เพราะถูกน้องสาวต่างมารดาคิดปองร้ายเพื่อแย่งคู่หมั้น จึงทำให้ เสิ่นเสวี่ย คุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวตระกูลเสิ่น ได้กลายเป็นภรรยาบ่าวรับใช้ท้ายจวนที่ดูแลสวนนามว่า อาหลี่ นางคับแค้นในใจจนคิดสั้นกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย และทำให้ เสิ่นเสวี่ย หญิงสาวที่มีชื่อเหมือนกันได้มาเกิดใหม่ในร่างของนาง หญิงสาวจากชาติภพปัจจุบัน ได้ใช้ชีวิตอยู่ในร่างของ เสิ่นเสวี่ย คนเก่า นางพึงพอใจ อาหลี่ บ่าวท้ายสวนผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง เขาช่างหล่อเหลา บึกบึน เสียจนนางแทบจะทนไม่ไหว ดูแผงอกล่ำสันที่ชวนน้ำเดินนั่นสิ!!!
view moreจวนโหวตระกูลเสิ่น
"เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของจวนโหวตระกูลเสิ่น แต่กลับลักลอบมีสัมพันธ์กับบ่าวรับใช้ท้ายสวน ช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก!!!"
"ฮือออ ท่านพ่อ ลูก ฮึก"
"เจ้าไม่ต้องมาแก้ตัว ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!!! มีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับทำตัวใฝ่ต่ำเช่นนี้ ลูกชั่ว!!!"
ท่านโหวเสิ่นเหยากวงมองเสิ่นเสวี่ยผู้เป็นบุตรสาวด้วยสายตาที่ผิดหวัง
เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ มีหน้ามีตาในเหล่าขุนนางชนชั้นสูง มีบุตรทั้งหมดสี่คนคือ เสิ่นเฟยเป็นบุตรชายที่เกิดจากภรรยาเอก และมีน้องสาวร่วมมารดาเดียวกันคือเสิ่นเสวี่ย ส่วนภรรยารองนั้นก็มีบุตรชายนามว่า เสิ่นเยี่ย และบุตรสาวนามว่า เสิ่นหนิง
เสิ่นเสวี่ยได้หมั้นหมายกับ หลัวเฉินเฟย บุตรชายคนโตของท่านเสนาบดีหลัว แต่ทว่าเขากลับมีใจรักใคร่ต่อเสิ่นหนิงน้องสาวต่างมารดาของนาง
เสิ่นหนิงลอบยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ รู้สึกสมเพชเวทนาเสิ่นเสวี่ยไม่น้อย นางหันไปพยักหน้าให้ฮูหยินรองอวิ๋นผู้เป็นมารดาอย่างสาสมใจ รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งกับการได้มองเห็นความทุกข์ของเสิ่นเสวี่ย
"อาหลี่!!! บ่าวชั่ว เจ้ากล้าล่วงเกินบุตรสาวของข้า!!!"
"บ่าวขออภัยขอรับ บ่าวยินดีรับผิดชอบชีวิตของคุณหนูใหญ่ขอรับ"
พลั่ก!!!
เสิ่นเหยากวงยกเท้าขึ้นถีบอาหลี่จนกระเด็นล้มลงไปกองกับพื้น
อาหลี่คือบ่าวรับใช้ที่เขาซื้อตัวมาเมื่อหนึ่งปีก่อน อาหลี่คอยดูแลสวนที่ท้ายจวน ปลูกผักและนำไปขายที่ตลาด แต่ทว่าบ่าวชั่วผู้นี้กลับลอบมีความสัมพันธ์ที่น่าอับอายขายหน้ากับลูกสาวของเขา
"ไป๊!!! ไปอยู่ที่สวนท้ายจวนกันเสีย ไม่มีเหตุจำเป็นอย่ามาเสนอหน้าให้ข้าเห็นอีก!!!"
อาหลี่หันไปมองเสิ่นเสวี่ยที่นั่งก้มหน้าร้องห่มร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมด นางหันมามองเขาด้วยสายตาที่เจ็บปวดและเกลียดชัง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปทันที
"ฮืออออ"
"เสวี่ยเอ๋อร์ลูกแม่!!!"
ฮูหยินใหญ่ วิ่งตามบุตรสาวของตนด้วยความเป็นห่วง เสิ่นเสวี่ยหันกลับไปมองมารดาก่อนจะโผเข้าไปสวมกอดและร้องไห้จนแทบขาดใจ
"ท่านแม่ ฮือออ ข้าไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ"
"แม่รู้ แม่รู้ เจ้าอดทนหน่อยเถิด แม่จะต้องหาทางช่วยเจ้าให้ได้"
"ช่วยเช่นไรเจ้าคะ? ชื่อเสียงของลูกฉาวโฉ่ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ท่านพี่หลัวเฉินเฟยไม่ยินดีที่จะรับลูกเป็นภรรยาแล้ว ฮือออ"
สองแม่ลูกกอดกันร่ำไห้อย่างน่าเวทนา
"น่าอับอายไม่น้อย ไม่รู้ว่าพี่หญิงเลี้ยงลูกเช่นไรนะเจ้าคะ จึงใฝ่ต่ำเอาคนรับใช้ชาวสวนมาเป็นสามี"
ฮูหยินรองอวิ๋นเอ่ยเยาะเย้ยถากถางสองแม่ลูกอย่างดูแคลน ฮูหยินใหญ่ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากแน่นไม่กล้าเอ่ยทัดทานใดๆ จำต้องทนยอมให้สองแม่ลูกกดขี่ข่มเหงมาโดยตลอด
เสิ่นเสวี่ยกลับมาเก็บข้าวของที่จำเป็นต้องใช้เพื่อตามอาหลี่ไปอยู่ที่เรือนท้ายสวน ฮูหยินใหญ่ทำได้เพียงยืนมองบุตรสาวของตนเองทุกข์ทรมานคับแค้นใจด้วยความเวทนา
อาหลี่เป็นชายหนุ่มผิวคล้ำ แต่ใบหน้าของเขาหล่อเหลาใช้ได้ เขาเดินตามหลังเสิ่นเสวี่ยไปด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น
"คุณหนูใหญ่ ให้บ่าวช่วยนะขอรับ"
"ไสหัวไป๊!!! ฮือออ ไอ้คนชั่วช้า เจ้ามันชั่วช้า!!!"
เสิ่นเสวี่ยยกกำปั้นทุบตีอาหลี่จนเกิดเสียงดังปึกปึก อาหลี่เองก็ไม่คิดขัดขืน ยอมให้นางด่าทอทุบตีจนพอใจ ขอเพียงนางได้ระบายอารมณ์ เขายินยอมทุกอย่าง
เสิ่นเสวี่ยทุบตีอาหลี่จนเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ
เสิ่นหนิง!!! เป็นฝีมือของเจ้า ข้ารู้!!! ข้าจะต้องแก้แค้นเจ้าให้ได้!!!
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เสิ่นเสวี่ยก็ใช้ชีวิตอยู่ที่เรือนท้ายสวนตระกูลเสิ่นกับอาหลี่มาโดยตลอด แต่นางกลับทุบตีด่าทอ จิกหัวใช้เขาเยี่ยงทาส ไม่ยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัว ตามร่างกายของอาหลี่มีรอยขีดข่วนทุบตี ที่เกิดจากน้ำมือของเสิ่นเสวี่ย
ความอัดอั้นคับแค้นใจที่หาทางออกและแก้แค้นคนที่คิดร้ายต่อตนเองไม่ได้ ทำให้ท้ายที่สุดเสิ่นเสวี่ยก็คิดสั้นด้วยการกระโดดน้ำฆ่าตัวตายที่สระน้ำท้ายสวน
"คุณหนูใหญ่ ได้เวลากินข้าวแล้วขอรับ"
อาหลี่ที่เพิ่งทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขากำลังเดินยกอาหารเข้ามาให้เสิ่นเสวี่ยในห้อง แต่กลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า
"คุณหนูใหญ่!!! คุณหนูใหญ่!!!"
อาหลี่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขารีบวิ่งตามหาเสิ่นเสวี่ยจนทั่วทั้งเรือน เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามใบหน้าของเขา ความหวาดกลัวภายในใจเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะรีบตรงไปที่สระน้ำท้ายสวนทันที
"คุณหนูใหญ่!!!"
ร่างของเสิ่นเสวี่ยกำลังค่อยๆ จมลงไปใต้น้ำ อย่างช้าๆ อาหลี่รีบกระโดดลงไปคว้าร่างของนางขึ้นมาบนฝั่งด้วยความตื่นตระหนก
"คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่!!! ฟื้นสิขอรับ!!!"
เขาเขย่าร่างของเสิ่นเสวี่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไร้การตอบสนองจากร่างกายนาง
เซี่ยงไฮ้ 2021
"เสิ่นเสวี่ย วันนี้แกดื่มหนักไปแล้วนะ"
"เอาน่า วันนี้วันเกิดฉันนะ และอีกอย่างฉันจะดื่มให้หนักๆ ชนแก้ว!!!"
เสิ่นเสวี่ยหญิงสาวอายุยี่สิบห้าปี ผู้ที่เพิ่งหย่าขาดจากสามีมาหมาดๆ เขานอกใจเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น และยังหลอกเอาทรัพย์สมบัติของเธอไปจนหมด
ดื่มให้กับความเฮงซวย!!!
03.00 น.
เสิ่นเสวี่ยขับรถกลับจากปาร์ตี้กับเพื่อนจนเกือบรุ่งสาง ในขณะที่กำลังขับรถกลับบ้านนั้น รถของเสิ่นเสวี่ยก็เกิดเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง และกระแทกไปชนกับเสาไฟฟ้ารายทางจนพังยับเยิน เสิ่นเสวี่ยเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
"คุณหนูใหญ่!!!"
"แค่ก แค่ก โอ๊ะ!!!"
"คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้วหรือขอรับ!!!"
อาหลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เขารีบถอดเสื้อคลุมผืนเก่าที่ใส่อยู่มาห่อหุ้มร่างกายของเสิ่นเสวี่ยเอาไว้ ก่อนจะอุ้มร่างของนางที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำกลับเข้าไปในเรือน
เสิ่นเสวี่ยที่กำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนก นางรีบหันไปมองรอบด้านด้วยความแปลกใจ
"เราอยู่ที่ไหนวะเนี่ย? แล้วนี่ โอ้โห!!! หล่ออ่า"
เสิ่นเสวี่ยเงยหน้าไปมองอาหลี่ที่อุ้มนางวิ่งเข้ามาในเรือนด้วยความกระหืดกระหอบ
ลูกกระเดือกนั่น โอวว!!! หล่อเท่
เสิ่นเสวี่ยส่ายศีรษะไปมา เมื่อเริ่มได้สตินางจึงคิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
เมื่อกี้ฉันขับรถเสียหลักลงข้างทางนี่? แล้วทำไมถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ได้วะเนี่ย?
อาหลี่วางร่างของเสิ่นเสวี่ยลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยืนมองนางด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ
"คุณหนูใหญ่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิดขอรับ บ่าวจะไปต้มน้ำร้อนมาให้"
"เดี๋ยว"
"ขอรับ"
"คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ?"
อาหลี่ขมวดคิ้ว จ้องมองเสิ่นเสวี่ยด้วยท่าทีสงสัย
"คุณหนูใหญ่เสิ่นเสวี่ยจำบ่าวไม่ได้หรือขอรับ?"
จู่ ๆ ภาพความทรงจำมากมายของเจ้าของร่างเดิม ก็ผุดขึ้นมาในหัวของนางเต็มไปหมด
"ฮืออออ ลูกไม่ได้ตั้งใจ"
"ข้าเกลียดเจ้าอาหลี่!!!"
"เสิ่นหนิงข้าจะตามล้างแค้นเจ้า!!!"
"ท่านพี่หลัวเฉินเฟยย!!!"
"โอ๊ย!!!"
"คุณหนูใหญ่เสิ่นเสวี่ย!!!"
เสิ่นเสวี่ยรู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะเหลือเกิน ภาพต่างๆ มันปรากฏขึ้นอย่างไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหว นางรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่กระจก
นี่นางตายแล้วกลับชาติมาเกิดเป็นคุณหนูใหญ่เสิ่นเสวี่ยผู้ที่มีใบหน้าและมีชื่อเดียวกันกับนางอีกด้วย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? แล้วยังได้สามีเป็นคนรับใช้ในเรือนอย่างนั้นหรือ
เสิ่นเสวี่ยถอนหายใจให้กับความอับโชคในชะตาชีวิตของนางอย่างห้ามไม่ได้
ช่างเถิด!!! อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องใช้ชีวิตอย่างทรมานอยู่กับความเจ็บปวดจากชาติปัจจุบัน อย่างน้อยก็ได้มาเกิดใหม่ แล้วยังได้สามีใหม่ที่ถูกใจนางเสียด้วย
เสิ่นเสวี่ยเงยหน้าไปมองอาหลี่ ชายหนุ่มน่าจะอายุราวๆ สิบเก้าปีเศษ นางสังเกตเห็นว่าตามร่างกายของเขามีบาดแผลจากการถูกทำร้ายทุบตีจนเต็มไปหมด
"ทำไมตามตัวของคุณถึงมีแต่แผลล่ะคะ?"
อาหลี่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเอ่ยปากอะไร เสิ่นเสวี่ยจึงสามารถรับรู้ได้ทันที ว่าที่ผ่านมาอาหลี่ต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง ภาพที่เขาถูกด่าทอทุบตีปรากฏเลือนรางขึ้นในความทรงจำของนาง
ให้ตายสิ!!! เสิ่นเสวี่ยคนเดิมช่างใจร้ายเกินไปแล้ว ทำกับหนุ่มน้อยสุดหล่อแบบนี้ได้เช่นไรกัน
เสียตัวแล้วก็แล้วกันไปสิ หล่อขนาดนี้ เป็นข้า ข้าจะยินยอมเสียอีกหลายๆ รอบ
เสิ่นเสวี่ยปรายตามองอาหลี่ที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มดับกระหายด้วยความหิวโหย
"เจ้าชื่ออาหลี่เหรอ?"
"ขอรับ"
"อาหลี่เฮีย?"
อาหลี่ทำหน้างุนงงเล็กน้อย สร้างความขบขันให้แก่เสิ่นเสวี่ยเป็นอย่างยิ่ง
"เป็นสามีข้า?"
"เอ่อ...ขอรับ"
"นอนกับข้ามากี่ครั้งล่ะ?"
พรวดดดด
อาหลี่พ่นชาร้อนออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำถามชวนเสียวซ่านจากเสิ่นเสวี่ย
"คุณหนูใหญ่ ถามอะไรน่ะขอรับ?"
เสิ่นเสวี่ยเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ นางจึงยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อเขิน
หนุ่มน้อยน่าจะยังไม่ชิน เสิ่นเสวี่ยคงทำเขาหวาดกลัวเอาไว้มากเสียทีเดียว
ข้าจะปลอบประโลมเจ้าเองพ่อหนุ่มน้อย
"อาหลี่ ขอบใจเจ้ามากนะที่ช่วยข้า เผอิญข้าลื่นล้มจึงตกน้ำน่ะไม่ทันระวัง"
"บ่าวเต็มใจขอรับ"
"อย่าเรียกแทนตนเองว่าบ่าวเลย มันดูห่างเหินเกินไป เรียกข้าว่า เสิ่นเสวี่ยเถิด ข้าเคยทำผิดต่อท่านข้าขอโทษนะเจ้าคะ"
"เอ่อ"
"เรียกสิ"
"เสิ่นเสวี่ย"
"ดีมาก!!! ต่อไปนี้ข้าก็จะเรียกท่านว่าท่านพี่อาหลี่ "
"คุณหนูใหญ่ เอ่อ เสิ่นเสวี่ย"
"เรียกบ่อยจัง"
อาหลี่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา เสิ่นเสวี่ยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ดูแล้วอาหลี่คงจะอายุมากกว่าร่างนี้ไปถึงสามสี่ปี เสิ่นเสวี่ยนางนี้อายุคงจะราวๆ สิบเจ็ดปีได้ กำลังเติบโตเป็นสตรีวัยแรกแย้มที่งดงามน่าเชยชม
"รีบเปลี่ยนชุดก่อนเถิดขอรับ เดี๋ยวจะไม่สบาย"
"โอ๊ะ ข้าลืมไปเลย ท่านพี่อาหลี่เจ้าขา มาช่วยข้าเปลี่ยนชุดหน่อยเถิด"
อาหลี่รีบก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเสิ่นเสวี่ย แต่ทว่าเรื่องราวในคืนนั้น เขาเองกลับจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ รู้เพียงแต่ว่าเขาดื่มชาร้อนเข้าไป หลังจากนั้นสติทั้งหมดของเขาก็ดับวูบไม่รับรู้สิ่งใดอีกเลย
"ท่านพี่อาหลี่"
"เอ่อ บ่าว เอ่อ ข้าจะช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้"
"เร็วๆ สิเจ้าคะ"
อาหลี่รีบเดินเข้าไปช่วยเสิ่นเสวี่ยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ สายตาของเขาจ้องมองไปที่ผิวขาวนวลเนียนราวหยกงามของนางอย่างไม่ละสายตา
"ท่านพี่อาหลี่ จะจ้องอีกนานไหมเจ้าคะ?"
"เอ่ออ ข้าจะไปนำเสื้อผ้าตัวใหม่มาให้"
อาหลี่รีบวิ่งออกไปทันที เขายกมือขึ้นจับที่แผงอกล่ำสันของตนเอง ในใจของเขามันเต้นถี่ระรัวราวกับกำลังจะหยุดเต้น
เขาหลงรักนางมาตั้งแต่แรกเจอ แต่เพราะรู้ดีว่าตนเองเป็นเพียงบ่าวท้ายสวนผู้ต่ำต้อย จึงไม่กล้าอาจเอื้อมต่อนาง
เขาไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหน จะแกล้งทำดีต่อเขาและสุดท้ายก็จะลงมือทุบตีเขาเหมือนทุกครั้งอีกหรือไม่
แต่เขาก็ยินยอมที่จะเป็นทาสรักของนางไปชั่วชีวิต
คนในจวนตระกูลหลัวถูกลงโทษประหารชีวิตทั้งหมด เหล่าข้ารับใช้ถูกขายกระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ เหล่านักฆ่าที่เสนาบดีหลัวเลี้ยงดูเอาไว้ถูกสังหารจนหมดสิ้น จ้าวหรงฟังจัดการถอนรากถอนโคนจวนตระกูลหลัวจนสิ้นซาก เหล่าชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจไม่น้อย ที่จะไม่ต้องทนถูกเสนาบดีหลัวข่มเหงรังแกอีกต่อไปด้านไป๋หลานฮวาก็ยอมตัดใจไปแต่งงานกับคุณชายตระกูลอื่น นางไม่อยากใส่ใจรอคอยบุรุษที่ไม่เห็นค่าของนาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ นางกลัวเสิ่นเสวี่ยจะมากระชากหนังหัวของนางเหมือนเช่นครั้งก่อนอีก ไป๋ไทเฮาติดสุราจนลงแดง ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังจึงได้ส่งนางไปบวชชีอยู่ที่วัดอย่างเงียบๆ และห้ามกลับเข้าวังหลวงอีก เขาหวังว่าวัดจะสามารถขัดเกลามารดาบุญธรรมของเขาได้บ้าง บุคคลภายนอกรับรู้เพียงแต่ว่า ไทเฮาอยากคิดปลีกวิเวก ไม่สนใจอำนาจในราชสำนักอีก จึงขอออกบวชที่วัดบนเขาตลอดชีวิตไทเฮาแม้จะรู้สึกโกรธเคืองจ้าวหรงฟังไม่น้อย แต่ก็คร้านจะไปสนใจเขา ถึงแม้นางจะอยู่ในวัดแต่ก็ยังแอบให้นางกำนัลที่คอยรับใช้ออกไปนำสุรามาให้นางดื่มเป็นประจำ ใครจะเลิกดื่มกันของดีเช่นนี้!!! เมาจนตายอยู่ในวัดข้าก็ยอม รัชศกม่านฉีปีที่ 1 ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังทรงสิ้นพระช
นักฆ่าเตรียมเงื้อดาบขึ้นมาฟาดฟันที่ร่างของจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ย ทว่ากลับถูกดาบปริศนาฟาดฟันเข้าใส่จนล้มลงไปกองกับพื้นและขาดใจตายทันทีเสนาบดีหลัวตื่นตระหนกไม่น้อย เขาหันไปมองซ้ายขวา และพบเข้ากับองครักษ์ที่กระโดดออกมาจากที่ซ่อนกาย พวกเขารอรับคำสั่งจากจ้าวม่านฉี เมื่อจ้าวม่านฉีส่งสัญญาณมือ พวกเขาจึงลงมือสังหารเหล่านักฆ่าของเสนาบดีหลัวทันที "นี่พวกเจ้า!!!""ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใจกล้าเทียมฟ้าถึงขนาดส่งเมียรักมาเป็นสนมของข้า แล้วยังวางแผนให้บุตรชายของเจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ของข้าอีกด้วย ชั่วช้าเกินคนจริงๆ"จ้าวหรงฟังเดินเข้ามาพร้อมกับเสิ่นเหยากวง ด้านหลังของพวกเขายังมีหลัวกุ้ยเฟยและจ้าวมู่หรงที่ถูกลากออกมาพร้อมกันด้วย เสิ่นเหยากวงเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรสาว เขาจึงแอบตามไปด้วย โดยเร้นกายอยู่ไม่ไกลจากจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยมากนัก และแจ้งเรื่องนี้ให้แก่จ้าวหรงฟังได้รับรู้ถึงความชั่วช้าของเสนาบดีหลัว จ้าวหรงฟังพิโรธเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีเขายังไม่เชื่อ จึงสั่งคนไปจับตัวจ้าวมู่หรงมาพิสูจน์ความเป็นสายเลือด แต่ทว่าภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขาคือจ้าวมู่หรงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือดกับเขา
กลางดึกของคืนถัดมา จ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยสองสามีภรรยา สวมชุดสีดำและใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แอบปีนออกจากกำแพงวังหลวงมุ่งหน้าตรงไปที่จวนตระกูลหลัวทันที จวนตระกูลหลัวใหญ่โตโอ่อ่าไม่น้อย รอบๆ จวนจุดคบไฟเอาไว้เพื่อช่วยให้แสงสว่าง การคุ้มกันในจวนตระกูลหลัวค่อนข้างแน่นหนาเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่จ้าวม่านฉีได้ฝึกฝนวิชาตัวเบาจากเสิ่นเหยากวงและเสิ่นเฟยมาไม่น้อย ทุกฝีก้าวจึงไร้ซึ่งเสียงใดให้เป็นพิรุธ เสิ่นเสวี่ยเองก็พยายามเดินตามเขาอย่างระมัดระวังที่สุด จ้าวม่านฉีจับมือของเสิ่นเสวี่ยเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้นางละสายตาแม้แต่นาทีเดียวทั้งสองหลบอยู่ในมุมมืดที่มีกิ่งไม้ปกคลุม จ้าวม่านฉีมองไปตรงหน้าซึ่งเป็นเรือนขนาดใหญ่ที่สุด ดูแล้วคงจะเป็นเรือนที่เสนาบดีหลัวพักอยู่ แสงเทียนยังคงสว่างไสวภายในเรือนนั้น เสิ่นเสวี่ยและจ้าวม่านฉี ค่อยๆ แฝงตัวเข้าไปแล้วจึงแนบหูฟังเสียงสนทนาภายในเรือนหลังนั้น ภายในเรือนไม่ได้มีแค่เสนาบดีหลัวเพียงเท่านั้น แต่จ้าวม่านฉีกลับได้ยินเสียงคล้ายสตรีกำลังสนทนากับเขาอยู่ "จะลงมือจัดการกับจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยเมื่อใดเจ้าคะ?""อีกไม่นานฝ่าบาทจะเสด็จไปที่พระราชวังฤดูร้อนใกล้ทะเลสาบนอกเมือง
เสิ่นเสวี่ยนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือกับจ้าวม่านฉี นางวางแผนกับเขาเอาไว้ว่าคืนพรุ่งนี้จะแอบปีนเข้าไปสำรวจภายในจวนตระกูลหลัวเสียหน่อย จ้าวม่านฉีไม่วางใจที่จะให้นางไปคนเดียว เขาจึงอาสาจะไปเป็นเพื่อนนางด้วย หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว เสิ่นเสวี่ยก็เตรียมตัวจะไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นางรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตามร่างกายเป็นอย่างยิ่ง จ้าวม่านฉีที่เห็นเช่นนั้นก็สะบัดมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไปจนหมด เสิ่นเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองเขาด้วยท่าทีประหลาดใจไม่น้อย "ท่านไล่พวกนางออกไปจนหมดตำหนักด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ?"จ้าวม่านฉีไม่พูดสิ่งใด เขาเพียงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด เผยให้เห็นลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวที่กำลังแข็งชูชันชี้โด่มาที่ใบหน้าสวยของนางเสิ่นเสวี่ยยกมือขึ้นปิดปากตนเองพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่ความเป็นชายขนาดใหญ่ยักษ์ของผู้เป็นสามีด้วยความตื่นเต้น นานแล้วนะที่ไม่ได้เล่นกับจ้าวม่านฉีน้อย!!!"ตั้งแต่อภิเษกเจ้าเข้าวังมา ข้ายังไม่ได้เข้าหอกับเจ้าอย่างเป็นทางการเลย วันนี้เรามาเข้าหอกันดีหรือไม่เมียรักของข้า?"จ้าวม่านฉีเดินเข้ามาใกล้ๆ เส
ฟึ่บ!!! ฉับ!!!เสียงคมดาบฟาดฟันลงมาที่กลางแผ่นหลังของเสิ่นหนิง เลือดสดๆ ไหลล้นทะลักออกมาเป็นสาย คนของเสนาบดีหลัวคิดจะลงมือซ้ำอีกครั้งเพื่อให้นางตกตาย แต่กลับถูกลูกธนูยิงเข้าที่กลางอกเสียก่อน "เสิ่นหนิง!!!""ท่านพ่อ อึก ท่านพ่อ"เสิ่นเหยากวงรีบเข้ามาประคองร่างของบุตรสาวเอาไว้ นางอุ้มทารกน้อยเอาไว้แนบอก ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เสิ่นเหยากวงสั่งให้คนคอยคุ้มกันเขากับเสิ่นหนิงเอาไว้ สายตาเย็นชาจ้องมองเสนาบดีหลัวที่ยืนอยู่ด้วยความเกลียดชัง "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เสิ่นหนิง""ท่านพ่อ อึก!!!"เสิ่นหนิงกระอักเลือดออกมาคำโต นางค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับบิดา และกระซิบบอกเล่าเรื่องราวอัปยศเลวทรามที่เกิดขึ้นให้เขาฟังจนหมด "ต่ำช้า!!!""ท่านพ่อ อึก ฝากลูกข้าด้วย!!!"เสิ่นหนิงยื่นฝ่ามือเรียวงามไปซับน้ำตาให้ทารกน้อยในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่ "อย่าร้องเลยลูกแม่ เจ้าจงเป็นเด็กดีของท่านตานะ อึก ท่านพ่อ ท่านพี่อยู่ในวังหลวง ขอให้นางช่วยคุ้มครองลูกข้าด้วย ฮึก ฝากบอกแก่นางทีว่าข้าสำนึกผิดในใจแล้ว"สิ้นคำพูดสุดท้าย ร่างของเสิ่นหนิงก็แน่นิ่งไป เสิ่นเหยากวงยื่นฝ
จวนตระกูลหลัวกำลังระส่ำระสายอย่างหนัก เมื่อหลัวเฉินเฟยเกิดล้มป่วยขึ้นมากะทันหัน ด้านเสิ่นหนิงก็ให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน สร้างความปีติยินดีแก่คนในจวนไม่น้อย นางลอบยกยิ้มมุมปาก นึกสมเพชเวทนาพวกชั่วช้าที่โง่งม ไม่รู้ว่าที่แท้จริงบุตรในท้องของนางไม่ใช่สายเลือดของจวนตระกูลหลัวเลยแม้แต่น้อย อาเหวยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าบุตรชายของตนแต่ก็ต้องแสร้งเก็บอาการเอาไว้ หลัวเฉินเฟยกระอักเลือดมาสองวันติดแล้ว คงเพราะยาพิษที่เขาค่อยๆ ให้ดื่ม เริ่มออกฤทธิ์แล้ว เสนาบดีหลัวรู้สึกร้อนใจเหลือเกินที่บุตรชายของตนล้มป่วยลงเช่นนี้ เขาสั่งหมอให้มาตรวจดูอาการของหลัวเฉินเฟย แต่หมอทุกคนต่างส่ายหน้าไปตามๆ กัน "อาการของคุณชายใหญ่ย่ำแย่ลงทุกวัน เห็นทีคงจะอยู่ได้อีกไม่นานขอรับ"เสนาบดีหลัวที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าถอดสี เขามองหลัวเฉินเฟยที่นอนใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร เฉินเฟยเป็นบุตรชายที่เขารักมาก เหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งตระกูลหลัวเช่นนี้ ในค่ำคืนที่เงียบสงบ ปรากฏร่างของอาเหวยและเสิ่นหนิง นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของหลัวเฉินเฟย และจ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง หลัวเฉินเฟยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนทั้งสองข้าง "อา
ราชสำนักเกิดความระส่ำระสายอย่างหนัก เมื่อไท่จื่อม่านฉียืนกรานที่จะไม่ยอมอภิเษกกับไป๋หลานฮวา ไป๋ไทเฮารู้สึกโกรธเคืองไม่น้อย แต่ก็ไม่อาจจะบังคับไท่จื่อม่านฉีได้ ยิ่งนางบีบบังคับเขา เขาก็ยิ่งเอ่ยวาจาชวนระคายเคืองหูให้นางฟังอย่างไม่ไว้หน้า"กระหม่อมไม่แต่ง สัญญาครั้งนี้กระหม่อมไม่รับรู้ด้วย หากจะให้นางแต่งเข้ามา ก็ให้นางไปเป็นสนมของเสด็จพ่อเถิด""ความกตัญญูที่พึงมีควรเป็นเสด็จพ่อที่ต้องตอบแทน มิใช่กระหม่อม"เจ้าเด็กเหลือขอ เห็นทีคงจะไม่สามารถบังคับสิ่งใดได้เสียแล้วหลี่ฮองเฮานั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์เมื่อได้ยินนางกำนัลคนสนิทเข้ามารายงาน ว่าจ้าวม่านฉีตอกหน้าไป๋ไทเฮาเช่นใดบ้าง นางรู้สึกขบขันไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรมาไป๋ไทเฮามักจะวางท่าทางใหญ่โต เพราะฝ่าบาททรงเกรงพระทัยนาง แต่ไม่ใช่กับจ้าวม่านฉี ต้องขอบใจคุณหนูตระกูลเสิ่นผู้นั้นจริงๆ ที่อบรมสั่งสอนม่านฉีให้เด็ดขาดเช่นนี้ต้องอย่างนี้สิถึงจะอภิเษกเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ของนางได้ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังในตอนนี้เส้นเลือดในสมองใกล้จะแตกแล้ว ไท่จื่อม่านฉีปฏิเสธการแต่งงานกับไป๋หลานฮวาทุกวิถีทาง และยังขู่เขาอีกด้วยว่าถ้าหากคิดบีบบังคับอีก จะขอตัดขาดจากราชวงศ์ไปชั่
ไป๋หลานฮวากลับจวนตระกูลไป๋ด้วยท่าทีทุลักทุเล นางเอ่ยต่อท่านแม่ของนางว่าระหว่างทางถูกพวกขอทานรุมทำร้าย โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังไม่สามารถออกไปพบกับผู้ใดได้ในตอนนี้ จึงได้แจ้งให้ไทเฮาที่อยู่ในวังหลวงทราบเพียงว่านางล้มป่วยหนัก งานอภิเษกสมรสจึงได้เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดนางจะต้องหายดีในเร็ววัน ตำแหน่งไท่จื่อเฟยต้องตกเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเสิ่นเสวี่ยกำลังนั่งอ่านตำราต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อย นางเอนตัวพิงหมอนใบใหญ่ที่หัวเตียง สายตามองไปยังข้างกายที่เคยมีสามีผู้เป็นที่รักนอนเคียงข้าง ก็รู้สึกเศร้าใจไม่น้อยเคยมีเขาอยู่ข้างกายทุกวัน บัดนี้สวนส้มก็เจริญเติบโตไปมากแล้ว ยิ่งนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่แสนสุข ใจของนางก็รู้สึกบีบรัดอย่างเจ็บปวด"คิดถึงข้าอยู่หรือ?"เสิ่นเสวี่ยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองที่หน้าต่าง แล้วจึงได้พบกับจ้าวม่านฉีที่สวมชุดสีฟ้าอ่อนดูสบายตา กำลังนั่งมองนางอยู่ที่ริมหน้าต่าง รอยยิ้มเจิดจ้าของเขายังคงทำให้จิตใจของนางสั่นไหวได้เสมอเสิ่นเสวี่ยรู้สึกดีใจไม่น้อย แต่อีกใจหนึ่งก็นึกโกรธเขาเช่นกัน"หึ เข้าวังหลวงได้ไม่นานก็เนื้อหอมไม่เบา สตรีเข้
พิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างประดับประดาด้วยสีสันตระการตา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่องค์รัชทายาทอาหลี่ในตอนนี้ ก็คือ ไท่จื่อม่านฉี องค์รัชทายาทผู้สง่างาม เขาสวมชุดสีทองอร่าม กำลังยืนทอดมองออกไปที่ด้านนอกพระตำหนัก ในมือถือหยกรูปจันทร์เสี้ยวเอาไว้แน่น ยามนี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็นมากแล้ว เขาคิดถึงเสิ่นเสวี่ยยิ่งนัก ตั้งแต่ที่เขาได้กลับเข้าวังหลวงในฐานะองค์รัชทายาท ก็ไม่มีโอกาสได้กลับไปหานางอีกเลย ทำได้เพียงฝากจดหมายให้องครักษ์คนสนิทนำไปมอบให้แก่นางเขาได้ยินมาจากเสด็จแม่ ว่าแท้จริงแล้วเขามีคู่หมั้นแล้ว นามว่าไป๋หลานฮวา เป็นบุตรสาวท่านเจ้ากรมพิธีการ แต่เสด็จแม่เองไม่ค่อยเห็นด้วยกับการคลุมถุงชนในครั้งนี้เท่าใดนัก แต่เพราะเป็นความประสงค์ของเสด็จพ่อ เสด็จแม่จึงมิอยากเอ่ยสิ่งใดให้มากความ เขาเองก็สามารถรื้อฟื้นความทรงจำแต่เก่าก่อนได้จนหมด เพียงแต่จำหน้าพวกชายชุดดำที่จับตัวเขาไปไม่ได้ มันรางเลือนเหลือเกินไท่จื่อม่านฉีเดินตรงไปที่ห้องทรงพระอักษรของพระบิดา ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังที่ได้เห็นพระโอรสก็ยิ้มด้วยความดีใจ"ม่านฉี มานี่เร็วเข้า พ่อ
Mga Comments