All Chapters of ทั่วทั้งใต้หล้า ข้ามองหาเพียงเจ้า: Chapter 21 - Chapter 30

89 Chapters

บทที่ 9 (1.2) ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก

วันนี้ว่านฟู่เฉิงออกมาจัดการงานที่ร้านว่านเวลาเดิม ที่ต่างไปจากเดิมคือจากเคยนั่งสงบสุขด้านในรถม้ามาตลอดบัดนี้ด้านข้างกลับมีคนผู้หนึ่งมาเคาะที่ผนังรถม้าของเขาอยู่สามครั้ง ว่านฟู่เฉิงไม่เปิดม่านดู คร้านจะใส่ใจ ยังคงนั่งนิ่งอยู่ด้านในเหมือนเดิม เป็นหลี่เซียวที่นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับหันหลังไปมองแทน ยามนั้นก็ได้เห็นบุรุษงดงามผู้หนึ่งเดินเอามือไพล่หลังตามอยู่ข้างรถม้าไม่ห่าง “ไม่ทราบว่าน้องชายท่านนี้มีเรื่องอะไรให้ข้ารับใช้หรือไม่” แม้อีกฝ่ายจะแต่งตัวดูคล้ายชาวบ้านธรรมดาแต่ใบหน้าที่โดดเด่นและท่าทางการเดินกลับดูต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง หลี่เซียวจึงไม่กล้าเสียมารยาทล้วนถามด้วยความนอบน้อม ในใจก็รู้สึกคุ้นเคยกับคนผู้นี้เแปลก ๆ แต่ก็นึกไม่ออกในทันทีว่าเคยเจอคนที่รูปหน้าหมดจดขนาดนี้มาก่อนหรือไม่ “ข้าแค่มาทักทายคุณชายว่านเท่านั้น” กู่ซิงอียกยิ้มตอบ พอหลี่เซียวเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายก็พลันนึกถึงคนเมื่อวานที่ยืนอยู่ข้างคุณชายก่อนจะปีนกำแพงออกไปได้ขึ้นมา ‘แค่คนผ่านทางมา’ คำคำนั้นของคุณชายเขายังจำได้ขึ้นใจ เป็นแค่คนผ่านทางมาที่ปีนกำแพงจวนของผู้อื่น แถมคุณชายก็มิไ
last updateLast Updated : 2025-02-27
Read more

บทที่ 9 (2.2) เป็นผู้ใดที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้กันเล่า/บุกห้องยามค่ำคืน

ว่านฟู่เฉิงขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยิน เขาขยับเก้าอี้รถเข็นกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง คนผู้นี้ทั้งที่เข้าใจสิ่งที่เขากล่าวกลับยังตีสองหน้า โบ้ยไปทางอื่น และก็ไม่ใช่ว่าเขาขยันจนดึกดื่นเสียหน่อย แต่เพราะวันนี้ทั้งวันไม่มีสมาธิทำงานเอาแต่นึกถึงผลซานจาสีแดงเคลือบน้ำตาลนั้นต่างหาก! ใช่...นึกถึงผลไม้สีแดง มิใช่ริมฝีปากของอีกคนในห้อง! ตอนนี้พอได้หวนนึกถึงผลไม้เคลือบน้ำตาลที่ส่งเสียงน่าหนวกหูก็เผลอจ้องมองไปที่ริมฝีปากสีชมพูจางของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ว่านฟู่เฉิงเหม่อลอยไปชั่วขณะก่อนจะรั้งสติกลับมาได้ทัน พอพินิจใบหน้าของกู่ซิงอีที่กำลังมองไปทางอื่นอยู่ก็ลอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพราะกลัวจะถูกจับได้ว่าตนจ้องมองเจ้าตัวมากเกินไป เกิดมายี่สิบสี่ปีเขาเพิ่งเคยนึกอิจฉาใบหน้าของผู้อื่นก็ตอนนี้เอง แสงเทียนวูบไหวในห้องสาดส่องใบหน้าเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่ายให้เด่นชัด หากกล่าวว่าคนในห้องของเขาผู้นี้คือสตรีก็ไม่มีใครกล้าเถียง แต่เพราะรูปร่างสูงใหญ่ก็ไม่มีใครมิรู้ว่าเป็นบุรุษ แถมคนผู้นี้เคยอุ้มเขาขึ้นมานั่งบนรถเข็นได้อย่างง่ายดายราวกับไม่เปลืองแรงเลยสักนิด เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นบุรุษเพียง
last updateLast Updated : 2025-02-27
Read more

บทที่ 10 (1.2) สองเคียงคู่ ผสานกลมกลืน

ว่านฟู่เฉิงเห็นกู่ซิงอีไม่กล่าวอะไรก็คิดว่าสมุดเล่มต่อไปไม่มีปัญหา แต่เมื่อเปิดดูกลับพบว่ามีหน้าหนึ่งถูกพับมุมไว้ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่ามันถูกพับไว้ด้วยความผิดพลาดจากคนของเขาหรือเพราะความตั้งใจของกู่ซิงอีกันแน่ หลังจากได้ตรวจดูแล้ว มุมปากที่มักจะกดลงเล็กน้อยก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ก็เป็นเพียงการกระทำเล็ก ๆ ที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วก็จางหายไป ไม่คิดว่าคนที่พูดมากผู้นี้จะรู้เวล่ำเวลา เห็นเขามีสมาธิจดจ่ออยู่ก็ไม่รบกวน และทั้งที่เจออะไรผิดแผกไปก็ไม่ทักท้วงเสียงดังให้วุ่นวายหรือรำคาญใจ ทำเพียงใช้การพับกระดาษเป็นสัญลักษณ์ไว้ให้เท่านั้น หวนนึกถึงหลายวันก่อนที่เขาอยากได้กู่ซิงอีมาทำงานให้ข้างกายเพราะพบว่าคนผู้นี้คล้ายไม่ได้มองว่าเขาแตกต่างจากคนอื่น แม้จะยื่นมือมาอุ้มเขาขึ้นจากพื้นแต่ก็แทบจะไม่มองมาที่เขาเลย ไม่มีความเวทนาหรือสงสารเจือปนอยู่ในความรู้สึก ครานั้นอาจเป็นครั้งแรกที่ว่านฟู่เฉิงเดาถูกว่ากู่ซิงอีสามารถทำงานข้างกายตนได้ และเมื่อรวมเข้ากับตอนนี้ก็ทำได้ดีเกินคาด สามารถทำงานเข้ากันโดยที่ไม่ต้องบอกหรือสอนสิ่งใด เพียงยืนอยู่ข้างกัน ทำส่วนที่ควรทำ เวลางานจากเดิ
last updateLast Updated : 2025-02-27
Read more

บทที่ 10 (2.2) ถึงทางตันแล้ว

“กลับได้แล้วข้าจะเข้านอน” ว่านฟู่เฉิงปรับน้ำเสียงให้เข้มขึ้น ใช้ปลายพู่กันจิ้มไปที่หน้าผากของคนที่เกือบจะเอาหน้าจุ่มแท่นฝนหมึกไปหนึ่งที “คุณชายว่าน...” กู่ซิงอีสะลึมสะลือเรียกเจ้าของห้องเสียงเบา ลุกขึ้นเดินไปทางหน้าต่างปีนออกไปทั้งที่ตายังลืมขึ้นมาแค่ส่วนเดียวดูเหมือนไม่ได้สติ ว่านฟู่เฉิงที่มองตามนึกกลัวว่าเขาจะสะดุดเข้าสักทีจนล้มเจ็บตัวไป ที่ไหนได้กลับพบว่ากู่ซิงอีที่กำลังจะจากไปได้กล่าวฝันดีเขาออกมาหนึ่งประโยคพร้อมยกยิ้มอ่อนโยนยิ่งกว่าแสงแดดมาให้ ในน้ำเสียงเนิบนาบแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังง่วงงุนอยู่จริง ๆ และอาจเพราะเสียงที่ค่อนข้างเบาราวกับลอยมาตามสายลมทำให้คนฟังรู้สึกคันยุบยิบที่ข้างหูลามเลียให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหนึ่งครั้ง การกระทำนั้นของกู่ซิงอีทำให้ว่านฟู่เฉิงนั่งเหม่อไปนาน จ้องมองบานหน้าต่างที่ไร้โจรถ่อยในชุดฟ้าไปนานแล้ว ที่ผ่านมาทุกครั้งก่อนจากไปกู่ซิงอีมักจะพูดฝันดีกับเขาเสมอ หึ ประโยคฝันดีนั้น เขาไม่ได้ยินมานานเท่าไรแล้วนะ... .......... รุ่งอรุณมาเยือน แสงสีทองสาดส่องประกายจนเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสามารถขับไล่น้ำค้างยา
last updateLast Updated : 2025-02-27
Read more

บทที่ 11 (1.2) ล่มงานหมั้น

เช้าตรู่วันงานหมั้นของสองตระกูลใหญ่ นอกจากทั้งสองจวนจะวุ่นวายกันตั้งแต่เช้า ชาวเมืองเองก็รีบตื่นมาดูขบวนของตระกูลว่านกันถ้วนหน้าเช่นกัน ดังนั้นรอบบริเวณที่ตั้งของจวนจึงมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะกว่าปกติ ว่านฟู่เฉิงเป็นคนที่ทำทุกอย่างตรงเวลาเสมอ แม้สภาพร่างกายจะแตกต่างจากคนทั่วไปแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการไปไหนมาไหนช้ากว่าเวลานัดหมาย เพราะเขาได้คิดคำนวณไว้อย่างดีแล้ว อีกทั้งวันนี้ก็เป็นวันสำคัญที่ต้องส่งของหมั้นและทำพิธี ดังนั้นจึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัว ไม่นานก็ได้เวลาไปขึ้นรถม้าที่จอดรอไว้อยู่แล้ว ด้านหลังรถม้าคือหีบใส่ของมากมายที่ยาวไปจนถึงด้านในเรือนหลังแรก หีบแต่ละใบก็จะมีคนคอยดูแลยกเดินตามไปตลอดทาง จวนตระกูลว่านยามนี้แทบจะนำบ่าวชายเดินขบวนไปด้วยกันทั้งหมดอยู่แล้ว ความจริงแล้วของเหล่านี้จำต้องส่งมอบก่อนถึงวันหมั้น เขายังคิดว่าจะส่งไปในอีกสองวันจากนี้แต่ตระกูลเซี่ยเร่งรัดงานหมั้นเข้ามาพอดีเลยนำไปพร้อมกันเสียเลย หลี่เซียวเมื่อพาเจ้านายของตนขึ้นไปบนรถม้าแล้วก็ปิดประตูลงให้และเตรียมจะเดินทางไปที่จวนตระกูลเซี่ยต่อ แต่เขากลับได้รับแจ้งข่าวว่าของหมั้นหายไ
last updateLast Updated : 2025-02-27
Read more

บทที่ 11 (2.2) “คุณชายว่าน...มิใช่ว่าท่านคงอยากอยู่กับข้าทั้งวันกระมัง”

...ทว่าการกระทำ คำพูด และรอยยิ้มที่ผ่านมาดูอย่างไรคนบ้าผู้นี้ก็ไม่ได้ใจคอโหดร้ายขนาดนั้น ว่านฟู่เฉิงสูดหายใจเข้าลึก ทำอารมณ์ให้มั่นคง อย่างมากก็แค่ลักพาตัวเขาไปหลายวันสักหน่อย คงไม่ถึงกับฆ่าแกงกัน “อีกไม่นานอาเซียวคงออกตามหาข้าพบ” เขากล่าวเสริม กู่ซิงอีโน้มตัวไปด้านหน้ากล่าวเสียงเบา “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ขอเพียงยืดเวลาออกไปอีกสักหน่อย”“ กู่ซิงอี หยุด! กู่ซิงอีเจ้าจะพาข้ามาปล่อยในป่ารึ!” ว่านฟู่เฉิงอยากเอามือหยุดล้อรอเข็นไว้นักแต่เพราะอีกฝ่ายกำลังเข็นรถเขาอยู่ หากเอามือไปกันไว้ก็เกรงว่ารังแต่จะได้รับบาดเจ็บมากกว่า จึงทำได้เพียงเอี้ยวตัวหันไปเอาสันของพัดฟาดไปที่อกของคนด้านหลังหลายที “เจ้าโจรถ่อย!” “ต่อให้ข้าทำไม่ถูกที่ขโมยตัวท่านมาแต่ไหนเลยจะชั่วช้าถึงเพียงนั้น” กู่ซิงอีเพิ่งจะเคยโดนว่านฟู่เฉิงด่าทอเป็นครั้งแรก ปกติคุณชายท่านนี้พูดน้อยยิ่งนัก และถึงจะชอบพูดไม่รักษาน้ำใจอยู่เป็นประจำแต่ก็ไม่เคยออกปากด่าทอกันเลยสักครั้ง แต่พอได้ยินคำด่าจากเขากู่ซิงอีก็หัวเราะชอบใจเสียอย่างนั้น มีแรงเข็นอีกฝ่ายมากกว่าเดิม ไม่สนว่าจะถูกพัดตีมากเท่าไร และถ้านึกให้ดีอีกรอบนี่เป็นครั้งแ
last updateLast Updated : 2025-02-27
Read more

บทที่ 12 (1.2) อย่าเพิ่งลุกเลย เจ็บหลังอยู่

“ไม่เป็นไร” ว่านฟู่เฉิงกัดฟันตอบ ก่อนจะกล่าวเสริมอีกว่า “เจ็บหลังนิดหน่อย เจ้าอย่าเพิ่งขยับ” มือที่กำไหล่ของกู่ซิงอีพลันบีบแน่นขึ้น แถมลมหายใจก็ร้อนขึ้นมากกว่าปกติ “...” กู่ซิงอีขมวดคิ้วมุ่น เจ็บหลังได้อย่างไร ตัวเขาเป็นคนที่หลังกระแทกไม่ใช่หรือ แต่ด้วยเพราะตนมีความผิดติดตัวจึงไม่อาจซักไซ้ให้มากความ เลยนอนนิ่งอยู่แบบนั้นพักใหญ่ ดวงตาทอดมองท้องฟ้าที่มีหมู่เมฆสีขาวล่องลอยผ่านไป ใจของเขาสงบขึ้นกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าคนบนตัวไม่ได้รับบาดเจ็บมากเท่าที่เดาไว้ในคราแรก มือขยับเปลี่ยนมาลูบหลังให้แผ่วเบาแทนโดยไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง ในตอนนั้นก็ได้ยินคนบนตัวกล่าวขึ้นมา และตอนที่คุณชายว่านพูด หน้าท้องของทั้งคู่ที่ชนกันอยู่ก็รู้สึกถึงความสั่นไหวเล็กน้อยด้วย แถมไอร้อนจากลมหายใจของคุณชายว่านที่พัดผ่านต้นคอของเขาก็พาให้จั๊กจี้ไม่ใช่น้อย “อย่าลูบหลังข้า!” ว่านฟู่เฉิงกัดฟันแน่นกล่าวออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ มือก็กำเสื้อของกู่ซิงอีแน่นกว่าเดิม พยายามหายใจเข้าออกช้า ๆ คิดว่าคงอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แน่ “เจ็บมากหรือ” กู่ซิงอีกลับถามด้วยความเป็นห่วง ไม่คาดว่าว่านฟู่เฉิงจะเจ็บหลังจริง ๆ เขาจึงค่
last updateLast Updated : 2025-02-27
Read more

บทที่ 12 (2.2) หวังเฉียว ? หวังเฉียวคือใครอีก

ต้องยอมรับว่าตอนนี้ตัวเขาเกิดความรู้สึกสับสน ทั้งอยากผลักกู่ซิงอีที่อุ้มตนอยู่ออกไป ทั้งอยากทุบตีกู่ซิงอีที่ปล้นชิงตัวเขามา แต่มือที่คล้องคออีกฝ่ายไว้กลับกำอาภรณ์ของคนตัวเล็กกว่าไว้แน่นมือ ทางเดินข้างหน้าไม่ไกล แต่คล้ายว่าคนเดินกลับเชื่องช้าลงมากนัก ว่านฟู่เฉิงจึงตกไปในห้วงความคิดของตนเองอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งสามารถตระหนักได้แล้วว่าตนแปลกไปเพราะเหตุใด ทว่าเขาก็พยายามฝังมันไว้ลึกในใจ ...ทั้งคู่เป็นบุรุษ เขาเองก็ไม่ได้ชอบบุรุษ เพียงแค่ไม่เคยมีใครมาทำดีด้วยแบบนี้ เอ่อ...หากนับรวมเรื่องอื่นที่เจ้าโจรถ่อยผู้นี้ลงมือกระทำไปแล้วก็เหมือนว่าไม่ดีเท่าไรนักก็ตาม แต่หากไตร่ตรองดูแล้วในความหงุดหงิดที่ก่อตัวมาตลอดจากการกระทำของกู่ซิงอีก็มีความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกผสมรวมอยู่ในนั้นด้วย พักหลังคนผู้นี้ก็ไม่ใช่จอมเสเพลในสายตาของเขาเฉกเช่นเดิมอีกแล้ว เป็นคนที่ใช้ได้อยู่บ้าง ดังนั้นว่านฟู่เฉิงจึงอยากลองพิสูจน์อะไรบางอย่างดู และอีกเหตุผลหนึ่งก็กำลังคิดว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นถูกต้องหรือไม่ กู่ซิงอีอาจจะเป็นคนที่สามารถช่วยงานเขาอยู่ข้างกายได้จริง ๆ “คุณชายว่าน มือได้รับบาดเจ็บหรือไม
last updateLast Updated : 2025-02-27
Read more

บทที่ 13 (1.2) มีเรื่องใดที่เจ้ายังมิกล้าทำบ้าง

ในระหว่างที่กู่ซิงอีล้างจานชามว่านฟู่เฉิงก็ถูกอีกฝ่ายพามานั่งอยู่ลานว่างด้านหน้า แถมไม่ลืมยกชากับขนมจำนวนหนึ่งมาวางไว้ให้เขาด้วย ว่านฟู่เฉิงสำรวจรอบกายอีกครั้ง สถานที่แห่งนี้ช่างว่างเปล่าเงียบเหงาเสียจริง ตั้งอยู่กลางผืนป่าที่ไร้ผู้คน มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ให้ร่วงหล่นเท่านั้นที่ดังอยู่สม่ำเสมอ แต่อาจเพราะมีเสียงจานชามกระทบกันแผ่วเบาดังมาประปรายจากภายในบ้านทำให้ความรู้สึกเงียบเหงากลับกลายเป็นอบอุ่นขึ้นมา ว่านฟู่เฉิงเป็นบุตรตระกูลพ่อค้าที่มีร้านค้าให้ดูแลมากมาย แต่เขาต้องจ้างคนอื่นดูแลแทนแถมยังไม่ค่อยได้ไปเยือนร้านค้าด้วยตนเองมากเท่าไรด้วยเพราะสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้นหน้าที่หลักของเขาจึงมีเพียงตรวจบัญชี ตรวจค่าแรง และดูผลกำไรอยู่เป็นระยะเท่านั้นที่เขาต้องจัดการด้วยตนเอง แม้จะเป็นแค่งานสองสามอย่างทว่างานเหล่านั้นก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย เวลาของเขาหมดไปกับการทำงานส่วนนั้นทั้งวันแล้ว มีเพียงช่วงค่ำเท่านั้นที่เขาจะว่างเว้น มานั่งรับลมเฝ้ามองท้องฟ้าเพื่อผ่อนคลายได้บ้าง หรือไม่ก็อ่านหนังสือได้สักหน้าสองหน้าเพราะเวลามีจำกัด ในความทรงจำหลายปีที่ผ่านมา เขาย่อ
last updateLast Updated : 2025-02-28
Read more

บทที่ 13 (2.2) + บท 14 (4 หน้า) เคียงข้างธารา ยลหมู่แมกไม้

“คุณชายว่านก็กล่าวเกินจริงไปหน่อย ข้าไหนเลยจะใจคอโหดร้ายเพียงนั้น” กู่ซิงอีกล่าวอย่างน้อยใจ ใบหน้าเหมือนเด็กที่โดนดุ หันมองไปทางอื่นเหมือนรอให้บิดามารดามาปลอบโยนก็มิปาน ว่านฟู่เฉิงเผลอกดมุมปากลึกลง เกือบหลุดขำออกมา บุรุษตัวโตมีท่าทีตั้งแง่ตั้งงอนได้เสียที่ไหน ทว่าพอกู่ซิงอีทำแล้วกลับให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูยิ่งนัก ถึงขั้นที่ว่าเขาเผลอปล่อยมือออกจากกระต่ายแล้วยกมือขึ้นไปลูบหัวของกู่ซิงอีโดยไม่รู้ตัวแทน อาจด้วยเพราะเจ้าตัวเอามือวางบนเข่าจนตัวขดเล็กลงเหมือนเด็กน้อยด้วยแหละ เขาจึงใจอ่อนขึ้นมา ว่านฟู่เฉิงหาข้ออ้างให้ตนเองเช่นนั้น แต่เพียงลูบไปได้สองครั้งเท่านั้นทุกอย่างพลันชะงัก ทั้งเขาและกู่ซิงอีที่เพิ่งหันกลับมาต่างมองหน้ากันนิ่งงัน ดวงตาของโจรถ่อยตัวน้อยก็ดูโตขึ้นเล็กน้อย ว่านฟู่เฉิงรีบดึงมือกลับก่อนจะรีบควานหาพัดแถวขาขึ้นมาสะบัดพรึ่บหนึ่งทีเพื่อกางออก แล้วพัดโบกไปมา ไม่รู้ตัวว่าเจ้ากระต่ายบนตักกระโดดหนีไปตั้งแต่ตอนไหน “ไม่ไปแล้วหรือน้ำตก หากมืดแล้วเดี๋ยวผีจะหลอกเอา” เขากล่าวเพื่อเบี่ยงเบนบรรยากาศอึดอัดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ให้จางหายไป แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือประโยคที่ฟังดูตลกนี้จะ
last updateLast Updated : 2025-02-28
Read more
PREV
123456
...
9
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status