All Chapters of ไม่จำเป็นต้องเฝ้าคะนึงหาในช่วงชีวิตที่เหลือ: Chapter 11 - Chapter 20

29 Chapters

บทที่ 11

ฉีซื่อนึกย้อนทุกอย่างขึ้นมาได้ทุกความผิดปกติของซ่งสือเวยในช่วงนี้ ตอนนี้ได้ผุดขึ้นมาในใจในคราวเดียวลู่อวิ๋นเซินก็เงียบไปเช่นกันบางทีตั้งแต่หนึ่งเดือนกว่าก่อนหน้านี้ ซ่งสือเวยอาจจะวางแผนจากไปไว้แล้วหรือว่าเซี่ยงหานมีอิทธิพลต่อซ่งสือเวยมากขนาดนั้นเลย?เพิ่งนึกถึงเซี่ยงหาน ก็มีสายจากเซี่ยงหานโทรเข้ามา“อาซื่อ อวิ๋นเซิน ฉันรอพวกนายอยู่ที่ร้านอาหารแล้วนะ ตกลงกันว่าจะกินข้าวเลี้ยงฉลองกันนี่ พวกนายอยู่ไหนล่ะ?”ฉีซื่อถือโทรศัพท์ แต่ผ่านไปนานกลับไม่ได้ตอบกลับผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงเพิ่งพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “เซี่ยงหาน อย่าเพิ่งเลี้ยงฉลองกันเลย ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ”ซ่งสือเวยไม่อยู่ที่นี่แล้ว การรวมตัวกินข้าวด้วยกันจะไปมีความหมายอะไร?ลู่อวิ๋นเซินเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ เขามองไปทางโทรศัพท์ที่แตกเป็นชิ้น ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่ทันใดนั้นก็มีนายหน้าหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยเดินนำชายสวมเสื้อคลุมสีเทาคนหนึ่งมา“คุณผู้ชาย คุณดูบ้านหลังนี้สิครับ...”นายหน้าหนุ่มเค้นสมองแนะนำข้อดีของบ้านให้ชายสวมเสื้อคลุมสีเทาเมื่อเห็นลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อ นายหน้าหนุ่มก็ยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย“คุณลู่ คุณฉี ท
Read more

บทที่ 12

เซี่ยงหานโทรออกด้วยความกังวลไปไม่รู้กี่สาย แต่ฉีซื่อกลับไม่รับสายเลยวิลล่าริมอ่าวทะเลสาบก็เย็นสบายเหมือนกันอยู่ที่ไหนก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีความแตกต่างจนกระทั่งตกดึก อุณหภูมิลดลงเรื่อย ๆ และในที่สุดทั้งสองคนก็นั่งต่อไม่ไหว จึงทำได้เพียงกลับไปที่วิลล่าริมอ่าวทะเลสาบทันทีที่ประตูเปิดออก สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาก็คือเซี่ยงหานซึ่งนั่งงีบอยู่บนโซฟาวิลล่าริมอ่าวทะเลสาบมีแสงสีเหลืองนวล มองดูสลัวแต่ก็อบอุ่นทว่าลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อกลับไม่มีอารมณ์สนใจเรื่องพวกนี้“ทำไมเธอยังไม่นอนอีก?”ในน้ำเสียงของฉีซื่อมีความงัวเงีย ทั้งยังมีความหงุดหงิดอยู่เล็กน้อยเขาไม่มีอารมณ์จะมาดูแลคนป่วยสักคนอีกแล้วจริง ๆลู่อวิ๋นเซินเดินตรงไปที่ห้องของตัวเอง ทั้งยังทิ้งคำพูดเย็นชาไว้หนึ่งประโยค“ถึงเวลาก็ควรไปนอน หลังจากนี้ไม่ต้องรอพวกเราอีก”เซี่ยงหานขดตัวอยู่ในโซฟานุ่ม บนใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงงเขียนอยู่เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่ออ่อนโยนต่อเธอมากขนาดนั้น หรือเป็นเพราะซ่งสือเวยจากไป พวกเขาก็เลยเย็นชาแบบนี้?เซี่ยงหานก้าวเดินไปมาที่ห้องของลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อ
Read more

บทที่ 13

เห็นฉีซื่อเดินมา ลู่อวิ๋นเซินก็รีบดับบุหรี่“มาแล้วเหรอ? ฉันช่วยนายซื้อตั๋วเครื่องบินไปเมืองหลวงที่เร็วที่สุดแล้ว พวกเราไปหาเธอกันเถอะ คนยิ่งเยอะก็ยิ่งมีหวัง”ฉีซื่อไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้มากนัก จึงรีบพยักหน้าตกลงทั้งสองคนขึ้นรถ ฉีซื่อไม่สนใจว่าความเร็วจะเกินกำหนด และขับรถสปอร์ตคันหนึ่งราวกับกำลังแข่งรถหลังจากความเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อก็มาถึงสนามบิน พวกเขาไม่ได้นำข้าวของติดตัวมาด้วยเลย ในใจเหลือเพียงความคิดเดียว นั่นคือรีบไปหาซ่งสือเวยที่เมืองหลวง!พวกเขาเกรงว่าหากช้าลงอีกนิดเดียว อาจเกิดเรื่องที่ทำให้พวกเขารับไม่ได้ขึ้นมาขณะที่เครื่องบินขึ้น ท้องฟ้าก็เพิ่งสว่างในใจลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อวิตกกังวลจนไม่อาจสงบได้ขณะเดียวกัน ซ่งสือเวยซึ่งอยู่เมืองหลวงก็นอนไม่หลับทั้งคืนเธอตื่นขึ้นมาแต่งหน้าเปลี่ยนชุดตั้งแต่เช้าวันนี้เป็นวันที่เธอกับกู้ฉือหลานจะไปจดทะเบียนสมรสทว่าจนถึงตอนนี้ จำนวนครั้งที่เธอกับกู้ฉือหลานได้พบกัน ก็สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียวแม้แต่ซ่งสือเวยก็คิดไม่ถึงว่าคู่หมั้นของเธอจะเป็นกู้ฉือหลาน!ชื่อนี้มักจะปรากฏขึ้นจากปากของเหล่าผู้อาวุโสตระกูลซ่
Read more

บทที่ 14

ฉีซื่อยืนสับสนอยู่ที่เดิม การแสดงออกบนใบหน้าเปลี่ยนไปหลายครั้งสุดท้ายบนใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มฝืนที่ดูไม่น่ามองยิ่งกว่าร้องไห้ออกมาเขาขยับริมฝีปากหลายครั้ง จึงเพิ่งเปล่งเสียงพูดออกมาได้“เวยเวย เธอไปหานักแสดงมาจากที่ไหน? แสดงไม่ได้เรื่องเลยสักนิด อย่าหลอกพวกเราเลย”แม้จะมีแหวนกับทะเบียนสมรสชัดเจนอยู่ตรงหน้า เขาก็ยังไม่เชื่อซ่งสือเวยไม่คิดว่าจะได้เจอพวกเขาเร็วขนาดนี้เพียงแต่เธอไม่คิดจะมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาต่อตั้งนานแล้ว“เขาไม่ใช่นักแสดงที่ฉันหามาหรอก ทำให้พวกนายต้องผิดหวังแล้ว อย่างที่พวกนายเห็น ฉันแต่งงานแล้ว”เธอพูดอย่างไม่ยี่หระ ทั้งยังเปิดทะเบียนสมรสในมือ สะบัดไปมาตรงหน้าลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อกู้ฉือหลานก็โอบเอวของซ่งสือเวยอย่างใจเย็น และพยักหน้าให้พวกเขาอย่างสุภาพ“สวัสดีครับ ผมขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ผมเป็นสามีของเวยเวย ชื่อว่ากู้ฉือหลาน”ดวงตาของเขาเป็นสีอ่อน ซึ่งเป็นสีอำพันอันงดงามแววตาที่มองลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่ออย่างสบาย ๆ แบบนี้ เหมือนเป็นการมองจากมุมที่สูงกว่าชนิดที่ไม่เห็นอยู่ในสายตารูม่านตาของลู่อวิ๋นเซินหดแคบลง ขณะที่โทสะไม่ทราบที่มาสายหนึ่งปะทุขึ้นในใจ
Read more

บทที่ 15

ซ่งสือเวยปฏิเสธอย่างไม่ลังเล “ไม่ดี เมืองหลวงมีคุณพ่อคุณแม่และครอบครัวของฉันอยู่ ที่ไห่เฉิง...ฉันเบื่อแล้ว”ลู่อวิ๋นเซินยิ้มอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นใบหน้าก็เย็นชาลงอย่างรวดเร็ว“เวยเวย ฉันจะทำให้เธอเสียใจทีหลัง แล้วกลับมาหาพวกเรา!”“ไม่ต้องหรอก ฉันจะไม่ให้โอกาสนี้กับพวกนาย”กู้ฉือหลานขยับนิ้วมือ บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นก็ปิดปากลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อ แถมยังมัดมือมัดเท้าของพวกเขา และโยนเข้าไปในเฮลิคอปเตอร์จู่ ๆ ก็ถูกภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ เห็นฉากที่ตนเองโหดเหี้ยมแบบนี้ กู้ฉือหลานยังมีความรู้สึกประหม่าอยู่ในใจเล็กน้อย“เวยเวย เธอจะกลัวที่ฉันเป็นแบบนี้หรือเปล่า?”เขาสามารถยืนหยัดอยู่ในตระกูลกู้ได้ สิ่งที่อาศัยย่อมไม่ใช่วิธีที่นุ่มนวลเพียงแต่เขาไม่อยากแสดงด้านนี้ของตัวเองต่อหน้าซ่งสือเวยซ่งสือเวยมองใบหน้าของกู้ฉือหลาน ในขณะนั้น จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่า ระยะห่างระหว่างพวกเขาแคบลงมาเยอะมากในชั่วพริบตาเธอยิ้มพลางส่ายหน้า“จะเป็นไปได้ยังไง? จัดการแบบนี้ก็ดีแล้ว”ลดเรื่องกลุ่มใจไปสองเรื่อง แน่นอนว่าไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว ซ่งสือเวยคิดไม่ถึงว่าลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อจะตามมาในกา
Read more

บทที่ 16

ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อเคยตกลงกัน ไม่ว่าตอนนั้นซ่งสือเวยจะเลือกใคร อีกคนหนึ่งจะต้องระงับความคิดที่ไม่ควรมีทั้งหมดไว้ในใจ และนับแต่นี้จะเป็นแค่เพื่อนธรรมดาเท่านั้นแต่พวกเขาทั้งสองคิดไม่ถึงว่าซ่งสือเวยจะไม่เลือกใครเลยเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ?ทำไมบีบบังคับแค่ครั้งเดียวจุดจบถึงเป็นแบบนี้?ลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อมองอีกฝ่าย ในใจก็เกิดความขุ่นเคืองขึ้นเล็กน้อยทำไมตอนนั้นถึงคิดไอเดียแย่ ๆ แบบนี้ออกมา?แม้ว่าตอนนั้นจะเร็วขึ้นอีกนิด หรือว่าช้าลงอีกหน่อย บางทีการที่พวกเขาทั้งสามรักษามิตรภาพก่อนหน้านี้ไว้ ก็อาจจะดีกว่าตอนนี้ซึ่งพบหน้ากันได้ยากมากเป็นพิเศษเฮลิคอปเตอร์ลงจอดบนดาดฟ้าของวิลล่าริมอ่าวทะเลสาบทั้งสองถูกบอดี้การ์ดจับโยนลงมาอย่างหมดสภาพ ผ่านไปไม่นาน เฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้นไปอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงดังก้องจากบนดาดฟ้า เซี่ยงหานก็รีบขึ้นมาตรวจสอบดูเห็นลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อถูกมัดมือมัดเท้า ดวงตาของเซี่ยงหานก็แดงก่ำ“พวกนายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”เธอถามอย่างเป็นห่วง แถมยังช่วยแก้มัดให้ทั้งสองอย่างร้อนรนอีกลู่อวิ๋นเซินนวดข้อมือที่เขียวช้ำของตัวเองเบา ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่ได้มองเซี่ย
Read more

บทที่ 17

น้ำตาของเซี่ยงหานไหลไม่หยุด มือทั้งสองก็ตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง มองลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่ออย่างไม่เข้าใจเธอไม่เข้าใจว่าทำไมทัศนคติของพวกเขาทั้งสองที่มีต่อเธอถึงเปลี่ยนได้รวดเร็วแบบนี้?แต่ก่อน ขอแค่เธอร้องไห้ พวกเขาก็มักจะกังวลมากกว่าใครอยู่เสมอแต่ตอนนี้ พวกเขาเหลือไว้เพียงความเพิกเฉยราวกับว่าต่อให้เธอร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งแล้ว พวกเขาต่างก็ไม่มีความสะเทือนใจเลยแม้แต่น้อยเซี่ยงหานไม่กล้าบอกการที่ยั่วยุและจงใจใส่ร้ายซ่งสือเวยที่ตัวเองทำลงไปเหล่านั้นออกมาเธอปิดปากแน่น พยายามขอร้องฉีซื่อด้วยความสิ้นหวัง“อาซื่อ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย นายเชื่อฉันได้ไหม? พี่เวยเวยช่วยเหลือฉันตั้งมากมาย ฉันยังไม่ทันได้ขอบคุณเธอเลย แล้วจะทำไม่ดีต่อเธอได้ยังไง?”“หากคนที่อยู่ในใจของพวกนายคือเธอ งั้น…งั้นฉันย้ายออกไปก็ได้…”ขณะที่พูด เซี่ยงหานก็ยังพยายามบีบน้ำตาอย่างสุดชีวิต“พี่เวยเวยไม่มีความสุขเป็นเพราะฉันเข้ามาอยู่ใช่ไหม? ก่อนหน้านี้จู่ ๆ เธอก็ไม่ชอบฉันแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นแบบนี้ด้วยหรือเปล่า...”เซี่ยงหานยังยุยงพวกเขาไม่หยุดฉีซื่อเป็นคนคุยง่ายมาโดยตลอด เธอทำได้เพียงหวังว่าเขาจะใจอ่อนต่อเธอเห
Read more

บทที่ 18

วันรุ่งขึ้น ผลการตรวจสอบออกมาแล้วหลังจากเซี่ยงหานเข้าบริษัทที่ซ่งสือเวยอยู่ ก็จับตามองซ่งสือเวยทันทีซ่งสือเวยแต่งกายดูมีสง่าราศี การพูดจาก็สุภาพอย่างมาก แค่แวบเดียวเซี่ยงหานก็มองออกแล้วว่าเธอเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวยเซี่ยงหานแค่แสร้งทำตัวน่าสงสารอยู่ต่อหน้าซ่งสือเวย และร้องไห้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเสียหน่อย แถมยังจ้างคนปลอมเป็นพ่อแม่โทรศัพท์มาหาหลายครั้ง ซ่งสือเวยก็ดูแลเธออย่างใจดีแล้วจนกระทั่งเซี่ยงหานติดตามซ่งสือเวย และตอนที่เห็นลู่อวิ๋นเซินกับฉีซื่อ จึงรู้ว่าภูมิหลังครอบครัวของซ่งสือเวยดีแค่ไหนคนอย่างลู่อวิ๋นเซิน เซี่ยงหานเคยเจอแต่ในนิตยสารการเงินเท่านั้นส่วนฉีซื่อ ยิ่งเป็นนักแข่งรถที่มีชื่อเสียงของไห่เฉิง โปสเตอร์ของเขาก็ได้รับความนิยมไปทั่วไห่เฉิงอยู่ช่วงหนึ่งเซี่ยงหานอิจฉาจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว คนที่เธอทุ่มเททั้งชีวิตก็ยังเอื้อมไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าจะอยู่รอบตัวซ่งสือเวยกันหมดความรู้สึกไม่ยุติธรรมในใจอย่างรุนแรงเข้าครอบงำเธอในทันทีเซี่ยงหานพยายามทุกวิถีทางเพื่อระบายกับซ่งสือเวย เกาะติดเธอ หยิบยืมความสัมพันธ์อันดีของเธอกับลู่อวิ๋นเซินและฉีซื่อเพียงแต่เซี่ย
Read more

บทที่ 19

แต่แม้จะเป็นแบบนี้ เซี่ยงหานก็ยังคงอยากจะลองอีกเป็นครั้งสุดท้ายเธอยกโทรศัพท์ขึ้น โทรศัพท์ไปหาแม่ลู่ และร้องไห้ขอความช่วยเหลือ“คุณป้าลู่ อวิ๋นเซิน... อวิ๋นเซินเขารังแกฉันค่ะ...”เธอพูดเหมือนอยากจะพูดและก็หยุด แต่กลับเหลือที่ว่างให้คิดลึกเมื่อได้ยินเสียงน้อยใจที่แฝงไปด้วยความแหบแห้งเล็กน้อยของเซี่ยงหาน แม่ลู่ก็โกรธขึ้นมาทันที“เสี่ยวหาน เธอรอก่อน ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ เจ้าลูกคนนี้ รังแกเธอแล้วยังไม่คิดจะให้สถานะอีก ฉันไม่มีลูกชายที่ไม่รู้ความแบบนี้!”แม่ลู่รีบวางสาย และรีบเข้ามาด้วยความเร็วที่สุดลู่อวิ๋นเซินจ้องเซี่ยงหานไม่ละสายตา สีหน้าก็ดูแย่จนน่าประหลาดใจ“เธอนับเป็นตัวอะไร? ยังกล้าใส่ร้ายฉันอีก!”เขาไม่สามารถรักษาท่าทีไว้ได้อีกต่อไป จึงใช้มือบีบกรามของเซี่ยงหาน และออกแรงจนผิวหนังของเธอเขียวช้ำเป็นวงกว้างแต่เซี่ยงหานยังคงกอดโทรศัพท์ไว้ ราวกับกอดพระราชโองการ ไม่ยอมปล่อยมือฉีซื่อตบบ่าของลู่อวิ๋นเซินอย่างปลอบใจ และเปิดปาก “ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจเธอ ก็แค่ตัวตลกที่น่าเกลียดเท่านั้น คุณป้าคงไม่ถึงขนาดแยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ และไม่เชื่อใจลูกชายของตัวเองหรอก”เมื่อได้ยินคำพูดน
Read more

บทที่ 20

แม่ฉีดึงเสื้อของเซี่ยงหาน และกดศีรษะของเธอลงในน้ำพุน้ำที่ไหลไม่เร็วมากพุ่งเข้าสู่ทางเดินหายใจ แต่กลับทำให้คนรู้สึกทรมานอย่างมากเซี่ยงหานสำลักน้ำหลายครั้งติดต่อกัน ตอนที่กำลังไอ กลับมีน้ำพุ่งเข้ามาในหลอดลมมากกว่าเดิมผ่านไปครู่หนึ่ง แม่ฉีถึงจะดึงคอเสื้อของเธอ จับเธอเงยหน้าขึ้นมา“เป็นยังไงบ้าง? รู้สึกถึงความสิ้นหวังที่เหมือนกำลังจะขาดใจตายของเวยเวยแล้วหรือยัง? แค่พยายามอีกนิดก็จะรอดได้แล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย!”แม่ฉีโยนเธอลงกับพื้นอย่างรังเกียจ แถมยังปัดมือที่ไม่ได้สกปรกอีก“อาซื่อ อวิ๋นเซิน ใครเขาตามจีบผู้หญิงด้วยการทำดีกับผู้หญิงอีกคนเพื่อให้เธอหึงแล้วรู้ใจของตัวเองบ้าง? โง่จริงๆ! มิน่าเวยเวยถึงได้เลือกกู้ฉือหลานที่มาจากเมืองหลวงคนนั้นแล้วไม่เลือกพวกแก”ครั้งนี้แม่ฉีไม่ตั้งใจจะช่วยพูดแทนลูกชายของตัวเองแล้วจริง ๆ แม่ลู่เห็นด้วยกับความคิดของแม่ฉี ก็พยักหน้าอย่างสง่างาม“เรื่องนี้พวกแกทำไม่ถูกจริง ๆ ทางด้านซ่งสือเวยจบไปแล้ว แถมเธอยังแต่งงานแล้วด้วย พวกแกสองคนก็อย่าไปยุ่งกับเธออีกเลย”ลู่อวิ๋นเซินหลุบตาลงต่ำ อารมณ์ในดวงตาแปรเปลี่ยน แต่กลับยังไม่ให้คำตอบอะไรออกมาฉีซื
Read more
PREV
123
Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status