จวนโหวตระกูลเสิ่น
"เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของจวนโหวตระกูลเสิ่น แต่กลับลักลอบมีสัมพันธ์กับบ่าวรับใช้ท้ายสวน ช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก!!!"
"ฮือออ ท่านพ่อ ลูก ฮึก"
"เจ้าไม่ต้องมาแก้ตัว ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!!! มีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับทำตัวใฝ่ต่ำเช่นนี้ ลูกชั่ว!!!"
ท่านโหวเสิ่นเหยากวงมองเสิ่นเสวี่ยผู้เป็นบุตรสาวด้วยสายตาที่ผิดหวัง
เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ มีหน้ามีตาในเหล่าขุนนางชนชั้นสูง มีบุตรทั้งหมดสี่คนคือ เสิ่นเฟยเป็นบุตรชายที่เกิดจากภรรยาเอก และมีน้องสาวร่วมมารดาเดียวกันคือเสิ่นเสวี่ย ส่วนภรรยารองนั้นก็มีบุตรชายนามว่า เสิ่นเยี่ย และบุตรสาวนามว่า เสิ่นหนิง
เสิ่นเสวี่ยได้หมั้นหมายกับ หลัวเฉินเฟย บุตรชายคนโตของท่านเสนาบดีหลัว แต่ทว่าเขากลับมีใจรักใคร่ต่อเสิ่นหนิงน้องสาวต่างมารดาของนาง
เสิ่นหนิงลอบยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ รู้สึกสมเพชเวทนาเสิ่นเสวี่ยไม่น้อย นางหันไปพยักหน้าให้ฮูหยินรองอวิ๋นผู้เป็นมารดาอย่างสาสมใจ รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งกับการได้มองเห็นความทุกข์ของเสิ่นเสวี่ย
"อาหลี่!!! บ่าวชั่ว เจ้ากล้าล่วงเกินบุตรสาวของข้า!!!"
"บ่าวขออภัยขอรับ บ่าวยินดีรับผิดชอบชีวิตของคุณหนูใหญ่ขอรับ"
พลั่ก!!!
เสิ่นเหยากวงยกเท้าขึ้นถีบอาหลี่จนกระเด็นล้มลงไปกองกับพื้น
อาหลี่คือบ่าวรับใช้ที่เขาซื้อตัวมาเมื่อหนึ่งปีก่อน อาหลี่คอยดูแลสวนที่ท้ายจวน ปลูกผักและนำไปขายที่ตลาด แต่ทว่าบ่าวชั่วผู้นี้กลับลอบมีความสัมพันธ์ที่น่าอับอายขายหน้ากับลูกสาวของเขา
"ไป๊!!! ไปอยู่ที่สวนท้ายจวนกันเสีย ไม่มีเหตุจำเป็นอย่ามาเสนอหน้าให้ข้าเห็นอีก!!!"
อาหลี่หันไปมองเสิ่นเสวี่ยที่นั่งก้มหน้าร้องห่มร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมด นางหันมามองเขาด้วยสายตาที่เจ็บปวดและเกลียดชัง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปทันที
"ฮืออออ"
"เสวี่ยเอ๋อร์ลูกแม่!!!"
ฮูหยินใหญ่ วิ่งตามบุตรสาวของตนด้วยความเป็นห่วง เสิ่นเสวี่ยหันกลับไปมองมารดาก่อนจะโผเข้าไปสวมกอดและร้องไห้จนแทบขาดใจ
"ท่านแม่ ฮือออ ข้าไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ"
"แม่รู้ แม่รู้ เจ้าอดทนหน่อยเถิด แม่จะต้องหาทางช่วยเจ้าให้ได้"
"ช่วยเช่นไรเจ้าคะ? ชื่อเสียงของลูกฉาวโฉ่ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ท่านพี่หลัวเฉินเฟยไม่ยินดีที่จะรับลูกเป็นภรรยาแล้ว ฮือออ"
สองแม่ลูกกอดกันร่ำไห้อย่างน่าเวทนา
"น่าอับอายไม่น้อย ไม่รู้ว่าพี่หญิงเลี้ยงลูกเช่นไรนะเจ้าคะ จึงใฝ่ต่ำเอาคนรับใช้ชาวสวนมาเป็นสามี"
ฮูหยินรองอวิ๋นเอ่ยเยาะเย้ยถากถางสองแม่ลูกอย่างดูแคลน ฮูหยินใหญ่ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากแน่นไม่กล้าเอ่ยทัดทานใดๆ จำต้องทนยอมให้สองแม่ลูกกดขี่ข่มเหงมาโดยตลอด
เสิ่นเสวี่ยกลับมาเก็บข้าวของที่จำเป็นต้องใช้เพื่อตามอาหลี่ไปอยู่ที่เรือนท้ายสวน ฮูหยินใหญ่ทำได้เพียงยืนมองบุตรสาวของตนเองทุกข์ทรมานคับแค้นใจด้วยความเวทนา
อาหลี่เป็นชายหนุ่มผิวคล้ำ แต่ใบหน้าของเขาหล่อเหลาใช้ได้ เขาเดินตามหลังเสิ่นเสวี่ยไปด้วยจิตใจที่หวาดหวั่น
"คุณหนูใหญ่ ให้บ่าวช่วยนะขอรับ"
"ไสหัวไป๊!!! ฮือออ ไอ้คนชั่วช้า เจ้ามันชั่วช้า!!!"
เสิ่นเสวี่ยยกกำปั้นทุบตีอาหลี่จนเกิดเสียงดังปึกปึก อาหลี่เองก็ไม่คิดขัดขืน ยอมให้นางด่าทอทุบตีจนพอใจ ขอเพียงนางได้ระบายอารมณ์ เขายินยอมทุกอย่าง
เสิ่นเสวี่ยทุบตีอาหลี่จนเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ
เสิ่นหนิง!!! เป็นฝีมือของเจ้า ข้ารู้!!! ข้าจะต้องแก้แค้นเจ้าให้ได้!!!
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เสิ่นเสวี่ยก็ใช้ชีวิตอยู่ที่เรือนท้ายสวนตระกูลเสิ่นกับอาหลี่มาโดยตลอด แต่นางกลับทุบตีด่าทอ จิกหัวใช้เขาเยี่ยงทาส ไม่ยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัว ตามร่างกายของอาหลี่มีรอยขีดข่วนทุบตี ที่เกิดจากน้ำมือของเสิ่นเสวี่ย
ความอัดอั้นคับแค้นใจที่หาทางออกและแก้แค้นคนที่คิดร้ายต่อตนเองไม่ได้ ทำให้ท้ายที่สุดเสิ่นเสวี่ยก็คิดสั้นด้วยการกระโดดน้ำฆ่าตัวตายที่สระน้ำท้ายสวน
"คุณหนูใหญ่ ได้เวลากินข้าวแล้วขอรับ"
อาหลี่ที่เพิ่งทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขากำลังเดินยกอาหารเข้ามาให้เสิ่นเสวี่ยในห้อง แต่กลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า
"คุณหนูใหญ่!!! คุณหนูใหญ่!!!"
อาหลี่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขารีบวิ่งตามหาเสิ่นเสวี่ยจนทั่วทั้งเรือน เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามใบหน้าของเขา ความหวาดกลัวภายในใจเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะรีบตรงไปที่สระน้ำท้ายสวนทันที
"คุณหนูใหญ่!!!"
ร่างของเสิ่นเสวี่ยกำลังค่อยๆ จมลงไปใต้น้ำ อย่างช้าๆ อาหลี่รีบกระโดดลงไปคว้าร่างของนางขึ้นมาบนฝั่งด้วยความตื่นตระหนก
"คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่!!! ฟื้นสิขอรับ!!!"
เขาเขย่าร่างของเสิ่นเสวี่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไร้การตอบสนองจากร่างกายนาง
เซี่ยงไฮ้ 2021
"เสิ่นเสวี่ย วันนี้แกดื่มหนักไปแล้วนะ"
"เอาน่า วันนี้วันเกิดฉันนะ และอีกอย่างฉันจะดื่มให้หนักๆ ชนแก้ว!!!"
เสิ่นเสวี่ยหญิงสาวอายุยี่สิบห้าปี ผู้ที่เพิ่งหย่าขาดจากสามีมาหมาดๆ เขานอกใจเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น และยังหลอกเอาทรัพย์สมบัติของเธอไปจนหมด
ดื่มให้กับความเฮงซวย!!!
03.00 น.
เสิ่นเสวี่ยขับรถกลับจากปาร์ตี้กับเพื่อนจนเกือบรุ่งสาง ในขณะที่กำลังขับรถกลับบ้านนั้น รถของเสิ่นเสวี่ยก็เกิดเสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง และกระแทกไปชนกับเสาไฟฟ้ารายทางจนพังยับเยิน เสิ่นเสวี่ยเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
"คุณหนูใหญ่!!!"
"แค่ก แค่ก โอ๊ะ!!!"
"คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้วหรือขอรับ!!!"
อาหลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เขารีบถอดเสื้อคลุมผืนเก่าที่ใส่อยู่มาห่อหุ้มร่างกายของเสิ่นเสวี่ยเอาไว้ ก่อนจะอุ้มร่างของนางที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำกลับเข้าไปในเรือน
เสิ่นเสวี่ยที่กำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนก นางรีบหันไปมองรอบด้านด้วยความแปลกใจ
"เราอยู่ที่ไหนวะเนี่ย? แล้วนี่ โอ้โห!!! หล่ออ่า"
เสิ่นเสวี่ยเงยหน้าไปมองอาหลี่ที่อุ้มนางวิ่งเข้ามาในเรือนด้วยความกระหืดกระหอบ
ลูกกระเดือกนั่น โอวว!!! หล่อเท่
เสิ่นเสวี่ยส่ายศีรษะไปมา เมื่อเริ่มได้สตินางจึงคิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
เมื่อกี้ฉันขับรถเสียหลักลงข้างทางนี่? แล้วทำไมถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ได้วะเนี่ย?
อาหลี่วางร่างของเสิ่นเสวี่ยลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยืนมองนางด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ
"คุณหนูใหญ่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิดขอรับ บ่าวจะไปต้มน้ำร้อนมาให้"
"เดี๋ยว"
"ขอรับ"
"คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ?"
อาหลี่ขมวดคิ้ว จ้องมองเสิ่นเสวี่ยด้วยท่าทีสงสัย
"คุณหนูใหญ่เสิ่นเสวี่ยจำบ่าวไม่ได้หรือขอรับ?"
จู่ ๆ ภาพความทรงจำมากมายของเจ้าของร่างเดิม ก็ผุดขึ้นมาในหัวของนางเต็มไปหมด
"ฮืออออ ลูกไม่ได้ตั้งใจ"
"ข้าเกลียดเจ้าอาหลี่!!!"
"เสิ่นหนิงข้าจะตามล้างแค้นเจ้า!!!"
"ท่านพี่หลัวเฉินเฟยย!!!"
"โอ๊ย!!!"
"คุณหนูใหญ่เสิ่นเสวี่ย!!!"
เสิ่นเสวี่ยรู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะเหลือเกิน ภาพต่างๆ มันปรากฏขึ้นอย่างไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหว นางรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่กระจก
นี่นางตายแล้วกลับชาติมาเกิดเป็นคุณหนูใหญ่เสิ่นเสวี่ยผู้ที่มีใบหน้าและมีชื่อเดียวกันกับนางอีกด้วย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? แล้วยังได้สามีเป็นคนรับใช้ในเรือนอย่างนั้นหรือ
เสิ่นเสวี่ยถอนหายใจให้กับความอับโชคในชะตาชีวิตของนางอย่างห้ามไม่ได้
ช่างเถิด!!! อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องใช้ชีวิตอย่างทรมานอยู่กับความเจ็บปวดจากชาติปัจจุบัน อย่างน้อยก็ได้มาเกิดใหม่ แล้วยังได้สามีใหม่ที่ถูกใจนางเสียด้วย
เสิ่นเสวี่ยเงยหน้าไปมองอาหลี่ ชายหนุ่มน่าจะอายุราวๆ สิบเก้าปีเศษ นางสังเกตเห็นว่าตามร่างกายของเขามีบาดแผลจากการถูกทำร้ายทุบตีจนเต็มไปหมด
"ทำไมตามตัวของคุณถึงมีแต่แผลล่ะคะ?"
อาหลี่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเอ่ยปากอะไร เสิ่นเสวี่ยจึงสามารถรับรู้ได้ทันที ว่าที่ผ่านมาอาหลี่ต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง ภาพที่เขาถูกด่าทอทุบตีปรากฏเลือนรางขึ้นในความทรงจำของนาง
ให้ตายสิ!!! เสิ่นเสวี่ยคนเดิมช่างใจร้ายเกินไปแล้ว ทำกับหนุ่มน้อยสุดหล่อแบบนี้ได้เช่นไรกัน
เสียตัวแล้วก็แล้วกันไปสิ หล่อขนาดนี้ เป็นข้า ข้าจะยินยอมเสียอีกหลายๆ รอบ
เสิ่นเสวี่ยปรายตามองอาหลี่ที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มดับกระหายด้วยความหิวโหย
"เจ้าชื่ออาหลี่เหรอ?"
"ขอรับ"
"อาหลี่เฮีย?"
อาหลี่ทำหน้างุนงงเล็กน้อย สร้างความขบขันให้แก่เสิ่นเสวี่ยเป็นอย่างยิ่ง
"เป็นสามีข้า?"
"เอ่อ...ขอรับ"
"นอนกับข้ามากี่ครั้งล่ะ?"
พรวดดดด
อาหลี่พ่นชาร้อนออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำถามชวนเสียวซ่านจากเสิ่นเสวี่ย
"คุณหนูใหญ่ ถามอะไรน่ะขอรับ?"
เสิ่นเสวี่ยเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ นางจึงยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อเขิน
หนุ่มน้อยน่าจะยังไม่ชิน เสิ่นเสวี่ยคงทำเขาหวาดกลัวเอาไว้มากเสียทีเดียว
ข้าจะปลอบประโลมเจ้าเองพ่อหนุ่มน้อย
"อาหลี่ ขอบใจเจ้ามากนะที่ช่วยข้า เผอิญข้าลื่นล้มจึงตกน้ำน่ะไม่ทันระวัง"
"บ่าวเต็มใจขอรับ"
"อย่าเรียกแทนตนเองว่าบ่าวเลย มันดูห่างเหินเกินไป เรียกข้าว่า เสิ่นเสวี่ยเถิด ข้าเคยทำผิดต่อท่านข้าขอโทษนะเจ้าคะ"
"เอ่อ"
"เรียกสิ"
"เสิ่นเสวี่ย"
"ดีมาก!!! ต่อไปนี้ข้าก็จะเรียกท่านว่าท่านพี่อาหลี่ "
"คุณหนูใหญ่ เอ่อ เสิ่นเสวี่ย"
"เรียกบ่อยจัง"
อาหลี่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา เสิ่นเสวี่ยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ดูแล้วอาหลี่คงจะอายุมากกว่าร่างนี้ไปถึงสามสี่ปี เสิ่นเสวี่ยนางนี้อายุคงจะราวๆ สิบเจ็ดปีได้ กำลังเติบโตเป็นสตรีวัยแรกแย้มที่งดงามน่าเชยชม
"รีบเปลี่ยนชุดก่อนเถิดขอรับ เดี๋ยวจะไม่สบาย"
"โอ๊ะ ข้าลืมไปเลย ท่านพี่อาหลี่เจ้าขา มาช่วยข้าเปลี่ยนชุดหน่อยเถิด"
อาหลี่รีบก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเสิ่นเสวี่ย แต่ทว่าเรื่องราวในคืนนั้น เขาเองกลับจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ รู้เพียงแต่ว่าเขาดื่มชาร้อนเข้าไป หลังจากนั้นสติทั้งหมดของเขาก็ดับวูบไม่รับรู้สิ่งใดอีกเลย
"ท่านพี่อาหลี่"
"เอ่อ บ่าว เอ่อ ข้าจะช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้"
"เร็วๆ สิเจ้าคะ"
อาหลี่รีบเดินเข้าไปช่วยเสิ่นเสวี่ยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ สายตาของเขาจ้องมองไปที่ผิวขาวนวลเนียนราวหยกงามของนางอย่างไม่ละสายตา
"ท่านพี่อาหลี่ จะจ้องอีกนานไหมเจ้าคะ?"
"เอ่ออ ข้าจะไปนำเสื้อผ้าตัวใหม่มาให้"
อาหลี่รีบวิ่งออกไปทันที เขายกมือขึ้นจับที่แผงอกล่ำสันของตนเอง ในใจของเขามันเต้นถี่ระรัวราวกับกำลังจะหยุดเต้น
เขาหลงรักนางมาตั้งแต่แรกเจอ แต่เพราะรู้ดีว่าตนเองเป็นเพียงบ่าวท้ายสวนผู้ต่ำต้อย จึงไม่กล้าอาจเอื้อมต่อนาง
เขาไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหน จะแกล้งทำดีต่อเขาและสุดท้ายก็จะลงมือทุบตีเขาเหมือนทุกครั้งอีกหรือไม่
แต่เขาก็ยินยอมที่จะเป็นทาสรักของนางไปชั่วชีวิต
อาหลี่กลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่และกาน้ำร้อนที่เขาต้มเอาไว้ เสิ่นเสวี่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว นางเดินเข้ามายกถ้วยน้ำร้อนขึ้นดื่ม ไอร้อนช่วยให้ร่างกายของนางอบอุ่นขึ้นมาเป็นอย่างมากเสิ่นเสวี่ยมองไปรอบๆ เรือนเก่าที่ทรุดโทรม ก่อนจะถอนหายใจออกมาเอาเถิด ค่อยๆ หาทางต่อเติมก็แล้วกัน"เสิ่นเสวี่ย เจ้าหิวหรือไม่?"เสิ่นเสวี่ยหันไปมองอาหลี่ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย"ข้าต้มกระเพาะปลาเอาไว้ เมื่อวันก่อนฮูหยินใหญ่นำกระเพาะปลาตากแห้งมาให้ข้า ในสวนมีหน่อไม้อยู่มากมายข้าจึงต้มเอาไว้ให้เจ้ากิน"เสิ่นเสวี่ยยิ้มตาหยี นางค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปหาอาหลี่ ก่อนจะยื่นฝ่ามือเรียวงามลูบไล้ไปที่แผงอกล่ำสันของเขาน่ากินอะ!!!"ท่านพี่อาหลี่ช่างเก่งจังเลยเจ้าค่ะ""คุณหนูใหญ่ เอ่อ...เจ้าชมข้าเกินไปแล้ว""ทำดีก็ต้องชมสิเจ้าคะ ข้าอยากกินกระเพาะปลาแล้ว โอ๊ยยย หิวจัง"เสิ่นเสวี่ยแกล้งทำเป็นโค้งตัวลงแล้วจึงยกมือขึ้นกุมท้องด้วยความหิวโหย สายตาของอาหลี่เหลือบไปเห็นเนินอกอวบอิ่มขนาดใหญ่ที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน มันเต่งตึงใหญ่โตเสียจนเขารู้สึกเสียวบริเวณท้องน้อยเขารีบเบือนหน้าหนีทันที ก่อนจะหันหลังเดินออกไปที่ครัวเสิ่
เสิ่นเสวี่ยล้วงเงินในแขนเสื้อนางออกมาสามตำลึง ก่อนจะมอบมันให้แก่อาหลี่ เขาส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เจ้าเก็บไว้เถิด""ท่านทำงานหนัก เงินนี่เป็นของท่านนะเจ้าคะ""ข้าไม่ได้ใช้สิ่งใด เจ้าเก็บเอาไว้ซื้อของสวยๆ งามๆ เถิด""ท่านพี่อาหลี่ใจดีจังเลยเจ้าค่ะ"เสิ่นเสวี่ยโน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มของเขาฟอดใหญ่ อาหลี่รีบหันมามองนางด้วยสายตาที่ตกตะลึงไม่น้อย เขายกมือขึ้นลูบข้างแก้มแผ่วเบาอย่างเหม่อลอย ก่อนจะรีบตั้งสติและยกมือขึ้นเกาศีรษะแก้อาการเก้อเขิน"ข้าจะไปทำกับข้าวแล้ว"เขารีบเดินหนีนางออกมาทันที เมื่อถึงโรงครัวเขารีบจัดการใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ มาเช็ดตามลำตัวเพื่อดับความเร่าร้อน ลำแท่งแก่นกายขนาดใหญ่ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ร่มผ้าของเขา มันชี้แข็งดุนดันจนรู้สึกปวดหนึบให้ตายสิ!!! ไม่ได้ นางเป็นเจ้านายของเขาแต่เขาเป็นสามีนางนะ!!!อาหลี่รีบส่ายหน้าไปมาไล่ความคิดที่หื่นกระหายนี้ออกไป ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำกับข้าวให้เสิ่นเสวี่ย เขากลัวนางจะหิวจนโมโหขึ้นมาอีก เขาไม่อยากเห็นนางเป็นสตรีที่ใจร้ายใจดำเหมือนแต่ก่อนอีกแล้วเสิ่นเสวี่ยนั่งมองผัดผักกาดที่มันเยิ้มในจาน กับหัวไชเท้าดองเค็มด้วยสาย
อาหลี่ค่อยๆ คลายมือออก ก่อนจะปล่อยแขนทั้งสองข้างลงแนบลำตัว เสิ่นเสวี่ยจึงไม่รอช้ารีบแทรกร่างบางเข้ามาตรงกลางหว่างขาของเขาทันที มือเรียวบางยื่นมากอบกุมลำแท่งเอ็นร้อนที่แข็งชูชัน แล้วค่อยๆ รูดชักมันขึ้นลงอย่างช้าๆ"ซี้ดดดด เสิ่นเสวี่ย อื้อออ!!!"เสิ่นเสวี่ยมองดูหัวมังกรสีชมพูหัวหยักของเขาด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากเบาๆเส้นสองสลึงน่าจะเพิ่งขาด ยังอ้าไม่เยอะเลย น่ารักอะ!!! อิจฉาเสิ่นเสวี่ยคนเก่าจังที่ได้ความบริสุทธิ์ของอาหลี่ไป!!!แต่ว่าตอนนี้ข้าก็มาอยู่ในร่างของนางแล้ว เท่ากับว่าข้าก็ได้ความบริสุทธิ์ของอาหลี่มาครอบครองเช่นกัน หึหึเสิ่นเสวี่ยโน้มใบหน้าลงไป ก่อนจะแลบลิ้นม้วนเลียที่ปลายหัวสีชมพูของเขาอย่างหยอกเย้า สองมือใหญ่ของอาหลี่จับผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เพราะรู้สึกเสียวเสียจนแทบจะขาดใจ"โอววว ซี้ดดด!!!"เสิ่นเสวี่ยครอบริมฝีปากลงไปดูดกลืนลำแท่งเอ็นร้อนจนมิดลำ แล้วจึงขยับศีรษะขึ้นลงอย่างถี่เร่า มือเรียวบางยื่นมาบดบี้ขยี้เม็ดสีชมพูที่แข็งเป็นไตบริเวณแผงอกของเขาอย่างย่ามใจ"อ๊าส์!!! เสียวเหลือเกิน พอแล้ว!!! ข้าเสียว!!!"อาหลี่ร่างกายบิดเร่า ร้องครวญครางประท้วงจนไม่เป็นภา
เสิ่นเสวี่ยเอ่ยร่ำลาผู้เป็นมารดา ก่อนจะเดินกลับมาที่เรือน นางเหลียวมองหาอาหลี่แต่ก็ไม่พบเขา สงสัยว่าคงจะยังไม่กลับจากตลาดด้านอาหลี่ที่เพิ่งจะขายมะเขือยาวเสร็จ ก็เดินไปที่ร้านขายขนม เขาซื้อขนมกุ้ยฮวาไปฝากเสิ่นเสวี่ย ขากลับผ่านร้านขายหนังสือจึงได้แวะเข้าไปดูภายในร้านมีหนังสือมากมายนับไม่ถ้วน อาหลี่เดินดูหนังสือเล่มนั้นทีเล่มนี้ทีอย่างเพลิดเพลินใจ เขาชอบอ่านหนังสือตำรามาก มันทำให้เขามีสมาธิและสงบสุขตั้งแต่เล็กพอจะจำความได้ เขาก็จำไม่ได้ว่าตนเองเป็นใครมาจากไหน จำได้เพียงแต่ว่าเขาถูกเลี้ยงดูอยู่ในสถานที่เลี้ยงเด็กยากไร้ พอโตขึ้นมา ก็ถูกท่านโหวซื้อตัวมาอยู่ที่จวน เขาชอบทำสวนปลูกผัก จึงได้ไปอยู่ที่เรือนท้ายสวน คอยปลูกพืชผักสวนครัวขายเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ เขาไม่เคยลืมบุญคุณที่ท่านโหวมอบให้แก่เขาเลยแม้แต่น้อยเขาเดินดูหนังสือไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่งเสพสมราคะเขาหันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่จึงได้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านท่าควบม้าบิน สตรีอยู่บน บุรุษอยู่ล่างเมื่อคืนเสิ่นเสวี่ยควบม้าอย่างนั้นหรือ?เขาเป็นม้า?ไม่ใช่สิ!!!อ้าขาให้กว้าง พร้อมพุ่งแทงจนยับเยินชื
อาหลี่จ้องมองเสิ่นเสวี่ยด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้ว่านางกำลังคิดจะทำสิ่งใด เขาเห็นเพียงแต่ว่านางเดินตรงไปที่เรือนใหญ่เสิ่นเหยากวงมองเสิ่นเสวี่ยที่เดินเข้ามาหาเขาในเรือน ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นจ้องมองบุตรสาวด้วยสายตาสงสัย"มีอะไร?""จะมาขอยืมตั๋วเงินสักร้อยตำลึงเจ้าค่ะ"เสิ่นเหยากวงมองเสิ่นเสวี่ยด้วยสายตาเย็นชา เขาใช้ฝ่ามือใหญ่ตบลงไปบนโต๊ะจนเกิดเป็นเสียงดังปัง!!!"เจ้าเห็นข้าเป็นโรงการค้าแลกเงินหรืออย่างไร?""เปล่านะเจ้าคะ""ข้าไม่มีให้เจ้ายืม ได้ที่ดินไปสามหมู่แล้ว เจ้ายังกล้าหน้าด้านมาขอเงินข้าอีกหรือ?""ไม่หน้าด้านจะกล้ามายืนตรงนี้หรือเจ้าคะ?""เสิ่นเสวี่ย!!!""แหมมมม โมโหมากไปจะยิ่งแก่เร็วนะเจ้าคะ โอ๊ะ!!! รอยย่นตรงหางตาท่านพ่อเริ่มขึ้นมาแล้ว!!!"เสิ่นเหยากวงรีบยกมือขึ้นไปลูบคลำที่หางตาของตนเองทันทีย่นจริงๆ ด้วย!!!"เจ้าจะเอาตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงไปทำสิ่งใดกัน?""เอาไปต่อยอดสิเจ้าคะ อีกไม่นานท่านพ่อก็จะรู้เองเจ้าค่ะ ตอนนี้ลูกขอยืมก่อนหนึ่งร้อยตำลึงเจ้าค่ะ"เสิ่นเสวี่ยยื่นมือไปตรงหน้าของเสิ่นเหยากวง เขามองนางด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่ปิดบัง "ข้าไม่มี""มีเจ้าค่ะ!!! ท่านพ่อมีแน่นอน!!!"สายตาคาด
หนึ่งเดือนต่อมาเมล็ดส้มที่เสิ่นเสวี่ยและอาหลี่ช่วยกันเพาะปลูกเอาไว้นั้น ออกต้นอ่อนที่แข็งแรงหลายสิบกระถาง มีบางส่วนเท่านั้นที่ไม่มีต้นอ่อนแตกออกมา อาหลี่ดีใจเป็นอย่างมาก เขาคอยดูแลต้นส้มเหล่านี้ จนมันแข็งแรงเป็นที่น่าพอใจ จึงนำมันลงเพาะปลูกที่แปลงดินกลางสวนต่อ เขาขุดร่องระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำเอ่อขัง เพราะจะทำให้ต้นส้มไม่เจริญเติบโตระหว่างนี้สวนผักของเขาก็ยังคงปลูกพืชผักอื่นๆ ต่อไปเรื่อยๆ อย่างขะมักเขม้น ถึงแม้มันจะได้ราคาไม่สูงนัก แต่เมื่อเก็บหอมรอมริบทีละน้อย มันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเสิ่นเหยากวงแอบมามองดูความเป็นอยู่ของเสิ่นเสวี่ยกับอาหลี่อยู่บ่อยครั้ง และยังแอบส่งคนให้ไปคอยเป็นเวรยามจับตาดูความปลอดภัยในสวนส้มที่บุตรสาวปลูกเอาไว้อีกด้วยเสิ่นเสวี่ยนำเงินที่ได้จากการขายผัก ไปใช้หนี้เสิ่นเหยากวงผู้เป็นบิดาก่อนห้าสิบตำลึง เขารับมันมาโดยไม่เอ่ยถามสิ่งใดแม้แต่น้อย ก่อนที่เสิ่นเสวี่ยจะกลับเรือน เขาก็ได้มอบเมล็ดแตงกวาให้นางนำไปปลูกอีกด้วยระยะนี้ฮูหยินรองอวิ๋นและเสิ่นหนิงค่อนข้างวุ่นวายไม่น้อย เพราะต้องเตรียมต้อนรับเสิ่นเฟยและเสิ่นเยี่ย ซึ่งกำลังจะกลับมาจากการไปควบคุมการรบที่ชายแดนมานาน
อาหลี่หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกเพื่อหยิบกาน้ำเข้ามาให้นาง เสิ่นเสวี่ยพยายามเก็บซ่อนความหื่นกระหายนี้เอาไว้ นางนั่งรอเขาอยู่บนเตียง ไม่นานนักอาหลี่ก็กลับมาพร้อมกับกาน้ำใบหนึ่ง เขาเทน้ำก่อนจะยื่นมันส่งมาให้แก่นาง เสิ่นเสวี่ยรับน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว ก่อนทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยหอบให้ตายสิ!!! ระบมไปทั้งตัวเลยอาหลี่ทิ้งตัวลงนอนข้างกายนาง กลับพบว่านางหลับสนิทไปเสียแล้ว เขามองใบหน้าเรียวงามที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียง ก่อนจะนำผ้าห่มมาคลุมให้แก่นางอย่างห่วงใย ฝ่ามือหนาใหญ่ยื่นไปลูบพวงแก้มสีชมพูของนางด้วยความรักใคร่เขาดีใจเหลือเกินที่นางไม่ทำร้ายทุบตีเขาเช่นแต่ก่อน นางดีกับเขาเหลือเกิน ดีจนเขาหวาดกลัว กลัวว่าวันหนึ่งนางจะใจร้ายกับเขาอีกครั้งอาหลี่ยื่นท่อนแขนแกร่งไปให้นางหนุนนอน สองมือใหญ่โอบกอดนางเข้ามาไว้ในอ้อมอกแข็งแกร่ง เขาสัญญาว่าจากนี้ไป เขาจะปกป้องนางเอง จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายหรือดูถูกนางได้อีกรุ่งเช้าวันต่อมาที่เรือนใหญ่ เสิ่นเหยากวงกำลังสอบถามบ่าวที่เขาส่งไปเฝ้าสวนส้มให้เสิ่นเสวี่ย"เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง เรียบร้อยดีหรือไม่""ขอรับ แต่เหมือนคุณหนูใหญ่จะถูกอาหลี่ทาร
เวลาผ่านล่วงเลยไปถึงหนึ่งเดือน ต้นส้มที่สองสามีภรรยาช่วยกันเพาะปลูกดูแลก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่น่าพอใจ อาหลี่ตั้งใจรดน้ำและดูแลมันทุกวัน เขาค่อนข้างตื่นเต้นไม่น้อย ที่ได้เห็นว่ามันเจริญงอกงามมากขึ้นเรื่อยๆเสิ่นเสวี่ยกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นพุทรา สายตาทอดมองไปยังสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ชาติที่แล้วก่อนที่นางจะตาย นางวาดฝันเอาไว้ว่าอยากใช้ชีวิตอยู่กับเทือกสวนไร่นา แต่เพราะโง่งมจนถูกคนเลวโกงกินจึงต้องตกตายลงอย่างน่าอนาถใจ"เสิ่นเสวี่ย"เสิ่นเสวี่ยหันไปมองอาหลี่ที่กำลังเดินกลับเข้ามาหานาง สายตาของเสิ่นเสวี่ยจับจ้องไปที่แผงอกบึกบึนล่ำสันของเขาที่ตอนนี้มีเหงื่อเม็ดไหลซึมลงมาทั่วร่างช่วยด้วย น้ำจะเดินอีกแล้ว!!!เสิ่นเสวี่ยพยายามข่มใจตนเอง นางหันไปยกถ้วยชาส่งให้แก่เขา อาหลี่พยักหน้าและรับชาถ้วยนั้นไปดื่มด้วยความหิวกระหาย"เหนื่อยหรือไม่? ข้าทำกับข้าวไม่เป็น จึงย่างเนื้อหมูมาให้ท่าน"อาหลี่จ้องมองเนื้อหมูที่ไหม้กระดำกระด่างก็รู้สึกขบขันนางไม่น้อย เสิ่นเสวี่ยจิ๊ปากทันที จะให้นางทำเช่นไร ก็นางทำอะไรไม่เก่งนี่ มีอย่างเดียวที่เก่งก็คือปล้ำสามีเก่ง คิกคิก"เจ้าย่างเองหรือ?
คนในจวนตระกูลหลัวถูกลงโทษประหารชีวิตทั้งหมด เหล่าข้ารับใช้ถูกขายกระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ เหล่านักฆ่าที่เสนาบดีหลัวเลี้ยงดูเอาไว้ถูกสังหารจนหมดสิ้น จ้าวหรงฟังจัดการถอนรากถอนโคนจวนตระกูลหลัวจนสิ้นซาก เหล่าชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจไม่น้อย ที่จะไม่ต้องทนถูกเสนาบดีหลัวข่มเหงรังแกอีกต่อไปด้านไป๋หลานฮวาก็ยอมตัดใจไปแต่งงานกับคุณชายตระกูลอื่น นางไม่อยากใส่ใจรอคอยบุรุษที่ไม่เห็นค่าของนาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ นางกลัวเสิ่นเสวี่ยจะมากระชากหนังหัวของนางเหมือนเช่นครั้งก่อนอีก ไป๋ไทเฮาติดสุราจนลงแดง ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังจึงได้ส่งนางไปบวชชีอยู่ที่วัดอย่างเงียบๆ และห้ามกลับเข้าวังหลวงอีก เขาหวังว่าวัดจะสามารถขัดเกลามารดาบุญธรรมของเขาได้บ้าง บุคคลภายนอกรับรู้เพียงแต่ว่า ไทเฮาอยากคิดปลีกวิเวก ไม่สนใจอำนาจในราชสำนักอีก จึงขอออกบวชที่วัดบนเขาตลอดชีวิตไทเฮาแม้จะรู้สึกโกรธเคืองจ้าวหรงฟังไม่น้อย แต่ก็คร้านจะไปสนใจเขา ถึงแม้นางจะอยู่ในวัดแต่ก็ยังแอบให้นางกำนัลที่คอยรับใช้ออกไปนำสุรามาให้นางดื่มเป็นประจำ ใครจะเลิกดื่มกันของดีเช่นนี้!!! เมาจนตายอยู่ในวัดข้าก็ยอม รัชศกม่านฉีปีที่ 1 ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังทรงสิ้นพระช
นักฆ่าเตรียมเงื้อดาบขึ้นมาฟาดฟันที่ร่างของจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ย ทว่ากลับถูกดาบปริศนาฟาดฟันเข้าใส่จนล้มลงไปกองกับพื้นและขาดใจตายทันทีเสนาบดีหลัวตื่นตระหนกไม่น้อย เขาหันไปมองซ้ายขวา และพบเข้ากับองครักษ์ที่กระโดดออกมาจากที่ซ่อนกาย พวกเขารอรับคำสั่งจากจ้าวม่านฉี เมื่อจ้าวม่านฉีส่งสัญญาณมือ พวกเขาจึงลงมือสังหารเหล่านักฆ่าของเสนาบดีหลัวทันที "นี่พวกเจ้า!!!""ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใจกล้าเทียมฟ้าถึงขนาดส่งเมียรักมาเป็นสนมของข้า แล้วยังวางแผนให้บุตรชายของเจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ของข้าอีกด้วย ชั่วช้าเกินคนจริงๆ"จ้าวหรงฟังเดินเข้ามาพร้อมกับเสิ่นเหยากวง ด้านหลังของพวกเขายังมีหลัวกุ้ยเฟยและจ้าวมู่หรงที่ถูกลากออกมาพร้อมกันด้วย เสิ่นเหยากวงเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรสาว เขาจึงแอบตามไปด้วย โดยเร้นกายอยู่ไม่ไกลจากจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยมากนัก และแจ้งเรื่องนี้ให้แก่จ้าวหรงฟังได้รับรู้ถึงความชั่วช้าของเสนาบดีหลัว จ้าวหรงฟังพิโรธเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีเขายังไม่เชื่อ จึงสั่งคนไปจับตัวจ้าวมู่หรงมาพิสูจน์ความเป็นสายเลือด แต่ทว่าภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขาคือจ้าวมู่หรงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือดกับเขา
กลางดึกของคืนถัดมา จ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยสองสามีภรรยา สวมชุดสีดำและใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แอบปีนออกจากกำแพงวังหลวงมุ่งหน้าตรงไปที่จวนตระกูลหลัวทันที จวนตระกูลหลัวใหญ่โตโอ่อ่าไม่น้อย รอบๆ จวนจุดคบไฟเอาไว้เพื่อช่วยให้แสงสว่าง การคุ้มกันในจวนตระกูลหลัวค่อนข้างแน่นหนาเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่จ้าวม่านฉีได้ฝึกฝนวิชาตัวเบาจากเสิ่นเหยากวงและเสิ่นเฟยมาไม่น้อย ทุกฝีก้าวจึงไร้ซึ่งเสียงใดให้เป็นพิรุธ เสิ่นเสวี่ยเองก็พยายามเดินตามเขาอย่างระมัดระวังที่สุด จ้าวม่านฉีจับมือของเสิ่นเสวี่ยเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้นางละสายตาแม้แต่นาทีเดียวทั้งสองหลบอยู่ในมุมมืดที่มีกิ่งไม้ปกคลุม จ้าวม่านฉีมองไปตรงหน้าซึ่งเป็นเรือนขนาดใหญ่ที่สุด ดูแล้วคงจะเป็นเรือนที่เสนาบดีหลัวพักอยู่ แสงเทียนยังคงสว่างไสวภายในเรือนนั้น เสิ่นเสวี่ยและจ้าวม่านฉี ค่อยๆ แฝงตัวเข้าไปแล้วจึงแนบหูฟังเสียงสนทนาภายในเรือนหลังนั้น ภายในเรือนไม่ได้มีแค่เสนาบดีหลัวเพียงเท่านั้น แต่จ้าวม่านฉีกลับได้ยินเสียงคล้ายสตรีกำลังสนทนากับเขาอยู่ "จะลงมือจัดการกับจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยเมื่อใดเจ้าคะ?""อีกไม่นานฝ่าบาทจะเสด็จไปที่พระราชวังฤดูร้อนใกล้ทะเลสาบนอกเมือง
เสิ่นเสวี่ยนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือกับจ้าวม่านฉี นางวางแผนกับเขาเอาไว้ว่าคืนพรุ่งนี้จะแอบปีนเข้าไปสำรวจภายในจวนตระกูลหลัวเสียหน่อย จ้าวม่านฉีไม่วางใจที่จะให้นางไปคนเดียว เขาจึงอาสาจะไปเป็นเพื่อนนางด้วย หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว เสิ่นเสวี่ยก็เตรียมตัวจะไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นางรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตามร่างกายเป็นอย่างยิ่ง จ้าวม่านฉีที่เห็นเช่นนั้นก็สะบัดมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไปจนหมด เสิ่นเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองเขาด้วยท่าทีประหลาดใจไม่น้อย "ท่านไล่พวกนางออกไปจนหมดตำหนักด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ?"จ้าวม่านฉีไม่พูดสิ่งใด เขาเพียงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด เผยให้เห็นลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวที่กำลังแข็งชูชันชี้โด่มาที่ใบหน้าสวยของนางเสิ่นเสวี่ยยกมือขึ้นปิดปากตนเองพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่ความเป็นชายขนาดใหญ่ยักษ์ของผู้เป็นสามีด้วยความตื่นเต้น นานแล้วนะที่ไม่ได้เล่นกับจ้าวม่านฉีน้อย!!!"ตั้งแต่อภิเษกเจ้าเข้าวังมา ข้ายังไม่ได้เข้าหอกับเจ้าอย่างเป็นทางการเลย วันนี้เรามาเข้าหอกันดีหรือไม่เมียรักของข้า?"จ้าวม่านฉีเดินเข้ามาใกล้ๆ เส
ฟึ่บ!!! ฉับ!!!เสียงคมดาบฟาดฟันลงมาที่กลางแผ่นหลังของเสิ่นหนิง เลือดสดๆ ไหลล้นทะลักออกมาเป็นสาย คนของเสนาบดีหลัวคิดจะลงมือซ้ำอีกครั้งเพื่อให้นางตกตาย แต่กลับถูกลูกธนูยิงเข้าที่กลางอกเสียก่อน "เสิ่นหนิง!!!""ท่านพ่อ อึก ท่านพ่อ"เสิ่นเหยากวงรีบเข้ามาประคองร่างของบุตรสาวเอาไว้ นางอุ้มทารกน้อยเอาไว้แนบอก ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เสิ่นเหยากวงสั่งให้คนคอยคุ้มกันเขากับเสิ่นหนิงเอาไว้ สายตาเย็นชาจ้องมองเสนาบดีหลัวที่ยืนอยู่ด้วยความเกลียดชัง "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เสิ่นหนิง""ท่านพ่อ อึก!!!"เสิ่นหนิงกระอักเลือดออกมาคำโต นางค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับบิดา และกระซิบบอกเล่าเรื่องราวอัปยศเลวทรามที่เกิดขึ้นให้เขาฟังจนหมด "ต่ำช้า!!!""ท่านพ่อ อึก ฝากลูกข้าด้วย!!!"เสิ่นหนิงยื่นฝ่ามือเรียวงามไปซับน้ำตาให้ทารกน้อยในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่ "อย่าร้องเลยลูกแม่ เจ้าจงเป็นเด็กดีของท่านตานะ อึก ท่านพ่อ ท่านพี่อยู่ในวังหลวง ขอให้นางช่วยคุ้มครองลูกข้าด้วย ฮึก ฝากบอกแก่นางทีว่าข้าสำนึกผิดในใจแล้ว"สิ้นคำพูดสุดท้าย ร่างของเสิ่นหนิงก็แน่นิ่งไป เสิ่นเหยากวงยื่นฝ
จวนตระกูลหลัวกำลังระส่ำระสายอย่างหนัก เมื่อหลัวเฉินเฟยเกิดล้มป่วยขึ้นมากะทันหัน ด้านเสิ่นหนิงก็ให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน สร้างความปีติยินดีแก่คนในจวนไม่น้อย นางลอบยกยิ้มมุมปาก นึกสมเพชเวทนาพวกชั่วช้าที่โง่งม ไม่รู้ว่าที่แท้จริงบุตรในท้องของนางไม่ใช่สายเลือดของจวนตระกูลหลัวเลยแม้แต่น้อย อาเหวยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าบุตรชายของตนแต่ก็ต้องแสร้งเก็บอาการเอาไว้ หลัวเฉินเฟยกระอักเลือดมาสองวันติดแล้ว คงเพราะยาพิษที่เขาค่อยๆ ให้ดื่ม เริ่มออกฤทธิ์แล้ว เสนาบดีหลัวรู้สึกร้อนใจเหลือเกินที่บุตรชายของตนล้มป่วยลงเช่นนี้ เขาสั่งหมอให้มาตรวจดูอาการของหลัวเฉินเฟย แต่หมอทุกคนต่างส่ายหน้าไปตามๆ กัน "อาการของคุณชายใหญ่ย่ำแย่ลงทุกวัน เห็นทีคงจะอยู่ได้อีกไม่นานขอรับ"เสนาบดีหลัวที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าถอดสี เขามองหลัวเฉินเฟยที่นอนใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร เฉินเฟยเป็นบุตรชายที่เขารักมาก เหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งตระกูลหลัวเช่นนี้ ในค่ำคืนที่เงียบสงบ ปรากฏร่างของอาเหวยและเสิ่นหนิง นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของหลัวเฉินเฟย และจ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง หลัวเฉินเฟยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนทั้งสองข้าง "อา
ราชสำนักเกิดความระส่ำระสายอย่างหนัก เมื่อไท่จื่อม่านฉียืนกรานที่จะไม่ยอมอภิเษกกับไป๋หลานฮวา ไป๋ไทเฮารู้สึกโกรธเคืองไม่น้อย แต่ก็ไม่อาจจะบังคับไท่จื่อม่านฉีได้ ยิ่งนางบีบบังคับเขา เขาก็ยิ่งเอ่ยวาจาชวนระคายเคืองหูให้นางฟังอย่างไม่ไว้หน้า"กระหม่อมไม่แต่ง สัญญาครั้งนี้กระหม่อมไม่รับรู้ด้วย หากจะให้นางแต่งเข้ามา ก็ให้นางไปเป็นสนมของเสด็จพ่อเถิด""ความกตัญญูที่พึงมีควรเป็นเสด็จพ่อที่ต้องตอบแทน มิใช่กระหม่อม"เจ้าเด็กเหลือขอ เห็นทีคงจะไม่สามารถบังคับสิ่งใดได้เสียแล้วหลี่ฮองเฮานั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์เมื่อได้ยินนางกำนัลคนสนิทเข้ามารายงาน ว่าจ้าวม่านฉีตอกหน้าไป๋ไทเฮาเช่นใดบ้าง นางรู้สึกขบขันไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรมาไป๋ไทเฮามักจะวางท่าทางใหญ่โต เพราะฝ่าบาททรงเกรงพระทัยนาง แต่ไม่ใช่กับจ้าวม่านฉี ต้องขอบใจคุณหนูตระกูลเสิ่นผู้นั้นจริงๆ ที่อบรมสั่งสอนม่านฉีให้เด็ดขาดเช่นนี้ต้องอย่างนี้สิถึงจะอภิเษกเข้ามาเป็นลูกสะใภ้ของนางได้ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังในตอนนี้เส้นเลือดในสมองใกล้จะแตกแล้ว ไท่จื่อม่านฉีปฏิเสธการแต่งงานกับไป๋หลานฮวาทุกวิถีทาง และยังขู่เขาอีกด้วยว่าถ้าหากคิดบีบบังคับอีก จะขอตัดขาดจากราชวงศ์ไปชั่
ไป๋หลานฮวากลับจวนตระกูลไป๋ด้วยท่าทีทุลักทุเล นางเอ่ยต่อท่านแม่ของนางว่าระหว่างทางถูกพวกขอทานรุมทำร้าย โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังไม่สามารถออกไปพบกับผู้ใดได้ในตอนนี้ จึงได้แจ้งให้ไทเฮาที่อยู่ในวังหลวงทราบเพียงว่านางล้มป่วยหนัก งานอภิเษกสมรสจึงได้เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดนางจะต้องหายดีในเร็ววัน ตำแหน่งไท่จื่อเฟยต้องตกเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเสิ่นเสวี่ยกำลังนั่งอ่านตำราต่างๆ ไปเรื่อยเปื่อย นางเอนตัวพิงหมอนใบใหญ่ที่หัวเตียง สายตามองไปยังข้างกายที่เคยมีสามีผู้เป็นที่รักนอนเคียงข้าง ก็รู้สึกเศร้าใจไม่น้อยเคยมีเขาอยู่ข้างกายทุกวัน บัดนี้สวนส้มก็เจริญเติบโตไปมากแล้ว ยิ่งนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่แสนสุข ใจของนางก็รู้สึกบีบรัดอย่างเจ็บปวด"คิดถึงข้าอยู่หรือ?"เสิ่นเสวี่ยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองที่หน้าต่าง แล้วจึงได้พบกับจ้าวม่านฉีที่สวมชุดสีฟ้าอ่อนดูสบายตา กำลังนั่งมองนางอยู่ที่ริมหน้าต่าง รอยยิ้มเจิดจ้าของเขายังคงทำให้จิตใจของนางสั่นไหวได้เสมอเสิ่นเสวี่ยรู้สึกดีใจไม่น้อย แต่อีกใจหนึ่งก็นึกโกรธเขาเช่นกัน"หึ เข้าวังหลวงได้ไม่นานก็เนื้อหอมไม่เบา สตรีเข้
พิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างประดับประดาด้วยสีสันตระการตา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่องค์รัชทายาทอาหลี่ในตอนนี้ ก็คือ ไท่จื่อม่านฉี องค์รัชทายาทผู้สง่างาม เขาสวมชุดสีทองอร่าม กำลังยืนทอดมองออกไปที่ด้านนอกพระตำหนัก ในมือถือหยกรูปจันทร์เสี้ยวเอาไว้แน่น ยามนี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็นมากแล้ว เขาคิดถึงเสิ่นเสวี่ยยิ่งนัก ตั้งแต่ที่เขาได้กลับเข้าวังหลวงในฐานะองค์รัชทายาท ก็ไม่มีโอกาสได้กลับไปหานางอีกเลย ทำได้เพียงฝากจดหมายให้องครักษ์คนสนิทนำไปมอบให้แก่นางเขาได้ยินมาจากเสด็จแม่ ว่าแท้จริงแล้วเขามีคู่หมั้นแล้ว นามว่าไป๋หลานฮวา เป็นบุตรสาวท่านเจ้ากรมพิธีการ แต่เสด็จแม่เองไม่ค่อยเห็นด้วยกับการคลุมถุงชนในครั้งนี้เท่าใดนัก แต่เพราะเป็นความประสงค์ของเสด็จพ่อ เสด็จแม่จึงมิอยากเอ่ยสิ่งใดให้มากความ เขาเองก็สามารถรื้อฟื้นความทรงจำแต่เก่าก่อนได้จนหมด เพียงแต่จำหน้าพวกชายชุดดำที่จับตัวเขาไปไม่ได้ มันรางเลือนเหลือเกินไท่จื่อม่านฉีเดินตรงไปที่ห้องทรงพระอักษรของพระบิดา ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังที่ได้เห็นพระโอรสก็ยิ้มด้วยความดีใจ"ม่านฉี มานี่เร็วเข้า พ่อ