ทะลุมิติไปเป็นนางร้าย พาลูกทำไร่สุดหรรษา의 모든 챕터: 챕터 21 - 챕터 30

40 챕터

บทที่ 21  

ฝูอวิ๋นพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพตรงหน้า ก็คือแผ่นกระเบื้องหลังคา รอบด้านทั้งสี่ทิศ คือกำแพงหิน หน้าต่างเป็นไม้เนื้อแข็งสลักลวดลาย ตะลึงงันอยู่ครู่ใหญ่นางค่อยตั้งสติกลับมาได้ เธอตายไปแล้วจริง ๆ เพียงแต่ดวงวิญญาณทะลุข้ามภพชาติมาอยู่ในร่างของหญิงชาวบ้านในยุคโบราณ และยังมีชีวิตอยู่ราวกับปาฏิหาริย์… นอนนิ่งอยู่นานแล้ว หัวใจยังคงเต้นตุบ ๆ เส้นโลหิตบนปรางแก้มขยายออก เต้นตามจังหวะหัวใจ ยามนี้ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ยังพอนอนต่อได้อีกสักหน่อย… …… บัดนี้ตะวันโด่งฟ้าแล้ว หลิงจิ่งยืนอยู่นอกประตูห้องของฝูอวิ๋น คอยอยู่นานพักใหญ่แล้ว ภายในห้องกลับไม่มีเสียงเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย “ท่านพี่ นางไม่ทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้พวกข้าแล้วหรือ?” หลิงเสวี่ยถามขึ้น เมื่อคืนก่อนเข้านอนนางพูดไว้ดิบดี “วาจาของนางเจ้าเชื่อด้วยหรือ?” หลิงจิ่งหมุนตัวก็เดินไปยังลานบ้าน หยิบตะกร้าเก็บผักขึ้นมา เขาไม่ทันตระหนักได้ว่าภายในใจของตนเองก็มีคงความผิดหวังที่ยากจะสังเกตอยู่เช่นกัน กลางเดือนสอง บนคันนาเริ่มมีผักป่าทั้งสดและนุ่มผุดขึ้นมากมาย หลิงจิ่งพาหลิงเสวี่ย มาถึงแปลงนาร้างผืนหนึ่งทางใต้ของหมู่บ้าน ที่นาผืนน
더 보기

บทที่ 22  

ฝูอวิ๋นยามนี้ศีรษะหนักอึ้งเท้าเบาหวิว แต่กระนั้นก็ยังต้องฝืนสังขารรวบรวมกำลังวังชาทั้งหมดไปทำอาหารให้เด็ก ๆ ซาบซึ้งเลยสิ เจ้าพวกเด็กตัวแสบ ข้าถึงขั้นยอมเสียสละตนเองเพื่อไถ่โทษแทนแม่บังเกิดเกล้าของพวกเจ้าเชียวนะ ภายในเรือนเหลือเพียงแป้งหมี่สองชั่ง ฝูอวิ๋นตักมาหนึ่งถ้วย จากนั้นก็เติมน้ำผสมให้เป็นแป้งเหลวเตรียมเอาไว้ ตั้งหม้อก่อไฟต้มน้ำ จากนั้นก็ใส่น้ำมันหมูลงไปเล็กน้อย พอน้ำเริ่มเดือดก็ตักแป้งเปียกใส่ลงไปในหม้อ ไม่นาน ก้อนแป้งก็ลอยขึ้นมาทีละชิ้น นางจัดการล้างผักชีล้อมที่พวกเด็ก ๆ เก็บมาจนสะอาดดีแล้ว ก็หั่นเป็นชิ้นและใส่ลงไปในหม้อ พอผักสุกแล้ว ก็เติมเกลือเล็กน้อย และตักขึ้นจากหม้อ “ไปเล่นที่ใดมา?” ฝูอวิ๋นยกน้ำแกงก้อนแป้งร้อน ๆ มาวางบนโต๊ะอาหารในห้องโถง เห็นหลิงจิ่งวิ่งกลับมาจากด้านนอก ก็เอ่ยถามขึ้นประโยคหนึ่ง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ “รีบมากินข้าวเถิด” ฝูอวิ๋นแบ่งตะเกียบให้เรียบร้อย ภายในชามของเด็กทั้งสองเต็มแน่น ทว่าของนางมีเพียงครึ่งชาม หลิงจิ่งมองชามตรงหน้านาง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถามขึ้นว่า “ยังมีหน่อหลิวอีกหรือไม่?” ฝูอวิ๋นผงะไป “ข้าไปหยิบมาให้” กระทั่งนางกลับมา ก็พบ
더 보기

บทที่ 23  

“อ้าว น้องหญิงหรูเยียนมาแล้ว เปลี่ยนชุดตัวใหม่มาด้วยหรือ?” ฝูอวิ๋นแสร้งทำเป็นเพิ่งเห็นหลี่หรูเยียน “ข้าเพิ่งตัดมาใหม่ เป็นอย่างไรบ้าง?” หลี่หรูเยียนหมุนตัวหนึ่งรอบ กระโปรงผ้าบางพลิ้วตามสายลม ดูงดงามทีเดียว แม้ปากจะถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทว่าดวงตาของนางกลับจ้องมองไปทางหลิงจิ่งพี่น้อง คล้ายกับกำลังถามพวกเขาว่าชอบหรือไม่ชอบ “พอใช้ได้ เพียงแต่สีเหลืองไปสักหน่อย ตอนนั่งยองเมื่อครู่ ข้าเผลอไม่ตั้งใจมอง คิดว่าเป็นสุนัขสีเหลืองตัวใหญ่ของหัวหน้าหมู่บ้านมาขออาหารกินเสียอีก” ฝูอวิ๋นพิงประตูเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ท่าน!” หลี่หรูเยียนหน้าเขียวคล้ำทันที “ขอโทษที ๆ ข้าสายตาไม่ดีเลยมองผิดไป” ฝูอวิ๋นยิ้มกลบเลื่อน ก่อนจะมองไปทางหลิงจิ่ง “อาจิ่ง น้าเล็กของเจ้ามาหาเหตุใดไม่เชิญเข้าไปในเรือน?” หลิงจิ่งเม้มปากมิได้เอ่ยวาจา ทว่านัยน์ตากลมโตคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง เขาจ้องมองฝูอวิ๋นนิ่ง ๆ ดูเหมือนว่านางจะดูสดชื่นขึ้นกว่าเมื่อตอนเที่ยงอยู่เล็กน้อย ฝูอวิ๋นก้าวเท้าข้ามธรณีประตูออกไป ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยน “รู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า ไม่อยากให้พวกวุ่นวายมารบกวนการพักผ่อนของข้า” “ข้า…ข้าเปล่าสักหน่อย!” หลิงจิ
더 보기

บทที่ 24  

“นึกออกแล้ว!” ฝูอวิ๋นกลอกตามองมา “หรูเยียน มิเช่นนั้นเจ้าก็ช่วยข้า?” “หา? ข้าจะช่วยท่านได้อย่างไร?” “รอให้หลิงหานโจวกลับมา เจ้าก็แสร้งทำทีหลับนอนกับเขา จากนั้นข้าก็เข้ามาจับชู้ได้ แบบนี้ ข้าก็จะได้หย่ากับเขาแล้วไปหาเซียวหราน” “จะทำแบบนั้นได้ที่ไหนกันเล่า?” หลี่หรูเยียนตกตะลึง เห็นนางท่าทางกระอึกกระอักขัดเขิน รอยยิ้มของฝูอวิ๋นยิ่งเจ้าเล่ห์มากขึ้นทุกที “น้องหญิงคนดี เจ้าบอกเองมิใช่หรือว่า เพื่อความสุขของข้า จะให้เจ้าทำอะไรล้วนได้เสมอ?” ในเมื่อเอาศีลธรรมมากดดันกันได้ใครเล่าจะไม่ทำ? ไว้นางปูเส้นทางอนาคตให้ตนเองเสร็จ ใช้หลี่หรูเยียนเป็นเครื่องมือเพื่อหย่าร้างกับสามีนายพรานคนนี้ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถออกไปใช้ชีวิตอิสระของตนเองได้แล้ว ครอบครัวเขาจะวุ่นวายเพียงใดก็เรื่องของพวกเขาแล้ว ลงทุนครั้งเดียวได้ผลลัพธ์มหาศาล หลี่หรูเยียนแสร้งทำทีกระอึกกระอักลังเลอยู่สองสามหน สุดท้ายก็ผงกศีรษะรับอย่างเหนียมอาย “เฮ้อ ใครให้ท่านเป็นพี่หญิงที่แสนดีที่สุดของข้ากัน ขอเพียงท่านมีชีวิตที่ดีขึ้น ให้ข้าเสียสละตนเองสักหน่อยก็ย่อมได้” “เยี่ยม เช่นนี้แล้วก็เอาตามนี้แล้วกัน” ฝูอวิ๋นเฝ้าฝันถึงวันที่ง
더 보기

บทที่ 25  

โพรงปากขมจนหน้าเริ่มกลายเป็นสีเขียวแล้ว ฝูอวิ๋นรีบตักน้ำเย็นมา หมายจะดื่ม ทว่าหลิงจิ่งกลับตะโกนเสียงดังขึ้นมา “ห้ามดื่ม!” “หืม?” ฝูอวิ๋นผินศีรษะมองไปทางเขา “คือว่า…หากดื่มน้ำเย็นฤทธิ์ของโอสถก็จะหมดไป…” เสียงของหลิงจิ่งเบาลงเรื่อย ๆ เพราะเมื่อครู่เขาเผลอตะคอกใส่นาง… เขาบิดนิ้วตนเอง ก่อนจะเหลือบสายตามองฝูอวิ๋นอย่างไม่วางใจ เท้าค่อย ๆ ถอยหลังไปทีละก้าว “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?” ฝูอวิ๋นขมวดคิ้วแล้วเทน้ำกลับลงไป “เช่นนั้นไม่ดื่มแล้วก็ได้ ข้ารู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว” “จะ…จะรวดเร็วเพียงนั้นได้อย่างไร” “เจ้ารู้จักสมุนไพรได้อย่างไร?” “ไม่ได้รู้จัก ก็แค่หยิบมาส่งเดช” หลิงจิ่งเบือนหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์ “หึหึ…เอาเถิด ขอบใจมาก อุตส่าห์ไปเก็บสมุนไพรมาให้ข้าแล้วยังต้มเป็นยาให้ข้าอีก ความรู้สึกที่มีคนเป็นห่วงมันช่างดีเหลือเกิน ข้าเกือบจะตกหลุมรักเจ้าตัวน้อยน่ารักอย่างเจ้าแล้วสิ” “ใครเป็นห่วงท่านกัน?” หลิงจิ่งพองแก้ม จ้องมองฝูอวิ๋น “ข้าแค่กลัวท่านตายในเรือน ข้าไม่มีปัญญาขุดหลุมฝังศพท่านหรอก” พูดจบ เขาหมุนตัวก็พร้อมจะวิ่งออกไปทันที ทว่าฝูอวิ๋นกลับพุ่งเข้าไป พร้อมกับคว้าไหล่ของเขาไว้ เข
더 보기

บทที่ 26 

มื้อเย็นวันนี้ อาหารที่ฝูอวิ๋นทำก็คือบะหมี่มีดเฉือน เส้นบะหมี่หนึบนุ่มเด้ง คลุกกับผักชีล้อมสีเขียวอ่อน ชวนให้อยากอาหาร หลังจากเปิดใจพูดกับพวกเด็ก ๆ ฝูอวิ๋นสังเกตเห็นว่า ท่าทีบนโต๊ะอาหารของหลิงจิ่ง ดูผ่อนคลายกว่าเมื่อตอนก่อนหน้านี้มากทีเดียว ส่วนหลิงเสวี่ย เคารพพี่ชายมาโดยตลอด พี่ชายว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น หลังจากซดน้ำแกงบะหมี่ร้อน ๆ ฝูอวิ๋นเหงื่อออกท่วมร่างกาย อาการวิงเวียนศีรษะก็ทุเลาลงไม่น้อยแล้ว หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อย หลิงจิ่งกำลังจะไปล้างถ้วยชาม ทว่าฝูอวิ๋นกลับกดเขาลง “ข้าล้างเอง มือเจ้ามีบาดแผล อย่าโดนน้ำดีที่สุด” แต่กระนั้นหลิงจิ่งก็แย่งชามกลับมา และวิ่งไปที่ห้องครัว ฝูอวิ๋นยิ้มอย่างชื่นใจ จากนั้นก็ไปตักน้ำให้หลิงเสวี่ยล้างหน้า ยามที่เด็กสาวตัวน้อยเผชิญหน้ากับนางยังคงสั่นสะท้านเหมือนเคย แต่ก็มิได้รุนแรงเท่ากับเมื่อวานแล้ว ภายในสองวันก็สามารถทำให้พวกเด็ก ๆ เริ่มเปิดใจยอมรับนางได้แล้ว นางปลื้มปริ่มพึงพอใจเป็นที่สุด จริงดังคาด นางเหมาะจะเป็นคนดีที่สุดแล้ว “ล้างหน้าเสร็จแล้ว ยื่นมือน้อย ๆ ของเจ้าออกมาสิ” ฝูอวิ๋นเอ่ยพลาง เอื้อมมือไปจับมือของแม่หนูน้อยเอาไว้ “น
더 보기

บทที่ 27  

หลังจากหลิงจิ่งตื่นนอน สิ่งแรกที่ทำก็คือคว้าเหรียญทองแดงเหล่านั้นมา และไปที่บ้านของหลี่ต้าหย่งเพื่อซื้อไข่ไก่ หลี่ต้าหย่งคนนี้ก็คือนายพรานในหมู่บ้าน มักจะขึ้นเขาเข้าป่าไปล่าสัตว์พร้อมกับหลิงหานโจวเสมอ ทำให้สองครอบครัวสนิทกันมากทีเดียว สวี่เถาเหนียงผู้เป็นภรรยาของหลี่ต้าหย่งเห็นว่าผู้เข้ามาคือหลิงจิ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงไม่พอใจทันที “อาจิ่ง นี่หญิงใจร้ายคนนั้นทุบตีพวกเจ้าอีกแล้วหรือ? ไป ป้าจะไปสั่งสอนนางให้เจ้าเอง!” สวี่เถาเหนียงเอ่ยพลางถลกแขนเสื้อขึ้น หลิงจิ่งรีบร้องเรียกนางไว้ “ท่านป้า ไม่ใช่ขอรับ ท่าน ท่าน…ท่านแม่ข้านางไม่ได้ตีพวกข้าขอรับ” “เจ้าเรียกนางว่าอะไรนะ?” สวี่เถาเหนียงทำหน้าราวกับได้ยินเรื่องเหลือเชื่อ แม้แต่เส้นผมบนศีรษะยังแสดงออกว่าตกใจ หลิงจิ่งยิ้มอย่างเก้อเขิน “ท่านแม่ข้านางเป็นคนดีแล้ว นางบอกว่าจะไม่ตีพวกข้าแล้ว” “เป็นคนดีแล้ว? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” สวี่เถาเหนียงอดไม่ได้นึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับหลี่ชุ่ยฮวาเมื่อสองวันก่อนขึ้นมา ทว่าสิ่งที่ทุกคนพูดมิใช่นางเป็นคนดีขึ้นแล้ว แต่บอกว่านางยิ่งบ้าหนักกว่าเดิม หากมิใช่ยิ่งบ้าหนักกว่าเดิม มีหรือจะกล้าลงมือ
더 보기

บทที่ 28  

ฝูอวิ๋นสำรวจเส้นผมของหลิงเสวี่ยอย่างละเอียด ไม่เห็นก็ไม่คิดอะไรแต่เมื่อเห็นแล้วก็ตกใจไม่น้อย เมื่อแหวกเส้นผมที่พันกันยุ่งเหยิงออก ก็เห็นเหาตัวใหญ่กำลังคลานไปคลานมาระหว่างเส้นผม ฝูอวิ๋นถึงกับสะดุ้งโหยง “เจ้าเด็กโกหก บนศีรษะของเจ้ามีเหาเยอะขนาดนี้เชียว ไยจึงกล้าโกหกข้าว่าไม่มีอีก?” ดวงหน้านุ่มนิ่มเล็กจ้อยของหลิงเสวี่ยแข็งค้างไปแล้ว เห็นนางไม่เชื่อ ฝูอวิ๋นก็จับเหาสองตัวมาวางไว้ตรงหน้านาง นางค่อย ๆ เบิกตากว้าง มองไปทางฝูอวิ๋นอย่างเขินอาย ก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา แล้วก็ทนไม่ไหวเผลอเกาศีรษะแกร่ก ๆ อีกครั้ง “เจ้าเด็กขี้โกหก แบบนี้เหาของเจ้าจะกระโดดขึ้นมาบนหัวข้าหรือเปล่าเนี่ย?” ฝูอวิ๋นนิ่วหน้า ก่อนจะสางผมให้หลิงเสวี่ย “ยืนนิ่งไว้อย่าขยับนะ ข้าจะไปหาหวีมาให้” นางบอกว่าห้ามขยับ หลิงเสวี่ยก็ไม่ขยับจริง ๆ ตอนที่ออกมาอีกครั้ง นอกจากหวี และหวีเสนียดแล้ว ฝูอวิ๋นยังนำม้านั่งตัวเล็กตัวหนึ่งออกมาด้วย นางนั่งลงใต้แสงอาทิตย์ พลางกวักมือเรียกหลิงเสวี่ยเข้ามา “เสี่ยวเสวี่ย เจ้ามานี่สิ” หลิงเสวี่ยยืนนิ่งเหมือนกับตอไม้ มีเพียงดวงตากลมโตที่กำลังจับจ้องไปที่นาง ฝูอวิ๋นถอนหายใจอีกครั้ง “ข้า
더 보기

บทที่ 29  

“เสี่ยวเสวี่ย นางตีเจ้าตรงไหน? บอกป้ามา” สวี่เถาเหนียงดึงตัวหลิงเสวี่ยขึ้นมา เช็ดน้ำตาให้นางด้วยความสงสาร ก่อนต้าหย่งชายของนางออกไปข้างนอก ยังกำชับนางหลายครั้งให้ช่วยดูแลลูกสองคนของหลิงหานโจวให้ดี เห็นเด็กน้อยร้องไห้หนักเพียงนี้ นางทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกทุกข์ใจ “ท่านป้า ข้า ข้าไม่เอาแม่ใจร้าย…” หลิงเสวี่ยร้องไห้จนไม่เป็นเสียง สวี่เถาเหนียงมือหนึ่งเท้าสะเอว มืออีกข้างชี้ฝูอวิ๋นพร้อมดุด่าอย่างโกรธเกรี้ยว “หลี่ชุ่ยฮวา เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่? เด็กตัวเล็กแค่นี้ เจ้ากล้าลงไม้ลงมือกับนางได้อย่างไร?” หลิงจิ่งจ้องฝูอวิ๋นตาเขม็ง ตอนที่เห็นเส้นผมในมือของนาง แววตาพลันมืดครึ้มลงทันที หมัดเล็ก ๆ ก็กำแน่นขึ้นเช่นกัน คนโกหก! ผู้หญิงคนนี้เป็นคนโกหก! ปากไม่เคยพูดความจริงแม้เพียงประโยคเดียว! หลอกให้เขาออกไปซื้อไข่ไก่ ตนเองกลับดึงทึ้งผมของเสี่ยวเสวี่ยอยู่ที่บ้าน! หลิงจิ่งกัดฟันแน่นจนได้ยินเสียง “กรอด ๆ” แววตาลุกวาวด้วยไฟโทสะ ฝูอวิ๋นมองเห็น ความผิดหวังที่ฉายวาบออกมาจากนัยน์ตาของเขา นางยิ้มเจื่อนทันที “พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าก็แค่หวีผมให้เสี่ยวเสวี่ย” หลิงจิ่งผงะไป ก่อนจะผินใบหน้า
더 보기

บทที่ 30  

“เจ้าตัวน้อย เจ้าเปลี่ยนสีหน้าเร็วเหลือเกินนะ” เมื่อสวี่เถาเหนียงกลับไปแล้ว ฝูอวิ๋นก็เอ่ยกับหลิงจิ่ง คนหลังแลบลิ้นออกมาเล็กน้อย ฝูอวิ๋นจัดการนำไข่ไก่เข้าไปในห้องครัว ก็พบว่ามีไข่ไก่เกินมาสองฟอง ไข่ไก่หนึ่งฟองราคาหนึ่งอีแปะ ทว่าในนี้กลับมีไข่ทั้งหมดยี่สิบสองฟอง นางรีบเรียกหลิงจิ่งมาทันที “อาจิ่ง ป้าเถาเหนียงของเจ้าหยิบไข่ไก่เกินมาสองฟอง เจ้านำกลับไปคืนให้นางเถิด พวกเราห้ามรับของคนอื่นมาเกินกว่าจำนวนที่ควรได้” “อืม!” หลิงจิ่งไม่คิดอะไรมาก หยิบไข่ไก่มาก็วิ่งตามสวี่เถาเหนียงไปทันที สวี่เถาเหนียงเห็นหลิงจิ่งวิ่งตามมาและนำไข่ไก่สองฟองที่เกินมาคืนให้นาง นางก็เอ่ยยิ้ม ๆ “ไม่เกินสักหน่อย ไม่เกิน ให้เจ้าแบ่งกินกับน้องหญิงพอดีเลย” “ท่านป้า แต่มันเกินมาสองฟองขอรับ ท่าน…ท่านแม่ข้าบอกว่าห้ามรับของคนอื่นมาเกินกว่าจำนวนที่ควรได้” หลิงจิ่งยืนกรานจะคืนไข่ไก่ให้นางให้ได้ สวี่เถาเหนียงอึ้งไปอีกครั้ง “เจ้าว่าอย่างไรนะ? หลี่ชุ่ยฮวาพูดกับเจ้าแบบนี้หรือ?” “อืม” “นางบอกเจ้าจริงหรือว่าห้ามเอาสิ่งของของคนอื่นไป?” แบบนี้ไม่คล้ายวิสัยของหลี่ชุ่ยฮวาเลยแม้แต่น้อย! ผู้หญิงคนนั้นโลภมากยิ่งกว่าอ
더 보기
이전
1234
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status