Share

บทที่ 3 ครอบครัว

last update Last Updated: 2025-01-01 17:58:03

บทที่ 3 ครอบครัว

เยว่หรูที่ได้รับบทนางเอกปลอม ๆ หรือก็คือนางร้ายดี ๆ นี่เอง... เธอใช้เวลานานพอสมควรเพื่อสงบสติอารมณ์ มันไม่ใช่เรื่องง่าย... ที่คนคนหนึ่งจะทะลุมิติข้ามยุคมาแล้วสามารถใช้ชีวิตต่อได้เลย 

ถึงจะชอบพูดว่าอยากจะทะลุมิติเหมือนนิยายที่ตัวเองเคยอ่านก็ตาม แต่ทุกอย่างมันไม่ได้ง่าย ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมดทุกอย่าง สังคม สภาพแวดล้อม มันไม่ได้เหมือนที่เคยอ่านเจอในนิยายบางเรื่อง... ที่พอข้ามมาแล้วนางเอกเก่งเลย เยว่หรูห่างไกลจากคำนั้นมาก เพราะเธอคือนางเอกปลอม ๆ ถึงแม้ว่าจะเคยใช้ชีวิตในโลกก่อนมาเป็นอย่างดี แต่พอมาอยู่ที่ใหม่ก็ต้องเรียนรู้ใหม่และที่แห่งนี้แตกต่างจากที่จากมามากมายหลายอย่าง...

สิ่งแรกที่เยว่หรูทำหลังจากตั้งสติได้... นั่นคือสำรวจตัวเองว่าเธอคือเยว่หรูคนที่เป็นนางเอกตัวปลอมจริงไหม และใช่!! ทุกอย่างบ่งบอกว่าเธอคือเยว่หรู มีแม่ชื่อ ลู่หลิน มีพ่อเลี้ยงชื่อ จางหยวน

เยว่หรูไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าของร่างเดิมนี้เลย ทุกอย่างที่เธอรู้ก็อ่านมาจากนิยายทั้งนั้น ตามเนื้อเรื่องบอกว่า... พ่อแม่ของเยว่หรูแยกทางกัน เยว่หรูอยากไปอยู่กับพ่อ แต่เพราะการทำงานของพ่อจะต้องย้ายไปต่างเมืองบ่อย ๆ เลยไม่ค่อยสะดวกหากจะมีลูกตามไปอยู่ด้วย

เยว่หรูจำได้ดีว่าเธอเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ในตอนที่อ่านถึงบทนี้ เรื่องที่พ่อเป็นทหารแต่ย้ายสถานที่ทำงานไปเรื่อย ๆ นั่นเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะว่าพ่อกำลังจะแต่งงานใหม่ แต่อ้างแบบนั้น สร้างภาพให้ตัวเองดูดีเพียงเท่านั้นเอง

เยว่หรูในนิยายก็เชื่อพ่อ... รังเกียจแม่ตัวเองเพราะแม่จนแล้วยังมาแต่งงานกับพ่อเลี้ยงที่จนแสนจนอีก ตอนที่รู้ตัวครั้งแรกว่าตัวเองอยู่ในร่างนางเอกตัวปลอมยังอยากจะดึงหัวตัวเองเลย... ทำไมทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้!!

แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งจะ 14 ปี ยังทัน ยังมีเวลา ตายไม่ได้ ตายจากที่นี่แล้วจะไปอยู่ไหนต่อ อย่างน้อยยังมีเวลาที่จะเปลี่ยนอะไรได้บ้าง ตราบใดที่เธอไม่ไปอยู่กับพ่อ เธอจะไม่เจอนางเอกตัวจริง และเธอก็จะรอดจากชะตากรรมเลวร้าย 

เธอต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ แม่จน... พ่อเลี้ยงจน... ไม่เป็นไร พวกเขาทั้งสองรักเยว่หรูคนนี้มาก โดยเฉพาะพ่อเลี้ยงที่ซื้อสิ่งของมาให้ตลอด แม้ว่าตัวเองจะมีเงินเพียงน้อยนิด ยังซื้อสิ่งของที่ไร้ประโยชน์ให้เยว่หรูเพียงเพราะเยว่หรูต้องการ 

จางหยวนอยากให้ลูกสาวคนนี้มีทุกอย่างเหมือนลูกคนอื่น พ่อเลี้ยงสามารถอดอาหารเพียงเพื่อจะซื้อลูกอมรสนมมาให้ หากไม่ได้อ่านนิยายมา เยว่หรูก็คงไม่เชื่อว่าพ่อเลี้ยงจะดีกว่าพ่อแท้ ๆ เสียอีก

แต่เยว่หรูในนิยายกลับไม่พอใจ... คิดว่าเพราะพ่อเลี้ยงกับแม่แต่งงานกัน แม่เลยต้องทำงานหนักและต้องติดอยู่ที่นี่ หากแม่ไม่แต่งงาน พ่อก็จะมารับไปอยู่ด้วยแน่นอน ที่เยว่หรูเชื่อเพราะพ่อบอกมาแบบนั้น

เยว่หรูมาอยู่ที่นี่ได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว... จะเปลี่ยนตัวเองเลยก็กลัวคนอื่นจะตกใจ จากที่อ่านนิยายมา นิสัยของเธอกับเยว่หรูในหนังสือนั้นแตกต่างกันมาก แต่มันก็ไม่น่ายากสักเท่าไหร่ เพราะเยว่หรูไม่ค่อยสุงสิงกับใครอยู่แล้ว อายุ 14 ถือว่ายังเด็ก นิสัยอาจเปลี่ยนไปบ้าง... น่าจะทำให้ผู้คนไม่สงสัยในเรื่องนี้...   

แต่ในสายตาของแม่และพ่อเลี้ยงนั้น... รู้ว่าลูกสาวกำลังเปลี่ยนไปจนทำให้ทั้งสองเริ่มกังวลใจ

"เยว่หรู... ลูกบอกแม่ได้นะว่าเป็นอะไร ปวดหัวอยู่ไหม" เยว่หรูที่นั่งมองแผ่นแป้งแข็ง ๆ ที่เป็นอาหารมื้อเย็นของวันนี้ก็เงยหน้ามองพ่อกับแม่ ทั้งสองมองเธอด้วยความห่วงใยอย่างปิดไม่มิด...

"หนูไม่ได้เป็นอะไร หนูแค่คิดว่าที่ผ่านมาหนูทำตัวไม่น่ารัก ทั้งที่พ่อกับแม่พยายามให้หนูมีทุกอย่างเหมือนกับคนอื่น แต่หนูก็ยังไม่พอใจ หนูขอโทษพ่อกับแม่ที่ทำตัวไม่ดี ให้โอกาสหนูแก้ตัวปรับตัวใหม่ พอจะได้ไหมคะ" เยว่หรูพูดจบก็เม้มปากแน่น ในเมื่อทั้งสองเริ่มสงสัย เธอเลยเลือกที่จะพูดออกไปแบบนั้น เธอไม่ได้เงยหน้ามองทั้งสองคนเลย... เพราะเธอกลัวถูกจับได้

ที่เยว่หรูบอกแบบนั้น เพราะเธอไม่สามารถปิดบังนิสัยที่แท้จริงของตัวเองได้ เยว่หรูเอาอาการป่วยหนักมาเป็นข้ออ้าง หวังว่ามันจะสามารถทำให้เธอรอดได้เหมือนในนิยายหลาย ๆ เรื่องที่เคยอ่านมา...

เยว่หรูหวังว่าทั้งสองจะเชื่อ ยอมรับในการเปลี่ยนไปของเธอได้ ถึงจะรู้สึกผิดที่เข้ามาอยู่ในร่างลูกสาวของพวกเขาก็ตาม เพราะไม่แน่ใจในหลาย ๆ อย่าง ไม่รู้ว่าในยุคนี้หากพูดเรื่องภูตผี ความเชื่อทั้งหลาย จะถูกจับไปลงโทษไหม เรื่องนี้เธออ้างอิงจากหนังสือนิยายหลายเรื่องที่ทะลุมิติมา ไม่รู้เรื่องนี้เป็นแบบนี้ไหม เลยต้องบอกแบบนั้นไป

"แม่ไม่เคยกล่าวโทษลูกเลย" ลู่หลินโอบกอดลูกสาว พร้อมกับเช็ดน้ำตาแห่งความปีติยินดี ลูกสาวเธอโตขึ้น จะมีอะไรที่น่ายินดีกว่านี้อีก...

"พ่อก็ไม่เคยกล่าวโทษลูกเหมือนกัน" จางหยวนกอดลูกสาวด้วยความรัก ดีใจเหลือเกินที่ลูกสาวยอมเรียกเขาว่าพ่อ และยังยอมให้กอด จากที่แต่ก่อนลูกสาวจะไม่เข้าใกล้ ไม่ยอมกินข้าวร่วมกัน หากเขาอยู่ ลูกสาวจะไม่ยอมกินข้าวเลย แต่หลังจากที่เยว่หรูไม่สบายนอนซมอยู่หลายวัน พอเริ่มดีขึ้น เยว่หรูก็เริ่มเปลี่ยนไป ลูกสาวมีแววตาที่ไม่ได้รังเกียจเขาเหมือนแต่ก่อนแล้ว...

"ขอบคุณพ่อกับแม่ที่ไม่ถือสาหนู" เยว่หรูยิ้มแล้วกอดทั้งสองคนเช่นเดียวกัน

"ไม่เลย... พ่อดีใจที่ลูกยอมรับพ่อ" น้ำตาลูกผู้ชายที่รอเวลานี้มานาน ถึงกับกลั้นเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว

"คุณน่ะ... อายลูกไหม ร้องไห้ทำไม... " ลู่หลินต่อว่าสามีพร้อมกับยิ้มและเช็ดน้ำตาของตัวเองและน้ำตาของสามีไปด้วย

"คุณก็ร้องเหมือนกัน" จางหยวนเช็ดน้ำตาให้กับภรรยาพร้อมกับหัวเราะภรรยาที่บอกเขาว่าไม่อายลูกหรืออย่างไร... ภรรยาของเขาก็ไม่ต่างจากเขาเลย

เยว่หรูน้ำตาซึมที่เห็นทั้งสองดูดีใจเพียงแค่เธอบอกแบบนั้น เธอคิดถึงพ่อแม่ของเธอเช่นกัน หากยังอยู่ก็คงแสดงความรักแบบนี้ไม่ต่างกัน แต่พ่อแม่ของเธอจากไปเพราะอุบัติเหตุ... ภาพเหล่านั้นเลยกลายเป็นภาพในความทรงจำเพียงเท่านั้น...

หากถามว่ารักสองคนนี้จริง ๆ ไหม... เยว่หรูที่มาจากปีสองพันก็ตอบได้ว่ายังไม่ได้รักแบบที่รักพ่อแม่ของตัวเอง แต่อนาคตจะมีความรู้สึกรักไหม... อันนี้เยว่หรูก็ตอบไม่ได้เช่นกัน... 

เยว่หรูมีความรู้สึกเห็นใจ อยากช่วยเหลือ ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างรวมกัน แต่ไม่ใช่ว่ารักแบบพ่อแม่ แต่มันคือความรู้สึกที่ดี หวังดี อยากช่วยเหลือทั้งสอง จะให้บอกความรู้สึกของเธอที่มีในตอนนี้มันก็ค่อนข้างอธิบายลำบากเหมือนกัน...

แต่เท่าที่รู้ ทั้งสองคนนี้คือครอบครัวของเธอ... ในเมื่อพวกเขาเป็นคนที่หวังดีกับเยว่หรู รักเยว่หรู เธอก็จะตอบแทนพวกเขา ครอบครัวที่ดีควรได้รับการปกป้องไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าหากเป็นครอบครัวที่พร้อมจะทิ่มแทงกัน... อิจฉาริษยากัน เยว่หรูคนนี้... ก็จะไม่สนใจอย่างแน่นอน...

Related chapters

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 4 ครอบครัวเดียวกันต้องช่วยเหลือกัน

    บทที่ 4 ครอบครัวเดียวกันต้องช่วยเหลือกัน"พ่อกับแม่ไปทำงานก่อน เพิ่งจะหายไข้ อย่าออกมาตากลมข้างนอกเลย" จางหยวนบอกลูกสาวที่ออกมายืนส่งทั้งสองที่หน้าบ้าน"พ่อคะ... หนูหายดีแล้ว ไม่มีไข้มาหลายวันแล้วนะคะ" เยว่หรูบอกพ่อพร้อมกับหัวเราะที่พ่อดูเป็นห่วงเธอมากเกินไป"เดี๋ยวไข้มันกลับมาอีก เข้าบ้านได้แล้ว" ลู่หลินก็เป็นอีกคนที่บอกลูกสาวให้รีบเข้าไปอยู่ในบ้าน"เข้าใจแล้วค่ะ" เยว่หรูบอกพร้อมกับโบกมือลาพ่อกับแม่... แล้วค่อยเดินเข้าบ้านตามที่ทั้งสองคนต้องการเยว่หรูนั่งลงบนเตียงเตาแล้วมองรอบ ๆ ห้องก่อนถอนหายใจออกมา มาอยู่ที่นี่เกือบสองอาทิตย์แล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะได้กลับโลกตัวเอง เคยอ่านแต่นิยายที่ตัวเอกข้ามมาแล้วมีมิติ บางเรื่องก็มีกำไลวิเศษ บางเรื่องมีปานที่จริง ๆ แล้วคือมิติจิต แต่เยว่หรูคนนี้แก้ผ้าสำรวจตัวเองจนทั่ว... หาปานหรือรอยสักไม่เจอสักที่!! อยากมีมิติ หรือไม่ก็ให้มิติฟาร์มแบบที่คนเขานิยมกัน ซูเปอร์มาร์เก็ตก็ดี เล็ก ๆ ก็ได้ เธอจะไม่ติเลย ให้มีมาเถอะ... เธอจะเรียนรู้การใช้งานเอง แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเธอคือนางเอกปลอม ๆ เท่านั้น เป็นไปได้ยากที่เธอจะมี... สิ่งของพวกนั้นคงเป็นนางเอกหรือคนที่สำคั

    Last Updated : 2025-01-01
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 5  ป้าข้างบ้านทั้งหลาย

    บทที่ 5 ป้าข้างบ้านทั้งหลายนับเป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่เยว่หรูมาอยู่ที่นี่ คิดถึงบ้าน คิดถึงคลินิก คิดถึงอากง อาม่าทั้งหลายที่เป็นคนไข้ของเธอ คิดถึงพี่เหมยผู้ช่วยที่แสนดีที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง เยว่หรูคนนี้อยากบอกพี่เหมยเหลือเกินว่า... อย่าอ่านนิยายก่อนนอน ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น ลุ้นไปลุ้นมาได้เข้ามาอยู่ในนิยายเองเลย... และที่เสียดายมากกว่าอย่างอื่นคือ สิ่งของที่มือลั่นซื้อตอน 8 เดือน 8 ก็ยังไม่ได้เห็นเลยว่าตัวเองมือลั่นซื้ออะไรมาบ้าง ไหนจะของที่สั่งพี่เหมยซื้ออีก มาอยู่ที่แบบนี้น่าจะมีมิติมาให้บ้าง... หรือว่านักเขียนลืมเขียนให้เยว่หรูคนนี้...เยว่หรูทำงานบ้านเรียบร้อยแล้ว เดินไปดูกระถางผักที่แขวนอยู่... ที่พ่อทำให้เธอลองปลูกผักจำนวนห้ากระถาง และสิ่งที่เธอลองปลูกคือผักบุ้ง เพราะเป็นผักที่ปลูกง่ายโตเร็ว จะได้มีผักกินเร็ว ๆ และสถานที่ปลูกผักของเธอก็ในครัวที่มีหลังคาคลุมเพียงเท่านั้นเมื่อรดน้ำเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้าไปต้มน้ำขิงและใส่น้ำตาลกรวดนิดหนึ่ง สิ่งนี้เธอจะเอาไปส่งให้พ่อกับแม่เธอที่ฝ่ายผลิต ตอนนี้ในบ้านพอที่จะมีเครื่องปรุงบ้างแล้ว จากเงินในกระปุกที่เธอบอกให้พ่อผ่ามันออกมาแล้วนำไปซื้

    Last Updated : 2025-01-02
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 6 ครอบครัวของพ่อเลี้ยง

    บทที่ 6 ครอบครัวของพ่อเลี้ยงเยว่หรูมองบริเวณรอบ ๆ ใช้ความคิดว่าเธอจะสามารถทำงานหาเงินอะไรได้บ้าง จะเอาอาชีพเดิมมาใช้ก็ยังไม่ได้ ทุกอย่างจะต้องศึกษาและหาทางก่อน และยังมีพ่อแม่ที่รักจนไม่ให้ทำงานอีกด้วย ปัญหานี้ก็ต้องแก้ด้วยเช่นกัน..."ตาย ๆ รู้จักมาช่วยงานพ่อแม่แล้วเหรอเยว่หรู" กำลังถอนหญ้าไปด้วยใช้ความคิดไปด้วย ก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ แหลม ๆ ดังอยู่ไม่ไกล"แม่อย่าพูดแบบนั้น" จางหยวนพูดเสียงเบา"ทำไม!! มันวิเศษมาจากไหน แกก็แค่พ่อเลี้ยง โง่ดักดาน มันก็แค่ลูกติดเมีย แค่มันเอาข้าวมาส่งหน่อยนี่ออกรับแทนทุกอย่าง เป็นขี้ข้ามันไปเถอะ ไอ้ลูกเนรคุณ!! " ประโยคนี้ไม่ใช่เบา ๆ คนที่อยู่ทั่วบริเวณนั้นได้ยินกันหมด ต่างพากันลอบมองว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นไหมเยว่หรูหันไปมอง แต่ไม่ได้ปริปากพูด เพราะตอนนี้มีสายตาหลายคู่มองมาที่ครอบครัวของเธอ หากพูดหรือแสดงท่าทางอะไรไป อาจทำให้พ่อแม่ของเธอเดือดร้อน เธอจึงได้แต่เงียบและก้มหน้าถอนหญ้าต่ออย่างไม่สนใจ"ดูสายตาลูกเลี้ยงของแก ดูที่มันมองฉันสิ!! " เมื่อเห็นว่านังเด็กกาฝากมันไม่มีท่าทีจะตอบโต้เหมือนแต่เก่าก็เริ่มจะโวยวายอีกรอบ หากเป็นแต่ก่อน ทุกครั้งที่พูดแบบนี้

    Last Updated : 2025-01-02
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 7 วันแรกของการไปเรียน

    บทที่ 7 วันแรกของการไปเรียนวันนี้คือวันเปิดเรียนวันแรก โรงเรียนที่เยว่หรูเรียนตั้งอยู่ในเขตตัวเมือง ระยะทางระหว่างหมู่บ้านกับโรงเรียนอยู่ไม่ห่างกันมากนัก ต้องบอกว่าหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ใกล้ตัวเมืองก็ว่าได้ และโชคดีที่ว่าสถานที่ตั้งของโรงเรียนนี้อยู่แถวชานเมือง เยว่หรูสามารถเดินเท้าไปเรียนได้ แต่เธอก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะได้ไปทันเข้าเรียนเยว่หรูอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนที่ทางโรงเรียนมีให้ ซึ่งอุปกรณ์การเรียนทุกอย่างรวมอยู่ในค่าเทอมทั้งหมดแล้ว พ่อเป็นคนเดินไปเอาชุดนักเรียนมาให้ก่อนเปิดเรียนเพียงไม่กี่วัน หากไม่บอกเรื่องเปิดเรียน เยว่หรูก็ไม่รู้เลย ต้องบอกว่านิยายที่เธออ่านนั้นไม่ได้บอกรายละเอียดขนาดนั้น บทนางเอกปลอม ๆ ของเธอจะมีบทบาทมากขึ้นก็ตอนที่เธอย้ายไปอยู่กับพ่อที่แท้จริงนั่นแหละช่วงเวลาที่เยว่หรูอยู่กับแม่นั้นจึงไม่มีรายละเอียดมากนัก บอกแค่อยู่อย่างยากลำบาก เยว่หรูเป็นคนที่ต้องการและโหยหาความรัก และคิดว่าการที่แม่แต่งงานใหม่จะทำให้แม่รักเธอน้อยลง จะโทษเยว่หรูทั้งหมดก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครพูดให้เธอรู้และเข้าใจ แล้วเด็กที่เคยอยู่อย่างสุขสบาย แต่ต้องมาอยู่อย่างยากลำบาก มันเลยง่ายที

    Last Updated : 2025-01-03
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 8 นี่คงเป็นข้อดีของการเป็นนางเอก

    บทที่ 8 นี่คงเป็นข้อดีของการเป็นนางเอกเยว่หรูนั่งรอเวลา... แต่สายตาของเธอก็มองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไปด้วย เธอมองไปทางด้านนอกหน้าต่าง เห็นหลังคาน่าจะเป็นอาคารขนาดใหญ่ แต่เธอมองไม่เห็นทั้งหมดเพราะมีกำแพงกั้นอยู่ หากในยุคนี้มีกำแพงรั้วรอบขอบชิด นั่นหมายถึงสถานที่แห่งนี้น่าจะสำคัญหรือไม่ก็บ้านตระกูลใหญ่ ๆ ส่วนมากคนที่นี่ทำกำแพงบ้านด้วยไม้กันทั้งนั้น แต่เท่าที่ดูก็น่าจะเป็นดินหรือไม่ก็อิฐบล็อก ทุกอย่างที่บอกนั้นเดาล้วน ๆไม่มีอะไรแน่นอนในนิยายเรื่องนี้เลย เดาอีกอย่างกลับเป็นอีกอย่าง อยู่มาเดือนกว่า เรียนรู้มาพอสมควร และจะให้หมอแผนจีนไปมองว่าบ้านนี่ทำด้วยอิฐหรือดินจบเลย เพราะเคยลองแล้ว บ้านทำด้วยอิฐแต่เอาดินมาทาเหมือนฉาบปูนไว้ก็มี อย่าเดาเกี่ยวกับอะไรในนิยายเรื่องนี้เลย..."นักเรียนทุกคนมาเข้าแถวหน้าห้องก่อน ครูจะได้ตรวจนับและแจกสมุดหนังสือ" ชายสูงวัยที่แทนตัวเองว่าครู เรียกนักเรียนที่อยู่ในห้องทั้งหมดให้ออกไปหน้าห้องเยว่หรูลุกขึ้นยืน กระชับกระเป๋าผ้าสะพายบ่าเดินออกไปตามที่ครูเรียก กระเป๋าที่เธอมีนั้นน่าจะมาจากพ่อที่แท้จริงซื้อให้ มันยังดูดีถึงแม้มันจะเก่าแล้ว แล้วเยว่หรูคนเก่าเก็บไว้ในตู้เสื

    Last Updated : 2025-01-03
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 9 มองหาลู่ทาง

    บทที่ 9 มองหาลู่ทาง"ครูคะ... หนูมีเรื่องอยากถามและขอคำแนะนำจากครู" เยว่หรูถามขึ้น... ตอนที่ครูเริ่มปล่อยนักเรียนให้ออกจากห้องเรียนเพื่อให้นักเรียนไปเบิกอุปกรณ์การเรียนและไปรับอาหารกลางวัน เนื่องจากวันนี้ไม่ได้มีการเรียนการสอน เลยปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านเร็ว หากเปรียบเทียบกับโลกเดิม... เหมือนมาฟังครูแนะแนว ซื้ออุปกรณ์การเรียน จ่ายค่าเทอม เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเรียนในวันถัดไป "มีปัญหาอะไรหรือเปล่าเยว่หรู" ครูถามกลับพร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดู น้อยนักที่จะมีนักเรียนหญิงมาเรียน และที่สำคัญ เขามองเยว่หรูแล้ว... ทำให้นึกถึงลูกสาวของเขาที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ... เลยทำให้เอ็นดูเยว่หรูพอสมควร"คือหนูไม่รู้ว่าชั้นเรียนนี้ต้องทำอะไรบ้าง... แบ่งเวลาแบบไหน แล้วถ้าหนูอยากรู้เรื่องการเมือง การเงิน การปกครอง ข้อห้าม ข้อบังคับต่าง ๆ หนูสามารถหาคำตอบได้จากที่ไหนคะ มีหนังสือให้หนูอ่านไหมคะ" เมื่อครูเปิดโอกาสให้ถาม... เยว่หรูก็ไม่รอช้า หากอยากลืมตาอ้าปากได้เร็ว อย่างแรกที่ต้องมีคือข้อมูล สิ่งไหนที่พวกเขาห้ามทำ ผิดกฎหรืออะไรยังไง... จะได้รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้างในนิยายเรื่องนี้ที่เธอเข้ามาอยู่ อ้

    Last Updated : 2025-01-04
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 10 ทุกอย่างคือการลงทุน

    บทที่ 10 ทุกอย่างคือการลงทุนเยว่หรูมาเรียนได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ได้เรียนรู้แนวทางที่เธอจะเรียนเกี่ยวกับแพทย์แผนโบราณของที่นี่ จะต้องเรียนจบอะไร แล้วไปต่อที่ไหน มันดีตรงที่ว่าในนิยายเรื่องนี้สามารถสอบเทียบได้ ไม่ต้องเรียนตรงตามเวลาที่ทางโรงเรียนกำหนดก็ได้ แค่สอบผ่านระดับตามที่ทางโรงเรียนกำหนดก็พอ การเรียนในมหาวิทยาลัยก็เช่นกัน สามารถสอบเทียบได้ ทุกวันก่อนกลับบ้าน เยว่หรูจะหิ้วปิ่นโตใส่อาหารกลับไปด้วย อาหารที่ได้มาก็คืออาหารที่เธอใช้คูปองที่คุณครู หมิงเว่ย ให้มาและนำไปยื่นที่โรงอาหาร เธอก็ได้ปิ่นโตใส่อาหารหนึ่งเถากลับบ้าน ในปิ่นโตจะมีข้าวและกับข้าวหนึ่งอย่าง บางวันอาจมีผลไม้เพิ่มให้หนึ่งอย่าง แต่ไม่ได้มีทุกวัน อาหารที่ได้ไม่ได้เยอะมากนัก แต่มันสามารถทำให้ครอบครัวของเธอประหยัดขึ้นและมีอาหารกินเพิ่มขึ้น พอเช้าวันต่อมาค่อยเอาปิ่นโตเปล่ามาส่งที่โรงอาหาร เยว่หรูทำแบบนี้ติดต่อกันตั้งแต่วันแรกที่มาเรียนแล้วเยว่หรูเริ่มปรับตัวได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การใช้ชีวิต วางแผนเพื่อที่จะเรียนในด้านที่ตัวเองถนัด วางแผนเรื่องช่วยเหลือครอบครัวเพื่อให้มีชีวิตดีขึ้นต

    Last Updated : 2025-01-05
  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 11 ลงทุนเพื่อหวังผลกำไร

    บทที่ 11 ลงทุนเพื่อหวังผลกำไรเพียะ!! เมื่อหลิวเจียอิงไม่สามารถยั้งอารมณ์กรุ่นโกรธได้ก็ลงมือตบตีทันที"มึงอย่าอยู่เลยอีนังกาฝาก เลวทั้งแม่ทั้งลูก!! สารเลวทั้งครอบครัว!! " นางหลิวไม่สนใจสิ่งใด ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ไม่สนใจว่ามีคนกำลังเดินเข้ามา ไม่ใช่แค่คนงาน ยังมีกลุ่มคุณครูของเยว่หรูเดินมาด้วยเมื่อทุกคนเห็นภาพตรงหน้า ต่างวิ่งเข้ามาช่วยแยกนางหลิวออกจากเยว่หรูทันที เยว่หรูโดนดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้เพราะมันชุลมุนวุ่นวายไปหมด "เจ็บไหมลูก" เสียงสั่นเครือของมารดาสอบถาม พร้อมกับจับลูกหันซ้ายหันขวาตรวจดูว่าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง"เจ็บ... ข้าวเราหกหมดเลย" เยว่หรูตอบพร้อมกับเม้มปากแน่น... แล้วชี้นิ้วไปทางปิ่นโตที่นอนแอ้งแม้งที่พื้น อาหารกลางวันของเธอกระจัดกระจายเต็มพื้น"ช่างมันลูก เยว่หรูเจ็บตรงไหนบ้าง" จางหยวนและภรรยาคือคนที่วิ่งมาดึงตัวลูกสาวออกมาตั้งแต่แรก จางหยวนผลักแม่เลี้ยงออกไปให้ห่างจากลูกสาวของเขาอย่างไม่สนใจหากเป็นแต่ก่อนเขาก็ยังพอที่จะพูดจาและไว้หน้าอยู่บ้าง ถึงจะไม่ชอบ แต่เห็นแก่พ่อของเขาเลยไม่สนใจแม่เลี้ยงมากนัก แต่ครั้งนี้ เขาเห็นแม่เลี้ยงทำร้ายลูกสาวต่อหน้าต่อตา ทั้งที่

    Last Updated : 2025-01-05

Latest chapter

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 20  ความรู้สึกไม่ต่างกัน

    บทที่ 20 ความรู้สึกไม่ต่างกันเยว่หรูเดินตามมาที่ห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนค่อนข้างเป็นส่วนตัว ส่วนมากมีแต่ญาติของคนไข้ที่เฝ้าอยู่เพียงเท่านั้น พอเยว่หรูมาถึงอาจารย์ก็เริ่มสอนสิ่งต่าง ๆ โดยที่สอนตรวจคนไข้ว่าควรตรวจแบบไหน เพื่อประหยัดเวลาและได้ผลที่แม่นยำทุกอย่างดำเนินไปอย่างดี เนื่องจากคนไข้ยอมให้ตรวจดี ๆ นอนมองนิ่ง ๆ เพียงเท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไล่หมอพยาบาลออกไปทั้งหมด แต่เขากลับให้ลูกศิษย์กับอาจารย์สองคนทั้งจับพลิกดูตามร่างกายได้ตามต้องการ"อาจารย์ จากที่หนูดูไม่ใช่แค่ร่างกายอย่างเดียว หนูคิดว่าน่าจะมาจากจิตใจและความคิดด้วย" เยว่หรูสังเกตคนไข้แล้วรู้สึกว่าช่างคุ้นเคยกับอาการนี้เหลือเกิน"มีความเป็นไปได้มากเลยทีเดียว" อาจารย์ก็เห็นด้วยกับที่ลูกศิษย์คนล่าสุดบอกมา"เยว่หรูจะรักษาด้วยวิธีไหน เขียนรายงานมาด้วย รักษาแค่เบื้องต้นก่อน ส่วนต้องการเบิกอะไรก็สามารถใช้ญาติของคนไข้ไปจัดการได้เลย และนี่คือเอกสารที่ต้องเขียนรายละเอียดยื่นให้สมาพันธ์ มีเอกสารด้วย เตรียมมาให้พร้อมแล้วเอามาให้อาจารย์ เข้าใจไหม และหากรักษาเบื้องต้นเสร็จก็กลับบ้านได้เลย อาจารย์ต้องรีบไปประชุม" อาจารย์หม่าสั่งงาน

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 19 เรียกร้อง

    บทที่ 19 เรียกร้องในทุกเช้า เยว่หรูจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำอาหารบำรุงหลายอย่าง ต้มน้ำแกง ต้มยาสมุนไพรต่าง ๆ และทำอาหารหลากหลายเมนูเก็บไว้ ในทุกวันที่ไปเรียน เยว่หรูต้องเอาน้ำต้มสมุนไพรไปฝากคุณครูหมิงเว่ยเธอยังไม่สามารถให้อย่างอื่นเพื่อตอบแทนคุณครูได้ เพราะครูรู้ดีว่าครอบครัวของเธอยากจน การที่จะได้กินหรือมีสิ่งของดี ๆ นั้นมันแทบไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เมื่อมีโอกาสเธอต้องตอบแทนแน่นอนในระหว่างที่ตัวเองกำลังคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ก็ทำให้เธอค่อนข้างแปลกใจ เหมือนคนไข้ที่ชื่อหานหรงอี้นั้นไม่เป็นอะไรเลย การไหลเวียนของเลือดมันไม่สมดุลและเหมือนร่างกายมีภาวะเย็นมากเกินไป แต่เธอไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ เพราะการตรวจของเธอนั้นต้องยุติก่อนที่จะตรวจเสร็จ ยังไม่ได้ดู ดม และสอบถามเลย อาจารย์ก็บอกพอก่อนและให้เธอกลับมาทำรายงานส่งเยว่หรูมองไปที่สมุดรายงานของตัวเอง ก่อนที่จะจัดเตรียมอาหารให้เรียบร้อย เมื่อวานพ่อก็ต้องเดินไปรอรับ เพราะกว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็เริ่มเย็นแล้ว แล้วที่นี่จะมืดเร็วเสียด้วย หกโมงเย็นนี่เริ่มมืดแล้ว ทั้งที่เธออยากให้พ่อแม่พักผ่อนแต่ต้องไปรับเธอกลับ คงต้องหาวิธีอื่นรอแล้ว ไม่

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 18 หานหรงอี้

    บทที่ 18 หานหรงอี้จางหยวนขอตัวจากกลุ่มคนมาใหม่และหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อจะได้รีบไปส่งลูกสาวแล้วไปทำธุระของเขาให้เรียบร้อย และที่เขารีบขอตัวออกมาเพราะเห็นกลุ่มคนมาใหม่มองลูกสาวของเขาไม่วางตาเลย ทั้งที่ลูกสาวเขายืนอยู่ด้านหลัง แต่ทุกคนก็ดูจะสนใจลูกสาวของเขา ทางที่ดีต้องรีบออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุดหานหรงอี้ มองตามคนตัวเล็กกับพ่อเดินไปจนสุดสายตา ทั้งที่คนตัวเล็กไม่ยอมหันมาทักทายหรือยิ้มแย้ม มันยิ่งทำให้เขาสนใจมากกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าเด็กสาวจะชอบคนที่มียศมีตำแหน่งหรอกหรือ การมาของพวกเขานั้นไม่ใช่ความลับ ยังไงสาวน้อยคงจะพอรู้ หากบอกว่าหลบเพราะเขินอายก็ไม่น่าจะใช่ เพราะสายตาที่ใช้มองพวกเขานั้นเหมือนรังเกียจมากกว่า"นายครับ เราต้องไปให้ทันเวลาหมอนัดนะครับ" ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาหานายที่ไม่สนใจจะไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเลย"จะรีบไปไหน โรงพยาบาลก็อยู่แค่นี้ ไม่ต้องตามกันมาเยอะแยะ กลับไปดูคนงานได้แล้ว" หานหรงอี้บอกลูกน้องที่ตามมาเป็นพรวน ทั้งที่อาการเขาดีขึ้นแล้ว เดินเหินได้เหมือนเดิม แต่คนพวกนี้ก็ยังจะตามติดเขาอยู่นั่นแหละ"นายมองสาวน้อยคนนั้นหรือกำลังชื่นชมธรรมชาติครับ" คนสนิทมองตามสายตาคนเป็นนาย

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 17 คนมาใหม่

    บทที่ 17 คนมาใหม่เมื่อคืนเยว่หรูเข้ามานอนในมิติบ้าน เพื่อเตรียมสิ่งของที่จะได้ทำอาหารในตอนเช้า เช้านี้เลยมีทั้งกับข้าวที่เป็นไข่ม้วน กับข้าวสวยร้อน ๆ และมีกระดูกหมูตุ๋นยาจีน เตรียมนมอุ่น ๆ และต้มยาสมุนไพรด้วย ตอนนี้ยังหาข้ออ้างไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าจะบอกว่าเอาสิ่งของพวกนี้มาจากไหน ต้องรอกลับจากโรงพยาบาลแล้วค่อยบอกเป็นค่าตอบแทน เพราะวันนี้เธอมีไปฝึกงานที่โรงพยาบาลส่วนมื้อเช้ามีแบบไหนก็คงต้องกินแบบนั้นไปก่อน ถึงจะอยากให้ทุกคนได้กินอาหารดี ๆ แต่หากไม่ระวัง... ความลับที่ต้องการปกปิดมันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป แล้วหากมันไม่ได้เป็นความลับ เรื่องที่เธอปิดบังทั้งหมดก็อาจถูกเปิดเผย... คนมีความลับเยอะอย่างเยว่หรูเลยต้องทำทุกอย่างให้แนบเนียน...ในโลกนี้ยุคนี้... กินดีอยู่ดีมากไปก็ไม่ดี... แต่หากหาที่มาที่ไปได้ก็ไม่มีปัญหา... รอให้เธอรู้ผลว่าผ่านการทดสอบเสียก่อน... เธอยังสามารถบอกว่าทุกอย่างที่ได้มาคือสิ่งของสนับสนุน แต่หากเธอไม่ผ่าน... ค่อยคิดหาวิธีอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร...เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เข้าไปอาบน้ำทาครีมบำรุง... ทำทุกอย่างแบบที่เคยทำในโลกเดิม ยังดีที่เครื่องสำอางที่ใช้..

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 16 ตอบแทนบุญคุณ... คนที่สมควรจะได้รับ

    บทที่ 16 ตอบแทนบุญคุณ... คนที่สมควรจะได้รับขอบคุณคุณยายที่มอบสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้หนู... ขอบคุณที่คุณยายยัดเยียดให้ทั้งที่ตอนแรกหนูปฏิเสธไปแล้ว ขอบคุณมาก ๆ นะคะเยว่หรูกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง หลังจากที่พิสูจน์ได้แล้วว่า... สร้อยข้อมือนี้คือมิติบ้านของเธอ... หากอยากเข้าหรือออกเพียงเอามือสัมผัสที่สร้อยข้อมือก็สามารถเข้าออกได้ตามที่ใจต้องการเยว่หรูสามารถหยิบสิ่งของออกมาข้างนอกได้... มันเหมือนในนิยายที่เคยอ่านเจอ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งของที่เธอหยิบออกมาแล้วมันจะมีมาเติมให้ใหม่ไหม หรือว่าหมดแล้วหมดเลย เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาเป็นการพิสูจน์ "เอานมนี่แหละ... ลองก่อนเป็นอย่างแรก แล้วจับเวลาว่าด้านนอกกับในมิติบ้านนี้เวลาแตกต่างกันไหม" เยว่หรูพึมพำพร้อมกับหยิบนาฬิกาจับเวลา เพื่อพิสูจน์ว่าด้านนอกและด้านในมีเวลาเท่ากันไหมส่วนอาหารที่เอาออกมาก็ยังเอาอะไรออกมามากไม่ได้ หากแตกต่างมาก เยว่หรูจะยังไม่เอาออกไปข้างนอก เพราะมันต้องมีคำถามตามมาแน่ ๆ เธอยังไม่อยากให้ใครรับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้... ไม่รู้มีข้อห้ามอะไรไหม... หากบอกคนอื่นแล้วมิติบ้านหายไปล่ะ... เธอยังไม่อยากเสี่ยงในตอนนี้และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มา

    บทที่ 15 มาช้าดีกว่าไม่มาเยว่หรูเดินกลับบ้านในทิศทางเดิม เธอไม่ได้ออกนอกเส้นทางไปทางอื่นเลย มองเวลาแล้วเธอต้องรีบกลับ หากชักช้ามันอาจถึงบ้านมืดได้ เพราะตั้งใจเดินกลับบ้านเพื่อประหยัดเงิน"หนู ๆ ช่วยยายหน่อย" เสียงร้องเรียกใครไม่รู้ แต่เพราะมันเสียงดังเลยทำให้เยว่หรูที่กำลังรีบเดินกลับบ้านหันไปมองหาที่มาของเสียง"เรียกหนูเหรอคะ" เมื่อไม่เห็นใครนอกจากตัวเธอเองก็หันไปถามคุณยาย"ใช่ ๆ พอดียายจะกลับบ้านแต่ของมันเยอะ ช่วยถือไปส่งหน่อยได้ไหม ไม่ไกล ๆ ซอยข้างหน้านี่เอง" เมื่อเห็นเด็กสาวหันมามองแล้วเลยขอความช่วยเหลือ"อ้อ... ได้ค่ะคุณยาย" เยว่หรูมองกระสอบที่วางอยู่ใกล้ ๆ เลยเข้าไปช่วยหิ้วทันที"ยายเดินนำ ตามมาเลย" บอกจบก็เดินนำหน้าเลยส่วนเยว่หรูที่อุ้มกระสอบก็สงสัยว่าคืออะไรอยู่ข้างใน มันไม่ได้หนักมาก จากที่สัมผัสดูเหมือนเป็นผ้าเลย มัวแต่มองสิ่งที่ตัวเองถือและเดินตามหลังคุณยายเลยไม่ได้สังเกตสิ่งที่อยู่รอบข้าง"ส่งถึงตรงนี้แหละหนู ขอบใจมาก อันนี้ยายให้เป็นค่าตอบแทน" บอกพร้อมกับยื่นสร้อยข้อมือมาให้"ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย แค่นี้เองค่ะ" เยว่หรูบอกพลางวางกระสอบก่อนที่จะมองรอบ ๆ ความสงสัยก็เกิดขึ้นทั

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบ

    บทที่ 14 เริ่มทำแบบทดสอบแบบทดสอบที่เยว่หรูได้รับมีทั้งหมดสองฉบับ... หนึ่งฉบับเป็นแบบทดสอบเกี่ยวกับความรู้สมุนไพรเบื้องต้น แบบที่สองคือการรักษาขั้นพื้นฐานของแพทย์แผนจีน... แบบทดสอบต้องตอบเป็นข้อเขียนทั้งหมด หรือก็คืออัตนัยนั่นเอง...ถึงแม้ว่าเยว่หรูจะเป็นแพทย์แผนจีนมาก่อน แต่ก็ยังไม่วางใจ เพราะสิ่งที่เธอถนัดและคุ้นเคยนั้น... เป็นความรู้และการรักษาแบบโลกเดิม คือปี 2020 มันคือการรักษาแบบประยุกต์ มีการรักษาแผนปัจจุบันเข้ามาร่วมด้วย หากทดสอบโดยให้รักษาจะไม่มีปัญหาเพราะเธอเคยทำมาแล้ว แต่การทดสอบตอนนี้นั้น... ต้องตอบตามแบบหนังสือ พลิกแพลงมากไม่ได้ เลยทำให้เยว่หรูใช้เวลาในการทดสอบเรื่องการรักษาด้วยสมุนไพรค่อนข้างนานทำแบบทดสอบได้... แต่ไม่รู้จะผ่านไหม ต้องรอดูอย่างเดียว มั่นใจมากไม่ดี... จงรู้ไว้ว่าในหนังสือเรียนกับสถานการณ์จริงแตกต่างกันมาก แล้วคนที่เรียนจบมาจนทำงานแล้วแบบเธอ... บางอย่างในหนังสือเรียนที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็หลงลืมเป็นธรรมดา และที่สำคัญหนังสือเรียนแพทย์แผนจีนของที่นี่ก็ไม่ค่อยมีให้อ่านมากนัก"เสร็จแล้วค่ะ" เยว่หรูยื่นเอกสารให้คุณตา ก่อนจะมานั่งรอและมองทุกอย่างรอบ ๆ ตัว เหมือนที่นี

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 13 เข้าเมืองคนเดียว

    บทที่ 13 เข้าเมืองคนเดียวเยว่หรูเริ่มชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่บ้างแล้ว ตอนเช้าจะช่วยแม่ทำงานบ้าน ช่วยพ่อรดน้ำผัก เริ่มทดลองปลูกสมุนไพรที่ทางการอนุญาตให้ปลูกได้ เยว่หรูมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสามเดือนแล้ว หมดหวังเรื่องมิติวิเศษเหมือนในนิยายที่ตัวเองชอบอ่าน... สามเดือนแล้วคงไม่มีมาแล้ว...เรื่องยัยป้ามหาภัยนั่นเริ่มดีขึ้น อาจเพราะยังไม่ได้เจอกัน... เลยยังไม่มีปัญหา และตั้งแต่ที่เธอพูดกับพ่อเมื่อวันนั้น พ่อก็พูดกับปู่ในวันที่ปู่เรียกพ่อไปหาอีกครั้ง ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจว่าทำไมปู่ถึงชอบเรียกพ่อไปที่บ้านนั้นบ่อย ๆ ทำไมไม่มาดูบ้างว่าพ่ออยู่ยังไง แต่พอแม่บอกว่า... เพราะปู่ต้องการให้พ่อรู้ว่าที่นั่นก็คือครอบครัวพ่อเหมือนกันไม่รู้ว่าพวกเขานิยามคำว่าครอบครัวแบบไหน พ่อลำบากกว่าลูกคนอื่น ๆ อยากให้มาดูบ้านพ่อ ที่อยู่ที่นอนของพ่อเหลือเกิน หากเปรียบกับพวกเขาแล้ว แตกต่างกันอย่างมากยังดีที่ตอนนี้ครอบครัวของเธอได้เสื้อผ้ามาจากคุณครูที่โรงเรียนเอามาให้ เลยมีเสื้อผ้าใส่เปลี่ยนหลายชุด ภรรยาของคุณครูหมิงเว่ยก็เอาชุดที่ไม่ได้ใส่แล้วมาให้แม่ของเธอด้วย พ่อของเธอก็ได้เสื้อผ้าบางตัวของคุณครูหมิงเว่ย แต่แค่บางตั

  • 1960s เปลี่ยนชะตานางเอก   บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับ

    บทที่ 12 ผลกำไรที่ได้รับเยว่หรูรดน้ำผักอย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ใบหน้าข้างหนึ่งจะบวมเป่งจากการถูกยัยป้าข้างบ้านตบ ไม่สิ... ป้าข้างบ้านไม่กล้าขนาดนี้ ส่วนมากแค่ชอบถาม อยากรู้อยากเห็นมากกว่า บางทีก็มีประโยชน์ เหมือนมีกล้องวงจรปิดประจำบ้านให้ด้วย แขกไปใครมาสามารถรู้หมด ไม่ต้องเสียเงินติดตั้งด้วย แถมรายงานผลรวดเร็วทันใจอีกต่างหากเมื่อรดน้ำผักเรียบร้อยแล้ว เยว่หรูก็เดินเก็บใบไม้แห้งทั้งหลายมาโยนใส่หลุมไว้ทำปุ๋ยใบไม้แห้ง ทำงานไปด้วยร้องเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี... ไม่ว่าเสียงร้องจะเหิน สำเนียงจะเพี้ยนแค่ไหนก็ยังร้องอย่างอารมณ์ดี...การลงทุนของเยว่หรูนั้นถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ทุกคนในหมู่บ้านเข้าข้างเธอเพียงแค่เห็นยัยป้านั่นด่าทอบ่อย ๆ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ตลอดระยะเวลาเดือนกว่าที่เธอไม่ตอบโต้ไม่พูดไม่เถียง เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นในสิ่งที่ยัยป้าทำ แต่พอเจอวันที่เธอเอาคืน ไม่ว่าด้วยคำพูดหรือการยั่วยุให้ยัยป้าโดดลงมาทำร้ายเธอเลยทำให้คนไม่เชื่อในสิ่งที่ยัยป้าพูดถึงมันจะดูสิ้นคิด แต่หากไม่ทำแบบนั้นเธอจะเอาอะไรไปสู้ ตบตีไม่มีทางชนะเพราะตัวเธอเล็กนิดเดียว จากที่ใช้สมองอันน้อยนิดคิดก็มีแต่เรื่องน

DMCA.com Protection Status