไม่เป็นไรค่ะ จับได้เลย... หนูดีขึ้นมากแล้ว" เมื่อเห็นท่าทางของอีกคน เยว่หรูก็รีบบอกเพื่อที่อีกคนจะไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดแบบนี้
"หนูต้มน้ำไว้ให้แล้วค่ะ" เยว่หรูชวนคุย... พร้อมกับยื่นมือเข้าไปจับตรงบริเวณข้อมือของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น แม่
"ขอบใจลูกมาก เข้าบ้านกันดีกว่าเนอะ... แม่จะได้ทำอาหารให้กิน" ลู่หลินมองมือเล็กขาวที่ยื่นมาจับที่ข้อมือของตัวเอง ก็รู้สึกดีใจที่ลูกสาวที่ไม่ชอบให้เธอแตะเนื้อต้องตัวนั้นยอมแม้กระทั่งเป็นคนยื่นมือมาจับเธอก่อน
เยว่หรูเดินตามเข้าบ้านไป พร้อมกับวินิจฉัยอาการของคนที่เธอต้องเรียกว่าแม่ไปด้วย หากเป็นโลกที่เธอจากมานั้นมันรักษาง่ายมาก แค่ต้องให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ แต่มันยากเหลือเกินที่จะทำแบบนั้นได้ในยุคนี้
ในตอนแรกที่เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองนั้นไม่ได้ฝันไป... เยว่หรูแทบบ้า เมื่อได้รู้ว่าสถานที่อยู่นี้คือโลกในหนังสือนิยาย เยว่หรูคนนี้คือนางเอกของเรื่องนี้ แต่ ๆ เยว่หรูไม่ใช่นางเอกตัวจริง!! นางเอกตัวจริงคือคนที่ทะลุมิติมาเข้าร่างนางร้าย! สรุปง่าย ๆ นางร้ายของเรื่องนี้คือนางเอก!! ส่วนเยว่หรูคนนี้คือนางเอกปลอม ๆ นั่นเอง..
บทที่ 3 ครอบครัวเยว่หรูที่ได้รับบทนางเอกปลอม ๆ หรือก็คือนางร้ายดี ๆ นี่เอง... เธอใช้เวลานานพอสมควรเพื่อสงบสติอารมณ์ มันไม่ใช่เรื่องง่าย... ที่คนคนหนึ่งจะทะลุมิติข้ามยุคมาแล้วสามารถใช้ชีวิตต่อได้เลย ถึงจะชอบพูดว่าอยากจะทะลุมิติเหมือนนิยายที่ตัวเองเคยอ่านก็ตาม แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่าย ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมดทุกอย่าง สังคม สภาพแวดล้อม มันไม่ได้เหมือนที่เคยอ่านเจอในนิยายบางเรื่อง... ที่พอข้ามมาแล้วนางเอกเก่งเลย เยว่หรูห่างไกลจากคำนั้นมาก เพราะเธอคือนางเอกปลอม ๆ ถึงแม้ว่าจะเคยใช้ชีวิตในโลกก่อนมาเป็นอย่างดี แต่พอมาอยู่ที่ใหม่ก็ต้องเรียนรู้ใหม่และที่แห่งนี้แตกต่างจากที่จากมามากมายหลายอย่าง...สิ่งแรกที่เยว่หรูทำหลังจากตั้งสติได้... นั่นคือสำรวจตัวเองว่าเธอคือเยว่หรูคนที่เป็นนางเอกตัวปลอมจริงไหม และใช่!! ทุกอย่างบ่งบอกว่าเธอคือเยว่หรู มีแม่ชื่อ ลู่หลิน มีพ่อเลี้ยงชื่อ จางหยวนเยว่หรูไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมนี้เลย ทุกอย่างที่เธอรู้ก็อ่านมาจากนิยายทั้งนั้น ตามเนื้อเรื่องบอกว่า... พ่อแม่ของเยว่หรูแยกทางกัน เยว่หรูอยากไปอยู่กับพ่อ แต่เพราะการทำงานของพ่อจะต้องย้ายไปต่างเมืองบ่อย ๆ เ
บทที่ 4 ครอบครัวเดียวกันต้องช่วยเหลือกัน"พ่อกับแม่ไปทำงานก่อน เพิ่งจะหายไข้ อย่าออกมาตากลมข้างนอกเลย" จางหยวนบอกลูกสาวที่ออกมายืนส่งทั้งสองที่หน้าบ้าน"พ่อคะ... หนูหายดีแล้ว ไม่มีไข้มาหลายวันแล้วนะคะ" เยว่หรูบอกพ่อพร้อมกับหัวเราะที่พ่อดูเป็นห่วงเธอมากเกินไป"เดี๋ยวไข้มันกลับมาอีก เข้าบ้านได้แล้ว" ลู่หลินก็เป็นอีกคนที่บอกลูกสาวให้รีบเข้าไปอยู่ในบ้าน"เข้าใจแล้วค่ะ" เยว่หรูบอกพร้อมกับโบกมือลาพ่อกับแม่... แล้วค่อยเดินเข้าบ้านตามที่ทั้งสองคนต้องการเยว่หรูนั่งลงบนเตียงเตาแล้วมองรอบ ๆ ห้องก่อนถอนหายใจออกมา มาอยู่ที่นี่เกือบสองอาทิตย์แล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะได้กลับโลกตัวเอง เคยอ่านแต่นิยายที่ตัวเอกข้ามมาแล้วมีมิติ บางเรื่องก็มีกำไลวิเศษ บางเรื่องมีปานที่จริง ๆ แล้วคือมิติจิต แต่เยว่หรูคนนี้แก้ผ้าสำรวจตัวเองจนทั่ว... หาปานหรือรอยสักไม่เจอสักที่!! อยากมีมิติ หรือไม่ก็ให้มิติฟาร์มแบบที่คนเขานิยมกัน ซูเปอร์มาร์เก็ตก็ดี เล็ก ๆ ก็ได้ เธอจะไม่ติเลย ให้มีมาเถอะ... เธอจะเรียนรู้การใช้งานเอง แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเธอคือนางเอกปลอม ๆ เท่านั้น เป็นไปได้ยากที่เธอจะมี... สิ่งของพวกนั้นคงเป็นนางเอกหรือคนที่สำคั
บทที่ 5 ป้าข้างบ้านทั้งหลายนับเป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่เยว่หรูมาอยู่ที่นี่ คิดถึงบ้าน คิดถึงคลินิก คิดถึงอากง อาม่าทั้งหลายที่เป็นคนไข้ของเธอ คิดถึงพี่เหมยผู้ช่วยที่แสนดีที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง เยว่หรูคนนี้อยากบอกพี่เหมยเหลือเกินว่า... อย่าอ่านนิยายก่อนนอน ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น ลุ้นไปลุ้นมาได้เข้ามาอยู่ในนิยายเองเลย... และที่เสียดายมากกว่าอย่างอื่นคือ สิ่งของที่มือลั่นซื้อตอน 8 เดือน 8 ก็ยังไม่ได้เห็นเลยว่าตัวเองมือลั่นซื้ออะไรมาบ้าง ไหนจะของที่สั่งพี่เหมยซื้ออีก มาอยู่ที่แบบนี้น่าจะมีมิติมาให้บ้าง... หรือว่านักเขียนลืมเขียนให้เยว่หรูคนนี้...เยว่หรูทำงานบ้านเรียบร้อยแล้ว เดินไปดูกระถางผักที่แขวนอยู่... ที่พ่อทำให้เธอลองปลูกผักจำนวนห้ากระถาง และสิ่งที่เธอลองปลูกคือผักบุ้ง เพราะเป็นผักที่ปลูกง่ายโตเร็ว จะได้มีผักกินเร็ว ๆ และสถานที่ปลูกผักของเธอก็ในครัวที่มีหลังคาคลุมเพียงเท่านั้นเมื่อรดน้ำเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าไปต้มน้ำขิงและใส่น้ำตาลกรวดนิดหนึ่ง สิ่งนี้เธอจะเอาไปส่งให้พ่อกับแม่เธอที่ฝ่ายผลิต ตอนนี้ในบ้านพอที่จะมีเครื่องปรุงบ้างแล้ว จากเงินในกระปุกที่เธอบอกให้พ่อผ่ามันออกมาแล้วนำไปซื้
บทที่ 6 ครอบครัวของพ่อเลี้ยงเยว่หรูมองบริเวณรอบ ๆ ใช้ความคิดว่าเธอจะสามารถทำงานหาเงินอะไรได้บ้าง จะเอาอาชีพเดิมมาใช้ก็ยังไม่ได้ ทุกอย่างจะต้องศึกษาและหาทางก่อน และยังมีพ่อแม่ที่รักจนไม่ให้ทำงานอีกด้วย ปัญหานี้ก็ต้องแก้ด้วยเช่นกัน..."ตาย ๆ รู้จักมาช่วยงานพ่อแม่แล้วเหรอเยว่หรู" กำลังถอนหญ้าไปด้วยใช้ความคิดไปด้วย ก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ แหลม ๆ ดังอยู่ไม่ไกล"แม่อย่าพูดแบบนั้น" จางหยวนพูดเสียงเบา"ทำไม!! มันวิเศษมาจากไหน แกก็แค่พ่อเลี้ยง โง่ดักดาน มันก็แค่ลูกติดเมีย แค่มันเอาข้าวมาส่งหน่อยนี่ออกรับแทนทุกอย่าง เป็นขี้ข้ามันไปเถอะ ไอ้ลูกเนรคุณ!! " ประโยคนี้ไม่ใช่เบา ๆ คนที่อยู่ทั่วบริเวณนั้นได้ยินกันหมด ต่างพากันลอบมองว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นไหมเยว่หรูหันไปมอง แต่ไม่ได้ปริปากพูด เพราะตอนนี้มีสายตาหลายคู่มองมาที่ครอบครัวของเธอ หากพูดหรือแสดงท่าทางอะไรไป อาจทำให้พ่อแม่ของเธอเดือดร้อน เธอจึงได้แต่เงียบและก้มหน้าถอนหญ้าต่ออย่างไม่สนใจ"ดูสายตาลูกเลี้ยงของแก ดูที่มันมองฉันสิ!! " เมื่อเห็นว่านังเด็กกาฝากมันไม่มีท่าทีจะตอบโต้เหมือนแต่เก่าก็เริ่มจะโวยวายอีกรอบ หากเป็นแต่ก่อน ทุกครั้งที่พูดแบบนี้
บทที่ 7 วันแรกของการไปเรียนวันนี้คือวันเปิดเรียนวันแรก โรงเรียนที่เยว่หรูเรียนตั้งอยู่ในเขตตัวเมือง ระยะทางระหว่างหมู่บ้านกับโรงเรียนอยู่ไม่ห่างกันมากนัก ต้องบอกว่าหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ใกล้ตัวเมืองก็ว่าได้ และโชคดีที่ว่าสถานที่ตั้งของโรงเรียนนี้อยู่แถวชานเมือง เยว่หรูสามารถเดินเท้าไปเรียนได้ แต่เธอก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะได้ไปทันเข้าเรียนเยว่หรูอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนที่ทางโรงเรียนมีให้ ซึ่งอุปกรณ์การเรียนทุกอย่างรวมอยู่ในค่าเทอมทั้งหมดแล้ว พ่อเป็นคนเดินไปเอาชุดนักเรียนมาให้ก่อนเปิดเรียนเพียงไม่กี่วัน หากไม่บอกเรื่องเปิดเรียน เยว่หรูก็ไม่รู้เลย ต้องบอกว่านิยายที่เธออ่านนั้นไม่ได้บอกรายละเอียดขนาดนั้น บทนางเอกปลอม ๆ ของเธอจะมีบทบาทมากขึ้นก็ตอนที่เธอย้ายไปอยู่กับพ่อที่แท้จริงนั่นแหละช่วงเวลาที่เยว่หรูอยู่กับแม่นั้นจึงไม่มีรายละเอียดมากนัก บอกแค่อยู่อย่างยากลำบาก เยว่หรูเป็นคนที่ต้องการและโหยหาความรัก และคิดว่าการที่แม่แต่งงานใหม่จะทำให้แม่รักเธอน้อยลง จะโทษเยว่หรูทั้งหมดก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครพูดให้เธอรู้และเข้าใจ แล้วเด็กที่เคยอยู่อย่างสุขสบาย แต่ต้องมาอยู่อย่างยากลำบาก มันเลยง่ายที
บทที่ 8 นี่คงเป็นข้อดีของการเป็นนางเอกเยว่หรูนั่งรอเวลา... แต่สายตาของเธอก็มองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไปด้วย เธอมองไปทางด้านนอกหน้าต่าง เห็นหลังคาน่าจะเป็นอาคารขนาดใหญ่ แต่เธอมองไม่เห็นทั้งหมดเพราะมีกำแพงกั้นอยู่ หากในยุคนี้มีกำแพงรั้วรอบขอบชิด นั่นหมายถึงสถานที่แห่งนี้น่าจะสำคัญหรือไม่ก็บ้านตระกูลใหญ่ ๆ ส่วนมากคนที่นี่ทำกำแพงบ้านด้วยไม้กันทั้งนั้น แต่เท่าที่ดูก็น่าจะเป็นดินหรือไม่ก็อิฐบล็อก ทุกอย่างที่บอกนั้นเดาล้วน ๆไม่มีอะไรแน่นอนในนิยายเรื่องนี้เลย เดาอีกอย่างกลับเป็นอีกอย่าง อยู่มาเดือนกว่า เรียนรู้มาพอสมควร และจะให้หมอแผนจีนไปมองว่าบ้านนี่ทำด้วยอิฐหรือดินจบเลย เพราะเคยลองแล้ว บ้านทำด้วยอิฐแต่เอาดินมาทาเหมือนฉาบปูนไว้ก็มี อย่าเดาเกี่ยวกับอะไรในนิยายเรื่องนี้เลย..."นักเรียนทุกคนมาเข้าแถวหน้าห้องก่อน ครูจะได้ตรวจนับและแจกสมุดหนังสือ" ชายสูงวัยที่แทนตัวเองว่าครู เรียกนักเรียนที่อยู่ในห้องทั้งหมดให้ออกไปหน้าห้องเยว่หรูลุกขึ้นยืน กระชับกระเป๋าผ้าสะพายบ่าเดินออกไปตามที่ครูเรียก กระเป๋าที่เธอมีนั้นน่าจะมาจากพ่อที่แท้จริงซื้อให้ มันยังดูดีถึงแม้มันจะเก่าแล้ว แล้วเยว่หรูคนเก่าเก็บไว้ในตู้เสื
บทที่ 9 มองหาลู่ทาง"ครูคะ... หนูมีเรื่องอยากถามและขอคำแนะนำจากครู" เยว่หรูถามขึ้น... ตอนที่ครูเริ่มปล่อยนักเรียนให้ออกจากห้องเรียนเพื่อให้นักเรียนไปเบิกอุปกรณ์การเรียนและไปรับอาหารกลางวัน เนื่องจากวันนี้ไม่ได้มีการเรียนการสอน เลยปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านเร็ว หากเปรียบเทียบกับโลกเดิม... เหมือนมาฟังครูแนะแนว ซื้ออุปกรณ์การเรียน จ่ายค่าเทอม เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเรียนในวันถัดไป "มีปัญหาอะไรหรือเปล่าเยว่หรู" ครูถามกลับพร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดู น้อยนักที่จะมีนักเรียนหญิงมาเรียน และที่สำคัญ เขามองเยว่หรูแล้ว... ทำให้นึกถึงลูกสาวของเขาที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ... เลยทำให้เอ็นดูเยว่หรูพอสมควร"คือหนูไม่รู้ว่าชั้นเรียนนี้ต้องทำอะไรบ้าง... แบ่งเวลาแบบไหน แล้วถ้าหนูอยากรู้เรื่องการเมือง การเงิน การปกครอง ข้อห้าม ข้อบังคับต่าง ๆ หนูสามารถหาคำตอบได้จากที่ไหนคะ มีหนังสือให้หนูอ่านไหมคะ" เมื่อครูเปิดโอกาสให้ถาม... เยว่หรูก็ไม่รอช้า หากอยากลืมตาอ้าปากได้เร็ว อย่างแรกที่ต้องมีคือข้อมูล สิ่งไหนที่พวกเขาห้ามทำ ผิดกฎหรืออะไรยังไง... จะได้รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้างในนิยายเรื่องนี้ที่เธอเข้ามาอยู่ อ้
บทที่ 10 ทุกอย่างคือการลงทุนเยว่หรูมาเรียนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ได้เรียนรู้แนวทางที่เธอจะเรียนเกี่ยวกับแพทย์แผนโบราณของที่นี่ จะต้องเรียนจบอะไร แล้วไปต่อที่ไหน มันดีตรงที่ว่าในนิยายเรื่องนี้สามารถสอบเทียบได้ ไม่ต้องเรียนตรงตามเวลาที่ทางโรงเรียนกำหนดก็ได้ แค่สอบผ่านระดับตามที่ทางโรงเรียนกำหนดก็พอ การเรียนในมหาวิทยาลัยก็เช่นกัน สามารถสอบเทียบได้ ทุกวันก่อนกลับบ้าน เยว่หรูจะหิ้วปิ่นโตใส่อาหารกลับไปด้วย อาหารที่ได้มาก็คืออาหารที่เธอใช้คูปองที่คุณครู หมิงเว่ย ให้มาและนำไปยื่นที่โรงอาหาร เธอก็ได้ปิ่นโตใส่อาหารหนึ่งเถากลับบ้าน ในปิ่นโตจะมีข้าวและกับข้าวหนึ่งอย่าง บางวันอาจมีผลไม้เพิ่มให้หนึ่งอย่าง แต่ไม่ได้มีทุกวัน อาหารที่ได้ไม่ได้เยอะมากนัก แต่มันสามารถทำให้ครอบครัวของเธอประหยัดขึ้นและมีอาหารกินเพิ่มขึ้น พอเช้าวันต่อมาค่อยเอาปิ่นโตเปล่ามาส่งที่โรงอาหาร เยว่หรูทำแบบนี้ติดต่อกันตั้งแต่วันแรกที่มาเรียนแล้วเยว่หรูเริ่มปรับตัวได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การใช้ชีวิต วางแผนเพื่อที่จะเรียนในด้านที่ตัวเองถนัด วางแผนเรื่องช่วยเหลือครอบครัวเพื่อให้มีชีวิตดีขึ้นต
บทที่ 53 ตอนพิเศษ"หนิงหนิงต้องเดินตามตา เข้าใจไหมครับ" จางหยวนบอกหลานสาวสุดน่ารักของเขา ที่วันนี้แต่งตัวมาพร้อมเก็บใบชา มีตะกร้าใบเล็กสะพายอยู่ทางด้านหลัง พร้อมทำงานเป็นอย่างมาก"คุณตาเชื่อใจหนิงหนิงได้เลยค่ะ" หานเผยหนิงวัยห้าขวบที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนงานเก็บใบชาของคุณตาก็รับปากอย่างแข็งขัน"ยายว่ารอพี่ใหญ่กับพี่รองดีกว่าไหม" ลู่หลินที่มองหลานสาวก็อดเอ็นดูในความน่ารักไม่ได้ หลานสาวของเธอนั้นถอดแบบแม่มาแทบทั้งหมด มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ได้จากคนเป็นพ่อ นั่นยิ่งทำให้หลานสาวของเธอน่ารักน่ามองมากกว่าเดิม"ไม่ได้ค่ะคุณยาย หากพี่ใหญ่พี่รองมา หนิงหนิงก็สู้ไม่ได้" หนิงหนิงต้องเก็บได้เยอะกว่า งานนี้หนิงหนิงต้องชนะ!!"หากแม่มาเจอ โดนดุอย่าหาว่ายายไม่เตือน" ลู่หลินแกล้งขู่หลานสาวตัวน้อยที่ดูจะกลัวแม่มากกว่ากลัวพ่อ"ไม่ค่ะคุณยาย วันนี้คุณแม่มีงานที่โรงพยาบาล และตอนบ่ายคุณพ่อจะรับไปโรงงานค่ะ หนิงหนิงปลอดภัยแน่นอนค่ะ" หนิงหนิงรีบบอกคุณยายทันที เธอจำได้ ก้นเธอไม่เจ็บแน่นอนเพราะคุณแม่ไม่อยู่"ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย" จางหยวนผู้ที่ตามใจหลานมากกว่าตามใจลูก มีหรือที่จะขัดใจหนิงหนิงตัวน้อยได้ เจอหลานออดอ้อนนิ
บทที่ 52 บทส่งท้าย ครอบครัววันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จากเคยนับวันว่ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยัง กลายเป็นว่าเลิกนับวันเวลาแล้ว ตอนนี้ที่นับคืออายุของลูก ๆ ของเธอที่กำลังโต ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่ายุ่งกับการทำงานและการเลี้ยงลูก ยังดีที่พ่อกับแม่ของเธอมาช่วยเลี้ยง ไม่อย่างนั้นบอกเลยว่าเธอกับสามีไม่น่าจะเลี้ยงแฝดสามได้ และด้วยความที่แทบไม่มีเวลาพัก สามีของเธอบอกเลยว่า... พอแล้ว... มีสามคนก็พอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเข็ดที่ลูกซนหรือว่ายังไงเยว่หรูทำงานที่โรงพยาบาลและทำงานที่บ้านด้วย ที่ตอนนี้ขยับขยายให้เป็นโรงงานขนาดเล็กผลิตยาสมุนไพรส่งทางสาธารณสุข โดยมีสามีของเธอเป็นคนดูแลตรงนี้ ส่วนในเรื่องของโรงงานตระกูลหานนั้นก็จัดแบ่งให้คนสนิทมาช่วยงาน แต่เขาก็ยังเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่อง ดีที่ได้สามีของพี่เหมยมาช่วยงาน ทำให้ทุกอย่างไม่ยุ่งยากมากนักในส่วนเรื่องของพระเอกที่เยว่หรูกลัวนั้น ก็ยังได้ข่าวเขาบ้างบางครั้งจากอาจารย์หม่า หรือบางทีเขาก็มาหาสามีเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นจะแต่งงานสักที เยว่หรูกับพี่เหมยลุ้นอยู่ว่าคนไหนคือนางเอกตัวจริงของนิยายเรื่องนี้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นนางเอกเลยในส
บทที่ 51 วันที่รอคอย"คุณหมอคะ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ" ลู่จิวหรือพี่เหมยเดินเข้ามาให้กำลังใจคุณหมอถึงหน้าห้องคลอดเลยทีเดียว"พี่เหมย... หมอกลัว" เยว่หรูบอกไปตามตรง เนื่องจากเธอท้องแฝด การคลอดเลยต้องผ่าคลอด และคนที่ติดต่อหมอต่างชาติให้มาทำคลอดให้เธอนั้นก็คืออาจารย์หม่านั่นเอง "อย่างน้อยก็ยังสามารถผ่าคลอดได้" ลู่จิวรู้ดีว่าคุณหมอกังวลเป็นอย่างมากเพราะทางการแพทย์ในสมัยนี้ยังไม่ก้าวหน้าเท่ายุคที่จากมา อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พร้อม ยังดีที่อาจารย์หม่าคอยช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นเธอจะกังวลหนักมากกว่านี้แล้ว"แล้วพี่มาอยู่นี่ใครดูลูกชาย อย่าบอกนะว่าไปทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกชายพี่ยังไม่สามเดือนเลยนะ" เยว่หรูถามหาหลานชายที่มีอายุเพียงสองเดือนกว่าพี่เหมยคลอดลูกในวันที่เยว่หรูจบการศึกษา ซึ่งได้ดั่งใจที่สามีพี่เหมยอยากได้ นั่นคือลูกชายตัวอ้วนกลมจ้ำม่ำ พี่ห่าวซวนนั้นหลงลูกมาก บางวันต้องหอบพาลูกไปทำงานที่โรงงานด้วย ตอนนี้พี่ห่าวซวนคือคนที่เข้าไปดูแลโรงงานของตระกูลหานแทนสามีของเยว่หรู เนื่องจากสามีของเยว่หรูต้องคอยดูแลเธอและดูแลโรงงานผลิตยาสมุนไพรส่งสาธารณสุขด้วย ทุกคนเลยต้องแบ่งงานกันทำ"สามีจะรออยู่ตรงนี้ ไม่
บทที่ 50 เรียนจบวันนี้คือวันที่ทางสมาพันธ์จะมอบใบประกาศสำเร็จการศึกษาให้แก่เยว่หรู ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เพราะตอนที่อาจารย์หม่าเคยแจ้งนั้นบอกว่าหลังกลับจากค่ายแรงงานประมาณสามเดือน แต่นี่เพิ่งจะสองเดือนก็มีหนังสือรับรองออกมาแล้ว จึงทำให้วันนี้ครอบครัวเยว่หรูทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่สมาพันธ์วันนี้แม่ของเยว่หรูอยู่ในชุดกี่เพ้าสีเหลือง ทำให้ขับผิวขาว ๆ ของแม่ดูสวยดูดีจนพ่อนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขากระบอก รองเท้าหนังอย่างดี ทุกอย่างที่ใส่มานั้นเป็นเยว่หรูจัดเตรียมไว้ให้ น้อยคนนักที่จะได้ใส่แบบนี้ ยิ่งทำให้พ่อเลี้ยงนั้นแทบไม่กล้าเดินไปไหนเลยทีเดียวส่วนสามีของเยว่หรูนั้นไม่ต้องจัดให้ เขาก็สามารถแต่งตัวให้ออกมาดูดีอยู่แล้ว วันนี้อาจารย์หมิงเว่ยมาร่วมแสดงความยินดีด้วย ซึ่งเยว่หรูนับถืออาจารย์หมิงเว่ยมาก เขาคือคนที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่ที่เธอยังไม่ค่อยรู้อะไรมากนักส่วนพี่สาวหลิงฟางก็มีเพียงจดหมายส่งหากันเท่านั้น เพราะพี่สาวหลิงฟางย้ายไปอยู่เมืองอื่น เยว่หรูทำได้เพียงส่งยาสมุนไพรและสิ่งของไปให้ ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเลย ต้องบอกว่าเยว่หรูตอบแทนทุกค
บทที่ 49 จุดไต้ตำตอเยว่หรูอยู่ค่ายจนถึงวันทำงานวันสุดท้าย ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสามีไม่ได้ตามมาอย่างที่เคยบอกไว้ เยว่หรูคิดว่าเขาคงจัดการเรื่องงานไม่เรียบร้อย ซึ่งมันดี... เพราะเยว่หรูไม่อยากให้เขาตามมาสักเท่าไหร่"ทำเหมือนคนนอนไม่พอเลยนะเยว่หรู" อาจารย์หม่าถือชามอาหารมานั่งข้าง ๆ ลูกศิษย์"เมื่อคืนหนูฝันค่ะ เลยทำให้ตื่นกลางดึก พอตื่นแล้วนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ" เยว่หรูบอกไปตามความจริง"หากวันนี้ไม่ไหวก็ไม่ต้องทำอะไรมากเข้าใจไหม" วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมากนักเพราะเป็นวันสุดท้ายของการเรียนรู้แล้ว"แล้วเรื่องที่อาจารย์รักษาคุณโจวละคะ ยังต้องทำต่อเนื่องไหม" เยว่หรูถามเรื่องการบำบัดคนที่เครียดสะสมอย่างพระเอก ในตอนแรกอาจารย์บอกให้เธอลองรักษาด้วยตัวเอง แต่เธอไม่อยากทำก็อ้างว่าโน่นนี่นั่นไม่ค่อยสะดวกมากนัก ซึ่งอาจารย์หม่าก็ไม่ว่าอะไร"เยว่เยว่" เสียงเรียกดังมาจากทางประตู ทำให้เยว่หรูต้องหันไปมองทันที"อาจารย์บอกแล้ว เขามาแน่... ไม่ช้าก็เร็ว" อาจารย์หม่าบอกลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังนั่งกลอกตาไปมา"พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนะคะ" ความหมายของเธอชัดเจนคือ ...จะมาทำไม..."ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พูดแบบนี้กับสามีได
บทที่ 48 เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรเยว่หรูเรียนรู้แล้วว่าคนที่อยู่ที่นี่ส่วนมากจะมีภาวะหยินหยางไม่สมดุล พอไม่สมดุลก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยได้ง่าย เยว่หรูทำงานร่วมกับอาจารย์หม่าและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ "เยว่หรูไปพักก่อนก็ได้" อาจารย์ที่รับปากครอบครัวของลูกศิษย์ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ตัวเองรับปากแล้ว เพราะเยว่หรูนั้นทำงานทุกอย่าง ช่วยทุกคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ ทำงานหนักกว่านักศึกษาคนอื่นเสียอีกทั้งที่ตัวเองท้องอยู่"ยังทำไหวค่ะอาจารย์ ไม่ได้เหนื่อยอะไร" เยว่หรูบอกไปตามความจริง ความรู้ทั้งนั้น เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย "ทำเท่าที่ไหว เข้าใจไหม" หากเป็นอะไรขึ้นมาแล้วรับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างแน่นอนเยว่หรูทำงานจนเรียบร้อยทั้งหมด พอถึงเวลาที่เธอเองออกมานั่งพักผ่อนมองดูผู้คนที่อยู่ในค่าย มีทั้งทหารและยังมีนักโทษที่มาใช้แรงงานกำลังทยอยกลับค่ายกัน กลุ่มคนชุดนี้จะถูกตรวจสุขภาพในวันพรุ่งนี้ ต้องถือว่าค่ายแห่งนี้ถูกดูแลอย่างนี้ ไม่ได้กดขี่มากนัก แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นนักโทษ ต้องบอกว่าสถานที่กักกันหรือค่ายแรงงานจะแบ่งแยกนักโทษ "เป็นยังไงบ้างคุณหมอ" เสียงเรียกถามทำให้เยว่หร
บทที่ 47 พบเจอพระเอกผ่านมาหนึ่งคืนแล้วที่เยว่หรูมาอยู่ที่ค่ายแรงงานแห่งนี้ หลังจากที่รวมตัวกันเมื่อวาน เพื่อไปทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำจุด ในตอนแรกเยว่หรูนึกว่าจะได้เจอกับพระเอกของนิยายเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยู่เลยไม่ได้เจอกัน แต่เยว่หรูรู้ดีว่ายังไงก็หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน"เยว่หรู เดี๋ยวคอยตามอาจารย์มานะ" อาจารย์หม่า ผู้มีลูกศิษย์เป็นของตัวเองเพียงไม่กี่คน เขาเลยอยากดูแลและสอนด้วยตัวเอง ส่วนคนอื่น ๆ จะมีอาจารย์ท่านอื่นช่วยดูแลเช่นกันเยว่หรูเดินตามอาจารย์ไปพร้อมกับเพื่อนอีกสี่คนรวมเธอด้วยก็เป็นห้าคน ซึ่งกลุ่มเธอมีเธอเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เข้าเรียนในห้องเรียนเหมือนคนอื่น ดีที่ว่าทุกคนนั้นไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นทำงานด้วยกันลำบากแน่ ๆ กลุ่มของเยว่หรูนั้นได้เดินดูงานก่อน เพราะที่ค่ายแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ที่คอยตรวจรักษาอยู่แล้ว เหมือนการเรียนรู้ก่อนที่จะเข้าไปตรวจจริง แต่ละคนจะได้รับมอบหมายว่าควรไปประจำอยู่จุดไหน ทุกคนได้รับมอบหมายจนหมด เหลือเยว่หรูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเดินตามอาจารย์หม่าเข้าไปที่พักด้านใน ซึ่งแยกออกจากสถานที่อื่น ลางสังหรณ์บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้ค
บทที่ 46 ออกค่ายตั้งแต่วันที่บอกกับสามีเรื่องที่เธอท้อง ผ่านมาได้เกือบสามเดือนแล้ว ตอนนี้เยว่หรูท้องได้เกือบสี่เดือนแล้ว แต่ด้วยว่าท้องแรกยังมองเห็นไม่ชัดมากนัก หากใส่เสื้อผ้าปกปิดก็ไม่สามารถมองออกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ดีที่ว่าเธอไม่มีอาการแพ้ท้องเลย มีเพียงสามีของเธอเท่านั้นที่กินอาหารไม่ได้ พอกินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมา และยังคงห่วงเธอมากกว่าตัวเองเสียอีก ทั้งที่เธอนั้นแข็งแรง กินอาหารได้ทุกอย่าง หากว่าเขาไม่มีแรงไปส่งเธอทำงานก็ต้องให้พ่อเป็นคนมารับไปส่ง ต้องบอกว่าทั้งสองคนพ่อตากับลูกเขยนั้นเห่อมาก คาดว่าพอคลอดมาแล้วน่าจะแย่งกันอย่างแน่นอนในส่วนของพี่เหมยที่ตอนนี้ท้องโตมาก เพราะพี่เหมยท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว และที่น่ายินดีคือสามีของพี่เหมยกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่กว่าจะได้คุยกันก็ร้องไห้กอดกันทั้งคู่ แต่เท่าที่ดู สามีพี่เหมยก็ดูจะรักและเอาใจใส่ดูแลพี่เหมยเป็นอย่างมาก มันเลยทำให้เธอรู้สึกดีไปด้วย"ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก" ลู่หลินเข้ามากอดลูกสาวพร้อมกับกำชับอย่างดี"ไม่ไหวก็ต้องบอกนะ อย่าทำเอง อย่ายกของหนัก" จางหยวนก็กำชับลูกสาวด้วยเช่นกัน"หมอคะ... ให้พี่ไปด้วยไหม มีอะไรจะได้ช่วย" ลู่จิวเดิน
บทที่ 45 เป็นคำตอบที่บีบหัวใจเยว่หรูนั่งเงียบทันทีที่ได้รับคำตอบของคำถามที่เธอสงสัย จะไม่ให้เงียบได้ยังไง ในเมื่อคุณห่าวซวนกลับไปทำงานต่อเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าคนพวกนั้นจะไม่มายุ่งกับพี่เหมยและเธอ แต่เพราะงานมันอันตราย เขาเลยต้องบอกพี่เหมยแบบนั้น เพราะเขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะได้กลับมาไหม"นี่คือเหตุผลว่าทำไมทุกคนต้องพูดคุยกัน อย่าคิดไปเอง" เยว่หรูพูดขึ้นมาทำลายความเงียบพร้อมกับโอบกอดพี่สาวเหมยที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ "ไม่ต้องห่วง ผมแจ้งเรื่องเข้าไปที่หน่วยงานเก่าเรียบร้อยแล้ว แต่อาจต้องใช้เวลาเพราะมันมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และผมได้ส่งคนไปช่วยงานอีกหลายสิบคนแล้ว" หานหรงอี้พูดปลอบทั้งสองคน ที่คนหนึ่งก้มหน้าก้มตาร้องไห้ อีกคนก็แยกเขี้ยวใส่เขาทั้งที่เขาก็ยอมตอบทุกคำถามแล้วหานหรงอี้ทำตามที่รับปากคนสนิทไว้ เขาค่อนข้างลำบากใจในเรื่องนี้ ยอมรับว่าหากภรรยาอยากรู้หรือมาบังคับให้เขาตอบ ให้ตายยังไงเขาก็ขัดภรรยาไม่ได้ แต่ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดไม่ได้บอกนั้น เพราะภรรยาเขาถามไม่ได้บีบบังคับเอาคำตอบแบบวันนี้ ไม่รู้เพราะอะไร เขาไม่เคยขัดภรรยาได้เลย..."พ่อฉันทำคนเดียวหรือว่าทั้งครอบครั