All Chapters of ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ: Chapter 1 - Chapter 10

29 Chapters

บทที่ 1

ทันทีที่วางสาย เสียงดนตรีจากชั้นล่างก็ดังขึ้นมา เมื่อลองฟังดู ก็ยังได้ยินเสียงคนร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดด้วยนี่คืองานเลี้ยงวันเกิดที่ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อจัดเพื่อเซี่ยงหานทันใดนั้นข้างนอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเซี่ยงหานถือเค้กแบล็คฟอเรสต์ก้อนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มตั้งแต่เมื่อไรดวงตาคู่หนึ่งที่ราวกับลูกกวางกะพริบหลายครั้ง บนใบหน้าอันงดงามแต่งหน้าอย่างประณีต และมีรอยครีมสองสามรอยที่เด่นชัดอยู่ “พี่เวยเวย ลงไปเล่นด้วยกันกับฉันเถอะนะ?”ซ่งสือเวยมองความเสแสร้งภายใต้ใบหน้าของเธอออกอย่างชัดเจน น้ำเสียงเย็นชา “ฉันยังมีงานต้องทำ คงไม่ไปหรอก พวกเธอเล่นกันให้สนุกเถอะ”แทบจะในทันที ในเบ้าตาของเซี่ยงหานก็เต็มไปด้วยน้ำตา “พี่เวยเวย พี่ไม่ชอบฉันใช่ไหม ถึงได้บอกปัดแบบนี้?”ซ่งสือเวยขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ตนไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เธอกลับทำท่าทางราวกับตนไปรังแกเธอเพื่ออะไรกันเธอยิ้มเยาะในใจ ไม่คิดจะฟังคำพูดที่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสาของอีกฝ่ายต่อ “การแสดงพวกนี้เธอเก็บไว้ให้พวกลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อดูเถอะ มันไม่มีประโยชน์กับฉันหรอก”ทันทีที่พูดจบ เธอก็กำลังจะปิดประตู“พี่เวย
Read more

บทที่ 2

ซ่งสือเวยปิดประตู ใส่ที่อุดหู ไม่อยากฟังเสียงครึกครื้นด้านนอกอีกในเมื่อเธอตัดสินใจกลับไปแต่งงาน งานที่นี่ก็ต้องลาออก แต่เธอก็ยังอยากทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จ เพื่อพยายามไม่สร้างปัญหาให้คนอื่นเธอนั่งอยู่หน้าหน้าต่างที่สูงจากเพดานจรดพื้น จัดการงานที่เหลืออยู่เพียงลำพังดวงอาทิตย์นอกหน้าต่างลับขอบฟ้า ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลงซ่งสือเวยถอดที่อุดหูออก ยืนขึ้นขยับร่างกาย ทำงานอยู่นานขนาดนี้ ในที่สุดงานก็เสร็จแล้วที่ชั้นล่างเงียบสนิทแล้วเธอเปิดโทรศัพท์ตามความเคยชิน เพื่อผ่อนคลายทันใดนั้นเองก็มีข้อความจากเซี่ยงหานปรากฏขึ้น ซ่งสือเวยกดเข้าไปตามสัญชาตญาณ‘ทำไมนายไม่กดไลก์โพสต์ของฉัน?’ข้อความนี้เพิ่งส่งมาได้แค่หนึ่งนาที เธอก็ส่งมาอีกข้อความหนึ่ง‘ขอโทษ พี่เวยเวย ฉันส่งผิด พี่อย่าโกรธฉันเลยนะ?’ซ่งสือเวยเปิดไทม์ไลน์ของเธอ อยากเห็นว่าตกลงเธอโพสต์อะไรสิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือภาพตารางเก้าช่องในภาพล้วนเป็นของขวัญที่ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อมอบให้ชุดกระโปรงเจ้าหญิงสีชมพูฟูฟ่องแสนงดงามตัวหนึ่ง ราวกับก้อนเมฆสีชมพูก้อนหนึ่งเพื่อให้เข้ากับชุดกระโปรง ลู่อวิ๋นเซินยังมอบรองเท้าส้นสูงคริสตัล
Read more

บทที่ 3

มองผู้ชายสองคนตรงหน้าที่กำลังตึงเครียด เธอก็พูดอย่างสงบนิ่ง “ก็แค่รูปถ่าย เอาไว้ถ่ายใหม่ก็ได้”“เผาจนหมดเกลี้ยงขนาดนี้แล้ว ก็ทำได้แค่ถ่ายใหม่ทีหลังเท่านั้น พวกเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวกันนานมากแล้วด้วย”ลู่อวิ๋นเซินยอมถอยมาเสนอตัวเลือกที่ดีที่สุด ฉีซื่อรีบเสริมว่า “ตอนไปครั้งนี้ ก็พาเสี่ยวหานไปด้วย เธอบอกว่าที่ผ่านมาไม่เคยไปเที่ยวเลย”ได้ยินคำพูดนี้ของฉีซื่อ ซ่งสือเวยก็หัวเราะเยาะตัวเองขึ้นมาครั้งหนึ่งลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อคิดแค่ว่าเธอเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกพวกเขากำลังจะเดินไป ทว่ากลับเห็นกล่องหลายใบในห้องนั่งเล่น ซึ่งตอนเช้าตอนออกไปข้างนอกยังไม่มีเลย“นี่คืออะไร?” ทั้งสองคนถามขึ้นมาพร้อมกันซ่งสือเวยเหลือบมอง “อ๋อ ฉันลาออกแล้ว ก็เลยวางแผนจะเปลี่ยนงาน”ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเธอชอบงานนี้มากหรือ?ความสงสัยแบบเดียวกันปรากฏขึ้นในใจของทั้งสองคนวันนี้ซ่งสือเวยแปลกมาก แม้จะอธิบายไม่ถูก แต่ในใจของลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อก็รู้สึกสับสนขึ้นมาบ้างฉีซื่อขยับริมฝีปาก คิดจะถามมากขึ้น ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำลายความเงียบลู่อวิ๋นเซินรับโทรศัพท์ ปลายสายมีน้ำเสียงร
Read more

บทที่ 4

เธอถือถ้วยรางวัล บนใบหน้าไม่ได้มีความรู้สึกยินดีต่อซ่งสือเวย ทั้งยังไม่คิดจะส่งถ้วยรางวัลให้ซ่งสือเวย กลับกัดริมฝีปาก และพูดอย่างน่าสงสาร“พี่เวยเวย ผู้อำนวยการให้ฉันเอาถ้วยรางวัลมาให้พี่ รางวัลนี้ทรงเกียรติมาก พี่เก่งมากเลย”“ฉันอยากพูดเรื่องหน้าไม่อายกับพี่สักเรื่องหนึ่ง ฉันไม่เคยได้รับรางวัลนี้มาก่อน รางวัลนี้ให้ฉันยืมสักสองสามวันได้ไหม?”ให้เธอยืมสองสามวันหรือ?เป็นครั้งแรกที่ซ่งสือเวยได้ยินคำขอไร้สาระแบบนี้เธอขมวดคิ้ว พูดด้วยท่าทีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ในเมื่อรู้ว่าหน้าไม่อาย งั้นก็อย่าขอเรื่องแบบนี้ ถ้าเธอชอบจริง ๆ ก็ไปร่วมการแข่งขันด้วยตัวเองสิ”พูดจบ เธอก็ยื่นมือออกไปต้องการจะหยิบถ้วยรางวัลจากในอ้อมแขนของเซี่ยงหานคิดไม่ถึงว่าท่าทีของซ่งสือเวยจะแข็งกร้าวแบบนี้ บนใบหน้าของเซี่ยงหานซีดเซียว ท่าทางเหมือนถูกรังแก “พี่เวยเวย ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะ ฉันไม่ได้ต้องการของของพี่ ก็แค่อยากเอามาวางไว้เป็นแรงบันดาลใจที่บ้านไม่ได้เหรอ?”เมื่อเห็นซ่งสือเวยยื่นมือออกมาหยิบ เซี่ยงหานก็กอดถ้วยรางวัลในอ้อมแขนไว้แน่นขึ้น โดยไม่ยอมปล่อยมือเพราะการยื้อแย่งของทั้งสองคน ในที่สุดถ้วยรางวัลคริสตั
Read more

บทที่ 5

โทรศัพท์ในมือของซ่งสือเวยวางสายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบเธอสงบสติอารมณ์ครู่หนึ่ง จึงเพิ่งพูดว่า “เพื่อนสนิทของฉันกำลังจะแต่งงาน ทำไม พวกนายอยากไปร่วมงานด้วยเหรอ?”ตอนนี้ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อเย็นชากับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนี้รอจนเธอกลับเมืองหลวง พวกเขาก็จะไม่ได้เจอหน้ากันอีก และจะไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนกันด้วยซ้ำไม่จำเป็นต้องบอกความจริงกับพวกเขา เรื่องที่เธอต้องกลับไปแต่งงานที่เมืองหลวงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อก็สบตากันโดยไม่รู้ตัว และต่างรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยตามสัญชาตญาณทว่าทั้งสองคนก็ยังไม่ได้คิดมากนัก เพียงแค่พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่ เธอไปเองเถอะ ฉันมีงานที่บริษัท”พูดจบ ก็ราวกับยังโกรธที่วันนี้เธอทำให้เซี่ยงหานบาดเจ็บ ลู่อวิ๋นเซินหยิบเอกสารไปที่ห้องหนังสือด้วยท่าทีเย็นชาฉีซื่อก็พูดด้วยสีหน้ามืดครึ้มว่า “วันนี้ที่ผิวของเสี่ยวหานถูกบาดทั้งหมดเป็นเพราะเธอ ทางที่ดีเธอควรไปขอโทษอีกฝ่ายสักครั้ง ไม่อย่างนั้น ฉันก็ไม่สนใจจะไปงานแต่งอะไรกับเธอหรอก”พูดจบ เขาก็สาวเท้ายาวเดินไปที่ห้องทำงานของตัวเองเช่นกันซ่งสือเวยยิ้มเยาะตัวเองโดยที่ไม่ได้พูดอะไรวันร
Read more

บทที่ 6

ซ่งสือเวยฟื้นฟูสภาพร่างกายกลับมาอย่างยากลำบาก เธอพิงกำแพง ถือยาไว้ในมือแน่น ขณะที่ปิดหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้สูดเกสรดอกไม้เข้าไปอีกครั้งยังไม่ทันได้มีเวลาพักหายใจเพียงชั่วครู่ หูก็ได้ยืนเสียงซักไซ้ของลู่อวิ๋นเซิน“เธอเพ่งเล็งเซี่ยงหานขนาดนี้เลยเหรอ ดอกไม้พวกนี้ที่เซี่ยงหานเพิ่งให้พวกเรา เธอต้องทำลายมันด้วยเหรอ!”เสียงโกรธเกรี้ยวของฉีซื่อดังตามมา“ซ่งสือเวย ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้เธอไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ได้!”ได้ยินแบบนี้ ซ่งสือเวยก็สูดหายใจเข้าลึกเธอตัวสั่นไปทั้งร่าง ทั้งยังโกรธมาก มีความเดือดดาลมากมายที่อยากระบายออกมา แต่สุดท้าย กลับกลายเป็นเพียงสะอื้นประโยคหนึ่งขณะที่เบ้าตาแดงก่ำ“ฉันเปลี่ยนไปเหรอ? เป็นฉันที่เปลี่ยนไป หรือพวกนายที่เปลี่ยนไปกันแน่”“ฉันเป็นโรคหอบหืด ทั้งยังแพ้เกสรดอกไม้ด้วย พวกนายไม่รู้เหรอ?”น้ำเสียงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงทว่าแต่ละคำล้วนราวกับเสียงฟ้าผ่า ซึ่งระเบิดเข้าหูของลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อเมื่อก่อนพวกเขากังวลเรื่องซ่งสือเวยมากที่สุดทุกครั้งที่ซ่งสือเวยมีอาการหอบหืด ก็เป็นทั้งสองคนนี้ที่เป็นห่วงมากที่สุด ต่อให้ต้องปีนก
Read more

บทที่ 7

ในที่สุดก็จัดการเรื่องบ้านเรียบร้อย ซ่งสือเวยจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกความกดดันบนตัวหายไปมากในทันทีขณะที่เซ็นสัญญา ซ่งสือเวยก็สังเกตเห็นว่า วันนั้นที่จัดการขั้นตอนเรื่องอสังหาริมทรัพย์ เป็นวันที่เธอออกเดินทางพอดีเป็นแบบนี้ก็ดี เธอจะได้ไม่ต้องอธิบายกับลู่อวิ๋นเซินและฉีซื่อทันทีที่เซ็นชื่อของตัวเอง ทั้งร่างของเธอก็ผ่อนคลายอีกไม่นาน ทุกอย่างก็จะจบลงแล้วตอนนี้เหลือเพียงเรื่องสุดท้ายเท่านั้นเธอไปที่ห้องสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เลือกอย่างพิถีพิถัน ซื้อเครื่องนวดกับสร้อยข้อมือหยกคู่หนึ่ง และไปที่บ้านของคุณป้าทันทีที่เข้าไป ป้าซ่งก็รีบเข้ากอดซ่งสือเวยไว้ในอ้อมแขน“เวยเวย ป้าไม่อยากให้หนูไปเลยจริง ๆ หนูอยู่ที่ไห่เฉิงมาหลายปีขนาดนี้ ป้ามองหนูเหมือนเป็นลูกสาวของตัวเอง ถ้าหนูไปแบบนี้ ป้าคงไม่ชินจริงๆ”ป้าซ่งเช็ดน้ำตา จับมือซ่งสือเวยแน่นไม่ยอมปล่อยซ่งสือเวยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบจมูกขึ้นมาบ้าง ขณะที่ฝืนยิ้มและปลอบใจป้าซ่ง “ป้าคะ หนูก็ไม่อยากไปจากป้าเหมือนกัน แต่พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว เครื่องบินกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงก็สะดวกมาก วันตรุษจีนก็ยังมาเจอกันได้นะคะ”ป้า
Read more

บทที่ 8

ซ่งสือเวยหันกลับไป เมื่อทั้งสองคนยืนยันได้แล้วว่าเธอไม่ได้โกรธ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกลู่อวิ๋นเซินก้าวไปข้างหน้า คว้ามือเธอไว้ “เธอไม่ต้องเก็บกระเป๋าเดินทางหรอก มันทั้งเยอะและเหนื่อยเกินไป ถึงเวลาฉันจะเรียกคนขับรถที่บ้านฉันมา แล้วพวกเราค่อยบ้านไปอยู่บ้านใหม่ด้วยกัน”ฉีซื่อก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกันในตอนนี้ ซ่งสือเวยราวกับเห็นแววตาของพวกเขาที่เคยมีเพียงเธอเหมือนในอดีตจำได้ว่าตอนยังเด็ก ต่างฝ่ายต่างก็พูดคุยและหัวเราะกันทั้งวันแต่ตอนนี้ คำสัญญาในวัยเด็กสุดท้ายก็กลายเป็นคำโกหกซ่งสือเวยเหลือบมองเซี่ยงหาน พลางส่ายศีรษะ “ไม่ต้องหรอก มีของมากมายที่ฉันต้องไปจัดการ”พูดจบ ก็ไม่สนใจท่าทีของทั้งสองคน เธอหันหลังเดินจากไปหลังกลับมาที่บ้าน เธอก็เก็บกระเป๋าเดินทางครู่หนึ่ง ก่อนจะอาบน้ำ ขณะที่เพิ่งล้มตัวลงนอน จู่ ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากเซี่ยงหานเสียงนุ่มนวลของเธอส่งผ่านมาช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภูมิใจที่ปิดไม่มิด“พี่เวยเวย เย็นนี้ฉันไปที่ตระกูลลู่กับตระกูลฉีมา พ่อแม่ของอวิ๋นเซินกับอาซื่อดีต่อฉันมากเลย”“พ่อแม่ของพวกเขายังเอาสมบัติสืบทอดประจำตระกูลออกมา บอกว่าจะให้ฉันด้วย พี่ว่า
Read more

บทที่ 9

พูดจบ ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อก็พาเซี่ยงหานไปนั่งลงโต๊ะข้าง ๆ ซ่งสือเวยชายหนุ่มทั้งสองแย่งกันตักอาหารให้เซี่ยงหาน ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูเฉียวมู่เห็นฉากนี้ก็โกรธจนแทงสเต๊กเละ แต่ซ่งสือเวยยังคงมีท่าทีเฉยเมย เฉียวมู่จึงทำได้เพียงอดทนโดยไม่ได้พูดอะไรผ่านไปไม่นาน หลังจากทั้งสองคนกินเสร็จก็แยกย้ายกันจากนั้นซ่งสือเวยก็บอกลาเฉียวมู่อีกครั้งแล้วกลับบ้านคืนนี้ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อก็ยังไม่กลับบ้านซ่งสือเวยก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน เธอยุ่งอยู่กับการจัดสัมภาระส่วนสุดท้ายตอนเช้าเธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก ก็รู้ว่าลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อกลับบ้านแล้วพวกเขาก็ควรกลับมาได้แล้ว เพราะวันนี้เป็นวันที่ต้องย้ายไปบ้านใหม่เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่า บ้านใหม่ของพวกเขาและในอนาคตของพวกเขาจะไม่มีเธออีกแล้วเสียงรบกวนด้านนอกดังขึ้นเรื่อย ๆ คิดว่าคงกำลังย้ายสัมภาระ ซ่งสือเวยไม่สนใจจะฟัง หลังจากตรวจสอบสัมภาระทั้งหมดแล้ว แม่ซ่งก็โทรมาเมื่อรับสาย น้ำเสียงอ่อนโยนของแม่ซ่งก็ดังขึ้น“เวยเวย เที่ยวบินกี่โมง พวกแม่จะไปรับที่สนามบิน”ซ่งสือเวยเปิดแอปพลิเคชันดูตั๋วเครื่องบินครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเบา
Read more

บทที่ 10

ซ่งสือเวยขึ้นเครื่องบินโดยไม่หันกลับมา ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อจะเป็นอย่างไรขณะที่เครื่องบินขึ้น เธอก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทว่าในวิลล่าริมอ่าวทะเลสาบที่ไห่เฉิง กลับมีบรรยากาศกดดันจนน่ากลัวผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อพาเซี่ยงหานมาที่วิลล่าริมอ่าวทะเลสาบ แต่ผ่านไปนานก็ยังไม่เห็นเงาของซ่งสือเวยในวิลล่ามีเพียงสัมภาระของพวกเขาทั้งสามคน แต่กลับไม่เห็นร่องรอยสัมภาระของซ่งสือเวยเลยลู่อวิ๋นเซินตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ราวกับเรื่องที่ยากจะคาดเดาบางอย่างกำลังเกิดขึ้นฉีซื่อซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา มีสีหน้าไม่น่ามองอย่างน่าประหลาดเช่นกันเซี่ยงหานที่รู้เรื่องอยู่แก่ใจ กลับไม่คิดจะพูดอะไรเมื่อเห็นทั้งสองคนยังคงเงียบ เธอก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน“พี่เวยเวยอาจจะยังเก็บของไม่เสร็จ ทำไมพวกเราไม่ให้คนจัดของก่อนล่ะ ไม่ใช่บอกว่าเย็นนี้จะกินข้าวด้วยกันเหรอ พี่เวยเวยไม่มีทางลืมแน่นอน”แม้ลู่อวิ๋นเซินจะพยักหน้าเห็นด้วย แต่ในใจกลับไม่สบายใจเขาไม่ได้ขยับตัวอยู่นาน ทว่าในใจกลับเร่งเร้าให้เขาออกไปข้างนอกฉีซื่อมองบนโทรศัพท์ซึ่งเป็นสีแดงเหมือนกับลู่อ
Read more
PREV
123
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status